Categories
AROUND CHIANG RAI EDITORIAL

อีกหนึ่งบทเรียนน้ำท่วม สร้าง ‘คู่มือรับมือ’ สู่เมืองรับภัยยั่งยืน

ถอดบทเรียนเพื่ออนาคต: “คู่มือรับมือน้ำท่วมฉบับเชียงราย”

เชียงราย, 28 มิถุนายน 2568 – จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงราย 27 มิถุนายน 2568กลายเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนทั้งความท้าทายและความเข้มแข็งของระบบการจัดการภัยพิบัติในพื้นที่ ภาพของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข พร้อมด้วยนางสินีนาฎ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ลงพื้นที่มอบข้าวกล่อง ผ้าห่ม และถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ทั้งผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงในตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย คือภาพแทนของการทำงานที่ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” พร้อมย้ำชัดเจนถึงความจำเป็นในการ “ถอดบทเรียน” เพื่อเตรียมรับมือภัยพิบัติในอนาคตอย่างเป็นระบบ

ภาพรวมสถานการณ์และมาตรการเร่งด่วน

หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของเชียงราย ส่งผลให้น้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่เกษตรเป็นวงกว้าง ทางจังหวัดได้สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทันที ทั้งการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ขนย้ายสิ่งของสู่ที่สูง การจัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือ การเตรียมครัวสนามแจกจ่ายอาหาร รวมถึงการลำเลียงกลุ่มเปราะบางออกจากพื้นที่เสี่ยงอันตราย

อย่างไรก็ดี แม้การบูรณาการความร่วมมือจะเป็นไปอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง แต่ก็พบ “จุดอ่อน” และ “ข้อจำกัด” ในการรับมือกับวิกฤต เช่น ช่องว่างของระบบเตือนภัย ความสับสนในกระบวนการอพยพบางพื้นที่ รวมถึงการประเมินความเสี่ยงและเตรียมพร้อมของประชาชนในพื้นที่ต่ำหรือพื้นที่ติดลำห้วย

วิเคราะห์และถอดบทเรียน “น้ำท่วมเชียงราย 2568”

สิ่งสำคัญที่จังหวัดเชียงรายต้อง “ถอดบทเรียน” จากเหตุการณ์นี้ให้ได้มากที่สุด ได้แก่

  1. การวิเคราะห์สาเหตุและพฤติกรรมของน้ำท่วม
    ควรมีการศึกษาข้อมูลสถิติฝนตกและลักษณะภูมิประเทศเชิงลึกในแต่ละพื้นที่ พร้อมวิเคราะห์จุดเสี่ยงและความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่รับน้ำ เพื่อประเมินแนวโน้มความรุนแรงในอนาคต
  2. ประสิทธิภาพระบบเตือนภัย
    ต้องประเมินความทันสมัยของเครื่องมือวัดปริมาณน้ำฝน จุดตรวจวัดน้ำท่า และระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าทั้งผ่าน Cell Broadcast วิทยุชุมชน และสื่อโซเชียล พร้อมทบทวนขั้นตอนแจ้งเตือนและอพยพให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าใจตรงกัน
  3. การสำรวจจุดอ่อนและการประสานงาน
    สำรวจขั้นตอนการอพยพและการจัดการศูนย์พักพิงชั่วคราว การบริหารเครื่องมือและอุปกรณ์ฉุกเฉิน ความชัดเจนของบทบาทแต่ละหน่วยงานในภาวะวิกฤต รวมถึงช่องทางการสื่อสารกับประชาชนให้มีประสิทธิภาพ
  4. การวางแผนฟื้นฟูและช่วยเหลือหลังภัย
    เร่งสำรวจและประเมินความเสียหายเพื่อจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเป็นธรรม ทันเวลา และโปร่งใส พร้อมวางแผนฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน ระบบประปา ระบบไฟฟ้า และพื้นที่เกษตรกรรมโดยไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน

แนวทางสู่ “คู่มือรับมือน้ำท่วมฉบับเชียงราย”

เมื่อบทเรียนได้รับการสรุปอย่างรอบด้าน จังหวัดเชียงรายควรเดินหน้าจัดทำ “คู่มือรับมือน้ำท่วมฉบับเชียงราย” ที่มีเนื้อหาเฉพาะสอดรับกับบริบทพื้นที่ ประกอบด้วยแนวทางปฏิบัติสำหรับทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และหน่วยงานท้องถิ่นในระดับหมู่บ้าน – ชุมชน ครอบคลุมตั้งแต่การเตรียมความพร้อม การแจ้งเตือน การอพยพ การช่วยเหลือฉุกเฉิน ไปจนถึงการฟื้นฟูหลังน้ำลด รวมถึงข้อมูลเส้นทางอพยพ จุดปลอดภัยในแต่ละพื้นที่ หมายเลขติดต่อฉุกเฉิน และแบบฟอร์มสำรวจความเสียหาย

การมีคู่มือฯ ที่เป็นรูปธรรมและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือ ลดความสูญเสีย และเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นซ้ำในอนาคต

สรุป

ภัยพิบัติในครั้งนี้คือบททดสอบที่สำคัญของระบบการบริหารจัดการภัยพิบัติในจังหวัดเชียงราย ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างตระหนักดีว่าการ “ถอดบทเรียน” และ “พัฒนาแนวทางป้องกัน” ให้รัดกุมและทันสมัยคือภารกิจที่ต้องขับเคลื่อนอย่างจริงจังในอนาคต การมี “คู่มือรับมือน้ำท่วมฉบับเชียงราย” ที่เกิดจากประสบการณ์จริง จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่สร้างความมั่นใจและลดความสูญเสียในทุกมิติ สร้างเมืองที่มีภูมิคุ้มกัน พร้อมเผชิญทุกวิกฤตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายชู Soft Power ศาสนา ฝึกอบรม ‘ปิดทอง’ หนุนเศรษฐกิจชุมชน พัฒนาสินค้าเด่นประจำจังหวัด

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ยกระดับผลิตภัณฑ์มิติศาสนา “ภาพเทคนิคการปิดทอง” ต่อยอดเศรษฐกิจฐานราก หนุนภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่สินค้าระดับจังหวัด

เชียงราย, 27 มิถุนายน 2568 – สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (สวจ.เชียงราย) ขับเคลื่อนโครงการ “พลังบวรในมิติศาสนา” ประจำปีงบประมาณ 2568 เดินหน้าต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างงานสร้างรายได้ให้ชุมชน ผ่านกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการยกระดับ “ภาพเทคนิคการปิดทอง” ที่วัดดงชัย ตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง เพื่อพลิกโฉมงานช่างศิลป์ไทยจากมรดกทางศาสนาให้กลายเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นและมีมูลค่าสูง

เดินหน้าต่อยอดงานช่างศิลป์ไทยจากรากฐาน “บ้าน วัด โรงเรียน” สู่สินค้าสร้างรายได้

ระหว่างวันที่ 26-27 มิถุนายน 2568 สวจ.เชียงราย ร่วมกับชุมชนคุณธรรมวัดดงชัย จัดกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการฯ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เน้นการบูรณาการพลัง “บ้าน วัด โรงเรียน/ราชการ” หรือ “บวร” ในชุมชนให้เกิดเป็นกลไกขับเคลื่อนการยกระดับผลิตภัณฑ์ศาสนาเป็นสินค้าระดับจังหวัด

กิจกรรมดังกล่าวมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ “ภาพเทคนิคการปิดทอง” ซึ่งเป็นศิลปะภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทย ในการสร้างคุณค่าใหม่ เพิ่มรายได้ ขยายโอกาสทางอาชีพให้กับสามเณร นักเรียน ครู และคนในชุมชน โดยฝึกอบรมกระบวนการผลิตอย่างครบถ้วน ตั้งแต่การลงดำ การปิดทอง การเก็บรายละเอียด ไปจนถึงการเข้ากรอบรูป เพื่อเตรียมสินค้าสู่ตลาดเชิงพาณิชย์

