Categories
AROUND CHIANG RAI WORLD PULSE

ทูตเกาหลีใต้ หารือผู้ว่าฯ เชียงราย ความร่วมมือระหว่างสองประเทศ

 

เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 67  ที่ห้องรับรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย คณะเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย นำโดยนายปาร์ค ยงมิน (Mr. Park Yongmin) พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างสองประเทศ รวมถึงทางด้านการนำเข้าและส่งออกสินค้าการเกษตร และจังหวัดเชียงรายได้นำเสนอข้อมูลการพัฒนาเชียงรายให้เป็นเมืองสุขภาวะ (Wellness City) ตามที่รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพนานาชาติฯ โดยในด้านการท่องเที่ยวจะมุ่งเน้นยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเชื่อมโยงทุนทางวัฒนธรรม การพัฒนาเมืองเชียงรายสู่เมืองแห่งศิลปะ โดยจังหวัดเชียงรายเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ครั้งที่ 3 Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ซึ่งจังหวัดเชียงรายเป็นเมืองชายแดนที่เชื่อมต่อพรมแดนของ 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว เมียนมา มีความหลากหลายของผู้คนมากถึง 30 ชาติพันธุ์อาศัยอยู่ร่วมกัน
 
 
ทั้งนี้คณะเอกอัครราชทูต สาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทยได้กล่าวชื่นชมและรู้สึกประทับใจที่ได้มาเยือนจังหวัดเชียงราย และได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานที่ศูนย์เรียนรู้ชุมชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต โคก หนอง นา พัฒนาชุมชนดอยอินทรีย์ พระตำหนักดอยตุง ไร่แม่ฟ้าหลวง และได้เข้าเยี่ยมชมหอศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย รวมถึงสถานที่ต่างๆในจังหวัดเชียงราย และได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลไทยที่ได้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือและบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการได้เป็นอย่างดี ในฐานะของผู้แทนรัฐบาลของประเทศมีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินกับประเทศไทยและจังหวัดเชียงราย ต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มอบหนังสือสารานุกรมสำหรับเยาวชน เน้นความรู้ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย

 

เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 67 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานพิธีมอบหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เล่ม 43 ฉบับพระราชทาน ให้กับโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย 205 แห่ง โดยมี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้แทนโรงเรียน ร่วมพิธี ที่หอประชุมโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย เชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

 

เนื่องด้วย เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี ได้เป็นประธานในพิธีเชิญหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่ม 43 ฉบับพระราชทาน และมอบให้แก่ปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อมอบต่อให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด จังหวัดเชียงราย จึงได้ดำเนินการจัดพิธีมอบหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่ม 43 ฉบับพระราชทาน ให้แก่โรงเรียนในจังหวัดเชียงราย จำนวน 205 แห่ง ในครั้งนี้ พร้อมทั้งได้มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วย
 
 
สำหรับหนังสือสารานุกรม พิมพ์ขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ.2516 จนถึงปัจจุบัน รวม 43 เล่ม เป็นสารานุกรมภาษาไทย จัดทำขึ้นเป็นรูปเล่ม โดยมีเนื้อหาบางส่วนเผยแพร่ในระบบออนไลน์ E-Book เป็นสารานุกรมไทย แบบเป็นชุด เน้นความรู้ที่เกิดขึ้นและใช้อยู่ในประเทศไทย เพื่อให้คนไทยทุกเพศทุกวัย มีโอกาสได้อ่าน แต่ละเล่มรวบรวมเนื้อเรื่องจากหลากหลายสาขาวิชา เนื้อหาของเรื่องต่างๆ เรียบเรียงให้เหมาะสมกับ 3 ระดับความรู้ 
 
 
ได้แก่ เด็กรุ่นเด็ก เด็กรุ่นกลาง และเด็กรุ่นใหญ่ รวมทั้งผู้ใหญ่ทั่วไปที่สนใจ แต่ละเรื่องเริ่มต้นด้วยเนื้อหาของระดับเด็กเล็ก ตามด้วยเนื้อหาของรุ่นกลาง และรุ่นใหญ่ ตามลำดับ เพื่อขยายผลเผยแพร่เรื่องราวของพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอดแนวพระราชปณิธาน ให้ประชาชนในทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ได้รับรู้รับทราบ ซึ่งจะทำให้ทั้งผู้ปกครอง ครู อาจารย์ เด็ก และเยาวชน ได้มีโอกาสแสวงหาองค์ความรู้ที่แตกต่างหลากหลายต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ผู้ว่าฯ เชียงรายกำชับห้ามเผาเด็ดขาด ควบคู่ดูแลผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก

 

เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 67 ที่ศูนย์ปฏิบัติการหมอกควันไฟป่า และ PM 2.5 จังหวัดเชียงราย ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์หมอกควันไฟป่าของจังหวัดเชียงราย และประเมินผลการดำเนินงานจากการใช้มาตรการต่างๆ โดยมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมฯ

 

โดยในที่ประชุมฯ ได้หารือพร้อมทบทวนและเพิ่มมาตรการในการปฏิบัติงานเพื่อให้การป้องกันและแก้ไขหมอกควันไฟป่า ในห้วงห้ามเผาเด็ดขาด (15 ก.พ. – 30 เม.ย. 567) อาทิ การจัดชุดลาดตระเวน การจัดทำแนวกันไฟ พร้อมกำชับให้เข้มงวดด้านการบังคับใช้กฎหมาย ให้มีการจับผู้กระทำผิดที่ลักลอบเผา รวมถึงให้รางวัลแก่ผู้นำจับ ผู้แจ้งเบาะแส การใช้กฎระเบียบหมู่บ้าน จับแล้วปรับเงินเข้าหมู่บ้าน ใช้กฎหมายป่าไม้ กฎหมายป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติตามมาตรการสูงสุด พร้อมกำชับตรวจสอบดูแลเกี่ยวกับข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ 
 
 
หากตรวจสอบพบให้สืบหาผู้กระทำผิดเพื่อนำมาลงโทษ รวมทั้งมาตรการทางสาธารณสุขให้มีการเตรียมความพร้อม สำรวจบ้านของกลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ การจัดทำเซฟตี้โซน รวมถึงแจ้งเตือนให้คำแนะนำแก่ประชาชนในการดูแลตนเองหากเกิดสถานการณ์หมอกควันไฟป่า โดยให้ท้องถิ่น สำรวจศูนย์เด็กเล็กเพื่อจัดทำห้องปลอดฝุ่นให้ครบทุกแห่ง
 
 
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ยังได้เน้นย้ำให้มีการประสานข้อมูลระหว่างหน่วยงานให้ชัดเจน เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ข้อมูลสถิติในทุกด้านย้อนหลังของปีที่ผ่านมา นำมาเปรียบเทียบสถานการณ์ เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติล่วงหน้า ต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

คณะทูต เยือนศูนย์เรียนรู้ชุมชนต้นแบบ โคก หนอง นา ชุมชนดอยอินทรีย์

 
เมื่อวันที่ 19ก.พ. 67 ที่ศูนย์เรียนรู้ชุมชนต้นแบบคนทุกช่วงวัย โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน พุทธอุทยานดอยอินทรีย์ ต.ดอยฮาง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย นำหัวหน้าส่วนราชการให้การต้อนรับ คณะทูตและกงสุลต่างประเทศประจำประเทศไทยพร้อมคู่สมรสที่ลงพื้นที่ศึกษาดูงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และเรียนรู้เกี่ยวกับศักยภาพและความสำเร็จของประเทศไทยด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประจำปี 2567
 
 
ศูนย์เรียนรู้ชุมชนต้นแบบคนทุกช่วงวัย โคก หนองนา พัฒนาชุมชน พุทธอุทยานดอยอินทรีย์ บ้านห้วยกีด ตำบลดอยฮาง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย(พื้นที่ดอยอินทรีย์ขนาด 8,025 ไร่) เป็นพื้นที่ป่าไม้ที่อยู่ภายใต้การดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งแต่เดิมประชาชนในพื้นที่ได้รุกล้ำพื้นที่ป่าไม้โดยการแผ้วถางเผาป่า ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำเข้าไปทำเกษตรเชิงเดียว ได้แก่ การปลูกข้าวโพด การปลูกสับปะรด การปลูกถั่วเหลือง อีกทั้งยังมีการใช้สารเคมีแหล่งพื้นที่สร้างอาหารถูกทำลาย สัตว์ป่าเสียชีวิต
 
