Categories
GALLERY

Pride Month ที่กรุงเทพฯ สร้างความตระหนักรู้เรื่องความหลากหลายและความเท่าเทียมทางเพศให้กับสังคม

Bangkok Pride 2023 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Beyond Gender เรียกร้องการแก้ปัญหาในหลายมิติที่จะทำให้ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน ครอบคลุมความหลากหลายมากขึ้น เน้น 4 ประเด็นสำคัญคือ การรับรองเพศสภาพ (Gender Recognition), สมรสเท่าเทียม (Marriage Equality) สิทธิของ Sex Workers (Sex Work Rights) และ สวัสดิการถ้วนหน้าสำหรับ LGBTQ+ (Equal Right to Health)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Pita Limjaroenrat – พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
Categories
GALLERY

“ปาเเอ่ววัดก่อนฝนลง” วัดร่องเสือเต้น Blue Temple

Categories
AUTOMOTIVE

เปิดตัว Horizon 300 SR Street Racer ราคา 149,900 บาท

เปิดตัว Horizon 300 SR Street Racer ราคา 149,900 บาท

Facebook
Twitter
Email
Print

 Horizon 300 SR Street Racer ถูกตกแต่งด้วยชุดแต่ง SR Part รอบคัน เสริมด้วยชุดแต่ง Wide body kit เพิ่มความดุดัน ประดับด้วยสติกเกอร์ SR และสัญลักษณ์พิเศษ มาพร้อมตัวรถสีใหม่ Assault Gray วางจำหน่ายในราคา 149,900 บาท เปิดจองผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Alpha Volantis ระหว่างวันที่ 5 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม 2566 นี้

     สำหรับ Horizon 300 ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “Futuristic Premium” เน้นความล้ำสมัย มิติรถมีขนาดคล่องตัว ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 276 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 13.6 kW ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสุงสุด 21.8 นิวตัน-เมตร ที่ 5,000 รอบต่อนาที พร้อมถังน้ำมันความจุ 9 ลิตรเพื่อรองรับการขับขี่ระยะไกล

  Horizon 300 ถูกติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น ระบบไฟส่องสว่าง Full LED รอบคัน ที่มี Daytime Running Light และชุดไฟเลี้ยวเป็นชิ้นเดียวกัน มาพร้อมมาตรวัดดิจิทัลสามารถปรับความสว่างได้อัตโนมัติ ช่องเก็บของใต้เบาะนั่งใส่หมวกกันน็อกแบบเปิดหน้าได้ และช่องชาร์จไฟ USB จำนวน 2 ช่อง

     ราคาจำหน่าย Alpha Volantis Horizon 300 SR Street Racer รุ่นพิเศษ ราคา 149,900 บาท

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : sanook.com

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AUTOMOTIVE

All-new Mitsubishi TRITON 2024 ใหม่ เตรียมเปิดตัวครั้งแรก 26 กรกฎาคมนี้

All-new Mitsubishi TRITON 2024 ใหม่ เตรียมเปิดตัวครั้งแรก 26 กรกฎาคมนี้

Facebook
Twitter
Email
Print

   มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ประกาศเตรียมเปิดตัวกระบะ All-new Mitsubishi TRITON 2023 – 2024 (มิตซูบิชิ ไทรทัน) เจเนอเรชันที่ 6 ในวันพุธที่ 26 กรกฎาคมนี้ โดยระบุว่ารถรุ่นดังกล่าวได้รับการพัฒนาเพื่อตอบสนองลูกค้าหลากหลายกลุ่มทั่วโลก ทั้งกลุ่มรถส่วนตัวเน้นไลฟ์สไตล์แอคทีฟ และกลุ่มใช้งานเพื่อการพาณิชย์ ประกอบกับประเทศไทยมีส่วนแบ่งการตลาดรถปิกอัพกว่าครึ่งหนึ่งของตลาดรถยนต์ทั้งหมด จึงได้เลือกประเทศไทยเป็นประเทศกลุ่มแรกในการเปิดตัว

     ก่อนหน้านี้ มิตซูบิชิได้นำเอา Mitsubishi XRT Concept มาจัดแสดงที่งานบางกอกมอเตอร์โชว์เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นต้นแบบกระบะไทรทันที่กำลังจะเปิดตัวดังกล่าว ถูกห่อหุ้มด้วยสติกเกอร์ลายพรางที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก “ลาวา” พร้อมด้วยลายกราฟิกเส้นขนานแนวเฉียง 10 เส้น ในแบบฉบับของโลโก้ RALLIART สะท้อนถึงดีเอ็นเอมอเตอร์สปอร์ตของมิตซูบิชิ ตกแต่งเพิ่มความบึกบึนด้วยซุ้มล้อหน้า-หลัง พร้อมยาง Mud-terrain

   Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) เป็นรถรุ่นขายดีที่สุดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ถูกผลิตจากโรงงานแหลมฉบังในประเทศไทย เพื่อส่งออกไปยังกว่า 150 ประเทศทั่วโลก โดยไทรทันเจเนอเรชันที่ 6 ถือเป็นการออกแบบใหม่ทั้งคันครั้งแรกในรอบ 9 ปี มีแผนเปิดตัวในประเทศไทยภายในปี 2566 ก่อนจะถูกเปิดตัวในภูมิภาคอาเซียน โอเชียเนีย และตลาดอื่นๆ ทั่วโลกต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TRAVEL VIDEO

