Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ผู้ว่าฯ เชียงราย เตรียมจัดขบวนพาเหรด มหาสงกรานต์ 2024 เย็นทั่วหล้า

 
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2567 เวลา 14.00 น. วธ. ร่วมประชุมหารือคณะทำงานพิจารณารูปแบบการจัดขบวนรถสงกรานต์ ในขบวนพาเหรด งาน Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 ณ ห้องประชุมอู่หลง ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย

    

นายพุฒิพงษ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมฯ พร้อมด้วย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ และผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณารูปแบบการจัดขบวนรถสงกรานต์ สำหรับร่วมขบวนพาเหรดในงาน Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ ปี 2567 ในวันที่ 11 เมษายน 2567 ตั้งแต่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ถนนราชดำเนินกลาง และไปสิ้นสุดจอดขบวนพาเหรด ณ ท้องสนามหลวง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

    

ทั้งนี้ งาน Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ ปี 2567 กำหนดจัดระหว่างวันที่ 11 – 15 เมษายน 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์และสืบทอดประเพณีไทย  รวมทั้ง เฉลิมฉลองในโอกาสที่ยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้ “สงกรานต์ในประเทศไทย” เป็นรายการมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ กระตุ้นการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว และผลักดันให้ประเทศไทย ติด 1 ใน 10 ประเทศสุดยอดเฟสติวัลของโลก

    

ในการนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้ นางสาวณพิชญา นันตาดี นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นายอภิชาต กันธิยะเขียว นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ เข้าร่วมการประชุมฯ ดังกล่าวด้วย

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย จัดอบรมการออกแบบอำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุและผู้ทุพพลภาพ

 

เมื่อวันพุธที่ 6 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 น. นายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการความรู้พื้นฐานในการออกแบบและปรับปรุงสภาพแวดล้อม เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุและผู้ทุพพลภาพ โดยมี สิบเอกวิมล รู้ทำนอง ผอ.กองยุทธศาสตร์และงบประมาณ รักษาราชการแทน ผอ.กองสาธารณสุข อบจ.เชียงราย กล่าวรายงาน และมีนางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการ อบจ.เชียงราย นายไพรัช มหาวงศนันท์ หน.ฝ่ายบริการสาธารณสุข อบจ.เชียงราย และบุคลากร กองสาธารณสุข อบจ.เชียงราย เข้าร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ด้วย

 

การจัดโครงการและกิจกรรมออกแบบและปรับปรุงสภาพแวดล้อม ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพ จ.เชียงราย และได้รับความร่วมมือ ระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มช่างชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 150 คน มีการแบ่งจัดกิจกรรม ออกเป็น 3 รุ่น ซึ่งในวันนี้ เป็นรุ่นที่ 2 จำนวน 50 คน ได้แก่ อ.ดอยหลวง อ.เวียงเชียงรุ้ง อ.แม่ลาว อ.แม่ฟ้าหลวง อ.ขุนตาล อ.เวียงแก่น อ.พญาเม็งราย อ.เวียงป่าเป้า และ อ.แม่สรวย 
 
 
โดยมีวิทยากรจากศูนย์รังสิตด้านกายภาพ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นผู้ให้ความรู้ตลอดการอบรม ณ ห้องประชุมสภา อบจ.เชียงราย ชั้น 4
 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI

มทบ.37 เชียงรายเปิดโครงการ“ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง”

 

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2567 ที่สนามฝึกหน้ากองร้อยมณฑลทหารบกที่ 37 ค่ายเม็งรายมหาราช อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย พันเอก รัตนสิทธิ์ แจ่มรัตนกุล รองเสนาธิการ มณฑลทหารบกที่ 37 เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง” ประจำปี 2567 เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งในพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดารในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยมีเครือข่ายหน่วยงานด้านบรรเทาสาธารณภัยในจังหวัดเชียงรายบูรณาการการทำงานร่วมกัน ประกอบด้วย ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 เชียงราย เทศบาลนครเชียงราย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย การประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดเชียงราย

 

