Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

แม่สายยังไม่พ้นวิกฤต ผู้ว่าฯ เร่งซ่อมพนัง มทบ.37 ช่วยปชช. เตือนพายุ 4-6 ส.ค.

แม่สายเริ่มคลี่คลาย ผู้ว่าฯ-ทัพภาค 3 เร่งซ่อมพนัง มทบ.37 ตั้งโรงครัวพระราชทาน! เตือนพายุลูกใหม่จ่อถล่ม 4-6 ส.ค.นี้

เชียงราย, 30 กรกฎาคม 2568 – แม่สายคลี่คลาย แต่ “อย่าประมาท” พายุรอถล่มซ้ำ สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เริ่มคลี่คลายหลังฝนที่ตกต่อเนื่องหลายวันหยุดลง ระดับน้ำในแม่น้ำสายลดต่ำกว่าตลิ่ง ขณะที่ในบางจุดยังมีน้ำท่วมขัง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งระบาย ล่าสุดนายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย เปิดเผยว่า จุดเสี่ยง เช่น โต๊ะสนุ๊ก บ้านเช่าริมแม่น้ำ ยังพบรูรั่ว-น้ำซึมเข้าชุมชน แต่ได้บูรณาการกับกรมการทหารช่าง เทศบาล และอำเภอเร่งอุดรอยรั่วและเสริมพนังชั่วคราวเต็มกำลัง

แม้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้น แต่เสียงเตือนภัยยังคงดังก้อง นายอำเภอแม่สายขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารราชการใกล้ชิด เพราะช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคมนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์จะมีฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุลูกใหม่ อาจเกิดน้ำหลากซ้ำ หากปริมาณน้ำมากเกินแนวป้องกันจุดเดิม จึงขอความร่วมมือชาวบ้านเร่งขนของขึ้นที่สูงและเตรียมพร้อมอพยพกลุ่มเปราะบางไปยังศูนย์พักพิงทันทีที่มีประกาศ

ทัพภาค 3–มทบ.37 ลงพื้นที่ “ปิดรอยรั่ว–สร้างขวัญ”

เมื่อ 29 กรกฎาคม พล.ท.กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน กองทัพภาคที่ 3 พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่แม่สายโดยมีนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ พล.ต.จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ (มทบ.37) ให้การต้อนรับ คณะฯ ได้รับฟังรายงานปัญหาจากนายอำเภอแม่สาย และพล.ท.สิรภพ ศุภวานิช (เจ้ากรมการทหารช่าง) ถึงปัจจัยหลักน้ำท่วมรอบล่าสุด เช่น การที่พนังบิ๊กแบ็กและผนังอาคารชั่วคราวโดนกระแสน้ำ-ท่อนซุงขนาดใหญ่ซัดจนเกิดโพรง รอยรั่วตามแนวคัน ส่งผลให้มวลน้ำทะลักเข้าท่วมชุมชนหลายจุด

แม่ทัพภาคที่ 3 สั่งการให้มทบ.37, กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 17 ในพระองค์ฯ และหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก เสริมกำลังเข้าซ่อมแนวพนังเร่งด่วน ขณะเดียวกัน กรมการทหารช่างก็ระดมกำลังคน-เครื่องมือซ่อมแซมตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนเกาะทราย จุดที่ได้รับผลกระทบหนักมาก

โรงครัวพระราชทาน พลังใจยามวิกฤต

นอกจากภารกิจด้านวิศวกรรม-ซ่อมแซม มทบ.37 ได้จัดตั้งโรงครัวพระราชทานเคลื่อนที่ ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สาย เพื่อประกอบอาหารสดแจกประชาชนที่เดือดร้อนและเจ้าหน้าที่ภาคสนาม โดยกลุ่มแม่บ้านกิ่งกาชาดอำเภอแม่สายร่วมช่วยเหลือ เมนูยอดนิยมคือข้าวกะเพราไก่ไข่ต้มและข้าวอกไก่ทอด ผลิตวันละ 1,000 กล่อง (3 มื้อ) นำไปแจกจ่ายตามจุดพักพิง สร้างขวัญและกำลังใจให้ชาวแม่สายก้าวผ่านวิกฤติร่วมกัน

เร่งผลักดันน้ำอิงลงโขง กลยุทธ์บูรณาการ “ทุกสาย”