กาแฟอุ่นๆ บนยอดดอยของเชียงราย พร้อม สัมผัสอากาศหนาวที่ “ดอยผาฮี้”

กาแฟอุ่นๆ บนยอดดอยของเชียงราย พร้อม สัมผัสอากาศหนาวที่ “ดอยผาฮี้”

Facebook
Twitter
Email
Print
จากสภาพอากาศที่มีความหนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ทางภาคเหนือ โดยอุณภูมิในช่วงกลางคืนและข่วงเช้าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 9-15 องศาเซลเซียส ทำให้นักท่องเที่ยวพากันทยอยหลั่งไหลเดินทางไปสัมผัสอากาศหนาวกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะที่บ้านผาฮี้ ตำบลโป่งงาม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศพากันไปสัมผัสอากาศหนาว ท่ามกลางสายหมอกเจือบางๆจนเห็นทัศนีภาพของชุมชนหมูบ้านที่อยู่เบื้องล่างอย่างสวยงาม
 
โดยนักท่องเที่ยวหลายคนบอกว่ารู้สึกประทับที่ได้มาเที่ยวในพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย เพราะยังคงธรรมชาติและมีสันเขาสูงหลายแห่งที่มีทัศนยีภาพที่สวยงาม อย่างเช่นที่จุดชมวิวบ้านผาฮี้แห่งนี้เป็นอีกจุดหนี่งที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวตลอดทั้งปีเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังได้สัมผัสกับหมอกเย็นๆลอยมากระทบผิวกาย และยังคลายหนาวด้วยชา กาแฟอุ่นๆ บนยอดดอย ที่ร้านกาแฟแต่ละร้านมีการจัดทิวทัศน์ของร้านกาแฟให้เข้ากับบรรยากาศของขุนเขาท่ามกลางธรรมชาติได้อย่างงดงาม โดยทำเป็นระเบียงไม้มั่นคงแข็งแรงยื่นไปกลางอากาศเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้จิบกาแฟถ่ายภาพได้อย่างลงตัว สร้างความตื่นเต้นและประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง
 
ยิ่งหากนักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสบรรยากาศช่วงเช้าๆก็จะได้เห็นทะเลหมอกที่มีความงดงามไม่แพ้สถานที่อื่นใดอีกด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวที่ได้มาสัมผัสบรรยากาศที่บ้านผาฮี่แห่งนี้ ต่างประทับใจในความสวยงาม หอบเอาความสุขด้วยรอยยิ้มกลับไปอีกด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย 

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TRAVEL VIDEO

ดอกบัวตองบานแล้วที่ ต.ไม้ยา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย เดินทางจากตัวเมืองเชียงรายแค่ 30 นาที

ดอกบัวตองบานแล้วที่ ต.ไม้ยา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย เดินทางจากตัวเมืองเชียงรายแค่ 30 นาที

Facebook
Twitter
Email
Print

NEWS l ดอกบัวตองบานแล้วที่ ต.ไม้ยา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย เดินทางจากตัวเมืองเชียงรายแค่ 30 นาที

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย 

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIAL & LIFESTYLE TRAVEL

Soft Power ด้านอาหาร เตรียมจัด “Bangkok International Food Festival”

Soft Power ด้านอาหาร เตรียมจัด “Bangkok International Food Festival”

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประสานความร่วมมือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเตรียมจัด “Bangkok International Food Festival” ซึ่งเป็นเทศกาลอาหารที่ยิ่งใหญ่ระดับนานาชาติ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 30 พฤษภาคม 2566 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งการจัดงานดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้ความสำคัญกับการนำศักยภาพของประเทศไทยในด้านต่าง ๆ รวมทั้ง Soft Power ด้านอาหารของประเทศไทยมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศให้มากขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยอีกทางหนึ่ง

นายอนุชากล่าวถึงการจัดงาน “Bangkok International Food Festival 2023” ว่า ททท. จะมีการนำเสนอความหลากหลายของสินค้าท่องเที่ยวเชิงอาหาร ในรูปแบบ Amazing Food Festival ด้วยการจัดงานเทศกาลอาหารระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งใน Soft Power ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้ตัดสินใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยมุ่งกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวด้วยกิจกรรมงานอาหารระดับสากล สอดรับกับการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไปพร้อมกับการเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยว และสร้างการรับรู้ความเป็นเมืองหลากหลายทางวัฒนธรรมด้านอาหารของประเทศไทย ตลอดจนส่งเสริมภาพลักษณ์และเอกลักษณ์ของอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักและแพร่หลายในกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งยังเป็นการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของประเทศ โดยการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยให้เชื่อมโยงการเดินทางต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวและชุมชนที่เป็นแหล่งวัตถุดิบของอาหาร ขยายระยะเวลาการพำนักค้างคืนให้นานขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการกระจายรายได้จากการใช้จ่ายระหว่างการเดินทาง และสร้างรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจทั้งในระดับพื้นที่และภาพรวมของประเทศด้วย

สำหรับกิจกรรมที่น่าสนใจภายในงาน “Bangkok International Food Festival 2023” ประกอบด้วย 

1) กิจกรรม Creative Cooking สาธิตและเรียนรู้การทำอาหาร ขนม ที่มาร่วมออกร้านภายในงาน 

2) กิจกรรม “Chef Table Bangkok International Food Festival” เป็นการรังสรรค์เมนู Chef Table จากเชฟชื่อดังจากต่างประเทศ อาทิ Chef JACOB JAN BOERMA, Chef David Gil Rovira, Chef ALEJANDRO HUERTAS, Chef RUBEN ARNANZ, Chef Riley Sanders, Chef SAITO, and Chef Rick Dingen, Chef Nelson Chantrawan, Chef Chumpol Jangprai etc., ในชุดเมนูที่เชฟรังสรรค์ ในชื่อเมนู “Chef Table Bangkok International Food Festival” ในการรังสรรค์เมนูที่แสดงถึงความโดดเด่นในสไตล์อาหารของเชฟแต่ละคน 

3) กิจกรรม การรังสรรค์เมนู Street Food ของประเทศไทยในสไตล์ของเชฟที่เชิญมาเข้าร่วมภายในงาน ด้วยเมนูประสบการณ์มิติใหม่ที่มีความหลากหลาย กิจกรรม Gastronomy กับนวัตกรรมอาหารด้วยศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงจากเชฟผู้เชี่ยวชาญ และ 

4) กิจกรรม “สวรรค์แห่ง Fine Dinning” workshop เมนูพิเศษ สำหรับการสาธิตและการเรียนรู้การทำอาหารผ่านนวัตกรรมด้วยศาสตร์การทำอาหารชั้นสูง นอกจากนี้ ภายในงานยังมีร้านอาหารต่าง ๆ  มากมายร่วมออกร้านหลากหลายโซน ทั้งโซนร้าน International Food โซนร้าน Michelin Guide โซนร้านเด่น ร้านดังจาก 5 ภูมิภาค โซนร้าน Street Food และโซน ร้าน Cafe รวมถึงการแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดังของไทยที่จะมาแสดงภายในงานด้วย 

“จึงขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมงาน Bangkok International Food Festival 2023 ที่จัดขึ้นระหว่าง 26 – 30 พฤษภาคม 2566 เวลา 15.00 – 22.00 น. ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร  เพื่อร่วมกันส่งเสริมเอกลักษณ์วัฒนธรรมทางอาหารของไทย ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตานักชิมทั่วโลก” นายอนุชา กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
SOCIAL & LIFESTYLE TRAVEL

ทริปสุดคุ้มท่องเที่ยวแนวใหม่ Green Tourism “นั่งรถไฟ KIHA183 ปลูกโกงกาง ที่บางปะกง”

ทริปสุดคุ้มท่องเที่ยวแนวใหม่ Green Tourism “นั่งรถไฟ KIHA183 ปลูกโกงกาง ที่บางปะกง”

Facebook
Twitter
Email
Print

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขอเชิญชวนร่วมเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวทางรถไฟแนวใหม่ “นั่งรถไฟ KIHA183 ปลูกโกงกาง ที่บางปะกง” แบบวันเดย์ทริป เส้นทางกรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ วันที่ 4 มิถุนายน นี้ โดยพาอินเทรนด์ไปกับการท่องเที่ยวแนวใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Tourism)  นำผู้โดยสารเดินทาง ด้วยรถไฟไทยสไตล์ญี่ปุ่น KIHA 183  ร่วมกิจกรรมปลูกป่าโกงกาง ปล่อยปู สร้างบ้านปลาคอนโดปู เที่ยวบ้านสวนเมล่อน เรียนรู้การปลูก รับต้นกล้าเมล่อนกลับไปปลูกต่อที่บ้าน พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดกลางน้ำ ณ วัดหงส์ทอง และดื่มด่ำ ชมชิมช้อป ตลาดโบราณคลองสวน 100 ปี ศูนย์กลางการค้าที่สำคัญในอดีตที่ยังมีลมหายใจถึงปัจจุบัน  
 
สนใจรีบสำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันนี้ เพียง 1,499 บาท จำนวนจำกัด 200 ที่นั่งเท่านั้น  โดยราคาดังกล่าวรวมรถบัสปรับอากาศ พร้อมอาหาร 2 มื้อ มื้อเช้าสไตล์ญี่ปุ่น เบนโตะอาหารไทย และมื้ออาหารกลางวันแบบจัดเต็ม จองตั๋วได้ที่สถานีรถไฟและช่องทางจำหน่ายตั๋วในระบบออนไลน์ D-Ticket ของ รฟท. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง
 
สำหรับรายละเอียดการเดินทาง เริ่มลงทะเบียน สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) เวลา 07.00 น. จากนั้น 07.40 น.ออกเดินทางสู่จังหวัดฉะเชิงเทรา  ด้วยขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 993/994  ระหว่างทางเสิร์ฟอาหารเช้า เบนโตะอาหารไทย พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมระหว่างการเดินทางบนขบวนรถ KIHA 183 นอกจากนี้ผู้โดยสารจะได้พบกับจุด Unseen ซึ่งขบวนรถไฟจะจอดให้ผู้โดยสารชมวิวทิวทัศน์บริเวณกลางสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง มีลักษณะคล้ายรถไฟลอยน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ถึงสถานีชุมทางฉะเชิงเทรา เวลา 10.00 น. เดินทางต่อโดยรถบัสปรับอากาศ สู่ตำบลท่าพลับ อำเภอบ้านโพธิ์ เที่ยวบ้านสวนเมล่อน เรียนรู้การปลูกต้นกล้าเมล่อนที่ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่เกษตรกร และเดินทางต่อไปตำบลท่าข้าม อำเภอบางปะกง เยี่ยมชนแหล่งเรียนรู้ระบบนิเวศป่าซายเลน โรงเรียนพระพิมลเสนี (พร้อม หงสกุล) นำทุกท่านร่วมกิจกรรม “รักษ์สิ่งแวดล้อมลดโลกร้อน ร่วมปลูกป่าชายเลน ปล่อยปู สร้างบ้านปลาคอนโดปู” ร่วมกันพลิกฟื้นผืนป่าชายเลนของไทย

เวลา 12.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน ออกเดินทางต่อไปที่วัดหงษ์ทอง หรือ วัดกลางน้ำ ริมฝั่งอ่าวไทยบริเวณบ่าชายเลน เยี่ยมชมความงาม เจดีย์สีทองอร่าม 3 ชั้น ชั้นล่างประดิษฐานหลวงพ่อพุทธโสธรจำลองและพระพุทธรูปอื่น ๆ ไว้ให้กราบไหว้ขอพร ส่วนชั้น 2 มี หุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่สด หรือ พระมงคลเทพมุนี (สด จนทุสโร) วัดปากน้ำภาษีเจริญ องค์พระแก้วมรกตจำลองประดิษฐานอยู่ รวมถึงจัดแสดงภาพวาดพระมหากษัตริย์ตั้งแต่ในอดีตจนถึงรัชกาลปัจจุบัน ส่วนชั้นบนสุดเป็น จุดชมวิวสามารถมองเห็นวิวทะเล พอเวลาน้ำขึ้นทำให้ดูเหมือนอาคารนี้ลอยอยู่กลางน้ำ และยังมีพระธาตุคงคามหาเจดีย์ เจดีย์สีเหลืองทองที่บรรจุพระธาตุพระอรหันต์อยู่ภายใน ตลอดจนมีพระอุโบสถของ วัดหงษ์ทอง ที่ตั้งอยู่กลางทะเลเช่นเดียวกัน
 
เวลา 15.00 น. ออกเดินทางไป ตลาดคลองสวน 100 ปี ตลาดที่อยู่ในสองจังหวัด มีเพียงสะพานไม้สูง ๆ ข้ามแม่น้ำเป็นเส้นแบ่งเขต โดยมีความรุ่งเรืองตั้งแต่อดีตซึ่งเป็นทางผ่านของเรือขนส่งทั้งคนและสินค้าระหว่างบางกอกกับฉะเชิงเทรา ซึ่งสามารถเลือกชม ชิม  ช้อป สินค้าของฝาก อาหารคาวหวาน และของที่ระลึก ได้ตามอัธยาศัย จากนั้น 16.30 น.ออกเดินทางไปสถานีชุมทางฉะเชิงเทรา ถ่ายภาพที่ระลึกกับขบวนรถ KIHA 183 และเดินทางกลับสู่สถานีหัวลำโพง โดยระหว่างทางจอดรับส่งผู้โดยสาร ป้ายหยุดรถพระจอมเกล้า สถานีลาดกระบัง สถานีหัวหมาก สถานีคลองตัน สถานีมักกะสัน  ถึงสถานีหัวลำโพง โดยสวัสดิภาพ เวลา 18.30 น.  

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การรถไฟแห่งประเทศไทย

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
HEALTH SOCIAL & LIFESTYLE

น้ำมันเขียวฤทธิ์เย็น ตราประสมบุญ ช่วยนวดคลายเส้น แก้ลมวิงเวียน แก้พิษจากแมลงกัดต่อย แก้ลม ลดอาการไอ ไม่เป็นความจริง

น้ำมันเขียวฤทธิ์เย็น ตราประสมบุญ ช่วยนวดคลายเส้น แก้ลมวิงเวียน แก้พิษจากแมลงกัดต่อย แก้ลม ลดอาการไอ **ไม่เป็นความจริง**

Facebook
Twitter
Email
Print

วันที่ 23 พฤษภาคม 2566  ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยข่าวปลอม อย่าแชร์! น้ำมันเขียวฤทธิ์เย็น ตราประสมบุญ ช่วยนวดคลายเส้น แก้ลมวิงเวียน แก้พิษจากแมลงกัดต่อย แก้ลม จุกเสียด ลดอาการไอ เจ็บคอ ทาแผลร้อนใน ปวดฟัน ปวดเหงือก บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไม่พบผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแต่อย่างใด หน่วยงานที่ตรวจสอบ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข

ตามที่มีการโฆษณาถึงน้ำมันเขียวฤทธิ์เย็น ตราประสมบุญ ช่วยนวดคลายเส้น แก้ลมวิงเวียน แก้พิษจากแมลงกัดต่อย แก้ลม จุกเสียด ลดอาการไอ เจ็บคอ ทาแผลร้อนใน ปวดฟัน ปวดเหงือก ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

จากที่มีผู้โพสต์ให้ข้อมูลว่า น้ำมันเขียวฤทธิ์เย็น ตราประสมบุญ ช่วยนวดคลายเส้น แก้ลมวิงเวียน แก้พิษจากแมลงกัดต่อย แก้ลม จุกเสียด ลดอาการไอ เจ็บคอ ทาแผลร้อนใน ปวดฟัน ปวดเหงือก ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ผลิตภัณฑ์สมุนไพรประสมบุญ น้ำมันเขียวฤทธิ์เย็น เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรส่วนประกอบของสมุนไพร โดยมีการกล่าวอ้างสรรพคุณ คือ ใช้ทาถูนวดคลายเส้น แก้ลมวิงเวียน แก้พิษจากแมลงกัดต่อย แก้ลม จุกเสียด ลดอาการไอ เจ็บคอ ทาแผลร้อนใน ปวดฟัน ปวดเหงือก หยดใส่น้ำ เพียง 1 – 2 หยด แล้วดื่ม ซึ่งไม่พบผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแต่อย่างใด

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th หรือหากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1556

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไม่พบผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแต่อย่างใด

Facebook
Twitter
Email
Print

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย 

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
SOCIAL & LIFESTYLE TRAVEL

15 สถานที่โชว์แสง “หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย”

15 สถานที่โชว์แสง “หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย”

Facebook
Twitter
Email
Print

จัดขึ้นในวันที่ 20-28 พฤษภาคม 2566 ณ อำเภอเมืองเชียงราย เวลา 18.00 น. – 24.00 น. นำเสนอความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถสร้างกระแสให้นักท่องเที่ยวออกเดินทางไปเยี่ยมชม และส่งต่อประสบการณ์ผ่านสื่อ Social Media ในวงกว้าง ต่อยอดนำเสนอแนวคิดและรูปแบบการจัดกิจกรรมภายใต้แนวคิด งานเทศกาล แสง เสียง และความคิดสร้างสรรค์ โดยสื่อออกมาในรูปแบบของการจัดแสดง Light up / Mapping / Projection 3D / Light installation และสื่อผสมที่ทันสมัย สื่อถึงความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถสะท้อนเอกลักษณ์ / อัตลักษณ์ของท้องถิ่น สามารถต่อยอดไปสร้างเส้นทางให้นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมตามจุดต่างๆ ที่จัดแสดงได้ในลักษณะ Walking Tour เล่าเรื่องเมืองเชียงรายผ่านเส้นทางแห่งกาลเวลาด้วยการ Light up / Mapping สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เมืองเชียงราย ตามแนวคิด  “หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย”

งานวิจิตร ๕ ภาค @เชียงราย “หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย (Chiang Rai : Wiang of Light)” จัดแสดงผ่านสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ 15 แห่ง รวมระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร ได้แก่

1.หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ: สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 

หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ: สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ออกแบบโดย ศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ จัดแสดงภายใต้แนวคิด Celebrated Time ที่สื่อถึงช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจของคนเชียงราย ใช้เทคนิค Moving Head Beam กับลำแสงสีทอง เงิน นาก เคลื่อนไหวไปพร้อมจังหวะการเดินของเข็มนาฬิกา บอกเล่าถึงการเดินทางของเวลาที่เดินหน้า หรือเดินถอยหลังสู่อดีตกาล

 

2.ถนนเชื่อมหอนาฬิกา

ถนนเชื่อมหอนาฬิกา: ถนนสุขสถิตย์หนึ่งในถนนย่านค้าขายสําคัญของเมืองเชียงรายยุคใหม่ ที่เชื่อมโยงวิถีชีวิต เศรษฐกิจ และการคมนาคม ถือเป็นลมหายใจหนึ่งของการเติบโตของเมือง จัดแสดงภายใต้แนวคิด Connected ใช้เทคนิค Laser & Mirror ยิงแสงเลเซอร์ถักเป็นตาข่าย ลอยสุขสถิตย์เหนือผืนถนน สร้างคลื่นแสงเชื่อมสองเวลาและสองสถานที่เข้าหากัน

 

3.หอนาฬิกา (เก่า)

หอนาฬิกา (เก่า): หอนาฬิกาเก่าของจังหวัดเชียงราย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2510 ได้ย้ายจากถนนบรรพปราการ หรือที่ตั้งหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติฯ ในปัจุบัน ไปตั้งไว้ที่ตลาดสดเทศบาล บริเวณสามแยกโรงรับจำนำ ซึ่งอยู่ห่างจากหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติฯ ประมาณ 350 เมตร จัดแสดงภายใต้แนวคิด Classical Time หนึ่งในตัวแทนความคลาสสิคของยุคสมัย ใช้เทคนิคแสง Luminous Light แสงสีขาววางล้อมหอนาฬิกา อวดโฉมเวลาหนึ่งช่วงในอดีตที่เคยเป็นตัวแทนความเจริญของเมืองยุคใหม่

 

4. มูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์

มูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์เชียงราย ตั้งอยู่ที่ถนนบรรพปราการ ภารกิจหลักของมูลนิธิฯ เกี่ยวข้องกับงานด้านสาธารณะกุศลโดยจะมีกิจกรรม ต่างๆ ในช่วงเย็น เช่น รำไทเก๊ก รำมวยจีน รำกระบี่ เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกาย อาคารแห่งนี้มีการตกแต่งอย่างสวยงามตามสไตล์จีน ด้านในมีจุดไหว้เทพเจ้าต่าง ๆ ตามความเชื่อของชาวไทยเชื้อสายจีนในเมืองเชียงราย จัดแสดงภายใต้แนวคิด Power of Gods การไหว้บูชาเหล่าเทพเจ้าขอพร ใช้เทคนิค Red & Gold Lights แสงสีแดงและสีทอง ตัวแทนความมั่งคั่งและโชคดี

 

5. วัดมิ่งเมือง

วัดมิ่งเมือง ชาวเชียงรายเรียก วัดจ๊างมูบ (ช้างหมอบ) หรือ วัดตะละแม่ศรีตามชื่อผู้สร้าง เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงรายมีสถาปัตยกรรมผสมระหว่างพม่าและล้านนาวิจิตรงดงามทั้งภายในและภายนอก จัดแสดงภายใต้แนวคิด Multi Culture Multi-Colors หนึ่งศรัทธา มากศิลป์ ใช้เทคนิคแสง Led Par Light เลือกใช้คู่สีแสงที่มีความต่อเนื่องและขัดแย้งกันเพื่อขับเน้นศิลปกรรมที่ผสมผสานแปลกตา

 

6. ตึกสามเหลี่ยม

ตึก 3 ชั้นทรงแปลกตา ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นอาคารแนวโมเดิร์นของธนาคารแห่งหนึ่งของเมืองเชียงรายในยุค 80s จัดแสดงภายใต้แนวคิด Neon Era ใช้เทคนิคแสง Led Neo Light ไฟนีออนที่ไม่ใช่สิ่งส่องสว่าง แต่ได้รับการใช้งานและจัดวางเป็นงานศิลปะและเป็นเอกลักษณ์ที่สําคัญหนึ่งของยุคสมัย

 

7. แมงสี่หูห้าตา

แมงสี่หูห้าตา เป็นชื่อสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งในตํานานว่าด้วยวัดพระธาตุดอยเขาควายแก้ว มีลักษณะเหมือนหมีสีดําตัวอ้วน มีหูสองคู่และตาห้าดวง รับประทานถ่านไฟร้อนเป็นอาหารและถ่ายมูลเป็นทองคํา แมงสี่หูห้าตา ยังเคยได้รับการคัดเลือกให้เป็นมาสคอต กีฬาแห่งชาติครั้งที่ 36 “เจียงฮายเกมส์” อีกด้วย จัดแสดงภายใต้แนวคิด Fire Monster ใช้เทคนิคแสง Lantern Installation หุ่นโคมไฟแมงสี่หูห้าตา ขนาดใหญ่ ในท่ากําลังปีนต้นก้ามปูยักษ์หน้าอาคารเทิดพระเกียรติ ที่มาพร้อมกับเสียงแมลงกลางคืน + เสียงสะล้อ

 

8. วัดพระแก้ว

วัดพระแก้ว: ตั้งอยู่บนถนนไตรรัตน์ ใจกลางเมืองเชียงราย เป็นสถานที่แรกที่ได้ค้นพบพระแก้วมรกต หรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน ตามประวัติเล่าว่า เมื่อปี พ.ศ. 1897 ในสมัย พระเจ้าสามฝั่งแกน เป็นเจ้าครองเมืองเชียงใหม่ ฟ้าได้ผ่าเจดีย์ร้างองค์หนึ่ง และได้ พบพระพุทธรูปลงรักปิดทองอยู่ภายในเจดีย์ ต่อมาจึงได้พบว่าเป็นพระพุทธรูปสีเขียวที่สร้างด้วยหยก ซึ่งก็คือพระแก้วมรกตนั่นเอง ปัจจุบันวัดพระแก้วเชียงราย ได้สร้างและประดิษฐานพระหยก ซึ่งสร้างขึ้นมาใหม่ จัดแสดงภายใต้แนวคิด Jade Begins กำเนิดแสงมรกต ใช้เทคนิคแสง Green Light & Laser ติดตั้งเครื่องยิงเลเซอร์วาดภาพพระแก้วมรกตประกอบไฟแสงสีเขียวย้อนรําลึกถึงการค้นพบพระแก้วมรกตเป็นแห่งแรก

 

9. ศาลากลางจังหวัด (เก่า)

