Categories
WORLD PULSE

นายกฯ ดันส่งออกต้นไม้ ไปยังซาอุดีอาระเบีย

 

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตาม ขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างไทย – ซาอุดีอาระเบียอย่างต่อเนื่อง พร้อมผลักดันการส่งออกต้นไม้ไปยังซาอุดีฯ ขยายพื้นที่สีเขียว และสร้างรายได้เพิ่มให้คนไทยจากการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ หลังส่งออกแล้วกว่า 2 แสนต้น 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ภายหลังการฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบีย นายกรัฐมนตรีกำชับให้ทุกหน่วยงานพิจารณาแนวทางที่จะเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างกันเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยคณะภาครัฐและภาคเอกชน ได้เดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 6 – 10 มิถุนายน 2566 เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือทวิภาคี และส่งเสริมการเจรจาการค้าและการลงทุนระหว่างภาคเอกชนของไทยและซาอุดีฯ โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยซึ่งเดินทางร่วมคณะด้วยครั้งนี้พบว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการส่งออกต้นไม้ไปยังซาอุดีฯ ตามข้อริเริ่มซาอุดีอาระเบียสีเขียว (Saudi Green Initiative) และข้อริเริ่มตะวันออกกลางสีเขียว (Middle East Green Initiative) ซึ่งซาอุดีฯ มีแผนจะนำเข้าต้นไม้ไปปลูกทั่วประเทศ จำนวน 1 หมื่นล้านต้น เพื่อฟื้นฟูให้เกิดพื้นที่สีเขียวตามธรรมชาติ รวมถึงจะร่วมมือกับกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ และประเทศหุ้นส่วนอื่น ๆ ในการปลูกต้นไม้ในภูมิภาคเพิ่มอีก 4 หมื่นล้านต้น โดยปัจจุบันประเทศไทยได้ส่งต้นไม้ไปยังซาอุดีฯ แล้วกว่า 2 แสนต้น และสามารถขยายการส่งออกได้อีกมากในอนาคต

ด้านกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีผู้ขอนำไม้ยืนต้นมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 146,860 ต้น มูลค่ารวม 138,048,597.02 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 8 มิถุนายน 2566) ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ผลักดันการรักษาสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการนำไม้ยืนต้นที่มีค่ามาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ และโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme : LESS) รวมทั้งได้มอบวงเงินสินเชื่อให้เกษตรกรจากการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ และมอบประกาศเกียรติคุณแก่ธนาคารต้นไม้ของชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ 

“นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมกันพิจารณาเพิ่มโอกาสการค้า การส่งออกให้กับคนไทย ยินดีที่ความสำเร็จจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์เพิ่มโอกาสค้าขาย ส่งออก เพิ่มอาชีพให้คนไทย และเกษตรกรไทย ประกอบกับ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และความยั่งยืนของระบบนิเวศ ทั้งนี้ ด้วยความสอดคล้องกันของนโยบายของซาอุดีฯ ในการส่งเสริมการฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวในประเทศ และภูมิภาค จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยควรร่วมสนับสนุน เพื่อร่วมกันดำรงชีวิตในโลกอย่างยั่งยืน สมดุล ส่งต่อโลกที่ดีขึ้นให้กับคนรุ่นต่อไป” นายอนุชาฯ กล่าว

โดยลิสต์ 38 ต้นไม้ไทย โอกาสส่งออกตลาดซาอุฯ ตามเป้าหมาย “Saudi Vision 2030” ของซาอุดีอาระเบีย มีแผนที่จะนำเข้าต้นไม้จากทั่วโลกเพื่อให้บรรลุตามนโยบายซาอุดีอาระเบียสีเขียว (The Saudi Green Initiative) เพื่อเปลี่ยนพื้นที่เสื่อมโทรมให้กลับมามีชีวิตชีวา โดยการปลูกต้นไม้ 10,000 ล้านต้น และร่วมสนับสนุนผลักดันโครงการปลูกต้นไม้ 50,000 ล้านต้น ทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง ปัจจุบันประเทศไทยได้ส่งต้นไม้ไปยังซาอุฯ แล้วกว่า 200,000 ต้น และถือว่ายังมีโอกาสให้ไทยส่งออกต้นไม้ไปยังซาอุฯ ได้อีกมาก ซึ่งซาอุฯ จะร่วมมือกับกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ หรือกลุ่มประเทศ GCC (Gulf Cooperation Council) และประเทศหุ้นส่วนอื่น ๆ ในการปลูกต้นไม้ในเอเชียตะวันตกเพิ่มอีก 4 หมื่นล้านต้น

1. ชมพูพันธุ์ทิพย์ (Tabebuia rosea)
2. นนทรี (Peltophorum pterocarpum, Yellow poinciana)
3. พุทราจีน (Ziziphus jujuba)
4. ศรีตรัง (Jacaranda mimosifolia)
5. หูกวาง (Terminalia catappa)
6. อรชุน (Terminalia arjuna, Arjuna Tree)
7. ไทรย้อยใบแหลม (Ficus benjamina, Weeping fig)
8. พฤกษ์ (Albizia lebbeck)
9. ยี่เข่ง (Lagerstroemia indica)
10. งิ้ว (Bombax cebia, Red kapok tree)
11. หางนกยูงฝรั่ง (Delonix regia)
12. มัลเบอร์รี (Morus nigra, Blackberry)
13. มะรุม (Moringa oleifera)
14. เลี่ยน (Melia azedarach)
15. มะเดื่อ (Ficus carica, Fig)
16. เลมอน (Citrus limon)
17. ส้มซ่า (Citrus aurantium)
18. คารอบ (Ceratonia siliqua, Carob Tree)
19. ส้มแมนดาริน (Citrus reticulata, Mandarin orange)
20. มะตูมซาอุ (Schinus terebinthifolius)
21. กระถินเทพา (Acacia mangium)
22. หยีน้ำ (Millettia pinnata)
23. นิโครธ (Ficus benghalensis)
24. ชัยพฤกษ์ (Cassia javanica)
25. ก้ามปู (Albizia saman)
26. ปีบ (Millingtonia hortensis, Tree jasmine)
27. เสี้ยวดอกขาว (Bauhinia variegate)
28. ชงโค (Bauhinia purpurea)
29. ราชพฤกษ์ (Cassia fistula)
30. มะขามเทศ (Pithecellobium dulce)
31. มะกอกโอลีฟ (Olea europaea, Olive)
32. โพ (Ficus religiosa, Sacred fig)
33. สะเดา (Azadirachta indica)
34. มะขาม (Tamarindus indica)
35. โพทะเล (Thespesia populnea)
36. กร่าง (Ficus altissima)
37. ปอทะเล (Hibiscus tiliaceus, Seacoast mallow)
38. ทามาริสก์ (Tamarix aphylla, Athel pine)