พันเอก รัตนสิทธิ์ แจ่มรัตนกุล รองเสนาธิการ มณฑลทหารบกที่ 37 กล่าวว่า “ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 37 ร่วมกับภาคส่วนราชการในพื้นที่ ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น จึงได้บูรณาการทรัพยากรและศักยภาพของแต่ละหน่วยงาน เพื่อเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน กองทัพบกได้มีนโยบายให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ตลอดจนมุ่งหวังในการแก้ไขปัญหา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และลดผลกระทบอันเกิดจากสถานการณ์ภัยแล้งให้กับพี่น้องประชาชน”
 
 
ทั้งนี้ ภายหลังการกล่าวปิดโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง” ประจำปี 2567 เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งในพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดารในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ได้มีการปล่อยแถวพาหนะรถยนต์บรรเทาสาธารณภัย อุปกรณ์ เครื่องมือบรรเทาสาธารณภัย กำลังพล เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาคีเครือข่ายศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 37 เป็นการแสดงออกถึงซึ่งความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้ง และประสบสาธารณภัยต่างๆในพื้นที่จังหวัดเชียงรายต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

สมาคมกีฬาร่วมเทศบาลนครเชียงรายขับเคลื่อนเมืองแห่งกีฬา ปี2567

 
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2567 เทศบาลนครเชียงรายโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ร่วมการประชุมใหญ่สามัญประจำปี พ.ศ.2567 สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย โดยมีนางรัตนา จงสุทธานามณี นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย คณะกรรมการบริการสมาคมฯ จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี พ.ศ.2567 ณ โรงแรมเดอะริเวอร์รี บายกะตะธานี จังหวัดเชียงราย พร้อมประธานฝ่ายกีฬา ผู้แทนฝ่ายกีฬา ทุกชนิดกีฬา รวมทั้ง นางชญาณ์นันท์ เชื้อศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงราย เข้าร่วมประชุม
 
 
นางรัตนา จงสุทธานามณี นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย ได้แจ้งที่ประชุม ในการเตรียมความของสมาคมกีฬาฯ ในการเตรียมจัดส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน กีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 39 ราชบุรีเกมส์ 21-31 มีนาคม 2567 และ การแข่งขันกีอาวุโสแห่งชาติ เมืองโอ่งเกมส์ ระหว่างวันที่ 19-26 เมษายน 2567 ที่จังหวัดราชบุรี ขณะนี้ทางสมาคมฯ มีความพร้อมในการจัดส่งนักกีฬาเข้าทำการแข่งขัน เพื่อสร้างชื่อเสียงให้จังหวัดเชียงราย
 
 
นายวันชัย จงสุทธานามณี ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย กล่าวในช่วงท้ายว่า ในฐานะที่ดำรงดำแหน่ง นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมที่ร่วมขับเคลื่อนไปพร้อมกับสมาคมกีฬาฯ ในการสร้างนักกีฬา การจัดการแข่งขันกีฬาแต่ละชนิดกีฬาในพื้นที่ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายในการพัฒนาเมืองแบบสามมิติ ที่ชาวเทศบาลนครเชียงราย จะมีสุขภาพแข็งแรง จากการออกกำลังกาย และสร้างนักกีฬารุ่นใหม่ขึ้นมา ปัจจุบันได้ผลักดันให้โรงเรียนเทศบาล 5 เด่นห้า และโรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย โชว์ความสามารถของเด็กนักเรียนที่ชอบกีฬาออกมา เพื่อมุ่งสู่นักกีฬาระดับจังหวัดและประเทศต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

มฟล.ร่วมท้องถิ่นประกาศอนุรักษ์ เวียงหนองหล่ม จุดท่องเที่ยว “สายมู”

 

เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2567 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ร่วมกับ เทศบาล ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย จัดให้มีพิธี “ฟื้นใจเวียงหนองด้วยศรัทธา สืบชะตาป่าต้นอั้น” ณ ปางควาย หมู่บ้านป่าสักหลวง ต.จันจว้า ภายในพื้นที่ “เวียงหนองหล่ม” ซึ่งมีการอนุรักษ์พืชเรียกว่า “ต้นอั้น” ซึ่งเป็นไม้ท้องถิ่นที่เชื่อกันว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ใช้ในการทำของชลังด้วย ทั้งนี้มีมีลักษณะคล้ายป่าโกงกางแต่อยู่ในน้ำจืด และเคยมีอยู่อย่าหนาแน่นในเวียงหนองหล่ม โดยในพิธีมีการทำบุญพระสงฆ์และมีการสืบชะตาป่าต้นอั้น ขบวนสักการะบูรพกษัตริย์อาณาจักรโยนกนาคพันธุ์สิงหนวัติซึ่งเคยตั้งอยู่ที่เวียงหนองหล่มดังกล่าวและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และมีการกล่าวโองการฟื้นใจเวียงหนอง เปิดป้ายโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ พื้นที่อนุรักษ์ป่าต้นอั้น ดังกล่าวด้วย

 
 
จากนั้นนายทนงศักดิ์ ทองแสน นายกเทศมนตรี ต.จันจว้า ในฐานะประธานในพิธี และ รศ.ดร.พลวัฒ ประพัฒน์ทอง หัวหน้าโคงการวิจัยภูมิทัศน์ของตำนานพื้นที่แอ่งเชียงแสน มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และคณะได้ร่วมกันประกาศให้เวียงหนองหล่มเป็น “สถานะบุคคลทางวัฒนธรรมเวียงหนองหล่ม” โดยมีสัญลักษณ์เป็นการการผูกผ้าบนเสาใจเมืองเวียงหนองที่ตั้งอยู่ตรงพื้นที่อนุรักษ์ป่าต้นอั้นดังกล่าวพร้อมมีการโปรยข้าวตอกดอกไม้เป็นสัญลักษณ์ว่าพื้นที่แหง่นี้จะได้รับการอนุรักษ์ต่อไป
 
 
นายทนงศักดิ์ กล่าวว่า เวียงหนองหล่มมีตำนานและประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน รวมทั้งมีธรรมชาติโดยเฉพาะแหล่งน้ำและต้นไม้คือะต้นอั้นที่บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีการบุกรุกจนกลายเป็นปัญหาที่หมักหมมม ดังนั้นทางท้องถิ่นจึงยินดีอย่างมากที่ทาง มฟล.ได้เข้าไปร่วมในการอนุรักษ์เพราะพื้นที่แห่งนี้รายล้อมด้วยประชากรที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมมากถึง 90% เดิมมีมีพื้นที่กว่า 20,000 ไร่ แต่เพราะแนวเขตไม่ชัดเจนทำให้ในปัจจุบันเหลืออยู่เพียงแค่ประมาณ 15,000 ไร่ รวมทั้งยังมีคดีฟ้องร้องกันระหว่างเทศบาลและเอกชนที่พยายามจะเข้าไปครอบครองอีกกว่า 3-4 ราย
 
 
รศ.ดร.พลวัฒ กล่าวว่า การประกาศครั้งนี้ถือเป็นการเริ่มต้นร่วมกันฟื้นฟูเวียงหนองหล่ม และหลังจากนี้ก็จะร่วมกับชาวบ้านในการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพราะเวียงหนองหล่มถือเป็นสถานที่ที่มีตำนานและประวัติศาสตร์ ชาวบ้านก็มีวัฒนธรรมประเพณีที่มีเอกลักษณ์ การส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยเฉพาะ “สายมู” จะสามารถควบคู่ไปกับการฟื้นฟูและอนุรักษ์เวียงหนองหล่มในอนาคตได้เป็นอย่างดี
 
 
รายงานข่าวแจ้งว่า “เวียงหนองหล่ม” มีตำนานว่าเป็นที่ตั้งของอาณาจักรโยนกนาคพันธุ์สิงหนวัติและในวันเสาร์ เดือน 7 แรม 7 ค่ำ พ.ศ.1003 หรือมากกว่า 1,500 ปีมาแล้ว ชาวบ้านได้จับปลาไหลเผือกแล้วนำมาแบ่งกันกินยกเว้นแม่หม้ายคนหนึ่ง ต่อมาเมืองได้สล่มสลายลงกลายเป็นหนองน้ำ มีเพียงแม่หม้ายคนดังกล่าวที่รอดตายป้จจุบันยังมีเกาะอยู่กลางน้ำเรียกว่าเกาะแม่หม้าย
 
 
อย่างไรก็ตาม คาดการกันว่าน่าจะเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวในอดีต ขณะที่ในยุคปัจจุบันมีชาวบ้านเข้าไปใช้ประโยขน์เลี้ยงกระบือหรือควาย ทำประมง ฯลฯ แต่ก็มีผู้เอกชนซึ่งบางรายเป็นรายใหญ่และมีนามสกุลชื่อดังเข้าไปถือครองโดยรอบเวียงหนองหล่ม หลังเกิดการฟ้องร้องบางรายยอมคืนที่ดินให้กับเทศบาลแต่บางรายยังสู่คดีกันอยู่
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
All

ไฟป่าเริ่มลามจากเมียนมา แม่สายระดมกำลังต้าน เห็นเปลวไฟแต่เข้าดับไม่ได้

 

เมื่อวันที่ 6 มี.ค.67 ได้เกิดไฟไหม้ป่าละเมาะขึ้นบริเวณพื้นที่แนวชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่งไทยคือหมู่บ้านผาฮี้ ต.โป่งงาม และบ้านผาหมี ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยไฟได้ลุกไหม้มาจากฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และจะเข้าสู่ฝั่งไทยซึ่งมีถนนเลียบชายแดนกั้นอยู่ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารร้อย ม.2 ฉก.ทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุงฯ ผู้นำชุมชน และชาวบ้าน ได้ระดมกำลังกันเข้าระงับเหตุโดยเฉพาะบริเวณช่องทางศูนย์บำบัดผาหมีที่มีหญ้าและต้นไม้แห้งปกคลุมอยู่มาก

 
เจ้าหน้าที่และชาวบ้านต้องใช้เวลานานประมาณ 5 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แต่ไฟก็ลามเข้ามาไหม้ในฝั่งไทยจนมีพื้นที่ได้รับความเสียหาย ประมาณ 6 ไร่ แต่ไม่มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตามหลังไฟลุกลามยังคงมีการคุกรุ่นและลุกไหม้ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอยู่ ทำให้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านยังคงต้องเฝ้าระวังรวมทั้งพากันทำแนวกันไฟ เพื่อป้องกันไฟที่อาจจะลุกลามเข้ามาอีกเพระฝั่งไทยมีต้นไม้โดยเฉพาะต้นสนหนาแน่น รวมทั้งมีบ้านเรือนประชาชนอยู่ด้วย
 
 
วันเดียวกันนางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้ลงพื้นที่กำกับติดตามการรับมือไฟป่า หมอกควันในพื้นที่อ.เชียงแสน และอ.เชียงของ หลังเริ่มมีสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ และค่าหมอกควัน ฝุ่นละออง PM2.5 มีความรุนแรงมากขึ้น จึงทำให้นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว ที่จะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน โดยเน้นย้ำให้มีการแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นต้องทั่วถึง ทันท่วงที เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่รวดเร็ว ถูกต้อง อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ค่าฝุ่นสูงขึ้น คือ หมอกควันข้ามแดน จึงได้สั่งการให้นายอำเภอ ประสานงาน และเจรจาขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านในระดับพื้นที่ เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนอย่างเต็มที่
 
 
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ยังได้กล่าวขอบคุณพร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและ PM2.5 พร้อมทั้งยังได้แสดงความชื่นชมทุกในการเสียสละแรงกาย และแรงใจ เพื่อชาติ บ้านเมือง และประชาชน โดยเน้นย้ำว่าทางจังหวัดเชียงรายพร้อมให้การสนับสนุนภารกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและ PM2.5 อย่างเต็มที่
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รพ.แม่สาย เร่งเพิ่มเครื่องฟอกอากาศ รับสถานการณ์ PM 2.5