9. ศาลากลางจังหวัด (เก่า): ศาลากลางจังหวัดเชียงรายแห่งนี้ เป็นสถาปัตยกรรมที่มีอายุกว่า 120 ปี เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ช่วยอธิบายความเป็นมาเป็นไปของสังคมเชียงรายสมัยนั้นได้ดียิ่ง เปิดดำเนินการเมื่อ ปี พ.ศ. 2443 ในสมัยของพระพลอาษาเป็นข้าหลวงเมืองเชียงราย ดำเนินการออกแบบและก่อสร้างโดยนาย แพทย์วิลเลี่ยม เอ.บริกส์ (Dr.William A. Briggs) แพทย์ชาว อเมริกัน ปัจจุบันอาคารศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า ได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานของกรมศิลปากรตามประกาศราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2520 ยุติบทบาทในการเป็นอาคารศูนย์กลางการปกครองหัวเมืองเชียงรายมานานกว่า 1 ศตวรรษ จัดแสดงภายใต้แนวคิด Wiang of Light Wiang of Life อาคารที่สัมพันธ์กับชาวเชียงราย ดูแล พัฒนา และเฝ้ามองการเติบโตและเปลี่ยนแปลงของเมืองจากอดีตสู่ปัจจุบัน ใช้เทคนิคแสง Projection 3D Mapping ใน 2 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ 1: Concept Motion Chiang Rai, Wiang of Light เล่าถึงที่มาของแนวคิดของการจัดงาน นําเสนอเส้นทางการชมทั้ง 15 จุดแสงในเมือง และเรื่องที่ 2 : Content Motion Chiang Rai, Wiang of Life นําเสนอของดีของเด่น ของจังหวัดเชียงราย อาทิอาหาร วัดธรรมชาติศิลปะ กลุ่มชาติพันธ์ุชา-กาแฟ ผลไม้ ด้วยกราฟฟิกสนุกชวนดู

 

10. บ้านสิงหไคล

บ้านสิงหไคล เป็นอาคารโบราณอายุ 103 ปี ออกแบบโดยนายแพทย์วิลเลียม เอ.บริกส์ปัจจุบันบ้านสิงหไคลฯ ได้รับการบูรณะ และปรับเปลี่ยนเป็นที่ทำการมูลนิธิมดชนะภัย โดยมีเป้าหมายในการเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านสถาปัตยกรรมและเรื่องราวของภัยพิบัติในจังหวัดเชียงราย รวมทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อไปสู่เรื่องราวทางศิลปะและเป็นพื้นที่ในการจัดกิจกรรมทางด้านสังคมและศิลปวัฒนธรรมให้กับประชาชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเชียงรายเมืองศิลปะ โดยบริเวณชั้น 2 ได้เปิดเป็นแกลเลอรี่แสดงผลงานศิลปะ และบริเวณชั้นล่างเป็นร้านกาแฟ จัดแสดงภายใต้แนวคิด Shape of House ถ่ายทอดความงดงามของบ้านด้วยแสง ใช้เทคนิคแสง Tiny Light Bulbs Par Light ใช้แสงอาบฉาบผิวบ้านด้านนอก และใช้แสงส่องออกมาจากภายในตัวบ้าน ผ่านช่องหน้าต่าง เพื่ออวดสัดส่วนการออกแบบบ้านอันสวยงาม และตกแต่งรอบบ้านด้วยไฟเม็ดถั่ว

 

11. หอประวัติเมืองเชียงราย

หอประวัติเมืองเชียงราย เป็นส่วนหนึ่งภายในศูนย์วัฒนธรรมนิทัศน์และพิพิธภัณฑ์เมืองเชียงราย 750 ปี โดยปรับปรุงอาคารหอประชุมเม็งรายอนุสรณ์เดิม เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านภูมิหลังของท้องถิ่น พัฒนาการทางสังคม ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี ในส่วนของการจัดแสดงนิทรรศการ ภายใน ได้จัดแสดงเนื้อหานับตั้งแต่ยุคสมัยก่อน ประวัติศาสตร์ ยุคของการสร้างบ้านเมือง การเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งเป็นเมืองเชียงรายในปัจจุบัน นอกจากนั้นยังจัดแสดงเรื่องราว วิถีชีวิต ภูมิปัญญา การเมืองการปกครองและ เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันน่าภูมิใจของคนเชียงราย จัดแสดงภายใต้แนวคิด Night Museum ขยายเวลาเปิดดําเนินการภาคกลางคืนสําหรับนักท่องเที่ยวในช่วงงาน ใช้เทคนิคแสง Colorful of Par Light ตกแต่งแสงอาคารด้านนอกด้วยไฟหลากสีเพื่อเชื้อเชิญให้เข้าชมนิทรรศการภายในอาคาร

 

12. ตู้โทรศัพท์

ตู้โทรศัพท์สาธารณะหยอดเหรียญ คืออีกหนึ่งของประวัติศาสตร์การสื่อสารของคนเชียงรายที่เปลี่ยนผ่านไปอย่างไม่มีวันหวนคืน จัดวางไว้ยังหน้าบ้านพักข้าราชการคลัง ริมถนนอันเงียบเหงา จัดแสดงภายใต้แนวคิด Silent Call ใช้เทคนิคแสง Light Inside Box-Phone ติดตั้งแสงภายในตู้โทรศัพท์คืนชีวิตด้วยสีสันตื่นเต้นชวนมอง พร้อมเสียงโทรศัพท์ประกอบดนตรี