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
ECONOMY

รัฐบาลเร่งพัฒนาไทย เตรียมรองรับ การลงทุนอุตสาหกรรม “เซมิคอนดักเตอร์”

 

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญในการเร่งสร้างและพัฒนากำลังคนของประเทศไทยในด้านต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศด้วยอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (S-Curve & New S Curve) และทันกับการเปลี่ยนแปลงและทิศทางการพัฒนาของโลก โดยเฉพาะเรื่องของเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ เช่น สมาร์ทโฟน แทบเล็ต ยานยนต์สมัยใหม่ ตลอดจนอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ที่ต้องอาศัย AI และคาดว่าความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ยังจะเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ แม้ประเทศไทยมีการลงทุนด้านเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในส่วนการประกอบและทดสอบ (assembly and testing) และเริ่มมีในส่วนของการออกแบบ (IC Design) บ้าง แต่ยังขาดในส่วนการผลิต ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของเซมิคอนดักเตอร์ ดังนั้น รัฐบาลโดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จึงได้มีการแสวงหาความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศและภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำทั้งในและนอกประเทศ เพื่อให้เกิดการผลิตกำลังคนด้านนี้ให้รวดเร็วและมีปริมาณมากเพียงพอสำหรับการพัฒนาขับเคลื่อนประเทศไปสู่อนาคตตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

นายอนุชาฯ กล่าวว่า ล่าสุดข้อมูลของ อว. ระบุว่า ขณะนี้ มีมหาวิทยาลัยไทย 9 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ม.เกษตรศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ม.ขอนแก่น ม.สงขลานครินทร์ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ให้ความสนใจในการทำหลักสูตรในการผลิตกำลังคนด้านเซมิคอนดักเตอร์ โดยได้มีการร่วมหารือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ 6 แห่งของไต้หวัน ที่มีการเรียนการสอนและทำวิจัยร่วมกับภาคเอกชนในด้านเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึง Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือ TSMC ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อร่วมมือกันในการผลิตกำลังคนและงานวิจัย โดยในการผลิตกำลังคนจะมีการจัดทำหลักสูตรในระดับ ปริญญาตรี ปริญญาโท ด้าน Semiconductor ร่วมกัน โดยมหาวิทยาลัยไทยจะใช้วิธีการ Higher Education Sandbox ในการพัฒนาหลักสูตร ที่ไม่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานอุดมศึกษา เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการผลิตบัณฑิตให้ตอบสนองต่อการผลิตคนที่มีคุณภาพ ที่มีปริมาณมากและรวดเร็ว โดยตั้งเป้าให้มีนักศึกษาที่มีศักยภาพสูงในโปรแกรมไม่น้อยกว่า 200 คน/ปี ในสาขาที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ด้านเครื่องมือ ด้านวัสดุ ด้านการออกแบบ IC ด้านกระบวนการผลิต ด้านการทดสอบและแพ็กกิ้ง เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปีต่อเนื่อง ทั้งนี้ นอกจากหลักสูตรในระดับปริญญาแล้ว มหาวิทยาลัยไต้หวันบางแห่งจะช่วยในการดำเนินการจัดฝึกอบรมระยะสั้นให้แก่บุคลากรและนักศึกษาของมหาวิทยาลัยไทย เพื่อเพิ่มพูนทักษะในด้านอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ การส่งเสริมให้นักศึกษาไทยได้มีโอกาสในการฝึกปฏิบัติงานใน บริษัท Semiconductor ชั้นนำของโลกที่ไต้หวัน รวมถึงส่งเสริมให้นักวิจัยไทย ได้ทำวิจัยร่วมกับนักวิจัยของไต้หวันทางด้าน Semiconductor เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งในการวิจัยและพัฒนาในด้านนี้ด้วย 

“การดำเนินการและความร่วมมือดังกล่าวที่เกิดขึ้น รัฐบาลเชื่อมั่นว่าจะสร้างความพร้อมให้กับประเทศไทยในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ที่เป็นอุตสาหกรรมขั้นสูงและมีความสำคัญในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การพัฒนาอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนด้วยอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (S-Curve & New S Curve) เช่น เครื่องมือแพทย์ ยานยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เศรษฐกิจชีวภาพ และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ซึ่งอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตของประเทศไทยด้วย” นายอนุชาฯ กล่าว 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

กระตุ้นนักเดินทาง ดันเชียงใหม่ เชียงราย จัดประชุมจุดเด่นภูมิศาสตร์ ปลูกชาและกาแฟชั้นเลิศ

 

