Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกฯ เยี่ยมชม ข่วงเรียนรู้เยาวชนโรงเรียนเทิงวิทยาคม เชียงราย

 

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2567 เวลา 12:50 น. นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังโรงเรียนเทิงวิทยาคม ร่วมเวทีเสวนา “เด็กคิด เด็กทำ ผู้ใหญ่หนุนเสริมเพื่อการป้องกันยาเสพติดอย่างยั่งยืน” ตามแนวทางสร้างเยาวชนแก้ไขปัญหายาเสพติดต้นน้ำ เชื่อมประสานเครือข่ายสู่การสร้างชุมชนที่มีศักยภาพอย่างยั่งยืน เพื่อการพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนเพิ่มพื้นที่สร้างสรรค์ ผ่านกิจกรรมต่างๆ เพื่อป้องกันนักดื่ม นักสูบ และนักเสพหน้าใหม่ ในมิติที่หลากหลาย เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติด ที่มีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งในปัจจุบันที่ผู้คนสามารถเข้าถึงยาเสพติดได้ง่ายขึ้น ผ่านทางโลกออนไลน์สามารถทำการติดต่อซื้อขายกันได้โดยตรง ทำให้ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการใช้ยาเสพติดในช่วงวัยเด็กและเยาวชน ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลให้กับทุกคนเพราะไม่เพียงแต่ประเทศจะต้องสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นทรัพยากรอันมีค่าที่สุดของประเทศไปแล้ว ยังนำมาซึ่งปัญหาอื่นอีกมากมายทั้งในการก่ออาชญากรรม ปล้นจี้ ปัญหาทางจิต ปัญหาด้านสุขภาพ และปัญหาด้านเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นแนวทางการแก้ไขปัญหา มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัวสังคม  

 

โดยตัวแทนเยาวชน ได้เสนอตามความสนใจและความต้องการของเด็กและเยาวชนในพื้นที่ อาทิ การแก้ไขปัญหายาเสพติดในมุมมองของเยาวชน โดยการจัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันสร้างความตระหนักรู้และการเฝ้าระวังสอดส่องพฤติกรรมจากปัญหายาเสพติดที่เกิดขึ้นในโรงเรียนและสังคม สร้างจิตสำนึกที่ดี และปลูกฝังจิตใจของเยาวชนให้มีจิตอาสาช่วยเหลือสังคมและเอื้ออาทรต่อเพื่อนร่วมโลก และก่อสร้างโดมคลุมลานอเนกประสงค์โรงเรียนเทิงวิทยาคม เพื่อใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอน และกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนมีความสมบูรณ์ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกิจกรรมด้านกีฬา และให้บริการแก่ชุมชนสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ

 

สำหรับโรงเรียนเทิงวิทยาคม มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ อาทิ ได้รับรางวัลนักเรียนพระราชทาน ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมส่งผลงานการทดลองไปอวกาศ โดยองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่นและสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ จำนวนสองทีม  รางวัลระดับประเทศหนึ่งโรงเรียนหนึ่งนวัตกรรมจากกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การพัฒนาระบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนด้วยระบบ E-student Care โรงเรียนเทิงวิทยาคม นักเรียนมีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน ระดับชั้น ม.3 วิชาภาษาอังกฤษ และวิชาคณิตศาสตร์ เต็ม 100 คะแนน รางวัลชนะเลิศการประกวดสื่อสร้างสรรค์คลิปสั้น โรงเรียนคุณภาพพิเศษ แห่งสพม.เชียงราย กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์และกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีครูผู้สอนยอดเยี่ยม กลุ่มสาระศิลปะรางวัลทรงคุณค่าสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกฯ ศึกษาแนวทางแก้ไขระบบ ชลประทานขาดแคลนน้ำ อ.เชียงแสน

 

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจุลพันธ์  อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 และคณะ ลงพื้นที่ศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาระบบชลประทานและพบปะประชาชน ณ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง เขตเชียงรายย อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยมีประชาชนชาวเชียงแสนให้การต้อนรับ

 

โดยนายกรัฐมนตรี พบปะประชาชนเพื่อรับฟังปัญหาและรับเรื่องร้องทุกข์ของประชาชน และฟังการนำเสนอโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำเชียงแสน จากนั้น ได้ร่วมรับฟังแผนพัฒนาจังหวัดเชียงราย จากหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่

 

สำหรับโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำเชียงแสน  จะเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับปรุงพื้นที่เกษตรกรรมจำนวน 2,100 ไร่ รวมทั้งช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ให้แก่ราษฎรบ้านห้วยเกี๋ยง ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน และหมู่บ้านข้างเคียงรวม 5 หมู่บ้าน จำนวน 5,246 ครัวเรือน ประชากรจำนวน 9,583 คน ให้มีน้ำใช้เพียงพอตลอดทั้งปี ทั้งยังเป็นการรักษาระบบนิเวศของคูเมืองโบราณ เพิ่มทัศนียภาพ และส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวของเมืองโบราณเชียงแสนอีกด้วย