แม่น้ำอิงซึ่งเป็นเส้นเลือดหลักรับน้ำจากจังหวัดพะเยา-เชียงราย ก็เป็นอีกสมรภูมิหนึ่งที่หน่วยงานรัฐกำลังเร่งระบายน้ำ โดยนายทวีชัย โค้วตระกูล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย เผยว่าขณะนี้กำลังติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 10 เครื่อง ที่สะพานอิงอุดม บ้านเต๋น ต.สถาน อ.เชียงของ สามารถผลักดันน้ำกว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ลดความเสี่ยงน้ำเอ่อท่วมพื้นที่เกษตร-ชุมชนท้ายน้ำลงโขง เป็นมาตรการเชิงรุกในการแก้ปัญหาอุทกภัยแบบองค์รวม

เชียงราย “ยังไม่พ้นวิกฤต” แต่พร้อมสู้ระลอกใหม่

สถานการณ์อุทกภัยแม่สายปี 2568 สะท้อนความเปราะบางเชิงโครงสร้างในพื้นที่น้ำหลากชายแดนฝั่งเหนือ แม้สัญญาณคลี่คลายจะเริ่มชัดเจน แต่การเตรียมพร้อมรับมือพายุระลอกใหม่ยังจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะประเด็น “พนังชั่วคราว–ผนังอาคารเก่า” ที่ยังมีจุดอ่อนง่ายต่อการทะลุซ้ำ

ปัจจัยสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการในระยะสั้น–ยาว

  • ซ่อมแซม–เสริมแนวป้องกันถาวร: หลังน้ำลด การรื้อถอนพนังชั่วคราวและสร้างแนวป้องกันถาวรที่แข็งแรงยั่งยืน ควรเป็นวาระเร่งด่วนของทุกภาคส่วน
  • การเยียวยาฟื้นฟูหลังน้ำลด: การสำรวจ-ประเมินความเสียหาย การจัดสรรงบฯ เยียวยาชาวบ้านต้องดำเนินการรวดเร็ว-โปร่งใส สร้างความหวังให้ผู้ได้รับผลกระทบ
  • สื่อสารความเสี่ยง–แจ้งเตือนล่วงหน้า: ทุกฝ่ายต้องสื่อสารข้อมูลสภาพอากาศ การระบายน้ำ แจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง เข้าใจง่าย ไม่ปล่อยข่าวลือ
  • กลไกช่วยเหลือครบวงจร: การบูรณาการของหน่วยงานรัฐ ทหาร เทศบาล กลุ่มจิตอาสา และภาคประชาสังคม ยังคงเป็นหัวใจของการช่วยเหลือในพื้นที่ประสบภัย

สู้ “น้ำ” ด้วยความร่วมมือ–ระวัง “ใจ” ให้มั่นคง

สถานการณ์แม่สายครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่สังคมไทยได้เห็นพลังความร่วมมือของภาครัฐและประชาชน ในวันที่ธรรมชาติรุนแรงเกินคาดเดา ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีคือหัวใจ แต่สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือการวางแผนเชิงระบบ และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว เพื่อไม่ให้แม่สาย–เชียงราย ต้องตกอยู่ในวังวนวิกฤตน้ำท่วมซ้ำซากอีกต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • โครงการชลประทานเชียงราย
  • ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 37
  • กองทัพภาคที่ 3
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • รายงานสถานการณ์น้ำและอุทกภัย สำนักข่าวท้องถิ่น/ภาคสนาม
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

ความร่วมมือรอบด้าน RBC ไทย-เมียนมา ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ-สังคมชายแดนอย่างยั่งยืน

RBC ไทย-เมียนมา จากความมั่นคงชายแดน สู่ความร่วมมือเพื่อคุณภาพชีวิตประชาชนชายแดนที่ยั่งยืน

พลวัตความสัมพันธ์ไทย-เมียนมา RBC ก้าวข้ามขอบเขตทหาร สู่ความร่วมมือรอบด้าน

เชียงใหม่, 15 กรกฎาคม 2568 – ในยุคที่ความมั่นคงของชาติไม่ได้วัดจากอาวุธหรือกำลังทหารเท่านั้น การขับเคลื่อนความร่วมมือชายแดนโดยกลไกคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) ไทย-เมียนมา กลับกลายเป็นตัวแปรสำคัญในการสร้างความสงบสุขให้กับประชาชนชายแดนทั้งสองประเทศมากว่าทศวรรษ จุดเริ่มต้นของ RBC เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2533 จากบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลเมียนมา ได้กลายเป็นเส้นทางสายหลักของการสานสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่มีความหลากหลายเชิงภูมิรัฐศาสตร์และความซับซ้อนของบริบทพื้นที่

