Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

“พิสันต์” นำทีมวัฒนธรรมเชียงราย ร่วมงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน ปี 2567

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2567 เวลา 08.00 น. – 11.00 น. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นำโดย **นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์** วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยบุคลากรจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมรับชมการจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน ประจำปี 2567 ของ **องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)** ผ่านทางการถ่ายทอดสดบน Facebook Live ของเพจองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

การจัดงานในปีนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้สังคมไทยตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชันที่ยังคงมีอยู่ในประเทศไทย โดยเน้นให้ประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งในระดับบุคคล ภาคธุรกิจ และภาครัฐ มีส่วนร่วมในการลดปัญหาคอร์รัปชัน เพื่อสร้างความโปร่งใสในทุกระดับของสังคมไทย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต

 

ความสำคัญของวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2567: “ตื่นรู้สู้โกง”

งานวันต่อต้านคอร์รัปชันในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด **“ตื่นรู้สู้โกง”** ซึ่งมุ่งเน้นถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการร่วมกันต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชัน ทั้งนี้ทางองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้ชี้ให้เห็นว่าคอร์รัปชันไม่ใช่เพียงปัญหาทางเศรษฐกิจหรือการบริหารงานภาครัฐเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในการบริหารจัดการของทุกระดับในสังคม ซึ่งอาจทำให้การพัฒนาประเทศไม่ยั่งยืน

งานนี้เน้นให้ความสำคัญกับภาคธุรกิจในทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง จนถึงขนาดเล็ก โดยมุ่งส่งเสริมให้ทุกธุรกิจมีการบริหารจัดการที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ นอกจากนี้ยังเน้นให้ผู้ประกอบการทุกสาขาอาชีพคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งพนักงาน ลูกค้า ผู้ลงทุน และสังคมโดยรวม โดยมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพตามหลัก **ESG** (Environment, Social, Governance) โดยเฉพาะในด้าน **G (Governance)** หรือการกำกับดูแลที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันและสร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจไทย

 

การสนับสนุนธุรกิจในการบริหารจัดการโปร่งใสตามหลัก ESG

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบริหารจัดการตามหลัก ESG ซึ่งประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่:
1. **Environment (สิ่งแวดล้อม)**: การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและการบริหารทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
2. **Social (สังคม)**: การมีส่วนร่วมในสังคม และการให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
3. **Governance (การกำกับดูแล)**: การบริหารจัดการที่มีความโปร่งใส ยุติธรรม ตรวจสอบได้ และปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล

การที่ธุรกิจดำเนินการตามหลัก ESG นั้นไม่เพียงแต่จะช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันในองค์กร แต่ยังช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจสามารถพัฒนาอย่างยั่งยืนและได้รับความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสียทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีระดับโลก

 

การบริหารจัดการภาครัฐและความโปร่งใส

นอกจากภาคธุรกิจแล้ว การบริหารจัดการของภาครัฐก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชัน รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการสร้างระบบการบริหารจัดการที่โปร่งใสและยุติธรรม โดยมุ่งเน้นการตรวจสอบและการควบคุมภายในองค์กรของภาครัฐ เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส

นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานราชการ ผ่านทางช่องทางต่างๆ เช่น การรายงานเหตุการณ์คอร์รัปชัน และการร้องเรียนที่สามารถทำได้ทั้งทางออนไลน์และผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งจะช่วยให้การจัดการปัญหาคอร์รัปชันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

**การร่วมงานของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายในการสร้างความตระหนักรู้**

ในส่วนของ **สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย** ภายใต้การนำของนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย สำนักงานฯ ได้มีส่วนร่วมในการรับชมการจัดงานผ่านทาง **Facebook Live** ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความตระหนักรู้ให้กับบุคลากรภายในสำนักงานและหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดเชียงราย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชันที่ยังคงส่งผลกระทบต่อสังคมไทยในหลายด้าน

การร่วมมือของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายในครั้งนี้เป็นการสนับสนุนให้เกิดความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในระดับองค์กร ซึ่งจะเป็นต้นแบบในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคม โดยเฉพาะในเรื่องของการป้องกันและแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันที่อาจเกิดขึ้นในภาครัฐหรือภาคธุรกิจในพื้นที่

 

บทสรุป: การต่อต้านคอร์รัปชันเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

การจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันในปี 2567 นี้เน้นถึงความสำคัญของการสร้างสังคมที่โปร่งใสและยั่งยืน ผ่านการบริหารจัดการที่มีธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจหรือภาครัฐ ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชันจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวหน้าและยั่งยืนอย่างแท้จริง

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้คนในสังคมเห็นถึงความสำคัญของการต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรมในทุกระดับ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่เข้มแข็งและมั่นคงในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

**สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายร่วมงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน ปี 2567: ส่งเสริมความโปร่งใสและการพัฒนาที่ยั่งยืน**

เมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2567 เวลา 08.00 น. – 11.00 น. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นำโดย **นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์** วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยบุคลากรจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมรับชมการจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน ประจำปี 2567 ของ **องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)** ผ่านทางการถ่ายทอดสดบน Facebook Live ของเพจองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

การจัดงานในปีนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้สังคมไทยตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชันที่ยังคงมีอยู่ในประเทศไทย โดยเน้นให้ประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งในระดับบุคคล ภาคธุรกิจ และภาครัฐ มีส่วนร่วมในการลดปัญหาคอร์รัปชัน เพื่อสร้างความโปร่งใสในทุกระดับของสังคมไทย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต

**ความสำคัญของวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2567: “ตื่นรู้สู้โกง”**

งานวันต่อต้านคอร์รัปชันในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด **“ตื่นรู้สู้โกง”** ซึ่งมุ่งเน้นถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการร่วมกันต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชัน ทั้งนี้ทางองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้ชี้ให้เห็นว่าคอร์รัปชันไม่ใช่เพียงปัญหาทางเศรษฐกิจหรือการบริหารงานภาครัฐเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในการบริหารจัดการของทุกระดับในสังคม ซึ่งอาจทำให้การพัฒนาประเทศไม่ยั่งยืน

งานนี้เน้นให้ความสำคัญกับภาคธุรกิจในทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง จนถึงขนาดเล็ก โดยมุ่งส่งเสริมให้ทุกธุรกิจมีการบริหารจัดการที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ นอกจากนี้ยังเน้นให้ผู้ประกอบการทุกสาขาอาชีพคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งพนักงาน ลูกค้า ผู้ลงทุน และสังคมโดยรวม โดยมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพตามหลัก **ESG** (Environment, Social, Governance) โดยเฉพาะในด้าน **G (Governance)** หรือการกำกับดูแลที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันและสร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจไทย

**การสนับสนุนธุรกิจในการบริหารจัดการโปร่งใสตามหลัก ESG**

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบริหารจัดการตามหลัก ESG ซึ่งประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่:
1. **Environment (สิ่งแวดล้อม)**: การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและการบริหารทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
2. **Social (สังคม)**: การมีส่วนร่วมในสังคม และการให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
3. **Governance (การกำกับดูแล)**: การบริหารจัดการที่มีความโปร่งใส ยุติธรรม ตรวจสอบได้ และปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล

การที่ธุรกิจดำเนินการตามหลัก ESG นั้นไม่เพียงแต่จะช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันในองค์กร แต่ยังช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจสามารถพัฒนาอย่างยั่งยืนและได้รับความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสียทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีระดับโลก

**การบริหารจัดการภาครัฐและความโปร่งใส**

นอกจากภาคธุรกิจแล้ว การบริหารจัดการของภาครัฐก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชัน รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการสร้างระบบการบริหารจัดการที่โปร่งใสและยุติธรรม โดยมุ่งเน้นการตรวจสอบและการควบคุมภายในองค์กรของภาครัฐ เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส

นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานราชการ ผ่านทางช่องทางต่างๆ เช่น การรายงานเหตุการณ์คอร์รัปชัน และการร้องเรียนที่สามารถทำได้ทั้งทางออนไลน์และผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งจะช่วยให้การจัดการปัญหาคอร์รัปชันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

**การร่วมงานของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายในการสร้างความตระหนักรู้**

ในส่วนของ **สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย** ภายใต้การนำของนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย สำนักงานฯ ได้มีส่วนร่วมในการรับชมการจัดงานผ่านทาง **Facebook Live** ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความตระหนักรู้ให้กับบุคลากรภายในสำนักงานและหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดเชียงราย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชันที่ยังคงส่งผลกระทบต่อสังคมไทยในหลายด้าน

การร่วมมือของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายในครั้งนี้เป็นการสนับสนุนให้เกิดความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในระดับองค์กร ซึ่งจะเป็นต้นแบบในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคม โดยเฉพาะในเรื่องของการป้องกันและแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันที่อาจเกิดขึ้นในภาครัฐหรือภาคธุรกิจในพื้นที่

**บทสรุป: การต่อต้านคอร์รัปชันเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน**

การจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันในปี 2567 นี้เน้นถึงความสำคัญของการสร้างสังคมที่โปร่งใสและยั่งยืน ผ่านการบริหารจัดการที่มีธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจหรือภาครัฐ ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชันจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวหน้าและยั่งยืนอย่างแท้จริง

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้คนในสังคมเห็นถึงความสำคัญของการต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรมในทุกระดับ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่เข้มแข็งและมั่นคงในอนาคต

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

หนังสือธรรมนาวา “วัง” พระราชทาน เป็นธรรมทาน โดยมุ่งให้เกิดประโยชน์สุข

 

เมื่อวันพุธ ที่ 4 กันยายน 2567 เวลา 10.00 น. ณ สำนักศึกษาธรรมดอยธรรมนาวา ตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงรายพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.ปุรณิทธิ์ บุณยมานพ ประจำสำนักพระราชวังพิเศษ ระดับ 10 เชิญชุดหนังสือธรรมนาวา “วัง” พระราชทาน ถวายแด่ พระทวีวัฒน์ จารุวณฺโณ (พระอาจารย์ต้น) ประธานสำนักศึกษาธรรมดอยธรรมนาวา ใน

  

โดยพระราชวชิรคณี (ประเสริฐ ปญฺญาวชิโร) เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย (ม.) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เป็นฝ่ายประธานสงฆ์ พร้อมด้วยพระราชสิริวชิโรดม” (สุขเลิศ กนฺตธมฺโม) เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย (ธ.) เจ้าอาวาสวัดบ้านเหล่า อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย  พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ พระเถรานุเถระ พระภิกษุสามเณร ร่วมพิธีฯ 

 

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นายโสไกร ใจหมั้น ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย นายเสน่ห์ ภักดี นายกเทศมนตรีตำบลนางแล กำนันตำบลนางแล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลนางและ ผู้นำท้องถิ่น/ท้องที่ และพุทธศาสนิกชน ศิษยานุศิษย์ ร่วมพิธีฯ

 

โอกาสมงคลนี้ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม นายพิพัฒน์ สุ่มมาตย์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นายสานุพงศ์ สันทราย นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี และบุคลากรสำนักวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมกับข้าราชการสำนักงานจังหวัดเชียงราย, สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงรายปฏิบัติงานอำนวยความสะดวกแด่คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชน ทั้งนี้ การดำเนินงานพิธีฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและบรรลุผลสำเร็จทุกประการ

โดยชุดหนังสือธรรมนาวา “วัง” พระราชทาน ที่เขียนโดยพระทวีวัฒน์ จารุวณฺโณ (พระอาจารย์ต้น) ประธานสำนักศึกษาธรรมดอยธรรมนาวา เป็นพระสุปฏิปันโนที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชศรัทธาเลื่อมใสในปฏิปทาวัตร ตลอดจนวิธีการสอน และการถ่ายทอดการปฏิบัติให้กับพุทธบริษัทในทุกภาคส่วนได้เข้าถึงพระธรรมแห่งพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง อีกทั้งยังทรงมีพระราชศรัทธาเพียรปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ตามขั้นตอนที่พระอาจารย์ได้วางไว้ จึงทรงเห็นถึงความสำคัญในการพระราชทานเผยแพร่หนังสืออันทรงคุณค่า ให้พุทธศาสนิกชน ตลอดจนประชาชนพลเมืองทุกหมู่เหล่าได้ศึกษา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์หนังสือ ธรรมนาวา “วัง” พระราชทาน เป็นชุดหนังสือที่มีหนังสือ จำนวน 4 เล่ม บรรจุในกล่องสวยงาม ประกอบด้วย

  1. หนังสือ หลักการชาวพุทธ
  2. หนังสือ อริยสัจภาวนา
  3. หนังสือ หลักปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์
  4. หนังสือ แนวปฏิบัติธรรมนาวา “วัง”

พระราชทานเป็นธรรมทาน โดยมุ่งให้เกิดประโยชน์สุขอันพึงจะได้รับจากพระพุทธศาสนา ผ่านหลักการปฏิบัติอย่างถูกต้องตรงตามพุทธบัญญัติ เพื่อถวายเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา มาตาปิตุบูชา อาจริยบูชา และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระมหาบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าทุกๆ พระองค์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ม.ราชภัฏเชียงราย จัดผ้าป่าสามัคคี สร้างหอพระแก้วจักรพรรดิ

 

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ได้จัดพิธีผ้าป่าสามัคคีขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างหอพระแก้วจักรพรรดิ “พระพุทธศรีรัฐกิจโสฬสวัสสานุสรณ์” เพื่อเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำคณะ เนื่องในโอกาสก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 ของคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ การจัดงานนี้ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากผู้มีจิตศรัทธาหลายภาคส่วนที่เข้าร่วมบริจาคและสนับสนุนการสร้างหอพระ

พิธีทอดผ้าป่าสามัคคี: สานต่อความศรัทธาและการพัฒนาศาสนสถาน

งานพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง คณบดีเกียรติคุณ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร คณาจารย์จากมหาวิทยาลัย ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน และตัวแทนจากหน่วยงานที่ร่วมสนับสนุน โดยงานจัดขึ้นที่ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

นอกจากนี้ ยังได้รับเมตตาจาก พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ ปรึกษาเจ้าคณะภาค 6 และเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในพิธี พระภิกษุสงฆ์ที่ร่วมพิธีได้เจริญพระพุทธมนต์และรับถวายเครื่องจตุปัจจัยไทยทานจากผู้เข้าร่วมงาน เพื่อเสริมสร้างสิริมงคลแก่ผู้มาร่วมบุญในครั้งนี้ การทอดผ้าป่าสามัคคีเป็นโอกาสสำคัญที่ประชาชนได้ร่วมมือกันในมหากุศลครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายในการจัดสร้างหอพระแก้วจักรพรรดิ ซึ่งจะเป็นศูนย์รวมใจของชุมชนในอนาคต

การบริจาคและสนับสนุนจากทุกภาคส่วน

ภายในงานได้รับการสนับสนุนจากผู้มีจิตศรัทธาหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นคณะผู้บริหาร บุคลากร ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน รวมถึงผู้มีจิตศรัทธาที่เข้าร่วมบริจาคในครั้งนี้ การทอดผ้าป่าในครั้งนี้ได้รับยอดบริจาคเบื้องต้นทั้งสิ้นกว่า 400,000 บาท ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการจัดหาวัสดุก่อสร้างหอพระแก้วจักรพรรดิที่จะใช้เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาคุณธรรมและศาสนาในคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์

หอพระแก้วจักรพรรดิ “พระพุทธศรีรัฐกิจโสฬสวัสสานุสรณ์” เป็นโครงการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อคณะฯ และมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างสถานที่ทางศาสนาสำหรับการทำบุญและกิจกรรมทางศาสนาแล้ว ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาทั้งด้านการศึกษาและคุณธรรม

เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมสมทบทุนสร้างหอพระแก้วจักรพรรดิ

คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ยังคงเปิดรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านที่ต้องการร่วมสร้างบุญกุศล โดยสามารถร่วมสมทบทุนสร้างหอพระแก้วจักรพรรดิ “พระพุทธศรีรัฐกิจโสฬสวัสสานุสรณ์” ผ่านการโอนเงินบริจาคไปยังบัญชีธนาคาร กรุงศรีอยุธยา สาขามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ชื่อบัญชี พระพุทธศรีรัฐกิจโสฬสวัสสานุสรณ์ โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลบัญชีได้แก่ น.ส.นวลนภา จุลสุทธิ, นายภูริพัฒน์ แก้วศรี, และ นายจรูญ แดนนาเลิศ หมายเลขบัญชี 422-1-41524-9 ซึ่งการบริจาคเพื่อการจัดสร้างหอพระในครั้งนี้ถือเป็นการทำมหากุศลที่จะสร้างบุญและความเป็นสิริมงคลให้กับผู้ร่วมบริจาค