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

นายกฯ ลุยต่อสถานบันเทิงครบวงจร หวังดึงรายได้เข้าไทย 1.2 หมื่นล้านบาท

 
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามการดำเนินการเรื่องสถานบันเทิงครบวงจร หลังได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง ศึกษาความเป็นไปได้โดยละเอียด และพิจารณายกร่างกฎหมายพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … โดยนำร่าง พ.ร.บ. ฉบับกรรมาธิการมาพิจารณาประกอบกับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติ ครม. (9 เมษายน 2567) พร้อมจัดทำแผนการออกกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอให้ ครม. พิจารณา
 

เนื่องจากการตั้งสถานบันเทิงครบวงจรทั่วโลก มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ 1.5 ล้านล้านดอลาร์สหรัฐ หรือ 54 ล้านล้านบาท ในปี 65 และคาดว่าในปี 67 มูลค่าถึง 79 ล้านล้านบาท โดยมาเก๊า เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ประชาชน 7 แสนคนต่อทำรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท โดยญี่ปุ่น เตรียมเปิดสถานบันเทิงครบวงจรครั้งแรก 3 แห่ง ทั้งเมืองโอซาก้า ในปี 2571 ที่เมืองนางาซากิ ในปี 73 และเมืองฟูกูโอกะในปี 74 จึงคาดว่าไทย หากสร้าง เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ จะสร้างรายได้เข้าประเทศ 1.2 หมื่นล้านบาทในปีแรก

นายกฯ สั่งการให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน มาตรการเยียวยาผู้ประกอบการและแรงงานอย่างเหมาะสม เพื่อเสนอ ครม. พิจารณา เพื่อดูแลและเยี่ยวยาปัญหาแรงงาน ผู้ได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจชะลอตัว จากปัญหาโรงงานทั่วประเทศ ต้องปิดตัวลง หรือเลิกจ้างงาน

นายกรัฐมนตรี เห็นว่า หากกฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบในอนาคต ไทยจะมีการลงทุน Mega project ขนาดใหญ่  มีสนามกีฬานานาชาติแห่งใหม่ มีศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ Concert Hall หรือพื้นที่จัดแสดงสินค้าพื้นบ้าน โดยพื้นที่ในการเล่นการพนันหรือ Gaming floor มีสัดส่วนเพียงแค่ 3-10% ของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น

โดยนายกรัฐมนตรีได้ย้ำ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมาว่า มติเห็นชอบผลการศึกษาในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาบ่อนพนัน ด้วยการนำเศรษฐกิจสีเทาขึ้นมากำกับดูแล และ เก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง พร้อมย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้ต้องการส่งเสริมการพนัน  แต่ต้องการกำกับดูแลให้มีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล แล ะนำรายได้จากการส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่มาใช้ในการพัฒนาประเทศ สร้างงาน สร้างอาชีพ และ หลังจากนี้ ครม.จะต้องศึกษา และ ยกร่างกฎหมายให้สภาฯ พิจารณาต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาไทยเสียเวลาและโอกาสมากพอแล้ว ถึงเวลาทวงคืนเวลาที่สูญเสียไปให้กลับมาเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศแล้ว
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

นายกฯ จับตาสถานการณ์ภัยแล้ง สั่งบูรณาการ จัดการอย่างเป็นระบบ

 

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ห่วงสถานการณ์ภัยแล้งที่จะส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งภาคเกษตรกรรม ความเป็นอยู่ การลงทุน รวมทั้งการท่องเที่ยว เล็งภาคใต้จะกระทบหนัก สั่งการทุกหน่วยงานวางแผนบริหารการอย่างเป็นระบบและเป็นรูปธรรมเพื่อรับมือและบรรเทาสถานการณ์ และช่วยเหลือประชาชน โดยได้สั่งการให้ทุกหน่วยงาน เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ดูแลเรื่องน้ำ กระทรวงมหาดไทยที่ดูแล บรรเทาสาธารณภัยรวมทั้งเหล่าทัพ ที่นำสรรพกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภัยแล้ง รวมถึงภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมด้วยช่วยกัน ในส่วนที่ทำได้อำนวยความสะดวก ดูแล แบ่งเบาความทุกข์ ประชาชน และกำชับหน่วยกองทัพร่วมเข้าช่วยเหลือแก้ปัญหาภัยแล้ง ดูแลการขาดน้ำอุปโภค บริโภค ของประชนให้ทันท่วงทีและรายงานนายกรัฐมนตรีทุกระยะ เพื่อพิจารณาปรับแผนการดำเนินการที่เหมาะสม

 

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ซึ่งจากการสั่งงานของนายกรัฐมนตรี ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำ กษ. มท. เหล่าทัพ เร่งหามาตรการบรรเทา และเป็นการแก้ไขสถานการณ์ทั้งระบบเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรและประชาชนน้อยที่สุด โดยขณะนี้มี รถผลิตน้ำดื่มเคลื่อนที่ รถขนน้ำ การขุดลอกแหล่งน้ำ และซ่อมบำรุงระบบปะปาแก่ชุมชน
 
 
“ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัดนี้ นายกรัฐมนตรีวางแผนการทำงานล่วงหน้าเพื่อบรรเทาน้ำแล้งทั้งระบบ ไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชน ภารการเกษตร อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว ที่รับรายงานว่าเกิดปัญหาขาดน้ำแล้วโดยขอทุกหน่วยงานแบ่งงานกันดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องและรายงานนายกรัฐมนตรีเป็นระยะเพื่ออาจพิจารณาปรับเปลี่ยนการทำงานเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ตรงความต้องการ” นายชัย กล่าว
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS

สภาเด็กเเละเยาวชนเเห่งประเทศไทย พบนายกรัฐมนตรีนำเสนอมติ ปี 2566

 
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทยนำโดย นางสาวนดา บินร่อหีม ประธานสภาเด็กเเละเยาวชนเเห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเเละคณะทำงาน เข้าพบนายรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอมติสมัชชาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ปี2566
 
 
สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทยในฐานะองค์กรกลางตามกฎหมายของเด็กและเยาวชนได้ร่วมกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF)
 
 
 จัดงานสมัชชาเด็กและเยาวชนแห่งชาติประจำปี 2566 เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และเปิดพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนได้แสดงความคิดเห็น ต่อสถานการณ์ปัญหาต่างๆ ในพื้นที่ โดยกิจกรรมประกอบด้วย การจัดทำแบบสำรวจออนไลน์ สถานการณ์เด็กและเยาวชน จำนวน 33,580 คน การจัดเวทีสมัชชาเด็กและเยาวชนในวันที่ 22 – 24 กรกฎาคม 2566 โดยมีผู้แทนจากเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ เข้าร่วมจำนวน 200 คน และได้จัดทำเป็นรายงานมติสมัชชาและข้อเสนอเชิงนโยบายที่มาจากเสียงสะท้อนของเด็กและเยาวชน ใน 6 ประเด็น ได้แก่ ประเด็น
– การศึกษา ประเด็นสุขภาพ 
– ประเด็นสิ่งแวดล้อม 
– ประเด็นการมีส่วนร่วม 
– ประเด็นเศรษฐกิจ 
– และประเด็นความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชน
 
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “สำหรับการนำเสนอข้อมูลของน้อง ๆ วันนี้สะท้อนความต้องการที่แท้จริงของน้อง ๆ ที่มาจากสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย ซึ่งการเรียนรู้และการยอมรับในมุมมองของเยาวชน นับเป็นก้าวแรกในการสร้างสังคมที่ทุกคนมีส่วนร่วมภายใต้ความหลากหลาย โดยเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือและความพยายามร่วมกันของทุกคน เราสามารถสร้างประเทศไทยให้เป็นสังคมที่เต็มไปด้วยโอกาสที่ดีและความคิดสร้างสรรค์ได้”
 
 
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า “รัฐบาลให้ความสำคัญกับทุก ๆ ข้อเสนอที่ถูกนำมาเสนอ ซึ่งถือเป็นเสียงสำคัญของเยาวชนของชาติ โดยจะร่วมมือกับทุกภาคส่วนสร้างอนาคตที่ดีให้กับเยาวชนของเรา พร้อมฝากสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทยทุกคนในฐานะที่เป็นกำลังสำคัญในการสร้างความเจริญก้าวหน้าของประเทศ ขอให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี ทำหน้าที่ของตนเองในทุกบทบาทให้เต็มที่บนพื้นฐานความถูกต้อง ดีงามและสร้างสรรค์ เคารพในความคิดเห็นที่หลากหลาย เพื่อทำให้สังคมไทยมีแต่ความรัก ความสามัคคีและเหนือสิ่งอื่นใดคือการยึดมั่นในสถาบันหลักของประเทศ”
 
 
 สภาเด็กและเยาวชนเรามุ่งมั่นที่จะเป็นพลังสำคัญ ในการพัฒนาประเทศร่วมเป็นหุ้นส่วนในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของประเทศ
 

สมัชชาเด็กและเยาวชนแห่งชาติเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับเด็กและเยาวชนในการส่งเสียง แสดงความคิดเห็น และร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในประเด็นต่าง ๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนของคนรุ่นใหม่ ภายใต้แนวคิด “เด็กคิด เด็กทำ   เด็กนำ ผู้ใหญ่หนุน” โดยใช้กลไกการมีส่วนร่วมของทุกคน ทุกภาคีเครือได้ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมประเมิน และร่วมรับผิดชอบในการพัฒนาเด็กและเยาวชน

รายงานฉบับนี้เป็นความร่วมมือของสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย, กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ที่ได้ร่วมกันจัดงานสมัชชาเด็กและเยาวชนแห่งชาติประจำปี 2566 เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและเปิดพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนได้แสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์ปัญหาต่าง ๆ  รอบตัว 

รายงานฉบับนี้ได้รวบรวมและนำเสนอเสียงสะท้อนของเด็กและเยาวชนไทย จากแบบสำรวจออนไลน์ในช่วงวันที่ 15 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2566 โดยมีเด็กและเยาวชนอายุ 10 – 25 ปีจำนวน 33,580 คนจากทั่วประเทศร่วมให้ความคิดความเห็น และได้จัดเวทีสมัชชาเด็กและเยาวชนเมื่อวันที่ 22 – 24 กรกฏาคม 2566 เพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะเชิงนโยบายครอบคลุม 6 ประเด็นปัญหาสำคัญ ได้แก่ 1) ประเด็นด้านเศรษฐกิจและการมีงานทำ 2) ประเด็นด้านการศึกษา 3) ประเด็นสุขภาพ 4) ประเด็นความรุนแรง 5) ประเด็นสิ่งแวดล้อม และ 6) ประเด็นการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย – The Children and Youth Council of Thailand

