Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ผลประเมิน สถานีขนส่งนครเชียงรายติดอันดับ 10 ของไทยอยู่ระดับดีมาก

 

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายศิริพันธ์ ศรีกงพลี รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เซ็นหนังสือแจ้งผลการประเมินการดำเนินกิจการสถานีขนส่งผู้โดยสาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ถึงผู้ว่าราชการ 60 จังหวัด

โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ประกาศผลการตรวจติดตามและประเมินผลการดำเนินกิจการของสถานีขนส่งผู้โดยสารในปีงบประมาณ 2566 โดยได้ดำเนินการประเมินกับสถานีขนส่งทั่วประเทศ 81 แห่ง ซึ่งได้ผ่านเกณฑ์การประเมินเป็นที่เรียบร้อย ในขณะที่มีสถานี 14 แห่งที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ผลการประเมินนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาและดูแลการดำเนินกิจการสถานีขนส่งให้มีประสิทธิภาพต่อผู้ใช้บริการ โดยจังหวัดถูกแจ้งให้แจ้งให้หน่วยงานที่ได้รับการถ่ายโอนภารกิจสถานีขนส่งผู้โดยสารจากกรมการขนส่งทางบกทราบเพื่อนำผลการประเมินมาใช้ในการบริหารจัดการสถานีขนส่ง

ตามที่กรมการขนส่งทางบกได้ถ่ายโอนภารกิจด้านการบริหารจัดการสถานีขนส่งผู้โดยสารให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 31 มกราคม 2551 และกรมการขนส่งทางบกได้จัดทำโครงการตรวจติดตามและประเมินผลการดำเนินกิจการสถานีขนส่งผู้โดยสารเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นเครื่องมือในการกำกับ ดูแล การดำเนินกิจการสถานีขนส่งผู้โดยสารให้มีประสิทธิภาพและได้รับความพึงพอใจต่อผู้ใช้บริการ

สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินการประเมินผลการดำเนินกิจการสถานีขนส่งผู้โดยสารทางเว็บไซต์ https://terminalaudit.dlt.go.th 2 รอบ คือ รอบที่ 1 ระหว่างเดือนตุลาคม 2565 ถึงเดือนมีนาคม 2566 และรอบที่ 2 ระหว่างเดือนเมษายน ถึงเดือนกันยายน 2566 โดยมีเกณฑ์คะแนนและผลการประเมินดังนี้

เกณฑ์คะแนนการประเมินผลการดำเนินกิจการสถานีขนส่งผู้โดยสารประกอบด้วย

1.1 คะแนนการดำเนินการตามภารกิจ จำนวน 15 ภารกิจ ร้อยละ 75

1.2 คะแนนการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้บริการสถานีขนส่งผู้โดยสาร ร้อยละ 25 ซึ่งคะแนนรวมกันแล้วต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 75

สถานีขนส่งผู้โดยสารที่บริหารจัดการโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 99 แห่ง มีสถานีขนส่งผู้โดยสารที่ไม่สามารถดำเนินการประเมินได้ จำนวน 2 แห่ง เนื่องจากไม่มีการใช้งานสถานีขนส่งผู้โดยสาร

สถานีขนส่งผู้โดยสารที่มีผลการประเมินสูงสุด 10 อันดับ จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ได้แก่

  1. สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอสิรินธร (ช่องเม็ก) จังหวัดอุบลราชธานี 97.35 คะแนน
  2. สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น 97.34 คะแนน
  3. สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น 96.89 คะแนน
  4. สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดแพร่ 96.67 คะแนน
  5. สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดยโสธร 96.61 คะแนน
  6. สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดจันทบุรี 96.20 คะแนน
  7. สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดยะลา 94.92 คะแนน
  8. สถานีขนส่งผู้โดยสารพันดอน อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี 94.89 คะแนน
  9. สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 94.55 คะแนน
  10. สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงราย แห่งที่ 1 94.50 คะแนน

จากผลการประเมินการดำเนินกิจการสถานีขนส่งผู้โดยสารพบว่า ภารกิจที่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญต่อคะแนนการประเมินในภาพรวม ได้แก่

  1. การจัดพื้นที่จำหน่ายตั๋วโดยสาร
  2. การจัดให้มีบริการห้องสุขา
  3. การประชาสัมพันธ์และบริการข้อมูลการเดินทาง
  4. การรักษาความปลอดภัย
  5. การจัดหา ดูแล ซ่อมแซม บำรุงรักษาอาคารสถานที่ และวัสดุอุปกรณ์