เปิดเวทีให้เยาวชน สร้างความภาคภูมิใจ ถ่ายทอดศรัทธาสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์

พระครูวิสิฐวรนารถ เจ้าคณะอำเภอเวียงเชียงรุ้ง/เจ้าอาวาสวัดดงชัย ให้เกียรติมอบวุฒิบัตรแก่สามเณรและนักเรียนผู้ผ่านการอบรม รวมถึงมอบเกียรติบัตรให้พระวิทยากรและครูผู้สนับสนุน เพื่อยกย่องการร่วมกันสืบสานงานศิลป์ช่างสิบหมู่ และสนับสนุนแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์บนพื้นฐานศรัทธา โดยในพิธีปิดยังเน้นย้ำถึงบทบาทของศาสนาในการเชื่อมโยงใจคนในชุมชน สร้างความรักความผูกพันทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่

ทั้งนี้ ภาพเทคนิคการปิดทองไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของศรัทธาและความเชื่อในพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงทักษะและภูมิปัญญาของช่างไทยที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน งานศิลปะที่งดงามนี้เมื่อพัฒนาอย่างมีมาตรฐาน จะสามารถยกระดับเป็นของที่ระลึก สินค้าสะสม หรือของขวัญคุณค่าสูง ทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน

ก้าวสู่ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรม “ดาวรุ่ง” ของเชียงราย

ผลิตภัณฑ์ “ภาพเทคนิคการปิดทอง” จากชุมชนคุณธรรมวัดดงชัย นับเป็นผลสำเร็จของการบูรณาการแนวคิดวัฒนธรรมกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สามารถต่อยอดให้เป็นสินค้าระดับจังหวัด ด้วยการสนับสนุนองค์ความรู้จากทุกภาคส่วน ผลักดันให้ชุมชนเกิดการจ้างงาน เสริมรายได้ เสริมความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก และรักษาเอกลักษณ์ทางศาสนาและวัฒนธรรมของท้องถิ่นไว้ได้อย่างมั่นคง

สวจ.เชียงราย เร่งผลักดันศิลปวัฒนธรรมสู่ “เศรษฐกิจฐานราก” ที่ยั่งยืน

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายนางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม นำทีมข้าราชการและเจ้าหน้าที่ร่วมสนับสนุนอย่างเต็มที่ หวังให้ “ภาพเทคนิคการปิดทอง” กลายเป็นต้นแบบผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมร่วมสมัยของเชียงราย เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างความภาคภูมิใจให้คนในท้องถิ่น

สรุป

การจัดฝึกอบรมในครั้งนี้สะท้อนถึงพลังของ “บวร” ในการสร้างสรรค์และต่อยอดศิลปวัฒนธรรมไทยให้เป็นสินค้าที่มีมูลค่าในตลาด ทั้งยังช่วยเสริมสร้างทักษะและจิตสำนึกในกลุ่มเยาวชน เปิดโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ พร้อมขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตคนเชียงรายให้เติบโตบนรากฐานความศรัทธาและภูมิปัญญาท้องถิ่น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  • กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกฯ อบจ.เชียงรายไม่นิ่งนอนใจ ระดมสรรพกำลังช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

อบจ.เชียงราย เร่งระดมกำลังเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำป่าไหลหลาก มอบน้ำอุปโภคบริโภค-ถุงยังชีพ พร้อมลุยฟื้นฟูพื้นที่แม่เปา หลังวิกฤตน้ำท่วมหนัก

เชียงราย, 27 มิถุนายน 2568 – หลังเกิดเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงในพื้นที่ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย ส่งผลให้บ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง รวมถึงระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานได้รับผลกระทบอย่างหนัก องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ภายใต้การนำของนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย และรองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้แสดงจุดยืน “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เร่งระดมทรัพยากรและกำลังเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน

อบจ.เชียงราย” เดินหน้าเคียงข้างชาวบ้าน ลุยทุกจุดเสี่ยง

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ มีนายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน รองนายก อบจ.เชียงราย นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย นายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการนายก อบจ. นายอาทิตย์ รู้ทำนอง สมาชิกสภา อบจ. อำเภอเทิง เขต 1 นายสุชัด เสนคำ สมาชิกสภา อบจ. อำเภอเทิง เขต 2 นายสุใจ เชื้อเมืองพาน สมาชิกสภา อบจ. อำเภอพญาเม็งราย เขต 1 ตลอดจนบุคลากรจากกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองสาธารณสุข และหน่วยงานในพื้นที่ ร่วมปฏิบัติการในทุกจุดเสี่ยง

บ้านเรือนพัง-ประปาเสียหาย ชาวบ้านขาดน้ำใช้ อบจ.จัด “รถน้ำ-ถุงยังชีพ” กระจายความช่วยเหลือ

ผลกระทบจากน้ำป่าที่ไหลหลากฉับพลัน ไม่เพียงสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือน แต่ยังส่งผลต่อระบบประปาหมู่บ้าน ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องขาดแคลนน้ำสะอาด ทั้งในการอุปโภคบริโภคและทำความสะอาดบ้านที่เต็มไปด้วยโคลน อบจ.เชียงรายจึงระดม “รถน้ำขนาดใหญ่” ตระเวนแจกจ่ายน้ำสะอาดในทุกพื้นที่ประสบภัย พร้อมจัดชุดถุงยังชีพที่ประกอบด้วยสิ่งของจำเป็นและน้ำดื่มสะอาด แจกจ่ายถึงมือประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

ลงพื้นที่-เยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมประเมินวางแผนฟื้นฟูหลังน้ำลด

นอกจากการจัดส่งทรัพยากร อบจ.เชียงราย ยังส่งบุคลากรลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อเยี่ยมเยียน ให้กำลังใจ สำรวจความเสียหาย วางแผนการฟื้นฟูและซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน สะพาน ระบบประปา เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติให้เร็วที่สุด

มุ่งบรรเทาทุกข์ระยะสั้น-ฟื้นฟูระยะยาว คืนคุณภาพชีวิตแก่ประชาชน

การให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้มุ่งเน้นทั้งการบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้นและการฟื้นฟูในระยะต่อไป โดยอบจ.เชียงรายประกาศยืนยันจะไม่ทอดทิ้งพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย พร้อมเดินหน้าอย่างเต็มกำลังในการสนับสนุนทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และจิตอาสา เพื่อร่วมกันผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้

เสียงแห่งความหวังจาก อบจ.เชียงราย

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย กล่าวให้กำลังใจว่า “ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนทุกคน อบจ.เชียงรายขอประกาศเจตนารมณ์อย่างมั่นคงว่า จะเดินหน้าให้การช่วยเหลือ สนับสนุน และฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง จนกว่าทุกชีวิตจะกลับมาอยู่ในสภาพปกติอีกครั้ง”

สรุป

วิกฤตน้ำป่าไหลหลากครั้งนี้ แม้สร้างบาดแผลให้กับชาวบ้านแม่เปาอย่างหนัก แต่ด้วยความร่วมมือของ อบจ.เชียงราย หน่วยงานท้องถิ่น และจิตอาสา เชื่อมั่นว่าความเข้มแข็งและความช่วยเหลือที่รวดเร็วจะช่วยฟื้นฟูคุณภาพชีวิตและสร้างรอยยิ้มคืนสู่ทุกครัวเรือนอีกครั้ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายหนัก น้ำป่าถล่ม 5 อำเภอ ทหารเร่งช่วย-ตั้งครัวสนาม