 

13. ต้นไม้ใหญ่

อุโมงค์ต้นจามจุรี หรือต้นฉำฉาหรือต้นก้ามปูขนาดใหญ่ บริเวณถนนสิงหไคล นับสิบต้นที่อยู่สองฝั่งถนน แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุม สร้างความร่มรื่นไปทั่วบริเวณ นอกจากนี้ยังเป็นต้นไม้ที่ทางเทศบาลนครเชียงรายอนุรักษ์ไว้เพราะเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่คาดว่ามีอายุนับร้อยปี เป็นสัญลักษณ์ของการอนุรักษ์พื้นที่สีเขียว ควบคู่กับประวัติศาสตร์เมืองเชียงราย จัดแสดงภายใต้แนวคิด Eco Friendly เลือกใช้กลุ่มต้นไม้ใหญ่บริเวณริมถนนสิงหไคล เป็นตัวแทนความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า การรักษาระบบนิเวศ และความยั่งยืนร่วมกันของคนเชียงรายกับป่าไม้ ใช้เทคนิคแสง Light Down From Tree ติดตั้ง Mirror Ball บนยอดไม้แล้วยิงแสงกระทบใส่สร้างซีนแสงแปลกตา

 

14. สวนตุงและโคม

สวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติ 75 พรรษา เดิมคือพื้นที่เรือนจําโบราณ ต้ังอยู่ใจกลางย่านการค้าเทศบาลนครเชียงราย มีอายุเก่าแก่มากว่า 100 ปี ต่อมามีโครงการย้ายเรือนจําออกไป และปรับพื้นที่จนกลายเป็นลานสาธารณะแห่งใหม่ใจกลางนครเชียงราย โดยสวนบางส่วนถูกปรับให้เป็นสวนหย่อม นอกจากนี้ด้านในยังมีเรือนจําหญิงที่ถูกปรับให้เป็นอาคารแสดงศิลปะการแต่งกายชนเผ่า 30 ชนเผ่า ด้านข้างอาคารมีตุงเฉลิมพระเกียรติ ความสูง 36 เมตร กรอบตุงมีลวดลายสัญลักษณ์ปีนักษัตร โดยช่างฝีมือของท้องถิ่น เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเมืองล้านนาร่วมสมัย จัดแสดงภายใต้แนวคิด Wiang Flower ดอกพวงแสด ดอกไม้ประจําจังหวัดเชียงราย ใช้เทคนิคแสง Light Installation ประติมากรรมดอกพวงแสดส่องแสงประกอบฉากแสงสีส้ม

 

15. คริสตจักรที่ 1 เวียงเชียงราย

โบสถ์คริสตจักรที่ 1 เวียงเชียงราย ได้รับสถาปนาเป็นคริสตจักร เมื่อวันที่ 13 เมษายน ค.ศ.1890 โดยยังไม่มีอาคารพระวิหาร ต่อมาในปี ค.ศ. 1910 – 1911 นายแพทย์วิลเลี่ยม เอ บริกส์ จึงรวบรวมเงินจากผู้ศรัทธา เพื่อซื้อที่ดินสร้างอาคารพระวิหาร โดยต้ังอยู่บริเวณประตูเมืองเชียงราย ที่เรียกว่า “ประตูสลี” ซึ่งเป็นที่ตั้งคริสตจักรในปัจจุบัน โบสถ์หลังนี้ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อสิ้นสุดมหาสงครามเอเชียบูรพา (สงครามโลกครั้งที่ 2) ราวปี ค.ศ. 1946 หลังชำรุดทรุดโทรมเนื่องจากถูกยึดใช้เป็นส่วนหนึ่งของเขตทหารที่มาตั้งมั่นอยู่ในเมืองเชียงราย เมื่อเสร็จสงครามเหล่าคริสเตียนจึงยินดีที่ได้กลับมาใช้โบสถ์นี้เป็นที่นมัสการอีกครั้ง จัดแสดงภายใต้แนวคิด In Light of Faith ด้วยแสงแห่งศรัทธาของคริสตศาสนิกชนเวียงเชียงราย ใช้เทคนิคแสง Light VS Shadow การต่อสู้กันระหว่างแสงและเงา

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรม Highlight ซึ่งจะมีการจัดแสดงทุกวันศุกร์-อาทิตย์ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย (หลังเก่า) อาทิ การจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น การแสดงดนตรี การออกร้าน            จากผู้ประกอบการในพื้นที่ รวมทั้งการมอบสิทธิพิเศษส่วนลดจากร้านค้ามากมาย อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่      ที่เข้าร่วมในโครงการฯ รวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท ผ่านช่องทาง Facebook Fanpage: GoNorthThailand  โดยผู้ที่สนใจสมารถเดินชมงานในลักษณะ Walking Tour หรือจะ ใช้บริการรถรางนำเที่ยวที่ให้บริการฟรีตลอดงาน หรือพาหนะท้องถิ่นอย่างสามล้อเชียงรายโดยคิดค่าบริการตามระยะทาง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE