Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 สุดยิ่งใหญ่ ที่เซ็นทรัลเชียงราย

เปิดงานเทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 ที่เชียงราย ต้นคริสต์มาสหมอกพันวาแห่งเดียวในไทย

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้เปิดตัวเทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 อย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้คอนเซปต์ “Chiang Rai The Sense of Art” ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 โดยมีจุดเด่นที่ ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” ขนาดความสูง 15 เมตร สัญลักษณ์แห่งเทศกาลปีใหม่ที่รังสรรค์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ผสมผสานเสน่ห์วัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกอย่างลงตัว ซึ่งเทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงฤดูหนาวของจังหวัดเชียงราย โดยเน้นการนำเสนอศิลปวัฒนธรรมล้านนาและการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนในพื้นที่

ไฮไลต์สำคัญในเทศกาล

  1. ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา
    ต้นคริสต์มาสนี้เป็นงานคราฟต์มาสเตอร์พีซที่ออกแบบร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง โดยนำดอกไม้เมืองหนาวจากดอยตุงและพื้นที่ใกล้เคียงจำนวน 9 สายพันธุ์ เช่น ดอกรองเท้านารีดอยตุง ดอกกุหลาบพันปี ดอกนางพญาเสือโคร่ง ดอกกาแฟ และดอกวนิลา มาประดับตกแต่งต้นคริสต์มาสด้วยวัสดุธรรมชาติ เช่น ผ้าดิบย้อมสีธรรมชาติ และลูกสนที่ทำจากทางมะพร้าว สะท้อนถึงความงดงามของธรรมชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่น
  2. การแสดง “The Legendary of Flower”
    โชว์พิเศษที่ผสมผสานดนตรี Lanna Music & Orchestra พร้อมบทเพลงที่แต่งขึ้นเฉพาะสำหรับเทศกาลนี้
  3. กิจกรรมพิเศษ 5 Senses Experience
    มอบประสบการณ์ครบทุกประสาทสัมผัส ทั้งการสัมผัสดอกไม้เมืองหนาว การชิมอาหารที่รังสรรค์จากดอกไม้ การฟังดนตรีพื้นบ้าน และการร่วมกิจกรรมสนุก ๆ เช่น Workshop จัดดอกไม้ และ Face Paint
  4. สีสันกาสะลองไนท์มาร์เก็ต
    ตลาดกลางคืนที่เต็มไปด้วยอาหารพื้นเมืองล้านนา เมนูดอกไม้จากพี่น้องชาติพันธุ์ และงานฝีมือจากชุมชน

ความร่วมมือจากหลายภาคส่วน

การจัดงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชน ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ร่วมกับ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โครงการพัฒนาดอยตุง), จังหวัดเชียงราย, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย, การท่องเที่ยวและกีฬาเชียงราย, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, เทศบาลนครเชียงราย, กระทรวงวัฒนธรรม, วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย, ขัวศิลปะ และ สิงห์เลม่อนโซดา พร้อมพันธมิตรอีกมากมาย โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของเชียงรายให้เป็น ดินแดนแห่งศิลปะและดอกไม้” ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

นอกจากนี้ จังหวัดเชียงรายยังได้รับการยกย่องจาก UNESCO ในปี 2566 ให้เป็น เมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ” (Creative City of Design) ทำให้เทศกาลนี้เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่สะท้อนพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์และอัตลักษณ์ท้องถิ่นของจังหวัด

ตอกย้ำความเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก

เทศกาลสีสันกาสะลองไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมทางวัฒนธรรม แต่ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ชุมชน เช่น งานฝีมือดอกไม้เมืองหนาวที่ปลูกบนดอยตุงและดอยช้างมูบ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูงของจังหวัดเชียงราย

นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมงานได้ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2568 โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่มีกิจกรรมเฉลิมฉลองอย่างหลากหลาย

ประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและชุมชน

นอกจากการสร้างความสุขให้กับนักท่องเที่ยว เทศกาลนี้ยังสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น โดยเฉพาะเกษตรกรและผู้ผลิตงานฝีมือจากพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งนี้ การสนับสนุนจากนักท่องเที่ยวยังช่วยส่งเสริมให้ชาวเขาและกลุ่มชาติพันธุ์สามารถรักษาและพัฒนาวัฒนธรรมของตนได้อย่างยั่งยืน

งานคราฟต์มาสเตอร์พีซหนึ่งเดียวในไทยอย่าง “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา”

เป็นผลงาน “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” ดเป็นการร่วมมือและได้รับการออกแบบโดย มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โครงการพัฒนาดอยตุง) ภายใต้คอนเซปต์ ang Rai The Sense of Art” เชียงราย ดินแดนแห่งดอกไม้และศิลปะ โดยหยิบแรงบันดาลใจ มาจากอัตลักษณ์ท้องถิ่นของจังหวัดเชียงราย พร้อมคัดสรรดอกไม้เมืองหนาว 9 สายพันธุ์  ได้แก่ ดอกรองเท้านารีดอยตุง, ดอกรองเท้านารีพริ้นเชสสังวาลย์, ดอกกุหลาบพันปี, เสี้ยวดอกขาว หรือเสี้ยวป่า, ดอกกาแฟ, ดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทย, พวงแสด,ดอกวนิลา และดอกชาน้ำมัน มาเนรมิตตกแต่งในรูปแบบ Local Handicraft บนต้นคริสต์มาส ที่เต็มไปด้วยความหมาย

  • ดอกรองเท้านารีดอยตุง : ดอกไม้ท้องถิ่นใกล้สูญพันธุ์โดยสมสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชนนี (สมเด็จย่า) ทรงมีพระราชดำริให้เพาะเลี้ยงและปลูกคืนปีเมื่อปี พ.ศ. 2537 โครปัจจุบัน ได้ขยายไปทั่วทั่งป่าดอยตุง
  • ดอกรองเท้านารีพริ้นเซสสังวาลย์ : ดอกไม้พันธุ์ผสมระหว่างดอกรองเท้านารีอ่างทอง เป็นพันพันธุ์ดอกไม้ที่สมเด็จย่าได้พระราชดำริให้นำมาผสมกัมกับดอกรองเท้านารีดอยตุง
  • ดอกกุหลาบพันปี: นางเอกประจำถิ่นบนดอยตุง ที่ออกดอกเฉพาะช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์
  • เสี้ยวดอกขาวหรือเสี้ยวป่า: ดอกไม้ป่าที่ออกดอกเฉพาะบนพื้นที่ดอยสูงจากระดับน้ำทะเล 500-1,200 เมตร
  • ดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทย: ดอกไม้ที่ออกดอกเฉพาะบนพื้นที่ดอยสูงจากระดับน้ำทะเล 1,500-2,000 เมตร
  • ดอกกาแฟ: มีลักษณะเป็นพวงสีขาวและเป็นพืชเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำให้เกิดเศรษฐกิจที่ดี ชาวเขามีรายได้ และหันมาปลูกกาแฟมากขึ้น
  • พวงแสด: ดอกไม้ประจำจังหวัดเชียงราย ลักษณะเป็นเถาเลื้อยขนาดใหญ่ ออกดอกเป็นพวงสีส้มอมเหลือง
  • ดอกวนิลา: พืชเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงของดอยตุง สร้างงานและสร้างรายได้เป็นจำนวนมากให้กับชาวเขา
  • ดอกชาน้ำมัน: พืชที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงดำริให้มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงและมูลนิธิชัยพัฒนา ศึกษาวิจัยและนำมาปลูกเพื่อทำเป็นพืชเศรษฐกิจ ดำริให้มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงและมูลนิธิชัยพัฒนา ศึกษาวิจัยและนำมาปลูกเพื่อทำเป็นพืชเศรษฐกิจ

ข้อมูลการเข้าร่วมงาน

เทศกาลนี้จัดขึ้นที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย และเปิดให้เข้าชมฟรี สำหรับสมาชิก The1 ที่ช้อปสินค้าภายในศูนย์ครบ 10,000 บาทขึ้นไป จะได้รับของที่ระลึกสุดพิเศษ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์เซ็นทรัลพัฒนา

มาร่วมสัมผัสบรรยากาศแห่งความสุขในเทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 แล้วสร้างความทรงจำพิเศษในหน้าหนาวนี้ไปด้วยกัน!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
FEATURED NEWS

“สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์” เชิญร่วมงานประกาศผล “รางวัลข่าวดิจิทัลยอดเยี่ยม ประจำปี 2567”

 

 “สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์” จัดโครงการประกวด “รางวัลข่าวดิจิทัลยอดเยี่ยม ประจำปี 2567” (Digital News Excellence Awards 2024) เพื่อส่งเสริมสื่อมวลชนออนไลน์ ที่มีความทุ่มเทในการทำงาน สร้างสรรค์และพัฒนาวงการข่าวออนไลน์ โดยการผลิต “ข่าวดิจิทัลคุณภาพ” ตรงกับมาตรฐานวิชาวารสารศาสตร์ จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ ซึ่งจะจัดให้มีงานประกาศผลรางวัลพร้อมด้วยโล่เกียรติยศ ทั้งนี้ จำนวนผลงานประกวด “รางวัลข่าวดิจิทัลยอดเยี่ยม ประจำปี 2567” โดยในปีนี้มีผลงานส่งเข้าประกวดจำนวนทั้งสิ้น  176 ผลงาน 