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่งเสริมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม MICE (Meetings, Incentive Travel, Conventions, Exhibitions) ซึ่งขยายตัวต่อเนื่อง ครึ่งปีแรก 2566 สร้างรายได้แล้ว 2.5 หมื่นล้านบาท พร้อมส่งเสริมแผนงานบูรณาการผลักดันอุตสาหกรรม MICE ให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางจัดการประชุมใน 4 ภูมิภาค ด้วยการใช้จุดเด่นด้านอาหาร วัฒนธรรม และความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ดึงดูดนักเดินทาง MICE สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในประเทศ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB เผยอัตราการเติบโตของนักเดินทาง MICE ในไทย ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง จากในช่วงครึ่งปีงบประมาณ 2566 มีจำนวนนักเดินทาง MICE ในประเทศ จำนวน 10,974,350 คน สร้างรายได้กว่า 25,016 ล้านบาท พร้อมคาดการณ์ว่า สิ้นปีงบประมาณ 2566 นี้ จะมีจำนวนนักเดินทาง MICE ในประเทศ รวม 17,790,000 คน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 59,000 ล้านบาท 

TCEB ได้เตรียมแผนงานบูรณาการผลักดันอุตสาหกรรม MICE ภายใต้แนวคิด “มิติไมซ์ มิติใหม่ ไมซ์ดีดีที่เมืองไทย” ซึ่งได้กำหนดโครงสร้างฝ่ายงานส่งเสริม MICE ในประเทศ 360 องศา ให้ตอบโจทย์กลุ่มนักเดินทาง MICE ทั้งการพัฒนาสินค้าบริการ พื้นที่ สถานที่จัดงาน ผู้ประกอบการ ชุมชน และเครือข่ายในพื้นที่ รวมถึงการพัฒนาแคมเปญส่งเสริมการตลาด สนับสนุน การสื่อสารการตลาดครบวงจร ซึ่งในปี 2566 นี้ TCEB เน้นย้ำการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการผ่านสำนักงาน MICE ใน 4 ภูมิภาคของไทย ซึ่งมีการดำเนินการต่าง ๆ ดังนี้

– ภาคเหนือ นำเสนอการเป็นจุดหมายปลายทางด้านวัฒนธรรม แหล่งอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ส่งเสริมการจัดงานประชุมทางด้านชาและกาแฟระดับนานาชาติ เช่น เชียงใหม่ และเชียงราย โดยอาศัยจุดเด่นทางภูมิศาสตร์ที่เป็นแหล่งเพาะปลูกชาและกาแฟชั้นเลิศ
– ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นตำแหน่งที่ตั้งเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ประตูสู่การท่องเที่ยวชายแดนและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยออกแบบเส้นทาง MICE “อีสานไมซ์ ไร้คาร์บอน” (ISAN MICE Neutral Carbon Routing) จัดทำโปรแกรมการเดินทาง MICE 3 วัน 2 คืน ตลอดทริปจะมีการวัดค่าการปล่อยคาร์บอน เพื่อคำนวณหาจำนวนการปล่อยคาร์บอนต่อคนต่อทริป
– ภาคกลาง ถือเป็นศูนย์กลางการจัดงาน MICE ระดับนานาชาติของประเทศ โดยมีงานใหญ่เตรียมจัดงานมากมาย เช่น งาน GMS Logistic งาน CVTEC MICE Business Roadshow 2023 และงาน EEC Cluster Fair เพื่อส่งเสริมเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งจะขยายพื้นที่ศักยภาพไปยังจังหวัดอื่น ๆ ในภาค เช่น จังหวัดกาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ 
– ภาคใต้ ส่งเสริมอัตลักษณ์ภาคใต้กับโครงการพัฒนาสินค้าและบริการของอุตสาหกรรมเรือสำราญและอาหารพื้นถิ่น โดยเตรียมจัดงาน MICE Bazaar ครั้งที่ 2 เปิดเวทีซื้อขายสินค้าบริการของอุตสาหกรรม MICE ณ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในเดือนกันยายน 2566

“นายกรัฐมนตรีชื่นชมการทำงานอย่างแข็งขันเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรม MICE อย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อมั่นว่าแผนงานการจัดงาน MICE ทั้ง 4 ภูมิภาคของประเทศจะสามารถกระตุ้นให้เกิดการเดินทางและช่วยกระจายรายได้ให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน ทั้งผู้ประกอบการ ชุมชน ธุรกิจ ตลอดจนการจ้างงาน และเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรม MICE จะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจไทยให้หมุนเวียนเติบโต” นายอนุชาฯ กล่าว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

ย้ำต่างชาติทำงานนวดที่จีน “ผิดกฎหมาย” ต้องโทษ ถูกจับ และปรับ

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขอย้ำเตือนสร้างการรับรู้ให้ประชาชนต่อกรณีที่ยังมีผู้หลงผิดไปทำงานนวดที่จีน ซึ่งรัฐบาลจีนไม่มีนโยบายให้ชาวต่างชาติประกอบอาชีพนวด หากถูกจับได้ จะถูกปรับ ถูกกักขัง และส่งตัวกลับไทย

ต่อกรณีที่มีคนไทยหลายรายถูกมิจฉาชีพชักชวนให้ไปทำงานนวด หรือ ผู้สอนนวดในประเทศจีน นั้น กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงมีการแจ้งเตือนประชาชน ย้ำเตือนว่า “รัฐบาลจีนไม่มีนโยบายให้ชาวต่างชาติมาประกอบอาชีพนวด” ขอให้ระมัดระวัง ไม่ให้ถูกหลอกโดยนายหน้า หรือมิจฉาชีพ ซึ่งเมื่อถูกทางการจีนจับได้ต้องถูกปรับด้วยจำนวนเงินที่สูงถึงห้าหมื่นบาท หรืออาจถูกกักขัง และส่งตัวกลับไทย ดังนั้น ต้องตรวจสอบความน่าเชื่อถือของนายหน้า งานที่ทำ รายละเอียดสัญญาจ้างให้ดี ไม่หลงเชื่อคำชวนด้วยวาจาโดยไม่มีเอกสารลายลักษณ์อักษร เพราะจะไม่สามารถเรียกร้องได้ตามกฎหมาย 