หากท่านสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 053-776-131 คณะฯ ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่จะเป็นจุดรวมจิตใจของชุมชนและนักศึกษาในอนาคต

การจัดสร้างหอพระแก้วจักรพรรดิ: ศูนย์รวมใจและศาสนสถานแห่งมหาวิทยาลัย

โครงการจัดสร้างหอพระแก้วจักรพรรดิ “พระพุทธศรีรัฐกิจโสฬสวัสสานุสรณ์” นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ การมีสถานที่สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาภายในคณะฯ จะช่วยส่งเสริมคุณธรรมและความศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้กับนักศึกษา บุคลากร และชุมชนในมหาวิทยาลัย

นอกจากนี้ หอพระยังจะเป็นศูนย์กลางของการจัดกิจกรรมทางศาสนาต่างๆ เช่น การทำบุญประจำปี การเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีกรรมทางศาสนาอื่นๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างความสามัคคีและความเข้มแข็งให้กับชุมชนมหาวิทยาลัย ตลอดจนเป็นสถานที่สำหรับการปฏิบัติธรรมและกิจกรรมที่เสริมสร้างความสงบสุขในจิตใจ

บทสรุป: ความศรัทธาที่ขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จ

การจัดผ้าป่าสามัคคีเพื่อจัดสร้างหอพระแก้วจักรพรรดิ “พระพุทธศรีรัฐกิจโสฬสวัสสานุสรณ์” ในครั้งนี้เป็นการแสดงถึงพลังแห่งความศรัทธาและความร่วมมือจากผู้มีจิตศรัทธาหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรในมหาวิทยาลัย ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน และชุมชนโดยรอบ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ร่วมบริจาคและสนับสนุนโครงการนี้ และขอเชิญชวนทุกท่านที่ยังไม่ได้มีโอกาสร่วมบริจาคเข้ามาร่วมสมทบทุนเพื่อสร้างมหากุศลครั้งยิ่งใหญ่

ความสำเร็จของโครงการนี้จะไม่เพียงแต่เป็นการสร้างศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในมหาวิทยาลัย แต่ยังเป็นการส่งเสริมและสืบสานคุณธรรมในชุมชนทางการศึกษาอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ ม.ราชภัฏเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เรือชาวประมงล่มอีกแล้ว! แม่น้ำโขงเชียงของ รอด 3 สูญหาย 2 คน

 

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 นายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ ได้รับแจ้งจากกำนัน ต.เวียง ว่ามีชาวบ้านจำนวน 5 คน ออกเรือหาปลาในแม่น้ำโขง ในเวลา 05.00 น. จากพื้นที่บ้านดอนมหาวัน ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย จากนั้นเรือได้ล่มบริเวณกลางแม่น้ำโขง บริเวณท่าดูดทรายฝั่ง สปป.ลาว ตรงข้ามกับศาลพญานาค พื้นที่เชื่อมต่อระหว่าง บ้านปากอิง ตำบลศรีดอนชัย อำเภอเชียงของ กับบ้านแจ่มป๋อง ตำบลหล่ายงาว อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย

โดยพบว่ามีผู้รอดชีวิตจำนวน 3 ราย คือนายธนวัตร อายุ 29 ปี นาสบุญรัตน์ อายุ 36 ปี โดย นายสัมฤทธิ์ อายุ 42 ปี ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเชียงของ เพื่อตรวจร่ายกาย ทั้ง 3 คนเป็นชาวต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย
ทั้งนี้ยังมีผู้สูญหาย 2 คน คือ นายนัฐวัฒน์ อายุ 29 ปี ชาว ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย และ นายอัสนัย 42 ปี ชาว ต.สถาน อ.เชียงของ จ.เชียงราย
 
หลังจากเกิดเหตุ นายอำเภอเชียงของ ได้ประสานงานกับทางหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) เชียงของ พร้อมกับหน่วยกู้ภัย ลงพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อค้นหาผู้สูญหาย โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดที่มีน้ำเชี่ยวและน้ำวน หลายแห่ง รวมไปถึงมีความลึกมาก ซึ่งยากแก่การค้นหา
 
นายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ กล่าวว่า หลังลงพื้นที่ตรวจสอบในช่วงเช้าที่ผ่านมา ในเบื้องต้นได้รายงานให้กับทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ทราบแล้ว พร้อมทั้งประสานไปยัง หน่วยเรือรักษาความสงบตามลำน้ำโขง หรือ นรข. และตำรวจน้ำ ที่ประจำการในพื้นที่ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย เพื่อค้นหาผู้สูญหาย และประสานไปยังมูลนิธิสยามร่วมใจ เพื่อขอสนับสนุนชุดกู้ภัยทางน้ำ เพื่อนำเรือจากอำเภอเมืองเชียงราย มาสแตนบายในพื้นที่ เพื่อค้นหาผู้สูญหายหลังจากนี้จะได้สอบปากคำผู้ที่รอดชีวิตอีกครั้ง ถึงสาเหตุของเหตุการณ์เรือล่มดังกล่าว
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ท้องถิ่นนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

