Categories
ENVIRONMENT

กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ.ภูมิอากาศ หนุนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลักดันไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (กนภ.) ครั้งที่ 4/2567 โดยมี ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่รองประธานกรรมการ และ ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่กรรมการและเลขานุการ พร้อมด้วยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การประชุม กนภ. ครั้งนี้ มีมติเห็นชอบในหลักการของ ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. …. โดยมีเป้าหมายเพื่อกำหนดนโยบายและกลไกส่งเสริมการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ โดยเน้นการลดก๊าซเรือนกระจก การปรับตัวต่อผลกระทบ และการสนับสนุนกลไกทางการเงินสำหรับเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ:

  • ส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจก: กำหนดเป้าหมายการลดการปลดปล่อยคาร์บอน
  • กลไกการเงินคาร์บอนต่ำ: สร้างกลไกสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่มีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • ปรับตัวต่อผลกระทบ: สนับสนุนทุกภาคส่วนให้พร้อมเผชิญกับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ

รายงานความโปร่งใสรายสองปี (BTR1)

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบต่อ ร่างรายงานความโปร่งใสรายสองปี ฉบับที่ 1 (First Biennial Transparency Report: BTR1) เพื่อให้ประเทศไทยส่งรายงานนี้ไปยังสำนักเลขาธิการ UNFCCC ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ตามพันธกรณีในเวทีระหว่างประเทศ

ขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

นายประเสริฐได้มอบนโยบายแก่คณะกรรมการฯ โดยเน้นให้ทุกภาคส่วนคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์ของประเทศในมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อผลักดันประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน

แผนปฏิบัติการในอนาคต

  • เร่งนำเสนอร่างพระราชบัญญัติฯ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
  • เสริมสร้างศักยภาพทุกภาคส่วนในประเทศไทย ให้พร้อมรับมือกับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ
  • ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาแนวทางเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

การประชุมครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของประเทศไทยในการเผชิญหน้ากับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเดินหน้าสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
HEALTH

รู้ทันโรคหัวใจวายเฉียบพลัน กับบทเรียนชีวิตโจนัส แอนเดอร์สัน

รู้จักโรคหัวใจวายเฉียบพลัน กับชีวิตเฉียดตายของ โจนัส แอนเดอร์สัน” บนเวที Thailand Friendly Design Expo 2024

15 ธันวาคม 2567 – ที่งาน Thailand Friendly Design Expo 2024 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพมหานคร นายแพทย์ลิขิต กำธรวิจิตรกุล แพทย์อายุรศาสตร์หัวใจจากโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ได้รับเกียรติร่วมเสวนาในหัวข้อ รู้จักโรคหัวใจวายเฉียบพลัน กับชีวิตเฉียดความตายของ โจนัส แอนเดอร์สัน”

กิจกรรมดังกล่าวมี คุณมนรัตน์ ก.บัวเกษร ผู้บริหารสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยมี โจนัส แอนเดอร์สัน ศิลปินลูกทุ่งชื่อดังร่วมแบ่งปันประสบการณ์ตรงจากการต่อสู้กับโรคหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

โรคหัวใจวายเฉียบพลันคืออะไร

ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน หรือ หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน (Acute Heart Failure) เป็นภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้เพียงพอ ส่งผลให้เกิดการคั่งของเลือดในปอดและอวัยวะต่าง ๆ อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

สาเหตุของภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน:

  • โรคหัวใจขาดเลือด
  • โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไทรอยด์เป็นพิษ
  • การติดเชื้อที่ส่งผลต่อหัวใจ
  • การใช้ยาหรือสารเสพติด

อาการสำคัญที่ต้องระวัง

อาการของภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน ได้แก่:

  • เหนื่อยหอบ หายใจลำบาก
  • แน่นหน้าอก
  • ตัวบวม ขาบวม
  • หัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • ไอปนฟองสีขาวหรือชมพู

อาการที่ควรรีบนำส่งโรงพยาบาล:

  • เจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง
  • หายใจไม่อิ่มหรือมีอาการหอบเฉียบพลัน
  • หมดสติ

ประสบการณ์เฉียดตายของโจนัส แอนเดอร์สัน

โจนัส แอนเดอร์สัน เล่าว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างที่เขากำลังออกกำลังกาย เขารู้สึกเจ็บแน่นหน้าอก ปวดร้าวไปที่แขนซ้ายและคอ ร่วมกับมีอาการเหงื่อออกมากผิดปกติ

“ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่ท้องอืด แต่พออาการไม่ดีขึ้น ผมตัดสินใจไปโรงพยาบาลทันที โชคดีที่แพทย์ตรวจพบอาการหัวใจวายและทำการรักษาได้ทันเวลา” โจนัสกล่าว

ทีมแพทย์ได้ทำการฉีดสีและรักษาด้วยการขยายหลอดเลือด ซึ่งช่วยชีวิตเขาไว้ได้

 

เหตุเกิดก็คือเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (4 มี.ค.) ผมก็ออกกำลังกายตามปกติที่หมู่บ้าน เช้าๆ จะเงียบมาก ไม่มีใคร ผมก็อยู่คนเดียว ออกกำลังกายไป แล้วอยู่ดีๆ ผมก็รู้สึกเจ็บแน่นหน้าอกมากๆ เป็นช่วงบริเวณหน้าท้องกับหน้าอกทั้งหมดที่ปวด และปวดชาลงมาถึงแขนซ้ายด้วย แล้วก็ขึ้นมาที่คอด้วย

ตอนแรกผมคิดว่าท้องอืด เพราะอาการไม่ต่างกับโรคหัวใจมาก แต่สิ่งที่มาคู่กันคือรู้สึกเหมือนจะเวียนหัวเบาๆ ก็คิดว่าจะลองฝืนดู ถ้าท้องอืดพอออกกำลังกายก็คงจะหายเอง แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้น ก็ลองหยุดแล้วกลับบ้าน

แล้วอาการก็รุนแรงขึ้น เหงื่อท่วมอาบเลย ข้างในมันรู้สึกกระวนกระวายยังไงบอกไม่ถูก ผมก็เลยรีบมาที่โรงพยาบาล เพราะเริ่มรู้สึกได้ว่ามันน่าเป็นห่วง พอมาถึงอาการก็รุนแรงขึ้น แต่พอมาถึงทีมแพทย์พยาบาลก็มาดูอาการอย่างเร็วเลย ตอนนั้นก็ได้อัลตราซาวนด์ ก็ตกใจ เพราะเห็นว่ากล้ามเนื้อหัวใจไม่ทำงานอยู่จุดนึง