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

นายกฯ สั่งยกระดับวิกฤตไฟป่า 9 มาตรการ เร่งพิจารณางบกลางให้จังหวัดด่วน

 

เมื่อวันที่ 9 เม.ย.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ได้กำชับให้ ‘ยกระดับ’ มาตรการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง PM2.5 ในช่วงสถานการณ์วิกฤต โดยให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานผ่าน 9 มาตรการ ประกอบด้วย

 

1.ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานทหารระดมลาดตระเวนพื้นที่เสี่ยงรวมถึงบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ลักลอบเผาป่าทุกกรณี ย้ำทุกกรณีไม่มีการละเว้น
 
2.ให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำกับดูแลบังคับกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัด
 
3.ให้กระทรวงมหาดไทย สั่งการจังหวัด กำนันผู้ใหญ่บ้านร่วมกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดชุดปฏิบัติการลาดตระเวนเฝ้าระวังเสี่ยงต่อการเผา
 
4.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศ เขตความร่วมมือช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน และให้ประกาศเวิร์คฟอร์มโฮมตามความจำเป็น เพื่อผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน
 
5.ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาตัดสินการรับความช่วยเหลือ การชดเชยต่างๆจากรัฐหากพบว่ามีการเผาในพื้นที่เกษตรกรของเอง
 
6.ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพิ่มความถี่ ปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อป้องกันและบรรเทาสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละอองอย่างเร่งด่วน และร่วมกับรายงานความมั่นคงในจัดหาเฮลิคอปเตอร์ให้เพียงพอต่อการช่วยเหลือการดับไฟป่า
 
7.ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดชุดเคลื่อนที่ลงเยี่ยมบ้านดูแลสุขภาพประชาชนอย่างทั่วถึง ทันท่วงทีและสนับสนุนอุปกรณ์ส่วนบุคคล สำหรับกลุ่มเสี่ยง
 
8.ให้สำนักงานงบประมาณ พิจารณางบกลางให้จังหวัดเพื่อให้ทันต่อการแก้ไขปัญหาในช่วงสถานการณ์วิกฤติ ตามความเหมาะสมและจำเป็นเร่งด่วน
 
9.กรณีหมอกควันข้ามแดน ให้กระทรวงการต่างประเทศยกระดับการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง พม่า และลาว ให้ลดการเผาป่าอย่างทันทีและตั้ง KPI ให้ชัดเจน
 
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยได้ว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ จะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการทั้ง 9 ข้อนี้ โดยมีพลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธาน
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

“เศรษฐา” ชูไทยจุดหมายนักมวยทั่วโลก กองทุน ววน. ยกระดับเป็นเฟสติวัลมวยไทย

 

เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 67 นายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีว่าการ 4 กระทรวง ร่วมงาน “มหัศจรรย์วันมวยไทย ดังไกลสู่ชาวโลก” ที่อุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการมวยไทย ผลงานจากกองทุน ววน.มุ่งหวังไทยเป็นจุดหมายของนักมวยจากทุกมุมโลก

 

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงาน “มหัศจรรย์ วันมวยไทย ดังไกลสู่ ชาวโลก ประจำปี 2567” (Amazing Muay Thai World Festival 2024) จัดโดย กองทัพบก ผนึกกำลังภาครัฐ เอกชน และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา เพื่อส่งเสริมกีฬามวยไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ ณ อุทยานราชภักดิ์ อําเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ พร้อมส่งเสริมกีฬามวยไทย พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงกีฬา และยกระดับมวยไทยสู่มาตรฐานสากล มุ่งให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านกีฬามวยไทยของโลก โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เกียรติร่วมงาน

 

นายเศรษฐา ทวีสิน โพสต์ถึงงานวันมวยไทยว่า “วันนี้เรากำลังทำให้มวยไทยเป็นมรดกของโลก ซึ่งต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เรามีงาน WBC Amazing Muay Thai ที่รวมนักมวยกว่า 60 ประเทศ ความยิ่งใหญ่ที่เราร่วมกันถ่ายทอด และความงดงามของการไหว้ครูมวย ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักมวยจากทุกมุมโลก ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องเดินทางมาร่วมไหว้ครูมวยที่นี่ครับ”

 

ด้าน ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สกสว.ในฐานะผู้แทนผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวรายงานต่อนายกรัฐมนตรีถึงการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อยกระดับความสามารถทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมมวยไทย ให้เป็น SOFT POWER ที่ทรงพลังสู่สากล ผ่านการสนับสนุนทุนวิจัยให้แก่มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง นับตั้งแต่ปี 2558-2567 โดยในช่วงปี 2558-2560 เป็นงบประมาณจากทุนวิจัยมุ่งเป้า โดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และในช่วงปี 2563- ปัจจุบัน ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัย จากแผนงานการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) งบประมาณจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.) ทั้งนี้เป็นการสนับสนุนการวิจัยด้าน Soft Power Mauy Thai อย่างต่อเนื่องสู่สากล

 

 

การวิจัยได้ให้ความสำคัญกับการบูรณาการพลัง SOFT POWER (5F)  และธุรกิจเชื่อมโยงเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์มวยไทยสู่การจัดการเทศกาลมวยไทย (MauyThai Festival) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและส่งออกวัฒนธรรมสู่สากล  เป็นการศึกษาเพื่อยกระดับ อีเว้นท์มวยไทย สู่การเป็น เฟสติวัลมวยไทย (Muay Thai Festival) ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนจากฐานความรู้เดิมได้แก่ 1. ฐานข้อมูลค่ายมวย องค์ประกอบและปัจจัยสำเร็จของธุรกิจค่ายมวย 2. เครือข่ายการท่องเที่ยวเชิงกีฬาเชื่อมโยงในภูมิภาคอาเซียนโดยใช้มวยสุวรรณภูมิ (มวยไทย มวยพม่า มวยเขมร และมวยลาว) 3. องค์ความรู้การออกแบบประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงกีฬาโดยใช้ศิลปะการต่อสู้มวยไทยบูรณาการวิถีไทย สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 4. ต้นแบบการบูรณาการการจัดกีฬาเพื่อการเสริมสร้างสุขภาวะในโรงแรม (WellHotel) โดยใช้โมเดลกีฬามวยไทยบูรณาการวิถีไทย 5.การจัดอีเว้นท์กีฬามวยไทยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ 6. การท่องเที่ยว Pre–event และ Post-event เชิงสร้างสรรค์เพื่อชดเชยคาร์บอนเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเชิงกีฬา สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ 7. ต้นแบบเทคโนโลยีจักรวาลนฤมิตร มวยไทยเพื่อพัฒนาศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจค่ายมวยสู่การส่งออกสินค้าทางวัฒนธรรมและส่งเสริมการท่องเที่ยว ผศ.สุภาวดี กล่าวเสริม

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

นายกฯ เชื่อมั่นกระตุ้นการลงทุนไทย-ญี่ปุ่น มั่นใจทุกโครงการที่หารือวันนี้จะเกิดและเห็นผลสำเร็จในรัฐบาลนี้

 

วันนี้ 15 ธันวาคม 2566 เวลา 16.30 น. (เวลาท้องถิ่น ณ กรุงโตเกียว ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพ 2 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ในโอกาสเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวสรุปภารกิจวันแรกในวันนี้ ช่วงเช้าได้พบหารือกับนายไซโต เค็น (H.E. Mr. Saito Ken) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ซึ่งเป็นรัฐมนตรีที่เพิ่งรับตำแหน่งใหม่และได้พบกับนายกรัฐมนตรีเป็นคนแรกภายหลังรับตำแหน่งได้ยืนยันการค้าและความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศไทย

ในส่วนของการสัมมนา BOI มีนักธุรกิจญี่ปุ่นจำนวนกว่า 500 คนร่วมเข้ารับฟังการสัมมนาเป็นโอกาสยืนยันความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นที่มีมาอย่างยาวนานและการลงทุนร่วมกัน และประเด็นที่จะทำให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ พลังงานสีเขียว ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โครงการขนาดใหญ่ของไทย Landbridge 

การหารือกับภาคเอกชนที่สำคัญได้แก่ 

  1. บริษัท Mitsui พูดคุยเกี่ยวกับการตรวจเจาะการส่งก๊าซ ซึ่งเป็นประเด็นที่สนใจและมีความชำนาญ 
  2. บริษัท Honda เป็นบริษัทที่ทำการลงทุนในประเทศไทยมานาน มีการลงทุนเยอะ มีแผนที่จะลงทุนอีกห้าหมื่นล้านบาทภายในห้าปีข้างหน้า โดยนายกรัฐมนตรีให้เร่งการลงทุน EV หรือ Plug-in เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
  3. บริษัท Nissan ยืนยันที่จะลงทุนกับประเทศไทยอย่างต่อเนื่องโดยเป็นบริษัทที่เริ่มทำธุรกิจด้าน EV แล้ว
  4. บริษัท Mitsubishi สนใจที่จะผลิตรถ Pickup EV ซึ่งเป็นประเภทรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นโอกาสในการพัฒนาพลังงานสะอาด Zero Carbon
  5. บริษัท Isuzu พร้อมลงทุน 32,000 ล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อห้าปีที่แล้วที่มีการลงทุน 20,000 ล้านบาทถือเป็นจำนวนการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีได้เร่งให้เริ่มลงทุนเร็วขึ้นและใช้ไทยเป็นฐานการส่งออก
  6. บริษัท Mazda มีทั้ง supply chain และฐานการผลิตในประเทศไทย เป็นบริษัทที่ใช้ไทยเป็นฐานและใช้ซัพพลายในไทยเยอะ
  7. บริษัท Suzuki ลงทุนในไทยมานานแล้ว และขอให้ไทยส่งเสริมการลงทุนต่อ โดยในนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้ผลิตมอเตอร์ไซค์ EV ในประเทศไทย
  8. บริษัท Toyota เป็นบริษัทที่มีการลงทุนใหญ่ที่สุดอยู่ในไทยมากกว่า 60 ปีแล้ว รุ่น Hilux ขายดีที่สุด ทั้งนี้ ประเด็นที่โตโยต้าห่วงกังวลคือเรื่อง Charging Station โดยเมื่อรัฐบาลให้ความมั่นใจเรื่องนี้ ทางโตโยต้าก็จะเร่งการผลิต EV ให้เร็วขึ้น อีกส่วนคือ Toyota ทำเรื่อง Leasing ซึ่งตรงกับประเด็นที่รัฐบาลตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหา รัฐบาลได้เสนอให้โตโยต้าช่วยเรื่องการปรับหนี้ โดยทางโตโยต้าก็รับปากจะดูแลให้

