Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

สวนตุงและโคมฯ เชียงรายจัดเต็ม! มหัศจรรย์ Lanna Winter Wonderland

สวนตุงและโคมฯ เนรมิตเทศกาล “Lanna Winter Wonderland” ดึงดูดนักท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18.00 น. ณ สวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติ 75 พรรษา อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้มีการเปิดงาน “Lanna Winter Wonderland” อย่างเป็นทางการ โดยมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จังหวัดเชียงราย เทศบาลนครเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาวในโครงการ “Thailand Winter Festivals 2024”

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้คณะผู้แทนจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นำโดยนางพรทิวา ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม พร้อมด้วยข้าราชการกลุ่มกิจการพิเศษ เข้าร่วมงานดังกล่าว โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วย นางจิระวดี คุณทรัพย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว (ททท.) และ นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ที่ร่วมทำสัญลักษณ์ Gimmick เปิดตัวงานอย่างเป็นทางการ

วัตถุประสงค์และเป้าหมายของงาน

เทศกาล Lanna Winter Wonderland จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 30 พฤศจิกายน 2567 เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นการสร้างบรรยากาศดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ช่วยขยายระยะเวลาการพักค้าง เพิ่มการใช้จ่าย และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยบนเวทีโลก

งานนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในจังหวัดเชียงราย ซึ่งถือเป็นการสร้างโอกาสใหม่ให้กับเศรษฐกิจในพื้นที่

บรรยากาศงานเต็มไปด้วยความสุขและความสนุกสนาน

ภายในงาน “Lanna Winter Wonderland” เต็มไปด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การประดับตกแต่งไฟสวยงามตระการตา สร้างบรรยากาศโรแมนติกเหมาะแก่การถ่ายภาพ การแสดงทางดนตรีจากศิลปินชื่อดัง การแสดงวัฒนธรรมพื้นเมืองที่งดงาม และกิจกรรมเวิร์คช็อปที่น่าสนใจ นอกจากนี้ ยังมีร้านค้าจำหน่ายอาหารและสินค้าพื้นเมือง รวมถึงสินค้าหัตถกรรมที่ผลิตโดยชุมชน ให้ผู้เข้าร่วมงานได้เลือกซื้อเป็นของฝากอีกด้วย

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าวเปิดงาน

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า งาน “Lanna Winter Wonderland” จัดขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา โดยเชื่อมั่นว่างานในครั้งนี้จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายมากขึ้น

ททท. หนุนเสริมการท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว

นางจิระวดี คุณทรัพย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว (ททท.) กล่าวว่า การจัดงาน “Lanna Winter Wonderland” เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้โครงการ Thailand Winter Festivals 2024 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ททท. เชื่อมั่นว่างานในครั้งนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยว และช่วยกระตุ้นเศรฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างดี

กิจกรรมและไฮไลต์ในงาน

ภายในงานมีการตกแต่งสวนตุงและโคมฯ ให้เต็มไปด้วยแสงสีเสียงสุดอลังการ พร้อมกิจกรรมหลากหลายที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มนักท่องเที่ยว ได้แก่

  • การแสดง Art Installation & Lighting: การตกแต่งไฟประดับสุดตระการตา
  • การแสดงดนตรี: การแสดงจากศิลปินชื่อดังที่จะมาสร้างความบันเทิง
  • กิจกรรม Workshop: เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้และทดลองทำกิจกรรมที่สะท้อนวัฒนธรรมล้านนา
  • การออกร้านสินค้าและอาหาร: รวมสินค้าชุมชน ร้านอาหารท้องถิ่น และสินค้าจากผู้ประกอบการในพื้นที่
  • การแสดงวัฒนธรรม: การแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนาที่สะท้อนเอกลักษณ์ของชาวเชียงราย

ผู้เข้าร่วมงานและความร่วมมือ

งานนี้ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนหลายฝ่าย โดยมีตัวแทนสำคัญเข้าร่วม เช่น

  • นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์: รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
  • นายเสริฐ ไชยยานันตา: ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย
  • นายวิสูตร บัวชุม: ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเชียงราย
  • อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม: นายกสมาคมขัวศิลปะเชียงราย
    นอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ร้านค้า และร้านอาหารในจังหวัดเชียงรายมาร่วมสนับสนุนงาน

การกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมภาพลักษณ์

เทศกาลนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในพื้นที่เชียงราย โดยเน้นการส่งเสริมเอกลักษณ์ล้านนาและความสวยงามของฤดูหนาวผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ที่หลากหลาย ทั้งนี้ยังเป็นการช่วยให้เชียงรายก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือน

นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมงานได้ตั้งแต่วันที่ 22 – 30 พฤศจิกายน 2567 ณ สวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติ 75 พรรษา อำเภอเมืองเชียงราย

สัมผัสความงดงามและสร้างความประทับใจในเทศกาล Lanna Winter Wonderland ได้แล้ววันนี้!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
TOP STORIES

คมนาคมเร่งเพิ่มเที่ยวบิน-คุมค่าตั๋ว รับปีใหม่ 2568

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เร่งแก้ปัญหาค่าเครื่องบินแพงช่วงปีใหม่ เพิ่มเที่ยวบินและคุมราคาตั๋ว

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาค่าโดยสารเครื่องบินที่มีราคาสูงในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 27-28 ธันวาคม 2567 และ 1-2 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวและกลับบ้านเป็นจำนวนมาก

นายสุริยะ เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เจรจากับสายการบินต่างๆ เพื่อเพิ่มเที่ยวบินและควบคุมราคาตั๋วโดยสารไม่ให้เกินเพดานราคาที่กำหนด โดยได้รับความร่วมมือจากสายการบินต่างๆ ได้แก่ การบินไทย, บางกอกแอร์, ไทยแอร์เอเชีย, นกแอร์, ไทยไลอ้อนแอร์ และไทยเวียตเจ็ท ซึ่งได้ตอบรับแผนเพิ่มเที่ยวบินและปรับใช้เครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้นสำหรับบางเส้นทาง

เพิ่มจำนวนเที่ยวบินและขยายที่นั่ง

นายสุริยะ เปิดเผยว่า สายการบินเหล่านี้จะมีการเพิ่มเที่ยวบินและขยายที่นั่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะเส้นทางที่ได้รับความนิยม เช่น เชียงใหม่, เชียงราย, ภูเก็ต, กระบี่, อุดรธานี, ขอนแก่น, นครพนม, น่าน, และสุราษฎร์ธานี เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว

บริษัทการบินไทยได้ประกาศแผนการปรับชนิดของอากาศยานให้มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยเน้นเส้นทางหลัก เช่น ภูเก็ต, กระบี่, เชียงใหม่ และเชียงราย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนที่นั่งได้ถึง 25,144 ที่นั่ง นอกจากนี้ สายการบินอื่นๆ จะเพิ่มเที่ยวบินรวมกว่า 247 เที่ยวบิน และขยายที่นั่งเพิ่มเติมอีก 48,244 ที่นั่ง โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2567 ถึง 5 มกราคม 2568 และเปิดให้จองตั๋วได้ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2567

ควบคุมราคาตั๋วอย่างเข้มงวด

นายสุริยะได้เน้นย้ำให้ กพท. ตรวจสอบราคาค่าโดยสารในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้อย่างเคร่งครัด โดยไม่ให้ราคาสูงเกินเพดานที่กำหนด และขอให้ประชาชนซื้อตั๋วโดยสารโดยตรงจากเว็บไซต์ของสายการบิน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกขายตั๋วที่ราคาสูงเกินจริง นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือกับผู้ให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (charter flight) ให้ปรับราคาตามที่ กพท. กำหนดอย่างเข้มงวด เพื่อให้การเดินทางในช่วงเทศกาลเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่เป็นภาระต่อประชาชน

นายสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า การควบคุมราคาตั๋วเครื่องบินในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางกลับบ้านหรือไปท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่ได้อย่างสะดวกและเป็นธรรม ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ

ประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ

การเพิ่มเที่ยวบินและควบคุมราคาดังกล่าว คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะในเมืองหลักและเมืองรองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมให้คนไทยสามารถเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่นและส่งเสริมเศรษฐกิจในภูมิภาค

สรุป

กระทรวงคมนาคมภายใต้การนำของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ร่วมมือกับสายการบินต่างๆ เพื่อเพิ่มเที่ยวบินและควบคุมราคาค่าโดยสารในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2568 โดยคาดว่าจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงวันหยุดยาว ทั้งนี้ ประชาชนสามารถจองตั๋วเครื่องบินในราคาที่เป็นธรรมผ่านเว็บไซต์ของสายการบินได้ตั้งแต่วันนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงคมนาคม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

‘วิโรจน์’ เผยผลสำรวจหลังร่วมฟื้นฟู น้ำท่วมเชียงราย เสนอมาตรการระยะยาว

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร เปิดเผยผลสำรวจหลังร่วมฟื้นฟูน้ำท่วมเชียงราย เสนอมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยระยะยาว

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้เปิดเผยผลการดำเนินงานของทีมอาสาสมัครฟื้นฟูน้ำท่วมจังหวัดเชียงราย ซึ่งเกิดขึ้นจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยนายวิโรจน์ได้เน้นย้ำถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และเศรษฐกิจของประชาชนในพื้นที่อย่างรุนแรง

ภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปี

เหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงราย ไม่เพียงแต่เป็นน้ำท่วมทั่วไป แต่ยังรวมถึงน้ำป่าไหลหลากและดินสไลด์ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานอย่างรุนแรง นายวิโรจน์ระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยนับตั้งแต่ปี 2547 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อำเภอแม่สาย ซึ่งได้รับผลกระทบหนักที่สุด

ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการฟื้นฟู

หลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาชนประจำจังหวัดเชียงราย ได้ลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนเบื้องต้น และได้ร่วมกันจัดตั้ง “ศูนย์ประชาชนอาสา” เพื่อระดมความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย โดยมีมูลนิธิกระจกเงาเข้ามาร่วมเป็นพี่เลี้ยงในการดำเนินงาน

ปัญหาที่พบและข้อเสนอแนะ

จากการลงพื้นที่และดำเนินงานฟื้นฟู นายวิโรจน์ได้พบปัญหาสำคัญหลายประการ เช่น ปัญหาเรื่องหนี้สินของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว นอกจากนี้ ยังพบปัญหาเกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำเสียในพื้นที่อำเภอแม่สาย ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูสภาพแวดล้อม

เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ นายวิโรจน์ได้เสนอข้อเสนอแนะหลายประการ เช่น การให้รัฐบาลสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประสบภัย เพื่อให้สามารถฟื้นฟูชีวิตและธุรกิจได้ รวมถึงการเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องระบบบำบัดน้ำเสียในพื้นที่อำเภอแม่สาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซากในอนาคต

ความสำคัญของการร่วมมือกัน

นายวิโรจน์ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระยะยาว เพื่อให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

หลังจากตนประเมินสภาพพื้นที่ จึงได้พูดคุยขอคำปรึกษาจากเจ้ากรมยุทธการทหารและเจ้ากรมทหารช่าง ซึ่งต้องขอบคุณที่ในเวลาต่อมา ทหารช่างส่งเจ้าหน้าที่มาดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่อย่างรวดเร็ว นี่คือตัวอย่างของการร่วมแรงร่วมใจทำงาน เราผนึกกำลังกับทุกภาคส่วนทั้งราชการและท้องถิ่นเพื่อให้งานสำเร็จ

(1) จะทำอย่างไรให้ประชาชนเข้าถึงการชดเชยเยียวยาอย่างรวดเร็วไม่ตกหล่น

(2) จะทำอย่างไรให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากสถาบันการเงินในระบบ เพราะจากการลงพื้นที่ ตนพบว่าทุกบ้านจะมีบัตรของแหล่งเงินกู้นอกระบบตกอยู่ตามพื้นเต็มไปหมด แสดงว่านายทุนเงินกู้นอกระบบรู้ว่าชาวบ้านคนตัวเล็กต้องการเงินทุนเพื่อตั้งต้นชีวิตใหม่

ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ธนาคารออมสินซึ่งเป็นกลไกหลักของรัฐ ทำให้ประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อยผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินในระบบได้ ไม่เช่นนั้นหลังจากนี้ภาวะหนี้ครัวเรือนจะยิ่งซ้ำเติมชาวเชียงราย

(3) ระบบระบายน้ำที่พร้อมรองรับฤดูฝนในปี 2568 เพราะเราเชื่อว่ายังมีโคลนค้างอยู่ในท่อบางจุด จึงจำเป็นต้องมีการลอกท่อครั้งใหญ่ ข้อจำกัดตอนนี้ คือ งบประมาณของท้องถิ่นอาจร่อยหรอลงเพราะต้องนำเงินสะสมไปใช้ในช่วงภัยพิบัติ จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องพิจารณางบประมาณให้เหมาะสมเพื่อช่วยเหลือประชาชน

(4) ปัญหาเอกสารสิทธิในที่ดิน เนื่องจากหลายบ้านไม่มีบ้านเลขที่ ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทำให้เข้าไม่ถึงการชดเชยเยียวยา รัฐบาลควรใช้โอกาสนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการแก้ปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน รวมถึงย้ายประชาชนที่ปัจจุบันอาศัยในพื้นที่เสี่ยง ให้ออกมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย

(5) ปัญหาบ่อบำบัดน้ำเสียที่ อ.แม่สาย ที่ประชาชนตั้งข้อสังเกตว่าสร้างขวางทางไหลของน้ำหรือไม่ ตอนนี้บ่อชำรุด รัฐควรให้วิศวกรเข้ามาตรวจสอบว่าขวางทางน้ำจริงหรือไม่ ปรับปรุงให้มีการระบายน้ำที่ดีขึ้นกว่านี้ได้หรือไม่ ในอนาคตจะได้ไม่เกิดปัญหาซ้ำเดิม

โดยเรื่องนี้ตนได้ตั้งกระทู้ถามไปยังนายกรัฐมนตรีให้ตอบในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้ประชาชนทราบว่ารัฐจะดำเนินการอย่างไร เนื่องจากยังมีประชาชนไม่สบายใจ กังวลว่าปีหน้าจะเกิดเหตุแบบปีนี้ ซึ่งนายกฯ มีหนังสือตอบกลับมาแล้ว ขอเวลาในการตอบเพิ่มเติม ตนจะติดตามเรื่องนี้ต่อไป

(6) การขุดลอกแม่น้ำสาย เนื่องจากเป็นแม่น้ำที่กั้นพรมแดนระหว่างไทยและเมียนมา การทำอะไรจึงมีข้อจำกัดเพราะมีประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องพูดคุยว่าจะขุดลอกแม่น้ำสายร่วมกันอย่างไร ทำระบบเตือนภัยให้ประชาชนทั้ง 2 ฝั่งลำน้ำได้ประโยชน์ รวมถึงพิจารณาปัญหาการรุกล้ำลำน้ำ

บทสรุป

เหตุการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงราย เป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของสังคมต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ และความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมและวางแผนรับมือกับภัยพิบัติในอนาคต นอกจากนี้ ยังเป็นตัวอย่างที่ดีของการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนเพื่อฟื้นฟูและสร้างสรรค์สังคมให้กลับมามีความเข้มแข็งอีกครั้ง

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้สร้างความเสียหายมากน้อยเพียงใด? เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อบ้านเรือน โครงสร้างพื้นฐาน และเศรษฐกิจของประชาชนในจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อำเภอแม่สาย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในภัยพิบัติที่ร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปี

  2. มีการดำเนินการใดบ้างเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย? มีการจัดตั้งศูนย์ประชาชนอาสาเพื่อระดมความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย โดยมีการจัดส่งทีมอาสาสมัครเข้าไปช่วยเหลือในการทำความสะอาดบ้านเรือนและชุมชน

  3. ปัญหาที่สำคัญที่พบในการฟื้นฟูคืออะไร? ปัญหาที่สำคัญคือหนี้สินของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ และปัญหาเรื่องระบบบำบัดน้ำเสียในพื้นที่อำเภอแม่สาย

  4. มีมาตรการใดบ้างเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น? ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ การให้รัฐบาลสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประสบภัย และการเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องระบบบำบัดน้ำเสีย

  5. บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์นี้คืออะไร? เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมและวางแผนรับมือกับภัยพิบัติในอนาคต รวมถึงความสำคัญของการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในการฟื้นฟู

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : วิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
TOP STORIES

เปิดแผน 5 ข้อรัฐบาลไทย เร่งแก้ฝุ่น PM2.5 ปี 2568

รัฐบาลเร่งจัดการมลพิษทางอากาศ เปิดแผน 5 ข้อ รับมือฝุ่น PM2.5 ปี 2568

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่ารัฐบาลไทยได้เร่งขับเคลื่อนมาตรการเพื่อแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2568 การประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศครั้งที่ 1/2567 ได้มีมติ 5 ข้อ เพื่อให้ทุกหน่วยงานดำเนินการอย่างเข้มงวดในการรับมือสถานการณ์มลพิษอากาศ โดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม

5 มติสำคัญในการรับมือฝุ่น PM2.5 ปี 2568

  1. ตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังและควบคุม
    รัฐบาลมีมติให้จัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวัง ควบคุมไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง เพื่อเฝ้าระวัง คาดการณ์ และแจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์นี้จะทำงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นทั่วประเทศในการป้องกันและรับมือสถานการณ์ฝุ่นละออง

  2. เน้นลดจุดความร้อนในพื้นที่เกษตรและป่า
    รัฐบาลกำหนดเป้าหมายในการลดจุดความร้อนในพื้นที่ 14 กลุ่มป่า และพื้นที่เกษตร โดยเฉพาะพืชสำคัญ เช่น ข้าว ข้าวโพด และอ้อย พร้อมทั้งมีมาตรการไม่รับซื้อผลผลิตที่ใช้การเผาเพื่อป้องกันการเกิดหมอกควันข้ามแดน

  3. ควบคุมยานพาหนะและโรงงานอย่างเข้มงวด
    ให้ความสำคัญกับการตรวจจับยานพาหนะที่ปล่อยควันดำเกินค่ามาตรฐาน รวมถึงการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด เพื่อลดการปล่อยฝุ่นละอองในเขตเมือง โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร

  4. เพิ่มการสื่อสารและสร้างความตระหนักรู้
    จัดตั้ง ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) เพื่อเผยแพร่ข้อมูลและสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนและสื่อมวลชน ทั้งในช่วงภาวะปกติและในช่วงวิกฤต

  5. เร่งพัฒนาเทคโนโลยีและการบูรณาการ
    ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการคาดการณ์และแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นละออง พร้อมทั้งบูรณาการความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่น เพื่อให้สามารถจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เปิดศูนย์สื่อสารการแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมเปิด ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเฝ้าระวัง คาดการณ์ และส่งข้อมูลให้กับหน่วยงานต่าง ๆ พร้อมทั้งให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชนเพื่อลดความตื่นตระหนก

มาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อดูแลกลุ่มเสี่ยง

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียม 4 มาตรการรับมือสถานการณ์ฝุ่นละออง โดยเน้นการดูแลสุขภาพประชาชนเชิงรุก ได้แก่

  1. สร้างความรู้และส่งเสริมองค์กรลดมลพิษ
  2. ป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ
  3. จัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข
  4. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ

มาตรการเหล่านี้จะถูกยกระดับตามระดับความรุนแรงของฝุ่น PM2.5 ตั้งแต่ระดับปกติจนถึงระดับวิกฤต เช่น การประกาศ Work from Home และการใช้กฎหมายควบคุมพื้นที่ที่มีฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน

ผลกระทบต่อสุขภาพและเศรษฐกิจ

สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคทางเดินหายใจ การเร่งดำเนินมาตรการแก้ไขจะช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. รัฐบาลมีมาตรการอย่างไรในการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5?
    รัฐบาลได้ตั้งศูนย์เฝ้าระวังและควบคุม พร้อมเพิ่มการตรวจจับยานพาหนะและโรงงานที่ปล่อยฝุ่นละออง

  2. ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศทำหน้าที่อะไร?
    ทำหน้าที่เฝ้าระวัง คาดการณ์ และแจ้งเตือนประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่น PM2.5

  3. กลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 คือกลุ่มใด?
    เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคทางเดินหายใจเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด

  4. มาตรการลดจุดความร้อนในพื้นที่เกษตรคืออะไร?
    รัฐบาลเน้นลดจุดความร้อนในพื้นที่เกษตรและป่า และห้ามรับซื้อผลผลิตที่ใช้การเผาเพื่อป้องกันหมอกควัน

  5. กระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการอย่างไรในการดูแลสุขภาพประชาชน?
    เตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยใช้เทคโนโลยีแจ้งเตือนและให้บริการทางการแพทย์อย่างเข้มงวด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายกวาดล้างร้านลักลอบขายน้ำกระท่อมให้เยาวชน

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ได้รับการแจ้งเบาะแสจากครูและผู้ปกครอง ว่ามีร้านจำหน่ายน้ำกระท่อมและบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะในช่วงเวลาเรียนและหลังเลิกเรียน มักมีนักเรียนและนักศึกษามารวมตัวกันที่ร้านดังกล่าวเพื่อดื่มน้ำกระท่อมและสูบบุหรี่ไฟฟ้า

การลงพื้นที่และการตรวจสอบ

การดำเนินการครั้งนี้อยู่ภายใต้การอำนวยการของนายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร่วมกับนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจ โดยนำทีมโดยนายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกันจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยทีมงานจากกองอาสารักษาดินแดนและตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย

เวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่ได้วางแผนเข้าตรวจสอบร้านต้องสงสัย ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงราย บริเวณบ้านเลขที่ 14 หมู่ 8 ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จากการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่าร้านดังกล่าวมีการจำหน่ายน้ำกระท่อมและบุหรี่ไฟฟ้าจริง และพบว่ามีเด็กนักเรียนในชุดนักเรียนและชุดพละเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก โดยสั่งน้ำกระท่อมมาดื่มในร้าน

การตรวจค้นและจับกุม

ต่อมาเวลา 16.20 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจสอบ พบว่าร้านดังกล่าวเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น ซึ่งชั้นล่างของหลังแรกเปิดเป็นร้านกาแฟที่มีการแอบขายน้ำกระท่อม ส่วนอีกหลังเป็นจุดลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยภายในร้านมีผู้ใช้บริการกว่า 30 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีนักเรียนอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 9 คน กำลังดื่มน้ำกระท่อมอยู่

จากการสอบถามพนักงานของร้าน พบว่ามีการต้มน้ำกระท่อมในร้านแล้วบรรจุใส่แกลลอนขนาด 6 ลิตร จากนั้นนำมาผสมกับน้ำอัดลมและยาอเลอร์ยิ่น ซึ่งเป็นยาบรรเทาอาการแพ้และคัดจมูก เพื่อเพิ่มความเข้มข้นและรสชาติ ก่อนที่จะเสิร์ฟให้ลูกค้าในราคาแก้วละ 50 บาท และหากต้องการเพิ่มรสชาติด้วยน้ำหวานจะคิดเพิ่มเป็นแก้วละ 60 บาท

ของกลางที่ตรวจพบ

จากการตรวจค้นพบของกลาง ได้แก่:

  • น้ำกระท่อมในแกลลอน 6 ลิตร จำนวน 4 แกลลอน
  • ยาอเลอร์ยิ่น จำนวน 54 ขวด
  • บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 40 ชิ้น
  • น้ำกระท่อมบรรจุขวดและหม้อสำหรับต้มน้ำกระท่อม

ดำเนินคดีตามกฎหมาย

หลังจากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ได้สอบถามใบอนุญาตในการจำหน่ายน้ำกระท่อมและบุหรี่ไฟฟ้า แต่เจ้าของร้านไม่สามารถแสดงเอกสารที่เกี่ยวข้องได้ จึงถูกนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ได้ยึดของกลางทั้งหมดและส่งมอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบและดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป

การดำเนินการครั้งนี้เป็นการร่วมมือของหน่วยงานหลายฝ่ายในจังหวัดเชียงราย เพื่อตรวจสอบและปราบปรามการจำหน่ายสารเสพติดและสินค้าผิดกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อเยาวชนในพื้นที่ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและปราศจากสิ่งมอมเมาให้แก่ชุมชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ปศุสัตว์เชียงรายเร่งตรวจสอบสาเหตุควายตายจำนวนมากในเวียงหนองหล่ม

ปศุสัตว์เชียงรายเร่งตรวจสอบสาเหตุควายตายจำนวนมากในพื้นที่เวียงหนองหล่ม

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 นายสัตวแพทย์พืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย นำทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ เวียงหนองหล่ม ซึ่งเป็นพื้นที่ทุ่งหญ้าและแหล่งน้ำสาธารณะที่ครอบคลุมหลายตำบล ได้แก่ ตำบลจันจว้า ตำบลจันจว้าใต้ ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน และตำบลโยนก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย หลังจากได้รับรายงานว่าในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ควายของเกษตรกรในพื้นที่ป่วยและตายจำนวนมากกว่า 200 ตัว นับตั้งแต่เดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน 2567

การตรวจสอบและสันนิษฐานเบื้องต้น

จากการลงพื้นที่และเก็บตัวอย่างเลือดไปตรวจสอบ ทางศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคเหนือตอนบน จังหวัดลำปาง ได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ไม่พบโรคระบาดที่ชัดเจน พบเพียงอาการ เลือดจาง ตับวาย และพยาธิในกระเพาะอาหาร สาเหตุที่สันนิษฐานเบื้องต้นคือ การขาดแคลนอาหาร เนื่องจากพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งต่อเนื่องกับน้ำท่วม ทำให้แหล่งอาหารและระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงไป

นายสัตวแพทย์พืชผล กล่าวว่า เวียงหนองหล่ม เป็นพื้นที่เลี้ยงควายขนาดใหญ่ มีจำนวนควายกว่า 2,000 ตัว ที่เกษตรกร 51 รายเลี้ยงอยู่ เมื่อมีการขุดลอกพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ทุ่งหญ้าที่เคยใช้เลี้ยงสัตว์กลายเป็นพื้นที่ที่ถูกขุดลอก ส่งผลให้ควายขาดแหล่งอาหารและน้ำดื่ม

ความพยายามในการช่วยเหลือของหน่วยงานต่างๆ

ตั้งแต่ปี 2565 ทาง กรมปศุสัตว์ ชลประทาน และเทศบาลตำบลจันจว้า ได้ร่วมมือกันจัดโครงการสนับสนุนเกษตรกร เช่น จัดหาหญ้าแห้งเป็นอาหารสัตว์ ฉีดวัคซีน และถ่ายพยาธิ อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 พื้นที่กลับต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมเพิ่มเติม ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลง เกษตรกรหลายรายรายงานว่าควายของพวกเขาป่วยและตายจากการขาดแคลนอาหารและสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม

ในครั้งนี้ นายสัตวแพทย์พืชผลได้นำทีมเข้าตรวจเลือดควายเพิ่มเติมเพื่อ ตรวจสอบโรคระบาดและอาการแทรกซ้อน ที่อาจเกิดจากพยาธิในทางเดินอาหาร พร้อมทั้งทำการถ่ายพยาธิและให้ยาบำรุงเพื่อรักษาสัตว์ที่ป่วย

แผนการแก้ไขปัญหาและการติดตามช่วยเหลือ

นายสัตวแพทย์พืชผล ยืนยันว่า ทางหน่วยงานปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยตั้งแต่เกิดปัญหาขาดแคลนอาหาร ทางเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดหาหญ้าแห้งและส่งหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่เข้าไปดูแลฝูงควายที่ป่วยแต่ละตัวอย่างใกล้ชิด

นายพืชผลกล่าวเพิ่มเติมว่า อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้ส่งทีมสัตวแพทย์เคลื่อนที่เข้ามาเพื่อให้การรักษาควายที่ป่วย และติดตามการฟื้นฟูสุขภาพของสัตว์อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการรักษาเป็นรายกรณีเพื่อให้ควายสามารถกลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้ง

มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาด

เนื่องจากพื้นที่เวียงหนองหล่มเป็นพื้นที่เปิดที่กว้างใหญ่ ทำให้การควบคุมการเข้าออกของคนและสัตว์เป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตาม ทางด่านกักกันสัตว์เชียงรายได้ เข้ามาทำความสะอาดและพ่นยาฆ่าเชื้อทั่วพื้นที่ รวมถึงการจัดการให้พื้นที่มีความปลอดภัยในการเลี้ยงสัตว์ ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคระบาดที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสัตว์และเกษตรกรในระยะยาว

ความหวังในการฟื้นฟูและสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน

นายพืชผลกล่าวสรุปว่า เป้าหมายของการลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ยังเป็นการวางแผนเพื่อ ฟื้นฟูระบบนิเวศ และแหล่งอาหารให้กลับมาเป็นปกติในระยะยาว เพื่อให้เกษตรกรสามารถกลับมาเลี้ยงสัตว์ได้อย่างยั่งยืน และลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาในอนาคต

“การรักษาควายแต่ละตัวที่ป่วย เราจะให้การดูแลเฉพาะรายไป และหวังว่าด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน เราจะสามารถฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้” นายพืชผลกล่าวปิดท้าย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สํานักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

THE KID เชียงราย กวาด 15 รางวัล เวทีเต้นนานาชาติ TDO 2024

TDO International Dance Competition 2024 สร้างปรากฏการณ์ใหม่ เฉลิมฉลองความสำเร็จของเหล่านักเต้นรุ่นเยาว์

กรุงเทพฯ 10 พฤศจิกายน 2567 – การแข่งขัน TDO International Dance Competition 2024 (TDO:IDC) ซึ่งจัดขึ้น ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ ได้ปิดฉากลงอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีนักเต้นจาก 13 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งถือเป็นการรวมตัวกันของเหล่าสุดยอดนักเต้นรุ่นเยาว์ เพื่อแสดงทักษะและความสามารถทางด้านการเต้นอย่างเต็มที่

เหรียญรางวัลสุดพิเศษ สะท้อนคุณค่าแห่งความสำเร็จ

หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของการแข่งขันครั้งนี้ คือ เหรียญรางวัลที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน โดยผสมผสานความเป็นไทยเข้ากับความทันสมัย สื่อถึงความภาคภูมิใจในศิลปะและวัฒนธรรมไทย เหรียญรางวัลนี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องหมายแห่งความสำเร็จ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความมุ่งมั่น อุตสาหะ และความทุ่มเทของนักเต้นทุกคนที่ได้ฝึกฝนมาอย่างหนัก

เด็กหญิงปุญญพัฒน์ ศรีสุขสวัสดิ์ คว้าเหรียญทอง ประเภทเดี่ยว

ในปีนี้ เด็กหญิงปุญญพัฒน์ ศรีสุขสวัสดิ์ นักเรียนชั้น ป.1/5 โรงเรียนบ้านสันโค้ง (เชียงรายจรูญราษฎร์) สังกัดโรงเรียนเดอะคิด-เชียงรายบัลเล่ต์ ได้สร้างความประทับใจให้กับคณะกรรมการและผู้ชมด้วยการคว้าเหรียญทองพร้อมถ้วยรางวัลที่หนึ่งในการแข่งขันประเภทเดี่ยว รูปแบบการเต้น CLASSICAL BALLET SOLO (KIDS) ช่วงอายุ 5-6 ปี โดยโรงเรียนเดอะคิด-เชียงรายบัลเล่ต์ ได้ส่งนักเรียนเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 18 รายการ และประสบความสำเร็จอย่างน่าชื่นชม

TDO:IDC มุ่งมั่นพัฒนาทักษะและสร้างแรงบันดาลใจให้นักเต้นรุ่นใหม่

การแข่งขัน TDO:IDC ไม่เพียงแต่เป็นเวทีสำหรับการแข่งขัน แต่ยังเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นักเต้นได้เรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และพัฒนาทักษะทางด้านการเต้น นอกจากนี้ ยังเป็นแรงบันดาลใจให้นักเต้นรุ่นใหม่ได้มุ่งมั่นฝึกฝนเพื่อพัฒนาตนเองให้ก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพ

กล่าวจากผู้จัดงาน

TDO International Dance Competition 2024 กล่าวว่า “เราขอแสดงความยินดีกับนักเต้นทุกท่านที่เข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้ การได้เห็นความสามารถและพัฒนาการของเด็กๆ ทำให้เรามีความสุขและภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง เราหวังว่าการแข่งขันครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับนักเต้นทุกคน และจะนำไปสู่ความสำเร็จในอนาคต”

เสียงสะท้อนจากผู้เข้าร่วมการแข่งขัน

โรงเรียนเดอะคิด-เชียงรายบัลเล่ต์ รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ การได้พบกับเพื่อนๆ นักเต้นจากหลายประเทศ ทำให้ได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะของตัวเองมากขึ้น”

ในการแข่งขันครั้งนี้ โรงเรียนเดอะคิด-เชียงรายบัลเล่ต์ ได้ส่งนักเรียนเข้าร่วมการแข่งขัน ทั้งหมด 18 รายการ และสามารถคว้าโล่รางวัลชนะเลิศอันดับที่1 , โล่รางวัลชนะเลิศอันดับที่3 และรางวัลเหรียญทอง , เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง จากการแข่งขันทั้งหมด 18 รายการ ดังนี้

  • ด.ญ.ปุญญพัฒน์ ศรีสุขสวัสดิ์ รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 เหรียญทอง จากรายการแข่งขัน Classical Ballet Solo (Kids)
  • ด.ญ.พลอยพรรณ พงษ์พัฒชรากร รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 3 เหรียญทอง จากรายการแข่งขัน Classical Ballet Solo (Children)
  • ด.ญ.ปภาณิน พลอยประดิษฐ์ รางวัลเหรียญทอง จากรายการแข่งขัน Contemporary Solo (Junior 2) และรางวัลเหรียญทอง จากรายการแข่งขัน Modern Jazz Duo (Junior 2)
  • ด.ญ.รัชชวรินทร์ วินิจกิจเจริญ รางวัลเหรียญทอง จากรายการแข่งขัน Contemporary Solo (Junior 2) และรางวัลเหรียญทอง จากรายการแข่งขัน Modern Jazz Duo (Junior 2)
  • น.ส.จิรัศยาภรณ์ เหลืองอร่าม รางวัลเหรียญทอง จากรายการแข่งขัน Contemporary Solo (Junior 2) และรางวัลเหรียญเงิน จากรายการแข่งขัน Ballet Repertoire Solo (Junior 2)
  • ด.ญ.นภนภัสภรณ์ รอบสุรงคคีรี รางวัลเหรียญเงิน จากรายการแข่งขัน Classical Ballet Solo (Children)
  • ด.ญ.เขมนารา ปัญญางาม รางวัลเหรียญเงิน จากรายการแข่งขัน Ballet Repertoire Solo (Children)
  • ด.ญ.ขวัญดารินทร์ ศรีมุกดา รางวัลเหรียญเงิน จากรายการแข่งขัน Ballet Repertoire Solo (Children)
  • ด.ญ.เตชิตา เฉยฉิว รางวัลเหรียญเงิน จากรายการแข่งขัน Ballet Repertoire Solo (Junior 2)
  • น.ส.รีระพัทธ์ วังใน รางวัลเหรียญเงิน จากรายการแข่งขัน Contemporary Solo (Junior 2)
  • ด.ญ เบญญาภา บ่อสร้าง รางวัลเหรียญทองแดง จากรายการแข่งขัน Modern Jazz Duo (Junior 2) และรางวัลเหรียญทองแดง จากรายการแข่งขัน Classical Ballet Solo (Junior 2)
  • ด.ญ.ปัญตา ปัญสุวรรณ รางวัลเหรียญทองแดง จากรายการแข่งขัน Classical Ballet Solo (Junior 1)
  • ด.ญ.ภัทรชนก ตุงคะศิริ รางวัลเหรียญทองแดง จากรายการแข่งขัน Streets Dance Solo (Junior 1)
  • น.ส.กฤตมุขลลิต ก๋าเงิน รางวัลเหรียญทองแดง จากรายการแข่งขัน Ballet Repertoire Solo (Adult)
  • สุนารี อภิพงศ์ประภา รางวัลเหรียญทองแดง จากรายการแข่งขัน Classical Ballet Solo (Senior)

บทส่งท้าย

การแข่งขัน TDO International Dance Competition 2024 ได้ปิดฉากลงไปด้วยความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ โดยได้รับการตอบรับจากนักเต้น ผู้ปกครอง และผู้ชมเป็นอย่างดี การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแข่งขันเพื่อชิงชัย แต่ยังเป็นการสร้างสรรค์สังคมแห่งการเรียนรู้และพัฒนา ซึ่งจะส่งผลดีต่อวงการเต้นรำของประเทศไทยในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : TDO Thailand / THE KID

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

คลังเตรียมขายหวยเกษียณ เพิ่มรางวัลพิเศษน่าลุ้น

คลังเสนอ “หวยเกษียณ” คาดเริ่มขายไตรมาสแรกปีหน้า เพิ่มรางวัลพิเศษและออกแบบสลากตามจังหวัด

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คลังจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาการออกสลากออมทรัพย์เพื่อการเกษียณ หรือที่เรียกว่า “หวยเกษียณ” ในเดือนพฤศจิกายนนี้ คาดว่าหากได้รับอนุมัติจากครม. และผ่านกระบวนการของสภาผู้แทนราษฎร จะสามารถเริ่มจำหน่ายได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2568 โดยเป้าหมายของโครงการนี้คือการสร้างทางเลือกใหม่ในการออมสำหรับผู้สูงอายุ

การออกแบบสลากเพื่อความน่าสนใจและรางวัลพิเศษ

นายเผ่าภูมิอธิบายว่า หวยเกษียณจะมาในรูปแบบสลากขูดดิจิทัล โดยมีราคาจำหน่ายใบละ 50 บาท และแต่ละบุคคลสามารถซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือน หวยเกษียณจะออกรางวัลทุกวันศุกร์ โดยมีการออกแบบสลากให้มีความพิเศษด้วยการใช้ชื่อจังหวัดและสีเป็นสัญลักษณ์ในการลุ้นรางวัล เช่น รางวัลที่ 1 มูลค่า 1 ล้านบาท จะมีจำนวน 5 รางวัล และจะใช้ชื่อจังหวัดและวงกลมสีต่าง ๆ เพื่อระบุรางวัล ส่วนรางวัลที่ 2 มูลค่า 1,000 บาท จำนวน 10,000 รางวัล จะใช้ชื่ออำเภอและวงกลมสีเป็นสัญลักษณ์

การออกรางวัลจะเป็นไปอย่างน่าตื่นเต้น โดยในแต่ละวันศุกร์ เวลา 17.00 น. จะมีการจับลูกบอลขึ้นมา 3 ลูก โดยลูกที่ 1 จะเป็นชื่อจังหวัด ลูกที่ 2 เป็นชื่ออำเภอ และลูกที่ 3 เป็นสี ซึ่งจะทำให้ผู้ซื้อสลากสามารถลุ้นได้อย่างตื่นเต้น และหากรางวัลออกไม่ครบ จะมีการทบเงินรางวัลในงวดถัดไปเพื่อเพิ่มความน่าสนใจในการลุ้น

ปรับปรุง พ.ร.บ. กอช. ขยายอายุผู้มีสิทธิ์ซื้อสลากเพื่อการเกษียณ

โครงการนี้จะมีการปรับปรุงพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กอช. เพื่อขยายอายุผู้มีสิทธิ์ซื้อสลากเกษียณ จากเดิมที่กำหนดอายุระหว่าง 15-60 ปี ให้เป็นผู้มีอายุมากกว่า 60 ปี โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ถือบัญชีต้องถือไว้ต่อเนื่องเป็นเวลา 10 ปีจึงจะสามารถถอนเงินออกมาได้ หากผู้ถือสลากเสียชีวิต เงินดังกล่าวจะตกเป็นมรดกให้กับทายาทหรือผู้ได้รับประโยชน์ที่ระบุไว้

รางวัลพิเศษ มอบความสุขเพิ่มเติมให้ประชาชน

นอกจากรางวัลหลักแล้ว หวยเกษียณยังมีรางวัลพิเศษเพื่อดึงดูดความสนใจของประชาชน โดยจะมอบของขวัญ เช่น บัตรเติมน้ำมัน กาแฟ หรือบัตรตั๋วเครื่องบิน ให้แก่ผู้ถูกรางวัล โดยนายเผ่าภูมิกล่าวว่าการเพิ่มของขวัญพิเศษนี้เป็นแนวทางหนึ่งในการส่งเสริมให้ประชาชนสนใจการออมผ่านหวยเกษียณมากขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการคลัง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

จีนเตรียมส่งแพนด้ายักษ์คู่ใหม่ฉลองสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปี

ไทยเตรียมรับมอบ “แพนด้ายักษ์คู่ใหม่” จากจีน ปี 2568 ฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 มีรายงานว่า ประเทศจีนเตรียมส่งมอบ “แพนด้ายักษ์คู่ใหม่” ให้ประเทศไทยในปี 2568 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ ในโอกาสครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างไทยและจีน โดยนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย สวนสัตว์เชียงใหม่ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมอบแพนด้าคู่นี้

การเตรียมความพร้อมในการรับมอบแพนด้ายักษ์คู่ใหม่

ในการประชุมเตรียมการรับมอบแพนด้าคู่ใหม่ นายจตุพรได้กล่าวว่า ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีความพร้อมในการดูแลแพนด้าคู่ใหม่นี้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพไทย-จีน และเป็นการสานต่อโครงการแพนด้าที่ประสบความสำเร็จในไทยมากว่า 20 ปี จากที่สวนสัตว์เชียงใหม่เคยเป็นบ้านของแพนด้าช่วงช่วงและหลินฮุ่ย ก่อนที่ทั้งคู่จะเสียชีวิตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และได้จัดส่งร่างกลับสู่ประเทศจีนเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา พร้อมส่งรายงานสรุปโครงการที่ดำเนินการมายาวนานเพื่อให้ทางจีนประเมินผลอย่างละเอียด

ออกแบบกรงใหม่ตามมาตรฐานจีน

นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สวนสัตว์เชียงใหม่จะเป็นสถานที่หลักในการดูแลแพนด้าคู่นี้ การเตรียมพื้นที่กรงและสถานที่จัดแสดงกำลังอยู่ในขั้นตอนการออกแบบ โดยอาจปรับปรุงจากกรงที่เคยใช้เลี้ยงช่วงช่วงและหลินฮุ่ย หรืออาจสร้างใหม่ให้สอดคล้องกับมาตรฐานของจีน เพื่อให้แน่ใจว่าแพนด้าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ทั้งนี้ การดูแลด้านสวัสดิภาพ ความสะดวกสบาย และความเป็นอยู่ของแพนด้าจะได้รับความสำคัญเป็นอันดับแรก และบุคลากรสัตวแพทย์ซึ่งมีประสบการณ์จากการเลี้ยงดูแพนด้าตัวก่อน ๆ จะมีส่วนช่วยเหลือในกระบวนการนี้ด้วย

ผลประโยชน์และความคาดหวังในการนำแพนด้ามาเป็นทูตสันถวไมตรี

การรับมอบแพนด้ายักษ์ครั้งนี้นับเป็นโอกาสที่ดีที่จะแสดงถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและจีน และยังสร้างความตื่นเต้นให้กับประชาชนชาวไทยอีกด้วย โดยแพนด้าคู่นี้จะเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับสวนสัตว์และส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

นายอรรถพรยังกล่าวเพิ่มเติมว่า นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการแสดงสัตว์ในสวนสัตว์ แต่เป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต และช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ระหว่างสองประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : asean now 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายฟ้าใส ไร้ควัน ปราบบุหรี่ไฟฟ้าใกล้สถานศึกษา

ปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” ปราบปรามร้านบุหรี่ไฟฟ้า ใกล้มหาวิทยาลัยเชียงราย

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567 ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้สั่งเปิดปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” โดยมีเป้าหมายหลักในการป้องกันเด็ก เยาวชน นักเรียน และนักศึกษาให้ห่างไกลจากอบายมุขที่เป็นอันตราย ซึ่งรวมถึงการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ ภายใต้นโยบายของกระทรวงมหาดไทย (มท.1) เพื่อสร้างสังคมปลอดบุหรี่และป้องกันการมอมเมาเยาวชน

การจัดการร้านลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า

จากการสืบทราบข้อมูล เจ้าหน้าที่พบว่าร้านชื่อ Mavap Studio ได้ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ใกล้มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย โดยร้านดังกล่าวใช้วิธีจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชัน LINE และส่งสินค้าผ่านไรเดอร์ไปยังจุดต่างๆ รวมถึงหอพักของนักศึกษาในย่านบ้านดู่ ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนและอยู่ไม่ไกลจากสถาบันการศึกษา การดำเนินงานในลักษณะนี้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มเด็ก เยาวชน นักเรียน และนักศึกษา ทำให้เกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่เป็นอย่างมาก

ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการปราบปราม

การปราบปรามครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้การอำนวยการของนายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย และนายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย รวมถึง พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.สภ.บ้านดู่ ซึ่งได้ร่วมมือกันวางแผนการจับกุมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรัดกุมที่สุด

แผนการตรวจสอบและจับกุม

ในวันที่ 28 ตุลาคม เวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจได้เริ่มปฏิบัติการ โดยมีการวางแผนเข้าตรวจสอบและทำการล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจากร้าน Mavap Studio ทั้งยังมีกำลังเจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งซุ่มตรวจสอบพฤติกรรมของร้านและหอพักที่ใช้เป็นจุดเก็บสินค้าดังกล่าว เมื่อเฝ้าดูพฤติกรรมประมาณ 30 นาที พบว่ามีการส่งสินค้าโดยไรเดอร์และมีลูกค้ามารับของหน้าห้องพักอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงพอสำหรับการจับกุม

การตรวจค้นและการยึดของกลาง

เมื่อการล่อซื้อเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเพื่อเข้าจับกุม ณ จุดรับสินค้าบริเวณหน้าหอพักในตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งเป็นอาคารสองชั้น จากการตรวจสอบพบผู้ดูแลร้านจำนวน 2 คน เป็นหญิงและชาย และมีของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ รวมจำนวนกว่า 2,000 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าหลายแสนบาท นอกจากนี้ยังพบหลักฐานการซื้อขายในบัญชีที่ระบุว่าร้านมีรายได้ต่อวันไม่ต่ำกว่า 35,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงนำผู้ดูแลทั้งสองไปดำเนินคดีในข้อหาต่าง ๆ ตามกฎหมาย

ข้อหาที่ผู้ต้องหาต้องเผชิญ

  1. การซ่อนเร้นและจำหน่ายสินค้าที่มีความผิดตามกฎหมาย
    ผู้ต้องหาถูกแจ้งข้อหาว่าทำการซ่อนเร้นและจำหน่ายสินค้าที่ห้ามนำเข้า ซึ่งขัดต่อพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของที่มีการรวมค่าอากรแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ

  2. การขายสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าโดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
    นอกจากนี้ผู้ต้องหายังถูกกล่าวหาว่าจำหน่ายสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าโดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/2558 ซึ่งระบุห้ามจำหน่ายหรือให้บริการสินค้าบุหรี่ไฟฟ้า โดยต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

การรณรงค์สร้างสังคมปลอดควันบุหรี่ในเชียงราย

หลังจากการจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เผยแพร่ข้อมูลถึงสาธารณชนเกี่ยวกับความเสี่ยงและโทษของบุหรี่ไฟฟ้า และย้ำถึงการปฏิบัติตามกฎหมาย โดยมีการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบทั้งร้านค้าที่มีหน้าร้านและร้านค้าที่จำหน่ายทางออนไลน์ในพื้นที่เชียงราย เพื่อให้แน่ใจว่าการปราบปรามอบายมุขในกลุ่มเยาวชนจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพในการลดการเข้าถึงของเยาวชนที่อาจตกเป็นเหยื่อ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News