เชียงรายวิกฤต! น้ำป่าไหลหลาก 5 อำเภอ 32 หมู่บ้านจมบาดาล บ้านเรือนเสียหายกว่า 4,400 ครัวเรือน ทหาร-หน่วยงานรัฐระดมช่วยเหลือ เตือนเฝ้าระวังต่อเนื่อง

เชียงราย, 27 มิถุนายน 2568 – จังหวัดเชียงรายกำลังเผชิญกับสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ หลังเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ 5 อำเภอ 10 ตำบล รวม 32 หมู่บ้าน บ้านเรือนราษฎรกว่า 4,405 ครัวเรือน ถนนสายหลัก 3 จุด และสถานบริการสาธารณสุข 2 แห่ง ได้รับผลกระทบโดยตรง ขณะที่พื้นที่เกษตรโดยเฉพาะนาข้าวถูกน้ำท่วมเสียหายกว่า 500 ไร่ และยังมีความเสียหายอื่นๆ อยู่ระหว่างการสำรวจเพิ่มเติม

ฝนถล่มต่อเนื่อง – สถานการณ์ยังไม่สิ้นสุด

ข้อมูลรายงานเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 27 มิถุนายน 2568 ระบุว่า จังหวัดเชียงรายยังคงมีฝนตกต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ส่งผลให้สถานการณ์น้ำท่วมยังไม่คลี่คลาย กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงรายได้แจ้งเตือนทุกอำเภอให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ เครื่องจักรกล ยุทโธปกรณ์ รวมถึงกำลังพลเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

พื้นที่ประสบภัยหนัก ครอบคลุม 5 อำเภอ

  • อำเภอพญาเม็งราย
    1. ต.ตาดควัน หมู่ 4 น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมโรงเรียนและบ้านเรือน 200 ครัวเรือน สะพานขาดการสัญจร
    2. ต.แม่เปา หมู่ 1, 2, 3, 6, 11, 12, 14, 16, 20 น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมขุนห้วยแม่เปา บ้านเรือน 3,705 ครัวเรือน รพ.สต.แม่เปาได้รับผลกระทบ 1 แห่ง ถนนขาด
    3. ต.แม่ต๋ำ หมู่ 2, 7, 8, 10 น้ำท่วมบ้านเรือน 500 ครัวเรือน
  • อำเภอเวียงชัย
    1. ต.ผางาม หมู่ 1, 3, 7, 13 น้ำป่าเข้าท่วมพื้นที่เกษตรและถนนสายหลัก ทล.1326 รถสัญจรไม่ได้
    2. ต.ดอนศิลา หมู่ 10 น้ำท่วมนาข้าว 500 ไร่
  • อำเภอเชียงแสน
  1. ต.บ้านแซว หมู่ 4, 11, 12 น้ำท่วมถนน เส้นทางถูกตัดขาด
  • อำเภอเวียงเชียงรุ้ง
    1. ต.ทุ่งก่อ หมู่ 6, 7, 15
    2. ต.ป่าซาง หมู่ 5, 6, 7, 10, 14
    3. ต.ดงมหาวัน หมู่ 4 น้ำท่วมโรงพยาบาลเวียงเชียงรุ้ง พื้นที่เกษตร บ้านเรือนได้รับผลกระทบบางส่วน
  • อำเภอเทิง
    1. ต.เวียง หมู่ 20 น้ำเข้าท่วมถนนหน้าโรงพยาบาลเทิง

ทหาร-หน่วยงานรัฐลงพื้นที่ช่วยเหลือเต็มกำลัง

พลตรีจักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) นำกำลังพล พร้อมยุทโธปกรณ์ รถยกสูงและเรือยาง เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ตำบลแม่เปา อ.พญาเม็งราย โดยเน้นช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ป่วยติดเตียง เด็กและผู้สูงอายุ ลำเลียงออกจากพื้นที่เสี่ยงไปยังศูนย์พักพิงปลอดภัย ขณะเดียวกันยังจัดตั้ง “ครัวสนาม” สำหรับปรุงอาหารแจกจ่ายผู้ประสบภัย เริ่มตั้งแต่มื้อเย็นวันที่ 27 มิ.ย.นี้ ผลิตได้ 3,000 กล่องต่อมื้อ พร้อมรับการสนับสนุนวัตถุดิบประกอบอาหารอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ กรมการทหารช่างยังจัดส่งกำลังพล เรือยางติดเครื่อง เรือท้องแบน และรถ FTS ยกสูง เพื่ออำนวยความสะดวกในการลำเลียงผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่ที่ถูกตัดขาด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในบ้านเรือนริมห้วยหรือในพื้นที่ต่ำ

มาตรการรับมือและแนวโน้มสถานการณ์

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้ประสานและสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายและดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบอย่างรวดเร็ว พร้อมแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามสถานการณ์น้ำและฝนฟ้าอากาศจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง

จากแนวโน้มฝนตกหนักต่อเนื่อง คาดว่าสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายใน 1-2 วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำและบริเวณใกล้ลำห้วยที่มีความเสี่ยงสูง ประชาชนควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ และเตรียมการขนย้ายสิ่งของจำเป็นให้พร้อมกรณีต้องอพยพฉุกเฉิน

วิเคราะห์ผลกระทบ – จัดการน้ำและฟื้นฟูระยะยาว

สถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้สะท้อนความเปราะบางของโครงสร้างพื้นฐานในชนบท ทั้งด้านสะพาน ถนน และการเข้าถึงสถานพยาบาลที่อาจต้องได้รับการปรับปรุงและยกระดับในระยะยาว ทั้งนี้การตั้ง “ครัวสนาม” และการระดมทรัพยากรทั้งทหารและหน่วยงานพลเรือนถือเป็นมาตรการเร่งด่วนที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนในเบื้องต้น

อย่างไรก็ดี ภาคการเกษตรโดยเฉพาะนาข้าวในพื้นที่กว่า 500 ไร่ที่ได้รับความเสียหาย อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นในฤดูกาลนี้ จำเป็นต้องมีมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูทั้งภาคการผลิตและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการจัดการน้ำแบบบูรณาการเพื่อป้องกันเหตุการณ์ซ้ำซากในอนาคต

สรุป

เชียงรายกำลังเผชิญวิกฤตน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ เจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร และจิตอาสาเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในทุกด้าน พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อเนื่อง ขณะนี้การช่วยเหลือกำลังดำเนินอย่างเข้มข้นจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • มณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37)
  • กรมการทหารช่าง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ฝนถล่มเชียงราย น้ำป่าหลาก-สะพานขาด รัฐบาลชูแผนบริหารจัดการน้ำรับมือ

เชียงรายเผชิญน้ำท่วมฉับพลัน หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรีสั่งระดมทุกหน่วยงานเร่งช่วยเหลือ ย้ำต้องจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

เชียงราย, 27 มิถุนายน 2568 – รายงานข่าวจากหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงรายเปิดเผยว่า เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางดึกจนถึงเช้าวันนี้ ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันในเขตอำเภอพญาเม็งรายและอำเภอเวียงชัย โดยชาวบ้านจำนวนมากต้องรีบขนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูงเพื่อความปลอดภัย พร้อมมีการเร่งระดมเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ หลังปริมาณน้ำฝนสะสมที่วัดได้บางจุดสูงถึง 298.5 มิลลิเมตร

สถานการณ์น้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลากรุนแรงในพื้นที่เสี่ยง

นายอำเภอพญาเม็งรายได้สั่งการให้ปลัดอำเภอ ประสานการทำงานร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในทันที โดยความเสียหายเบื้องต้นพบว่าสะพานเชื่อมต่อระหว่างหมู่ 4 ตำบลตาดควัน ไปยังหมู่ 1, 5, 16, 17 ตำบลแม่เปา ถูกกระแสน้ำตัดขาด ขณะเดียวกันพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชนที่ติดลำห้วยขุนแม่เปาก็ได้รับความเสียหายจำนวนมาก