โดยแบ่งออกเป็น 6 ประเภทข่าว ประกอบด้วย

1. ข่าวหรือสารคดีออนไลน์เชิงข่าวสืบสวนยอดเยี่ยม (Investigative News & News Feature) (จำนวน 22 ผลงาน)
2. ข่าวออนไลน์จากประเด็นในสื่อสังคมออนไลน์ยอดเยี่ยม (News Development from Social Media Agenda) ซึ่งเป็นการพัฒนาข่าวจากวาระข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ (จำนวน 28 ผลงาน)
3. ข่าวออนไลน์ส่งเสริมสังคมยอดเยี่ยม (Social Development News) (จำนวน 31 ผลงาน)
4. ข่าวออนไลน์ที่นำเสนอในรูปแบบคลิปวิดีโอยอดเยี่ยม (Video Clip News) (จำนวน 27 ผลงาน)
5. ข่าวออนไลน์ที่นำเสนอในรูปแบบอินโฟกราฟิกยอดเยี่ยม (Infographic News) (จำนวน 37 ผลงาน)
6. ภาพข่าวออนไลน์ยอดเยี่ยม (Photojournalist) (จำนวน 31 ผลงาน)

โดยได้รับเกียรติจากคณะกรรมการตัดสิน

  1. อาจารย์ ดร.มานะ ตรีรยาภิวัฒน์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
  2. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สกุลศรี ศรีสารคาม รองคณบดี ด้านวิชาการ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  3. อาจารย์ไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์
  4. คุณ น.รินี เรืองหนู นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
  5. คุณระวี ตะวันธรงค์ ที่ปรึกษา สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์
  6. คุณอภิศิลป์ ตรุงกานนท์ Chief Product Officer, Pantip.com
  7. คุณกล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด
  8. คุณวสันต์ วณิชชากร ช่างภาพ สำนักข่าวต่างประเทศ

และในปีนี้จัดให้มี รางวัลพิเศษ รางวัล “ผู้ผลิตข่าวดิจิทัลรุ่นเยาว์ยอดเยี่ยม” (Young Digital News Providers Award) เป็นการต่อยอดจากโครงการประกวดและอบรมเชิงปฏิบัติการผู้ผลิตข่าวดิจิทัลรุ่นเยาว์ ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาร่วมโครงการได้นำความรู้ ประสบการณ์ กลับไปพัฒนาสร้างสรรค์ผลงานสกู๊ปข่าวออนไลน์ ส่งเข้าร่วมประกวดรางวัลดังกล่าวเป็นปีแรก

 

รวมทั้งเวทีเสวนา หัวข้อ Thailand Digital Newsroom 2025 การปรับตัว อนาคตห้องข่าวดิจิทัล ความท้าทาย ก้าวต่อไปของวงการสื่อไทย โดยมีผู้ร่วมเสวนา คุณฤทธิกร มหาคชาภรณ์ บรรณาธิการบริหาร ไทยรัฐออนไลน์, คุณคณิศ บุณยพานิช บรรณาธิการบริหารด้านข่าวสืบสวน ThaiPBS, รองศาสตราจารย์ พิจิตรา ศุภสวัสดิ์กุล นักวิจัย สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คุณสุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Cofact (ประเทศไทย), คุณณัฏฐา โกมลวาทิน ผู้อำนวยการฝ่ายข่าว THE STANDARD ดำเนินรายการโดย คุณรังสิมา ศฤงคารนฤมิตร ผู้ประกาศข่าว อมรินทร์ ทีวี

 โดยงานจะจัดขึ้นในวันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2567 เวลา 13.00 – 16.30 น. ณ ห้องมรกต ชั้น 3 โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพฯ

สำหรับงานประกาศผลรางวัลในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและองค์กรเอกชนชั้นนำ ที่ร่วมสนับสนุนอุตสาหกรรมสื่อออนไลน์ ยกระดับคุณภาพ ให้คุณค่าข่าวดิจิทัล ส่งเสริมสื่อมวลชนออนไลน์ ที่มีความทุ่มเทในการทำงาน

โดยได้ให้การสนับสนุนรางวัล รวมทั้งการจัดงาน ได้แก่  กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์, โคแฟค ประเทศไทย (Cofact Thailand), บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด, บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), บริษัท คอนโทรล ดาต้า (ประเทศไทย) จำกัด, ธนาคารออมสิน, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และบริษัท ที.เอช.นิค จำกัด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

เชียงรายร่ายมนต์ “มหกรรมไม้ดอกอาเซียน 2024” กระตุ้นเศรษฐกิจ-ฟื้นฟูชุมชน

เชียงรายพร้อมร่ายมนต์ “มหกรรมไม้ดอกอาเซียน 2024” สร้างสรรค์ความงามและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 เวลา 17.00 น. ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดงานแถลงข่าว “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024” (Chiang Rai Flower and Art Festival 2024) โดยมีนายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมด้วยนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย และผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วม

งานนี้จัดโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.) นำโดยนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมนำเสนอแนวคิด “The Magical Garden” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีใหม่ที่ผสมผสานวัฒนธรรมล้านนา ความคิดสร้างสรรค์ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

เปิดตัววิดีทัศน์และกิจกรรมสุดอลังการ

ในงานมีการเปิดตัววิดีทัศน์ประชาสัมพันธ์ “Chiang Rai Flower and Art Festival 2024” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2567 ถึง 5 มกราคม 2568 ณ สวนไม้งามริมน้ำกก ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ

  • โซนสวนไม้งาม 4 โซนวิเศษ
    1. ลูกแก้ววิเศษ
    2. คาถาวิเศษ
    3. ดอกไม้วิเศษ
    4. สัตว์วิเศษ
  • การแสดงแสง สี เสียง และการแสดงจากเยาวชนในกิจกรรม “Chiang Rai Talent”
  • นิทรรศการวิถีชีวิตล้านนาและชาติพันธุ์ จาก 17 ชาติพันธุ์
  • การจำหน่ายชา กาแฟ อาหารพื้นถิ่น และผลิตภัณฑ์ชุมชน

เสริมสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นด้วยการท่องเที่ยววิถีใหม่

งานมหกรรมนี้ยังเน้น “Social Impact Tourism” หรือการท่องเที่ยวที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชน โดยเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวมีส่วนร่วมในการสนับสนุนสินค้าท้องถิ่นและร่วมกิจกรรมที่ช่วยฟื้นฟูชุมชนจากมหาอุทกภัยที่ผ่านมา

กิจกรรมพิเศษที่แม่สาย

นอกจากสวนไม้งามริมน้ำกก ยังมีการจัดกิจกรรม “ฮีลใจแม่สาย เหนือสุดในสยาม” ระหว่างวันที่ 14 ธันวาคม 2567 ถึง 5 มกราคม 2568 ณ วัดถ้ำเสาหินพญานาค และบริเวณหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

พิธีเปิดงานยิ่งใหญ่

พิธีเปิดงานจะจัดขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคม 2567 โดยได้รับเกียรติจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเป็นองค์ประธาน

เชิญชวนร่วมงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมสัมผัสความงดงามของหมู่มวลดอกไม้ และช่วยฟื้นฟูชุมชนในงาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024” พร้อมร่วมนำเชียงรายสู่ความยั่งยืนในทุกมิติ

การเสวนาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นในพิกัดอาเซียน

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์, ได้เปิดเผยวิสัยทัศน์ของที่ประชุมการเสวนาครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเชียงรายจากการเป็นเมืองที่ประสบปัญหาภัยพิบัติเป็นจุดหมายท่องเที่ยวชั้นนำที่มีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยความสวยงามของผืนป่าและความเป็นมาทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย การฟื้นฟูให้นักท่องเที่ยวเต็มที่ในช่วงไฮซีซันกลางหนาวนี้ถือเป็นจุดเน้นหลัก

ดอกไม้ภายใต้ความชื่นมื่นและความเข้มแข็ง” การแสดงทางวัฒนธรรมและศิลปะความหลากหลาย”

งานมหกรรมไม้ดอกอาเซียน เชียงราย 2024 ซึ่งจะจัดขึ้นในฤดูหนาวปีหน้า ถูกจัดแสดงโดย นายวิสูตร บัวชุม, ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งชาติสำนักงานเชียงราย การจัดมหกรรมไม้ดอกครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความงามของธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างเครือข่ายและการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่ทำให้เชียงรายเป็นจุดลงของนักท่องเที่ยวระดับบริเวณและระหว่างประเทศ

นวัตกรรมและการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับนักท่องเที่ยว

ส่วนหนึ่งของการแถลงข่าวคือการแนะนำนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะนำมาใช้ในการจัดงานท่องเที่ยว รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยว จากส่วนราชการได้แสดงถึงความพร้อมในการจัดงานที่มีคุณภาพโดยมีการติดตั้งระบบเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว

นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวถึงความพร้อมและศักยภาพของจังหวัด

