Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายจัดอบรมผ้าไทย อนุรักษ์มรดกภูมิปัญญา สู่รายได้

อบรมผ้าไทยเชียงราย ดีไซเนอร์ร่วมออกแบบแฟชั่นโชว์

เชียงราย, 18 กุมภาพันธ์ 2568 – เชียงรายส่งเสริมมรดกภูมิปัญญาผ้าไทย เปิดอบรมพัฒนาอัตลักษณ์ผ้าถิ่นสู่ตลาดเชิงสร้างสรรค์

วันนี้ (18 กุมภาพันธ์ 2568) สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย จัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับ ผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ ผ้าอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย และการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ผ้าของเชียงรายในเชิงสร้างสรรค์ ภายใต้ โครงการพัฒนากิจกรรมและการตลาดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ในกิจกรรม อัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย ระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ 2568ห้องสุดดี 3 โรงแรมเอ็ม บูทีค รีสอร์ท เชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

โดยมี นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิด ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ส่งเสริมการนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดเป็นมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และ สืบสานมรดกภูมิปัญญาการทอผ้าให้คงอยู่ต่อไป ตลอดจนกระตุ้นความสนใจให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เด็ก เยาวชน และประชาชนร่วมกัน อนุรักษ์และส่งเสริมผ้าไทย ผ้าถิ่น และผ้าชาติพันธุ์ ให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น

ดึงกลุ่มนักออกแบบ-ผู้ประกอบการต่อยอดผลิตภัณฑ์ผ้าเชียงราย

สำหรับการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย นักออกแบบ ดีไซเนอร์ ช่างทอผ้า ช่างเย็บผ้า ผู้ประกอบการ และบุคคลทั่วไป จำนวน 50 ราย ที่เข้าร่วมอบรมเพื่อ เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาผ้าท้องถิ่นเชียงรายให้ก้าวสู่ตลาดเชิงสร้างสรรค์ รวมถึง การต่อยอดสู่การประกวดออกแบบแฟชั่นผ้าไทย ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568โรงแรมเอ็ม บูทีค รีสอร์ท เชียงราย

เชียงรายเตรียมจัดแสดงแฟชั่นโชว์-สาธิตภูมิปัญญาผ้าไทย

นอกจากนี้ ภายใต้กิจกรรมส่งเสริมอัตลักษณ์ผ้าถิ่นเชียงราย ยังมีการ จัดงานแสดงแบบแฟชั่น และกิจกรรมการสาธิตภูมิปัญญาการทอผ้า ระหว่างวันที่ 19-21 มีนาคม 2568ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย ชั้น G ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยในงานจะมีการ จัดแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไทยจากกลุ่มผู้ประกอบการท้องถิ่น พร้อมด้วยเวทีเสวนาเกี่ยวกับ แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมผ้าไทยให้สอดรับกับตลาดสมัยใหม่

ยกระดับผ้าเชียงรายสู่ตลาดสากล

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มุ่งเน้นให้ มรดกภูมิปัญญาผ้าไทยกลายเป็นสินค้าสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ผ่านกระบวนการพัฒนาและปรับปรุงให้เข้ากับความต้องการของตลาดแฟชั่นปัจจุบัน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด “Creative Economy” หรือ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่นำวัฒนธรรมมาพัฒนาต่อยอดเพื่อสร้างรายได้และยกระดับอุตสาหกรรมผ้าไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดสากล

เชียงรายในฐานะจังหวัดที่มีอัตลักษณ์ผ้าถิ่นและผ้าชาติพันธุ์ที่โดดเด่น จึงเป็นศูนย์กลางสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมผ้าไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการผสมผสาน ลวดลายผ้าแบบดั้งเดิมเข้ากับดีไซน์ร่วมสมัย เพื่อตอบโจทย์ตลาดแฟชั่นและการออกแบบยุคใหม่

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้ กลุ่มผู้ประกอบการท้องถิ่น มีความเข้าใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถเข้าสู่ ตลาดการค้าและการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่าง ภาครัฐ เอกชน และประชาชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และพัฒนาผ้าไทยให้คงอยู่ต่อไปในอนาคต

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายสืบสานประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ด อัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำกก

เทศบาลนครเชียงรายจัดพิธีอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำกก สืบสานประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ดในวันมาฆบูชา

เชียงราย,12 กุมภาพันธ์ 2568 เชียงรายจัดพิธีอัญเชิญพระอุปคุต ขึ้นจากแม่น้ำกก  เทศบาลนครเชียงราย นำโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่เทศบาล และประชาชนในเขตเทศบาลนครเชียงราย ได้ร่วมกันประกอบพิธีอัญเชิญ “พระอุปคุต” ขึ้นจากแม่น้ำกก บริเวณสวนสาธารณะแม่ฟ้าหลวง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เพื่อสืบสานประเพณีทางพระพุทธศาสนาที่มีมาแต่โบราณ

พิธีดังกล่าวได้รับเกียรติจาก พระครูโสภณ ศิลปาคม เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง และเจ้าคณะตำบลเวียงเขต 1 จังหวัดเชียงราย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมทั้ง นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี โดยการอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำกกครั้งนี้ เป็นไปตามความเชื่อของชาวล้านนาว่า พระอุปคุตเป็นพระอรหันต์ที่มีอิทธิฤทธิ์ สามารถบันดาลโชคลาภและความเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้ที่ศรัทธา

พิธีแห่พระอุปคุตและการตักบาตรเป็งปุ๊ด

หลังจากพระอุปคุตได้รับการอัญเชิญขึ้นจากน้ำแล้ว ได้มีการประดิษฐานบน ราชรถบุษบก และเคลื่อนขบวนแห่ไปยังวัดมิ่งเมือง ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีสำคัญในคืน “ตักบาตรเป็งปุ๊ด” ที่ตรงกับวันมาฆบูชาในปีนี้

ช่วงเวลา 00.01 น. เช้าวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 พระสงฆ์เริ่มออกบิณฑบาตจากหน้าวัดมิ่งเมือง ตามถนนบรรพปราการ ผ่าน วงเวียนหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ ไปจนถึงสี่แยกประตูสลี รวมระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร โดยมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี และมีประชาชนรวมถึงนักท่องเที่ยวจำนวนมากร่วมทำบุญตักบาตรด้วยความศรัทธา

ในพิธีนี้ นางสินีนาฎ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย ก็ได้เข้าร่วม พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติจากการประชุม AIPH Spring Meeting & Green City Conference 2025 ซึ่งเป็นงานประชุมระดับนานาชาติ ที่มีตัวแทนจากกว่า 40 ประเทศเข้าร่วม

ความหมายของวันเป็งปุ๊ดในล้านนา

“ตักบาตรเป็งปุ๊ด” หรือ “ตักบาตรเที่ยงคืน” เป็นประเพณีที่มีมาแต่โบราณในภาคเหนือของไทย โดยมีความเชื่อว่า วันขึ้น 15 ค่ำที่ตรงกับวันพุธ เป็นวันที่พระอุปคุตซึ่งจำพรรษาอยู่ใต้ทะเลจะขึ้นมาโปรดสัตว์ หากผู้ใดได้ใส่บาตรในวันดังกล่าวจะได้รับอานิสงส์แรง เสริมโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง และความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

ประชาชนชาวล้านนาเชื่อกันว่า พระอุปคุตมักจะ แปลงกายเป็นสามเณรน้อย หรือพระภิกษุเพื่อออกมารับบิณฑบาต ดังนั้นเมื่อถึงวันเป็งปุ๊ด ชาวบ้านจึงมักจะตื่นมาทำบุญตั้งแต่เที่ยงคืน ถือเป็นพิธีที่มีความศักดิ์สิทธิ์และหาชมได้ยาก

ประชาชนร่วมงานตักบาตรเป็งปุ๊ดคึกคัก

พิธี ตักบาตรเป็งปุ๊ด ในปีนี้มีพุทธศาสนิกชนจากทั่วเชียงราย รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยตลอดระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร มีประชาชนนำข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม และของถวายพระมาร่วมตักบาตรกันอย่างคึกคัก

พิธีดังกล่าวยังได้รับความสนใจจากผู้ที่มาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย ซึ่งนอกจากจะเป็นการร่วมทำบุญตามความเชื่อของชาวล้านนาแล้ว ยังเป็นโอกาสดีในการสัมผัสวัฒนธรรมล้านนาและศิลปะประเพณีอันทรงคุณค่า

ประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ดเป็นมรดกทางวัฒนธรรม

ประเพณี ตักบาตรเป็งปุ๊ด ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของภาคเหนือ ที่ยังคงได้รับการสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในแต่ละปีจะมีวันเป็งปุ๊ดเพียง 1 หรือ 2 ครั้ง เท่านั้น ทำให้เป็นโอกาสพิเศษสำหรับพุทธศาสนิกชนที่ต้องการเสริมสิริมงคลแก่ชีวิต

การอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากน้ำและพิธีตักบาตรเที่ยงคืน นอกจากจะเป็นการสืบทอดความเชื่อดั้งเดิมของชาวล้านนาแล้ว ยังเป็นโอกาสที่ดีในการแสดงถึงความสามัคคีของชุมชน และการธำรงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมอันดีงามของไทย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ด

1. ประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ดมีขึ้นกี่ครั้งต่อปี?

ปกติแล้ววันเป็งปุ๊ดจะเกิดขึ้นเพียง 1-2 ครั้งต่อปี ขึ้นอยู่กับว่าปีไหนวันเพ็ญ 15 ค่ำตรงกับวันพุธ

2. ตักบาตรเป็งปุ๊ดแตกต่างจากการตักบาตรทั่วไปอย่างไร?