 

เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 67 สภาพอากาศพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบว่ามีฝุ่นละอองและหมอกควันหนาตากว่าที่ผ่านมา และสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที 1 (เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน) รายงานว่ามีค่าฝุ่นละอองขนาด PM 2.5 เกินมาตรฐานตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-5 มี.ค.ครอบคลุมทุกจังหวัดโดย จ.เชียงราย เกินมาตรฐานแล้ว 35 วัน ส่วนกรมควบคุมมลพิษรายงานเวลา 07.00 น.วันเดียวกันว่ามีค่า PM 2.5 สูงถึง 119.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศเมตร และมีค่าคุณภาพอากาศอยู่สูงถึง 245 AQI 

 

ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แตกต่างจากเขต อ.เมืองเชียงราย ที่มีปริมาณ PM 2.5 เพียง 46.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรและค่าคุณภาพอากาศอยู่ที่ 125 AQI ทั้งๆๆ ที่ อ.แม่สาย ไม่พบจุดความร้อนจากการตรวจด้วยดาวเทียมเลยตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.-5 มี.ค.นี้ กระนั้นสำนักงานฯ รายงานว่าดาวเทียมระบุว่าจุดความร้อนพบว่าในพื้นที่รัฐฉาน ประเทศเมียนมา ติดกับ จ.แม่ฮ่องสอน และ จ.เชียงใหม่ จนเกิดเป็นกลุ่มสีแดงอย่างชัดเจน

 

.
ด้านนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย กล่าวว่าได้มอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงราย ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่อ.แม่สาย จัดทำห้องปลอดฝุ่นพร้อมเครื่องฟอกอากาศ โดยเฉพาะตามศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทุกแห่งให้มีจำนวน 130 แห่ง และได้มอบหมายให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ออกเดินเคาะประตูบ้านให้คำแนะนำกลุ่มเสี่ยงคือเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคระบบทางเดินหายใจ และผู้ป่วยติดเตียง ฯลฯ อย่างต่อเนื่อง สำหรับประชาชนทั่วไปควรสวมหน้ากากอนามัยที่ป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคทางเดินหายใจ รวมไปถึงให้อยู่แต่ในพื้นที่ปลอดภัย เช่น ภายในบ้านหรืออาคาร ฯลฯ ที่เป็นพื้นที่ปิดหรือหากมีเครื่องฟอกอากาศควรจะเปิดเอาไว้ตลอดด้วย
 
.
ล่าสุดนางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้เดินทางไปดูความพร้อมที่ อ.แม่สาย พบว่าได้มีการเตรียมห้องปลอดฝุ่นไว้แล้ว 130 ห้อง ทั้งในโรงพยาบาลแม่สาย 50 ห้อง มีระบบความดันอากาศ 14 ห้อง สำนักงานสาธารณสุข อ.แม่สาย 1 ห้อง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 12 ห้อง ขณะที่โรงพยาบาลแม่สายได้เพิ่มเครื่องฟอกอากาศจากจำนวน 97 เครื่อง เป็น 205 เครื่องแล้ว โดยนำไปประจำทุกจุดบริการ ขณะที่มีกลุ่มเสี่ยงต่อฝุ่น PM 2.5 เช่น โรคทางเดินหายใจ หัวใจ ฯลฯ รวมจำนวนกว่า 21,825 คน.
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย เพิ่มประสิทธิภาพการออมทุนลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน

 

เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2567 ที่โรงแรมเชียงรายแกรนด์รูม ตำบลสันทราย อำเภอเมืองเชียงราย นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงานมหกรรมการออมทุนชุมชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เนื่องในวันคล้ายวันก่อตั้งกลุ่มออมทรัพย์ เพื่อการผลิต ครบรอบ 50 ปี โดยมีนางอำไพ บัวระดก พัฒนาการจังหวัดเชียงราย นำหัวหน้าส่วนราชการ พัฒนาการอำเภอ นักวิชาการพัฒนาชุมชนจังหวัด อำเภอ คณะกรรมการเครือข่ายกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตระดับอำเภอและสมาชิก กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต 18 อำเภอ กว่า 70 คน เข้าร่วม

 

 

นางอำไพ บัวระดก พัฒนาการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตเป็นองค์กรการเงินสำคัญของกรมการพัฒนาชุมชน โดยกรมการพัฒนาชุมชนได้ส่งเสริมให้ประชาชนมารวมตัวกันออมเงินตามศักยภาพของตนเอง ซึ่งเป็นการสร้างหลักประกัน สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่สมาชิกในครัวเรือน ช่วยเหลือคนในชุมชน โดยในปีนี้เป็นปีการก่อตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ครบรอบ 50 ปี กรมการพัฒนาชุมชน เป็นองค์กรที่เป็นเครื่องมือสำคัญ ในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ และการมีส่วนร่วมของชุมชน ตามภารกิจของกรมการพัฒนาชุมชน และภารกิจของกระทรวงมหาดไทย ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของประชาชน แก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน และกล่าวต่อไปว่าปัจจุบันจังหวัดเชียงราย มีกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ทั้งสิ้น 610 กลุ่ม สมาชิก 71,741 ราย เงินสัจจะสะสม 710,475,737 บาท (เจ็ดร้อยสิบล้านสี่แสนเจ็ดหมื่นห้าพันห้าร้อยสามสิบเจ็ดบาทถ้วน)
 
 
นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต เป็นองค์กรการเงินที่สำคัญของกรมการพัฒนาชุมชน ที่เป็นองค์กรส่งเสริมให้ประชาชนมารวมตัวกันออมเงิน ตามศักยภาพของตนเอง สร้างหลักประกัน สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่สมาชิกในครัวเรือน รวมถึงช่วยเหลือคนในชุมชน สอดคล้องกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกัน และการมีความรู้ควบคู่คุณธรรม โดยยึดหลักคุณธรรม 5 ประการ ได้แก่ ความซื่อสัตย์ ความเสียสละ ความรับผิดชอบ ความเห็นอกเห็นใจ ความไว้วางใจกัน ตลอดจนวิถีการดำรงชีวิตของคนในชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานในการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นต่อไป
 
 
จากนั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มอบเกียรติบัตรให้แก่กลุ่มออมทรัพย์ เพื่อการผลิตดีเด่น และสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ เพื่อการผลิตดีเด่น จำนวน 35 ราย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่สมาชิกออมทรัพย์ นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมรณรงค์ให้กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต รับสมัครสมาชิกเพิ่ม ประชาสัมพันธ์เพิ่มเงินสัจจะสะสม 50บาท หรือฝากเงินสัจจะสะสมพิเศษ จำนวน ๕o บาทขึ้นไป เวทีเสวนา ในหัวข้อ “ความสำเร็จของการดำเนินงานกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต” 
 
 
บูธนิทรรศการแสดงถึงความสำเร็จของการดำเนินงานกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต รวมถึงจัดคลินิกให้คำแนะนำเรื่องการจัดทำบัญชี การดำเนินกิจกรรมเครือข่ายฯ การวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านการเงิน และบูธภาคีเครือข่ายจากสถาบันการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย มูลนิธิไทยเครดิต ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และบริษัทไทยประกันชีวิต
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

พล.ต.อ.พัชรวาทฯ กำชับให้กรมอุทยานฯ ดูแลการสู้ไฟป่าต้องคำนึงความปลอดภัย

 

เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 67 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่านายพินิจ คงประพันธ์ หัวหน้าอุทยานขุนน่าน ได้รายงานกรณีมีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนป่าและเฝ้าระวังไฟป่า เสียชีวิต 1 นาย โดยเจ้าหน้าที่ของหน่วยพิทักษ์ฯ ที่ ขน.1 (นาขวาง) จำนวน 4 นาย ได้ออกปฏิบัติงานลาดตระเวนป้องกันการกระทำผิด และเฝ้าระวังไฟป่า ลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบ กระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น. ขณะลาดตระเวนถึงลำน้ำว้า บริเวณสบแปด ท้องที่บ้านผาสุก หมู่ที่ 3 ตำบลภูฟ้า อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน นายพันศักดิ์ ใจมงคล อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวน มีอาการช็อค หมดสติล้มลงกระทันหัน เจ้าหน้าที่ร่วมชุด ช่วยกันปั้มหัวใจ แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ จึงประสานงานพนักงานสอบสวน สภ.บ่อเกลือแพทย์ ร.พ.บ่อเกลือ เพื่อดำเนินการ ต่อไป