“ขอย้ำเตือนสร้างการรับรู้ รวมทั้งเตือนภัยแก่ผู้ต้องการไปทำงานต่างประเทศ ชาวต่างชาติทำงานนวดที่จีนไม่ได้ ผิดกฎหมาย ขอย้ำว่าต้องตรวจสอบติดต่อการทำงานต่างประเทศจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ อย่าหลงเชื่อนายหน้า หากหลงเชื่อนายหน้าเถื่อนแล้ว มีกรณีที่เคยเกิดขึ้น เช่น นายจ้างยึดหนังสือเดินทาง เงินเดือนและค่าล่วงเวลาไม่เป็นไปตามที่ตกลง สภาพความเป็นอยู่ไม่เหมาะสม และที่สำคัญ คือ หากถูกจับในข้อหาลักลอบทำงาน จะถูกปรับ ถูกกักขัง และส่งตัวกลับไทย” นางสาวรัชดาฯ กล่าว 

ทั้งนี้ หากคนไทยตกทุกข์ได้ยากหรือต้องการขอความช่วยเหลือให้ติดต่อ สถานทูต/สถานกงสุลไทยในต่างประเทศ

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

แอป ‘บอกต่อ’ เข้าถึงบริการกระทรวงเกษตรฯ ครอบคลุมมากกว่า 50 บริการ โหลดเลย!

 

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ตามที่รัฐบาลโดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะศูนย์กลางการให้บริการข้อมูลสารสนเทศการเกษตรของประเทศ ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน “บอกต่อ” เพื่อให้เกษตรกรและผู้สนใจสามารถเข้าถึงบริการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One stop service) โดยให้บริการด้วยชุดเมนูหลักต่าง ๆ ครอบคลุมมากกว่า 50 บริการ นั้น ขอย้ำเชิญชวนเกษตรกรและผู้ที่สนใจ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “บอกต่อ” ผ่านระบบ Android และระบบ IOS รวมถึงใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ทั่วไปเพื่อการเข้าถึงบริการต่าง ๆ ดังนี้ 

-รับปัจจัยการผลิตฟรี เช่น สารเร่งซุปเปอร์ พด. น้ำหมักชีวภาพ ปุ๋ยชีวภาพ หญ้าแฝก พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ สารควบคุมแมลงศัตรูพืช วัสดุการเกษตร เป็นต้น
-ด้านกองทุน การติดต่อขอคำปรึกษา ขอคำแนะนำ ทั้งกองทุน FTA  กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร กองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน เป็นต้น
-การขอรับบริการ เช่น การตรวจรับอง GAP อินทรีย์ทั้งพืช ปศุสัตว์ ประมง ตรวจรับรองมาตรฐานหม่อนไหม บริการวิเคราะห์คุณภาพอาหารสัตว์ การให้บริการรับจดทะเบียน การตรวจสอบดินเพื่อการเกษตร ให้บริการผสมเทียม การตรวจสอบรายชื่อในเขตปฏิรูปที่ดิน ศูนย์เรียนรู้ให้คำแนะนำประชาชน การให้บริการฝนหลวง งานวิจัยต่างๆ รวมถึงบริการคำแนะนำ ร้องเรียน ร้องทุกข์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น 
-การช่วยเหลือ เช่น การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งพืช ปศุสัตว์ ประมง การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยโรคใบด่างมันสำปะหลัง การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยโรค AFS ในสุกร มาตรการและนโยบายช่วยเหลือจากภาครัฐ มาตราการช่วยเหลือด้านการผลิต การประกันรายได้ เยียวยาเกษตรกร เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญ เป็นข้อมูลราคารายสัปดาห์ ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร ซึ่งมีสถานการณ์สินค้าผลิตและการตลาดสินค้าเกษตร รวมถึงมีข้อมูลการพยากรณ์สภาพอากาศให้เกษตรกรได้ใช้ในการวางแผนการเพาะปลูกอีกด้วย

นายอนุชาฯ กล่าวว่า สศก. มุ่งหวังให้แอปพลิเคชัน “บอกต่อ” เป็นศูนย์รวมการให้บริการด้านการเกษตรอย่างรอบด้าน โดยผู้ใช้แอปพลิเคชัน สามารถกดแชร์เพื่อบอกต่อไปยังคนอื่น ๆ ได้ตามความต้องการ ซึ่ง สศก. ได้พัฒนาและออกแบบแอปพลิเคชัน บอกต่อ ให้ใช้งานง่าย ผ่านทางสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต หรือ PC คอมพิวเตอร์ทั่วไป ได้ทุกที่ทุกเวลา สำหรับการใช้งานในระยะแรก แนะนำให้ผู้ใช้ ติดต่อกับหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องนั้น ๆ โดยตรงควบคู่ไปด้วย เนื่องจากบางเมนูข้อมูลการให้บริการอาจสิ้นสุดหรือใกล้หมดแล้ว เช่น การขอรับปัจจัยการผลิต พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ วัสดุด้านการเกษตรต่าง ๆ เป็นต้น โดยเกษตรกรและผู้ที่สนใจ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันผ่านระบบ Android และระบบ IOS รวมถึงใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ทั่วไปได้ที่ https://bohktoh.oae.go.th  ซึ่งหากมีปัญหาด้านระบบการใช้งาน แอปพลิเคชัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร โทร.0 2561 2870 Email : prcai@oae.go.th

“การพัฒนาแอปพลิเคชัน ‘บอกต่อ’ โดย สคก. เป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพัฒนาระบบให้บริการดิจิทัลในภาคการเกษตร เพื่อรองรับความต้องการของเกษตรกรและผู้ประกอบการจำนวนมาก ให้สามารถเข้าถึงบริการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีข้อมูลด้านการเกษตรที่ครบถ้วนแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ ทั้งการวางแผนบริหารจัดการ การแก้ไขปัญหา ตลอดจนการพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศ” นายอนุชาฯ กล่าว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

เชียงราย เลือกวัดพระธาตุผาเงา สู่ 10 สุดยอด ชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ระดับประเทศ

 

เมื่อ 22 มิถุนายน 2566 ที่ห้องประชุมพวงแสด ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการคัดเลือกสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ระดับจังหวัด ประจำปี 2566 โดยมีนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นางสาวนันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

กระทรวงวัฒนธรรม ดำเนินโครงการคัดเลือก 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ เพื่อคัดเลือกชุมชนคุณธรรมที่น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ขับเคลื่อนพลังบวร จากทั่วประเทศที่มีศักยภาพและความพร้อมด้านการท่องเที่ยวในทุกมิติ เพื่อประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติ สร้างขวัญกำลังใจแก่ชุมชน รวมถึงเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงกว้าง เกิดการต่อยอด ขยายผลสำเร็จไปยังชุมชนอื่นๆ ปลุกกระแสการท่องเที่ยววิถีชุมชน สร้างโอกาส สร้างรายได้ เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข็มแข็งอย่างยั่งยืน
 
 
นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายมีต้นทุนสูงทั้งด้านโบราณสถานโบราณวัตถุ สถานที่สำคัญๆ มีวิถีชีวิตชุมชนที่เข้มแข็ง โดยเฉพาะมีชุมชนคุณธรรมที่น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การขับเคลื่อนโดยพลังบวร หลายชุมชนกระจายอยู่ในหลายอำเภอ และเห็นด้วยที่ปีนี้จะเสนอให้วัดพระธาตุผาเงา (บ้านสบคำ) เป็นสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ระดับจังหวัด ประจำปี 2566 เพราะชุมชนมีความโดดเด่นการใช้ชีวิตแบบวิถีชาวบ้าน รวมถึงสถานที่โบราณสถานต่างๆ มีประเพณีที่ศักดิ์สิทธิที่ชาวบ้านทำกันมาอย่างยาวนาน จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวจากหลายพื้นที่ ที่เชื่อในเรื่องสายศรัทธา (สายมู) หลั่งไหลเข้ามากราบไหว้บูชา อีกทั้งรัฐบาลยังเน้นการท่องเที่ยวแบบวิถีชาวบ้าน ซึ่งวัดพระธาตุผาเงา (บ้านสบคำ) ถือว่าตอบโจทย์ที่รัฐบาลคาดหวังไว้ และเชื่อว่าจังหวัดเชียงรายจะสามารถคว้า 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566
 
 
ด้านนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้แจ้งไปยังทุกอำเภอ เพื่อขอความร่วมมือคัดเลือกชุมชนคุณธรรมฯ ที่มีศักยภาพและความพร้อมด้านการท่องเที่ยวในทุกมิติ อำเภอละ 1 แห่ง เพื่อพิจารณาคัดเลือกในระดับจังหวัด ให้เหลือเพียง จำนวน 1 แห่ง เพื่อส่งเข้ารับการคัดเลือกในระดับประเทศ และชุมชนคุณธรรมฯ วัดพระธาตุผาเงา (บ้านสบคำ) ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เป็นชุมชนที่ได้รับการคัดเลือกในระดับจังหวัด และกล่าวต่อไปว่า วัดพระธาตุผาเงา เป็นวัดที่อยู่ร่วมกับชุมชนบ้านสบคำ และอำเภอเชียงแสนมาอย่างยาวนาน มีประวัติศาสตร์ สิ่งก่อสร้าง สถาปัตยกรรม ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีสกายวอล์ค ผาเงา สามแผ่นที่สามารถมองเห็นมุมวิวสวย ของทั้งสามประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว และเมียนมา อีกด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ENTERTAINMENT

เปิดเซตภาพหล่อทะลุปารีส Jackson Wang House Ambassador ของ Louis Vuitton.

 

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนนี้ ตามเวลาท้องถิ่น Jackson Wang เข้าร่วมงาน 2024 Paris Spring/Summer Men’s Fashion Week ในฐานะ House Ambassador ของ Louis Vuitton.

Louis Vuitton เปิดตัวคอลเล็คชั่น 2024 Spring/Summer Men’s Collection อย่างเป็นทางการในงานแฟชั่นวีค และ House  Ambassador อย่าง Jackson Wang ก็ได้เดินทางมาร่วมงาน โดยสวมชุดของ Louis Vuitton คอลเล็คชั่นล่าสุด เป็นเสื้อคอเต่าแบบไร้รอยต่อ คู่กับกางเกง oversized 2 pleats และรองเท้าบู๊ท baroque ranger ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ภายใต้การควบคุมและร่วมออกแบบโดยนักร้องหนุ่งชื่อดังระดับโลก Pharrell Williams ที่ดำรงตำแหน่ง Creative Director for Louis Vuitton Men’s.

ในวันที่ 19 มิถุนายน Jackson Wang ยังได้ร่วมงานเปิดตัว และระดมทุนของ Pharrell Williams’ “Just Phriends” ในปารีส ซึ่งมีศิลปินมากมายจากทั่วโลกเดินทางมาร่วมงานนี้เช่นกัน Jackson ได้พบปะพูดคุยกับเหล่าเซเลบริตี้ในงานที่เป็นเพื่อน ๆ ในวงการเพลงและแฟชั่น อาทิ Bang Si-hyuk CEO แห่งค่าย HYBE Entertainment ศิลปินนักออกแบบชาวญี่ปุ่น Takashi Murakami และ Jimmy Lovine หนึ่งในผู้ก่อตั้งหูฟัง Beats รวมถึง Soonhoc โปรดิวเซอร์จากค่ายยักษ์ใหญ่ YG Entertainment  การร่วมงานครั้งนี้ทำให้โลกทัศน์ของเขากว้างขึ้นและเพิ่มความสนใจในอุตสาหกรรมแฟชั่นมากขึ้น

เมื่อเดือนพฤษภาคนที่ผ่านมา Jackson Wang ได้สร้างความฮือฮาให้กับแฟน ๆ และสื่อมวลชน จากการปรากฏตัวในงาน Met Gala Charity Dinner ในวันนั้น เขาสวมใส่ชุดสูทตัดพิเศษจาก Louis Vuitton และได้รางวัล GQ ให้เป็นหนึ่งในชุด “Best-Dressed Males” at the Met Gala 2023 และยังได้เป็นหนึ่งในศิลปินชายที่ดึงดูดความสนใจที่สุดในค่ำคืนแห่งงานอีกด้วย “Most Attention-Grabbing Male Artist at the Met Gala 2023” จากการสำรวจจากสถาบันระดับโลกอย่าง  Netbase Quid และการร่วนงานในคืนนั้นทำให้ Jackson Wang เป็นที่กล่าวถึงในวงกว้างทุก ๆ ช่องทางทั่วโลก

ก่อนหน้านี้ MAGIC MAN world tour ได้เดินทางมาแล้วเกือบจะทุกทวีปทั่วโลก ทั้ง Asia, Europe, North America และ South America และแสดงคอนเสิร์ตไปแล้วกว่า 15 เมือง  ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ Jackson Wang จะมีคอนเสิร์ตขึ้นที่ Macau และในขณะเดียวกันศิลปินหนุ่มก็เตรียมงานเพลงในอัลบั้มใหม่ควบคู่กันไปด้วย ในชื่อ “MAGIC MAN 2 ซึ่งจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์อีกบ้างสำหรับอัลบั้มใหม่นี้  คงจะทราบกันในเร็ว ๆ นี้ อย่างแน่นอน

 

Jackson Wang Invited to Attend Paris Fashion Week 

Jackson Wang has been invited to attend the 2024 Paris Spring/Summer Men’s Fashion Week on June 20, local time, as the house ambassador for Louis Vuitton.

Louis Vuitton has officially announced its 2024 Spring/Summer Men’s Collection. During the launch event, house ambassador Jackson Wang was spotted wearing the brand’s seamless turtleneck and oversized pants with 2 pleats, paired with the baroque ranger boots, creating a remarkable look. This is also the first men’s collection show since Pharrell Williams took on the role of Creative Director for Louis Vuitton Men’s.

On the 19th, Jackson Wang was also invited to attend the opening ceremony of Pharrell Williams’ “Just Phriends” auction in Paris. At the event, he had enjoyable conversations with various artist friends from the music and fashion industry, including Bang Si-hyuk, the CEO of HYBE Entertainment, artist Takashi Murakami, Jimmy Lovine, one of the founders of Beats, and Soonhoc, a producer from YG Entertainment. This interaction broadened his horizons in the fashion industry and attracted attention.

In early May, Jackson Wang made a stunning appearance at the Met Gala Charity Dinner, wearing a specially tailored Louis Vuitton suit. His stylish look was recognized by GQ as one of the “Best-Dressed Males” at the Met Gala 2023, and he was acclaimed as the “Most Attention-Grabbing Male Artist at the Met Gala 2023” by the global research firm Netbase Quid. His fashion expression sparked widespread discussions among netizens both domestically and internationally.

Previously, the “MAGIC MAN” world tour traveled across Asia, Europe, North America, and South America, with performances in fifteen cities. In July, Jackson Wang will kick off his China tour with a concert in Macau. It is known that his new album, “MAGIC MAN 2,” is currently in preparation. Stay tuned for more updates.

王嘉尔受邀出席巴黎时装周

当地时间6月20日,LOUIS VUITTON品牌代言人王嘉尔受邀出席2024巴黎春夏男装时装周。

 

LOUIS VUITTON正式公开发布了 2024春夏男装系列,当晚品牌代言人王嘉尔身穿品牌无缝樽领衫与缝褶长裤,搭配BAROQUE RANGER系带鞋令人瞩目。这也是Pharrell Williams出任LOUIS
VUITTON男装创意总监后的第一个男装系列大秀。

 

19日,王嘉尔还受邀出席了Pharrell Williams举办的《Just Phriends》拍卖会开幕式。活动现场,他与HYBE
Entertainment负责人方时赫、艺术家村上隆、Beats品牌创始人之一的Jimmy
Lovine及YG Entertainment旗下(厂牌)制作人soonhoc等众多音乐、时尚领域的艺术家好友们相谈甚欢,时尚资源再度拓宽,引发关注。

 

5月初,王嘉尔在Met Gala慈善晚宴上身着LOUIS
VUITTON特别定制套装惊艳亮相,其时尚造型被GQ评选为“Met
Gala 2023最佳男士着装”之一,并且他被全球权威调研机构Netbase Quid评选为“Met
Gala 2023被提及次数最多的男艺人”。他的时尚表现力引发了海内外网友的广泛热议。

 

 

 

此前,“MAGIC MAN”世巡横跨亚洲、欧洲、北美洲与南美洲,已在15座城市相继举办。在即将到来的7月,王嘉尔将在澳门举行中国巡演的首场演出,据了解,新专辑《MAGIC MAN2》也正在筹备中,敬请期待。

 

 

王嘉爾受邀出席巴黎時裝周

當地時間6月20日,LOUIS VUITTON品牌代言人王嘉爾受邀出席2024巴黎春夏男裝時裝周。

 

LOUIS VUITTON正式公開發布了 2024春夏男裝系列,當晚品牌代言人王嘉爾身穿品牌無縫樽領衫與縫褶長褲,搭配BAROQUE RANGER系帶鞋令人矚目。這也是Pharrell Williams出任LOUIS VUITTON男裝創意總監後的第一個男裝系列大秀。

 

19日,王嘉爾還受邀出席了Pharrell Williams舉辦的《Just Phriends》拍賣會開幕式。活動現場,他與HYBE Entertainment負責人方時赫、藝術家村上隆、Beats品牌創始人之一的Jimmy Lovine及YG Entertainment旗下(廠牌)製作人soonhoc等眾多音樂、時尚領域的藝術家好友們相談甚歡,時尚資源再度拓寬,引發關註。

 

5月初,王嘉爾在Met Gala慈善晚宴上身著LOUIS VUITTON特別定製套裝驚艷亮相,其時尚造型被GQ評選為「Met Gala 2023最佳男士著裝」之一,並且他被全球權威調研機構Netbase Quid評選為「Met Gala 2023被提及次數最多的男藝人」。他的時尚表現力引發了海內外網友的廣泛熱議。

 

 

此前,「MAGIC MAN」世巡橫跨亞洲、歐洲、北美洲與南美洲,已在15座城市相繼舉辦。在即將到來的7月,王嘉爾將在澳門舉行中國巡演的首場演出,據了解,新專輯《MAGIC MAN2》也正在籌備中,敬請期待。

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

เปิดประชุมเสริมสร้างความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สิน ปี 66

 

เมื่อ 22 มิถุนายน 2566 เวลา 11.15 น. พ.อ. จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ รอง ผอ.รมน.จังหวัด ช.ร.(ท.) เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ การเสริมสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ประจำปี 2566 ของ ศปป.2 กอ.รมน. ซึ่งมีผู้เข้าร่วมการประชุม จำนวน 48 นาย โดยมี พล.ท.ศุรพงษ์ ชำนิยันต์ ผอ.ศปป.2 กอ.รมน. และคณะฯ ร่วมสังเกตุการณ์ ฯ ณ โรงแรม เอ็ม บูทีค รีสอร์ท อ.เมืองเชียงราย จว.เชียงราย ผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AUTOMOTIVE

วอลโว่ EV XC 40 รถยนต์ไฟฟ้า100% ราคาไม่ถึง 2 ล้าน

 

ค่ายวอลโว่ เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค ด้วยการเเนะนำรถยนต์ไฟฟ้า100% แบบมอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง โดยกดราคาลงอย่างน่าสนใจ เรียกว่าแบรนด์ที่มีราคาอยู่ในระดับใกล้เคียง โดยเฉพาะ Tesla ทั้ง 2 โมเดล มีหนาว

สำหรับ Volvo C40 Recharge Pure Electric รุ่นมอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อวอลโว่ตั้งราคา 2 ล้านบาทนิด ๆ ส่วน Volvo XC40 เอาละซิ ไม่ถึง 2 ล้านบาท

Volvo XC40 และ Volvo C40 ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 175 kW ให้กำลัง 238 แรงม้า วิ่งได้ 590 กม. และ 565 กม. ตามลำดับ

ผู้บริหาร วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) ยืนยันว่า เพื่อไปสู่เป้าหมายสำหรับวอลโว่ประเทศไทยที่จะจำหน่ายแต่รถยนต์ไฟฟ้า 100% ให้ได้ภายในปี 2568

ดังนั้น จึงต้องปูทางกันแต่เนิ่น ๆ

สำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 175 kW (238 แรงม้า) แบบ magnet e-motor ในเพลาล้อคู่หลัง และแบตเตอรี่ขนาด 69 kWh ด้วยความสามารถในการกระจายพลังงานของแบตเตอรี่ที่สูงขึ้นและพลังของมอเตอร์เดี่ยว จึงส่งผลให้ขับได้ระยะทางไกลมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังรองรับการชาร์จได้สูงสุดถึง 150 kW DC โดยให้พลังแบตเตอรี่จาก 10-80% ในเวลาการชาร์จเพียง 34 นาที

ทั้งสองรุ่นด้วยการออกแบบภายนอก ด้วยไฟคู่หน้าคงเอกลักษณ์ Thor’s Hammer ผ่านเทคโนโลยี pixel LED ที่ไฟ LED แต่ละดวงทำงานแยกจากกันเป็นอิสระ จึงสามารถปรับรูปแบบความสว่างของไฟหน้าได้อัตโนมัติ

ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ดีไซน์ 5-Spoke Black Diamond Cut ที่ไม่เพียงสวยงาม แต่ยังมาพร้อมดีไซน์แบบแอโรไดนามิกเพื่อการทรงตัว

โดย Volvo C40 Recharge Pure Electric จำหน่ายในราคา 2,040,000 บาท ขณะที่ Volvo XC40 Recharge Pure Electric-Single Motor จำหน่ายในราคา 1,999,000 บาท

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : prachachat

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

รับทราบกันการทุจริต ​คณะรัฐมนตรีมีมติ รับข้อเสนอแนะจาก ป.ป.ช. เงินอุดหนุน ‘อปท.’

 

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (20 มิถุนายน 2566) มีมติรับทราบกรณี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับเงินอุดหนุนของ อปท. กรณีรัฐอุดหนุนแก่ อปท. ดังนี้ 

1. ข้อเสนอด้านการจัดทำคำขอและการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุน ซึ่ง 1) ควรมีนโยบายและแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน ทั้งวิธีการและระยะเวลาในการส่งเสริมและพัฒนารายได้ให้กับ อปท. 2) ในขณะที่ อปท. ยังไม่มีเงินเพียงพอต่อการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ควรพิจารณาจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่ อปท. ในรูปแบบเงินอุดหนุนทั่วไป โดยลดการจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ซึ่งมักมีปัญหาการทุจริตจากการวิ่งเต้นและการบริหารงานงบประมาณให้เหลือน้อยที่สุด 3) ควรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และตัวชี้วัดอย่างชัดเจนในการจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจให้แก่ อปท. เพื่อลดอำนาจการใช้ดุลยพินิจในการจัดสรรโดยมิชอบ 4) ควรเร่งดำเนินการให้ อปท. เป็นหน่วยงานที่ขอรับเงินงบประมาณโดยตรง 

2. ข้อเสนอด้านการนำเงินอุดหนุนไปจัดทำข้อบัญญัติ/เทศบัญญัติ และการบริหารจัดการงบประมาณเงินอุดหนุน 1) ควรกำหนดให้ประชาชนสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารงานของ อปท. อย่างเป็นรูปธรรมและเข้มข้นในทุกกระบวนการ 2) ควรส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของสมาชิกสภาท้องถิ่น และประชาชนให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ และอำนาจกฎหมาย ระเบียบ และข้อกำหนดต่าง ๆ 3) ควรส่งเสริมและพัฒนาระบบการตรวจสอบภายในของ อปท. ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ 4) ควรกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการดำเนินการของ อปท. 

3. ข้อเสนอด้านการติดตามและประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณเงินอุดหนุน 1) ควรดำเนินการให้มีการจัดทำระบบฐานข้อมูลกลางขนาดใหญ่ (Big Data) 2) ควรกำหนดรูปแบบการรายงานผลการดำเนินงานของ อปท. ให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง 3) ควรกำชับให้ผู้ใช้อำนาจในการกำกับดูแล อปท. ตรวจสอบติดตามและการรายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณเงินอุดหนุนของ อปท. 4) ควรสนับสนุนให้ อปท. ทุกแห่งใช้ระบบการจ่ายเงินโดยให้จ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) 5) ควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบการใช้จ่ายและการบริการเงินอุดหนุนของ อปท. ว่าเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และแบบแผนการปฏิบัติราชการหรือไม่

ทั้งนี้ ป.ป.ช. มีข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับเงินอุดหนุนของ อปท. กรณี อปท. อุดหนุนไปยังหน่วยงานอื่น ดังนี้ 

1. ประเด็น อปท. ตั้งงบประมาณเงินอุดหนุนให้แก่หน่วยงานอื่นโดยไม่เป็นไปตามระเบียบ หลักเกณฑ์ และแนวทางที่กำหนดรวมถึงหน่วยงานที่รับเงินอุดหนุนจาก อปท. ใช้จ่ายเงินไม่เป็นไปตามระเบียบและวัตถุประสงค์ อันอาจนำไปสู่การทุจริต 1) ควรแจ้งและกำกับให้ อปท. กำหนดมาตรการควบคุมภายใน โดยให้จัดทำแผนการตรวจสอบประเด็นขั้นตอนที่มีความเสี่ยงต่อการใช้จ่ายงบประมาณเงินอุดหนุน และควรให้ความสำคัญเกี่ยวกับการติดตามว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ 2) ควรกำหนดระเบียบห้าม อปท. ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่ออุดหนุนให้แก่หน่วยงานที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบฯ ในปีงบประมาณถัดไป 3) ห้าม อปท. ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่ออุดหนุนโครงการที่มีลักษณะเกี่ยวกับการจัดหาครุภัณฑ์ ที่ดิน และสิ่งก่อสร้าง 4) ควรกำหนดให้ อปท. ต้องจัดให้มีวิธีการที่จะให้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการ 5) ควรให้ความสำคัญในการกำกับ ติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ ต้องให้ความสำคัญทั้งในส่วนของ อปท. ที่ตั้งงบประมาณเงินอุดหนุน และการดำเนินการของหน่วยงานที่ขอรับเงินอุดหนุน พร้อมรายงานผลต่อสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเปิดเผยต่อสาธารณะด้วย

2. ประเด็น อปท. ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่ออุดหนุนให้หน่วยงานที่ทำการปกครองอำเภอ และสำนักงานจังหวัด ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีนายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ควบคุมกำกับดูแล อปท. ตามกฎหมายอันเป็นการขัดกันต่อการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้กำกับดูแลเพื่อให้เกิดความถูกต้องและปราศจากการทุจริตทุกรูปแบบ 1) แก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินอุดหนุนฯ โดยห้าม อปท. ตั้งงบประมาณเงินอุดหนุนให้ที่ทำการปกครองอำเภอและสำนักงานจังหวัด 2) กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ผู้กำกับดูแล อปท. ให้ อปท. ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ และหนังสือสั่งการของ มท.

3. ประเด็น อปท. ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่ออุดหนุนให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ (การไฟฟ้า การประปา และองค์การจัดการน้ำเสีย) โดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบ หลักเกณฑ์และแนวทางเช่นเดียวกับหน่วยงาน/องค์กรอื่นที่ขอรับเงินอุดหนุนจาก อปท. 1) ห้าม อปท. ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่ออุดหนุนตามโครงการขยายเขตไฟฟ้าและประปา เพื่อจำหน่าย 2) ในกรณีที่ อปท. ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่ออุดหนุนให้รัฐวิสาหกิจในภารกิจตามหน้าที่ของ อปท. จะต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับการให้เงินอุดหนุนหน่วยงานอื่นคือให้นำเงินอุดหนุนนับรวมในอัตราส่วนไม่เกินร้อยละของรายได้จริงในปีงบประมาณที่ผ่านมา

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News