พิธีนี้เป็นการตักบาตรในเวลาเที่ยงคืน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เชื่อว่าพระอุปคุตจะขึ้นมาจากใต้ทะเลเพื่อโปรดสัตว์ ทำให้ถือเป็นพิธีที่มีความศักดิ์สิทธิ์และพิเศษกว่าการตักบาตรในช่วงเช้าทั่วไป

3. ทำไมต้องอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำ?

ตามความเชื่อของชาวล้านนา พระอุปคุตจำพรรษาอยู่ใต้สะดือทะเล และจะขึ้นมาจากน้ำเพื่อมอบโชคลาภและความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ศรัทธา

4. ใครสามารถเข้าร่วมพิธีตักบาตรเป็งปุ๊ดได้บ้าง?

ทุกคนสามารถเข้าร่วมพิธีได้ ไม่ว่าจะเป็นชาวพุทธหรือนักท่องเที่ยวที่สนใจเรียนรู้วัฒนธรรมล้านนา

5. ของที่นิยมใช้ตักบาตรเป็งปุ๊ดมีอะไรบ้าง?

ของที่นิยมใช้ตักบาตร ได้แก่ ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม และของถวายพระ เช่น ธูปเทียนดอกไม้ ซึ่งถือเป็นการทำบุญเพื่อเสริมสิริมงคล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายจัด AIPH 2025 หนุนเมืองสีเขียว สร้างความยั่งยืน

เชียงรายเปิดงาน “Welcome Reception” ต้อนรับ AIPH Spring Meeting 2025

เชียงราย,วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 – นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงาน Welcome Reception ต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม AIPH Spring Meeting & Green City Conference 2025อุทยานศิลปวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง (ไร่แม่ฟ้าหลวง) อำเภอเมืองเชียงราย โดยการประชุมระดับนานาชาตินี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ส่งเสริมการพัฒนาเมืองสีเขียว และ การสร้างสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน สำหรับชุมชนเมืองทั่วโลก

เชียงรายเจ้าภาพการประชุมนานาชาติ AIPH Spring Meeting & Green City Conference 2025

สมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH) พิจารณาให้ จังหวัดเชียงรายเป็นเจ้าภาพ การประชุมนานาชาติ AIPH Spring Meeting & Green City Conference 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 14 กุมภาพันธ์ 2568โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท โดยมีการประชุมเชิงปฏิบัติการและการศึกษาดูงานในพื้นที่ เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศสมาชิกทั่วโลกได้ แลกเปลี่ยนแนวทางพัฒนาเมืองสีเขียว ซึ่งจะช่วยให้เมือง ธุรกิจ และประชาชนสามารถเติบโตร่วมกันอย่างสมดุล

การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. จังหวัดเชียงราย กรมวิชาการเกษตร และสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย ซึ่งเสนอให้ เชียงราย เป็นตัวแทนประเทศไทยในการจัดงานระดับนานาชาติครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อแสดงถึง ศักยภาพของเชียงรายและประเทศไทยในการพัฒนาเมืองสีเขียว ตามแนวทาง Green City และตอกย้ำบทบาทของไทยในเวทีนานาชาติด้าน ความยั่งยืนและการพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

Green City: แนวทางพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน

AIPH Spring Meeting 2025 มีความสำคัญในการสนับสนุนนโยบาย Green City ซึ่งเน้นการพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์ของ สสปน. ที่ให้ความสำคัญกับ เศรษฐกิจสีเขียวและอุตสาหกรรมไมซ์ที่ยั่งยืน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อม

การประชุมนี้ยังถือเป็น ก้าวสำคัญ (Milestone) ในการเตรียมความพร้อมของภาคเกษตรกรรมไทย ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพจัดงาน มหกรรมพืชสวนโลกในอนาคต ได้แก่:

  • มหกรรมพืชสวนโลกอุดรธานี พ.ศ. 2569 (Udon Thani Expo 2026)
  • มหกรรมพืชสวนโลกนครราชสีมา พ.ศ. 2572 (Korat Expo 2029)

เชียงรายพร้อมต้อนรับผู้แทนจากทั่วโลก

กิจกรรมในงานต้อนรับครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นางสินีนาฎ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการทั้งภาครัฐและเอกชน ให้การต้อนรับ ผู้เข้าร่วมประชุมจากประเทศสมาชิกของ AIPH รวมถึง กรมวิชาการเกษตร จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดอุดรธานี

การประชุม AIPH Spring Meeting & Green City Conference 2025 ที่เชียงรายครั้งนี้ ถือเป็น โอกาสสำคัญในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการพัฒนาเมืองสีเขียว ที่ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่ยังช่วยให้ เชียงรายกลายเป็นศูนย์กลางด้านความยั่งยืนระดับนานาชาติ ซึ่งจะมีส่วนช่วยผลักดันเศรษฐกิจสีเขียวของไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายร่วมพัฒนาวัฒนธรรมชุมชน หนุนท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

เชียงรายร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายวัฒนธรรม สืบสานศาสตร์พระราชา

เชียงราย, 9 กุมภาพันธ์ 2568 – เครือข่ายวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายเข้าร่วม โครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายทางวัฒนธรรมและผู้นำชุมชนคุณธรรมฯ เพื่อ สืบสาน รักษา ต่อยอดศาสตร์พระราชา ประจำปีงบประมาณ 2568 ระหว่างวันที่ 7-11 กุมภาพันธ์ 2568พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

กระทรวงวัฒนธรรมจัดโครงการนี้เพื่อ ส่งเสริมองค์ความรู้ด้านวัฒนธรรม สร้างชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยมี นางโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายพัฐศิษฏ์ ธนชวาลย์ ผู้อำนวยการกองตรวจราชการ เป็นผู้กล่าวรายงาน และ นางศศิฑอณร์ สุวรรณมณี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม รวมถึงผู้แทนจาก 26 ชุมชน เข้าร่วมงาน

เสริมพลังชุมชน ผ่านการพัฒนาศักยภาพผู้นำ

กิจกรรมภายในโครงการประกอบด้วย การบรรยายและฝึกปฏิบัติด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนเชิงวัฒนธรรม ได้แก่:

  • แนวทางการพัฒนา “ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม” โดย หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม และวิทยากรจากกองตรวจราชการ
  • การบริหารจัดการการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยว โดย ผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
  • กลยุทธ์การพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวและการตลาด โดย วิทยากรจากองค์กรด้านการพัฒนาท่องเที่ยว
  • เทคนิคการประชาสัมพันธ์และการสร้างเครือข่ายพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มโอกาสการดึงดูดนักท่องเที่ยวสู่ชุมชน

นอกจากนี้ คณะวิทยากรจาก พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ ยังได้ให้ความรู้เรื่อง การถ่ายทอดเรื่องราวและการเล่าเรื่อง (Storytelling) ให้เกิดแรงจูงใจในการท่องเที่ยว

เชียงรายส่งตัวแทนเข้าร่วม เสริมแกร่งเครือข่ายวัฒนธรรม

นาย พิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้ นายจิรัฏฐ์ ยุทธ์ธนประวิช นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นำทีมผู้แทนชุมชน 3 คน ได้แก่ นางอิ่ม คำแสง, นางอ่อน ปัญญา และนายทิพย์ เมืองยอด เข้าร่วมกิจกรรมนี้เพื่อ เสริมสร้างศักยภาพและนำองค์ความรู้มาพัฒนาชุมชนเชียงราย

ยกระดับเศรษฐกิจฐานรากผ่านวัฒนธรรม

โครงการนี้ถือเป็น ก้าวสำคัญในการนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าให้แก่ชุมชน และเป็นแนวทางขับเคลื่อนให้เกิด ชุมชนท่องเที่ยวที่ยั่งยืน สอดรับกับนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรมที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากผ่านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายจัดมหกรรมอิ้วเมี่ยนไทย 2568 สร้างสัมพันธ์ระดับโลก

เชียงรายจัดมหกรรมอิ้วเมี่ยนไทยสานสัมพันธ์อิ้วเมี่ยนโลก ส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

เชียงราย, 8 กุมภาพันธ์ 2568  –  ณ ข่วงศึกษาวิถีชีวิตวัฒนธรรมล้านนาและอาเซียน องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย ร่วมงาน มหกรรมอิ้วเมี่ยนไทยสานสัมพันธ์อิ้วเมี่ยนโลก ประจำปี พ.ศ. 2568 เพื่อส่งเสริมและสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน อีกทั้งยังเป็นเวทีพบปะแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยนทั้งในไทยและต่างประเทศ เสริมสร้างความร่วมมือ พัฒนาความเข้มแข็งและความสามัคคีของชุมชนอิ้วเมี่ยน ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวและการเรียนรู้พหุวัฒนธรรมในสังคมไทย

ความสำคัญของงานมหกรรมอิ้วเมี่ยนไทย

งานนี้จัดขึ้นโดย มูลนิธิอิ้วเมี่ยนไทย ร่วมกับภาคีเครือข่าย โดยจัดขึ้นต่อเนื่องมาแล้ว 6 ครั้ง โดยครั้งที่ 1-3 จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงราย ครั้งที่ 4-5 จัดที่จังหวัดน่าน และครั้งที่ 6 จัดที่จังหวัดพะเยา การจัดงานในปีนี้มีขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ข่วงศึกษาวิถีชีวิตวัฒนธรรมล้านนาและอาเซียน องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

กิจกรรมภายในงาน

ภายในงานมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อสะท้อนวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน ได้แก่:

  • นิทรรศการเกี่ยวกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของอิ้วเมี่ยน

  • การแสดงศิลปะและการละเล่นพื้นบ้านของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน

  • การสาธิตงานหัตถกรรมและการจำหน่ายสินค้าโอทอปของชุมชนอิ้วเมี่ยน

  • การประชุมและเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาชุมชนอิ้วเมี่ยนในอนาคต

อัตลักษณ์ของชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยนในประเทศไทย

อิ้วเมี่ยน หรือที่รู้จักกันในชื่อ เย้า เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพมาจากประเทศจีนมายังประเทศไทยเมื่อประมาณ 160 ปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันกระจายตัวอยู่ในหลายจังหวัดของภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำปาง เชียงใหม่ กำแพงเพชร สุโขทัย ตาก ระนอง และกาญจนบุรี มีประชากรกว่า 60,000 คน ในประเทศไทย

อัตลักษณ์ที่โดดเด่นของชาวอิ้วเมี่ยนได้แก่:

  • เครื่องแต่งกายประจำเผ่า ที่มีการปักลวดลายอย่างปราณีต

  • เครื่องเงิน ที่ใช้เป็นเครื่องประดับและสัญลักษณ์ของสถานะในสังคม

  • การเขียนตำราโบราณ ด้วยอักษรจีนในภาษาฮั่น

  • ประเพณีและพิธีกรรมทางศาสนา ที่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น

ผลกระทบของงานต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

การจัดงานมหกรรมครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วย อนุรักษ์และเผยแพร่วัฒนธรรมของชุมชนอิ้วเมี่ยน เท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการ ส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้เข้ามาสัมผัสวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน

บทสรุป

มหกรรมอิ้วเมี่ยนไทยสานสัมพันธ์อิ้วเมี่ยนโลก ประจำปี 2568 เป็นกิจกรรมสำคัญที่ช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน ควบคู่ไปกับการสร้างความร่วมมือระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์จากนานาชาติ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในท้องถิ่นให้เติบโตอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เตรียมรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพฯ ณ วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม

การประชุมเตรียมการรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพฯ ณ วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม

อำเภอแม่จัน เชียงราย, 5 กุมภาพันธ์ 2568 –  เวลา 10.30 น. ณ วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ได้มีการประชุมเตรียมการรับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานดินบรรจุศพ พระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร (เย็นเต็ก) ณ วัชระเจดีย์บรรจุสรีระ วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย 

การประชุมเตรียมความพร้อม

การประชุมในครั้งนี้มีพระคณาจารย์จีนธรรมชิรานุวัตร ปลัดขวาจีนนิกาย เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส และนายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานร่วมในการประชุม พร้อมด้วย พล.ท. ฉกาจ ประสงค์ ราชองครักษ์ประจำพระองค์ นายทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ตำรวจวัง เจ้าหน้าที่กองพระราชพิธี เจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

บทบาทของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ สุ่มมาตย์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นายสานุพงศ์ สันทราย นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายได้รับมอบหมายภารกิจในการสนับสนุนการปฏิบัติงานพิธีของกองพระราชพิธี ในระหว่างวันที่ 23 – 24 กุมภาพันธ์ 2568

วาระการประชุม

วาระสำคัญของการประชุมในวันนี้ คือการเตรียมความพร้อมในทุกด้านสำหรับการรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีการหารือในรายละเอียดต่างๆ อาทิ การจัดเตรียมสถานที่ การอำนวยความสะดวกแก่ผู้มาร่วมงาน การรักษาความปลอดภัย การจราจร และการประชาสัมพันธ์ นอกจากนี้ ยังมีการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ

ความสำคัญของวัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม

วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม เป็นวัดที่มีความสำคัญในพื้นที่อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย การเสด็จพระราชดำเนินของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพระพุทธศาสนาและการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทย

การเตรียมงานอย่างรอบคอบ

การประชุมเตรียมการรับเสด็จฯ ในวันนี้ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นของทุกฝ่ายในการทำงานร่วมกัน เพื่อให้การรับเสด็จฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมพระเกียรติ และเป็นที่ประทับใจของผู้มาร่วมงานทุกท่าน การเตรียมงานอย่างรอบคอบในครั้งนี้ จะส่งผลให้การจัดงานเป็นไปด้วยความราบรื่นและประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้

การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน

การประชุมในวันนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมืออันดีระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ ที่ร่วมกันทำงานเพื่อเตรียมการรับเสด็จฯ การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนนี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การจัดงานเป็นไปด้วยความสมบูรณ์และบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

สรุป

การประชุมเตรียมการรับเสด็จฯ ในครั้งนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมในทุกด้านสำหรับการเสด็จพระราชดำเนินของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนจะทำให้การจัดงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมพระเกียรติ และสร้างความประทับใจแก่ผู้มาร่วมงาน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงของเสริมท่องเที่ยวด้วยศิลปะ วัฒนธรรม MOU ม.ราชภัฏเชียงราย

พิธีลงนามความร่วมมือวิชาการ วิจัย และวัฒนธรรม เชียงของ มุ่งพัฒนาการท่องเที่ยวด้วยศิลปะการแสดง

เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ได้จัดกิจกรรม การนำเสนอผลงานวิจัยและพัฒนาความร่วมมือระหว่างพิพิธภัณฑ์กับท้องถิ่น” เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยและเสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ อำเภอเชียงของ ให้สอดคล้องกับการเป็นเมืองศิลปะของจังหวัดเชียงราย

ภายในงานมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการ (MOU) ด้าน การวิจัยและวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ โดยมี นายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปวีณา ลี้ตระกูล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ร่วมลงนาม พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สภาวัฒนธรรมอำเภอเชียงของ และประชาชนในพื้นที่ที่เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธี

พิธีลงนามและกิจกรรมวิชาการครั้งนี้จัดขึ้นที่ พิพิธภัณฑ์ภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเชียงของ อาคารองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (ท่าเรือบัค) บ้านหัวเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย

การวิจัยเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวผ่านศิลปะวัฒนธรรม

หัวใจสำคัญของงานวิจัยครั้งนี้คือการใช้ ศิลปะการแสดงวัฒนธรรม มาสร้างสรรค์เป็นบทเพลงและผลงานจิตรกรรมร่วมสมัย เพื่อช่วย ส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของอำเภอเชียงของและจังหวัดเชียงราย โดยได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และการมีส่วนร่วมจากหลายภาคส่วนในพื้นที่

นอกจากนี้ยังเป็นการเชื่อมโยงงานวิจัยให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชน โดยเฉพาะการส่งเสริมแหล่งเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมของเชียงของ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเด่นของเมืองศิลปะแห่งนี้

ผู้แทนหน่วยงานวัฒนธรรมร่วมกิจกรรม

ในงานนี้ได้รับเกียรติจาก นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายวรพล จันทร์คง และ นางสาวกนกวรรณ สุทธะ นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ จาก สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม เข้าร่วมงาน โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของ การบูรณาการศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่นกับงานวิจัย เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

MOU นี้จะช่วยพัฒนาเชียงของอย่างไร?

  1. พัฒนาเชียงของให้เป็นเมืองศิลปะและวัฒนธรรม – ขับเคลื่อนแหล่งท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับอัตลักษณ์ท้องถิ่น
  2. สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและชุมชน – สนับสนุนการวิจัยที่ตอบโจทย์พื้นที่
  3. ส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ – ใช้ศิลปะ วัฒนธรรม และงานวิจัยในการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว

เชียงของ เมืองศิลปะที่ต้องจับตา

อำเภอเชียงของเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในด้านการท่องเที่ยวเชิงศิลปะและวัฒนธรรม เนื่องจากมีประวัติศาสตร์ยาวนาน วิถีชีวิตดั้งเดิม และอยู่ติดแม่น้ำโขง โครงการความร่วมมือนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับเชียงของให้เป็น ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม ของจังหวัดเชียงรายและภาคเหนือ

มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนต่างให้คำมั่นว่า จะเดินหน้าพัฒนาความร่วมมือเชิงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เชียงของกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ยั่งยืนในอนาคต

FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการพัฒนาเชียงของผ่านศิลปะและวัฒนธรรม

  1. โครงการนี้มีเป้าหมายหลักคืออะไร?
    โครงการเน้น วิจัยและพัฒนาความร่วมมือด้านวัฒนธรรม เพื่อใช้ศิลปะและการแสดงวัฒนธรรมมาสร้างสรรค์และยกระดับเชียงของให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปะ
  2. การลงนาม MOU นี้มีผลกระทบต่อชุมชนอย่างไร?
    ช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน
  3. พิพิธภัณฑ์ภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเชียงของ คืออะไร?
    เป็นสถานที่จัดแสดงภาพถ่ายเก่าแก่เกี่ยวกับเชียงของและแม่น้ำโขง โดยสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของคนในพื้นที่
  4. การใช้ศิลปะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อย่างไร?
    ศิลปะและการแสดงทางวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สนใจ วัฒนธรรมท้องถิ่น และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน
  5. อำเภอเชียงของมีอะไรน่าสนใจบ้าง?
    เชียงของเป็นเมืองริมโขงที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัดเก่าแก่ พิพิธภัณฑ์ วิถีชีวิตชุมชน และศิลปะร่วมสมัยที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ศิลปินเชียงรายผนึกสิบสองปันนา สร้างสัมพันธ์ผ่านงานศิลปะ

ศิลปินเชียงรายร่วมสร้างสรรค์งานศิลปะกระชับสัมพันธ์กับศิลปินสิบสองปันนา

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 ศิลปินไทยจากสมาคมขัวศิลปะเชียงรายได้เดินทางไปยังเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อศึกษาดูงานและร่วมสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมร่วมกับกลุ่มศิลปินสิบสองปันนา โดยกิจกรรมในครั้งนี้มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านศิลปะ วัฒนธรรม และพระพุทธศาสนาระหว่างสองเมือง นับเป็นก้าวสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นและยั่งยืน

กิจกรรมสร้างสรรค์และแลกเปลี่ยนความรู้

คณะศิลปินไทยนำโดยสุวิทย์ ใจป้อม ประธานสมาคมขัวศิลปะเชียงราย พร้อมด้วยศิลปินทรงเดช ทิพย์ทอง, เสงี่ยม ยารังษี, พิชิต สิทธิวงศ์, กำธร สีฟ้า และคณะรวม 12 คน ได้ร่วมกับศิลปินสิบสองปันนาในการวาดภาพสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น เช่น วัดไทยลื้อ หมู่บ้านชาวไทยลื้อบ้านหัวนา และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่สิบสองปันนา

การแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการสร้างผลงานศิลปะ แต่ยังเป็นการแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ความเชื่อ และวิถีชีวิตของชาวไทยลื้อ ซึ่งสะท้อนผ่านงานจิตรกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยผลงานเหล่านี้จะถูกนำมาจัดแสดงในนิทรรศการศิลปะเพื่อประชาสัมพันธ์ความงดงามของวัฒนธรรมท้องถิ่นในทั้งสองประเทศ

กระชับความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง

นายสุวิทย์ ใจป้อม กล่าวว่าศิลปินจากเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาและเชียงรายมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนานผ่านการแลกเปลี่ยนศิลปะและวัฒนธรรม รวมถึงการศึกษาในด้านพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสองเมือง

ในครั้งนี้ ศิลปินสิบสองปันนาได้แสดงความยินดีและตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเดินทางมายังจังหวัดเชียงรายในอนาคตเพื่อตอบแทนการต้อนรับที่อบอุ่นและมิตรภาพอันดีจากศิลปินไทย การแลกเปลี่ยนนี้ยังเป็นโอกาสที่ดีในการแสดงผลงานศิลปะจากทั้งสองประเทศให้ผู้คนได้ชื่นชม พร้อมทั้งเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของกันและกัน

เชื่อมโยงศิลปะ วัฒนธรรม และการศึกษา

ในฐานะตัวแทนศิลปินไทย นายสุวิทย์ ใจป้อม ยังได้เชิญชวนให้ศิลปินจากสิบสองปันนาเยือนจังหวัดเชียงรายเพื่อร่วมงานด้านศิลปะและวัฒนธรรม โดยไทยพร้อมให้การต้อนรับและจัดกิจกรรมเพื่อสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

กิจกรรมในครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของศิลปินทั้งสองฝ่ายในการใช้ศิลปะเป็นสื่อกลางเพื่อกระชับความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันอย่างยั่งยืน

การเดินหน้าความสัมพันธ์ในอนาคต

ความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินไทยและศิลปินสิบสองปันนาจะยังคงดำเนินต่อไปผ่านกิจกรรมแลกเปลี่ยนต่างๆ ในอนาคต อันเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานที่ไม่เพียงแสดงถึงความงดงามของศิลปะ แต่ยังแสดงถึงพลังแห่งความร่วมมือระหว่างสองวัฒนธรรม

กิจกรรมดังกล่าวช่วยส่งเสริมชื่อเสียงของจังหวัดเชียงรายและเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล และตอกย้ำถึงความสำคัญของศิลปะในฐานะสะพานเชื่อมโยงวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมขัวศิลปะเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายจัดงานปีใหม่ลาหู่นานาชาติ ครั้งที่ 2 สร้างความสามัคคีระดับโลก

งานสืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณีปีใหม่ลาหู่นานาชาติ ครั้งที่ 2 ส่งเสริมความสามัคคีชาติพันธุ์

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2568 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS จังหวัดเชียงราย นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน สืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณีปีใหม่ลาหู่นานาชาติ ครั้งที่ 2″ ประจำปี 2568 โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อฟื้นฟู ส่งเสริม และอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาติพันธุ์ลาหู่ให้คงอยู่ต่อไป อีกทั้งเป็นการสร้างความตระหนักในคุณค่าของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแก่ชาติพันธุ์ลาหู่รุ่นใหม่ นอกจากนี้ยังช่วยเผยแพร่ แลกเปลี่ยน และเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างชาติพันธุ์ลาหู่ในประเทศไทยและนานาชาติ

ภายในงานมีบุคคลสำคัญเข้าร่วม อาทิ นางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม, นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์, นายกสมาคมและผู้บริหารสมาคมลาหู่นานาชาติ รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการและตัวแทนพี่น้องชาติพันธุ์ลาหู่จาก 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย เมียนมาร์ เวียดนาม จีน ออสเตรเลีย อเมริกา สปป.ลาว และสิงคโปร์

กิจกรรมภายในงาน

งานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-20 มกราคม 2568 ตั้งแต่เวลา 09.00-22.30 น. โดยมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมและการสาธิตภูมิปัญญาพื้นบ้านจากชาติพันธุ์ลาหู่ เช่น การแสดงดนตรีพื้นบ้าน การเต้นรำประเพณี งานฝีมือ และนิทรรศการวัฒนธรรม พร้อมทั้งมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวคิดเกี่ยวกับการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชาติพันธุ์ในแต่ละประเทศ

การจัดงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรภาคีเครือข่าย รวมถึงพี่น้องลาหู่จากทั่วโลกที่ร่วมบริจาคเพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรม โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย รวมถึงสร้างความสามัคคีและปรองดองในหมู่ชาติพันธุ์

ลาหู่ในประเทศไทย

ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรชาติพันธุ์ลาหู่ราว 150,000 คน อาศัยกระจายอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาร์กว่า 800 หมู่บ้าน จังหวัดที่มีประชากรลาหู่อาศัยอยู่มาก ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง เชียงใหม่ และตาก โดยชาติพันธุ์ลาหู่เป็นกลุ่มที่มีวัฒนธรรมโดดเด่น เช่น ภูมิปัญญาท้องถิ่นและประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนาน

นางสาวจิราพร สินธุไพร กล่าวในพิธีเปิดว่า “งานนี้ไม่เพียงส่งเสริมวัฒนธรรมแต่ยังสะท้อนถึงความสามัคคีและการยอมรับในความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทั้งยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับพี่น้องลาหู่รุ่นใหม่ที่จะตระหนักถึงคุณค่าของมรดกวัฒนธรรม เพื่อสืบสานและรักษาไว้ให้คงอยู่ต่อไป”

เป้าหมายการจัดงาน

  • อนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมของชาติพันธุ์ลาหู่
  • เชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างชาติพันธุ์ลาหู่ในระดับนานาชาติ
  • ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในจังหวัดเชียงราย
  • สร้างแรงบันดาลใจให้รุ่นใหม่เห็นคุณค่าในวัฒนธรรมดั้งเดิม

งาน สืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณีปีใหม่ลาหู่นานาชาติ ครั้งที่ 2″ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยยกระดับเชียงรายให้เป็นศูนย์กลางด้านศิลปวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระดับนานาชาติ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสความงดงามของวัฒนธรรมลาหู่ในรูปแบบที่หลากหลายและน่าประทับใจ.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

‘พิสันต์’ พาเชียงรายคว้า 4 ปีติด สุดยอดชุมชนต้นแบบ ยลวิถี

พิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ปี 2567

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 ณ อาคารอเนกประสงค์ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติให้แก่ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมี นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ข้าราชการ และผู้แทนจากชุมชนที่ได้รับรางวัลเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

ในโอกาสนี้ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้ นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย รักษาราชการแทนปลัดจังหวัดเชียงราย และ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เข้ารับโล่รางวัลผู้สนับสนุนการขับเคลื่อนชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี”

ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง คว้ารางวัลชุมชนต้นแบบยอดเยี่ยม

ส่วนของชุมชนวัดห้วยปลากั้ง อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบประจำปีนี้ ได้รับมอบหมายให้ นางรพีพร ทองดี ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนชุมชน และ นางสาวกนกวรรณ สมสวัสดิ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนชุมชน เข้ารับโล่รางวัล โดยมี พระไพศาลประชาทร วิ. (พบโชค ติสฺสวํโส) เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ

การแสดงนิทรรศการจากชุมชนวัดห้วยปลากั้ง

ชุมชนวัดห้วยปลากั้งได้นำเสนอภูมิปัญญาและผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมที่โดดเด่นของชุมชน อาทิ ผลิตภัณฑ์จากผ้าทอและผ้าปักของกลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่ เช่น กระเป๋า ย่าม พวงกุญแจ และเข็มกลัด รวมถึงอาหารชาติพันธุ์ที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์และวัฒนธรรมในท้องถิ่น เช่น น้ำพริกข่า น้ำพริกน้ำผัก จิ้นทอด หมูยอ ไข่ต้ม แคปหมู ข้าวงาปิ้ง และการสาธิตตำอ้อย

จังหวัดเชียงราย: 4 ปีแห่งความภาคภูมิใจ

จังหวัดเชียงรายได้รับการยกย่องเป็นชุมชนคุณธรรมต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ได้แก่

  • พ.ศ. 2564: ชุมชนวัดท่าข้ามศรีดอนชัย อ.เชียงของ
  • พ.ศ. 2565: ชุมชนบ้านเมืองรวง อ.เมืองเชียงราย
  • พ.ศ. 2566: ชุมชนวัดพระธาตุผาเงา (บ้านสบคำ) อ.เชียงแสน
  • พ.ศ. 2567: ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง อ.เมืองเชียงราย

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล

กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมชุมชนต้นแบบให้สามารถยกระดับผลิตภัณฑ์และวิถีชีวิตให้สอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้ชุมชนอื่นๆ ตระหนักถึงคุณค่าของวัฒนธรรมท้องถิ่น

งานดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงพลังความร่วมมือของชุมชนท้องถิ่น ภาครัฐ และภาคเอกชน ที่มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในระดับท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News