วิวัฒนาการของ RBC จากความมั่นคงทหาร สู่ความมั่นคงชีวิต

หากย้อนไปในอดีต RBC ก่อตั้งขึ้นเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาความมั่นคงบริเวณชายแดน เช่น การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ การป้องกันการลักลอบเข้าเมือง และการควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบ อย่างไรก็ตาม ตลอด 34 ปีที่ผ่านมา RBC ได้ปรับตัวและขยายขอบเขตความร่วมมือไปไกลกว่ามิติทางทหาร สู่ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ สังคม มนุษยธรรม และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนริมชายแดน ผลลัพธ์สำคัญคือการเปลี่ยนแนวคิด “ชายแดนแห่งภัยคุกคาม” ให้กลายเป็น “ชายแดนแห่งสันติภาพและโอกาส”

องค์ประกอบการขับเคลื่อนกลไก RBC การผนึกกำลังภาครัฐ-เอกชนเพื่อทุกชีวิตริมชายแดน

โครงสร้างของ RBC ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 นั้นแข็งแกร่งด้วยการมีส่วนร่วมของแม่ทัพภาค ผู้บังคับหน่วยทหาร ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ติดชายแดน และตัวแทนส่วนราชการอื่น ๆ รวมทั้งการประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนและประชาสังคมสองประเทศ กลไกดังกล่าวช่วยให้การแก้ปัญหาและส่งเสริมโอกาสในพื้นที่ชายแดนมีประสิทธิภาพและรอบด้านมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นความมั่นคง การค้าชายแดน การท่องเที่ยว การศึกษา หรือการบรรเทาสาธารณภัย

ประชุม RBC ครั้งที่ 37 ตอกย้ำพันธกิจความร่วมมือไทย-เมียนมา

ระหว่างวันที่ 2-4 กรกฎาคม 2568 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค RBC (ไทย-เมียนมา) ครั้งที่ 37 โดยมีพลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 (ฝ่ายไทย) และพลโท ยุ้น วิน ส่วย (ฝ่ายเมียนมา) เป็นประธานร่วม ถือเป็นเวทีสำคัญในการต่อยอดภารกิจและวางแนวทางความร่วมมือในอนาคต ประเด็นหลักที่หารือร่วมกันมีทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และมนุษยธรรม

  • การแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำกองทัพ สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในทุกระดับ
  • การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด และค้ามนุษย์ ร่วมมือกันสกัดภัยคุกคามในพื้นที่ชายแดน
  • การเปิดจุดผ่านแดนเพื่อการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ส่งเสริมการเติบโตเศรษฐกิจฐานราก
  • โครงการหมู่บ้านคู่ขนาน ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตในหมู่บ้านแนวชายแดนสองฝั่ง
  • การแก้ปัญหาความไม่สงบในเมียนมา ป้องกันผลกระทบที่อาจลามถึงความมั่นคงและมนุษยธรรมในไทย
  • การก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง ร่วมแก้ปัญหาน้ำท่วมและกัดเซาะสองฝั่งแม่น้ำ

RBC ในยุคเปลี่ยนผ่าน โอกาสและความท้าทายของไทย-เมียนมา

สถานการณ์โลกปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของ RBC ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความมั่นคงระยะสั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสร้างเสถียรภาพระยะยาวโดยเฉพาะกับ 17 จังหวัดภาคเหนือของไทย RBC คือหลักประกันความมั่นคงชายแดนที่เชื่อมโยงปัจจัยท้องถิ่นกับภูมิภาคและระดับโลกอย่างเป็นระบบ

พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 ฝ่ายไทย เน้นย้ำความพร้อมของกองทัพบกและภาคส่วนต่าง ๆ ที่จะสนับสนุนความมั่นคง และบูรณาการกำลังพล ยุทโธปกรณ์ รวมทั้งการช่วยเหลือประชาชนเพื่อให้เกิดความยั่งยืน สะท้อนบทบาทใหม่ของทหารไทยในฐานะ “ผู้พิทักษ์ประชาชน”

ในมิติการพัฒนาเศรษฐกิจ RBC ส่งเสริมให้เกิดการเปิดจุดผ่านแดน การค้าชายแดนและการลงทุน อันนำไปสู่การสร้างงาน กระจายรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน อีกทั้งยังสนับสนุนโครงการหมู่บ้านคู่ขนานและการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมระหว่างกัน

RBC คือโมเดลความร่วมมือชายแดนเพื่ออนาคต

แม้ยังมีความท้าทายจากสถานการณ์ภายในเมียนมาและปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่ซับซ้อน แต่ RBC พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นกลไกแห่งความหวัง ที่ผลักดันให้ชายแดนกลายเป็นพื้นที่แห่งโอกาส สันติภาพ และความมั่นคงในทุกมิติ

RBC เป็นต้นแบบความร่วมมือข้ามพรมแดนที่สามารถปรับใช้กับภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความซับซ้อนด้านชาติพันธุ์ เศรษฐกิจ หรือปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ หากประเทศเหล่านั้นเลือกสร้างกลไกการพูดคุยร่วมกัน วางพื้นฐานจากความเชื่อใจและยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นศูนย์กลาง ความมั่นคงจะขยายไปสู่ความผาสุกของประชาชนทุกชาติอย่างแท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการ RBC 9 เมษายน 2533
  • ข่าวสารประชาสัมพันธ์ กองทัพภาคที่ 3
  • ข้อมูลจากผู้เข้าร่วมประชุม RBC ครั้งที่ 37
  • รายงานการประชุม RBC และข้อมูลการพัฒนาชายแดนไทย-เมียนมา
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พลเอก ณัฐพล ตรวจเชียงราย! แนวกันน้ำแม่สายคืบ 93% พร้อมรับมือฝน

เชียงรายรับมือภัยพิบัติ! รัฐเร่งเดินหน้าแนวป้องกันน้ำหลากแม่สาย-แม่น้ำกก

เชียงราย, 9 กรกฎาคม 2568 – พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ติดตามการดำเนินงานโครงการป้องกันและลดผลกระทบจากดินโคลนถล่มและน้ำหลาก โดยเฉพาะที่อำเภอแม่สาย ซึ่งประสบอุทกภัยใหญ่ในปี 2567

ประชาชนในพื้นที่ชุมชนถ้ำผาจม, บ้านไม้ลุงขน และเกาะลอย ร่วมให้การต้อนรับ พร้อมแสดงความขอบคุณต่อเจ้าหน้าที่ทหารที่เร่งสร้างแนวป้องกันแบบกึ่งถาวร เพื่อรองรับฤดูฝนปีนี้

แนวกันน้ำกึ่งถาวรแม่สาย คืบหน้าแล้ว 93.63%

พลเอก ณัฐพล ได้ตรวจสอบความคืบหน้าโครงการเสริมพนังป้องกันน้ำหลากบริเวณแม่น้ำสาย ระยะทางกว่า 2.3 กิโลเมตร ครอบคลุม 6 ชุมชน เขตแม่สาย โดยใช้โครงสร้างแบบผสมผสานระหว่างแนวกันน้ำเดิมและวัสดุก่อสร้างเสริมแรง

โครงการดังกล่าวคืบหน้าแล้วกว่า 93% และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์กลางเดือนกรกฎาคมนี้

ขุดลอกแม่น้ำรวกฝั่งไทย เดินหน้าเต็มกำลัง 32 กิโลเมตร

อีกภารกิจหลักของกองทัพคือการขุดลอกแม่น้ำรวกฝั่งไทย ตั้งแต่บ้านสบสาย ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย ไปจนถึงบ้านวังลาว ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน รวมระยะทางกว่า 32 กิโลเมตร

แบ่งการดำเนินงานเป็น 2 ช่วง ได้แก่

  • กองทัพภาคที่ 3 รับผิดชอบช่วงต้นทาง 14 กิโลเมตร
  • กรมการทหารช่างรับผิดชอบอีก 18 กิโลเมตร

ขณะนี้มีความคืบหน้าแล้วกว่า 81.67% คาดว่าจะเสร็จภายในวันที่ 21 กรกฎาคม

ตรวจแม่น้ำกก ชื่นชมความสำเร็จขุดลอกแล้วเสร็จ 100%

จากแม่สาย พลเอก ณัฐพล เดินทางต่อไปยังหาดเชียงราย อำเภอเมือง เพื่อตรวจโครงการขุดลอกแม่น้ำกก ซึ่งมีเป้าหมายลดความเสี่ยงน้ำท่วมและส่งเสริมภูมิทัศน์ท่องเที่ยว