ทั้งนี้ เมื่อได้หารือวันนี้แล้วทำให้ตระหนักถึงความสำคัญกับความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นมากขึ้น และเมื่อหารือก็มีความสนใจด้านพลังงานไฮโดรเจน พลังงานทางเลือก และพลังงานน้ำ

โดย นายกรัฐมนตรีได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า 40% ของรถยนต์ที่ขายในช่วงมอเตอร์โชว์ปีนี้เป็นรถยนต์ EV ซึ่งยิ่งทำให้มั่นใจได้ว่าจะเป็นตัวเร่ง Charging Station / High Speed Charging ในประเทศไทยให้มากขึ้น

นายกรัฐมนตรียืนยันพอใจในการเดินทางครั้งนี้มาก ทีมงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการบ้านมาอย่างดี ทำให้การพูดคุยกันเป็นไปด้วยมิตรภาพ เปิดโอกาสให้มีการเร่งการลงทุนได้อย่างลงตัว มั่นใจว่าโครงการเหล่านี้ทุกโครงการจะเกิดขึ้นภายในสี่ปี สำเร็จเป็นรูปธรรมภายในรัฐบาลนี้ 

ในส่วนกรณีที่คุณพิธาประเมินการทำงานของรัฐบาลในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา นายกฯ กล่าวว่ารัฐบาลได้ทำงานอย่างชัดเจน อะไรที่ทำได้ทำก่อน ลดค่าไฟ ลดค่าน้ำมัน พักหนี้ กระตุ้นการท่องเที่ยว สนับสนุนการลงทุน และไม่หนักใจกรณีที่ฝ่ายค้านจะตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลก็มีหน้าที่ชี้แจงการทำงานให้ชัดเจน รวมทั้งพยายามที่จะทำงานตาม Roadmap ซึ่งก็คือตั้งใจทำงานเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนไทยให้ดีขึ้น

โดยในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้ตอบว่าช่วงเวลาวันที่ 19 บ่าย ถึงเที่ยงวันที่ 22 นายกรัฐมนตรีลางานไปพักผ่อน จะพาคุณแม่ และลูกลูกไปเที่ยวแต่ก็ยังติดต่อได้ตลอดเวลา พร้อมทำงาน ตามที่เสนอตัวเข้ามาทำงานเพื่อแบกความหวัง และความฝันของประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

นายกฯ ย้ำรู้สึกไม่สบายใจ ปรับค่าแรงขั้นต่ำ วอนผู้ประกอบการเห็นใจลูกจ้าง

 

วันที่ 9 ธันวาคม 2566 เวลา 11.00 น. ณ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์ถึงกรณี คณะกรรมการไตรภาคี มีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 2-16 บาท ว่า ค่าแรงขั้นต่ำของเราไม่ได้ขึ้นมานานมาก ขณะที่ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวัน โดยรัฐบาลพยายามทำหลายวิธี ที่จะให้ลดค่าใช้จ่าย ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน พักหนี้เกษตรกร และอีกหลายอย่างเพื่อช่วยเหลือบรรเทา ความทุกข์ของประชาชน รวมไปถึงการแก้ไขหนี้นอกระบบและหนี้ในระบบ รัฐบาลพยายามทำอยู่เพื่อลดค่าใช้จ่าย ขณะที่เรื่องของการเพิ่มรายได้ก็สำคัญ โดยประชาชนหลายสิบล้านคน ต้องพึ่งค่าแรงขั้นต่ำจำนวนมาก บางจังหวัด ขึ้นแค่ 7-12 บาทเท่านั้น ซึ่งน้อยเกินไป ทั้งที่ รัฐบาลพยายามที่จะยกระดับ ให้ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมไฮเทค ประชาชนมีรายได้สูงขึ้น

นายกฯ  กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเองเดินทางไปต่างประเทศเพื่อที่จะดึงบริษัทใหญ่มาลงทุนในไทย ไปเปิดตลาดค้าขายใหม่ในต่างประเทศ ที่ไทยยังไม่มีสนธิสัญญาทางการค้า สิ่งเหล่านี้รัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่แต่ผู้ประกอบการหรือนายจ้าง ต้องขอวิงวอนและขออ้อนวอนว่า พี่น้องแรงงาน คือผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เมื่อมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลพยายามทำทุกทางเพื่อช่วยเหลือ แต่การขึ้นรายได้ผู้ประกอบการต้องพยายามทำ ไม่ใช่มากดค่าจ้าง แล้วนายจ้างไม่ได้พัฒนากิจการของตัวเอง ผู้ประกอบการต้องพัฒนาตัวเอง เพราะปัจจุบันนายจ้างก็ได้ประโยชน์ จากการลดค่าไฟ ค่าน้ำมันและอีกหลายอย่าง ตามมาตรการของรัฐบาล วันนี้จะยอมให้แรงงานประชาชนคนไทย ต่ำติดดินแบบนี้ ในขณะที่ประเทศที่ใกล้เคียงกับไทย เช่น เกาหลี และสิงคโปร์ค่าแรงขั้นต่ำต่อวัน 1,000 บาท เราจะยอมให้พี่น้องประชาชนของเราเป็นพลเมืองชั้น 2 ชั้น 3 ของโลกหรือ ในเมื่อค่าแรงขั้นต่ำติดดินขนาดนี้ เมื่อรัฐบาลพยายามยกระดับภาคอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการ ก็ควรที่จะทำไปพร้อมๆกัน ถ้าทำเพียงฝ่าย เดียวเป็นไปไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าในเรื่องค่าแรงจะมีโอกาสทบทวนใหม่หรือไม่ นายกฯ  กล่าวว่า ต้องขอทบทวนใหม่ จะต้องไปพิจารณาดูถึงแนวทางความเหมาะสมเพราะเพิ่งทราบข่าวเรื่องนี้ แต่คงไม่ใช่การสั่งการ แต่เป็นการพูดคุยร่วมกัน เราต้องพูดถึงองค์รวมของเศรษฐกิจ และการทำธุรกิจ ไม่ใช่แค่ขึ้นค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการหรือนายจ้างอย่างเดียว แต่ยังมีการเพิ่มรายได้เปิดตลาดที่มากขึ้น ที่ผ่านมาผู้ประกอบการหรือนายจ้างก็ได้ประโยชน์ไปแล้ว ถึงเวลาต้องคืนให้กับคนที่เป็นกำลังสำคัญ ในภาคผลิตด้วยหรือเปล่า พอพ้นจากวันหยุดก็จะมีการเรียกคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าเรื่องนี้ทุกคนมีความกังวลหมด ขอให้คิดถึงใจเขาใจเรา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้รับการปรับขึ้นมานาน แต่ขณะนี้ปรับเพียงแค่ 2 บาท จะมีการพิจารณาใหม่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้คุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เรื่องนิคมอุตสาหกรรม การพัฒนาท่องเที่ยว การเปิดด่านสะเดา มีการลงทุนสร้างสะพานไปยังมาเลเซีย สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไม ถึงขึ้นแค่ 2-3 บาท ยอมรับว่าตนไม่สบายใจ ถึงอยากใช้เวทีนี้สื่อสาร ไปถึง และขอความเป็นธรรมให้กับพี่น้องแรงงาน ไม่อย่างนั้นจะติดกับรายได้ต่ำ ต้องคุยทั้งกับไตรภาคี และในครม.เพราะเรื่องค่าแรงขั้นต่ำเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า การปรับขึ้นค่าแรงที่เป็นธรรม ควรจะอยู่ที่ตัวเลขเท่าไหร่ นายกฯ  กล่าวว่า ต้องขึ้นไปสูงกว่านี้ โดยจะต้องฟังเหตุผลของเขาเหมือนกัน อย่างที่บอก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น 2-3 บาท ซื้อไข่ลูกหนึ่งยังไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลก็พยายามช่วยผู้ประกอบอยู่ โดยเฉพาะการลดค่าไฟที่ภาคอุตสาหกรรม ได้ประโยชน์ จากที่ 4.50 บาทต่อหน่วย ลดมาเหลือ 3.99 ดังนั้น ขอให้คืนกับประชาชนบ้าง ขอย้ำว่ารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลักอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการปรับเพิ่มขึ้นจำนวนมากอาจจะมีปัญหาเรื่องของการย้ายฐานผลิตออกจากประเทศไทย นายกฯ  กล่าวว่า ไม่มีหรอก อันนี้เป็นวาทกรรม ไม่มีใครย้ายเพราะค่าแรงขึ้น จาก 300 เป็น 400 บาทไม่มีหรอก รัฐบาลยังมี มาตรการส่งเสริมด้านภาษี มีระบบสาธารณสุขที่ดี สถานศึกษาก็ดี โครงสร้างพื้นฐานและสนามบินก็ดี ท่าเรือน้ำลึกก็มี ที่ตนเองเดินทางไปต่างประเทศก็ได้เซ็น MOU กับหลายบริษัทใหญ่ๆ ทั้งโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV ถ้าผู้ประกอบการไม่ช่วยกันก็ไปลำบาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะพยายามทำให้ได้ถึง 400 บาทตามนโยบายที่รัฐบาลได้ประกาศไว้หรือไม นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูตามความเหมาะสม ในจังหวัดใหญ่อาจจะได้ถึง 400 แต่จังหวัดเล็กอาจจะไม่ถึง ต้องดูความเหมาะสม ขอย้ำว่าสิ่งต่างๆที่รัฐบาลพยายามทำเพื่อให้ นายจ้างสามารถส่งสินค้าออกไปได้และยังอำนวยความสะดวก เพื่อลดค่าใช้จ่าย ให้ผู้ประกอบการ รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และประกาศชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย ขอให้ผู้ใช้แรงงาน ดูการกระทำ ว่าตนเองมีความจริงใจขนาดไหนอย่างไร  การที่ตนเองไปพูดที่หอการค้าไทย ขอให้ฟังดูว่าเขาดีใจหรือไม่ที่รัฐบาลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับสภาอุตสาหกรรม รัฐบาลพยายามสร้างความมั่นใจให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน และเข้ามาอยู่ในประเทศไทยง่ายและปลอดภัยขึ้น ทั้งหมดเพื่อสร้างความมั่นใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการนำเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมครม. จะพิจารณาอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูว่ามีความจำเป็นว่าจะเสนอเข้ามาหรือไม่ ถ้าเสนอเข้ามา ผมไม่ยินยอมไม่เห็นด้วยแน่นอน ผมเชื่อว่า นโยบายค่าแรงขั้นต่ำเราดูที่ความเหมาะสม เราเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ หลายประเทศ ค่าแรงขั้นต่ำเขามากกว่านี้ วันนี้เราชนะสิงคโปร์ในแง่ดึงดูดนักลงทุน บริษัทใหญ่เข้ามาสร้าง Data Center เป็น เป็นนิมิตรใหม่อันดีว่าประเทศเรามีศักยภาพสูง แต่ทำไมจึงไปกดผู้ใช้แรงงานที่จะมาช่วยพัฒนาประเทศ

นายกฯ ย้ำ ต้องดูแลประชาชน 60 ล้านคน ไม่ใช่ดูแลแค่มาเอาคะแนนเสียง กับผู้ใช้แรงงานอย่างเดียว แต่นายจ้างและผู้ประกอบการ ก็ไปรับฟังความเห็นตลอด และพร้อมจะช่วยเหลือ สิ่งเหล่านี้ค่อนข้างเป็นรูปธรรมอยู่แล้ว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

นายกฯ ยืนยันรัฐบาลทำดีที่สุดแล้ว หลังส่งพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้าน

 
 

9 ธันวาคม 2566 เวลา 11.00 น. ณ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์ถึงโครงการเติมเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาทให้กับประชาชน ว่า ตามที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวไปแล้วว่าได้ยื่นไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาให้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทแล้ว  ส่วนกฤษฎีกาจะส่งกลับมาภายในกี่วันนั้น ยังไม่ทราบยืนยันว่าทำดีที่สุดแล้ว ให้เหตุผลดีที่สุดแล้ว และไม่ต้องมีการใช้คำว่า ล็อบบี้กัน 

ส่วนเนื้อหาที่ส่งให้กฤษฎีกาตีความนั้น นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราได้พูดคุยกันอยู่ว่าเร่งด่วนจำเป็นหรือเปล่า ซึ่งเราให้ข้อมูลว่า เรามั่นใจเป็นเรื่องเร่งด่วนจำเป็นอย่างที่บอกเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต  เรื่องการปรับหนี้นอกระบบเป็นการยกระดับ ไม่ใช่โยนภาระให้กับนายจ้างไปอย่างเดียว  ตนเองพยายามลดค่าใช้จ่ายที่ไม่เป็นธรรมให้กับพี่น้องประชาชนที่อยู่ชายขอบของสังคม หากดิจิทัลได้ออกมาใช้ในเดือนพฤษภาคมคิดดูว่าเงินเข้าระบภาษี 4-5 แสนล้านบาท การจ้างงานการผลิตจะสูงขึ้นหรือไม่ นายจ้างจะได้มีรายได้สูงขึ้น จะมีการทำการผลิตมีการขายของมากขึ้นหรือไม่ต้องควบคู่กันไป  

นายกฯ กล่าว ขอวิงวอนและอ้อนวอน พร้อมมั่นใจว่าดิจิทัลวอลเล็ต จะออกตามกำหนดคือเดือนพฤษภาคม 2567 ยังไม่ได้มีอะไรชี้วัดมา ว่าจะไม่สำเร็จ ซึ่งหากมีปัญหา ก็ต้องดูว่าปัญหาคืออะไร คำถามที่ออกมา ข้อโต้แย้งที่ออกมาคืออะไร แล้วค่อยว่ากัน

ส่วนมีการพยายามสร้างวาทกรรมออกมาว่า “ใช้เงินได้ไม่ทุกคน แต่เป็นหนี้ทั่วถึง” นั้น นายกรัฐมนตรี      กล่าวว่า ก็เป็นวาทกรรมไป ตนเองเชื่อว่าเราอธิบายกันมาเยอะแล้ว คนรวยก็บอกว่าฟังคำแนะนำของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว ว่าอย่าไปแจกคนรวยไม่ต้องแจก จึงมีคำถามไปว่าอะไรคือคนรวย มีการชี้ว่าคนรวยมีเงินฝากไม่ถึง 500,000 บาทรายได้ต่อเดือนต้องไม่ถึง 70,000 บาท ก็พยายามรับฟังอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีคนตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลไปทุ่มเวลาให้กับโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาทจนทำร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 67 ล่าช้านั้น นายกฯ กล่าวว่า พวกท่านเห็นตนเองทำแต่ดิจิทัลวอลเล็ตหรือเปล่า ซึ่งเมื่อวานไปไหนมา ทำเรื่องอะไรทำหนี้นอกระบบ  สัปดาห์ที่แล้วไปดูเรื่องชายแดนที่สระแก้ว  2 อาทิตย์ก่อนบินไปเอเปค ซึ่งตนเองทำอยู่เรื่องเดียวหรือไม่ โดยวันที่12 ธ.ค.นี้ ก็จะทำเรื่องหนี้ในระบบอีก ไม่ได้ทำเรื่องเดียว เรื่องการท่องเที่ยวก็ทำ ในช่วงค่ำวันนี้จะบินไปเชียงราย ยืนยันทำหลายเรื่องและทำเต็มที่ทุกเรื่อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :  ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News