“จากใจคนใต้ ถึงใจพี่น้องคนเหนือ” ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 เวลา 13.00 น. ที่อาคารปฏิบัติการไปรษณีย์เชียงราย โครงการ “จากใจคนใต้ ถึงใจพี่น้องคนเหนือ” ได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วนของชุมชนเขตเทศบาลเมืองคอหงส์ / นครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ในการส่งมอบสิ่งของบริจาคเพื่อนำไปช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยความร่วมมือจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) นำโดยนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์เชียงราย และกำลังพลจาก มณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) ร่วมกันรับของบริจาคเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

การบริจาคที่เริ่มต้นจากใจคนใต้

โครงการนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 – 31 สิงหาคม 2567 โดยความร่วมมือของหลายหน่วยงานในจังหวัดสงขลา เช่น สมาคมชุมชนสร้างสรรค์, สมาคมชาวเหนืออีสานจังหวัดสงขลา, ศูนย์การค้าไดอาน่าคอมเพล็กซ์ , เคแอนด์เคชุปเปอร์สโตร์ , สงขลาโฟกัส, นครเชียงรายนิวส์ , พะเยาน่าอยู่ ,ไปรษณีย์เขต9 , มูลนิธิร่วมพัฒนาภาคใต้, โดยเป็นการเปิดโอกาสให้พี่น้องชาวใต้ร่วมบริจาคสิ่งของ ข้าวสาร อาหารแห้ง และสิ่งของจำเป็นต่างๆ การบริจาคครั้งนี้ไม่รับเงินบริจาค เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งของที่ได้รับจะส่งตรงไปยังผู้ที่ต้องการในทันที จุดรับบริจาคตั้งอยู่ที่ เคแอนด์เค ชุปเปอร์สโตร์ ถนนนวลแก้ว และ ลานจอดรถหน้าห้างไดอาน่า ถนนศรีภูวนารถ มีการรับบริจาคตั้งแต่เวลา 08.00 น. จนถึง 20.00 น.

การตอบรับจากชุมชนในสงขลาเป็นอย่างดี พี่น้องคนใต้ต่างนำสิ่งของมาร่วมบริจาคกันอย่างล้นหลาม ซึ่งของบริจาคเหล่านี้ได้ถูกจัดส่งมายังเชียงราย เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำอิง ซึ่งได้รับผลกระทบหนักจากน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนที่ทับถมในหลายหมู่บ้าน

สถานการณ์น้ำท่วมในเชียงราย

ในช่วงต้นเดือนกันยายน 2567 หลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงราย เช่น อำเภอเทิง, อำเภอพญาเม็งราย, อำเภอขุนตาล, และ อำเภอเชียงของ ยังคงมีน้ำท่วมสูง แม้ระดับน้ำจะลดลงวันละประมาณ 10-15 เซนติเมตร แต่ก็ยังคงต้องเฝ้าระวังการมาของมวลน้ำรอบใหม่ที่คาดว่าจะถูกปล่อยมาจากกว๊านพะเยา ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำอิง มวลน้ำดังกล่าวอาจจะทำให้สถานการณ์กลับมารุนแรงอีกครั้งในไม่ช้า

เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำอิง ทางจังหวัดเชียงรายได้จัดการแจกถุงยังชีพและตั้งโรงครัวพระราชทานในหลายพื้นที่ พร้อมทั้งทำความสะอาดบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วม กรมชลประทานเองก็เร่งระบายน้ำจากแม่น้ำอิงลงสู่แม่น้ำโขงอย่างรวดเร็ว เพื่อคลี่คลายปัญหาที่ชาวบ้านประสบอยู่

การรับมอบสิ่งของบริจาคในเชียงราย

ทางด้านเชียงราย สิ่งของบริจาคจากโครงการ “จากใจคนใต้ ถึงใจพี่น้องคนเหนือ” ได้ถูกส่งมอบของบริจาคมายังทางจังหวัดเชียงราย โดยมีนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายครรชิต ชมภูแดง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย เป็นผู้รับมอบสิ่งของและจัดสรรไปยังพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน

นอกจากทางส่วนกลางจังหวัดเชียงรายแล้ว ยังได้รับสิ่งเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง มอบให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยมีนายกนก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วยนายวิญญู ทองทัน เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย เป็นผู้ดูแลการรับมอบ นอกจากนี้ นางวรินทร ยานะนวล หัวหน้าฝ่ายสงเคราะห์และฟื้นฟูผู้ประสบภัย กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมไปถึงนายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน ที่ปรึกษานายก อบจ.เชียงราย และเจ้าหน้าที่การกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ร่วมกันประสานงานเพื่อส่งมอบของบริจาคไปยังพื้นที่ประสบภัยที่ยังต้องการความช่วยเหลือ

การร่วมแรงร่วมใจจากทุกภาคส่วน

กิจกรรมในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานและภาคส่วนในจังหวัดเชียงราย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์เชียงราย และกำลังพลจาก มณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) ทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทั้งการแจกจ่ายถุงยังชีพ การจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน และการประสานงานกับกรมชลประทานในการเร่งระบายน้ำเพื่อลดระดับน้ำท่วมในพื้นที่

การตอบสนองต่อวิกฤตน้ำท่วมในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือของคนไทยจากทุกภูมิภาค พี่น้องคนใต้ที่ร่วมบริจาคสิ่งของเพื่อช่วยเหลือพี่น้องภาคเหนือ และหน่วยงานต่างๆ ที่ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ โครงการ “จากใจคนใต้ ถึงใจพี่น้องคนเหนือ” นับเป็นตัวอย่างที่ดีของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทยในการเผชิญกับภัยพิบัติ