งานขุดลอกดำเนินการแล้วเสร็จครบ 4 จุด รวมปริมาณดินขุดกว่า 189,108 ลูกบาศก์เมตร ใช้งบประมาณกว่า 12.1 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 55 วัน

ห่วงพื้นที่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ยังไม่ได้รับการจัดการ

แม้แม่น้ำกกจะขุดลอกแล้วเสร็จ แต่รัฐมนตรีช่วยฯ ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับจุดต้นน้ำและปลายน้ำที่ยังไม่มีการดำเนินการ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในภาพรวม

จึงได้สั่งการให้ประสานงานกับกระทรวงเกษตรและกระทรวงคมนาคม เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานในจุดที่ยังขาดการพัฒนา

รัฐเดินหน้าเตรียมรับมือฝนเดือนกันยายน

พลเอก ณัฐพล เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเตรียมแผนรับมือฤดูฝน โดยเฉพาะเดือนกันยายนซึ่งคาดว่าอาจมีฝนตกหนักอีกครั้ง โดยร่วมมือระหว่างมณฑลทหารบกที่ 37 กับจังหวัดเชียงราย เพื่อบริหารจัดการและเตรียมแผนเผชิญเหตุอย่างมีระบบ

ยุทธศาสตร์เชิงรุกสู้ภัยธรรมชาติ

การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การตรวจงาน แต่เป็นสัญญาณสำคัญของรัฐบาลต่อการบริหารความเสี่ยงจากภัยพิบัติ

  1. ยกระดับมาตรการฉุกเฉินสู่โครงการระยะยาว

โครงการแนวกันน้ำแบบกึ่งถาวรถือเป็นระยะเร่งด่วน ในขณะที่แนวกันน้ำถาวรจะเริ่มก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2572 เพื่อสร้างความมั่นคงระยะยาว

  1. บูรณาการภาครัฐ-ท้องถิ่น-ทหาร

การทำงานร่วมกันระหว่างกองทัพ, หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 35, กรมการทหารช่าง และจังหวัดเชียงราย แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือที่แน่นแฟ้น และประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว

  1. ความพร้อมของแผนสำรอง

แม้จะมีแผนหลักครบถ้วน แต่รัฐยังต้องวางแผนสำรอง และมีระบบเตือนภัยที่ทันสมัย เพื่อรับมือภัยธรรมชาติที่อาจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ความมั่นใจของประชาชนขึ้นอยู่กับ “การลงมือทำ”

การลงพื้นที่ของ พลเอก ณัฐพล ไม่เพียงแต่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชน แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความจริงจังของภาครัฐ ที่ต้องการให้ทุกโครงการเดินหน้าอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

ด้วยความคืบหน้าที่ชัดเจนของแต่ละโครงการ ชาวเชียงรายจึงเริ่มรู้สึกมั่นใจว่าจะสามารถผ่านพ้นฤดูฝนปีนี้ไปได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กระทรวงกลาโหม
  • กรมการทหารช่าง
  • กองทัพภาคที่ 3
  • หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 35
  • มณฑลทหารบกที่ 37
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • กระทรวงคมนาคม
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI EDITORIAL

สามนายทหารเพื่อนร่วมรุ่นนำทัพ! ขุดลอกแม่น้ำรวก กอบกู้แม่สายจากอุทกภัย

สามนายทหารเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร รุ่น 26 ผนึกกำลังแก้วิกฤตน้ำท่วมเชียงราย: บทบาทนำสู่ความหวังของคนในพื้นที่

เชียงราย, 9 กรกฎาคม 2568 – ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจากภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นซ้ำซากในหลายพื้นที่ การรวมพลังของสามนายทหารเพื่อนร่วมรุ่นจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 26 กลายเป็นแสงแห่งความหวังในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่คุกคามจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอแม่สายที่ได้รับผลกระทบหนักจากอุทกภัยในอดีต

เบื้องหลังวิกฤตที่ซ่อนเรื่องราว

นอกเหนือจากการเป็นเพื่อนร่วมรุ่นแล้ว การที่ พลตรี วรเทพ บุญญะ รองแม่ทัพภาคที่ 3 และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการก่อสร้าง กองทัพภาคที่ 3, พลโท สิรภพ ศุภวานิช เจ้ากรมการทหารช่าง, และ พลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 มาร่วมมือกันในครั้งนี้ ยังสะท้อนถึงการตระหนักรู้ในความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างเป็นระบบ

เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในเดือนกันยายน 2567 ได้ทำลายอำเภอแม่สายอย่างรุนแรง ใช้เวลาถึง 2 เดือนในการทำความสะอาดและฟื้นฟูพื้นที่ ความเสียหายครั้งนั้นไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดเผยจุดอ่อนของระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีอยู่

ภารกิจสำคัญของ “สามทหารเสือ”

การทำงานของนายทหารทั้งสามท่านนี้มีการแบ่งบทบาทหน้าที่ที่ชัดเจนและเสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สำคัญในการขับเคลื่อนโครงการใหญ่ๆ ให้บรรลุเป้าหมาย

พลตรี วรเทพ บุญญะ ในฐานะรองแม่ทัพภาคที่ 3 ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานนโยบายระดับสูงและบูรณาการการทำงานในระดับภาค ท่านได้เน้นย้ำการปฏิบัติงานให้ได้มาตรฐานตามโครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อป้องกันและลดผลกระทบภัยพิบัติ พร้อมทั้งมอบขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่

พลโท สิรภพ ศุภวานิช เจ้ากรมการทหารช่าง เป็นผู้นำทางด้านเทคนิคการก่อสร้างและควบคุมมาตรฐานการดำเนินงาน ท่านลงพื้นที่กำกับดูแลการปฏิบัติงานของกำลังพลกรมการทหารช่างอย่างใกล้ชิด และจัดลำดับความเร่งด่วนในการปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง

พลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 มีบทบาทสำคัญในการประสานงานระดับพื้นที่ และการสนับสนุนกำลังพลและยุทโธปกรณ์อย่างเต็มกำลัง

ความคืบหน้าโครงการขุดลอกแม่น้ำรวกหัวใจสำคัญของการแก้ไขปัญหา

โครงการขุดลอกแม่น้ำรวกเป็นโครงการสำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในอำเภอแม่สาย ซึ่งปัจจุบันมีความคืบหน้าที่น่าพอใจ ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 7 กรกฎาคม 2568 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

  • งานขุดลอกแม่น้ำ: 96.23%
  • งานถากถางพื้นที่: 100%
  • ผลงานรวมทั้งหมด: 96.18%

โครงการนี้ครอบคลุมระยะทาง 14 กิโลเมตรภายใต้ความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการใหญ่ที่ขุดลอกแม่น้ำรวกทั้งหมด 32 กิโลเมตร โดยกรมการทหารช่างรับผิดชอบอีก 18 กิโลเมตรหลัง

ความสำคัญของโครงการนี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขความคืบหน้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการอุดช่องว่างและแก้ไขจุดอ่อนที่เคยเป็นสาเหตุของอุทกภัยในอดีต การดำเนินการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพนี้ แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของกำลังพลที่ทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อให้โครงการแล้วเสร็จก่อนฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง

การเตรียมความพร้อมเชิงรุก MOU และการฝึกซ้อมครอบคลุม

การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น การเตรียมความพร้อมด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน

พลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ได้นำทีมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านความร่วมมือในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกับ 7 หน่วยงานหลักในจังหวัดเชียงราย ซึ่งประกอบด้วย

  1. จังหวัดเชียงราย
  2. มณฑลทหารบกที่ 37
  3. ศูนย์เฝ้าระวังและตอบโต้ภัยพิบัติเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย
  4. มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
  5. ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 15 เชียงราย
  6. องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

การลงนาม MOU นี้ไม่ใช่เพียงแค่การลงนามเป็นพิธีการ แต่เป็นการวางรากฐานสำคัญในการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีการจัดกำลังพลเข้าร่วมการฝึกซ้อมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (อุทกภัย) ระดับจังหวัด ระหว่างวันที่ 7-10 กรกฎาคม 2568 ซึ่งครอบคลุมการฝึกปฏิบัติระบบการแจ้งเตือน การกู้ภัยด้วยอากาศยาน การขับเรือยนต์ห้องแบน การใช้เครื่องสูบน้ำท่วมขัง การใช้เครื่องสูบน้ำระยะไกล และการใช้เครื่องจักรกลสำหรับช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

ความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

สถานการณ์น้ำท่วมในเชียงรายไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศที่ทำให้ฝนตกหนักและมีความถี่มากขึ้น ข้อมูลจากการติดตามสถานการณ์ล่าสุดแสดงให้เห็นว่าระดับน้ำในแม่น้ำสายยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เช้าวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 และใกล้จะล้นตลิ่ง