สถานีขนส่งผู้โดยสารที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินส่วนใหญ่พบว่า มีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรให้ความสำคัญในการบริหารงานสถานีขนส่งผู้โดยสารตามภารกิจที่รับโอนในลำดับท้าย ๆ กรมการขนส่งทางบกพิจารณาแล้วมีความเห็นว่า เพื่อให้การดำเนินกิจการสถนีขนส่งผู้โดยสารมีประสิทธิภาพสามารถตอบสนองความต้องการการให้บริการของประชาชนได้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรพิจารณาจัดให้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบในการดำเนินกิจการสถานีขนส่งผู้โดยสารโดยตรง และสนับสนุนงบประมาณในการบริหารจัดการให้มีความเหมาะสมและเพียงพอ เนื่องจากสถานีขนส่งผู้โดยสารเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาระบบการขนส่งสาธารณะ และเป็นสถานที่อำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางด้วยความปลอดภัย สามารถสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นได้อีกทางหนึ่ง

โดยถ้าเฉพาะจังหวัดเชียงราย สถานีขนส่งผู้โดยสารที่มีผลการประเมินระดับดีมากของประเทศไทย จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ได้แก่

  1. สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงราย แห่งที่ 1 (เทศบาลนครเชียงราย) 94.50 คะแนน อันดับที่ 10 ของไทย
  2. สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย (เทศบาลตำบลเวียงพางคำ) 90.68 คะแนน อันดับที่ 19 ของไทย
  3. สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงราย แห่งที่ 2 (อบจ.เชียงราย) 87.49 คะแนน อันดับที่ 30 ของไทย

ระดับพอใช้

  1. สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย (เทศบาลตำบลเวียงเทิง) 79.88 คะแนน อันดับที่ 60 ของไทย

ส่วนสถานีขนส่งผู้โดยสารที่ต้องทำการปรับปรุงเฉพาะภาคเหนือ

  • สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดแม่ฮ่องสอน (เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน) 74.95 คะแนน
  • สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 1 (เทศบาลนครเชียงใหม่) 73.28 คะแนน
  • สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 3 (เทศบาลนครเชียงใหม่) 49.86 คะแนน (ต้องปรับปรุง)
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

“เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน) สั่งบุกจับกุม ร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า

 
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 67 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เปิดเผยถึงการดำเนินการ ของชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงรายหลังจากได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครอง บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนว่ามีร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ให้กับเด็ก เยาวชน และประชาชนในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย ตนจึงได้มอบหมายให้ นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย และ นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย สั่งการ นายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกันจังหวัดเชียงราย บูรณาการกำลังกับสมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงรายที่ 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ร่วมปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” โดยได้ลงพื้นที่เข้าจับกุมร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่จำนวน 2 ร้าน พร้อมยึดของกลางเป็นเครื่องบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้ารวมกันราว 1,000 ชิ้น ทั้งนี้ ทางชุดปฏิบัติการพิเศษฯ ได้ทำบันทึกการจับกุมพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา และนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
 

การปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องมากจากได้รับร้องเรียนมาจากผู้ปกครอง บุคลาการทางการศึกษาและประชาชนเป็นจำนวนมาก ว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งตนได้สั่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวทันที และพบว่ามีร้านที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจริงจำนวน 2 ร้าน ซึ่งได้มีการติดฟิล์มสีขาวขุ่นอำพรางไม่ให้มีการมองจากข้างนอกเข้าไปเห็นในบริเวณด้านใน และ 1 ใน 2 ร้าน มีการวางน้ำหอม ตั้งโชว์บริเวณหน้าตู้กระจก แต่จะเก็บบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในลิ้นชักเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ และมีกล้องวงจรปิดรอบทิศทางเพื่อดูสถานการณ์จากภายนอก แต่ผู้ซื้อจะรู้กันภายในกลุ่มไลน์ เฟสบุ๊ค หรือสื่อสังคมต่างๆ 

 

ทั้งยังพบในร้านมีการแจกคูปองเพื่อไว้ให้ลูกค้าลุ้นรางวัลด้วย โดยทั้ง 2 ร้าน ดังกล่าวประกอบด้วย ร้าน VMC HUB Chiangrai ตั้งอยู่ที่ 34/5 หมู่ 11 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย พบผู้ต้องหา 2 คนแสดงตัวเป็นผู้ดูแล และ ร้านบ้านควันหอม ตั้งอยู่ที่ 66/23 หมู่ 11 ตำบลสันทราย อำเภอเมืองเชียงราย พบผู้ต้องหา 1 คนแสดงตัวเป็นผู้ดูแล พร้อมกับยึดของกลางได้เป็นจำนวนมากคือ 1.เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเปลี่ยนหัวน้ำยา จำนวน 15 เครื่อง 2.หัวพอตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 522 ชิ้น 3.บุหรี่ไฟฟ้าใช้แล้วทิ้ง จำนวน 382 ชิ้น 4.น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 25 ชิ้น และ 5.คอยล์บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 71 ชิ้น ซึ่งมีมูลค่ารวมหลายแสนบาท” นายพุฒิพงศ์ฯ กล่าว