 
พระอาจารย์วิบูลย์ ธัมเมเตโช ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดพุทธดอยอินทรีย์ จึงได้หาวิธีการแก้ไขปัญหาร่วมกับหน่วยงานราชการ ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น ประชาชนจิตศรัทธา เพื่อรักษาแหล่งต้นน้ำทำนุบำรุงรักษาผืนป่า จึงขอรับการสนับสนุนจากสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินองค์การมหาชน ในการจัดสรรที่ดินให้ครอบครัวที่ไม่มีที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัยครอบครัวละ 1 ไร่ แล้วเปลี่ยนแนวคิดของคนในชุมชน ให้เกิดการรักษาทรัพยากรที่ก่อเกิดแหล่งอาหารก่อเกิดสิ่งมีชีวิตโดยน้อมนำแนวทางศาสตร์พระราชา เกษตรทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สู่แนวคิด“เขียนตำราลงดิน”มาเป็นแนวทางปฏิบัติให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่
 
 
ผลการดำเนินงานในหลักทฤษฎีขั้นพื้นฐานโดยรูปแบบการพัฒนาพื้นที่แต่ละครัวเรือนได้นำรูปแบบการพัฒนาพื้นที่ตามพระราชดำริ เกษตรทฤษฎีใหม่ โดยจัดแบ่งพื้นที่ออกเป็น 30-30-30-10 ให้มีการกักเก็บน้ำปลูกผักสวนครัวปลูกป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง สร้างความสมดุลย์ของระบบนิเวศหลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2563 มีการขยายผลสู่การดำเนินงานตามหลักทฤษฎีขั้นกลางโดยการพัฒนาพื้นที่การพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก หนอง นาพัฒนาชุมชนจำนวน 15 ไร่ ได้รับงบประมาณจากงบกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านกระทรวงมหาดไทยมาต่อ ยอดการพัฒนาขั้นพื้นฐานโดยมีการพัฒนาบุคลากรประสานภาคีการพัฒนามาร่วมบูรณาการพัฒนาพื้นที่พัฒนาฐานการเรียนรู้ต่างๆให้มีความพร้อมสู่การเป็นศูนย์เรียนรู้การพัฒนาคุณภาพชีวิตคนทุกช่วงวัย ซึ่งใช้ระยะเวลาดำเนินการเพียง 6 เดือน พื้นที่แห่งนี้สามารถกักเก็บน้ำฝนได้ 9,078 ลูกบาศก์เมตร ปลูกป่าปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 5,000 ต้น มีพืชผักสวนครัวพืชสมุนไพร และมีรายได้จากการศึกษาเรียนรู้ดูงาน และฝึกปฏิบัติ มีรายได้กว่า 3,600 บาทถึง 25,000 บาทต่อเดือน
 
 
ซึ่งส่งผลสำเร็จที่สำคัญต่อสิ่งแวดล้อม การฟื้นฟูดิน น้ำ ป่า และพื้นที่แห่งนี้กำลังจะได้รับการขยายผลไปในระดับจังหวัด คือ เป็นพื้นที่ขยายผลเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ ตามนโยบายรัฐบาลซึ่งเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวมใน 3 มิติ คือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียวภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ซึ่งถือเป็นการพัฒนาตามหลักที่ใหม่ ขั้นก้าวหน้า จึงมั่นใจว่าการดำเนินงานในระยะต่อไปจะสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้ไม่น้อยกว่า 3 เท่า ภายใน 3 ปีซึ่งเพิ่มพื้นที่สีเขียวจากโครงการอื่นๆ เช่น ปลูกป่าในใจคน ป่านี้มีผลผู้คนรักกัน ดินโลกคนอยู่ร่วมกับป่า สร้างแหล่งน้ำได้อย่างยั่งยืนทั้งน้ำกิน น้ำใช้ และน้ำเพื่อการเกษตร
 
 
อีกทั้งยังสามารถสร้างความสามัคคีปรองดองให้แก่คนและชุมชนผ่านกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาและช่วยให้ชุมชนตระหนักและเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันสาธารณภัยผ่านกิจกรรมจิตอาสาภัยพิบัติผ่านการรวมกลุ่มชาวบ้านและภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาคีโดยมีภาครัฐสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานอีกด้วย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI WORLD PULSE

เชียงรายพร้อมต้อนรับผู้สำเร็จราชการ แห่งเครือรัฐออสเตรเลีย 16 – 17 ก.พ.