ขอขอบคุณพี่น้องคนใต้

ทางสำนักข่าว นครเชียงรายนิวส์ ในฐานะสื่อท้องถื่นในการประสานงานโครงการ ขอขอบคุณพี่น้องชาวใต้ที่ได้ร่วมบริจาคสิ่งของเพื่อช่วยเหลือพี่น้องภาคเหนือในครั้งนี้ โดยหวังว่าความร่วมมือเช่นนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนไทยทั่วประเทศร่วมแรงร่วมใจกันในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามวิกฤต

โครงการ “จากใจคนใต้ ถึงใจพี่น้องคนเหนือ” จึงแสดงให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทยในการเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นจากภาคใต้หรือภาคเหนือ ล้วนมีส่วนช่วยให้การช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ในภาวะที่ประเทศต้องเผชิญกับภัยพิบัติ ความสามัคคีจะทำให้เราสามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้อย่างเข้มแข็ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

‘นาวะ จะชี’ จาก ม.ราชภัฏเชียงราย คว้ารางวัลทูตภาษาจีน ที่หนึ่งของโลก

 

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระดับโลกสำหรับนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในโครงการ “สะพานสู่ภาษาจีน” (汉语桥) ครั้งที่ 23 ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการที่เมืองหนานผิง มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน โดยการแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้นเป็นเวลา 21 วัน โดยมีทั้งการแข่งขันภาษาจีนและกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมที่เข้มข้น ผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 147 คนจาก 130 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งตัวแทนจากประเทศไทยที่แสดงศักยภาพอย่างยอดเยี่ยมในเวทีนี้

การแข่งขัน “สะพานสู่ภาษาจีน” ครั้งนี้แบ่งออกเป็น 3 รอบ ได้แก่ รอบ Bridge, รอบ Advancement, และ รอบชิงชนะเลิศ การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนกันยายนที่เมืองผิงถาน มณฑลฝูเจี้ยน โดยจะมีการคัดเลือกแชมป์เปี้ยนระดับโลก, แชมป์เปี้ยนระดับทวีป, และผู้ชนะรางวัลอันดับ 1, 2 และ 3 รวมถึงรางวัลในประเภทบุคคลต่างๆ

ในรอบแรกของการแข่งขัน ซึ่งเป็นรอบ Bridge ผู้แข่งขันต้องทำการสอบเขียนที่ครอบคลุมหัวข้อความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นภูมิศาสตร์, ประวัติศาสตร์, เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม รวมถึงความรู้ภาษาจีนขั้นสูง การแข่งขันนี้มีการทดสอบทักษะที่ครบถ้วนทั้งในด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน เพื่อทดสอบความสามารถทางภาษาจีนของผู้เข้าร่วมแข่งขันอย่างเข้มข้น

นางสาวนาวะ จะชี ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวจากประเทศไทย ได้แสดงศักยภาพทางด้านภาษาจีนอย่างเต็มที่ในการแข่งขันครั้งนี้ นางสาวนาวะสามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศระดับทวีปเอเชียได้อย่างยอดเยี่ยม แต่แพ้คะแนนให้กับตัวแทนจากอัฟกานิสถานไปอย่างฉิวเฉียด แม้จะพลาดโอกาสคว้าตำแหน่งแชมป์เปี้ยน แต่เธอยังคงทำให้ประเทศไทยภูมิใจ ด้วยการคว้ารางวัล ทูตภาษาจีนและความคิดสร้างสรรค์ และรางวัล ยอดเยี่ยมอันดับหนึ่ง (一等奖) จากผลงานที่แสดงความคิดสร้างสรรค์และทักษะภาษาจีนที่โดดเด่น นอกจากนี้ นางสาวนาวะยังได้รับทุนการศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขาการสอนภาษาจีนระหว่างประเทศ เป็นเวลา 3 ปี

การแข่งขันรอบแรกเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงมิถุนายนในปีนี้ โดยมีการคัดเลือกผู้ชนะจากการแข่งขันระดับภูมิภาค และตัวแทนจากแต่ละภูมิภาคได้เดินทางมายังประเทศจีน เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในครั้งนี้

การแข่งขัน “สะพานสู่ภาษาจีน” 汉语桥 ได้เริ่มต้นจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2545 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนรู้ภาษาจีนให้กับนักเรียนต่างชาติทั่วโลก การแข่งขันนี้เป็นเวทีสำคัญสำหรับผู้เรียนภาษาจีนจากหลากหลายประเทศเพื่อแสดงความสามารถทางภาษา แลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ และทดสอบความก้าวหน้าของทักษะทางภาษาจีน นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างสะพานแห่งมิตรภาพระหว่างผู้เข้าแข่งขันจากประเทศต่างๆ อีกด้วย

การแข่งขัน “สะพานสู่ภาษาจีน” ครั้งที่ 23 นับเป็นหนึ่งในกิจกรรมทางภาษาจีนที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในโลก ตั้งแต่เริ่มจัดขึ้น มีนักเรียนจากกว่า 160 ประเทศและภูมิภาคเข้าร่วมการแข่งขันนี้กว่า 1.6 ล้านคน ในแต่ละปีมีผู้เข้าร่วมกว่า 7,000 คนที่ได้เดินทางมายังประเทศจีนเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งกิจกรรมนี้ยังเป็นที่สนใจของผู้ชมทั่วโลกหลายร้อยล้านคน

ในการแข่งขันปีนี้ ตัวแทนจากประเทศไทยได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศอีกครั้งผ่านความสามารถทางภาษาจีนที่โดดเด่น นางสาวนาวะ จะชี ได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางในการแสดงศักยภาพทั้งด้านภาษาและการคิดเชิงสร้างสรรค์ นอกจากความสำเร็จที่เธอได้รับแล้ว การเข้าร่วมแข่งขันยังเป็นประสบการณ์ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทยที่สนใจเรียนรู้ภาษาจีนและวัฒนธรรมจีน

การส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาจีนในประเทศไทยได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน และการเข้าร่วมการแข่งขันในระดับนานาชาติเช่นนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาความสามารถทางภาษาจีนของนักเรียนไทยและสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผ่านทางการแข่งขันที่เต็มไปด้วยมิตรภาพและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

ด้วยการพัฒนาความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยและประเทศจีนที่แน่นแฟ้นขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การเรียนรู้ภาษาจีนได้กลายเป็นทักษะที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับเยาวชนไทยที่ต้องการก้าวเข้าสู่เวทีระดับโลก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

พลังบวรในมิติศาสนา เชียงราย บูรณาการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจ

 

เมื่อวันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2567 นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้นางพรทิวา ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม และนางวนิดาพร ธิวงค์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม พร้อมด้วยข้าราชการสังกัดสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่ตรวจติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการพลังบวรในมิติศาสนา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ วัดแม่คำสบเปิน ต.แม่คำ อ.แม่จัน, วัดห้วยน้ำขุ่น ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง, และวัดบ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย

โครงการพลังบวรในมิติศาสนาเน้นการบูรณาการร่วมกันระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน และหน่วยงานราชการ เพื่อส่งเสริมให้วัดและศาสนสถานร่วมมือกับชุมชนในพื้นที่ในการจัดกิจกรรมทางศาสนา และส่งเสริมการเรียนรู้หลักธรรมทางศาสนา โดยมุ่งเน้นการบ่มเพาะคุณธรรมจริยธรรมตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสืบสานประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมให้เป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อเสริมสร้างอาชีพและรายได้แก่คนในชุมชน

การประเมินผลชุมชนคุณธรรมพลังบวรในครั้งนี้ ได้ดำเนินการตามเกณฑ์ 9 ขั้นตอนที่กรมการศาสนากำหนด โดยมีการตรวจสอบผลการดำเนินงานในหลายด้าน เช่น การจัดกิจกรรมทางศาสนา การส่งเสริมการเรียนรู้ในชุมชน และการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ นอกจากนี้ยังได้มีการวางแผนและแนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อพัฒนาต่อยอดโครงการให้มีความยั่งยืนและสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรม

หนึ่งในจุดสำคัญของการตรวจติดตามครั้งนี้คือการเยี่ยมชมชุมชนคุณธรรมวัดบ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมการพัฒนาต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมและนวัตกรรมทางภูมิปัญญาเพื่อเสริมสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่คนในชุมชน ภายใต้โครงการ One Family One Soft Power (OFOS) ชุมชนนี้ได้รับการยอมรับในด้านการผลิตพระพุทธรูปหินหยกแกะสลัก และเครื่องรางจากหินหยก ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ

ในโอกาสนี้ คณะตรวจติดตามยังได้ประเมินผลและเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมกิจกรรมพลังบวรสร้างเศรษฐกิจชุมชน ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 16 กันยายน 2567 ณ อาคารหอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร งานนี้จะเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอผลงานและผลิตภัณฑ์ของชุมชนจากทั่วประเทศ ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้โครงการพลังบวร ซึ่งจะช่วยสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการอนุรักษ์วัฒนธรรม

โครงการพลังบวรในมิติศาสนานี้ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการพัฒนาชุมชน และการส่งเสริมศาสนาให้มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน การที่วัดและชุมชนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างกลมกลืนไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรมในสังคม แต่ยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับชุมชนให้เจริญก้าวหน้าอีกด้วย

การตรวจติดตามและประเมินผลโครงการในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเสริมสร้างและสนับสนุนการดำเนินงานของวัดและชุมชนในจังหวัดเชียงราย ให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไปในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

“หมู่บ้านศีล 5” ที่วัดศรีบุญยืน อ.เชียงแสน แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

 

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 พระเทพรัตนนายก ประธานคณะกรรมการประจำหนเหนือ พร้อมด้วยคณะกรรมการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ประจำหนเหนือ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีลห้า” ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ณ วัดศรีบุญยืน บ้านศรีบุญยืน หมู่ที่ 10 ตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมี นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พระราชวชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย พระราชสิริวชิโรดม เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย (ธ) ธรรมยุทธ และเจ้าอาวาสวัดศรีบุญยืน คณะสงฆ์ นายคฑาสิทธิ์ เนื่องหล้า นายอำเภอเชียงแสน หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำ อปท.ตลอดจนพี่น้องประชาชน คณะศรัทธา เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก


     จากนั้น พระเทพรัตนนายก ประธานคณะกรรมการประจำหนเหนือ พร้อมด้วยคณะกรรมการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ประจำหนเหนือ ได้เยี่ยมชมกิจกรรมต่างๆ ของทางหมู่บ้านและวัดที่ได้นำเสนอและจัดนิทรรศการมาแสดงจุดเด่นของหมู่บ้าน อาทิ รางวัลเกียรติคุณหมู่บ้าน โครงการชุมชนต้นแบบด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ การบริหารกลุ่มออมทรัพย์ดีเด่น โครงการโคกหนองนาโมเดล ผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOP ที่โดดเด่น เช่นเครื่องจักรสาน และอัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี Soft Power ทางด้านอาหาร วัตามแบบฒนธรรมด้านอาหารของชุมชนบ้านศรีบุญยืน การแต่งกายผู้ชายส่วนใหญ่เสื้อแขนยาวสีเข้มๆ ที่เรียกว่า “ม่อฮ่อม” และผู้หญิง การแต่งกายส่วนใหญ่นิยมใส่ผ้าซิ้นทอลายขวาง ตามแบบพื้นบ้าน ภาษาที่ใช้ในชุมชนของบ้านศรีบุญยืน คือ “อู้กำเมือง” หรือภาษาเหนือ ส่วนที่เหลือ “อู้กำยอง” ที่เป็นส่วนน้อยเนื่องจากมีแต่ผู้ชาย เพาระเป็นคนเก่าแก่ที่มาจากลำพูน และอื่นๆ กิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ตักบาตรพระขี่ม้า อ.แม่จัน หิ้วตะกร้าศรัทธาอิ่มบุญ อุดหนุนชุมชน

 

เมื่อวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2567 ณ วัดถ้ำป่าอาชาทอง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดพิธีเปิดและดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการเข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ ภายใต้แนวคิด “ครอบครัวหิ้วตะกร้า ศรัทธาอิ่มบุญ อุดหนุนชุมชน” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมีพระราชวชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา เป็นประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์ และนายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา เป็นประธานในพิธีฝ่ายฆราวาส

โครงการนี้จัดขึ้นโดยกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับวัดป่ายาง วัดถ้ำป่าอาชาทอง และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายผลต่อยอดโครงการในส่วนภูมิภาค และเป็นต้นแบบในการจัดกิจกรรมฯ โดยมีเป้าหมายในการสร้างกระแสการพาครอบครัวหิ้วตะกร้าเข้าวัดทำบุญ ตักบาตร และอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งเป็นการส่งเสริม Soft Power ทางวัฒนธรรม และเสริมสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ

ในพิธีเปิดกิจกรรม นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา ได้เป็นประธานในการตักบาตรพระขี่ม้า นำโดยพระครูบาเหนือชัย โฆสิโต เจ้าอาวาสวัดถ้ำป่าอาชาทอง ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญของงาน หลังจากนั้น ได้มีพิธีถวายเครื่องสักการะแด่พระราชวชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยการถวายเครื่องไทยธรรมและภัตตาหารแด่พระสงฆ์ที่เข้าร่วมงาน

กิจกรรมจิตอาสาถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของงาน โดยนายชัยพล สุขเอี่ยม ได้เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมจิตอาสา ซึ่งเป็นการถวายความเคารพและถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2567

นอกจากพิธีทางศาสนาแล้ว กิจกรรมในงานยังประกอบด้วยการปลูกต้นไม้มงคลเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ บริเวณวัดถ้ำป่าอาชาทอง และการจัดตลาดวัฒนธรรมซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับการอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชน นอกจากนี้ ยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรม การสาธิตแม่ไม้มวยไทย และการสาธิตการตีดาบกลองสะบัดชัย ซึ่งสร้างความสนใจและความประทับใจให้กับผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก

ในโอกาสนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยข้าราชการและเจ้าหน้าที่จากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้เข้าร่วมงานและร่วมดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่คณะสงฆ์ ผู้บริหารกรมการศาสนา และผู้บริหารจังหวัดเชียงราย ที่ได้มาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ วัด และชุมชน ในการส่งเสริมและสืบสานวัฒนธรรมไทย การจัดกิจกรรมเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสมหามงคล แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และเป็นต้นแบบในการพัฒนากิจกรรมทางวัฒนธรรมในภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศไทยต่อไปในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

อบจ.เชียงราย เร่งฟื้นฟูพื้นที่ ประสบอุทกภัย ต.หงาว อ.เทิง

 

เมื่อวันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2567 เวลา 10.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) พร้อมด้วยนายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และ ส.อ.วิมล รู้ทำนอง ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และงบประมาณ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย ลงพื้นที่เร่งช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ตำบลหงาว อำเภอเทิง หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยน้ำป่าไหลหลากเฉียบพลัน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา

เหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากในครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้พื้นที่ตำบลหงาวได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อยู่อาศัยและพื้นที่สัญจร ประชาชนจำนวนมากต้องเผชิญกับสภาพที่บ้านเรือนถูกน้ำท่วมและดินโคลนที่สะสมอยู่ในบริเวณพื้นที่ต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและการสัญจรไปมาของชาวบ้าน

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ได้สั่งการให้กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักช่าง และบุคลากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการช่วยเหลือและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยโดยด่วน โดยได้จัดส่งรถน้ำแรงดันสูงเข้ามาช่วยเหลือในการทำความสะอาดพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งบริเวณพื้นผิวสัญจรและพื้นที่อยู่อาศัยของพี่น้องประชาชนที่มีดินโคลนสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก

ในระหว่างการลงพื้นที่ นางอทิตาธรได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นและประชาชน เพื่อให้การฟื้นฟูและการช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงความพร้อมในการสนับสนุนทรัพยากรและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเพื่อให้การช่วยเหลือสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและครอบคลุมทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

นางอทิตาธรยังได้พบปะและพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ โดยให้กำลังใจและให้ความมั่นใจว่าทาง อบจ.เชียงราย จะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ เธอยังได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครทุกคนที่ได้เข้ามาช่วยเหลือและทำงานอย่างไม่หยุดยั้งตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ อบจ.เชียงรายยังได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อจัดหาเครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการฟื้นฟูและซ่อมแซมพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย เช่น การจัดหาวัสดุก่อสร้างสำหรับซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย และการตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ยังได้สั่งการให้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการป้องกันและการเตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถลดผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การดำเนินงานในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ อบจ.เชียงราย ในการให้ความช่วยเหลือและดูแลประชาชนในยามวิกฤต ทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นและชุมชนในการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่ให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News