 

วิธีป้องกันภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารเค็มและไขมันสูง
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
  • ตรวจสุขภาพประจำปี

คำแนะนำจากแพทย์:

“ผู้ที่มีความเสี่ยงหรือมีประวัติในครอบครัวควรตรวจสุขภาพหัวใจ และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อป้องกันการเกิดโรค” นพ.ลิขิต กล่าว

กิจกรรมเสริมสุขภาพในงาน Friendly Design Expo 2024

นอกจากการเสวนาแล้ว โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ยังจัดบูธให้บริการตรวจสุขภาพและคลายกล้ามเนื้อด้วยเครื่องอัลตราซาวด์ฟรี พร้อมกิจกรรมแจกของรางวัล

กิจกรรมดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของโรงพยาบาลในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่ประชาชน และการสร้างความตระหนักถึงโรคหัวใจในสังคม

ความสำคัญของการตระหนักถึงสุขภาพหัวใจ

งานเสวนาครั้งนี้ไม่ได้เพียงแค่ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคหัวใจวายเฉียบพลันเท่านั้น แต่ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการป้องกันและดูแลสุขภาพหัวใจในชีวิตประจำวัน

ข้อคิดจากโจนัส แอนเดอร์สัน

“ชีวิตเป็นสิ่งที่ล้ำค่า อย่ามองข้ามสัญญาณเตือนจากร่างกาย และอย่าฝืนตัวเอง เพราะสุขภาพที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด” โจนัสกล่าวปิดท้าย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Thailand Friendly Design Expo

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
LIFESTYLE

คนไทย 1 ใน 4 น้ำหนักเกิน Mintel ชี้โอกาสแบรนด์สุขภาพ

Mintel เผย คนไทย 1 ใน 4 น้ำหนักเกิน แนะโอกาสพัฒนาสุขภาพด้วยโภชนาการองค์รวม

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 Mintel บริษัทวิจัยตลาดชั้นนำ เผยผลสำรวจในรายงาน Weight Management Diets – Thai Consumer 2024 ชี้ให้เห็นว่า คนไทย 1 ใน 4 หรือ 25% มีน้ำหนักเกินหรือเข้าข่ายอ้วน และ 74% ของคนไทยมีความตั้งใจที่จะควบคุมน้ำหนักเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

สถานการณ์น้ำหนักเกินในไทยและผลกระทบทางเศรษฐกิจ

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขในปี 2566 ระบุว่าคนไทยเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรประสบปัญหาน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน แนวโน้มดังกล่าวส่งผลกระทบต่อ GDP ของประเทศ คาดว่าความสูญเสียอาจสูงถึง 4.9% ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของการจัดการน้ำหนักที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาสุขภาพและเศรษฐกิจในระยะยาว

ความสนใจควบคุมน้ำหนัก: รูปลักษณ์สำคัญกว่าสุขภาพ?

ผลสำรวจเผยว่า คนไทย 69% ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกเมื่อควบคุมน้ำหนัก ขณะที่ 65% คำนึงถึงสุขภาพโดยรวม อย่างไรก็ตาม กลุ่มเจน X กว่า 76% เริ่มเปลี่ยนแนวคิด โดยให้ความสำคัญกับการมีอายุยืนและสุขภาพที่ดีมากกว่าความสวยงามเพียงอย่างเดียว

อุปสรรคสำคัญต่อการควบคุมน้ำหนัก

แม้ว่าคนไทยจำนวนมากต้องการลดน้ำหนัก แต่ยังประสบปัญหา เช่น

  • การออกกำลังกายไม่เพียงพอ (59%)
  • การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง ขนมหวาน และเครื่องดื่ม

Mintel ชี้ว่านี่เป็นโอกาสสำหรับแบรนด์ต่าง ๆ ในการส่งเสริมโภชนาการที่สมดุล พร้อมสนับสนุนกิจกรรมการออกกำลังกาย เช่น การจัดแคมเปญหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้

กลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายหลัก

รายงานได้ระบุผู้บริโภค 2 กลุ่มสำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนัก:

  1. ผู้ที่ออกกำลังกาย:
    เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงในตลาดอาหารเสริม
  2. ผู้ที่อยากออกกำลังกาย:
    มีแนวโน้มสนใจอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

เครื่องดื่มร้อน: แนวโน้มใหม่ในตลาดควบคุมน้ำหนัก

ชาและเครื่องดื่มร้อน ครองส่วนแบ่งตลาดผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนักทั่วโลกถึง 12% โดยเฉพาะในประเทศไทยที่เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ได้รับความนิยม Mintel เสนอว่าส่วนผสมเช่น สตีเวีย โปรตีนถั่ว และโครเมียม สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและช่วยควบคุมน้ำหนัก

Phurisa (Ploy) Phagudom นักวิเคราะห์จาก Mintel ระบุว่า เครื่องดื่มทดแทนมื้ออาหาร” อาจเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับแบรนด์ต่าง ๆ เนื่องจากสะดวกสบายและมีคุณค่าทางโภชนาการ

โภชนาการแบบองค์รวม: เทรนด์ที่ตอบโจทย์คนไทย

ผู้บริโภคไทยมากกว่าครึ่งหนึ่งเลือกอาหารที่มีลักษณะดังนี้:

  • แคลอรี่ต่ำ
  • โปรตีนสูง
  • สารอาหารจากพืช
  • ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด

Mintel ชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของร่างกาย เช่น การเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ หรือการลดระดับน้ำตาลในเลือด มีความสำคัญมากกว่าการลดน้ำหนักเพื่อความผอมเพรียว

แบรนด์ควรปรับตัวอย่างไร

Mintel แนะนำให้แบรนด์ต่าง ๆ เน้นการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ที่ช่วยย่อยอาหาร เพิ่มความอิ่ม และเหมาะสมกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย เช่น

  • สร้างสรรค์รสชาติใหม่ เช่น ผลไม้เมืองร้อน
  • เน้นโภชนาการที่ครบถ้วนและสะดวกสำหรับผู้บริโภค

ข้อสรุป

รายงานของ Mintel สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายและโอกาสในการจัดการน้ำหนักของคนไทย แบรนด์ต่าง ๆ สามารถใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงส่งเสริมสุขภาพที่ยั่งยืนผ่านโภชนาการและการออกกำลังกาย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Mintel

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE TRAVEL

เทศกาลชิมชา วัฒนธรรมชนเผ่า และของดีดอยแม่สลอง ครั้งที่ 27

สัมผัสเสน่ห์วัฒนธรรมชนเผ่าและชาเลิศรสในงาน “เทศกาลชิมชา วัฒนธรรมชนเผ่า และของดีดอยแม่สลอง ครั้งที่ 27”

องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก จังหวัดเชียงราย เชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสความงดงามของศิลปะและวัฒนธรรมชนเผ่าในงาน “เทศกาลชิมชา วัฒนธรรมชนเผ่า และของดีดอยแม่สลอง ครั้งที่ 27” ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568 ณ พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือ ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

ดอยแม่สลอง: เสน่ห์แห่งวัฒนธรรมชนเผ่าและธรรมชาติ

ดอยแม่สลองถือเป็นพื้นที่สำคัญที่สะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและธรรมชาติอันงดงาม ภูมิประเทศบนยอดเขาสูงที่มีถึง 5 ยอด และระดับความสูงเฉลี่ย 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มอบวิวทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดปี พื้นที่รวมกว่า 115.26 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 72,045 ไร่

ในช่วงฤดูหนาว อากาศจะเย็นสบายเป็นพิเศษ โดยอุณหภูมิต่ำสุดอาจลดลงถึง 3 องศาเซลเซียส ซึ่งเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวและเพลิดเพลินกับกิจกรรมภายในงาน

กิจกรรมภายในงานที่ไม่ควรพลาด

  1. การประกวดชาคุณภาพของดอยแม่สลอง
    งานนี้เปิดโอกาสให้ผู้ปลูกชาและผู้ผลิตชาคุณภาพในพื้นที่ได้แสดงศักยภาพผ่านการประกวดชาชั้นนำ
  2. การประกวดธิดาชา
    สาวงามผู้มีความรู้และความสามารถเกี่ยวกับชาและวัฒนธรรมชนเผ่าจะแข่งขันกันในงานนี้
  3. การแข่งขันทำอาหารชนเผ่า
    พบกับอาหารพื้นเมืองที่สะท้อนเอกลักษณ์ของชนเผ่าดอยแม่สลอง
  4. การแสดงชาติพันธุ์ชนเผ่า
    เพลิดเพลินกับการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากชนเผ่าต่าง ๆ ทั้งการแต่งกาย เสียงเพลง และท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์
  5. การประกวดขบวนชาติพันธุ์ชุมชนดอยแม่สลอง
    ชมขบวนแห่ที่สื่อถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมอันหลากหลาย
  6. นิทรรศการมากมาย
    เรียนรู้ประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาชุมชนผ่านนิทรรศการที่จัดแสดงอย่างสร้างสรรค์

เชียงราย: เมืองสร้างสรรค์ระดับโลก

เชียงรายได้รับการยอมรับในระดับสากลในฐานะเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยได้รับการผลักดันจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ที่มองเห็นศักยภาพในอดีตและอนาคตของพื้นที่นี้

ในปี 2566 เชียงรายต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 6.14 ล้านคน และสร้างรายได้กว่า 46,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึงร้อยละ 20-30 และในปี 2567 ตัวเลขนักท่องเที่ยวยังคงเพิ่มขึ้น โดยในเดือนตุลาคมเพียงเดือนเดียวมีผู้เยี่ยมชมแล้วกว่า 4.9 ล้านคน

ปิดท้ายด้วยการสนับสนุนการพัฒนาท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ร่วมมือกับชุมชนในพื้นที่เพื่อส่งเสริมเชียงรายในฐานะอุทยานธรณีโลกที่เน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติและวัฒนธรรมไปพร้อมกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • สถานที่จัดงาน: พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือ ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
  • วันที่: 28 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568
  • ติดต่อสอบถาม: องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก โทร. 053-765129

ร่วมสนุกและสัมผัสวัฒนธรรมอันงดงามได้ในงานนี้!

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ENVIRONMENT

โกโก้ราคาพุ่งทุบสถิติใหม่ ช็อกโกแลตแพง ผู้บริโภครับผลกระทบ

ราคาสูง! โกโก้พุ่งทำสถิติใหม่ ช็อกโกแลตแพงกระทบผู้บริโภค

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 สื่อบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาสัญญาซื้อขายโกโก้ล่วงหน้า ในตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้นถึง 5.5% แตะที่ 11,925 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ทุบสถิติเก่าที่ 11,722 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ราคาที่เพิ่มสูงขึ้นเกือบสามเท่าในปีนี้ ส่งผลให้ผู้ผลิตช็อกโกแลตอย่าง Hershey Co. ต้องปรับราคาขึ้น ผู้บริโภคทั่วโลกจึงได้รับผลกระทบจากราคาช็อกโกแลตที่สูงขึ้น

ปัญหาผลผลิตโกโก้จากแอฟริกาตะวันตก

ราคาที่เพิ่มขึ้นเกิดจากปัญหาการเก็บเกี่ยวใน แอฟริกาตะวันตก ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ผลิตโกโก้มากที่สุดในโลก สภาพอากาศที่แปรปรวน เช่น ฝนตกหนักจนท่วมไร่โกโก้ และลมประจำฤดูกาลฮาร์มัตตัน (Harmattan) ที่ทำให้ดินแห้ง ส่งผลให้ผลผลิตโกโก้ลดลงอย่างมาก

ถึงแม้ว่าผลผลิตครอปหลักในฤดูกาลนี้จะค่อนข้างดี แต่การเก็บเกี่ยวครอปกลางซึ่งเริ่มในเดือนเมษายนกลับน่ากังวล นิคโก เดเบนแฮม ที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน กล่าวว่า การพยากรณ์ฤดูกาลฮาร์มัตตันและผลกระทบจากสภาพอากาศในประเทศ ไอวอรีโคสต์ และ กาน่า จะทำให้ฤดูกาลปัจจุบันนี้เกิดภาวะอุปทานไม่เพียงพอทั่วโลก

ตลาดโกโก้สั่นคลอน

นักวิเคราะห์จาก ADM Investor Services ระบุว่า การส่งออกโกโก้จากไอวอรีโคสต์แม้ยังดีกว่าปีก่อน แต่เริ่มชะลอตัวในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์นี้สร้างความกังวลเกี่ยวกับการผลิตปีนี้ ที่อาจไม่พอเพียงต่อความต้องการใช้

ผลกระทบยังขยายไปถึงตลาดแลกเปลี่ยนในสหรัฐฯ ซึ่งปริมาณสต็อกโกโก้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดโกโก้ในนิวยอร์กและลอนดอน ราคาที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ยังดึงดูดการปิดสถานะการลงทุนในตลาด เนื่องจากต้นทุนการดำเนินการเพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณความสนใจรวม (Open Interest) ในตลาดลดต่ำสุดในรอบ 10 ปี