 

ในวันเดียวกัน ได้รับรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บจากการปฏิบัติงานดับไฟป่า จำนวน 2 ราย รายแรกได้รับรายงานจาก นายนุชิต จันทาพูน หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าจอมทอง ว่านายประกอบ ศรีติ๊บ เจ้าหน้าที่ดับไฟป่า ขณะปฎิบัติหน้าที่ดับไฟป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง เกิดอาการสำลักควัน มีความดันต่ำมาก หน้ามืด อาเจียนและเป็นตะคริว เจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงานร่วมกัน จึงแจ้งหัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าจอมทองให้ทราบ และแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยอุทยานแห่งชาติออบหลวง มาช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากบนเขาที่ปฏิบัติงานดับไฟป่า ลงมายังรถพยาบาลของอุทยานฯ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ล่าสุด อาการดีขึ้นตามลำดับจนปลอดภัยแล้ว จึงได้กลับไปพักฟื้นที่หน่วยดับไฟเคลื่อนที่บ้านห้วยม่วง
 
 
เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากการดับไฟป่ารายที่ 2 ได้รับรายงานจากนายบัณฑิต ฉิมชาติ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีน่าน โดยเจ้าหน้าที่ซึ่งเดินทางมาสนธิกำลังช่วยควบคุมไฟป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ได้แก่นายวัชรินทร์ คงธนาวินิจ เจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าแม่จริม ขณะปฏิบัติงานเกิดอาการฮีทสโตรก หรือโรคลมแดด เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายวัชรินทร์ฯ ส่งโรงพยาบาลอำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นสถานพยาบาลใกล้จุดเกิดเหตุ แพทย์ตรวจวินิจฉัยแล้วเห็นว่ามีอาการขาดน้ำ มีตะคริว และค่าไตสูง สอบถามข้อมูลทราบว่านายวัชรินทร์ฯ ได้เข้าดับไฟป่าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 2 -3 มีนาคม 2567 เนื่องจากสภาพพื้นที่เข้าดับไฟป่ามีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน ประกอบกับการปฏิบัติงานที่เหนื่อยล้า จึงส่งผลให้นายวัชรินทร์ฯ เกิดอาการฮีทสโตรกหรือโรคลมแดด ตรวจสอบอาการล่าสุดทราบว่านายวัชรินทร์ฯ อาการดีขึ้นตามลำดับและปลอดภัยแล้ว
 
 
สำหรับสถานการณ์ไฟป่า ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติศรีน่าน โดยเฉพาะบริเวณป่าห้วยป่าตึง ผายายบาด ห้วยมดส้ม เจ้าหน้าที่ได้จัดทำแนวกันไฟ และใช้แนวธรรมชาติ เช่น ลำห้วยขาม แม่น้ำน่าน เป็นแนว และตรึงกำลังเฝ้าระวังในพื้นที่ เพื่อป้องกันไฟป่าลุกลามไปจุดอื่น ซึ่งขณะนี้เสียหายไปแล้วกว่า 5 หมื่นไร่
 
 
นายอรรถพลฯ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวต่อว่า ได้รายงานให้พล ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบแล้ว สำหรับกรณีที่เจ้าหน้าที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยพล.ต.อ.พัชรวาท ได้แสดงความห่วงใยต่อการปฏิบัติงานอันยากลำบากของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะต้องคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่เป็นหลัก และขอให้กรมอุทยานฯดูแลสวัสดิภาพสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บโดยให้การช่วยเหลือขั้นสูงสุด
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

เชียงราย ส่งทีมจับร้านบุหรี่ไฟฟ้า ลักลอบขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์

 

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 เวลา 18.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว. เชียงราย และ พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย ได้สั่งการให้ฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจ นำโดย นายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกันจังหวัดเชียงราย ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงรายที่ 1 ปลัดอำเภอเมืองเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองเชียงรายที่ 3 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ออกปราบปรามร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ให้แก่เด็กและเยาวชน

 

เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครอง บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนมาเป็นจำนวนมาก ว่ามีร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย มีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็กและเยาวชน รวมถึงประชาชนทั่วไปโดยมีการบริการขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์โดยมีการส่งของผ่านไรเดอร์ ซึ่งมีการเปิดขายเป็นจำนวนมาก
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการสืบทราบว่ามีร้านในบริเวณโซนนิ่งสถานบริการ เปิดแอบขายบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 3 ร้าน ซึ่งทั้ง 3 ร้านมีการติดฟิล์มสีขาวขุ่นอำพรางไม่ให้มีการมองจากข้างนอกเข้าไปเห็นในบริเวณด้านใน และมีกล้องวงจรปิดรอบทิศทางเพื่อดูสถานการณ์จากภายนอก แต่ผู้ซื้อจะรู้กันภายในกลุ่มไลน์ เฟสบุ๊ค หรือสื่อสังคมต่างๆ
 
 
เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบทราบแล้วว่าทั้ง 3 ร้านมีการขายบุหรี่ไฟฟ้าจริง จึงวางแผนเข้าทำการจำกุมทั้ง 3 ร้านพร้อมกัน ซึ่งทั้ง 3 ร้าน ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 13 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย
 
 
จากการตรวจสอบภายในร้านทั้ง 3 ร้านพบบุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์ น้ำยา และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมายซึ่งสินค้าที่ตรวจยึดได้ของทั้ง 3 ร้านจำแนกเป็น
1. เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า 635 เครื่อง
2. หัวพอตบุหรี่ไฟฟ้า 2,811 ชิ้น
3. บุหรี่ไฟฟ้าใช้แล้วทิ้ง 1,810 ชิ้น
4. น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 208 ชิ้น
5. คอร์ยบุหรี่ไฟฟ้า 353 ชิ้น
6. หัวคอร์ยบุหรี่ไฟฟ้า 25 ชิ้น
 
 
มูลค่ารวมประมาณ 1,802,650 บาทและจากการตรวจสอบการรับจ่ายเงินหรือเงินหมุนเวียนภายในร้าน พบแต่ละร้านมีรายได้ต่อวันตั้งแต่วันละ 10,000 – 40,000 บาทต่อวัน หรือเดือนละประมาณ 300,000 – 500,000 บาท ซึ่งจากการสอบถามผู้ดูแลพบ เจ้าของที่แท้จริงจะติดต่อผ่านไลน์และส่งของมาให้ขายจึงไม่ทราบราคาต้นทุนต่อชิ้น และจะขายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ตั้งแต่ราคาหลักสิบ ถึง หลักพันบาทเจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ดูแลทั้ง 3 ร้าน รวม 4 ราย โดยแจ้งข้อหา
 
 
1) ได้มีการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
 
2) ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ต้องระวางโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 
 
นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวในช่วงท้ายว่า ปัญหาการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสังคม ทั้งปัญหาสุขภาพร่างกาย และก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมอีกหลายประเด็น ซึ่งอำเภอเมืองเชียงรายได้ให้ความสำคัญในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่มาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทั้งนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนในความร่วมมือร่วมใจ และขอเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานด้วยความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม ในฐานะผู้ทำหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชน รักษาความมั่นคง และความสงบเรียบร้อย เพื่อให้ทุกคนในสังคมได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทั้งนี้ ต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกท่านให้ช่วยเป็นหูเป็นตา ระแวดระวังบ้านเมืองของเรา หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดทุกรูปแบบ สามารถแจ้งข้อมูล และร้องเรียนร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงมหาดไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News