 

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 67 ที่ห้องประชุมธรรมลังกา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมเตรียมการต้อนรับ พลเอก เดวิด จอร์น เฮอร์ลีย์ ผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย และภริยา ในการเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ณ จังหวัดเชียงราย โดยมีนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ ว่าที่ร้อยตรี ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นำหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

 

ด้วยจังหวัดเชียงรายได้รับแจ้งจากกระทรวงต่างประเทศว่า พลเอกเดวิด จอห์น เฮอร์ลีย์ ผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย และภริยา มีกำหนดเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลระหว่างวันที่ 13 – 17 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งการเยือนประเทศไทยครั้งนี้เป็นการเยือนของผู้นำระดับสูงของออสเตรเลียในรอบ 7 ปี และเป็นครั้งแรกของพลเอกเดวิดฯ ในฐานะผู้สำเร็จราชการ กระชับความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคีและต่อยอด ความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ของทั้งสองประเทศ โดยมีกำหนดเดินทางมาเยือนยังจังหวัดเชียงรายวันที่ 16 – 17 กุมภาพันธ์ 2567 
 
 
เพื่อเยี่ยมชมโครงการ การเสริมสร้างความสามารถในการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศกรณีศึกษา พื้นที่ลุ่มน้ำอิง ที่ประเทศออสเตรเลียให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ โดยมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ร่วมกับชุมชนในพื้นที่บ้านป่าข่า ตำบลป่าตาล อำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย รวมถึงเยี่ยมชมโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งการเดินทางมาเยือนของผู้สำเร็จราชการแห่งเครือออสเตรเลียดังกล่าว จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการกระชับ และเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับออสเตรเลียให้ใกล้ชิดมากขึ้น 
 
 
โดยเฉพาะในวาระครบรอบ 72 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับออสเตรเลียในปี 2567 และเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบฯ เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงศึกษาที่ราชวิทยาลัยนายร้อยทหารบกดันทรูน ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งพลเอก เดวิดฯ ยังเป็นพระสหายที่สำคัญ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเชิงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับออสเตรเลียให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
 
 
ทั้งนี้จังหวัดเชียงรายโดยนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดเชียงราย เตรียมความพร้อม รวมถึงซักซ้อมก่อนพลเอก เดวิดฯ และภริยา จะมาเยือนยังจังหวัดเชียงราย ทั้งด้านการอำนวยความสะดวกให้แก่คณะฯ ในการสนับสนุนการประสานงานร่วมกับกรมพิธีการทูต และจังหวัดเชียงราย ความปลอดภัยทางท้องถนน สถานที่ พร้อมทั้งจัดเตรียมรถไฟฟ้าสำรอง สำหรับพื้นที่ทุกจุดหมายตามเส้นทางให้เพียงพอ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง จัดเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องความสะอาดเรียบร้อยในพื้นที่จุดหมาย รวมถึงจัดเตรียมรถพยาบาล พร้อมแพทย์และพยาบาล อุปกรณ์ทางการแพทย์ ติดตามขบวน จัดเตรียมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นละอองเชื้อโรคสำหรับแจกจ่ายเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ตลอดจนประสานสื่อมวลชนทุกแขนงในการจัดทำข่าวให้เป็นไปด้วยความเหมาะสมเรียบร้อย
 
 
การเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ของผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลียสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด และมิตรภาพระหว่างราชอาณาจักรไทยและเครือรัฐออสเตรเลีย ตั้งแต่ระดับราชวงศ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด จนมาถึงรัฐบาล และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยการเยือนครั้งนี้ยังเป็นโอกาสให้ ไทยและออสเตรเลีย กระชับความร่วมมือในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม
 
 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ผู้ว่าฯ เชียงราย สั่งจับคนอ้างเจ้าหน้าที่รัฐ ทีมงาน รมช.ชาดา ข่มขู่เรียกค่าคุ้มครอง

 

เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 67 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยถึงกรณีมีผู้แอบอ้างเป็นหนึ่งในคณะทำงานของนายชาดา ไทยเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์จากสถานบริการประเภทคาราโอเกะ เพื่อเป็นค่าคุ้มครองป้องกันไม่ให้ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยเข้าจับกุม ซึ่งจากเบาะแสทราบว่ามีการเรียกรับเงินในอัตรา 300,000 – 400,000 ต่อร้าน โดยข่มขู่ว่าหากไม่จ่ายเงินค่าคุ้มครองจะดำเนินการจับกุมสถานบริการ อีกทั้งยังอ้างถึงการประสานผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายหากไม่จ่ายเงินค่าคุ้มครองดังกล่าว

 

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งเบาะแสดังกล่าว ตนจึงได้ประสานงานไปยังคณะทำงานของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมสั่งการให้ที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงราย นำโดยนายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายอำเภอเมืองเชียงราย ปลัดอำเภอ สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย เข้าตรวจสอบบุคคลผู้แอบอ้างดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้วางแผนการล่อซื้อ ด้วยการให้สายลับเข้าทำการจ่ายเงินค่าคุ้มครองให้แก่ผู้แอบอ้างเป็นค่ามัดจำเงินสด จำนวน 100,000 บาท โดยมีการนัดหมายเพื่อจ่ายเงินกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงราย ซึ่งเมื่อเป้าหมายมาถึงเจ้าหน้าที่สายลับได้จ่ายเงินให้กับบุคคลผู้แอบอ้าง พร้อมทั้งแสดงตัวเข้าจับกุมและตรวจสอบบุคคลผู้แอบอ้างทันที ทราบชื่อคือ นายสุทธิรัตน์ฯ พร้อมกับธนบัตรเงินสดที่มีการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแล้วนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงรายดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

“จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า ผู้แอบอ้างได้มีการกล่าวอ้างถึงผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยจริง โดยกล่าวอ้างว่า นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ส่งให้มาเรียกค่าคุ้มครองจากสถานบริการหรือธุรกิจอื่น โดยเรียกอัตราค่าคุ้มครองตามขนาดของร้าน ในอัตรา 300,000 – 400,000 บาทต่อร้าน และหากร้านไหนจ่ายจะไม่ให้ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเข้ามาจับกุม และหากคุยไม่ได้จะส่งรายชื่อสถานบริการที่จ่ายค่าคุ้มครองให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเพื่อดำเนินการทันที โดยในด้านของคณะทำงานของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้การยืนยันว่าไม่มีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยคนใดที่จะเรียกรับผลประโยชน์จากสถานบริการ หากมีบุคคลใดไปแอบอ้างคือเป็นการหลอกลวงทั้งสิ้น” นายพุฒิพงศ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม

 

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวในช่วงท้ายว่า ขอย้ำเตือนผู้ประกอบการทุกประเภทว่า “คนมหาดไทยไม่มีเรียกรับผลประโยชน์ ไม่มีคำว่าเคลียร์ใด ๆ ถ้าจะเคลียร์กับสิ่งผิดกฎหมาย คือ ต้องจับสถานเดียว ไม่มีละเว้น” พร้อมทั้งขอแจ้งไปยังพี่น้องประชาชน ตลอดจนผู้ประกอบการต่าง ๆ ต้องระมัดระวังมิจฉาชีพหรือผู้แอบอ้างชื่อผู้มีอำนาจของรัฐ เพื่อเรียกรับเงิน ซึ่งปัจจุบันมีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจำนวนมาก และมักจะมาหลากหลายวิธีการ หากท่านพบมีผู้กระทำการดังกล่าวอย่าหลงเชื่อเป็นอันขาด ถ้าทำได้ขอให้อัดเสียงกับโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อื่นใดที่อัดเสียงได้ บันทึกได้ แล้วนำหลักฐานแจ้งความทันที หรือสามารถขอรับคำปรึกษาและแจ้งเบาะแสที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย สายด่วน 1567 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กองสารนิเทศ สป.มท.

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย ระดมทุนถวายผ้าป่า ช่วยผู้ได้รับความเดือดร้อนไฟป่าและ PM 2.5

 

เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 67 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานพิธีถวายผ้าป่า “บวร.บรม.ครบ. เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าให้ประเทศชาติและโลกใบนี้” และเป็นการระดมทุนสำหรับใช้ในการช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อน หรือผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควันไฟป่า และ PM 2.5 ณ วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง ตำบล้วียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยมี พระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย รอง ผอ.รมน.จังหวัดเชียงราย ปลัดจังหวัดเชียงราย นายอำเภอทุกอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรํบวิสาหกิจ หอการค้าจังหวัดเชียงราย สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย ชมรมธนาคารจังหวัดเชียงราย และหน่วนงานที่เกี่ยวข้อง ประชาชนชาวจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมพิธีถวายผ้าป่าในครั้งนี้ด้วย

 

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงราย และคณะสงฆ์จังหวัดเชียงราย จัดพิธีทอดผ้าป่าเพื่อระดมทุนสำหรับใช้ในการช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควันไฟป่า และ PM 2.5 ภายใต้ชื่อว่า “บวร. หมายถึง บ้าน วัด ราชการ โรงเรียน บรม. หมายถึง บ้าน ราชการ มัสยิด ครบ. หมายถึง คริสต์ ราชการ บ้าน และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างคณะสงฆ์ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมให้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการปัญหาหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 
 
 
โดยมีหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และประชาชน ได้ร่วมสมทบทุนถอดผ้าป่าในครั้งนี้ ยอดรวม 772,428.50 บาท และยังได้รับความเมตตาจาก พระไพศาลประชาทร (วิ) (พบโชค ติสสวังโส) เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง ร่วมสมทบผ้าป่าจำนวน 100,000 บาท และวัดเจ็ดยอด จำนวน 10,000 บาท รวมยอดทั้งสิ้น 882,428.50 บาท
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

เชียงราย พร้อมเปิดใช้ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า อำเภอเชียงของ

 

เมื่อวันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2567 ที่ ห้องประชุมพญาพิภักดิ์ ชั้น2 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เข้าร่วมประชุม เพื่อรายงานความคืบหน้าโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย และการเตรียมความพร้อมในการเปิดใช้ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า อำเภอเชียงของ อีกทั้งเพื่อรับทราบผลการดำเนินงานและปัญหาอุปสรรค พร้อมทั้งร่วมวิเคราะห์แนวทางในการเปิดใช้ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า อำเภอเชียงของ ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการขยายตัวด้านการค้าชายแดน รวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนของจังหวัดเชียงราย

 
 
สำหรับโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่ ณ ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ ติดกับด่านพรมแดนเชียงของ บริเวณสะพานมิตรภาพไทยลาว แห่งที่4 (เชียงของ – ห้วยทราย) มีเนื้อที่กว่า 335 ไร่ จัดตั้งขึ้นเพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งระหว่างประเทศ ไปสู่ภายในประเทศ รองรับการเชื่อมต่อโครงการรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ รองรับการขนส่งสินค้าผ่านเส้นทาง R3a (ไทย – ลาว – จีนฝั่งตะวันตก) และเป็นศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ อีกทั้งจะเป็นศูนย์ One Stop Service ดำเนินพิธีการที่เกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออก รวมไว้ในจุดเดียว
 
 
ปัจจุบันโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าอำเภอเชียงของ มีการก่อสร้างระยะที่1 แล้วเสร็จและเปิดให้บริการ (Soft Opening) ตั้งแต่เดือนเมษายน 2064 และก่อสร้างระยะที่2 เริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2566 และจะมีการดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน (PPP) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาร่างสัญญาร่วมทุน ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ประกอบกับมติที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย ครั้งที่2 / 2567 ได้เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะทำงานเตรียมพร้อมการกำหนดแนวทางในการเปิดใช้ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งอำเภอเชียงของ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการขยายตัวด้านการค้าชายแดน รวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนของจังหวัดเชียงรายต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ดีเดย์กิจกรรม “ตลาดนัดแก้หนี้” ไกล่เกลี่ยพร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ

 

เมื่อวันที่ 14 มกราคม 67 ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม “ตลาดนัดแก้หนี้” ตามนโยบายรัฐบาล โดยมี นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี โดยเปิดให้ประชาชนลูกหนี้นอกระบบลงทะเบียน ตั้งแต่เวลา 09.00 ถึง 16.00 น. โดยที่ผ่านมาจังหวัดเชียงราย มีผู้ลงทะเบียนหนี้นอกระบบแล้วทั้งสิ้น จำนวน 1,466 ราย จำนวนมูลหนี้รวม จำนวน 113,856,000 บาท ซึ่งมีผลการไกล่เกลี่ยสำเร็จแล้ว จำนวน 86 ราย จำนวนมูลหนี้ที่ได้รับการไกล่เกลี่ยรวม จำนวน 8,146,000 บาท เพื่อเป็นการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล จังหวัดเชียงรายจึงได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัด อาทิ สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย และการบังคับคดีจังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด สำนักงานคลังจังหวัด สำนักงานพัฒนาชุมชม สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เพื่อเข้าร่วมให้ความช่วยเหลือลูกหนี้และเจ้าหนี้

 

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลกำหนดให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งให้ทุกจังหวัด และอำเภอดำเนินการตามแนวทางมาตรการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบด้วยมาตรการช่วยเหลือ มาตรการเฝ้าระวังป้องกัน และมาตรการปราบปราม ซึ่งจังหวัดเชียงรายได้มีคำสั่งจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เพื่ออำนวยการ ประสาน และบูรณาการการปฏิบัติงานของส่วนราชการและภาคองค์กรต่าง ๆ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุวัตถุประสงค์สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และการจัดกิจกรรม “ตลาดนัดแก้หนี้” 
 
 
ในวันนี้จะมีเจ้าหน้าที่จากฝ่ายอัยการ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายตำรวจ สถาบันการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาอำนวยความสะดวก ให้คำปรึกษา ให้ข้อมูล พร้อมการช่วยดำเนินไกล่เกลี่ยหนี้แก่ลูกหนี้และเจ้าหนี้ที่ได้ลงทะเบียนแล้ว ให้เข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
 
 
สำหรับกิจกรรมดังกล่าว นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ จึงกำชับให้จังหวัดทำงานร่วมกับตำรวจ ให้คุ้มครองความปลอดภัยของลูกหนี้ ให้จังหวัดและอำเภอใช้กลไกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พาลูกหนี้และเจ้าหนี้มาเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย โดยให้จัดตลาดนัดแก้หนี้อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ในวันเสาร์หรืออาทิตย์ที่ 2 ของเดือน ณ ที่ทำการปกครองจังหวัด ศาลากลางจังหวัด หรือสถานที่ที่เหมาะสม และให้เร่งดำเนินการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้สิน 
 
 
ทั้งนี้ประชาชนสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ที่ทำการปกครองจังหวัดในพื้นที่ และส่วนอำนวยความเป็นธรรม กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย โทร. 0-2356-9556 หรือ 0-2356-9660 ขณะที่กระทรวงมหาดไทย ยังเปิดให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบ ลงทะเบียนทางระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์ https://debt.dopa.go.th หรือลงทะเบียนได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ผู้ว่าฯ เชียงราย ขานรับนโยบายเข้มงวด เรื่องปัญหายาเสพติด อาวุธ

 

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 ที่ห้องประชุม 302 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมและมอบนโยบายให้ผู้ว่าราชจังหวัด บุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทยในจังหวัดที่อยู่ภายใต้การกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ผ่านระบบวิดีทัศน์ทางไกล (Video Conference) เพื่อรับฟังประเด็นปัญหาสำคัญเร่งด่วน และข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาของจังหวัด / กลุ่มจังหวัด เขตตรวจราชการที่ 5 กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย เขตตรวจราชการที่ 13 กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง 1 และเขตตรวจราชการที่ 16 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัด เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง ทั้งจังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ และจังหวัดน่าน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ เป็นผู้นำเสนอข้อมูล ประเด็นปัญหา และข้อเสนอแนะในภาพรวม จากห้องประชุมอูหลง ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมและรับมอบนโยบายฯ

 

โดยนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย รายงานต่อที่ประชุมว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย จังหวัดแพร่ จังหวัดพะเยา และจังหวัดน่าน มีศักยภาพที่โดดเด่นในเรื่องการท่องเที่ยว มีที่ตั้งติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งเชื่อมต่อไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน จังหวัดเชียงรายเป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ และมีสถานีรถไฟสายเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ ที่จะสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2571 โดยในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มจังหวัดฯ มีประเด็นปัญหาร่วมกันภายในกลุ่มจังหวัด ที่สำคัญ ดังนี้ 
 
1. ปัญหาการเกิดไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เผชิญสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเมษายนของทุกปี สาเหตุหลักเกิดจากการเผาในที่โล่ง การเผาเพื่อเตรียมพื้นที่การเกษตร และการเผาในพื้นที่ป่า ประกอบกับการเกิดหมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน นำมาซึ่งวิกฤติการณ์ด้านคุณภาพอากาศส่งผลกระทบด้านการท่องเที่ยว สุขภาพของประชาชน 
 
2. ปัญหาการจัดระเบียบสังคม ประสบปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด โดยกลุ่มผู้เสพเป็นรายเดิมที่กลับมาเสพซ้ำเป็นส่วนใหญ่ มีผู้ค้ารายย่อย ผู้เสพ ที่อาศัยอยู่ในชุมชนลักลอบจำหน่าย หรือเสพยาเสพติดในพื้นที่ ซึ่งมีความประสงค์ค้ายาเสพติดกับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ตำบลที่อาศัยอยู่ รวมถึงพื้นที่ข้างเคียง และปัญหาด้านความมั่นคงในจังหวัดชายแดน เช่น การค้ามนุษย์ การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เป็นต้น รวมไปถึงผู้ไม่มีสัญชาติไทยในพื้นที่จังหวัดภายในกลุ่มจังหวัด 
 
3. ปัญหาหนี้นอกระบบ ของจังหวัดภายในกลุ่มจังหวัด ข้อมูล ณ วันที่ 9 มกราคม 2567 มีผู้มาลงทะเบียนสะสมรวมจำนวน 3,415 ราย ยอดหนี้รวมทั้งสิ้น 215,978,440.29 บาท และ 4. ปัญหาการขาดแคลนน้ำ จังหวัดภายในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 มีการกักเก็บน้ำได้ปริมาณน้อย เมื่อเข้าสู่ฤดูแล้งปริมาณน้ำในแม่น้ำ อ่างเก็บน้ำ สระน้ำ ฝายกักเก็บน้ำ และลำน้ำสายต่างๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตรและการอุปโภค บริโภค
 
 
ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ชี้แจงนโยบายของรัฐบาล และภารกิจสำคัญเร่งด่วนของกระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เข้มงวดกับปัญหาสังคม โดยเฉพาะโครงการ แก้หนี้นอกระบบ การแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ตามแนวตะเข็บชายแดน รวมถึงปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่น PM2.5 เรื่องน้ำสะอาด (น้ำประปาดื่มได้) พลังงานสะอาด (เพิ่มพลังงานสีเขียว) และการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชน และยังได้กล่าวว่า หน้าที่ของรัฐบาล คือการบำบัดทุกข์บำรุงสุข การรักษาความสงบเรียบร้อย รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน จึงได้มอบหมายให้ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการลงพื้นที่ เพื่อสำรวจปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ หากเกิดเหตุใดๆ ให้รีบหาทางแก้ไขทันที และเน้นย้ำต้องเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนเท่านั้น รวมไปถึงปัญหายาเสพติด และปัญหาเยาวชนอายุไม่ถึง 20 ปี มั่วสุมตามสถานบันเทิง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ละจังหวัด เข้าตรวจคุมเข้ม หากมีสถานบันเทิงแห่งใด ไม่มีใบขออนุญาตให้เปิดบริการตามกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ให้เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการอย่างท่วงทันที “ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที”
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News