 

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ได้เข้าตรวจสอบและยึดของกลางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษได้ทำการตรวจสอบรับจ่ายเงินหรือเงินหมุนเวียนภายในร้านเพิ่มเติม และพบว่า แต่ละร้านมีรายได้ต่อวัน ตั้งแต่วันละ 10,000 – 40,000 บาทต่อวัน หรือตกเดือนละประมาณ 300,000 – 500,000 บาท ซึ่งจากการสอบถามผู้ดูแลพบว่า เจ้าของที่แท้จริงจะติดต่อผ่านไลน์และส่งของมาให้ขายจึงไม่ทราบราคาต้นทุนต่อชิ้น และจะขายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ตั้งแต่ราคาหลักสิบ ถึง หลักพันบาท อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้แจ้งสิทธิให้กับผู้กระทำผิดทั้ง 3 คนทราบแล้ว และได้แจ้งข้อกล่าวหาดังนี้ 

1) ได้มีการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และ 

2) ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ต้องระวางโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

“บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างมาก ซึ่งจังหวัดเชียงรายได้ให้ความสำคัญในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายผู้สูบเป็นอย่างมาก อาทิ การก่อให้เกิดมะเร็งปอด เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองและโรคปอดอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อทั้งตัวผู้สูบ ครอบครัว และชุมชนในระยะยาวอย่างแน่นอน จึงต้องดำเนินการจับกุมอย่างจริงจังและเด็ดขาด ทั้งนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนในความร่วมมือร่วมใจ และขอเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานด้วยความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม ในฐานะผู้ทำหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” และรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย เป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชน เพื่อให้ทุกคนในสังคมได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกท่านช่วยเป็นหูเป็นตา ระแวดระวังบ้านเมืองของเรา หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดทุกรูปแบบ สามารถแจ้งข้อมูล และร้องเรียนร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง” นายพุฒิพงศ์ฯ กล่าวทิ้งท้าย

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงมหาดไทย 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS TOP STORIES

‘เศรษฐา’ สั่ง รมว.ท่องเที่ยวฯ โปรโมท สงกรานต์ 21 วัน สาดน้ำได้วันไหน

 

เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2567 เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดงาน “Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567” ซึ่งจะมีการจัดสงกรานต์ยาว 21 วัน แต่ดูเหมือนการโปรโมทยังเงียบ ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่ตั้งใจจะมาเล่นสงกรานต์ แต่กลับไม่เจอสงกรานต์ ว่า การเล่นสงกรานต์ที่ประกาศ 21 วัน ซึ่งชาวจีนอยากมาและคิดว่าจะมีการสาดน้ำ แต่ความจริงยังไม่เริ่มสาดน้ำ ก็เป็นเรื่องของความคลาดเคลื่อน จึงขอให้รอก่อน

เมื่อถามว่า การสาดน้ำจะมีเฉพาะช่วงวันที่ 13-15 เม.ย.หรือไม่ เศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ทราบเพราะแล้วแต่พื้นที่ ซึ่งแต่ละจังหวัดก็มีประเพณีแตกต่างกันไป บางพื้นที่มีการจัดหลังวันที่ 13-16 เม.ย.ก็มี เช่นที่พระประแดง และพัทยา

เมื่อถามว่า ต้องประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวและประชาชนหรือไม่ เพราะบางคนเข้าใจว่า 21 วัน เป็นการเล่นต่อเนื่อง เศรษฐา กล่าวว่า ใช้คำว่าเป็นการเฉลิมฉลองต่อเนื่องดีกว่า และเดี๋ยวตนจะบอกให้ สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ไปดูตรงนี้ให้

 
สืบเนื่องจากกรณีที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนทำคอนเทนต์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย แต่งชุดเล่นน้ำสงกรานต์แบบจัดเต็ม เตรียมตัวมาเล่นน้ำในย่านอโศกซึ่งคลิปดังกล่าวกลายเป็นไวรัลทั้งในประเทศไทยและจีน โดยชาวไทยบางส่วนได้เข้าไปชี้แจงว่าที่ทางรัฐบาลและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศจัดใหญ่ 21 วันนั้น คือ งานประเพณีวัฒนธรรมในจังหวัดเชียงใหม่ ได้เริ่มจัดงานตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ส่วนการสาดน้ำนั้น ในแต่ละพื้นที่มีกำหนดการไม่เหมือนกัน แต่ในกรุงเทพมหานครนั้น จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 – 15 เม.ย. 2567
 
 
ทั้งนี้ น.ส. สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2567 ว่าการที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ข่าวไปว่ามีการจัดงานกิจกรรมตลอดทั้งเดือนนั้น อาจจะทำให้เกิดการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่ามีการสาดน้ำกันทั้งเดือน
จนเมื่อตนเองทราบข่าวนักท่องเที่ยวจีนคนนี้ ก็ตกใจเช่นกัน และกล่าวว่าจะเร่งแก้ไขประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจให้ถูกต้องกว่าเดิมกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ตั้งใจจะมาเล่นสาดน้ำให้มากขึ้น
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

สนามบินแม่ฟ้าหลวง แถลงแล้ว! สาวแอบสูบบุหรี่อยู่ระหว่างตามมาดำเนินคดี

 

เมื่อวันที่ 8 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีที่ “Red Skull” ผู้ใช้แอป X ได้เผยแพร่โพสต์ของผู้ใช้บริการเครื่องบินเดินทางจาก จ.เชียงราย ทางท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ขอชี้แจงกรณี ภาพผู้โดยสารสูบบุหรี่ไฟฟ้าบนเครื่องบิน นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ชี้แจงถึงข้อคำถามที่ว่า “ทางสนามบินปล่อยให้หลุดขึ้นเครื่องได้อย่างไร” นั้น 

 

 

ท่าอากาศยานมีหน้าที่ตรวจค้นด้านความปลอดภัย คือการตรวจค้นวัตถุต้องห้ามที่จะนำไปสู่การก่อเหตุร้ายแรงบนเครื่องบิน เช่น วัตถุระเบิด อาวุธปืน มีด หรือวัตถุต่างๆ ที่ผู้ประสงค์ร้ายจะนำขึ้นไปก่อเหตุบนเครื่อง ท่าอากาศยานจะดำเนินการตรวจค้นทั้งการตรวจค้นตัวและตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์

 

สำหรับกรณีบุหรี่ไฟฟ้า นั้น ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งในกระบวนการตรวจค้นของทางท่าอากาศยาน จะมีโอกาสที่บุหรี่ไฟฟ้าหลุดรอดขึ้นไปบนอากาศยานได้ เพราะตัวเครื่องทำจากพลาสติก ไม่สามารถตรวจค้นด้วยเครื่องเอกซเรย์ได้ บางครั้งผู้โดยสารอาจจะเก็บไว้ติดตัว แต่หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบจะทำการตรวจยึดและดำเนินการตามกฎหมาย เพราะบุหรี่ไฟฟ้ามีความผิดตั้งแต่การนำเข้ามาในประเทศแล้ว อีกทั้ง การสูบบุหรี่บนเครื่องบินมีความผิด 2 กฎหมายหลัก ได้แก่

  1. กระทรวงสาธารณสุข มีความผิดตาม พรบ. การสูบบุหรี่ ซึ่งการเดินทางสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น รถโดยสาร อาคารผู้โดยสาร หรือแม้แต่บนเครื่องบิน จะห้ามสูบบุหรี่
  2. พรบ. ความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ ข้อห้ามการสูบบุหรี่บนเครื่องบิน เพราะอาจก่อความรำคาญแก่ผู้อยู่บนเที่ยวบิน ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อีกทั้ง สายการบินไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารสูบบุหรี่ทุกประเภทรวมทั้งบุหรี่ไฟฟ้าในทุกเที่ยวบินและไม่อนุญาตให้นำบุหรี่ไฟฟ้า(e-cigarettes) ไว้ในสัมภาระใต้ท้องเครื่อง แต่สามารถพกพาไปกับสัมภาระขึ้นห้องโดยสารได้ ฉะนั้น การสูบบุหรี่บนอากาศยานเป็นกฎด้านการบิน ผู้ใดกระทำจะมีโทษปรับตามกฎหมาย ซึ่งผู้ดำเนินการสนามบิน มีหน้าที่ที่รับผิดชอบไม่ให้วัตถุต้องห้าม และวัตถุอันตรายขึ้นไปบนอากาศยาน

 

ดังนั้น จึงขอฝากไปยังผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์ลักษณะนี้ ผู้โดยสารควรจะรีบแจ้งลูกเรือ เพื่อที่ลูกเรือจะได้แจ้งนักบินผู้บังคับอากาศยาน เพื่อประสานสนามบินหรือท่าอากาศยานปลายทาง และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมผู้กระทำความผิด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

หมายเหตุ : บุหรี่ไฟฟ้า ไม่ได้จัดอยู่ในประเภทวัตถุต้องห้าม และวัตถุอันตราย ผู้โดยสารจึงสามารถพกพาบุหรี่ไฟฟ้า ขึ้นไปกับอากาศยานได้ แต่ถ้าสูบบนอากาศยานมีโทษตาม พ.ร.บ.ความผิดบางประการต่ออากาศยาน พ.ศ.2558 ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงรายจึงขอชี้แจงให้ทราบมา ณ โอกาสนี้

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Mae Fah Luang Chiang Rai International Airport – CEI

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

เฝ้าระวัง น้ำในแม่น้ำโขงจังหวัดในอีสานหลังกรดกำมะถัน รั่วไหลที่หลวงพระบาง

 

เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2567 รายงานข่าวจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติประกาศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเฝ้าระวังผลกระทบจากคุณภาพน้ำในแม่น้ำโขง หลังได้รับแจ้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ได้มีหนังสือแจ้งเตือนประชาชนเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 แจ้งการเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกสารเคมีพลิกคว่ำ ทำให้กรดซัลฟิวริกไหลลงสู่แม่น้ำคาน บริเวณแขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ซึ่งระยะทางจุดเกิดเหตุห่างจากอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ประมาณ 293 กิโลเมตร

 

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามสถานการณ์แม่น้ำโขง พบว่าสารเคมีจะเคลื่อนตัวผ่านเขื่อนไชยะบุรี วันที่ 5 เมษายน 2567 ซึ่งจะทำให้สารเคมีเจือจางลง จากนั้นจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย (จังหวัดเลย) ช่วงวันที่ 8 – 10 เมษายน 2567และจากการประเมินในเบื้องต้นคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำแม่น้ำโขงในประเทศไทยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยได้ติดตามสถานการณ์และประสานสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ให้พิจารณาประสานสปป.ลาว ในการบริหารจัดการน้ำเขื่อนไชยะบุรี

 

เพื่อเจือจางสารเคมี พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยดำเนินการตรวจวัดคุณภาพน้ำพร้อมรายงานสถานการณ์ให้จังหวัดทราบอย่างต่อเนื่อง เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ดังกล่าว และขอให้ 7 จังหวัด

  1. เลย
  2. หนองคาย
  3. บึงกาฬ
  4. นครพนม
  5. มุกดาหาร
  6. อำนาจเจริญ
  7. อุบลราชธานี

โปรดประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขง และแจ้งเตือนให้ประชาชนที่สัญจรและประกอบกิจกรรมในบริเวณแม่น้ำโขง การประมงสัตว์น้ำ รวมทั้งผู้ที่อาศัยในพื้นที่บริเวณดังกล่าว ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และเตรียมการเฝ้าระวังผลกระทบจากคุณภาพน้ำในแม่น้ำโขง จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

 

ซึ่งทางทางการนครหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ก็มีออกแถลงการณ์ด่วน 1 ฉบับ เพื่อแจ้งและสั่งการให้พี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำของ (โขง) ตั้งแต่ช่วงหมู่บ้านพุสร้างคำ ลงมาจนถึงปากคาน และแม่น้ำของตั้งแต่ปากคานลงมา ห้ามลงอาบน้ำ และห้ามนำปลาที่ตายอยู่ในน้ำมาประกอบอาหาร หรือนำไปขายโดยเด็ดขาด คาดการณ์ว่าสารเคมี กรดกำมะถัน หรือกรดซัลฟิวริค H2SO4 ประมาณ 30 ตันเหล่านี้ไหลลงสู่แม่น้ำของจะกระจายไปตามแม่น้ำของลงไปทางตอนใต้อย่างแน่น ประกอบกับช่วงนี้ปริมาณน้ำในแม่น้ำของมีปริมาณค่อนข้างน้อย การปนเปื้อนจึงรุนแรง ส่งผลกระทบกับคน สัตว์น้ำอย่างปู ปลา กุ้ง ชนิดต่างๆ ซึ่งต้องจับตามองต่อไปว่าหลังจากนี้จะมีมาตรการอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องนี้  แต่มีการคาดการณ์ว่า จะไม่กระทบถึงแม่น้ำโขงในช่วง อ.เชียงคาน จ.เลย มากนักเนื่องจากน้ำที่ไหลลงมาจากนครหลวงพระบางจะถูกกักเก็บไว้ที่เขื่อนไซยะบูลี (ไซยะบุรี) สปป.ลาว ก่อน

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

จับอีก 1 มือเผาป่าต้นเหตุไฟป่า อุทยานแห่งชาติลำน้ำกก เชียงราย

 

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 มีรายงานข่าวจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จับอีก 1 มือเผาป่าต้นเหตุไฟป่าเชียงราย นายพิทยา สะศรีสังข์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก (เตรียมการ) รายงานว่า เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่จุดสกัดฯขุนสรวย ร่วมกับเครือข่ายป้องกันไฟป่าบ้านขุนสรวย ดำเนินการจับกุมตัวผู้กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ โดยการลักลอบเผาป่า จำนวน 1 ราย

 

สืบเนื่องจากได้รับแจ้งจากจุดเฝ้าระวังไฟป่าว่าพบกลุ่มควันลักษณะเป็นไฟที่พึ่งเกิดขึ้นใหม่ บริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งซ้าย เป็นพื้นที่เตรียมการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก คณะเจ้าหน้าที่จึงร่วมกันเข้าปิดล้อมพื้นที่เพื่อดับไฟ โดยพบผู้ต้องหาอยู่ในบริเวณพื้นที่เกิดเหตุไฟป่า จึงได้แสดงตัวและควบคุมตัว พร้อมตรวจยึดของกลาง จำนวน 2 รายการ ได้แก่ ไฟแซ๊ก จำนวน 2 อัน มีดพร้า จำนวน 1 เล่ม จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่าเข้ามาหาของป่าในพื้นที่
 
 
คณะเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบท้องที่บ้านขุนสรวย หมู่ที่ 14 ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย พบเสียหายจากเหตุไฟไหม้ จำนวน 19-2-90 ไร่ จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางและอุปกรณ์กระทำความผิดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่สรวย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อุทยานแห่งชาติลำน้ำกก Lam nam kok National Park

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

ห้ามกิน ‘ว่านจักจั่น’ เด็ดขาด หลังพบชาวลำพูน ดับ 1 ป่วย 3

 

เมื่อวันที่  28 มี.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงาน รพ.บ้านโฮ่ง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน พบว่ามีชาวบ้านขุดว่านจักจั่นนำมาทำอาหารรับประทานจากนั้นมีอาการซึมลง เกิดอาการเกร็ง อ่อนแรง เวียนศีรษะ คลื่นไส้ และอาเจียนอาเจียน ตากลอกไปมา ปวดเมื่อยทั้งตัว ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ เนื่องจากกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ขณะนี้ป่วยแล้ว 3 รายในเวลาเดียว โดยรับประทานแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ทั้งนี้ ว่านจักจั่น ไม่ใช่พืชที่กินได้ แต่คือจักจั่นที่ตายจากเชื้อรางอกในตัวจักจั่น อาการที่เกิดขึ้นมาจากพิษของเชื้อรานี้ ไม่มียาแก้พิษโดยตรง ต้องรักษาตามอาการแบบประคับประคอง

จึงแจ้งเตือนและช่วยกันรณรงค์ให้ความรู้แก่ชาวบ้าน ที่เข้าใจผิดคิดว่า เชื้อราที่ติดงอกจักจั่น คือของดีมีประโยชน์ แต่มันคือเชื้อราที่อันตรายกินเข้าไปเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงถึงตายได้ ฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำขึ้นอีก

สำหรับ ว่านจักจั่น คือ ซากตัวอ่อนของแมลงที่ชาวล้านนาเรียกว่า “แมงอิจ้า” ที่เสียชีวิตขณะฟักตัวอ่อนอยู่ในดิน แล้วติดเชื้อรา มันไม่ใช่พืชที่อยู่ด้านบนหรือด้านล่างของดินแต่อย่างใด ส่วนตัวที่ไม่ตายจะออกจากดินในช่วงกลางคืนไต่ขึ้นมาลอกคราบกลายเป็นจักจั่น หรือ แมงอิจ้า ช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. ที่ชาวบ้านออกจับมาบริโภค หรือ จับมาขายสร้างรายได้ในราคาตัวละ 1 บาท

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

รรท.ผบ.ตร. สั่งห้ามมีบ่อนทั่วประเทศถ้าพบในพื้นที่ไหน ‘เด้ง’ ทุกรายไม่มีการละเว้น

 
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) สั่งการกำชับตำรวจทุกพื้นที่ ทุกหน่วยทั่วประเทศ ให้เร่งรัดปราบปรามอบายมุข การพนัน การกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ ซึ่งได้ประชุมเน้นย้ำกำชับผ่านผู้บัญชาการทุกหน่วยไปแล้ว โดยเฉพาะการปราบปรามบ่อนการพนัน ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการปฏิบัติการจับกุมอย่างต่อเนื่อง
 
 
รรท.ผบ.ตร.สั่งการเน้นย้ำอีกครั้งให้ทุกหน่วยปราบปรามอย่างเข้มงวดจริงจัง เด็ดขาด และย้ำทุกพื้นที่ทั่วประเทศ หากปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนันในพื้นที่ หัวหน้าสถานีตำรวจในพื้นที่ต้องรับผิดชอบ โดยจะมีคำสั่งย้ายไปช่วยราชการทุกราย ไม่มีการละเว้น ถือเป็นการลงโทษในทางปกครอง และหากปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการเรียกรับ หรือได้รับผลประโยชน์จะต้องดำเนินการทางอาญาด้วย ถือเป็นข้อตกลงที่จะทำให้สำนักงานแห่งชาติเป็นที่ยอมรับของประชาชนอย่างแท้จริง
 
 
ดังนั้นขอให้ตำรวจทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบ ปราบปราม อย่างเด็ดขาด ทำตามนโยบายรัฐบาล และ รรท.ผบ.ตร.อย่างเคร่งครัด โดยจะสั่งการให้หน่วยปฏิบัติของส่วนกลางลงไปตรวจสอบด้วย
 
 
กรณีล่าสุดที่ตำรวจกองบังคับปราบปราม จับกุมบ่อนการพนันในพื้นที่ สน.พญาไท นั้น รรท.ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ออกคำสั่งให้ ผกก.สน.พญาไท มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.น.1 แล้ว ถือเป็นตัวอย่างของการละเลยไม่ปฏิบัติตามนโยบาย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS TOP STORIES

ชิงตัวคนเผาป่าลุ่มน้ำปาย ผู้นำหมู่บ้านนำมวลชนทำร้าย เจ้าหน้าที่ป่าไม้

 
เมื่อวันที่ 25 มี.ค.67 นายนิกร แก้วโมรา หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย เปิดเผยว่า กำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย 5 นาย เข้าพื้นที่บริเวณเกิดกลุ่มควันไฟที่ปรากฏ ตามจุดฮอทสปอต เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2567 บริเวณป่าสบแม่น้ำยาน ต.ทุ่งยาว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อดับไฟป่าที่เกิดขึ้น ขณะที่เดินทางมาถึงแปลงพื้นที่ทำกินในป่าสบแม่น้ำยาน ห่างจากจุดไฟไหม้ 200 เมตร พบกระท่อม 1 หลัง มีคนอยู่จึงทำการแสดงตัว พบว่ามีชาย 1 คน ทราบชื่อภายหลังว่า นายดาเอ ไม่ทราบชื่อสกุล พบอุปกรณ์ในกระท่อม ประกอบด้วย  มีด 3 เล่ม ขวาน 1 อัน ปืนแก๊ป 1 กระบอก ไฟฉาย 2 อัน ยาบ้า 1 เม็ด มอเตอร์ไซด์ 1 คัน เจ้าหน้าที่ได้สอบถาม นายดาเอ ว่าใครจุดไฟเผา นายดาเอ แจ้งว่า จ่านู อยู่กระท่อมตรงไป 150 เมตร เป็นคนจุดไฟ ทั้งนี้คณะเจ้าหน้าที่ไปตรวจกระท่อมที่ 2 บริเวณจุดเกิดไฟป่า 100 เมตร พบ นายจ่านู กำลังนอนหลับ ตรวจบริเวณในกระท่อมพบอุปกรณ์ในกระท่อม ประกอบด้วย ปืนแก๊ป 1 กระบอก ยาบ้า 8 เม็ด เครื่องกระสุน 1 ชุด มีด 6 เล่ม ซากสัตว์  5 ชนิด ได้แก่ ขนเม่น, เกล็ดตัวนิ่ม, กระดูกกรามเก้ง, ตีนนกเหยี่ยว 2 ข้าง, ตีนไก่ป่า 1 คู่

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ลงความเห็นว่า พื้นที่ทั้ง 2 แปลง ตรวจสอบแล้วมีการขยายพื้นที่ป่าและ มีอาวุธปืน มียาบ้าครอบครอง มีการตัดไม้ขยายพื้นที่ และมีร่องรอยการเกิดไฟบริเวณพื้นที่เกิดเหตุของทั้ง 2 คน จึงควบคุมตัวเพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปาย อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อดำเนินคดี

 

ขณะที่เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหา 2 ราย มาถึงบริเวณบ้านหนองขาว หมู่ 5 ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน มีกลุ่มบุคคล 20 คน ทราบภายหลังในมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเป็นแกนนำชาวบ้าน ใน ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน นำชาวบ้านมาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่พอใจ และเข้าแย่งตัวผู้ต้องหา และชิงของกลางทั้งหมดไป รวมทั้งทำร้ายเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมด้วย

เจ้าหน้าที่จึงทำบันทึกขอให้สืบสวนสอบสวนผู้กระทำผิดร่วมกัน และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปางมะผ้า แจ้งจับแกนนำชาวบ้าน พร้อมกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันขัดขวางทำร้ายเจ้าหน้าที่ และแย่งชิงตัวผู้ต้องหา โดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่กล้าลงพื้นที่ในการเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าวเพื่อดับไฟป่า ที่ยังพบในพื้นที่อีกต่อไป

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ทางหลวงแจง แท่งปูนห้อยบนถนน เทิง – เชียงคำ จากภาพที่ปรากฏในข่าว

 
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2567 นายยงยุทธ์ เพ็งเมือง ผู้อำนวยการสำนักก่อสร้างทาง กรมทางหลวงชนบท ชี้แจงว่า โครงการก่อสร้างถนนสายแยก ทล.1020 – บ้านกิ่วแก้ว อำเภอเทิง, จุน จังหวัดเชียงราย, พะเยา อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างสะพาน Box Segment เพื่อข้ามถนน ทล.1021 จากภาพที่ปรากฏในข่าวเป็นการยก Box Segment จากกรณีสำนักข่าว นครเชียงรายนิวส์ได้มีการเผยแพร่ข่าว แท่งปูนห้อยต่องแต่งกลางถนน บริเวณถนนเทิง – เชียงคำ จนทำให้หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะซ้ำรอยเหตุการณ์สะพานถล่มที่ถนนพระราม 2 นั้น
 
 

โดยออกหนังสือชี้แจงจากสำนักก่อสร้างทาง ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในข่าว ขอเรียนชี้แจงว่า โครงการก่อสร้างถนนสายแยก ทล.1020 – บ้านกิ่วแก้ว อำเภอเทิง, จุน จังหวัดเชียงราย, พะเยา อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างสะพาน Box Segment เพื่อข้ามถนน ทล.1021 จากภาพที่ปรากฏในข่าวเป็นการยก Box Segment ซึ่งสำนักก่อสร้างทางได้ทำการยกและจัดเรียงด้านซ้ายทางและขวาทาง เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 เวลา 13.00 น. จากนั้นได้ดำเนินการดึงลวดอัดแรง เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 เวลา 18.00 น. ระหว่างดำเนินการได้ประชาสัมพันธ์และจัดเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัยให้กับประชาชน

 

โดยเริ่มดำเนินการด้านขวาทางของถนน ทล.1021 และได้ปิดการจราจรให้ใช้ทางเบี่ยงในระหว่างที่ยกและจัดเรียง Box Segment จนดึงลวดอัดแรงแล้วเสร็จ สำหรับด้านซ้ายทางของ ทล.1021 ไม่สามารถก่อสร้างทางเบี่ยงได้ เนื่องจากพื้นที่ไม่เพียงพอ จึงปิดให้ใช้ ทล.1021 ได้ 1 ช่องจราจร ซึ่งให้เจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในบริเวณดังกล่าว พร้อมทั้งได้ประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ให้ปิดกั้นรถไม่ให้ผ่านในช่วงยกและจัดเรียง รวมถึงได้เปิดการจราจรให้ผู้ใช้เส้นทางสัญจรไปมาเป็นช่วง โดยโครงการได้มีมาตรการตรวจสอบความปลอดภัย ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยทางวิศวกรรม ปัจจุบันได้ดำเนินการแล้วเสร็จ และได้เปิดการจราจรให้ประชาชนใช้สัญจรได้ตามปกติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม สำนักก่อสร้างทาง มีความห่วงใยในความปลอดภัยของประชาชน และขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้

 

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้ความอนุเคราะห์เผยแผร่ข้อเท็จจริงดังกล่าวให้ประชาชนได้รับทราบโดยทั่วกันและขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้“

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมทางหลวงชนบท

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News