
ศธ. เดินหน้ายกระดับมาตรการป้องกันบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา
ประกาศใช้มาตรการเข้มงวด ป้องกันและปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา
เชียงราย, 6 มีนาคม 2568 – พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประกาศใช้มาตรการเข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา โดยระบุว่า ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติดเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพและพฤติกรรมของนักเรียนและนักศึกษา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพฤติกรรม การเรียน และอนาคตของเยาวชนไทย กระทรวงศึกษาธิการจึงได้วางแนวทางแก้ไขปัญหาในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
มาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะสั้น
มาตรการในระยะสั้นมุ่งเน้นการป้องกันและลดการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มนักเรียนและนักศึกษา โดยดำเนินการดังนี้:
- กำหนดเขตปลอดบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา
- สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- บูรณาการการเรียนการสอนเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า
- ปรับปรุงกฎระเบียบเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักเรียนให้รัดกุมขึ้น
- ประชาสัมพันธ์ข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อสร้างการรับรู้
- พัฒนาบุคลากรให้สามารถป้องกันและให้คำแนะนำเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าได้
- ร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกในการควบคุมและเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
มาตรการระยะกลางเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายเยาวชน
ในระยะกลาง กระทรวงศึกษาธิการจะขยายผลแนวทางป้องกันและเฝ้าระวัง โดยใช้เทคนิค “เพื่อนเตือนเพื่อน” ผ่านกิจกรรมของสภานักเรียน พร้อมกับสร้างแกนนำเยาวชนในการต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีการ:
- ประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อจัดสัมมนาและกิจกรรมรณรงค์
- ปรับปรุงหลักสูตรอบรมบุคลากรให้มีเนื้อหาครอบคลุมการป้องกันบุหรี่ไฟฟ้า
- บูรณาการมาตรการร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว
มาตรการระยะยาวเพื่อปลูกฝังพฤติกรรมเยาวชน
มาตรการในระยะยาวจะเน้นการปลูกฝังความเข้าใจเกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งด้านกฎหมายและสุขภาพ รวมถึง:
- เสริมบทบาทของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤติในการเฝ้าระวัง
- ให้ความรู้แก่ผู้ปกครองและชุมชนเกี่ยวกับผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้า
- ปรับปรุงกฎหมายให้ข้าราชการมีอำนาจในการตรวจค้นและทำลายบุหรี่ไฟฟ้า
- คาดโทษทางวินัยบุคลากรทางการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า
บทลงโทษสำหรับบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า
เพื่อให้บุคลากรในสังกัดเป็นแบบอย่างที่ดี กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดบทลงโทษทางวินัยสำหรับผู้ที่ยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า โดยย้ำว่า ข้าราชการครูและบุคลากรทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด และต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่นักเรียน
สถิติการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนไทย
จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2567 พบว่า จำนวนเยาวชนไทยที่เคยทดลองใช้บุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยมีสัดส่วนสูงถึง 15% ของกลุ่มอายุ 15-24 ปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีเพียง 12% นอกจากนี้ การสำรวจของกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและระดับอุดมศึกษามีแนวโน้มใช้บุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่
จากข้อมูลข้างต้น ทำให้กระทรวงศึกษาธิการต้องดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา ซึ่งนอกจากจะเป็นการปกป้องสุขภาพของเยาวชนแล้ว ยังเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเหมาะสมต่อการเรียนรู้ในระยะยาว
เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงศึกษาธิการ