Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

กระทรวงวัฒนธรรมครบรอบ 22 ปี มอบโล่เชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์

 

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 กระทรวงวัฒนธรรมจัดงานวันสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมครบรอบ 22 ปี พร้อมพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติ “วัฒนคุณาธร” ประจำปี 2567 เพื่อยกย่องบุคคลและองค์กรที่ทำคุณประโยชน์ด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม โดยมีนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธี ณ อาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพฯ

ในช่วงเช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ได้เข้าร่วมพิธีบวงสรวงและทำบุญเนื่องในโอกาสวันสถาปนากระทรวงฯ โดยเริ่มต้นด้วยการสักการะพระพุทธสิริวัฒนธรรโมภาส พระสยามเทวาธิราช และศาลตา-ยาย ประจำกระทรวงวัฒนธรรม ทั้งนี้ มีพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ประกอบพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในพิธีบำเพ็ญกุศลทางศาสนา

ภายหลังพิธีบวงสรวงและทำบุญเนื่องในโอกาสวันสถาปนากระทรวงฯ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้กล่าวถึงความสำคัญของกระทรวงวัฒนธรรมที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2545 ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 โดยมีภารกิจหลักในการอนุรักษ์ สืบสาน และต่อยอดศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมของชาติ เพื่อให้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

กระทรวงวัฒนธรรมมีตราสัญลักษณ์เป็นรูปดวงประทีปภายในบุษบก เหนือหมู่ลายเมฆหมอก หมายถึงปัญญาซึ่งเป็นรากฐานของวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากรได้ออกแบบตรานี้ในปี พ.ศ. 2485 และมีพระพุทธสิริวัฒนธรรโมภาส เป็นพระพุทธรูปประจำกระทรวง สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2563 เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะสุโขทัย และได้รับการประทานนามจากสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ความหมายของนามพระพุทธรูปนี้คือ “พระพุทธเจ้าทรงเจริญรุ่งเรืองด้วยพระสิริและรัศมีแห่งธรรม”

ในช่วงบ่าย เวลา 13.15 น. ได้จัดพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติ “วัฒนคุณาธร” เพื่อยกย่องบุคคลและหน่วยงานที่ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม ประจำปี 2567 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมีบุคคลและองค์กรจากจังหวัดเชียงรายได้รับรางวัลในครั้งนี้ 3 ราย ได้แก่

  • ประเภทเยาวชน: นายวงศ์วริศ บูราณ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม
  • ประเภทบุคคล: นางสาวภัททิรา วิภวภิญโญ อาจารย์ประจำสำนักวิชาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
  • ประเภทนิติบุคคล: บริษัท โตโยต้าเชียงราย จำกัด โดย คุณจินตนา และ คุณเรืองชัย จิตรสกุล CEO บริษัท โตโยต้าเชียงราย จำกัด

ในการมอบโล่ครั้งนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางรัชฏ์พันธุ์ รัชนีวงศ์ รองประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย, นางพรทิวา ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม, และนางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ได้เข้าร่วมเป็นเกียรติในงานดังกล่าว

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงวัฒนธรรมมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาวัฒนธรรมของไทยในทุกมิติ ทั้งการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม การสร้างความร่วมมือทางวัฒนธรรมกับประเทศต่าง ๆ และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าวัฒนธรรม โดยในปี 2567 กระทรวงวัฒนธรรมได้วางเป้าหมายขับเคลื่อนเศรษฐกิจวัฒนธรรมให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมย้ำว่าการส่งเสริมวัฒนธรรมไทยจะต้องมีการพัฒนาและปรับตัวให้สอดคล้องกับยุคสมัย และยึดถือความต้องการของประชาชนในทุกพื้นที่เป็นหลัก เพื่อให้วัฒนธรรมไทยยังคงเป็นพลังในการสร้างความเป็นเอกลักษณ์และความภาคภูมิใจให้กับคนไทยต่อไปในอนาคต.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

‘พิสันต์’ รับโล่ประกาศเกียรติคุณ ชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชนยลวิถี” 4 ปีติดต่อกัน

 

เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2567 เวลา 09.30 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานมอบนโยบายการขับเคลื่อน “เศรษฐกิจวัฒนธรรม เพื่อการพัฒนาชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน” ภายใต้โครงการ “22 ปี กระทรวงวัฒนธรรม นำคุณค่า พัฒนาสังคมและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน” ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจในแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจวัฒนธรรมให้กับบุคลากรในหน่วยงานด้านวัฒนธรรมทั่วประเทศ พร้อมยกระดับการขับเคลื่อนวัฒนธรรมไปสู่การพัฒนาชุมชนและประเทศชาติอย่างยั่งยืน โดยมีผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม หัวหน้าส่วนราชการ และองค์การมหาชนในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม รวมถึงวัฒนธรรมจังหวัด 76 จังหวัด และสภาวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เข้าร่วมรับฟังอย่างพร้อมเพรียง

นางสาวสุดาวรรณ กล่าวในพิธีเปิดว่า การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจวัฒนธรรมเป็นก้าวสำคัญที่จะนำคุณค่าของศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมมาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนและภาคเอกชน รวมถึงการสานต่อโครงการต่าง ๆ ที่กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

ในงานดังกล่าว นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้บรรยายในหัวข้อ “การขับเคลื่อนวัฒนธรรมสู่พลังแห่งอนาคต” ซึ่งเน้นย้ำถึงบทบาทของวัฒนธรรมในฐานะเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม พร้อมทั้งการสร้างความตระหนักรู้ในคุณค่าของวัฒนธรรมในชุมชน เพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคประชาชนอย่างเป็นระบบ

นอกจากนี้ หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้แก่ กรมการศาสนา กรมศิลปากร กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้ร่วมบรรยาย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

เปิดงาน “ไทยฟุ้ง ปรุงไทย” สร้างสรรค์มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

 

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2567 มีการเปิดงาน “ไทยฟุ้ง ปรุงไทย” (Thai Taste Thai Fest 2024) โดย นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วย นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และนายประสพ เรียงเงิน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม งานนี้จัดขึ้นที่ Royal Park Plaza ชั้น 1 ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค กรุงเทพฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและยกระดับอาหารไทยท้องถิ่นและมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าของประเทศ

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล ได้มอบเกียรติบัตรให้แก่จังหวัดที่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมจำนวน 18 รายการจาก 15 จังหวัด นอกจากนี้ยังมีการมอบโล่เชิดชูเกียรติแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ในการรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมจำนวน 23 ราย และมอบเกียรติบัตรให้กับผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste” ประจำปี 2567 จำนวน 76 จังหวัดรวมถึงกรุงเทพมหานคร

นางสาวสุดาวรรณ กล่าวถึงความสำคัญของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมว่าเป็นอัตลักษณ์ที่สะท้อนตัวตนของชาติ โดยมีมิติที่ครอบคลุมทั้งด้านวรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา ศิลปะการแสดง พิธีกรรม ประเพณี ทักษะงานช่างฝีมือดั้งเดิม และอื่นๆ ที่ถูกส่งต่อกันมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นทุนทางวัฒนธรรมที่สำคัญในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ

งานนี้ยังมีการนำเสนอเมนูอาหารท้องถิ่นที่หายากจากแต่ละจังหวัด และการสาธิตทางวัฒนธรรม เช่น การปักชุดไทย การแกะสลัก การทอผ้า และการเขียนเทียนบนผ้าม้ง นอกจากนี้ยังมีการแสดงพื้นบ้านจาก 4 ภูมิภาค ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 20-22 กันยายน 2567 เพื่อสร้างบรรยากาศและความบันเทิงให้กับผู้เข้าร่วมงาน

ภายในงานยังมีการสาธิตคอสเพลย์เยอร์ภายใต้ธีม “4 COS คอสเพลย์ 4 ภาค ไทยแลนด์” ที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งเสวนาเกี่ยวกับการอนุรักษ์วัฒนธรรมและการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยการนำเสนอแนวคิด Soft Power ที่ใช้วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทย

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการนำเสนอเมนูอาหารท้องถิ่นจาก 77 จังหวัด เช่น แกงส้มใบสันดานจากจันทบุรี แกงอีเหี่ยวจากเพชรบูรณ์ ยำไก่ผีปู่ย่าจากสุโขทัย และเมนูแกงแคกุ้ง ถือเป็นเมนูที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานของชาวภาคเหนือ โดย พิสันต์ จันทรศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้ให้ข้อมูลว่า แกงแคเป็นอาหารที่ประกอบไปด้วยผักหลากหลายชนิด ผสมกับเนื้อสัตว์ตามที่หาได้ เช่น กุ้งฝอย ไก่ กบ หรือปลาแห้ง ผักที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นผักพื้นบ้าน เช่น ผักตำลึง ชะอม ใบชะพลู ผักชีฝรั่ง และเห็ดลม การทำแกงแคกุ้งในอดีตนั้นเกิดจากการเก็บกุ้ง ปลาเล็ก และผักพื้นบ้านตามท้องไร่ท้องนา เพื่อปรับสมดุลของร่างกายและตอบสนองตามฤดูกาล

งาน “ไทยฟุ้ง ปรุงไทย” ครั้งนี้ถือเป็นงานที่มีความสำคัญในการส่งเสริมมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ และยังเป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

“สุดาวรรณ” ห่วงสถานการณ์น้ำท่วม ‘วัดเสาหิน’ โบราณสถาน จ.เชียงราย

 

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2567 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ได้ติดตามผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยของโบราณสถานในพื้นที่ภาคเหนืออย่างใกล้ชิด ซึ่งในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้รายงานว่ามีสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด และกลุ่มพิธีการศพที่ได้รับพระราชทานในพื้นที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแพร่ตั้งอยู่ ณ วัดสองแคว ต.ป่าแมต อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ มีมวลน้ำมาเร็ว ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งระดม เคลื่อนย้ายของ และเครื่องประกอบเกียรติยศประกอบศพโดยทันที เพราะหากน้ำสูงกว่านี้สุ่มเสี่ยงต่อความเสียหาย ขณะนี้ได้มีข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแพร่ ได้ออกประกาศ เนื่องจากเกิดเหตุการณ์อุทกภัย การติดต่อขอรับพระราชทาน จากเดิม ณ ห้องงานประสานขอรับพระราชทานเพลิงศพ ศาลากลางจังหวัดแพร่ ทางทายาทของ ผู้วายชนม์ผู้ประสงค์ขอรับพระราชทาน สามารถติดต่อขอรับพระราชทานได้ที่ 1. ห้องประชุม เทศบาลตำบลทุ่งโฮ้ง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ 2. เบอร์โทรศัพท์ 065 523 4058 081 137 5191, 081 297 8396 , 086 911 4844 3.Facebook : กลุ่มพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแพร่

นางสาวสุดาวรรณ กล่าวต่อไปว่า ในการนี้เพื่อให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธีในภารกิจพิธีการศพที่ได้รับพระราชทานของกลุ่ม พิธี การศพที่ได้รับพระราชทานและกลุ่มอํานวยการพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและต่อเนื่องโดยเฉพาะจังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการ ณ์อุทกภัยและอยู่ระหว่างเฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัยจึงขอให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดดำเนินการ ดังนี้

1. ดําเนินการขนย้ายเครื่องเกียรติยศประกอบศพและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในพิธีการศพ ที่ได้รับพระราชทานไปเก็บรักษาไว้ในที่ที่ปลอดภัย 2. แ จ้ ง ประกาศชี้แจงรายละเอียดช่องทางการติดต่อขอพระราชทานเกี่ยวกับพิธีการศพที่ได้รับพระราชทานและการปฏิบัติหน้าที่ ในภารกิจพิธีการศพที่ได้รับพระราชทานตามหมายรับสั่งในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยให้มีการประกาศชี้แจงรายละเอียดช่องทางที่สาม ารถติดต่อขอรับบริการให้เจ้าภาพ / ทายาทและประชาชนในพื้นที่ทราบ 3. จังหวัดที่เฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัยขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธีติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิดเพื่อเฝ้าระวัง อุทกภัยที่อาจะเกิดขึ้นในพื้นที่และให้เตรียมพร้อมในการขนย้ายเครื่องเกียรติยศ ประกอบศพ และวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในพิธีการศพที่ได้ รับพร ะราชทาน 4.รายงานสถานการณ์อุทกภัยที่ได้รับผลกระทบและความต้องการในการขอรับ ความช่วยเหลือให้กองพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน สํานักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรมทราบโดยด่วน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อไปว่า ในส่วนกรมศิลปากรรายงานว่าจากกรณีฝนตกต่อเนื่องหลายวันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนที่ผ่านมาส่งผลให้เกิดน้ำท่วม น้ำล้นตลิ่ง น้ำหลากท่วมทุ่งในหลายพื้นที่ของจังหวัดน่าน พะเยาและเชียงราย ขณะนี้กรมศิลปากร โดยสำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ได้ลงพื้นที่และประสานงานกับเครือข่ายอาสาสมัครในการดูแลมรดกศิลปวัฒนธรรมในพื้นที่ดังกล่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ได้รับรายงานเกี่ยวกับผลกระทบต่อโบราณสถานในพื้นที่ 3 จังหวัด ดังนี้ จังหวัดน่าน จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ 1.วัดหนองบัว อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ซึ่งมีโบราณสถานคือ วิหารที่ปรากฏภาพจิตรกรรมฝาผนังน้ำท่วมขึ้นถึงภายในวิหาร แต่ยังไม่ถึงภาพจิตรกรรมซึ่งสูงกว่าระดับน้ำท่วมประมาณ 50 ซม ดังนั้น ภาพจิตรกรรม จึงไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากน้ำท่วม 2.วัดภูมินทร์ อำเภอ เมือง จังหวัดน่าน โบราณสถานคือวิหารจตุรมุขที่ปรากฏภาพจิตรกรรมฝาผนัง (ปู่ม่านย่าม่าน) ปัจจุบันน้ำยังท่วมไม่ถึงด้านบนวิหาร เนื่องจากอาคารนี้เป็นอาคารที่มีฐานสูงและบันไดสูงไปถึงพื้นด้านบนวิหารน้ำจึงท่วมเพียงบันไดเท่านั้น และ 3.พิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ปัจจุบันน้ำยังไม่ท่วมเข้ามาในพื้นที่เนื่องจากตั้งอยู่ในบริเวณที่สูงที่สุดของเมืองน่าน เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอดเวลาและให้นำรถยนต์เข้ามาจอดภายในได้ในช่วงนี้เพื่อบรรเทาความเสียหายของทรัพย์สินประชาชน

ขณะที่ จังหวัดพระเยามีโบราณสถานที่ได้รับผลกระทบคือ เมืองโบราณเวียงลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา เมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งน้ำอิง น้ำจึงล้นฝั่งท่วมทั้งเมืองโบราณสถานจึงมีน้ำท่วมขังหลายแห่งแต่ไม่พบความเสียหายของตัวอาคาร ส่วนที่จังหวัดเชียงราย โบราณสถานที่ได้รับผลกระทบ คือวัดเสาหิน เป็น วิหารและเจดีย์ขนาดใหญ่ มีน้ำท่วมขังในพื้นที่รอบอาคารแต่ยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายของตัวอาคาร

นางสาวสุดาวรรณ กล่าวอีกว่า กรมศิลปากร ได้วางแนวทางการแก้ไขปัญหา ดังนี้ 1.ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด 2.รับฟังข้อมูลจากอาสาสมัครฯ ของกรมศิลปากรที่อยู่ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง 3.หลังจากน้ำลดให้เข้าพื้นที่สำรวจตรวจสอบสภาพและความเสียหายโดยด่วน โดยเฉพาะงานศิลปกรรมที่ได้รับความเสียหายต้องได้รับการอนุรักษ์อย่างเร่งด่วน 4.วางมาตรการลดความเสี่ยงของโบราณสถานในช่วงฤดูฝนนี้ หากมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องครั้งต่อไป เช่น ปกป้องน้ำไม่ให้ท่วมเข้าไปในอาคารโบราณสถานอีก หรืออื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และ 5.หากพบความเสียหายต่ออาคารโบราณสถานให้รีบแจ้งกรมศิลปากรเพื่อดำเนินการฉุกเฉินเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม ภาพรวมในส่วนกระทรวงวัฒนธรรม รู้สึกเป็นห่วงและขอเป็นกำลังใจให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคน จึงได้ สั่งการให้จัดตั้งศูนย์ประสานงานโบราณสถานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย โดยใช้สายด่วนวัฒนธรรม 1765 ในการรับแจ้งข้อมูลและรวบรวมข้อมูลหน่วยงานในสังกัด สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด และกองพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน รวมไปถึงแหล่งโบราณสถานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย เพื่อสรุปข้อมูลสำหรับลงพื้นที่สำรวจและตรวจสอบสภาพความเสียหายหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย รวมถึงจัดทำแผนช่วยเหลือเบื้องต้น และบูรณะซ่อมแซมในอนาคตต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE TRAVEL

‘บ้านดอยดินแดง’ ศักยภาพเชียงราย สู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงศิลปะ

 

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2567 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมลงพื้นที่เยี่ยมชมบ้านอาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ (บ้านดอยดินแดง) ในการติดตามผลการดำเนินโครงการกิจกรรมของกระทรวงวัฒนธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 – 2568 ระหว่างวันที่ 3 – 4 สิงหาคม 2567 ณ จังหวัดเชียงราย โดยมี นางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม นายโกวิท ผกามาศ ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรม วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย หัวหน้าและส่วนราชการ ผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วม

ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ติดตามโครงการเปิดบ้านศิลปินภายหลังการจัดงาน Thailand Biennale Chiang Rai 2023 และการเตรียมความพร้อมพัฒนาศักยภาพจังหวัดเชียงรายให้กลายเป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงศิลปะ และเป็นหมุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
 
ทั้งนี้ อาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ เป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานปั้นเซรามิกและภาพจิตรกรรมอันเกิดจากดินและสีผสม นำเสนอผลงานศิลปะอันเป็นนามธรรม โดยได้รับอิทธิพลทางความคิดและการทำงานจากศาสนาพุทธนิกายเซน (Zen) มีประสบการณ์ทำงานให้กับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ โดยร่วมงานกับพระนิกายเซน ทำหน้าที่สอนศิลปะให้กับผู้ลี้ภัยสงครามสัญชาติลาวและเขมรที่ค่ายอพยพลี้ภัยในเมืองไทย ต่อมาได้ไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อศึกษาศิลปะการทำเครื่องปั้นดินเผา
 
อาจารย์สมลักษณ์เป็นศิลปินที่ได้รับรางวัลมากมาย เช่น ในปี พ.ศ. 2540 และ พ.ศ. 2543 ได้รับรางวัลที่สองจาก Asian ART & Crafts Exhibition และในปี พ.ศ.2541 ได้รับรางวัล Award of Merit ประเทศนิวซีแลนด์ หลังจากนั้นสมลักษณ์ เดินทางกลับประเทศไทยและก่อตั้งโรงปั้นดินเผา “ดอยดินแดง” ที่จังหวัดเชียงราย สร้างเครือข่ายศิลปินเชียงรายเพื่อทำกิจกรรมทางศิลปะ ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมคนแรกของขัวศิลปะเชียงราย (Art Bridge Chiang Rai) และได้สร้างสรรค์ผลงานศาลาสวนประติมากรรม (Sculpture Garden Pavilion) หนึ่งในผลงานอันโดดเด่นของงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

‘สุดาวรรณ’ เยือนชุมชนปกาเกอะญอ จัดพื้นที่คุ้มครองวีถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์

 
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยได้เดินทางไปติดตามการดำเนินงานตามแนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวกะเหรี่ยง ณ ชุมชนปกาเกอะญอ บ้านห้วยหินลาดใน อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย โดยเยี่ยมชมและร่วมหารือกับชุมชนถึงแนวคิดการจัดการพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ของชุมชน เป็นต้นแบบให้กับชุมชน ชาติพันธุ์ในหลายพื้นที่
 
ในโอกาสนี้ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวภายหลังเยี่ยมชมการบริหารจัดการพื้นที่ชุมชนว่า “รู้สึกยินดีมาก ที่ได้มาเห็นรูปธรรมความสำเร็จของชุมชนพี่น้องปกาเกอะญอ บ้านห้วยหินลาดใน ซึ่งเป็นชุมชนที่ได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ตามมติคณะรัฐมนตรี 3 สิงหาคม 2553 ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ เพราะได้เห็นถึงแนวทางการจัดการที่ดีของชุมชน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของชุมชนชาติพันธุ์ที่สามารถพึ่งตนเองได้บนฐานทุนทางวัฒนธรรม ที่สำคัญ คือ การกำหนดเขตพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นแนวทางที่นอกจากจะทำให้ชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นแล้ว ยังทำให้ลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างชุมชนกับเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ และเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาติพันธุ์ด้วยมิติวัฒนธรรม ทำให้ชุมชนมีความมั่นคงในชีวิต สามารถทำธุรกิจและสร้างรายได้ได้อย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล จึงเห็นว่านี่เป็นรูปธรรมของการใช้พลังทางวัฒนธรรม หรือ Soft Power เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์”
 
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล กล่าวด้วยว่า “รัฐบาลภายใต้การนำของท่านนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน มีนโยบายที่ชัดเจนที่จะดูแลพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีงาน มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยได้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. …. ให้เป็นกฎหมายที่จะคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมศักยภาพของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่มในประเทศไทยอย่างเสมอภาคกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เชื่อว่าเมื่อกฎหมายนี้ประกาศใช้แล้วจะเป็นหลักประกันให้ชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์มีความมั่นคงในชีวิต สามารถประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืน ดำรงอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี มากไปกว่านั้น คือ เป็นประโยชน์กับประเทศที่เราจะได้โอบรับความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ไว้เป็นทุนทางวัฒนธรรมของชาติ ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ เพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนด้วยทุนทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ และทุนวัฒนธรรมที่หลากหลาย”
 
“ประโยชน์กับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่มในประเทศไทย และการที่ได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนชุมชนพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ บ้านห้วยหินลานใน ในวันนี้ นอกจากได้เห็นและให้กำลังใจพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์แล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะได้มาบอกกล่าวกับพี่น้องให้ได้ร่วมยินดีที่ในอีกเร็ววันนี้ที่เราจะมีกฎหมายคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ฉบับแรกของประเทศไทย” นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล กล่าวปิดท้าย
 
บ้านห้วยหินลาดใน เป็นชุมชนปกาเกอะญอ ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 ต.บ้านโป่ง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ชาวบ้านห้วยหินลาดในอยู่ที่นี่มานานกว่า 150 ปี ได้รับการประกาศเป็นพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ นำร่อง 1 ใน 4 พื้นที่ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 เรื่อง แนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวกะเหรี่ยง โดยชาวบ้านได้จัดทำข้อตกลงในการดูแลป่าชุมชนบนฐานวัฒนธรรมและข้อห้ามตามประเพณี ทำให้ชุนชนที่มีจำนวนชาวบ้านเพียงกว่าร้อยชีวิต สามารถรักษาผืนป่ากว่า 10,000 ไร่เอาไว้อย่างสมบูรณ์
 
นอกจากนี้ชุมชนยังประสบความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนโดยเฉพาะกาแฟ ชา และน้ำผึ้ง สร้างรายได้ให้กับชุมชนจำนวนมาก การจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนของชุมชนบ้านห้วยหินลานในได้รับการยอมรับจากในประเทศและต่างประเทศ โดยได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียว เมื่อปี 2548 และได้รับรางวัลชุมชนต้นแบบการจัดการทรัพยากรบนฐานวัฒนธรรมของชุมชนที่ประเทศมาเลเซียเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมาอีกด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

รมว.วัฒนธรรม เยี่ยมบ้านเมืองรวง ชุมชนโดดเด่นด้านเศรษฐกิจพอเพียง

 

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 ที่บ้านเมืองรวง ตำบลแม่กรณ์ อำเภอเมืองเชียงราย นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมลงพื้นที่เยี่ยมชุมชนคุณธรรมฯ บ้านเมืองรวง จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามผลการดำเนินโครงการกิจกรรมของกระทรวงวัฒนธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 – 2568 ระหว่างวันที่ 3 – 4 สิงหาคม 2567 ณ จังหวัดเชียงราย โดยมี นายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย นายธนรัช จงสุทธานามณี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม หัวหน้าและผู้แทนส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และชาวชุมชนชุมชนคุณธรรมฯ บ้านเมืองรวง เข้าร่วม

 
ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้กราบนมัสการพระพระณัฐวัฒน์ กิตฺติโสภโณ เจ้าอาวาสวัดท่าไคร้ บ้านเมืองรวง ต.แม่กรณ์ อ.เมือง จังหวัดเชียงราย และร่วมรับฟังผลการดำเนินงานของชุมชนคุณธรรมฯ บ้านเมืองรวง และเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์และสินค้าชุมชน
 
ทั้งนี้ ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านเมืองรวง อยู่ที่หมู่ 5 ตำบลแม่กรณ์ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เป็นชุมชนชาวไทยวนและมีชาติพันธุ์อาข่าอพยพมาอยู่ในชุมชนร่วมกันอย่างเอื้ออาทรและสามัคคี ชุมชนก่อตั้งประมาณปี พ.ศ. 2397 ผู้ริเริ่มสร้างหมู่บ้านครั้งแรก เป็นชาวลวงซึ่งเดินทางมาจากจังหวัดเชียงใหม่ โดยให้ชื่อหมู่บ้านว่า บ้าน “เมืองลวง” ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2527 ได้เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านเป็นบ้าน “เมืองรวง”
 
ชุมชนแห่งนี้มีความโดดเด่นด้านเศรษฐกิจพอเพียง ได้รับคัดเลือกเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ อยู่เย็น เป็นสุขดีเด่น ระดับเขตและระดับภาค ชุมชนต้นแบบจัดการขยะ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี และได้รับคัดเลือกจากกระทรวงวัฒนธรรมเป็น 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ“เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ต่อเนื่องกัน 2 ปี ได้แก่ ปี 2564 และ 2565 มีกิจกรรมท่องเที่ยววิถีชุมชน หมู่บ้านน่าอยู่ ผักปลอดสารพิษ ผลิตภัณฑ์และสินค้าชุมชน เช่น กาแฟ น้ำพริกตาแดงปลาช่อนป่น มะขามแก้ว ผลิตภัณฑ์จักสาน สบู่สมุนไพร และ “แหนมหมู”หรือ “จิ้นส้ม” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) ที่ขึ้นชื่อของชุมชนแห่งนี้ เพื่อจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวผ่านตลาดวัฒนธรรม“สุดสาย ยายกอง” และมีลานวัฒนธรรมสร้างสุข นำเสนอความเข้มแข็งของชุมชน ศิลปะและวัฒนธรรมประเพณีอันงดงามของชุมชน เช่น การแสดงฟ้อนเล็บ การแสดงชาติพันธุ์อาข่า เป็นต้น แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เช่น วัดท่าไคร้ วัดพุทธมิ่งโมลี และเทศกาล ประเพณีท้องถิ่น เช่น พิธีสงเคราะห์ทำบุญสืบชะตาหมู่บ้านเนื่องในประเพณีปี๋ใหม่เมือง ประเพณีตานก๋วยสลาก เป็นต้น
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE VIDEO

ขอแสดงความยินดีกับ ‘ทีมกาสะลองเงิน’ ของ “โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย” คว้าแชมป์ การประกวดรวมศิลป์พื้นบ้านภาคเหนือ ปี 2567

 

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2567  ที่เชียงใหม่ฮอลล์ เซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ต ทีมกาสะลองเงิน ของโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย คว้ารางวัลชนะเลิศการประกวดรวมศิลป์พื้นบ้านภาคเหนือ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พุทธศักราช 2567 เพื่อเชิดชูเกียรติการแสดงดนตรีและการแสดงพื้นบ้านของภาคเหนือ

 

ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธานและมอบรางวัลให้ทีมผู้ชนะในครั้งนี้ ทั้งนี้ การประกวดดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน “รวมศิลป์พื้นบ้านภาคเหนือ” ที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จัดประกวดขึ้นเพื่อถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมการแสดงและมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีอัตลักษณ์ในแต่ละภูมิภาคไปสู่สายตาประชาชน

ในปีนี้มีคณะที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ จำนวน 5 คณะ ประกอบด้วย

  1. คณะกาสะลองเงิน จากจังหวัดเชียงราย
  2. คณะร่มบัวสวรรค์ (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี) จากจังหวัดปทุมธานี
  3. คณะลูกน้ำของ (โรงเรียนอนุบาลเชียงของ) จากจังหวัดเชียงราย
  4. คณะยุ้งข้าวสตูดิโอ จากจังหวัดเชียงใหม่
  5. คณะต้นกล้าดาราภิรมย์ จากจังหวัดเชียงใหม่.

สำหรับการประกวดรวมศิลป์พื้นบ้านภาคเหนือนั้น ผู้เข้าประกวดจะต้องสร้างสรรค์ชุดการแสดงและการบรรเลง โดยนำเอาการแสดงพื้นบ้านภาคเหนือมาเรียงร้อยให้มีความเชื่อมโยงที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ วิถีชีวิต ความเชื่อ พิธีกรรม วรรณคดีและวรรณกรรม ที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคเหนือ โดยด้านดนตรี ให้เลือกเครื่องดนตรีที่เหมาะสมกับการแสดง เช่น วงสะล้อ ซอ ซึง กลองสะบัดชัย หรือเครื่องดนตรีอื่นๆ ที่เป็นดนตรีพื้นบ้านภาคเหนือ การแสดงพื้นบ้านร้อยเรียง เชื่อมโยงโดยอาศัยนาฏศิลป์พื้นบ้าน เช่น ฟ้อนดาบ ฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียน ฟ้อนสาวไหม หรือฟ้อนพื้นเมืองตามอัตลักษณ์ การแสดงท้องถิ่นของวัฒนธรรมในภาคเหนือ เป็นต้น

พร้อมทั้งการนำเสนอกิจกรรมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อบูรณาการให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของการแสดงพื้นบ้านภาคเหนือได้อย่างเหมาะสมและลงตัว และการบรรเลงดนตรีประกอบการขับร้องทำนองมีเนื้อหาการแสดงเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมต่างๆ ที่มีอยู่ในภาคเหนือ

 

ทั้งนี้ เกณฑ์การตัดสินจะพิจารณาจากด้าน 1. ดนตรี 2. การแสดง 3. การขับร้อง และ 4. กระบวนการบูรณาการ ซึ่งมีคณะกรรมการตัดสินเป็นผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ครอบคลุมทั้งด้านศิลปะการแสดง ด้านการแสดงพื้นบ้านภาคเหนือและด้านดนตรีพื้นบ้านล้านนา ด้านการบรรเลงและการประพันธ์เพลงสร้างสรรค์ดนตรีพื้นบ้านล้านนา ซึ่งการประกวด “รวมศิลป์พื้นบ้านภาคเหนือ” ในครั้งนี้มีผลการประกวดดังนี้

1. รางวัลชนะเลิศ ได้รับถ้วยพระราชทานในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัลจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จำนวน 100,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ได้แก่ คณะกาสะลองเงิน จังหวัดเชียงราย

2. รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้รับถ้วยรางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และเงินรางวัลจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จำนวน 80,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ได้แก่ คณะต้นกล้าดาราภิรมย์ จังหวัดเชียงใหม่

3. รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้รับถ้วยรางวัลจากปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และเงินรางวัลจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จำนวน 50,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ได้แก่ คณะร่มบัวสวรรค์ (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี) จังหวัดปทุมธานี

4. รางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล เงินรางวัลจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จำนวน 10,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ได้แก่ คณะลูกน้ำของ (โรงเรียนอนุบาลเชียงของ) จังหวัดเชียงราย และคณะยุ้งข้าวสตูดิโอ จังหวัดเชียงใหม่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE ECONOMY

‘เบียนนาเล่ เชียงราย’ เงินสะพัดกว่า 2.4 หมื่นล้าน นักท่องเที่ยว 2.7 ล้านคน

 

เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 นายประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาล โดย กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มอบหมายให้สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) จัดงานมหกรรมศิลปะนานาชาติไทยแลนด์เบียนนาเล่ เชียงราย ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 -30 เมษายน2567 โดยได้มีการประชุมเพื่อสรุปผลการดำเนินงาน พบว่า การดำเนินงานเป็นหลักสำคัญในการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ ทั้งด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว และด้านการส่งเสริมเทศกาล หรือเฟสติวัล ซึ่งจากการเก็บข้อมูล ของ สศร. ร่วมกับ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สรุป ยอดผู้เข้าชมงาน จัดแสดง ใน 3 ส่วนสำคัญ ณ วันที่ 21 เมษายน รวมจำนวน 2,790,964 คน โดยแบ่งเป็นเข้าชมนิทรรศการหลัก แสดงผลงานศิลปะการจัดวางเฉพาะพื้นที่ของศิลปิน 60 คนในเขต อ.เมือง อ.เชียงแสน และอ.แม่ลาว จำนวน 17 จุด จำนวน 714,235 คน ส่วนที่ Pavilion หรือ ศาลา แสดงผลงานนิทรรศการกลุ่มของศิลปิน พิพิธภัณฑ์ และองค์กรต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ 13 แห่ง มีผู้เข้าชมจำนวน 42,893 คน และในส่วน Collateral Events กิจกรรมพิเศษ มีผู้เข้าชม จำนวน 2,033,836 คน มีการเข้าถึงสื่อประชาสัมพันธ์ออนไลน์ ทาง Facebook Instagram YouTube TikTok จำนวนมากเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นของมิติศิลปะ รวม 22,403,688 ครั้ง และมีการปฏิสัมพันธ์ทางสื่อโซเชียลเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว

 

นายประสพ กล่าวอีกว่า ขณะที่การเก็บข้อมูลตัวเลขเชิงเศรษฐกิจ จาก การประมาณการของสำนักงานสถิติแห่งชาติ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พบว่า มีนักท่องเที่ยว ใน จ.เชียงรายเพิ่มมากขึ้น ร้อยละ 11 เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนไม่ต่ำกว่า 24,000 ล้านบาท เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจในพื้นที่ ในช่วงการจัดงาน มีการจ้างงาน 8,000 กว่าอัตรา โดยเป็นการจ้างในระบบประกันสังคม 844 อัตรา ชุมชนได้รับประโยชน์จากการจัดงาน 560 ชุมชน มีศิลปินทั้งในและต่างประเทศตั้งใจมาชมงานนี้โดยตรง 1,000 กว่าคน มี สถาบันการศึกษาทุกระดับมาดูงาน เกิน 500 กว่าแห่ง จึงเห็นภาพของจำนวนคนและการเข้าถึงงานเป็นอย่างมาก ซึ่ง นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ในฐานะผู้นำการจัดงาน แสดงข้อคิดเห็นว่า ต่อไป ไม่ต้องมีคำอธิบายแล้วว่า ไทยแลนด์เบียนนาเล่คืออะไร เพราะคนไทยมีความเข้าใจ และเข้าถึงงานศิลปะแล้ว และที่สำคัญ ได้เกิดการทำงานร่วมระหว่างหน่วยงานรัฐ ศิลปินไทย และต่างชาติ ช่างฝีมือ ลูกมือทำงาน เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ และถ่ายทอดองค์ความรู้ ระหว่างกันทำให้ศิลปิน และชาวชุมชนทุกที่มีความผูกพัน และมีความภูมิใจที่ได้ทำงานศิลปะระดับโลกให้เกิดขึ้นในประเทศไทย

 

“ผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นเกินความคาดหวัง เกิดผลทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม อย่างไรก็ตาม สศร. จะมีการถอดบทเรียนจากการจัดงานครั้งนี้ ไปทำการศึกษาวิจัย เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาการจัดงานในครั้งต่อไป ที่ จ.ภูเก็ต ในปี 2568 และจะมีการสรุปข้อมูลภาพรวมอย่างเป็นทางการโดย สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. หลังการจัดงาน ในระยะเวลา 3 เดือน เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป” ผอ.สศร.

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

วัฒนธรรมเชียงราย โชว์เหนือ คว้าโล่รางวัลชุมชนต้นแบบ 3 ปีติด

 

เมื่อวันจันทร์ที่ 22 เมษายน 2567 ณ หอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรมกระทรวงวัฒนธรรมจัดพิธีมอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ 10 สุดยอด ชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดย  นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยมีนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้นำชุมชน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วม ณ หอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม

 ทั้งนี้ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้ นางสุภาพรรณ  หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายพิสันต์  จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เข้ารับโล่รางวัลผู้สนับสนุนการขับเคลื่อนชุมชนฯ

 

ในการนี้ พระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา และนายอานนท์  สมพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านสบคำ เข้ารับโล่รางวัล 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

 

ในโอกาสนี้ ชุมชนคุณธรรมฯ วัดพระธาตุผาเงา (บ้านสบคำ) ได้นำทุนทางวัฒนธรรมของชุมชนมาพัฒนาต่อยอดสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรือ Soft Power ด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดคุณค่าและมูลค่าอย่างสร้างสรรค์ โดยร่วมจัดแสดงนิทรรศการ สาธิตภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม และนำผลิตภัณฑ์ชุมชน อาทิ ผ้าทอล้านนาลายอัตลักษณ์เชียงแสน และสมุนไพรวัดพระธาตุผาเงา มาร่วมจัดแสดงในงานดังกล่าวด้วย

 

ทั้งนี้ จังหวัดเชียงรายโดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กำหนดจัดพิธีเปิดสุดยอดชุมชนคุณธรรมต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ชุมชนคุณธรรมฯ วัดพระธาตุผาเงา (บ้านสบคำ) โดยได้รับเกียรติจาก นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม จะมาเป็นประธานในพิธีฯ ในวันเสาร์ที่ 27 เมษายน 2567 เวลา 9.00 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณลานจอดรถ1 วัดพระธาตุผาเงา ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย กิจกรรมประกอบด้วย การแสดงศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้าน อาทิ การขับทุ้ม การตีกลองหลวง การเต้นบาสโลบ เป็นต้น การสาธิตภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม อาทิ วิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ไท-ลาว การบายศรีสู่ขวัญ อาหารพื้นบ้าน ภูมิปัญญาของโรงเรียนสามวัยวัดพระธาตุผาเงา ฯลฯนิทรรศการของส่วนราชการ ชุมชนต่างๆ ชมและช้อปสินค้าทางวัฒนธรรม CPOT และสินค้าชุมชนในตลาดวัฒนธรรม “อิ่มบุญ ยลวิถีผาเงา” และลานวัฒนธรรมสร้างสุข

          จังหวัดเชียงราย เป็นจังหวัดเดียวที่ได้รับการคัดเลือกสุดยอดชุมชนคุณธรรมต้นแบ “เที่ยวชุมชนยลวิถี” ติดต่อกัน 3 ปี คือ พ.ศ.2564 ชุมชนวัดท่าข้ามศรีดอนชัย อ.เชียงของ, พ.ศ.2565 ชุมชนบ้านเมืองรวง อ.เมืองเชียงราย และ พ.ศ.2566 ชุมชนวัดพระธาตุผาเงา(บ้านสบคำ) อ.เชียงแสน

ความศักดิ์สิทธิ์ของวัดพระธาตุผาเงาตามความเชื่อของชาวบ้านนั้น เชื่อกันว่าหากใครเจ็บไข้ได้ป่วยแล้วมาสักการบูชาที่วัดนี้ อาการป่วยก็จะทุเลาลงและหายในที่สุดอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

ตั้งอยู่บ้านสบคำ ตำบลเวียง สันนิษฐานว่าเป็นวัดที่สำคัญในสมัยอาณาจักรโยนก เดิมชื่อว่า วัดสบคำ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ต่อมาถูกกระแสน้ำพัดพังทลายลงเกือบหมดวัดจึงได้สร้างวัดขึ้นมาใหม่ ปี พ.ศ. 2519 มีการปรับพื้นที่บริเวณวัดใหม่จึงมีการขุดพบพระพุทธรูป อายุระหว่าง 700-1,300 ปี จึงได้เรียกพระพุทธรูปว่า “หลวงพ่อผาเงา” คำว่า “ผาเงา” หมายถึง เงาของก้อนผาหรือก้อนหิน ซึ่งมีขนาดใหญ่ทรงคล้ายเจดีย์ เวลาพระอาทิตย์ส่องผ่านก้อนหินทำให้เกิดเงาขนาดใหญ่ ชาวบ้านจึงเรียกว่า “พระธาตุผาเงา”

 

สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ – พระอุโบสถ เป็นอาคารไม้แกะสลักด้วยไม้สักทอง สถาปัตยกรรมแบบล้านช้างผสมผสานล้านนา ภายในประดิษฐาน พระเชียงแสนสิงห์ 1 เป็นพระประธาน มีพุทธลักษณะงดงาม มีจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ – หอพระบรมฉายามหาราชพุทธิรังสรรค์ ภายในมีอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราชและพระฉายาลักษณ์ของราชวงศ์ รวมทั้งบุคคลสำคัญที่มาเยือนวัดพระธาตุผาเงา – วิหารหลวงพ่อผาเงา ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหลวงพ่อผาเงา

 

ซึ่งถูกขุดพบเมื่อมีการปรับแต่งพื้นที่ของวัดมีพุทธลักษณะงดงาม จึงตั้งชื่อว่า “หลวงพ่อผาเงา” และเปลี่ยนชื่อวัดใหม่จากเดิมที่ชื่อวัดสบคำ มาเป็นวัดพระธาตุผาเงา – พระธาตุผาเงา ตั้งอยู่บนยอดหินก้อนใหญ่ คำว่าผาเงา ก็คือเงาของก้อนหิน มีลักษณะสูงใหญ่คล้ายรูปทรงเจดีย์และสร้างร่มเงาได้ดีมาก – พระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ ตั้งอยู่บนยอดเขา เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่สร้างครอบองค์พระธาตุเจ็ดยอดที่เหลือแต่ซากฐาน สูง 5 เมตร ภายในยังมีฐานของพระธาตุเจ็ดยอดองค์เดิมและมีภาพเขียนฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวพระราชประวัติพระนางจามเทวี ด้านนอกสามารถเดินรอบได้ลักษณะคล้ายป้อมปราการ

 

สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงามได้โดยรอบ – สกายวอร์กผาเงา 3 แผ่นดิน ตั้งอยู่ใกล้กับพระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ ห่างจากแม่น้ำโขงประมาณ 400 เมตร เป็นสะพานกระจกรูปแปดเหลี่ยม มีความสูง 25 เมตร ทางเข้าและออกเชื่อมต่อกับถนนรอบพระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ เป็นทางเดินพื้นกระจกนิรภัยลามิเนตและโลหะ สามารถเห็นวิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำโขงทั้งฝั่งไทย และบ้านดอนสะหวัน เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

 

มีบริการรถรับส่งบริเวณลานจอดรถหน้าพระอุโบสถ อัตราค่าเข้าชม สกายวอร์ก วัดพระธาตุผาเงา ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็กสูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร ไม่มีค่าใช้จ่าย จำกัดจำนวนผู้เข้าชมรอบละ 10

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News