9 เดือนแรกปี 67 ต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 1.3 แสนล้านบาท ญี่ปุ่นยังคงอันดับหนึ่ง
เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในไทยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-กันยายน) ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น 134,805 ล้านบาท โดยญี่ปุ่นครองอันดับหนึ่งด้วยจำนวนเงินลงทุนกว่า 74,091 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25% ของมูลค่าการลงทุนต่างชาติทั้งหมด
การลงทุนต่างชาติที่เพิ่มขึ้นในปี 2567
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแสดงให้เห็นว่า ในปี 2567 จำนวนการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทยเพิ่มขึ้นถึง 29% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2566 โดยมีนักลงทุนต่างชาติได้รับอนุญาตจำนวน 636 ราย เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีจำนวน 493 ราย ส่วนการลงทุนที่ได้รับอนุญาตในปีนี้ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 50,792 ล้านบาท หรือ 60%
ในขณะเดียวกัน การจ้างงานคนไทยจากนักลงทุนต่างชาติในปีนี้มีแนวโน้มลดลง โดยในปี 2567 มีการจ้างงานคนไทยจำนวน 2,505 ตำแหน่ง ลดลงจากปีก่อนซึ่งมีจำนวนการจ้างงานถึง 5,703 ตำแหน่ง
5 อันดับประเทศที่ลงทุนสูงสุดในไทย
นักลงทุนต่างชาติ 5 อันดับแรกที่เข้ามาลงทุนในไทย ได้แก่
- ญี่ปุ่น มีจำนวน 157 ราย คิดเป็นเงินลงทุนกว่า 74,091 ล้านบาท
- สิงคโปร์ มีจำนวน 96 ราย คิดเป็นเงินลงทุน 12,222 ล้านบาท
- จีน มีจำนวน 89 ราย คิดเป็นเงินลงทุน 11,981 ล้านบาท
- สหรัฐอเมริกา มีจำนวน 86 ราย คิดเป็นเงินลงทุน 4,147 ล้านบาท
- ฮ่องกง มีจำนวน 46 ราย คิดเป็นเงินลงทุน 14,116 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC เพิ่มขึ้น
ในปี 2567 นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพิ่มขึ้นถึง 109% จากปีก่อน โดยในปีนี้มีนักลงทุนต่างชาติใน EEC จำนวน 207 ราย คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 39,830 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจบริการด้านวิศวกรรม ออกแบบชิ้นส่วนยานยนต์ ซ่อมแซมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และพัฒนาซอฟต์แวร์
นักลงทุนใน EEC ที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุดยังคงเป็นญี่ปุ่นด้วยจำนวนเงินลงทุนกว่า 13,191 ล้านบาท ตามด้วยจีนที่ลงทุน 7,227 ล้านบาท และฮ่องกงที่ลงทุน 5,219 ล้านบาท
ธุรกิจแพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์ดึงดูดนักลงทุนจากสิงคโปร์ ไต้หวัน และมาเลเซีย
ธุรกิจแพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์ของไทยยังคงเป็นจุดสนใจสำคัญสำหรับนักลงทุนต่างชาติ โดยมูลค่าการลงทุนในธุรกิจแพลตฟอร์มอยู่ที่ 11,721 ล้านบาท และซอฟต์แวร์ 16,675 ล้านบาท โดยนักลงทุนชั้นนำในธุรกิจนี้มาจากสิงคโปร์ ไต้หวัน และมาเลเซีย
แนวโน้มและเป้าหมายการลงทุนของประเทศไทยในอนาคต
การลงทุนจากต่างชาติที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพและสิทธิประโยชน์ที่ประเทศไทยมอบให้แก่นักลงทุน เช่น โครงสร้างพื้นฐานที่ดี วัตถุดิบที่เพียงพอ และภาคอุตสาหกรรมที่พร้อมรองรับการลงทุน รัฐบาลมีเป้าหมายในการขยายตลาดการลงทุนใหม่ รักษาตลาดเดิม และกระตุ้นการลงทุนในประเทศให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์