ผลกระทบต่อผู้บริโภค

ราคาช็อกโกแลตที่สูงขึ้นในปีนี้เริ่มส่งผลต่อพฤติกรรมการบริโภค โดยผู้บริโภคจำนวนมากลดการซื้อช็อกโกแลตเพื่อลดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ บลูมเบิร์กนิวเอเนอร์จีไฟแนนซ์ (BloombergNEF) รายงานว่า แม้จะเผชิญอุปสรรคด้านราคาสูง แต่ในระยะยาว ความต้องการช็อกโกแลตทั่วโลกจะยังคงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ความคาดหวังในอนาคต

ธนาคารราโบแบงก์คาดการณ์ว่าราคาโกโก้จะเริ่มลดลงในปี 2025 เนื่องจากราคาที่สูงกระตุ้นการผลิตเพิ่มขึ้น และทำให้การบริโภคลดลงในบางกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ความท้าทายด้านการผลิต เช่น โรคพืช และ ค่าจ้างเกษตรกรที่ต่ำ ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ

การผลิตต้นโกโก้ใหม่ยังต้องใช้เวลา 3-5 ปีเพื่อให้ได้ผลผลิต การปรับตัวของเกษตรกรและนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นในแอฟริกาตะวันตกจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน

ความยั่งยืนในอุตสาหกรรม

ราคาสูงของโกโก้ในปีนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาความยั่งยืนในอุตสาหกรรมช็อกโกแลต ไม่เพียงแค่ลดผลกระทบจากสภาพอากาศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกโกโก้ให้มีรายได้ที่มั่นคง และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต

โอกาสการเติบโตในตลาดโกโก้ยังคงมีอยู่ แต่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อรับมือกับความท้าทายในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : bloomberg

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AUTOMOTIVE

ฮอนด้า-นิสสัน หารือควบรวม ดันยานยนต์ญี่ปุ่นลุยตลาดโลก

ฮอนด้า-นิสสัน หารือการควบรวม หวังฟื้นตัวจากวิกฤต

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 มีรายงานว่าบริษัท ฮอนด้า และ นิสสัน กำลังอยู่ระหว่างการหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการควบรวมกิจการ เพื่อรวมพลังกันฟื้นตัวจากความท้าทายที่ทั้งสองบริษัทกำลังเผชิญอยู่ในตลาดยานยนต์โลกในปัจจุบัน ข้อมูลนี้ได้รับการเปิดเผยโดย Nikkei ซึ่งระบุว่าทั้งสองบริษัทกำลังพิจารณารูปแบบความร่วมมือในอนาคต แต่ยังไม่มีการระบุรายละเอียดหรือกำหนดเวลาที่ชัดเจนสำหรับการตัดสินใจ

ความร่วมมือที่กำลังพัฒนา

ฮอนด้าและนิสสันได้ออกแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า “เรากำลังสำรวจความเป็นไปได้หลากหลายรูปแบบในการร่วมมือกันในอนาคต โดยใช้จุดแข็งของทั้งสองบริษัท” หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม เราจะประกาศให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทราบในเวลาที่เหมาะสม

รายงานยังชี้ว่า มิตซูบิชิ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อีกรายหนึ่งของญี่ปุ่น ก็เข้าร่วมอยู่ในวงหารือเบื้องต้นด้วย แม้ว่าจะยังไม่มีการตอบกลับข้อซักถามเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมนี้

ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ฮอนด้าและนิสสันได้ประกาศความร่วมมือด้านยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และในเดือนสิงหาคม ทั้งสองบริษัทได้ประกาศว่าจะร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ แต่การหารือในครั้งนี้อาจขยายความร่วมมือให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อรับมือกับปัญหาที่ทั้งสองบริษัทเผชิญ

ความท้าทายในตลาดจีนและระดับโลก

ตลาดจีนซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นตลาดสำคัญสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติ กำลังกลายเป็นอุปสรรคสำหรับทั้งฮอนด้าและนิสสัน เนื่องจากผู้บริโภคชาวจีนหันไปสนับสนุนแบรนด์ในประเทศที่มีความคุ้มค่ามากกว่า นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริดด้วยมาตรการจูงใจต่าง ๆ

แม้ว่าทั้งฮอนด้าและนิสสันจะมีผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้า แต่ก็ยังตามหลังแบรนด์จีนอย่าง BYD ซึ่งมีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าและราคาถูกกว่า

ปัญหาภายในของนิสสัน

นิสสันยังคงได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่อดีตซีอีโอ คาร์ลอส กอส์น หลบหนีข้อหาการทุจริตทางการเงินในปี 2018 ส่งผลให้พันธมิตรระหว่างนิสสัน เรโนลต์ และมิตซูบิชิ สั่นคลอนลง และในปีล่าสุด เรโนลต์ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นในนิสสันลงอย่างมาก ทำให้นิสสันต้องพึ่งพาตนเองมากขึ้น

ในช่วงเดือนมีนาคมถึงกันยายนของปีนี้ นิสสันรายงานว่ารายได้จากการดำเนินงานลดลงถึง 90% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ความท้าทายของฮอนด้า

ในขณะเดียวกัน ฮอนด้า ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่านิสสันถึง 5 เท่า ก็เผชิญกับปัญหาในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การผลิตรถยนต์ปลอดการปล่อยมลพิษในตลาดใหญ่ภายในปี 2040 แม้ว่าบริษัทจะตั้งเป้าหมายนี้ไว้ แต่ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ และยุโรปยังคงต่ำเนื่องจากราคาน้ำมันยังค่อนข้างต่ำ โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จยังไม่เพียงพอ และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น

แนวทางการรวมพลัง

ความร่วมมือระหว่างฮอนด้า นิสสัน และอาจรวมถึงมิตซูบิชิ มีแนวโน้มช่วยให้บริษัทเหล่านี้รับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีในปัจจุบัน ความเป็นไปได้ของการรวมตัวกันนี้อาจนำไปสู่การพัฒนารถยนต์ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

โครงการความร่วมมือดังกล่าวยังเป็นเครื่องยืนยันถึงบทบาทสำคัญของญี่ปุ่นในฐานะศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ซึ่งความคืบหน้าในครั้งนี้น่าจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ญี่ปุ่นในตลาดโลก

การหารือดังกล่าวยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น และต้องรอติดตามความคืบหน้าจากทั้งสามบริษัทเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : cnn

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
LIFESTYLE

ThaiHealth Watch 2025 เจาะลึก 7 เทรนด์สุขภาพปี 2568

สสส. เปิดตัว ThaiHealth Watch 2025 นำเสนอ 7 ประเด็นทิศทางสุขภาพคนไทย ปี 2568

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ กรุงเทพฯ นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นประธานเปิดงาน “จับตาทิศทางสุขภาพคนไทย 2568 (ThaiHealth Watch 2025)” โดยมีเป้าหมายสำคัญในการนำเสนอ 7 ประเด็นสุขภาพสำคัญของคนไทยในปี 2568 เพื่อสร้างการรับรู้และร่วมขับเคลื่อนสังคมด้วยข้อมูล (Data-Driven Society)

7 ประเด็นสุขภาพสำคัญในปี 2568

  1. ยิ่งเปราะบาง ยิ่งเดือดร้อน วิกฤตโลกเดือด
    ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ประเทศไทยเผชิญความเสี่ยงอันดับ 9 ของโลก โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด สสส. เน้นสร้างทักษะคนรุ่นใหม่เพื่อลดผลกระทบจากปัญหานี้
  2. ชีวิตอมฝุ่น ตัวเลขผู้ป่วยก้าวกระโดด นโยบายก้าวไม่ทัน
    คุณภาพอากาศของประเทศไทยเฉลี่ยรายปีสูงกว่ามาตรฐานองค์การอนามัยโลกถึง 5 เท่า ส่งผลให้ผู้ป่วยทางเดินหายใจเพิ่มกว่า 11 ล้านคน/ปี สสส. ชวนจับตาร่างกฎหมายอากาศสะอาดที่จะเข้าสภาฯ ในต้นปี 2568
  3. เยียวยาจิตใจ ปรับพฤติกรรมใหม่ เข้าถึงการดูแลได้ทุกคน
    ผู้ป่วยจิตเวชในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 2.9 ล้านคนในปี 2566 โดย สสส. ได้พัฒนานวัตกรรม “ประสบการณ์” เพื่อสร้างความเข้าใจและลดช่องว่างระหว่างวัย
  4. ต่างวัยต่างติดจอ เผชิญปัญหาต่าง กระทบชีวิตไม่แตกต่าง
    คนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 7.04 ชั่วโมง/วัน แต่ยังมีความรู้เท่าทันภัยออนไลน์ต่ำ ส่งผลให้เกิดปัญหา เช่น การพนันออนไลน์ การคุกคามทางเพศ สสส. จึงผลักดันกลไกเครือข่ายเฝ้าระวังภัยออนไลน์
  5. เด็กอ้วนเพิ่ม ผู้ใหญ่ความดันพุ่ง ทำสุขภาพทรุด เศรษฐกิจโทรม
    เด็กอ้วนมีแนวโน้มป่วยโรค NCDs สูงขึ้น เช่น เบาหวานที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มจาก 4.8 ล้านคนในปี 2566 เป็น 5.3 ล้านคนในปี 2583 สสส. เร่งสร้างความร่วมมือระหว่างภาคีเพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงด้านสุขภาพ
  6. โรคติดต่อจะไม่ติดต่อ เติมความรู้ให้แน่น ก่อนจะเล่นกับความรัก
    ผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้นเป็น 53 คน/แสนประชากรในปี 2566 สสส. พัฒนาเว็บไซต์ www.คุยเรื่องเพศ.com เพื่อให้ความรู้แก่ทุกกลุ่มวัย
  7. การตลาดบุหรี่ไฟฟ้า ภาพหวานเหมือนขนม ซ่อนพิษขมสำหรับเด็ก
    เด็กไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 9.1% โดยส่วนหนึ่งมาจากการตลาดที่ดึงดูดนักสูบหน้าใหม่ สสส. เน้นผลักดันนโยบายและสร้างความตระหนักถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า

พัฒนานวัตกรรม ThaiHealth Watch

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวเปิดงาน จับตาทิศทางสุขภาพคนไทย 2568 (ThaiHealth Watch 2025) ว่า “สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนสังคมด้วยข้อมูล (Data-Driven Society) พัฒนานวัตกรรม ThaiHealth Watch เพื่อนำเสนอแนวทางลดปัจจัยเสี่ยงสุขภาพที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นใหม่ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 โดยรวบรวมองค์ความรู้จากสถานการณ์สุขภาพคนไทย ปี 2567 ประกอบกับความคิดเห็นเรื่องสุขภาพยอดนิยมบนสื่อออนไลน์ และข้อแนะนำทั้งระดับปัจเจกบุคคลและนโยบายต่อสังคม เกิดเป็นประเด็นกระแสสังคม 7 ประเด็น 1.ยิ่งเปราะบาง ยิ่งเดือดร้อน วิกฤตโลกเดือด สำนักบริการด้านสภาพแวดล้อมของสหภาพยุโรป พบปี 2566 เป็นปีที่โลกมีอุณหภูมิร้อนที่สุด โลกร้อนขึ้นทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความหลากหลายทางระบบนิเวศ ระบบสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ไทยเสี่ยงจากผลกระทบสภาพภูมิอากาศเป็นอันดับ 9 ของโลก โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางคือกลุ่มเสี่ยงที่สุด สสส. จึงร่วมกับภาคีเครือข่าย สร้างทักษะคนรุ่นใหม่สามาร

พ.พงศ์เทพ กล่าวต่อว่า 2.ชีวิตอมฝุ่น ตัวเลขผู้ป่วยก้าวกระโดด นโยบายก้าวไม่ทัน รายงานคุณภาพอากาศปี 2566 พบไทยมีมลพิษมากเป็นอันดับที่ 36 ของโลก เฉลี่ยรายปีอยู่ที่ 23.3 มคก./ลบ.ม. มากกว่าค่าเฉลี่ยรายปีที่องค์การอนามัยโลกกำหนดถึงเกือบ 5 เท่า โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ได้รับผลกระทบเทียบเท่ากับสูบบุหรี่ 1,224 มวน ส่งผลให้มีผู้ป่วยทางเดินหายใจกว่า 11 ล้านคนต่อปี สสส. ชวนจับตาร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 2-3 ในต้นปี 2568 3.เยียวยาจิตใจ ปรับพฤติกรรมใหม่ เข้าถึงการดูแลได้ทุกคน พบผู้ป่วยจิตเวชเพิ่มขึ้นจาก 1.3 ล้านคนในปี 2558 เป็น 2.9 ล้านคน ในปี 2566 สสส. ร่วมกับภาคีพัฒนานวัตกรรมดูแลสุขภาพจิต ภายใต้โครงการ “ประสบการณ์” เพื่อลดช่องว่างและทัศนคติระหว่างวัย 4.ต่างวัยต่างติดจอ เผชิญปัญหาต่าง กระทบชีวิตไม่แตกต่าง พฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย 2565 โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พบคนไทยใช้อินเทอร์เน็ต 7.04 ชม./วัน แต่กลับมีความรู้ด้านการป้องกันภัยออนไลน์ต่ำ ส่งผลให้เสพติดพนันออนไลน์ โดนกลั่นแกล้ง คุกคามทางเพศ สสส. ได้ผลักดันกลไกเครือข่ายสร้างทักษะรู้เท่าทันสื่อทุกกลุ่มวัย เพื่อเฝ้าระวังและลดภัยออนไลน์ทุกรูปแบบ

1 ในสิ่งสำคัญที่ สสส. มุ่งเน้นการขับเคลื่อน

          น.ส.สุพัฒนุช สอนดำริห์ ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักสื่อสารการตลาดเพื่อสังคม สสส. กล่าวว่า ปัจจัยที่เป็นตัวแปรสำคัญส่งผลให้การลดโรค NCDs ทำได้ยาก คือ 1.นวัตกรรม ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงสังคม และพฤติกรรมของคน เช่น การสั่งอาหารเดลิเวอรี่ อาหารแปรรูป 2.การตลาดที่กระตุ้นการบริโภค 3.บุหรี่ไฟฟ้าและกัญชา เข้าถึงได้ง่าย 4.ปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น มลพิษทางอากาศ PM2.5 ทำให้ออกกำลังกายนอกอาคารไม่ได้ 5.ปัญหาความเครียด สุขภาพจิต 6.รางวัลที่ให้ตัวเอง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการกินเกินพอดี

    “1 ในสิ่งสำคัญที่ สสส. มุ่งเน้นการขับเคลื่อนงานป้องกันและลดอัตราป่วยด้วยโรค NCDs สื่อสารรณรงค์ให้ความรู้ จุดประกายการเปลี่ยนแปลง เช่น สสส. ขับเคลื่อนเรื่องเหล้าในกลุ่มผู้หญิง เหล้ามีผลต่อมะเร็งเต้านม ทำให้อัตราการดื่มในกลุ่มผู้หญิงลดลง หรือกรณีบุหรี่ไฟฟ้า เรื่องไอบุหรี่เกาะปอดไม่สามารถล้างไม่ได้ รวมถึงจุดประกายการตั้งเป้าหมายที่สามารถทำได้ง่าย เช่น แคมเปญ “ไขมันเริ่มสลายเมื่อออกกำลังกายอย่างน้อย 10 นาที” สร้างกระแสสังคมเพื่อปรับพฤติกรรมเสี่ยง เรื่องงดเหล้าเข้าพรรษา” น.ส.สุพัฒนุช กล่าว

มุ่งแก้ปัญหาสุขภาพจิตในวัยทำงาน

ดร.เจนนิเฟอร์ ชวโนวานิช รองคณบดี คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปี 2566 คนไทยมีอัตราการฆ่าตัวตาย 7.9 คนต่อประชากรแสนคน และยังมีแนวโน้มมากขึ้นทุกปี แต่บุคลากรด้านสุขภาพจิตกลับเป็นสาขาที่มีจำนวนจำกัด มีจิตแพทย์ 1,000 คน นักจิตวิทยา 1,000 คน ซึ่งการจะเพิ่มบุคลากรด้านสุขภาพจิตให้เพียงพอต้องใช้เวลาถึง 5-10 ปี กระทรวงสาธารณสุขคาดการณ์ว่า 10 ปีข้างหน้า สุขภาพจิตจะกลายเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่ทำให้เกิดการสูญเสียเป็นอันดับ 1 ของโรคไม่ติดต่อทั้งหมด ซึ่งกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง คือ กลุ่มวัยทำงาน พบมีความเครียดในการทำงาน 42.7% ในจำนวนนี้มีภาวการณ์ฝืนทำงานแม้มีปัญหาสุขภาพจิต 27.5% การรักษาในโรงพยาบาลจึงอาจไม่ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต

 

   “แนวทางการสร้างนโยบายการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตที่ดีในการทำงาน 6 เรื่อง 1.เพิ่มสวัสดิการด้านการรักษาสุขภาพกายและใจ 2.อบรมให้ความรู้และจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพกายและจิตใจ 3.เพิ่มสวัสดิการการลา 4.ส่งเสริมการพูดคุยสื่อสารและรับฟังปัญหา 5.สร้างบรรยากาศและวัฒนธรรมที่ดีในองค์กร 6.เพิ่มสวัสดิการทางการเงิน ช่วยให้พนักงานเข้าถึงการได้รับบริการหรือการส่งเสริมสุขภาพจิตและสุขภาพใจ” ดร.เจนนิเฟอร์ กล่าว

เป้าหมายของ ThaiHealth Watch 2025

“ThaiHealth Watch 2025” จะเป็นเครื่องมือสำคัญกระตุ้นสังคมให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ในอนาคต สร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงนวัตกรรมสุขภาพ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคน

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://resourcecenter.thaihealth.or.th/healthtrend หรือรับข้อมูลเฉพาะบุคคลได้ผ่านแอปพลิเคชัน “Persona Health”

“สุขภาพดีเริ่มได้ที่ตัวเรา” นพ.พงศ์เทพ กล่าวทิ้งท้าย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 เชียงราย ไฮไลต์สุดยิ่งใหญ่

เชียงรายหนาวนี้! เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 พร้อม 7 ไฮไลต์สุดประทับใจ

หนาวนี้ทาง คอลัมน์ แอ่วล้ำแอ่วเหลือ ชวนเที่ยวศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ที่ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนชั้นนำ ได้แก่ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โครงการพัฒนาดอยตุง), จังหวัดเชียงราย, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย, การท่องเที่ยวและกีฬาเชียงราย, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, เทศบาลนครเชียงราย, กระทรวงวัฒนธรรม, ขัวศิลปะ และสิงห์เลม่อนโซดา จัดงาน เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” ครั้งที่ 4 ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มกราคม 2568 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจเชียงรายในช่วงฤดูหนาว

7 ไฮไลต์สุดพิเศษในงาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024”

  1. ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา
    ดอยตุงร่วมสร้างสรรค์ต้นคริสต์มาสหมอกพันวาสูง 15 เมตร ภายใต้แนวคิด “Chiang Rai The Sense of Art” โดยใช้ผ้าย้อมสีธรรมชาติจากชาวเขาดอยตุง ตกแต่งด้วยลูกสนจากทางมะพร้าว พร้อมดอกไม้เมืองหนาว 9 สายพันธุ์ นำเสนอความงดงามทางศิลปะท้องถิ่น
  2. สีสันกาสะลองไนท์มาร์เก็ต
    เพลิดเพลินกับอาหารพื้นเมืองจาก 6 ชนเผ่าและเมนูพิเศษที่รังสรรค์จากดอกไม้นานาชนิด พร้อมกิจกรรม Workshop งานคราฟต์, Face Paint และการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากเด็กๆ เชียงราย
  3. Christmas Carols (24-26 ธันวาคม 2567)
    สนุกกับขบวน Santa & Friends ที่มาสร้างบรรยากาศแห่งความสุขช่วงคริสต์มาส ท่ามกลางความอลังการของต้นคริสต์มาสหมอกพันวา
  4. Happy Year End (30 ธันวาคม 2567)
    ร่วมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินวง Better Weather ที่จะมามอบเสียงเพลงแห่งความสุข

4.Kids Day @สีสันกาสะลองไนท์มาร์เก็ต (11-12 มกราคม 2568)
กิจกรรมพิเศษต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ จัดเต็มความสนุก ร้อง เล่น เต้น พร้อมแจกของขวัญสุดพิเศษจำนวน 5,000 ชิ้น

5.สุขต้นปี (11 มกราคม 2568)
ครั้งแรกในศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย กับการแสดงสุดอลังการของ ระเบียบวาทะศิลป์” หมอลำชื่อดังที่ยกเวทีความสุขมาให้ชาวเชียงราย

6.โชว์สุดพิเศษปิดงาน (31 มกราคม 2568)
ชมการแสดงพิเศษส่งท้ายงาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” ที่จะสร้างความประทับใจให้ทุกคน 

นอกจากนี้ เซ็นทรัล เชียงราย ยังจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับสมาชิก The1 ที่ช้อปหรือทานอาหารครบ 15,000 บาทขึ้นไป รับฟรีของที่ระลึกสุดพิเศษ จานเซรามิกแฮนด์เมด ที่ออกแบบเฉพาะเทศกาลนี้เท่านั้น

กระตุ้นการท่องเที่ยวเชียงรายอย่างยั่งยืน

งาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” นอกจากจะเป็นการส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรมล้านนาแล้ว ยังมีเป้าหมายสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งจากชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวชื่นชมความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่ทำให้งานนี้เกิดขึ้น และเชิญชวนประชาชนร่วมงานพร้อมสัมผัสวัฒนธรรมล้านนาแบบใกล้ชิด อีกทั้งยังเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นจากนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลมาจากทั่วประเทศ

ความพิเศษของเทศกาลนี้

เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 ยังเน้นการส่งเสริมความยั่งยืนผ่านกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้วัสดุจากธรรมชาติในงานคราฟต์และการนำเสนอดอกไม้เมืองหนาว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเชียงราย รวมถึงการเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นและกลุ่มชาติพันธุ์ได้นำเสนอสินค้าหัตถกรรมและอาหารพื้นเมือง

นักท่องเที่ยวที่แวะมาเที่ยวงานนี้ นอกจากจะได้สัมผัสความสวยงามของเมืองเชียงรายแล้วยังได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศการเฉลิมฉลองช่วงฤดูหนาวที่อบอวลไปด้วยความสุขและสีสันที่ไม่เหมือนใคร

เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2568 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย เชิญชวนทุกคนปักหมุดแวะมาสัมผัสเสน่ห์ล้านนาในฤดูหนาวที่ไม่ควรพลาด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

คอลัมน์โดย : มนรัตน์ ก.บัวเกษร

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024 ชูแนวคิด The Magical Garden

มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024 ภายใต้แนวคิด “The Magical Garden”

เชียงรายเปิดม่านงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียน Chiangrai Flower and Art Festival 2024 ภายใต้แนวคิด “The Magical Garden” เชิญสัมผัสบรรยากาศสวนดอกไม้และงานศิลปะอันน่าหลงใหล เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2567 ถึง 5 มกราคม 2568 ณ สวนไม้งามริมน้ำกก องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยปีนี้ได้นำเสนอแนวคิดใหม่ ที่ผสมผสานมนตร์เสน่ห์ของดอกไม้และเทคโนโลยีสมัยใหม่ สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เหมือนใคร

ไฮไลต์ของงาน:

  1. Zone 1: The Magic World
    • Angel of Wish: สร้างฝันด้วยมนตร์เสน่ห์
    • The Magic Ball: ลูกแก้ววิเศษที่ทุกคนต้องลองสัมผัส
    • Abracadabra: การร่ายเวทมนตร์ในบรรยากาศแฟนตาซี
  2. Zone 2: Aura Trail
    • Little Guardian: ตัวละครน่ารักที่รอคอยทุกคน
    • Enchanted Dome: ถ้ำมนตราแห่งสีสัน
    • Giant’s Garden: ดอกไม้ยักษ์ที่ใกล้ชิดเมฆ
  3. Zone 3: Dancing Tree
    • ต้นไม้ที่สามารถเต้นรำในจังหวะเสียงดนตรี
  4. Zone 4: Moonlight Oasis
    • ป่าต้องมนตร์พร้อมแสงจันทร์ส่องสว่าง

กิจกรรมที่ไม่ควรพลาด:

  • ชมการแสดงแสง สี เสียงสุดตระการตาในช่วงเวลา 19:00 – 22:00 น.
  • พบกับร้านค้า OTOP และผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่น

การฟื้นฟูแม่สายและการกระจายเศรษฐกิจ

งานในปีนี้มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูอำเภอแม่สาย ซึ่งเพิ่งเผชิญมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ โดยเปิดโอกาสให้ชาวบ้านและผู้ประกอบการในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการแสดงสินค้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงการจัดแสดง ประติมากรรมพญานาคเกี้ยว สวนดอกไม้แนวตั้งในลวดลายผ้าทอพื้นถิ่น และดอยนางนอน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศ

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวว่า “การจัดงานครั้งนี้ไม่เพียงช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของอำเภอแม่สาย แต่ยังสร้างรายได้และรอยยิ้มให้กับประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ยังเป็นการยกระดับการท่องเที่ยวของเชียงรายให้ก้าวสู่ระดับสากล”

 

นอกจากนี้ ยังมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้นำชุมชนและหน่วยงานต่าง ๆ เช่น นายสิทธิศักดิ์ อินใจคำ ปลัดอำเภอแม่สาย และพระครูประภัสร์จิตสังวร เจ้าอาวาสวัดถ้ำเสาหินพญานาค

“The Magical Garden” สวนดอกไม้แห่งเวทมนตร์

สวนไม้งามริมน้ำกกและวัดถ้ำเสาหินพญานาค ถูกเนรมิตเป็นสวนดอกไม้ในธีมเวทมนตร์ พร้อมโซนจัดแสดงที่หลากหลาย เช่น

  • โซน Moonlight Oasis: ป่าต้องมนตร์ท่ามกลางแสงจันทร์
  • โซน Aura Trail: เส้นทางดอกไม้ยักษ์ใกล้เมฆ
  • โซน Enchanted Dome: ถ้ำมนตราที่งดงาม

นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการแสดงน้ำพุดนตรี และสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นผ่านร้าน OTOP และผลิตภัณฑ์ชุมชน นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงดนตรีและศิลปะพื้นบ้านเพื่อเพิ่มสีสันให้กับงาน

การสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบ Social Impact

แนวคิด “Social Impact Tourism” ถูกนำมาใช้ในปีนี้ เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน โดยนักท่องเที่ยวจะได้ร่วมจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่และสนับสนุนการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวเสริมว่า “งานนี้แสดงถึงศักยภาพของเชียงรายในฐานะเมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์และเมืองท่องเที่ยวที่ใส่ใจสังคม การฟื้นฟูและพัฒนาแม่สายจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่”

เชียงรายจัดมหกรรมไม้ดอกอาเซียน 2024: จุดประกายเศรษฐกิจ ฟื้นฟูแม่สาย

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ภายใต้การนำของ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ได้จัดงาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย Chiangrai Flower and Art Festival 2024” ระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ถึง 5 มกราคม 2568 ณ สวนไม้งามริมน้ำกก จังหวัดเชียงราย และวัดถ้ำเสาหินพญานาค อำเภอแม่สาย ภายใต้แนวคิด “The Magical Garden” ที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กล่าวถึงการจัดงานว่า “การจัดงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงรายในปีนี้ นอกจากเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวแล้ว ยังมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะในอำเภอแม่สายที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้มาเยี่ยมชมเชียงราย”

งานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงชุมชนท้องถิ่นที่มีส่วนร่วมในการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว

ข้อมูลเพิ่มเติม:

มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงรายครั้งนี้ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 08:00 – 22:00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ CRPAO Official

งานนี้ไม่เพียงเป็นการเฉลิมฉลองความงดงามของเชียงราย แต่ยังเป็นการแสดงถึงความเข้มแข็งของชุมชนและศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TRAVEL

ล่องเรือหรู Bohème สัมผัสแม่น้ำโขงสุดพิเศษในลาว

“Mekong Kingdoms เปิดตัวเรือหรู Bohème สัมผัสประสบการณ์ล่องแม่น้ำโขงสุดหรูในลาว”

วันที่ 10 ธันวาคม 2567 Mekong Kingdoms บริษัทล่องเรือแม่น้ำสุดหรูชื่อดัง เปิดตัวเรือลำใหม่ล่าสุด Bohème ยาว 164 ฟุต พร้อมเริ่มการเดินทางครั้งแรกวันที่ 9 ธันวาคม 2567 กับเส้นทางไปกลับระหว่างหลวงพระบางและเวียงจันทน์ ประเทศลาว ภายในระยะเวลา 6 วัน 5 คืน สัมผัสความหรูหรา วัฒนธรรม และความเงียบสงบในทริปเดียว

การเดินทางสุดพิเศษบน Bohème

นักท่องเที่ยวสามารถเริ่มต้นหรือสิ้นสุดการเดินทางด้วยการพักที่โรงแรม Avani+ Luang Prabang Hotel หนึ่งในจุดหมายที่ได้รับการยกย่องจาก UNESCO ในหลวงพระบาง บนเรือ Bohème แขกผู้โดยสารจะได้รับการดูแลอย่างดีจากทีมงาน 20 คน รวมถึงผู้จัดการเรือ พ่อครัวใหญ่ นักปรุงเครื่องดื่ม และผู้เชี่ยวชาญด้านสปา

ในช่วงเช้า นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการดูนกบนดาดฟ้าเรือหรือผ่อนคลายด้วยการนวดในห้องบำบัดเฉพาะทางสองแห่ง ช่วงบ่ายจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ท่องเที่ยววัฒนธรรม ส่วนยามเย็นเป็นมื้ออาหารหรูริมน้ำ และยังมีกิจกรรมเรียนทำอาหารและค็อกเทลกับผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย

การผจญภัยบนฝั่งที่น่าจดจำ

เรือ Bohème จะพาผู้โดยสารสำรวจสถานที่สำคัญในลาว เช่น ถ้ำปากอู ที่เต็มไปด้วยรูปปั้นพระพุทธรูปในห้องหินโบราณ, น้ำตกกวางสี น้ำตกที่งดงามและเป็นที่นิยม รวมถึงสัมผัสประสบการณ์การทำกระดาษสาและเครื่องปั้นดินเผาในหมู่บ้านดั้งเดิม

หนึ่งในจุดเด่นของทริปคือการเยี่ยมชม ศูนย์อนุรักษ์ช้างไซยะบุรี ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับช้างและเรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลสัตว์เหล่านี้

ความหรูหราบน Bohème

เรือ Bohème รองรับผู้โดยสารเพียง 26 ท่านในห้องพัก 13 ห้อง ซึ่งมีให้เลือก 3 รูปแบบ:

  • Deluxe Suites (323 ตร.ฟุต): ห้องพักกว้างขวางพร้อมระเบียงส่วนตัว
  • Premier View Suites (280 ตร.ฟุต): มีระเบียง Juliet พร้อมวิวแม่น้ำสุดพิเศษ
  • Royal Suite (646 ตร.ฟุต): ห้องพักหรูหราสูงสุดพร้อมบริการพ่อบ้านส่วนตัว

ราคาและเส้นทางการเดินทาง

เริ่มต้นที่ 3,400 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 116,000 บาท ต่อคนสำหรับห้อง Deluxe Suite (พักคู่) มี 2 เส้นทางให้เลือก:

  1. Downstream Cruise: เริ่มจากหลวงพระบางไปเวียงจันทน์
  2. Upstream Cruise: เริ่มจากเวียงจันทน์ไปหลวงพระบาง

เรือ Bohème มอบประสบการณ์ล่องเรือแม่น้ำโขงสุดหรู พร้อมผสมผสานวัฒนธรรมและธรรมชาติของลาวอย่างลงตัว ทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : mekongkingdoms

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News