การที่ทหารได้เข้าไปช่วยเหลือและสนับสนุนการสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการตอบสนองต่อภัยฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่หมู่บ้านเกาะทรายซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง

ความสำคัญของความร่วมมือข้ามหน่วยงาน

การทำงานร่วมกันของนายทหารทั้งสามท่านนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการบูรณาการทำงานข้ามหน่วยงาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนอย่างปัญหาน้ำท่วม การที่แต่ละคนมีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ และสามารถประสานงานกันได้อย่างราบรื่น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โครงการต่างๆ ดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความสำเร็จของโครงการขุดลอกแม่น้ำรวกที่มีความคืบหน้าถึง 96.18% ในช่วงเวลาอันสั้น แสดงให้เห็นถึงพลังของการทำงานเป็นทีม และความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน

ผลกระทบต่อชุมชนและเศรษฐกิจท้องถิ่น

ปัญหาน้ำท่วมในอำเภอแม่สายไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่ต่อการดำรงชีวิตของประชาชนเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นที่พึ่งพาการท่องเที่ยวและการค้าขายชายแดนเป็นหลัก การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืนจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและนักลงทุน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะยาว

การที่รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณเกือบ 2 หมื่นล้านบาทสำหรับการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

มุมมองอนาคต ความยั่งยืนและการป้องกันเชิงรุก

การดำเนินการของนายทหารทั้งสามท่านนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่เป็นการวางรากฐานสำหรับการจัดการภัยพิบัติในอนาคต การจัดตั้งเขตปลอดการก่อสร้างกว้าง 40 เมตรเพื่อขยายฝั่งแม่น้ำ และการรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตในเขตดังกล่าว เป็นมาตรการป้องกันเชิงรุกที่จะช่วยลดความเสี่ยงในอนาคต

แผนการฟื้นฟูที่แบ่งออกเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว แสดงให้เห็นถึงการมองการณ์ไกลและการวางแผนที่มีระบบ ซึ่งจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างยั่งยืน

พลังแห่งมิตรภาพเพื่อชาติและประชาชน

การรวมพลังของพลตรี วรเทพ บุญญะ, พลโท สิรภพ ศุภวานิช, และพลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การทำงานร่วมกันของเพื่อนร่วมรุ่น แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงพลังของความสามัคคีและความมุ่งมั่นที่จะใช้ความรู้ความสามารถเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน

ความสำเร็จของโครงการขุดลอกแม่น้ำรวกที่มีความคืบหน้าเกือบ 100% และการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ที่ครอบคลุมและเป็นระบบ เป็นสิ่งที่สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ในช่วงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง

การทำงานของทหารทั้งสามท่านนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการที่กองทัพบกไทยสามารถปรับตัวและตอบสนองต่อภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ภัยทางการทหารเท่านั้น แต่รวมถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติและปัญหาเชิงโครงสร้างที่มีความซับซ้อน

ในท้ายที่สุดแล้ว ความสามารถในการบูรณาการภารกิจทางทหารเข้ากับการบริการสาธารณะและการพัฒนาประเทศ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างความไว้วางใจจากประชาชนและเสริมสร้างความเข้มแข็งของชาติโดยรวม การที่สามเพื่อนร่วมรุ่นจากเตรียมทหาร รุ่นที่ 26 สามารถมาทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติ เป็นเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจและความหวังให้กับทุกคนในสังคมไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เขียนโดย กันณพงศ์ ก.บัวเกษร ผู้ก่อตั้งนครเชียงรายนิวส์
  • เรียบเรียงโดย มนรัตน์ ก.บัวเกษร ผู้ร่วมก่อตั้งนครเชียงรายนิวส์
  • ข้อมูลความคืบหน้าโครงการขุดลอกแม่น้ำรวก: กองทัพภาคที่ 3 (7 กรกฎาคม 2568)
  • ข้อมูลการลงนาม MOU และการฝึกซ้อม: มณฑลทหารบกที่ 37 (7 กรกฎาคม 2568)
  • Nation Thailand: “Mae Sai flooding: Military reinforces flood barriers” (24 May 2025)
  • Nation Thailand: “Residents evacuate as downpour causes flooding in Mae Sai” (24 May 2025)
  • Bangkok Post: “Stemming the floodwaters” (2 June 2025)
  • Chiang Rai Times: “Flood Warning Issues For Mae Sai Chiang Rai” (July 2025)
  • กองทัพภาคที่ 3: https://www.army3.mi.th/
  • กรมการทหารช่าง: https://www.engineer.rta.mi.th/
  • กองทัพบกไทย: https://www.rta.mi.th/
  • รายงานสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดเชียงราย: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  • ข้อมูลการฟื้นฟูพื้นที่น้ำท่วม: Nation Thailand (25 December 2024)
  • Dailynews: “กรมควบคุมมลพิษแนะแนวทางจัดการตะกอนดินจากการขุดลอกแม่น้ำ” (June 2025)
  •  
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

นักศึกษาวิชาทหารนครสวรรค์ คว้ารางวัลรองชนะเลิศ SINGING CONTEST 2024

“นักศึกษาวิชาทหารนครสวรรค์คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 การประกวดร้องเพลง SINGING CONTEST”

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานกว่ากองทัพบก โดยหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน จัดกิจกรรม “เติมคนดี..เสียงนี้เพื่อสังคม” ซึ่งเป็นการประกวดร้องเพลงออนไลน์เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาวิชาทหารจากทั่วประเทศได้โชว์พลังเสียง ผ่านเพลง “เติมคนดีครั้งยิ่งใหญ่ 1 ล้านคน” บนแพลตฟอร์ม TikTok เพื่อชิงรางวัลมากมาย ได้แก่ รางวัลชนะเลิศเงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล, รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 20,000 บาท, รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 10,000 บาท และรางวัล Popular Vote เงินรางวัล 10,000 บาท สำหรับคลิปที่ได้รับยอดโหวตสูงที่สุดในช่วงเดือนตุลาคม 2567

ผู้ที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ 3 ทีมสุดท้ายจะได้ร่วมออกอากาศในรายการ “ชุมทางดาวทอง” ทางช่อง 7HD ซึ่งถือเป็นเวทีสำคัญที่ช่วยผลักดันเยาวชนให้กล้าแสดงออก และใช้ความสามารถในเชิงสร้างสรรค์เพื่อสังคม

ในครั้งนี้ กองทัพภาคที่ 3 โดยศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 31 ได้ส่งตัวแทนนักศึกษาวิชาทหารจากโรงเรียนนครสวรรค์เข้าร่วมการแข่งขัน และสามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 มาได้สำเร็จ ตัวแทนทีมที่สร้างชื่อเสียงในครั้งนี้ ได้แก่

  1. นักศึกษาวิชาทหาร ปุณยวีร์ ทองใบ
  2. นักศึกษาวิชาทหาร กฤษณะ สิงห์สาธร
  3. นักศึกษาวิชาทหาร ณัฐพงษ์ โชติผลารัตน์

เสียงชื่นชมจากกองทัพภาคที่ 3

กองทัพภาคที่ 3 ได้กล่าวชื่นชมนักศึกษาวิชาทหารทั้ง 3 นาย และโรงเรียนนครสวรรค์ ที่ได้สร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจแก่จังหวัดนครสวรรค์ รวมถึงแสดงถึงความสามารถของเยาวชนไทยที่สามารถใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และกล้าแสดงออกในทางสร้างสรรค์

กิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นแรงบันดาลใจที่ดีแก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการสนับสนุนศักยภาพด้านต่าง ๆ ของเยาวชนไทย โดยกองทัพภาคที่ 3 ได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันผลักดันและส่งเสริมเยาวชนให้เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพแก่ประเทศไทยในอนาคต

ส่งเสริมเยาวชนผ่านเวทีสร้างสรรค์

การประกวดร้องเพลง SINGING CONTEST ภายใต้โครงการ “เติมคนดี..เสียงนี้เพื่อสังคม” เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่มุ่งหวังสร้างเยาวชนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม กล้าคิด กล้าทำ และนำความสามารถที่มีมาสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ เพื่อชุมชน กิจกรรมดังกล่าวยังเปิดโอกาสให้เยาวชนได้แสดงศักยภาพบนเวทีระดับประเทศและส่งต่อแรงบันดาลใจแก่เพื่อนร่วมรุ่นในวงกว้าง

ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างเวทีสร้างสรรค์เพื่อเยาวชนและขยายผลสู่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระยะยาว เพื่อให้ประเทศไทยมีบุคลากรที่มีคุณภาพและพร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคตต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กองทัพบก โดยหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE