Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

พระสิงห์ทรงชัยเหนือสยาม พุทธศิลป์ร่วมสมัยสู่สายตาโลก

พิธีพุทธาภิเษก “พระสิงห์ทรงชัยเหนือสยาม” และ “เมตไตรยกาล” งานพุทธศิลป์ร่วมสมัย เชียงราย

เชียงราย – เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 วัดพระสิงห์ พระอารามหลวง จังหวัดเชียงราย ได้จัดพิธีพุทธาภิเษกผลงานพุทธศิลป์ร่วมสมัย “พระสิงห์ทรงชัยเหนือสยาม” และ “เมตไตรยกาล” ซึ่งออกแบบโดย ดร.จีรวุฒิ บุญช่วยนำผล ศิลปินผู้มีเอกลักษณ์ด้านการสร้างสรรค์พุทธศิลป์ร่วมสมัย และ อ.อโณทัย บุษราคำวิสิฐ ผู้กำกับงานออกแบบ โดยมีประชาชนร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

พิธีพุทธาภิเษกในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบ 30 ปีที่วัดพระสิงห์ได้รับพระราชทานเป็นพระอารามหลวง โดยมีการจัดสร้างผลงานพุทธศิลป์ในหลากหลายรูปแบบ ได้แก่

  • พระกริ่งคล้องคอ ขนาด 4 ซม. และพระบูชาขนาด 3 นิ้วและ 5 นิ้ว
  • เหรียญหล่อพุทธศิลป์ ขนาด 5 ซม.
  • พระบูชาพุทธศิลป์เต็มรูปแบบ ขนาดสูง 6 นิ้ว และ 15 นิ้ว

ผลงานทั้งหมดได้รับการออกแบบอย่างประณีตด้วยเทคโนโลยี 3D Sculpture ที่ผสานแนวคิดลายไทยและความร่วมสมัย สร้างสรรค์โดยทีมงานคุณภาพ นำโดย อาจารย์คิว (Jeerawut Boonchuaynampon) และทีมงานจากโรงหล่อระลึก

พุทธศิลป์ที่สะท้อนเอกลักษณ์และความทุ่มเทของศิลปิน

ดร.จีรวุฒิ บุญช่วยนำผล ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงาน กล่าวถึงกระบวนการสร้างสรรค์ว่า งานทุกชิ้นได้รับการทุ่มเทอย่างเต็มที่และพัฒนาด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) ซึ่งช่วยเพิ่มมิติด้านความกว้าง ยาว และลึกในผลงาน นับเป็นการประยุกต์ศิลป์ที่ยกระดับศิลปะไทยไปอีกขั้น

“ทุกชิ้นงานของผมคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผมใช้ทั้งฝีมือและพลังสร้างผลงานให้ดีที่สุด ไม่ใช่เพียงเพื่อสะท้อนความงามทางศิลปะเท่านั้น แต่เพื่อส่งต่อคุณค่าทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ” ศิลปินกล่าว

ความสำคัญของการสร้างผลงานพุทธศิลป์ในยุคดิจิทัล

ศิลปินและทีมงานยังเผยว่าการสร้างผลงานด้วยเทคโนโลยี 3D Sculpture ช่วยให้ผลงานสามารถถ่ายทอดรายละเอียดและความงดงามของลวดลายไทยได้อย่างสมจริง ทั้งยังสะท้อนความร่วมสมัยที่สามารถเชื่อมโยงศิลปะไทยกับนานาชาติ

“ผลงานพุทธศิลป์ร่วมสมัยเหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทย แต่ยังเป็นสื่อกลางที่ช่วยให้คนรุ่นใหม่สามารถเข้าใจและเข้าถึงความงามของพุทธศิลป์ไทยได้ง่ายขึ้น” ดร.จีรวุฒิ กล่าว

งานศิลป์ที่เป็นมากกว่าความงาม

ภายในพิธีประชาชนยังได้ชมผลงานสร้างชื่อของศิลปินในอดีต รวมถึงผลงานใหม่ ๆ ที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์และคุณค่า งานแต่ละชิ้นเต็มไปด้วยความหมายและสะท้อนความอุตสาหะของผู้สร้าง

นอกจากนี้ พุทธศิลป์ร่วมสมัยที่จัดแสดงในครั้งนี้ยังผสมผสานระหว่างศิลปะไทยและความเป็นสากลได้อย่างลงตัว สื่อถึงการปรับตัวของศิลปะไทยในยุคใหม่ที่ยังคงรักษารากเหง้าวัฒนธรรมอันล้ำค่า

จุดหมายสู่อนาคตของพุทธศิลป์ไทย

พิธีพุทธาภิเษกครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญในการผลักดันศิลปะไทยสู่ระดับสากล พร้อมทั้งเชิดชูคุณค่าของพุทธศิลป์ที่ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังสะท้อนจิตวิญญาณแห่งความศรัทธาและวัฒนธรรมไทยที่ล้ำค่า

งานพุทธศิลป์ “พระสิงห์ทรงชัยเหนือสยาม” และ “เมตไตรยกาล” ไม่เพียงแต่เป็นผลงานทางศิลปะ แต่ยังเป็นเครื่องหมายแห่งความศรัทธาและความงดงามที่เชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

โครงการสืบสาน อนุรักษ์ ประเพณีวัฒนธรรม 4 ชนเผ่า ประจำปี 2568 ที่บ้านปางขอน จ.เชียงราย

โครงการสืบสาน อนุรักษ์ ประเพณีวัฒนธรรม 4 ชนเผ่า ประจำปี 2568 ที่บ้านปางขอน จ.เชียงราย

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 ณ สนามโรงเรียนจีนบ้านปางขอน ม.7 ต.ห้วยชมภู อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ได้มีการจัดพิธีเปิดโครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ ประเพณีวัฒนธรรม 4 ชนเผ่า” ประจำปี 2568 ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายวิรัตน์ วงศ์มา แรงงานจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน โดยมี นายยุทธชัย ไอ่ดอ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยชมภู (อบต.ห้วยชมภู) นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ร่วมจัดกิจกรรมในครั้งนี้

บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความสนุกสนานและสีสันสดใสจากการแต่งกายในชุดชนเผ่าของผู้ร่วมงาน ซึ่งประกอบไปด้วยผู้แทนจากหน่วยงานราชการ เอกชน ผู้นำชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่จำนวนมาก

ส่งเสริมการเรียนรู้และอนุรักษ์วัฒนธรรมชนเผ่า

นายยุทธชัย ไอ่ดอ กล่าวว่า กิจกรรมสืบสาน อนุรักษ์ ประเพณีวัฒนธรรม 4 ชนเผ่านี้ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้เลือกจัดที่โรงเรียนจีนบ้านปางขอน เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้ประชาชนและเยาวชนได้เรียนรู้ถึงขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมของชนเผ่าต่าง ๆ ในท้องถิ่น

การจัดงานนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมชนเผ่า รวมถึงนำเสนอวัฒนธรรมเหล่านี้ให้กับนักท่องเที่ยวและสาธารณชนได้รับรู้อย่างกว้างขวาง อีกทั้งยังช่วยประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

กิจกรรมที่หลากหลายเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรม

กิจกรรมในงานประกอบด้วยนิทรรศการวิถีชีวิตของชนเผ่า 4 ชนเผ่าหลัก ได้แก่

  • ชนเผ่าอาข่า
  • ชนเผ่าลาหู่
  • ชนเผ่าอิ้วเมี่ยน
  • ชนเผ่าลีซู

นอกจากนี้ ยังมีการแสดงวัฒนธรรมประจำชนเผ่า เช่น การละเล่นพื้นบ้าน การเต้นรำตามเทศกาลดั้งเดิม และการแสดงที่ปรับปรุงให้ทันสมัย เพื่อให้สอดคล้องกับยุคปัจจุบัน

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

นายยุทธชัย กล่าวเสริมว่า งานนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อบต.ห้วยชมภู รวมถึงเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานราชการต่าง ๆ ในพื้นที่ ทั้งในด้านบุคลากร แรงกาย และแรงใจ

การมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้งานนี้สำเร็จลุล่วง โดยทุกคนได้ร่วมมือกันเพื่อสืบทอดประเพณีอันทรงคุณค่าให้คงอยู่ต่อไป

ส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านวัฒนธรรม

นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมแล้ว งานนี้ยังเป็นช่องทางสำคัญในการส่งเสริมศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมชนเผ่า ยังช่วยให้จังหวัดเชียงรายเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม

ข้อสรุป

กิจกรรม “สืบสาน อนุรักษ์ ประเพณีวัฒนธรรม 4 ชนเผ่า” เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงถึงความร่วมมือร่วมใจของประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ ในการสืบทอดวัฒนธรรมอันล้ำค่าให้ยังคงอยู่ และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับการพัฒนาท้องถิ่นในด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

กราฟฟิตี้รุ่นใหม่แต่งแต้มวัดร่องขุ่น สร้างสีสันใหม่เชียงราย

อ.เฉลิมชัย สนับสนุนศิลปะกราฟฟิตี้ สร้างแลนด์มาร์คใหม่ที่วัดร่องขุ่น

เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 เฟซบุ๊ก “นรินทร์ ทามาส” ลูกศิษย์ใกล้ชิดของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย เผยแพร่คลิปและภาพผลงานกราฟฟิตี้อันงดงามบนกำแพงข้าง วัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย ซึ่งผลงานชิ้นนี้เป็นฝีมือของกลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ 3 คน ที่อาจารย์เฉลิมชัยให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

ศิลปะที่เกิดจากการแอบสร้าง กลายเป็นจุดเช็คอินใหม่

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 มีกลุ่มวัยรุ่น 3 คนจากเชียงรายและเชียงใหม่แอบสร้างสรรค์งานกราฟฟิตี้บนกำแพงข้างวัดร่องขุ่น อาจารย์เฉลิมชัยเมื่อเห็นผลงาน ได้ไลฟ์สดตามหาศิลปินเหล่านี้ พร้อมเปิดโอกาสให้กลับมาทำผลงานให้สมบูรณ์ โดยย้ำว่า ไม่ต้องแอบทำ มาให้เสร็จสวยงามเลย” พร้อมมอบเงินจำนวน 10,000 บาทเพื่อสนับสนุนการซื้ออุปกรณ์พ่นสี

หลังจากที่กลุ่มวัยรุ่นติดต่อกลับ พวกเขาก็เริ่มต้นทำงานอีกครั้ง โดยเปลี่ยนผลงานใหม่ให้โดดเด่นและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ จนเสร็จสมบูรณ์ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา อาจารย์เฉลิมชัยถึงกับกล่าวชื่นชมในคลิปว่า ฝีมือดีขึ้นเยอะมาก สวยงามจนต้องมอบเงินค่าขนมเพิ่ม”

กราฟฟิตี้ที่สร้างความประทับใจ

ผลงานกราฟฟิตี้นี้ไม่เพียงแค่ดึงดูดสายตานักท่องเที่ยว แต่ยังสะท้อนถึงการสนับสนุนศิลปะรุ่นใหม่ในแบบที่ไม่ซ้ำใคร หลายคนในโซเชียลต่างเข้ามาชื่นชม เช่น สวยงามมากค่ะ เด็กๆ เก่งมากค่ะ”, ยอดเยี่ยมมากครับ”, และ ตามทุกที่ กำลังใจทุกงานครับอาจารย์”

วัดร่องขุ่น: จุดหมายปลายทางแห่งศิลปะ

วัดร่องขุ่นซึ่งเป็นผลงานศิลปะระดับโลกที่ได้รับการออกแบบและสร้างสรรค์โดยอาจารย์เฉลิมชัย ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และตอนนี้กำแพงข้างวัดที่ประดับด้วยกราฟฟิตี้จากศิลปินรุ่นใหม่ก็เพิ่มสีสันให้กับการเยี่ยมชม โดยเป็นแลนด์มาร์คใหม่ที่เชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปและสัมผัสบรรยากาศแห่งความสร้างสรรค์

สนับสนุนศิลปะรุ่นใหม่และส่งเสริมเชียงราย

การสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความใจกว้างของอาจารย์เฉลิมชัย แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการผลักดันเชียงรายให้เป็นเมืองแห่งศิลปะที่สร้างแรงบันดาลใจ โดยผลงานกราฟฟิตี้นี้กลายเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการเชื่อมโยงความคิดสร้างสรรค์และความรักในงานศิลปะเข้ากับชุมชน

ร่วมชมศิลปะกราฟฟิตี้แห่งใหม่ที่วัดร่องขุ่น

สำหรับผู้สนใจสามารถมาชมผลงานนี้ได้ที่กำแพงข้างวัดร่องขุ่น พร้อมดื่มด่ำกับความงามที่เต็มไปด้วยจินตนาการและความตั้งใจจากศิลปินรุ่นใหม่ งานนี้ไม่ควรพลาด!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ประเพณีกินวอ ชุมชนลาหู่ เชียงราย เฉลิมฉลองปีใหม่วัฒนธรรมเหนือ

วธ.ร่วมเฉลิมฉลองประเพณีกินวอ กลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่ ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง เชียงราย

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม 2568 เวลา 09.00 น. ณ ลานวัฒนธรรมชาติพันธุ์ลาหู่ ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นำโดยนางสาวณพิชญา นันตาดี นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ และทีมงาน ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ หรือ ประเพณีกินวอ ของกลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่ เพื่อสืบสานและรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีสำคัญของชุมชน

ประเพณีกินวอ: การเฉลิมฉลองที่มีเอกลักษณ์

ประเพณีกินวอ ถือเป็นประเพณีสำคัญของชาวลาหู่ ที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิต ศาสนา และวัฒนธรรมของเผ่า โดยการเฉลิมฉลองเริ่มต้นด้วย พิธีรดน้ำอวยพร เพื่อส่งความสุขและความเป็นสิริมงคลในวันขึ้นปีใหม่ ต่อด้วย การเต้นจะคึ ซึ่งเป็นการเต้นรำเพื่อบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในธรรมชาติ และแสดงความกตัญญูต่อพระเจ้า

ชาวลาหู่ทั้งชายและหญิงต่างแต่งกายในชุดประจำชาติพันธุ์ที่มีสีสันสดใสและลวดลายที่สวยงาม เพื่อสะท้อนอัตลักษณ์และภูมิปัญญาของชุมชน นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การสาธิตตำข้าวปุ๊ก ซึ่งเป็นอาหารพื้นถิ่น การละเล่นสะบ้า และ การตีลูกข่าง ที่สร้างความสนุกสนานและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในชุมชน

การส่งเสริมความสัมพันธ์และวัฒนธรรม

การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในชุมชน การสืบทอดประเพณีให้แก่คนรุ่นใหม่ และเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่มีคุณค่า โดยมีผู้เข้าร่วมงานทั้งจากชุมชนลาหู่ในพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงนักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศ

นางสาวณพิชญา นันตาดี นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ กล่าวว่า ประเพณีกินวอเป็นประเพณีที่สะท้อนถึงความสามัคคีและความเป็นหนึ่งเดียวของชาวลาหู่ นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนผ่านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างชาติพันธุ์ต่าง ๆ

ความสำคัญของประเพณีกินวอ

ประเพณีกินวอของชาวลาหู่มีรากฐานมาจากความเชื่อและความศรัทธาในธรรมชาติและพระเจ้า โดยในอดีต การจัดงานกินวอมีขึ้นเพื่อแสดงความกตัญญูต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองชุมชน รวมถึงการขอพรให้ปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ความสุข และความสงบสุข

พิธีกรรมและกิจกรรมในงาน ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและมีเอกลักษณ์ของชาวลาหู่ แต่ยังเป็นการส่งต่อคุณค่าแห่งความสามัคคีและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคม

ประเพณีกินวอกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว

การจัดงานกินวอในปีนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ทำให้พื้นที่ลานวัฒนธรรมชาติพันธุ์ลาหู่กลายเป็นจุดหมายที่นักเดินทางหลายคนเลือกมาเยือนในช่วงเทศกาลปีใหม่ การเฉลิมฉลองในครั้งนี้ยังสะท้อนถึงศักยภาพของเชียงรายในฐานะเมืองแห่งวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์

การสนับสนุนจากวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสืบสานประเพณีท้องถิ่น พร้อมสนับสนุนกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมและพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็ง โดยมีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและชุมชนในพื้นที่ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับวัฒนธรรมชาติพันธุ์

สรุป

การเฉลิมฉลองประเพณีกินวอของกลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่ในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการสืบสานขนบธรรมเนียมที่มีคุณค่า แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความตระหนักถึงการอนุรักษ์วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

สำหรับผู้ที่สนใจเรียนรู้วัฒนธรรมลาหู่และประเพณีกินวอ สามารถเยี่ยมชมงานประจำปีได้ที่ลานวัฒนธรรมชาติพันธุ์ลาหู่ ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง จังหวัดเชียงราย งานที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์วัฒนธรรมและความสนุกสนานที่ไม่ควรพลาด!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ส่งเสริมศิลปะพื้นบ้านเชียงราย ขับเคลื่อน Soft Power สร้างรายได้ชุมชน

เชียงรายจัดกิจกรรมส่งเสริมศิลปะการแสดงพื้นบ้าน ขับเคลื่อน Soft Power ด้วยมิติวัฒนธรรม

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ณ ห้องประชุมหอปรัชญารัชกาลที่ ๙ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย สภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และเครือข่ายสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย จัดกิจกรรม “ส่งเสริมศิลปะการแสดงพื้นบ้าน สร้างงาน สร้างรายได้”

เปิดงานโดยประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

กิจกรรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นผู้กล่าวต้อนรับและเปิดงาน โดยกิจกรรมดังกล่าวได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อนำศิลปะการแสดงพื้นบ้านมาสร้างคุณค่าทางสังคมและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ

เป้าหมายของการจัดกิจกรรม

กิจกรรมนี้มุ่งเน้นให้เกิดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและองค์กรเครือข่ายในการสืบสาน รักษา และต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม เพื่อสร้างความมั่นคงทางวัฒนธรรมและขับเคลื่อน Soft Power ด้วยมิติวัฒนธรรม สู่เศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน

เสวนาหัวข้อสำคัญ: ส่งเสริมศิลปะพื้นบ้านสร้างรายได้

กิจกรรมสำคัญในงานคือการเสวนาหัวข้อ “ส่งเสริมศิลปะการแสดงพื้นบ้านจังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างรายได้ สร้างงาน และความมั่นคงทางวัฒนธรรม” โดยมีผู้นำเสวนาที่มากด้วยประสบการณ์ ได้แก่

  1. นางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม
  2. นายนิรันดร์ แปงคำ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอพาน
  3. นายธันวา เหลี่ยมพันธุ์ ประธานองค์กรภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเชียงของ

การเสวนาได้รับการดำเนินรายการโดย ดร.รัชฏ์พันธ์ รัชนีวงศ์ รองประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางการส่งเสริมศิลปะพื้นบ้านให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

การแสดงศิลปะพื้นบ้านจาก 5 อำเภอ

ภายในงานมีการแสดงศิลปะพื้นบ้านที่หลากหลายและสะท้อนเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ในจังหวัดเชียงราย ได้แก่:

  1. การแสดงฟ้อนดาบ โดยนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
  2. การขับร้องพื้นเมือง จากสภาวัฒนธรรมอำเภอแม่สรวย
  3. การฟ้อนเจิง จากสภาวัฒนธรรมอำเภอเชียงแสน
  4. การแสดงชาติพันธุ์เทอดไทย จากสภาวัฒนธรรมอำเภอแม่ฟ้าหลวง
  5. การแสดงตอกเส้นประกอบดนตรี จากสภาวัฒนธรรมอำเภอพาน

บูธจำหน่ายสินค้าทางวัฒนธรรมจาก 18 อำเภอ

อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานคือการออกบูธจำหน่ายและสาธิตมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมจากเครือข่ายสภาวัฒนธรรมทั้ง 18 อำเภอในจังหวัดเชียงราย ซึ่งแสดงถึงความหลากหลายและความงดงามของวัฒนธรรมพื้นถิ่น

การสนับสนุนจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่จากกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม รวมถึงนักวิชาการวัฒนธรรมจากทุกอำเภอในเชียงรายเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างองค์กร

ส่งเสริม Soft Power ผ่านศิลปะและวัฒนธรรม

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างงานและรายได้ให้แก่ชุมชน แต่ยังส่งเสริมการใช้มิติทางวัฒนธรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับจังหวัดเชียงรายในฐานะเมืองแห่งวัฒนธรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE TRAVEL

เทศกาลชิมชา วัฒนธรรมชนเผ่า และของดีดอยแม่สลอง ครั้งที่ 27

สัมผัสเสน่ห์วัฒนธรรมชนเผ่าและชาเลิศรสในงาน “เทศกาลชิมชา วัฒนธรรมชนเผ่า และของดีดอยแม่สลอง ครั้งที่ 27”

องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก จังหวัดเชียงราย เชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสความงดงามของศิลปะและวัฒนธรรมชนเผ่าในงาน “เทศกาลชิมชา วัฒนธรรมชนเผ่า และของดีดอยแม่สลอง ครั้งที่ 27” ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568 ณ พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือ ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

ดอยแม่สลอง: เสน่ห์แห่งวัฒนธรรมชนเผ่าและธรรมชาติ

ดอยแม่สลองถือเป็นพื้นที่สำคัญที่สะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและธรรมชาติอันงดงาม ภูมิประเทศบนยอดเขาสูงที่มีถึง 5 ยอด และระดับความสูงเฉลี่ย 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มอบวิวทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดปี พื้นที่รวมกว่า 115.26 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 72,045 ไร่

ในช่วงฤดูหนาว อากาศจะเย็นสบายเป็นพิเศษ โดยอุณหภูมิต่ำสุดอาจลดลงถึง 3 องศาเซลเซียส ซึ่งเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวและเพลิดเพลินกับกิจกรรมภายในงาน

กิจกรรมภายในงานที่ไม่ควรพลาด

  1. การประกวดชาคุณภาพของดอยแม่สลอง
    งานนี้เปิดโอกาสให้ผู้ปลูกชาและผู้ผลิตชาคุณภาพในพื้นที่ได้แสดงศักยภาพผ่านการประกวดชาชั้นนำ
  2. การประกวดธิดาชา
    สาวงามผู้มีความรู้และความสามารถเกี่ยวกับชาและวัฒนธรรมชนเผ่าจะแข่งขันกันในงานนี้
  3. การแข่งขันทำอาหารชนเผ่า
    พบกับอาหารพื้นเมืองที่สะท้อนเอกลักษณ์ของชนเผ่าดอยแม่สลอง
  4. การแสดงชาติพันธุ์ชนเผ่า
    เพลิดเพลินกับการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากชนเผ่าต่าง ๆ ทั้งการแต่งกาย เสียงเพลง และท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์
  5. การประกวดขบวนชาติพันธุ์ชุมชนดอยแม่สลอง
    ชมขบวนแห่ที่สื่อถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมอันหลากหลาย
  6. นิทรรศการมากมาย
    เรียนรู้ประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาชุมชนผ่านนิทรรศการที่จัดแสดงอย่างสร้างสรรค์

เชียงราย: เมืองสร้างสรรค์ระดับโลก

เชียงรายได้รับการยอมรับในระดับสากลในฐานะเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยได้รับการผลักดันจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ที่มองเห็นศักยภาพในอดีตและอนาคตของพื้นที่นี้

ในปี 2566 เชียงรายต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 6.14 ล้านคน และสร้างรายได้กว่า 46,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึงร้อยละ 20-30 และในปี 2567 ตัวเลขนักท่องเที่ยวยังคงเพิ่มขึ้น โดยในเดือนตุลาคมเพียงเดือนเดียวมีผู้เยี่ยมชมแล้วกว่า 4.9 ล้านคน

ปิดท้ายด้วยการสนับสนุนการพัฒนาท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ร่วมมือกับชุมชนในพื้นที่เพื่อส่งเสริมเชียงรายในฐานะอุทยานธรณีโลกที่เน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติและวัฒนธรรมไปพร้อมกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • สถานที่จัดงาน: พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือ ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
  • วันที่: 28 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568
  • ติดต่อสอบถาม: องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก โทร. 053-765129

ร่วมสนุกและสัมผัสวัฒนธรรมอันงดงามได้ในงานนี้!

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายเดินหน้าขับเคลื่อนเมืองสร้างสรรค์ ด้านการออกแบบระดับโลก

ดร.ชูวิทย์ มิตรชอบ นำสื่อมวลชนสำรวจเชียงราย เมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ดร.ชูวิทย์ มิตรชอบ รองผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ได้นำคณะสื่อมวลชนจากกรุงเทพมหานคร และสื่อมวลชนท้องถิ่น ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการขับเคลื่อน เชียงรายเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ ภายใต้การรับรองของยูเนสโกในปี 2566

นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวต้อนรับคณะผู้เข้าร่วมและสื่อมวลชน พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาเชียงรายให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ ซึ่งจะช่วยยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การท่องเที่ยว และคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่

พื้นที่ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์และจุดเชื่อมโยงศิลปะ

คณะสื่อมวลชนได้เข้ารับฟังข้อมูลจาก รศ.ดร.พลวัฒ ประพัฒน์ทอง อาจารย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ในฐานะ UCCN Main Communication Contact ของเชียงราย และได้ชมสถานที่สำคัญต่างๆ ซึ่งเชื่อมโยงกับการเป็นเมืองสร้างสรรค์ โดยมีไฮไลต์ดังนี้

  1. บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย
    ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองเชียงราย เป็นศูนย์กลางการจัดแสดงผลงานศิลปะที่เชื่อมโยงกับเรื่องราวความงามและวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงราย ที่นี่เป็นที่ตั้งของศูนย์ประสานงานการขับเคลื่อนเมืองสร้างสรรค์ หรือ UCCN Focal Point ซึ่งรวบรวมผลงานของศิลปินชื่อดังและศิลปินแห่งชาติ
  2. ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังแรก
    พื้นที่แห่งนี้ได้รับคัดเลือกให้เป็น ศูนย์ TCDC เชียงราย โดยเป็นศูนย์กลางสำหรับผู้ที่สนใจด้านความคิดสร้างสรรค์ การเรียนรู้ แลกเปลี่ยน และพัฒนาไอเดียใหม่ๆ ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดกว้างสำหรับชุมชนและนักออกแบบ
  3. หอนาฬิกาพุทธศิลป์
    ชมความงดงามของหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงราย หรือหอนาฬิกาพุทธศิลป์ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่สะท้อนความสร้างสรรค์และอัตลักษณ์ของศิลปะเชียงราย
  4. วัดพระธาตุดอยจอมทอง และอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช
    พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความศักดิ์สิทธิ์ โดยอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ตั้งอยู่บริเวณห้าแยกพ่อขุน เพื่อรำลึกถึงพระเกียรติคุณของพระองค์ผู้ก่อตั้งเมืองเชียงราย
  5. พิพิธภัณฑ์อารยธรรมลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
    เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญเกี่ยวกับวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และชีวิตของผู้คนในลุ่มแม่น้ำโขง สะท้อนถึงความสำคัญของพื้นที่ในแง่ของภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจ
  6. ดอยดินแดง เครื่องปั้นดินเผา
    เป็นสถานที่สำคัญที่แสดงถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นและความสร้างสรรค์ในการผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียงของเชียงราย

การยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยว

ในปี 2568 อพท. มีแผนที่จะยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษจังหวัดเชียงราย เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง รวมถึงผลักดันแหล่งธรณีวิทยาเชียงรายให้เข้าสู่ เครือข่ายอุทยานธรณีโลก (Global Geopark) ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงคุณภาพที่ยั่งยืน

จังหวัดเชียงราย ได้รับการยอมรับจาก ยูเนสโก ให้เป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ UCCN ด้านการออกแบบ หรือ City of Design ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการพัฒนาพื้นที่ผ่านการผสมผสานศิลปะ วัฒนธรรม และการออกแบบที่มีความโดดเด่น เพื่อสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่

การนำคณะสื่อมวลชนในครั้งนี้ เป็นการเผยแพร่และสร้างการรับรู้ถึงศักยภาพของเชียงรายในการเป็นเมืองสร้างสรรค์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และเป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น เพื่อนำเชียงรายสู่เวทีระดับโลกอย่างยั่งยืน

เชียงราย เมืองแห่งความคิดสร้างสรรค์ เดินหน้าสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ผสมผสานศิลปะ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น พร้อมก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับการท่องเที่ยวและการออกแบบระดับโลก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เปิดงานมหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย ปีที่ 10 สร้างสรรค์วัฒนธรรม

มหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย ปีที่ 10 โชว์วิถีชีวิตและวัฒนธรรมชาติพันธุ์

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2567 ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันเมล็ดคามีเลียและน้ำมันพืชอื่นๆ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน มหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย ครั้งที่ 10 ประจำปี 2567 งานนี้จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการแสดงศิลปะ วัฒนธรรม อัตลักษณ์ ภูมิปัญญา และวิถีชีวิตอันดีงามของกลุ่มชาติพันธุ์ รวมทั้งฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในแม่สายหลังเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา

การรวมพลังชาติพันธุ์ 11 กลุ่ม และเพื่อนบ้านอาเซียน

ในโอกาสครบ 1 ทศวรรษ การจัดงานได้เชิญกลุ่มชาติพันธุ์ 11 กลุ่มในอำเภอแม่สาย ได้แก่

1. ไท-ยวน 2. ไทลื้อ 3. ไทเขิน 4. ไทใหญ่ 5. ไตหย่า 6. จีนยูนนาน 7. อาข่า 8. ลาหู่ 9. ดาราอั้ง 10. ลัวะ 11. คะฉิ่น

นอกจากนี้ ยังมีชาติพันธุ์เพื่อนบ้านจาก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มาร่วมแสดงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมเฉพาะถิ่น เช่น ชาติพันธุ์ลาวบ้านท่าขันทอง และกลุ่มชาติพันธุ์บ้านม้งจาก 8 อำเภอในแม่ฟ้าหลวง

กิจกรรมในงาน

งานแบ่งเป็นหลายโซนที่เน้นการจัดแสดงวิถีชีวิตและประเพณี ได้แก่

  • โซนหมู่บ้านจำลองชาติพันธุ์ จัดแสดงวิถีชีวิต การละเล่น วัฒนธรรม และสินค้าหัตถกรรม
  • โซนอาหารสี่ภาค และ สินค้า OTOP
  • โซนลานขันโตก มีการแสดงกลางแจ้งจากกลุ่มชาติพันธุ์
  • การสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การแพทย์แผนโบราณ การทำอาหารประจำชาติพันธุ์

งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-11 ธันวาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น.

การส่งเสริมเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กล่าวในพิธีเปิดว่า การจัดงานมหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย ครั้งนี้เป็นตัวอย่างของการรวมพลังร่วมมือระหว่างหน่วยงานหลายภาคส่วนในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรม สร้างรายได้ให้ชุมชน และกระตุ้นการท่องเที่ยว

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวต้อนรับผู้ร่วมงาน พร้อมย้ำถึงความสำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมให้ยั่งยืน พร้อมสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่แม่สายให้กลับมามีชีวิตชีวาหลังอุทกภัยที่ผ่านมา

งานมหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สายครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นเวทีแสดงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของชาติพันธุ์ แต่ยังเป็นการสร้างความภาคภูมิใจและการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างชุมชนและผู้มาเยือน เป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาแม่สายให้เป็นพื้นที่ที่น่าอยู่และเต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

“พระเจ้าตอง” คืนสู่ ‘พะเยา’ หลังสูญหายกว่า 36 ปี

“พระเจ้าตอง” โบราณวัตถุสำคัญของไทย กลับคืนสู่พะเยาหลังสูญหายกว่า 36 ปี

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 นางสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีรับมอบ “พระเจ้าตอง” พระพุทธรูปสำคัญของจังหวัดพะเยา ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยมีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เข้าร่วมงาน

“พระเจ้าตอง” หรือ “หลวงพ่อลอ” เป็นพระพุทธรูปศิลปะล้านนาอันทรงคุณค่า หล่อด้วยสัมฤทธิ์ ตักกว้าง 78 เซนติเมตร สูง 110 เซนติเมตร มีอิทธิพลศิลปะสุโขทัยผสมผสาน เดิมประดิษฐานที่วัดศรีปิงเมือง บ้านเวียงลอ ตำบลลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา พระพุทธรูปองค์นี้สูญหายไปตั้งแต่ปลายปี 2531 หลังถูกโจรกรรม โดยมีการตัดฐานองค์พระ และไม่มีเบาะแสอีกเลย จนกระทั่งเดือนสิงหาคม 2567 กรมศิลปากรได้รับแจ้งจากนายวิสุทธิ์ ว่าพบพระพุทธรูปที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับพระเจ้าตองปรากฏในสถานประมูลโบราณวัตถุในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

กรมศิลปากรจึงประสานงานกับผู้ครอบครองและสถานประมูล จนนำพระพุทธรูปองค์นี้กลับคืนสู่ประเทศไทยในวันที่ 24 ตุลาคม 2567 หลังจากการตรวจพิสูจน์โดยใช้หลักฐานภาพถ่ายและข้อมูลเก่าตั้งแต่ปี 2528 พบว่าลักษณะศิลปะ ชายสังฆาฏิ และตำหนิต่าง ๆ ตรงกับพระเจ้าตองดั้งเดิม จึงสามารถยืนยันได้ว่าพระพุทธรูปองค์นี้คือพระเจ้าตอง

นางสุดาวรรณกล่าวว่า การนำพระเจ้าตองกลับมาสู่แหล่งกำเนิดในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยพระเจ้าตองจะถูกอัญเชิญกลับไปประดิษฐาน ณ วัดศรีปิงเมือง จังหวัดพะเยา เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจและศักดิ์สิทธิ์ของชาวพะเยา

ชายสังฆาฏิ ลวดลายเอกลักษณ์ของพระเจ้าตอง

นายพนมบุตร อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวว่า การตรวจพิสูจน์พบลักษณะเฉพาะตัวของพระเจ้าตอง เช่น ร่องรอยสีแดงเดิมบริเวณริมฝีปากและนัยน์ตา ตำหนิที่หน้าผาก และลวดลายชายสังฆาฏิ ซึ่งตรงกับบันทึกเดิมของฝ่ายทะเบียน กองพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ

การติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างแดน

ปัจจุบันยังมีโบราณวัตถุอีกกว่า 130 ชิ้นที่อยู่ในแผนการติดตามกลับคืน โดยภาคเอกชนได้มีบทบาทสำคัญในการช่วยประสานงาน การนำพระเจ้าตองกลับสู่ประเทศไทยจึงเป็นความสำเร็จที่สร้างความหวังให้กับการดำเนินงานในอนาคต

ประชาชนสามารถเข้าสักการะพระเจ้าตองได้ที่พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ก่อนจะถูกอัญเชิญกลับไปยังจังหวัดพะเยา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ศิลปากรสัญจรครั้งที่ 5 เชียงราย เชื่อมวัฒนธรรมล้านนา

นายพลภพ มานะมนตรีกุล นายกเทศมนตรีตำบลเวียง ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมร่วมกิจกรรม “ศิลปากรสัญจรครั้งที่ 5” เชียงแสน เชียงราย

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 นายพลภพ มานะมนตรีกุล นายกเทศมนตรีตำบลเวียง มอบหมายให้ นายกำแพง จันทกุล รองนายกเทศมนตรีตำบลเวียง และพันจ่าเอก อาทิตย์ บุญน้อม รองปลัดเทศบาลตำบลเวียง พร้อมด้วยฝ่ายประชาสัมพันธ์เทศบาลตำบลเวียง เข้าร่วมกิจกรรม “ศิลปากรสัญจรครั้งที่ 5” ภายใต้หัวข้อ “อาบหมอก แอ่วเมือง รุ่งเรืองอาราม เวียงงามล้านนา” โดยมีเป้าหมายเพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมล้านนาในจังหวัดเชียงราย พะเยา และแพร่

การเปิดงานอย่างเป็นทางการ

พิธีเปิดกิจกรรมจัดขึ้นที่ โบราณสถานวัดป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมี นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วม

ไฮไลต์กิจกรรม

ในกิจกรรมดังกล่าว ผู้เข้าร่วมได้เดินทางโดยรถรางเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีของเมืองเชียงแสน ซึ่งเป็นแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญของวัฒนธรรมล้านนา เช่น วัดป่าสัก วัดเจดีย์หลวง และวัดพระธาตุจอมกิตติ ที่สะท้อนเอกลักษณ์ทางศิลปะและวัฒนธรรมโบราณของชาวล้านนา

นอกจากนี้ ยังมีการจัดเลี้ยงขันโตกเพื่อรับรองแขกผู้เข้าร่วม โดยเป็นอาหารพื้นบ้านล้านนา เช่น น้ำพริกหนุ่ม แกงฮังเล และไส้อั่ว พร้อมการแสดงศิลปะพื้นบ้านที่สะท้อนถึงความวิจิตรงดงามของวัฒนธรรมล้านนา

ความสำคัญของกิจกรรม

กิจกรรม “ศิลปากรสัญจรครั้งที่ 5” มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม สร้างความตระหนักในคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ และเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในการอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรมล้านนา

เสียงสะท้อนจากผู้เข้าร่วม

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า “กิจกรรมนี้นับเป็นโอกาสดีที่ประชาชนในพื้นที่จะได้เรียนรู้และภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของตนเอง พร้อมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการอนุรักษ์วัฒนธรรมล้านนาให้คงอยู่สืบไป”

ความร่วมมือในอนาคต

เทศบาลตำบลเวียงได้วางแผนที่จะสานต่อความร่วมมือกับกรมศิลปากรและวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายในการจัดกิจกรรมลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืน

กิจกรรมดังกล่าวเป็นตัวอย่างของความสำเร็จในการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมพื้นบ้านล้านนา สะท้อนถึงความงดงามของมรดกทางวัฒนธรรมที่คนไทยทุกคนควรภาคภูมิใจและร่วมกันรักษาไว้ให้ยั่งยืนต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News