ในการสัมมนาเสวนาเชียงรายบนเวที “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024” (Chiang Rai Flower and Art Festival 2024)  นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวถึงความพร้อมของจังหวัดเชียงรายในการต้อนรับนักท่องเที่ยวรวมถึงการตอบสนองต่อสถานการณ์วิกฤติอุทกภัยที่ผ่านมา นายนรศักดิ์ ได้แสดงความมั่นใจว่าจังหวัดเชียงรายมีการรับมืออย่างแข็งขันและเรียบร้อย โดยได้รับความร่วมมือทั้งจากภาคเอกชน, สมาคมต่างๆ, ประชาชน และส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ภาคีส่วนต่างๆได้เข้ามาประสานงานช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ การกู้วิกฤตในระยะ 30 วันที่ผ่านมาได้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ทำให้พื้นที่นี้พร้อมที่จะกลับมาคึกคักโดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้ นายนรศักดิ์ ยังได้พูดถึงการเตรียมงานสำคัญที่จะมีขึ้นในจังหวัดเชียงราย เกี่ยวกับมหกรรมไม้ดอกอาเซียนซึ่งจัดขึ้นที่เชียงรายเป็นประจำทุกปี โดยกล่าวว่าการจัดงานนี้มีความสำคัญที่จะทำให้เชียงรายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวหลักของประเทศและเอเชีย การจัดงานนี้จะเน้นแสดงความงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมของจังหวัดให้โลกได้เห็น ซึ่งจะช่วยเรียกนักท่องเที่ยวจำนวนมากมายมายังจังหวัดในช่วงฤดูหนาวที่เป็นช่วงไฮซีซั่นของจังหวัดเชียงราย

ทั้งนี้พลังงานและความมุ่งมั่นของภาคส่วนต่างๆ ในเชียงรายในการฟื้นฟูและเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวครั้งใหม่นี้เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน ทั้งนี้เพื่อให้การท่องเที่ยวของเชียงรายกลับมาคึกคักและเป็นที่จดจำของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกได้อีกครั้ง

การฟื้นฟูการท่องเที่ยวเชียงราย: จากวิกฤตสู่ความหวังใหม่

นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ททท.) จังหวัดเชียงราย ได้เปิดเผยถึงความมุ่งมั่นของจังหวัดในการฟื้นฟูและพัฒนาภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะหลังจากประสบกับอุทกภัยครั้งใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจและสาธารณูปโภคของจังหวัดเชียงราย

จากการที่จังหวัดเชียงรายเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหลักและมีสถานที่สวยงามมากมาย ผู้อำนวยการแห่ง ททท.เชียงรายได้ชี้แจงว่า “การท่องเที่ยวคือตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดเรา” เขาได้กล่าวเสริมว่า “แม้จะเผชิญกับวิกฤตใหญ่อย่างอุทกภัย การร่วมมือจากทุกภาคส่วนรวมถึงจิตอาสาทั่วประเทศได้ช่วยให้เชียงรายสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว”

ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 เชียงรายได้เริ่มต้นเดินหน้าปรับภาพลักษณ์จากความเสียหายสู่ความงามของจังหวัด โดยมุ่งหวังให้การท่องเที่ยวกลับมาเป็นไปตามปกติ ตัวเลขการเดินทางและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในจังหวัดกำลังฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ และคาดว่าจะเห็นผลเต็มที่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ที่ช่วงไฮซีซันครั้งใหม่ของเชียงราย

นอกจากนี้ งานกิจกรรมต่างๆที่จัดขึ้นโดยภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียน เชียงราย ตามข้อมูลจากนายวิสูตร บัวชุม เปิดเผยว่าการตอบรับจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศในปีนี้ค่อนข้างสูง โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวที่คาดหมายจะมาเพื่อการเดินทางในงานนี้อยู่ที่หลายแสนคน ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจและความตั้งใจของนักท่องเที่ยวที่ต้องการเยี่ยมชมเชียงราย

เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นทางสำนักงาน ททท.เชียงรายได้เปิดแคมเปญการท่องเที่ยวยิ่งใหญ่ภายใต้ชื่อ “เหนือ..พร้อมเที่ยว เชียงรายพร้อม” ซึ่งแคมเปญนี้ไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจว่าเชียงรายพร้อมและปลอดภัยสำหรับการเข้ามาเยี่ยมชมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

กลยุทธ์และแคมเปญต่างๆ เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อดึงดูดผู้คนให้เดินทางมาเยือนเชียงรายและเพลิดเพลินกับสภาพอากาศและธรรมชาติที่งดงามของเชียงรายในช่วงฤดูหนาว ต่างประเทศต่างก็หันมาสนใจเชียงรายอย่างต่อเนื่อง และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวได้กำหนดเป็นวาระสำคัญในการประชุมส่วนภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกที่จะมีขึ้นในเดือนตุลาคมนี้

การฟื้นฟูและพัฒนาการท่องเที่ยวของเชียงรายในปัจจุบันไม่เพียงแต่เป็นตัวดำเนินการทางเศรษฐกิจ เชียงรายกำลังพลิกโฉมใหม่ โดยเริ่มจากการท่องเที่ยวและจึงยืนยันถึงศักยภาพที่แท้จริงของจังหวัดเชียงราย

คุณนิทัศน์ ศรีรัตนประสิทธิ์มุ่งสร้างเศรษฐกิจชีวิตใหม่ให้เชียงรายผ่านกลยุทธ์แบรนด์และนวัตกรรม

คุณนิทัศน์ ศรีรัตนประสิทธิ์ ประธานกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่จังหวัดเชียงรายและหัวหน้า Young Entrepreneur Chamber of Commerce (YEC Chiang Rai) กล่าวในงานแถลงข่าวบนเวทีว่าได้เดินหน้าโครงการที่จะกระจายพลังศักยภาพของเชียงรายไปยังสายตาชาวโลกผ่านเครือข่ายดิจิทัลและโซเชียลมีเดียที่แข็งแกร่ง

ผู้นำภาคธุรกิจรุ่นใหม่ได้กล่าวถึงโครงการ TikTok ชวนเที่ยวเชียงราย “ฮีลใจ ฮีลเชียงราย” ซึ่งเป็นแคมเปญที่ตั้งใจจะกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยใช้แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่ได้รับความนิยมอย่าง TikTok แคมเปญนี้ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากครีเอเตอร์ทั่วประเทศที่ส่งคลิปมาร่วมแข่งขัน ด้วยยอดวิวรวมเกิน 10 ล้านครั้ง แสดงให้เห็นว่าเชียงรายกลายเป็นที่สนใจของชาวโซเชียลอย่างกว้างขวาง

ในแคมเปญนี้ ผู้เข้าร่วมสามารถชิงรางวัลมูลค่ากว่า 10,000 บาท รวมถึงตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ที่พักสองคืน เพื่อสนับสนุนไม่เพียงแต่การมาเยือนเชียงรายเท่านั้นแต่ยังรวมถึงการพัฒนากระแสการท่องเที่ยวในจังหวัด

คุณนิทัศน์ยังได้เล่าถึงการส่งเสริมการแบรนด์เพื่อเฟ้นสร้างศักยภาพให้กับผู้ประกอบการชาวเชียงราย โดยมีการจัดงาน “The Power of Branding” ที่นำเสนอการสร้างแบรนด์และสร้างธุรกิจที่มีผู้เข้าร่วมกว่าหลายร้อยคน เน้นย้ำถึงการต้องปรับตัวและใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเติบโตในยุคดิจิทัล การสัมมนาดังกล่าวได้เชิญผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้ามากระตุ้นแรงบันดาลใจและเรียนรู้เทคนิคการแบรนด์ที่ถูกต้อง

การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวและการสร้างแบรนด์จากคุณนิทัศน์และทีมงาน YEC เป็นส่วนสำคัญในการฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยวของเชียงราย อีกทั้งยังทำให้เห็นว่าจังหวัดเชียงรายมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งเอเชียนอกเหนือจากความงามทางธรรมชาติ ณ ปัจจุบันและอนาคต

นายกนก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กล่าวถึงความงามและศักยภาพของเชียงรายในการเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวบนเวทีแถลงข่าวในครั้งนี้เกี่ยวกับเอกลักษณ์และศักยภาพของจังหวัดเชียงรายในการเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวชั้นนำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านศิลปะ ธรรมชาติ และวัฒนธรรมที่หลากหลาย ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้เข้ามาสัมผัสและประทับใจได้ไม่รู้ลืม

“เชียงรายของเรามีทุกอย่างที่นักท่องเที่ยวต้องการ: ธรรมชาติอันงดงาม ศิลปะความเป็นเลิศ และความเป็นมิตรของผู้คน” นางอทิตาธรกล่าว ระบุเสริมว่าเทศกาลและกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นในเชียงรายได้ส่งเสริมให้เชียงรายกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจยิ่งขึ้นไม่เพียงแค่สำหรับการท่องเที่ยวอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอีกด้วย

หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายได้ใช้โอกาสนี้เป็นการปรับปรุงและพัฒนาการจัดการท่องเที่ยวของจังหวัดให้ดีขึ้น เช่นการนำระบบเทคโนโลยี AI มาช่วยในการตรวจจับและสนับสนุนการเข้าพักที่ปลอดภัยของนักท่องเที่ยว นวัตกรรมเหล่านี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวว่าเชียงรายเป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยและน่ามาเยือน

ไฮไลต์ของการกล่าวถึงคือ การจัดงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียน ซึ่งเป็นงานเทศกาลที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมายังจังหวัดเชียงรายหลายแสนคนอย่างต่อเนื่องทุกปี ตั้งแต่การเริ่มต้นในปี 2021 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายได้ให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อให้แน่ใจว่างานเทศกาลจะสามารถดำเนินไปได้โดยปลอดภัยและเป็นที่ประทับใจของผู้เข้าร่วมงาน

“เราได้ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆในการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งให้ความมั่นใจว่าพวกเขาจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด” นางอทิตาธรกล่าวเสริม การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีไม่เพียงแต่ในการตรวจสอบอุณหภูมิและการคัดกรองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้แสงสีและศิลปะในการสร้างบรรยากาศและกิจกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวและชุมชนท้องถิ่น

ด้วยการจัดงานที่เน้นไปที่ความปลอดภัยและการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจ จังหวัดเชียงรายได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นมากกว่าเมืองท่องเที่ยว แต่เป็นสถานที่ที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นและสร้างความสุขให้กับทุกคนที่มาเยือน นับเป็นแบบอย่างที่ดีที่ผสานความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมเข้ากับนวัตกรรมและเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว

การแถลงข่าวครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปิดตัวโครงการสำคัญของจังหวัดเชียงรายเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับชาวเชียงรายในการพัฒนาภาคเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไปสู่ระดับที่สามารถแข่งขันกับเมืองท่องเที่ยวชั้นนำของโลก ที่สำคัญคือการเพิ่มศักยภาพการรับนักท่องเที่ยวในฤดูการท่องเที่ยว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

กรมการท่องเที่ยวเปิด 11 เส้นทาง Low Carbon ต้นแบบรักษ์โลก

กรมการท่องเที่ยวเปิดตัว 11 เส้นทาง Low Carbon Tourism ทั่วไทย สร้างการท่องเที่ยวรักษ์โลกอย่างยั่งยืน

กรมการท่องเที่ยว เปิดตัวกิจกรรมประชาสัมพันธ์โครงการ “เส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Tourism)” จำนวน 11 เส้นทางทั่วประเทศ หวังกระตุ้นทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของการลดคาร์บอนในกิจกรรมการท่องเที่ยว เพื่อสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมการท่องเที่ยว นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช เผยว่า การลดก๊าซเรือนกระจกเป็นประเด็นเร่งด่วนในยุคโลกร้อน โดยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีบทบาทสำคัญในการปล่อยมลภาวะ ซึ่งต้องได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบ

11 เส้นทางต้นแบบการท่องเที่ยวลดคาร์บอน

โครงการนี้จัดทำเส้นทางท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงกับสถานที่ได้รับมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย โดยมีเส้นทางดังนี้:

  1. ขอนแก่น – ชัยภูมิ
  2. อุดรธานี – หนองคาย
  3. เลย – เพชรบูรณ์
  4. จันทบุรี – ตราด
  5. กาญจนบุรี – ราชบุรี
  6. สมุทรสงคราม – สมุทรสาคร
  7. เชียงราย – พะเยา
  8. เชียงใหม่ – ลำปาง
  9. อุทัยธานี – นครสวรรค์
  10. กระบี่ – สุราษฎร์ธานี
  11. ภูเก็ต – พังงา

ซึ่งมีการให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ
ด้านการท่องเที่ยวให้ปรับรูปแบบการบริหารจัดการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก จัดอบรมสร้างองค์ความรู้
การจัดการก๊าซเรือนกระจก ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและรบกวนสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน รวมถึงการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวลดคาร์บอนให้แก่ผู้ประกอบการ ชุมชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ภายใต้โครงการส่งเสริมเส้นทางท่องเที่ยวลดคาร์บอน (Low Carbon Tourism) โดยก่อนเริ่มเดินทางยังมี นายจิรกร สุวงศ์ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่ และนายธนกฤษ เวียงแก้ว นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมในการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้อีกด้วย

ปัญหาโลกร้อนกับการท่องเที่ยว

ภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อทั่วโลก ส่วนหนึ่งเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ รวมถึงการท่องเที่ยวที่เพิ่มมลภาวะ ทั้งจากพาหนะที่ปล่อยมลพิษและการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมในสถานที่ท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยวจึงจัดโครงการ “ส่งเสริมเส้นทางท่องเที่ยวลดคาร์บอน (Low Carbon Tourism)” เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ และชุมชนเห็นความสำคัญของการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

กิจกรรมและเป้าหมายโครงการ

กิจกรรมภายใต้โครงการนี้รวมถึงการจัดอบรมพัฒนาความรู้แก่ผู้ประกอบการและชุมชน การสำรวจและพัฒนาเส้นทางคาร์บอนต่ำ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

วัตถุประสงค์สำคัญ

  • สร้างการตระหนักรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมในกิจกรรมท่องเที่ยว
  • กระจายรายได้สู่ชุมชน
  • ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  • เพิ่มโอกาสและสร้างงานในพื้นที่

นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยอีกว่าในอนาคตอันใกล้หากทั้งโลกไม่ช่วยกันลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในทุกกิจกรรมของการดำเนินชีวิต จะส่งผลให้สภาพอากาศและสมดุลทางธรรมชาติแปรปรวน ซึ่งเป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ทั้งหมดบนโลก รวมถึงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มี
การเชื่อมโยงระหว่างกิจกรรมการท่องเที่ยวกับสิ่งแวดล้อม เริ่มตั้งแต่ออกเดินทางโดยใช้พาหนะต่างๆ ตลอดจน
การบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมของสถานประกอบการ ทำให้พบว่ามีบทบาทสำคัญที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกมากขึ้น

โรงแรมต้นแบบด้านความยั่งยืน

โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น ได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในโรงแรมที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยดำเนินโครงการต่าง ๆ เช่น “Save Water Save Life” ซึ่งเน้นการบำบัดน้ำเสียเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ รวมถึง “Green-Economy สวนครัว” ที่ใช้วัตถุดิบปลอดสารพิษในการปรุงอาหาร

อธิบดีกรมการท่องเที่ยวกล่าวทิ้งท้ายว่า การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวลดคาร์บอนเป็นก้าวสำคัญในการสร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้ตอบโจทย์ทั้งเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและส่งเสริมประเทศไทยในฐานะผู้นำการท่องเที่ยวรักษ์โลก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

กสทช. ผุดไอเดียคุ้มครองสัตว์ ในวงการบันเทิงหลังเกิดดราม่า

กสทช. ร่วมมือทุกภาคส่วน สร้างมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ในวงการบันเทิงไทย

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์แพทย์ นักวิชาการ และผู้แทนองค์กรสื่อมวลชน จัดงานสัมมนาเพื่อหาแนวทางในการดูแลสวัสดิภาพสัตว์ที่ใช้ในการผลิตสื่อบันเทิง โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่สัตว์ได้รับอันตรายระหว่างการถ่ายทำซ้ำรอยเหตุการณ์ในอดีต

เหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

การจัดสัมมนาครั้งนี้ เกิดขึ้นจากกรณีที่สังคมให้ความสนใจกับเหตุการณ์การใช้สัตว์ในการถ่ายทำละคร โดยเฉพาะกรณีของแมวที่ถูกวางยาสลบ ซึ่งสร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการมีมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการดูแลสัตว์ที่ใช้ในการผลิตสื่อบันเทิง

ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ

ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์แพทย์ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพและสวัสดิภาพของสัตว์ที่ใช้ในการถ่ายทำ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก หรือสัตว์เลื้อยคลาน การตรวจสุขภาพก่อนการถ่ายทำ การจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และการดูแลโดยสัตวแพทย์อย่างใกล้ชิด เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ ผู้แทนจากวงการภาพยนตร์ยังได้แบ่งปันประสบการณ์ในการทำงานกับสัตว์ในกองถ่าย โดยเฉพาะในต่างประเทศ ซึ่งมีการกำหนดมาตรฐานและมีหน่วยงานที่รับผิดชอบในการดูแลสวัสดิภาพสัตว์โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยควรนำมาปรับใช้

ความเห็นของนักวิชาการ

นักมานุษยวิทยาได้ตั้งคำถามที่น่าสนใจเกี่ยวกับเส้นแบ่งระหว่างการใช้สัตว์เพื่อความบันเทิงและการละเมิดสิทธิสัตว์ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ผู้คนมีความตระหนักถึงสวัสดิภาพสัตว์มากขึ้น

บทบาทของสื่อมวลชนและภาคประชาชน

สื่อมวลชนมีบทบาทสำคัญในการสร้างความตระหนักถึงปัญหาและผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ในขณะที่ภาคประชาชนก็มีส่วนร่วมในการตรวจสอบและติดตามการปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดขึ้น

 

กสทช.ไม่ได้มีหน้าที่แค่ลงโทษหรือไปทำอะไรตามแรงกดดันของสังคม
 

ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กสทช.ด้านกิจการโทรทัศน์ กล่าวว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสัตว์มีความสำคัญในสังคมไทย การกระทำที่กระทบสวัสดิภาพสัตว์จึงเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวสูง ซึ่งสื่อมวลชนควรจะต้องให้คุณค่ากับเรื่องนี้ในการผลิตและนำเสนอเนื้อหา “กสทช.ไม่ได้มีหน้าที่แค่ลงโทษหรือไปทำอะไรตามแรงกดดันของสังคม แต่เรามองว่าทุกเรื่องเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้สื่อและสังคมสามารถเรียนรู้ได้มากขึ้น” 

ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง กล่าวและเสริมว่า มีการพูดคุยกับวิทยากรเพื่อมาทำงานร่วมกับองค์กรวิชาชีพและกสทช.ในการสร้างแนวปฏิบัติที่ดีสำหรับการนำดาราสัตว์มาออกสื่อหรือกระบวนการผลิตเนื้อหาต่างๆ ที่คำนึงถึงสวัสดิภาพของสัตว์

แม้จะไม่มีการทรมานสัตว์ ก็ต้องมีการดูแลสวัสดิภาพของสัตว์ให้ดี 

 รศ. น.สพ.ดร.สุดสรร ศิริไวทยพงศ์ จากคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การใช้สัตว์ในกองถ่าย ไม่ใช่แค่สุนัขและแมวเท่านั้น แต่รวมถึงสัตว์ทุกชนิด เช่น ช้าง โค กระบือ และงู แม้จะไม่มีการทรมานสัตว์ ก็ต้องมีการดูแลสวัสดิภาพของสัตว์ให้ดี เพราะการกระทำทุกอย่างแม้เพียงการออกจากบ้านหรือพื้นที่ที่สัตว์คุ้นเคยก็สามารถก่อให้เกิดความเครียดและมีผลต่อกระบวนการทำงานของร่างกายสัตว์ได้ “สัตว์ทุกชนิดที่ไปเข้าฉาก ต้องตรวจร่างกายก่อนให้แน่ใจว่ามีสุขภาพแข็งแรง การขนส่งและการเดินทางเหมาะสม เมื่อถึงสถานที่ถ่ายทำ มีที่ให้เขาพักให้เหมาะสมแค่ไหน” รศ. น.สพ.ดร.สุดสรร กล่าว 

นอกจากนี้ การให้ยาต่างๆ กับสัตว์ที่มีผลต่อสรีรวิทยาของร่างกายถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่มีกฎหมายควบคุม และต้องทำโดยสัตวแพทย์หรือในการดูแลของสัตวแพทย์เท่านั้น เช่น ก่อนให้ยาสลบแก่สัตว์ ต้องมีการตรวจร่างกายให้แน่ใจว่ามีความพร้อม เพราะเมื่อได้รับยาสลบ หูรูดต่างๆ จะคลาย หูรูดทางเดินอาหารและทางเดินหายใจอยู่ใกล้กัน มีความเสี่ยงที่จะเกิดการสำรอก สำลักและเกิดการปิดกั้นทางเดินหายใจของสัตว์ได้ ดังนั้นผู้ผลิตละครจึงควรนึกถึงทางเลือกต่างๆ ที่สร้างสรรค์ในการถ่ายทำ เช่น ใช้การตัดต่อที่ไม่ต้องกระทบกระเทือนต่อสัตว์โดยไม่จำเป็น รศ. น.สพ.ดร.สุดสรร กล่าว
 
การอบรมให้เชี่ยวชาญในการดูแลและฝึกสอนสัตว์ที่ต้องทำการแสดงอย่างใกล้ชิด

นางสาวษมาวีร์ พุ่มม่วง ทีมงานกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์อิสระ เจ้าของเพจ ‘วันละภาพ’ กล่าวว่า การทำงานกับกองถ่ายทำภาพยนตร์ของต่างประเทศและของไทยมีบริบทที่ยังค่อนข้างแตกต่างกันในหลายด้านด้วยกัน รวมถึงกฎระเบียบวิธีปฏิบัติและงบประมาณ ในกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศหากต้องมีสัตว์มาเข้าฉากจะมีผู้ทำงานในตำแหน่ง animal wrangler ซึ่งต้องมีใบประกอบวิชาชีพเข้าร่วมปฏิบัติงานด้วย โดยจะได้รับการอบรมให้เชี่ยวชาญในการดูแลและฝึกสอนสัตว์ที่ต้องทำการแสดงอย่างใกล้ชิด และมีความละเอียดอ่อนมาก 

 

สำหรับภาพยนตร์จากประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีหน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไร (NGO) เช่น American Humane Association เข้ามามีส่วนร่วมสังเกตการณ์ ประเมินความเสี่ยง ดูแลและตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของสัตว์นั้นๆ “ในกองถ่าย[ของไทย] ก็เคยมีการพูดคุยกันมานานว่าทุกสิ่งมีชีวิต แรงงานผู้ใหญ่ แรงงานเด็ก แรงงานสัตว์ ควรถูกยกระดับมาตรฐานชีวิตในการทำงาน อันที่จริงบ้านเราก็มีกฎหมายคุ้มครองอยู่แล้วแต่ขาดการตรวจสอบ ดูแล บังคับใช้ จึงเหมือนกับยังลอยๆ อยู่ ขาดหน่วยงานกลางที่จะมากำกับดูแลอุตสาหกรรมสร้างสรรค์”

 

ว่าที่ ร.ต.หญิง สพ.ญ. ดร. วัชรี โซ่วิจิตร กรรมการสัตวแพทยสภา กล่าวว่า สัตวแพทยสภามีบทบาทหน้าที่ในการกำกับดูแลการปฏิบัติงานของสัตวแพทย์ ซึ่งในอนาคต สัตวแพทยสภาอาจจัดคอร์สสำหรับสัตวแพทย์ที่จะมาเป็นผู้ดูแลการถ่ายทำในกองถ่าย เพื่อสนับสนุนความเป็นวิชาชีพ อันจะส่งผลให้ผู้ชมได้รับความบันเทิงพร้อมๆ กับความปลอดภัยของสัตว์ที่ใช้ในการถ่ายทำด้วย 
“สิ่งที่น่ากลัวคือภาพจำที่จำได้
อย่างไรก็ตาม ว่าที่ ร.ต.หญิง สพ.ญ. ดร. วัชรี กล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาในการใช้สัตว์ในอุตสาหกรรมสื่อของไทยที่ยังอาจถูกละเลยอยู่ในหลายส่วน “สิ่งที่น่ากลัวคือภาพจำที่จำได้ เช่น ภาพที่ปูถูกมัดเชือกอยู่ในตะกร้า [ระหว่างออกรายการโทรทัศน์] จระเข้ถูกมัดเอาขาไขว้หลัง เราเห็นเป็นธรรมดาแต่ไม่ได้นึกว่ามันจะเป็นอันตรายต่อสัตว์ การปรากฏภาพซ้ำๆ ประชาชนจะรู้สึกเคยชินโดยไม่เอะใจใดๆ เช่น การเอาสัตว์ exotic มาโยนใส่คนที่กลัวเป็นการแกล้งกันในรายการตลก ในฐานะสัตวแพทย์ เรารู้สึกค่อนข้างทรมานจิตใจมากๆ ที่เห็นแบบนั้น เหมือนโยนเด็กเล็กๆ คนนึงใส่กันแล้ว[เด็ก]ตกลงไปที่พื้น”
“เกิดเส้นจริยธรรม บางๆ พื้นที่สินค้ากับพื้นที่ความเป็นสัตว์
ผศ. ดร.จิราพร เหล่าเจริญวงศ์ จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักมานุษยวิทยาที่สนใจเรื่องสัตว์และความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์กับมนุษย์ ตั้งคำถามว่า ในการกำกับดูแลจริยธรรมของมนุษย์ที่เกี่ยวกับการนำสัตว์มาใช้งาน ใครจะเป็นผู้กำหนดแนวทางและกำกับดูแล เช่น คาเฟ่แมว สัตว์ที่อยู่ในวัดอันเกี่ยวเนื่องกับการทำบุญ หรือสัตว์ในสื่อและวงการบันเทิงเช่นในละครหรือดาราสัตว์อย่างฮิปโปแคระหมูเด้งที่กำลังเป็นที่นิยมในสื่อสังคมออนไลน์ “เกิดเส้นจริยธรรม บางๆ พื้นที่สินค้ากับพื้นที่ความเป็นสัตว์ เขาต้องมีความเป็นส่วนตัวไหม สวัสดิภาพของเขาเป็นอย่างไร เราไปที่พื้นที่ของเขา แต่เราก็เรียกเขาตลอดเวลา กระทบอะไรเขาไหม”
 
ผศ. ดร.จิราพร กล่าวว่าอยากฝากประเด็นเหล่านี้ไว้กับประชาชนเพราะเป็นผู้มีอำนาจดูแลตัดสินและขับเคลื่อนประเด็นต่างๆ ที่แท้จริง ทุกคนสามารถตั้งคำถามเกี่ยวกับสวัสดิภาพของสัตว์ได้ นอกจากนี้ ควรถามด้วยว่าเราอยากเห็นอะไรในความตายหรือความมีชีวิตของสัตว์ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งนี้ ประเด็นเรื่องจริยธรรมเป็นประเด็นที่ทุกๆ คนเข้าถึงได้ และสะท้อนความเป็นไปของสังคมในแต่ละยุคสมัย ไม่ใช่แค่ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนบอกเท่านั้น ภาพของสัตว์ที่เราเห็นในสื่อและออกมาถกเถียงกันก็เป็นประเด็นทางจริยธรรมอย่างหนึ่ง “เวลามีเรื่องอะไรที ประเด็นก็อาจจะกระพือขึ้นมา เคสใหม่อาจมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ต่างกัน…สัตว์ที่ไม่น่ารัก หรือเราไม่ค่อยได้เจอ เราจะยังคำนึงถึงสวัสดิภาพของมันไหม” ผศ. ดร.จิราพร กล่าว
 
แนวปฏิบัติเรื่องการใช้สัตว์ในรายการ ในละคร ยังไม่เคยมีขึ้น

นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี นายกสมาคมสภาวิชาชีพกิจการการแพร่ภาพและการกระจายเสียง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในข้อบังคับของสมาคมสภาวิชาชีพฯ ซึ่งมีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2554 ไม่ได้กำหนดเรื่องการใช้สัตว์ในการถ่ายรายการโดยตรง มีเพียงระบุว่าไม่ให้ใช้ความรุนแรงหรือมีการทรมาน ซึ่งในการตีความก็ย่อมหมายรวมถึงสัตว์ด้วย อย่างไรก็ตาม จะมีการร่างแนวปฏิบัติในเรื่องดังกล่าวขึ้นมาและนำไปรับฟังความคิดเห็นจากทั้งสมาชิกองค์กรวิชาชีพ รวมถึงผู้ให้บริการช่องรายการและผู้ผลิตเนื้อหาในสื่อ ตลอดจนภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด

“แนวปฏิบัติเรื่องการใช้สัตว์ในรายการ ในละคร ยังไม่เคยมีขึ้น ดังนั้นถือเป็นสิ่งที่เราต้องทำโดยเร่งด่วน เพราะในตอนนี้มีเคสเกิดขึ้นแล้วและไม่อยากให้เกิดซ้ำ” นายชวรงค์ กล่าว

“การกำกับดูแลกันเองในทางจริยธรรมจะเกิดไม่ได้ถ้าประชาชนและภาคประชาสังคมไม่ตื่นตัว เพราะไม่ใช่เรื่องที่ใช้กฎหมายในการบังคับ ก็ขอบคุณความตื่นตัวในสังคมที่ทำให้เราได้มาคุยกันในวันนี้” นายกสมาคมสภาวิชาชีพกิจการการแพร่ภาพและการกระจายเสียง (ประเทศไทย) กล่าว.

 

ข้อเสนอแนะและแนวทางการดำเนินงานในอนาคต

จากการสัมมนาครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมได้เห็นพ้องกันที่จะร่วมกันผลักดันให้เกิดการจัดทำแนวปฏิบัติสำหรับการใช้สัตว์ในอุตสาหกรรมบันเทิง โดยมีการกำหนดมาตรฐานที่ชัดเจน มีการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และมีการสร้างความตระหนักให้กับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย

เป้าหมายสูงสุดของการดำเนินงานครั้งนี้ คือการสร้างสังคมที่ให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของสัตว์ และเพื่อให้วงการบันเทิงไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากลในด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 ส่องแสงเจิดจ้า สร้างสีสันเมืองเชียงราย

เชียงรายผนึกกำลังทุกภาคส่วน กระตุ้นการท่องเที่ยว ต้อนรับฤดูหนาวและเทศกาลปีใหม่

เชียงราย 11 พฤศจิกายน 2567 – นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในการประชุมเพื่อวางแผนฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

เน้นย้ำความร่วมมือทุกภาคส่วน สร้างการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

ในการประชุมดังกล่าว รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชียงรายให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้ จังหวัดเชียงรายได้เตรียมกิจกรรมและโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เดินทางมาเยือน

ผสมผสานทุกองค์ประกอบ สร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่แตกต่าง

จังหวัดเชียงรายมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่หลากหลาย โดยผสมผสานกิจกรรมทางด้านกีฬา การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การชิมอาหารพื้นเมือง และการสัมผัสวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบัน

เซ็นทรัล เชียงราย จัดงาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” ต้อนรับนักท่องเที่ยว

เพื่อตอกย้ำความเป็นเมืองท่องเที่ยว ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำ ได้แก่ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โครงการพัฒนาดอยตุง) จัดงาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” ขึ้น โดยมีไฮไลท์สำคัญคือ “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” สูง 15 เมตร ที่ออกแบบและสร้างสรรค์โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Chiang Rai The Sense of Art” ซึ่งเป็นการนำเสนอเรื่องราวของดินแดนแห่งศิลปะและดอกไม้ของจังหวัดเชียงราย ผ่านการนำดอกไม้เมืองหนาว 9 สายพันธุ์ มาประดับตกแต่งบนต้นคริสต์มาส

“ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” สัญลักษณ์แห่งความสร้างสรรค์และภูมิปัญญาชาวดอย

“ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” นับเป็นผลงานศิลปะที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ภาครัฐ และชุมชน โดยใช้ผ้าพื้นเมืองและเครื่องประดับจากชนเผ่ามาประดับตกแต่ง ซึ่งเป็นการส่งเสริมภูมิปัญญาและผลิตภัณฑ์ของชุมชนท้องถิ่นไปพร้อมกัน นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างสรรค์แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดเชียงราย และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือน

กิจกรรมภายในงาน

  • ชม “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” และสัมผัสความสวยงามของศิลปะและดอกไม้
  • ช้อปปิ้งสินค้าหัตถกรรม จากชุมชนต่างๆ
  • ลิ้มลองอาหารพื้นเมือง รสชาติอร่อย
  • ร่วมกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น การแสดงดนตรี การประกวด และเวิร์คช็อป

ช่วงเวลาแห่งความสุขส่งท้ายปีที่เชียงราย

งาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” จะจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 มกราคม 2568 ณ บริเวณลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ผู้ที่สนใจสามารถมาร่วมสัมผัสบรรยากาศแห่งความสุขและความอบอุ่นในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้ที่นี่

เชียงรายพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน

จังหวัดเชียงรายขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกท่านมาสัมผัสเสน่ห์ของเมืองแห่งขุนเขาและวัฒนธรรมล้านนา พร้อมร่วมสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่แสนประทับใจ

พบกับพิธีเปิดสุดยิ่งใหญ่ในวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

ติดตามความเคลื่อนไหวเซ็นทรัลพัฒนา คลิก                     https://www.centralpattana.co.th/th/shopping/shopping-update/lifestyle-activities

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

Cyber Booster เปิดตัวโครงการ สร้างภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์ทั่วไทย

เปิดตัวโครงการ Cyber Booster ถึงเวลาฉีดวัคซีน#สร้างภูมิสู้ภัยไซเบอร์ 5 หน่วยงานร่วมผนึกกำลัง ป้องกันประชาชนจากภัยร้ายออนไลน์

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ,สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ,รายการสถานีประชาชน สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และ บริษัท เทลสกอร์ จำกัด ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ Cyber Booster #สร้างภูมิสู้ภัยไซเบอร์ ในรายการสถานีประชาชน สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส 

โครงการที่ผลิตและเผยแพร่สื่อเตือนภัยเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันสู้ภัยไซเบอร์ ซึ่งมีจุดริเริ่มมาจากสถานการณ์สังคมไทยปัจจุบันที่ต้องเผชิญปัญหาที่มาจากภัยไซเบอร์ การแสวงหาประโยชน์จากกลุ่มมิจฉาชีพที่หลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ เว็บไซต์ปลอมที่แอบอ้างเป็นหน่วยงานราชการ และ การลักลอบใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหายนำมาข่มขู่ให้เกิดความกลัวและยอมทำตามที่มิจฉาชีพต้องการ 

ซึ่งจากปัญหาและผลกระทบดังกล่าว โครงการ Cyber Booster จะเข้ามาสร้างการตระหนักรู้ในภัยไซเบอร์ในช่องทางออนไลน์เพื่อสร้างความเข้าใจและเสริมภูมิคุ้มกันต่อมิจฉาชีพแก่ประชาชน รวมทั้งช่วยประชาสัมพันธ์ช่องทางการช่วยเหลือจากภาครัฐให้ประชาชนทราบผ่านชุดคลิปวิดีโอจำนวน 17 เรื่องที่จัดทำขึ้น  

นำโดย พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือ สารวัตรแจ๊ะ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (IDMB)ร.ต.อ.นนทพัทธ์ อินทรศวร ผู้กองวิน และ หมวดแพนด้า ร.ต.ท.หญิง กานต์สินี สิทธิโชติพงศ์ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) และ ทีมกากีนั้งทีวี พ.ต.ต.พากฤต กฤตยพงษ์,  ร.ต.อ.พิชพงศ์ โสมกุล,  ร.ต.อ.หญิง พิชญากร สุขทวี ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (PCT) พร้อมทั้ง คุณธิดารัตน์ อนันตรกิตติ ผู้ดำเนินรายการ สถานีประชาชน สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
 

ด้าน ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า ความจริงแล้วคนไทยมีความตระหนักในเรื่องการใช้สื่อมานาน รู้ว่าสื่อจะเป็นช่องทางที่สร้างประโยชน์และทำให้เกิดความเสียหาย ต้องยอมรับว่าวันนี้ทุกคนอยู่กับเครื่องมือสื่อสารมากกว่าสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตแต่แม้จะมีการแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่ให้ระวังมิจฉาชีพอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังพบว่ามีประชาชนจำนวนมากที่ถูกหลอก ซึ่งเรื่องนี้สะท้อนว่าไม่ใช่ความปกติ ฉะนั้นสังคมไทยถึงเวลาที่จะต้องมาร่วมกันคิดหาทาง และยกระดับการป้องกัน

 

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ มีหน้าที่รณรงค์ส่งเสริมให้สื่อสร้างสิ่งดี ๆ เพื่อเป็นเกราะป้องกันให้ประชาชนผ่านการจับมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้บังคับใช้กฎหมาย ที่จะต้องเพิ่มความเข้มงวดไปพร้อมกับ หน่วยงานประชาสัมพันธ์ที่จะต้องช่วยกันรณรงค์ต่อเนื่อง

 

“อย่าคิดว่าเรื่องอาชญากรรมออนไลน์เป็นเรื่องของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง วันนี้เรามาเริ่มจุดประกายเชิญชวนให้ทุกคนการสร้างภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์” ดร.ธนกร กล่าว

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (IDMB) ระบุว่า ที่ผ่านมาตำรวจพยายามทำหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่เพื่อสู้กับมิจฉาชีพ แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่ามิจฉาชีพเองมีพัฒนาการต่อไปไม่หยุดยั้ง เปรียบเหมือนตำรวจที่อยู่ในสงครามสู้กับมิจฉาชีพ 5G 

 

และยิ่งปัจจุบันความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านการปราบปรามเป็นไปได้ยากขึ้น เพราะคนร้ายพยายามใช้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องหรือประเทศที่ 3 เข้ามาเป็นผู้ดำเนินการ เช่น กลุ่มคนร้ายประเทศ A ใช้ฐานที่ตั้งประเทศ B โดยมีลูกทีมเป็นคนประเทศ C  

 

แต่ในวันนี้ที่นับเป็นจุดเริ่มต้นโครงการ Cyber Booster ทำให้เรามีความหวัง ทุกคนในที่นี้และที่กำลังจะร่วมมือกันในอนาคต กำลังสร้างการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชน เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันร่วมกัน

 

“คนไทยที่ถูกหลอกส่วนมากจะอายและไม่กล้าออกมาเปิดเผยตัว ในฐานะตำรวจขอให้ผู้ที่เสียหายเดินเข้าหาเจ้าหน้าที่ออกมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ออกมาแจ้งความเพื่อเป็นตัวอย่างและภูมิคุ้มกันให้คนอื่น ๆ” พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าว

ขณะที่ คุณนันทสิทธิ์ นิตย์เมธา นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์  กล่าวว่า เทคโนโลยีมีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนร้ายเองก็ร่วมเรียนรู้ไปกับข่าวสาร สิ่งสำคัญที่เราต้องทำในฐานะสื่อคือ ต้องเรียนรู้ก้าวไปข้างหน้าและพยายามกระจายข้อมูลวิธีการและรูปแบบของคนร้ายไปสู่ภาคประชาชน 

 

ในสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ที่ขณะนี้มีสมาชิกกว่า 50 สื่อชั้นนำ ทั้งสื่อใหม่และสื่อดั้งเดิม ทุกหน่วยพร้อมที่จะกระจายข้อมูล  ข่าวสารที่เป็นประโยชน์ให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม

 

“ยุคนี้เราปราบปรามอย่างเดียวไม่ได้ การสร้างภูมิคุ้มกันเป็นจุดเริ่มต้นของการป้องกัน” คุณนันทสิทธิ์ กล่าว

ด้านคุณสุวิตา จรัญวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท เทลสกอร์ จำกัด กล่าวว่า บทบาทของภาคเอกชนในการนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับภัยไซเบอร์ยังสามารถขยายและพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อีก แม้ว่าขณะนี้หลายภาคส่วนจะพยายามสร้างความตระหนักรู้แล้ว แต่เนื้อหาที่เป็นข่าวภัยไซเบอร์ยังคงต้องถูกนำเสนอในหลากหลายช่องทางและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้รับสารมากขึ้น โดยเฉพาะผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่คนใช้งานประจำ 

 

“Tellscore มองว่าการร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ให้ข้อมูลในช่องทางที่เข้าถึงผู้คนได้อย่างใกล้ชิด สามารถสร้างอิทธิพลให้คนเข้าใจและเห็นความสำคัญของภัยไซเบอร์ได้มากขึ้น” คุณสุวิตา กล่าว

สามารถติดตามข่าวสารของ โครงการ Cyber Booster #สร้างภูมิสู้ภัยไซเบอร์   และช่องทางการเผยแพร่ชุดคลิปวิดีโอ ตามสื่อโซเชียลมีเดีย ดังนี้

 

Facebook / Tiktok / Youtube

– กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

– สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ 

– รายการสถานีประชาชน 

– สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

– ตำรวจสอบสวนกลาง CIB 

– สืบนครบาล IDMB

– Saranitet Police

– KhakinangTV กากีนั้งทีวี

– POLICETV

– Tellscore

บทสรุป

โครงการ Cyber Booster เป็นก้าวสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนไทยในการเผชิญหน้ากับภัยไซเบอร์ การร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนช่วยเสริมสร้างการรับรู้และการป้องกันภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนทุกคนควรร่วมกันตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และเรียนรู้วิธีการป้องกันตนเองอย่างต่อเนื่อง

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและดาวน์โหลดชุดคลิปวิดีโอจากโครงการ Cyber Booster ได้ที่เว็บไซต์ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ หรือโครงการ Cyber Booster #สร้างภูมิสู้ภัยไซเบอร์ ผ่านทางช่องทางหลัก https://www.sonp.or.th/ 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

CPFC จับมือ IKEA-ดีแคทลอน ปฏิวัติร้านสะดวกซื้อใหม่ในเชียงใหม่

CPFC จับมือ IKEA และ Decathlon สร้างมิติใหม่ของร้านสะดวกซื้อในเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 บริษัท ซีพี ฟิวเจอร์ ซิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ CPFC ร่วมกับ CP AXTRA, CP All และ TRUE ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ IKEA และ Decathlon สองยักษ์ใหญ่ในธุรกิจรีเทลระดับโลก เปิดตัว “ฟิวเจอร์ คอนวีเนียนซ์ สโตร์” (FCS) ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ของร้านสะดวกซื้อบนทำเลหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โดยเน้นการออกแบบที่ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชน นำเสนอประสบการณ์ช้อปปิ้งที่เข้าถึงง่ายและสะดวกสบาย คาดว่าร้านนี้จะเป็นต้นแบบสำหรับการขยายสาขาในอนาคตทั่วประเทศ

แนวคิดและเป้าหมายของความร่วมมือ

คุณปพิตชญา สุวรรณดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ CPFC กล่าวว่าความร่วมมือครั้งนี้เน้นการผสมผสานความเชี่ยวชาญของทุกฝ่าย ทั้ง CPFC และพันธมิตรระดับโลกอย่าง IKEA และ Decathlon เพื่อสร้างสรรค์มิติใหม่ให้กับธุรกิจร้านสะดวกซื้อ นอกจากการนำเสนอสินค้าคุณภาพจาก IKEA และ Decathlon แล้ว ยังเน้นการออกแบบร้านที่คำนึงถึงการใช้ชีวิตและวัฒนธรรมในชุมชนท้องถิ่น ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกและการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน

โมเดล FCS ร้านสะดวกซื้อแห่งอนาคต

โมเดล FCS ของ CPFC ที่จะเริ่มต้นเปิดให้บริการในต้นปี 2568 ณ แม็คโคร สาขาหางดง เชียงใหม่ จะเป็นร้านสะดวกซื้อที่แตกต่างจากร้านทั่วไป โดยมีสินค้าและบริการที่หลากหลาย เหมาะสำหรับผู้บริโภคนอกเขตกรุงเทพฯ และเน้นการพัฒนาประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เข้าถึงง่ายในชุมชน โดยเป็นการผสานแนวคิดรีเทลล้ำสมัยเข้ากับการสร้างความยั่งยืนและความสะดวกสบายแก่ผู้คนในชุมชน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของโครงการ

เกี่ยวกับซีพี ฟิวเจอร์ ซิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น (CPFC)

CPFC เป็นผู้นำในด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในปี 2563 ภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และการบริหารจัดการให้อยู่ในมาตรฐานคุณภาพสูงสุด โดย CPFC มีเป้าหมายในการสร้างสรรค์โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่น่าอยู่ สะดวกสบาย และยั่งยืนผ่านนวัตกรรมที่ทันสมัย นอกจากนี้ CPFC ยังให้ความสำคัญกับโครงการอสังหาฯ แบบมิกซ์ยูสและโครงการที่ตั้งอยู่รอบสถานีรถไฟความเร็วสูง โดยเน้นพัฒนาโครงการที่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยและผลักดันความเจริญในประเทศ

แผนการขยายและอนาคตของ FCS ทั่วประเทศ

หลังจากที่สาขาหางดงเปิดทำการ CPFC มีแผนที่จะขยายโมเดล FCS ไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายในการสร้างเครือข่ายร้านสะดวกซื้อที่เป็นมิตรกับชุมชน นำเสนอบริการที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละท้องถิ่น และส่งเสริมการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ความร่วมมือระหว่าง CPFC, IKEA และ Decathlon ไม่เพียงแค่สร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ให้กับการช้อปปิ้งในร้านสะดวกซื้อ แต่ยังเป็นการผสานพลังเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด ลดขยะ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท ซีพี ฟิวเจอร์ ซิตี้ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (ซีพีเอฟซี)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

Amex เผยคนไทยนิยมโซเชียลมีเดีย ใช้ค้นหาอาหารและแบรนด์เนม

“Amex เผยโซเชียลมีเดียครองใจคนไทย ใช้ค้นหาร้านดัง-เลือกซื้อแบรนด์เนม”

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 American Express (อเมริกัน เอ็กซ์เพรส) ได้เปิดเผยผลสำรวจเรื่องแนวโน้มการท่องเที่ยว การรับประทานอาหาร และไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมสำหรับผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งพบว่าชาวไทย โดยเฉพาะในกลุ่มมิลเลนเนียลและเจน Z มีพฤติกรรมการใช้สื่อสังคมออนไลน์ (โซเชียลมีเดีย) เพื่อการค้นหาร้านอาหารและตัดสินใจซื้อสินค้าลักเซอรี่ต่าง ๆ สูงขึ้น โดยพบว่า 85% ของผู้ตอบแบบสำรวจใช้โซเชียลมีเดียเพื่อค้นหาร้านอาหารใหม่ ๆ และ 67% ใช้ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าลักเซอรี่ นับเป็นช่องทางการค้นหาข้อมูลที่มีอิทธิพลอันดับหนึ่งในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย

ในส่วนของช่องทางอื่นที่คนไทยนิยมใช้ในการค้นหาข้อมูล 3 อันดับแรกนอกเหนือจากโซเชียลมีเดีย คือ การบอกต่อ (46%) และรีวิวออนไลน์ (43%) ขณะเดียวกันการเลือกซื้อสินค้าลักเซอรี่ คนไทยมักจะเลือกอ้างอิงคำแนะนำจากคนในครอบครัว (41%) และโฆษณาจากสื่อต่าง ๆ (38%)

การทานอาหารนอกบ้านและสิทธิพิเศษส่งเสริมการตัดสินใจ 

จากการสำรวจพบว่าคนไทยยังคงนิยมการรับประทานอาหารนอกบ้านเป็นอย่างมาก โดย 73% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่ามักไปรับประทานอาหารนอกบ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 โดยเฉพาะในกลุ่มมิลเลนเนียลและเจน Z นอกจากนี้ เกือบ 8 ใน 10 ของผู้ตอบแบบสอบถามมักไปรับประทานอาหารกับครอบครัว โดยเทคนิคที่นิยมใช้มากที่สุดคือการไปรับประทานอาหารในช่วงเวลาที่คนไม่เยอะ (45%) เพื่อเพิ่มโอกาสในการจองโต๊ะได้ง่ายขึ้น สำหรับกลุ่มลูกค้าของอเมริกัน เอ็กซ์เพรส การจองร้านอาหารผ่าน Concierge ของบัตรเครดิตก็เป็นที่นิยมในกลุ่มมิลเลนเนียลและเจน Z

นอกจากนี้ 8 ใน 10 ของผู้ตอบแบบสอบถามยังให้ความสนใจสิทธิพิเศษในการเลือกร้านอาหาร ทำให้หลายคนมองหาร้านที่มีโปรโมชั่นพิเศษเพื่อตัดสินใจเลือก ซึ่งตรงกับนโยบายของอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ที่มอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกบัตรหลากหลาย อาทิ เครดิตเงินคืนสำหรับการรับประทานอาหารมูลค่า 14,000 บาท และโปรโมชั่น “1 for 1” สำหรับ Sunday Brunch ที่โรงแรมชั้นนำในกรุงเทพฯ

พฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าลักเซอรี่

จากผลสำรวจพบว่า ชาวไทยให้ความสำคัญกับคุณภาพและฝีมือการผลิต (86%) รองลงมาคือค่านิยมของแบรนด์ที่ตรงกับค่านิยมส่วนบุคคล (80%) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนไทยที่เลือกซื้อสินค้าลักเซอรี่คำนึงถึงคุณภาพที่ยั่งยืนมากกว่าราคาถูก โดยมีแนวโน้มที่จะเลือกแบรนด์ที่มีคุณภาพสูง เช่น รองเท้าและกระเป๋าถือในกลุ่มผู้หญิง และนาฬิกาในกลุ่มผู้ชาย สำหรับผู้ถือบัตร American Express ยังได้รับสิทธิพิเศษเช่น การเข้าถึงสินค้าคอลเลกชันใหม่ก่อนใคร รวมถึงข้อเสนอพิเศษจากแบรนด์ชั้นนำที่มีการร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลก

นายพร้อม สิริสันต์ ผู้จัดการใหญ่ American Express ประเทศไทย กล่าวว่า “บริษัทต้องการมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารนอกบ้านที่มีคุณภาพให้กับคนไทยโดยการร่วมมือกับร้านอาหารชั้นนำหลายแห่งและแสวงหาพาร์ตเนอร์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง”

สถิติผู้ตอบแบบสอบถามและแนวโน้มการซื้อสินค้าพรีเมียม

การสำรวจครั้งนี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 2-16 พฤษภาคม 2567 โดยบริษัท Kantar โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 363 คน ซึ่งเป็นชาวไทยที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 140,000 บาท ขึ้นไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : American Express (อเมริกัน เอ็กซ์เพรส)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

โออาร์ ร่วม CIB ช่วยแม่สาย ฟื้นฟูภัยน้ำท่วม

โออาร์และ CIB ส่งมอบกำลังใจ ช่วยผู้ประสบอุทกภัยแม่สายในโครงการ “จากใจ สู่ใจ ฟื้นฟูภัยน้ำท่วม”

โออาร์ร่วมมือ CIB ช่วยผู้ประสบอุทกภัย ฟื้นฟูชีวิตหลังน้ำลด

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จัดโครงการจิตอาสา “จากใจ สู่ใจ ฟื้นฟูภัยน้ำท่วม” เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีการมอบเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น เช่น หม้อหุงข้าวและพัดลม รวมทั้งหมด 80 ชิ้น โดยนายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโออาร์ เป็นผู้มอบให้แก่ พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในพิธีมอบ ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กรุงเทพฯ

โออาร์ร่วมสนับสนุนเครื่องดื่มคาเฟ่ อเมซอน มอบให้ผู้ประสบภัย

นอกจากนี้ โออาร์ยังได้มอบเครื่องดื่มจากคาเฟ่ อเมซอน จำนวน 1,000 แก้ว เพื่อส่งเสริมกำลังใจแก่ผู้ประสบอุทกภัย โดยเครื่องดื่มนี้ถูกส่งไปยังโรงเรียนบ้านเหมืองแดง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นสถานที่ศูนย์รวมผู้ประสบภัยภายในโครงการ โออาร์แสดงความมุ่งมั่นในการฟื้นฟูชีวิตและสนับสนุนชุมชนผ่านการมอบสิ่งของที่จำเป็น โดยการสนับสนุนครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดการช่วยเหลือที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

การช่วยเหลือเพิ่มเติมใน 7 จังหวัดภาคเหนือ

โออาร์ยังได้ร่วมกับผู้แทนจำหน่ายก๊าซหุงต้ม ปตท. ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ มอบก๊าซหุงต้มจำนวน 3,223 กิโลกรัม ถุงยังชีพ 3,250 ชุด น้ำดื่ม 9,500 ขวด และถุงบิ๊กแบ๊กจำนวน 1,000 ถุง เพื่อใช้เป็นแนวป้องกันน้ำในจังหวัดภาคเหนือ รวมถึงจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง พะเยา เชียงราย น่าน แพร่ และสุโขทัย เพื่อสร้างความมั่นคงแก่ชุมชนและช่วยลดผลกระทบจากอุทกภัย

มุ่งมั่นสานต่อความช่วยเหลือและเฝ้าระวังสถานการณ์ใกล้ชิด

โออาร์ยืนยันว่าจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนความช่วยเหลือที่จำเป็นและเป็นกำลังใจให้ชุมชนในพื้นที่อำเภอแม่สายให้สามารถฟื้นฟูชีวิตและก้าวผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News