ขณะที่ปริมาณน้ำฝนที่จุดวัด ณ วนอุทยานน้ำตกตาดสายรุ้ง บ้านป่าสา ตำบลป่าซาง อำเภอเวียงเชียงรุ้ง ในวันนี้ วัดได้ถึง 195 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นปริมาณที่สูงผิดปกติเมื่อเทียบกับสถิติในรอบหลายปี สร้างความกังวลถึงความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำ

ผู้ว่าราชการจังหวัด-ภาครัฐทุกหน่วยงานลงพื้นที่ช่วยเหลือ

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เขตเชียงราย ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือแก่ประชาชนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการอพยพผู้ที่ติดอยู่ในจุดเสี่ยงออกไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว การแจกจ่ายถุงยังชีพ อาหาร น้ำดื่ม และอุปกรณ์ยังชีพที่จำเป็น ขณะเดียวกันได้จัดชุดแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดูแลผู้ได้รับผลกระทบ โดยมีการประกาศเตือนภัยผ่านทุกช่องทาง รวมถึง Cell Broadcast และการแจ้งข่าวจากในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรีสั่งการด่วน-บูรณาการทุกกระทรวงรับมือ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ยืนยันการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมสั่งการให้กระทรวงกลาโหม ประสานความร่วมมือช่วยเหลือด้านกำลังพลและอุปกรณ์กับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เร่งช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที พร้อมขอให้ อปท. และปภ. เตรียมสิ่งของอุปโภคบริโภค และให้กระทรวงสาธารณสุขเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ให้พร้อมรับมือ 24 ชั่วโมง ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะกรมอุตุนิยมวิทยา เร่งประเมินสถานการณ์และแจ้งข้อมูลให้ประชาชนทราบเป็นระยะ

นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลจะดูแลทุกชีวิตอย่างดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าการจัดการน้ำอย่างเป็นระบบเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากนั้นเป็นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ โดยรัฐบาลมีแผนงานไว้แล้ว และขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด

วิเคราะห์ปัจจัย-โครงสร้างและแนวโน้มในอนาคต

สถานการณ์น้ำท่วมเชียงรายครั้งนี้ สะท้อนถึงความเปราะบางด้านโครงสร้างพื้นฐานในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะการตัดขาดของสะพานและเส้นทางคมนาคมหลัก ซึ่งสร้างความลำบากให้ประชาชนในการเข้าถึงความช่วยเหลือและการเคลื่อนย้ายสิ่งของ นอกจากนี้ ปริมาณน้ำฝนที่มากผิดปกติอาจเป็นผลจากสภาพอากาศแปรปรวนและภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ และการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรับมือกับน้ำท่วมจึงกลายเป็นภารกิจสำคัญของจังหวัดและรัฐบาลกลาง ซึ่งหากดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม ย่อมช่วยลดความเสียหายและความเสี่ยงในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เตือนภัยประชาชน-เฝ้าระวังสถานการณ์ต่อเนื่อง

หน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยายังคงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงให้เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และดินโคลนถล่มในช่วงนี้ พร้อมขอความร่วมมือในการติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายโชว์ ‘ผ้าทออัตลักษณ์’ ยกระดับภูมิปัญญาสู่แฟชั่นโลก หนุนเศรษฐกิจยั่งยืน

เชียงรายจัดยิ่งใหญ่ “ผ้าทอ ผ้าพื้นถิ่น ผ้าอัตลักษณ์เชียงราย ครั้งที่ 2” สืบสานภูมิปัญญา สร้างรายได้ยั่งยืน เสริมเศรษฐกิจฐานราก

เดินหน้าผลักดันผ้าไทยสู่เวทีสากล แฟชั่นโชว์-ประกวดออกแบบสุดคึกคัก ต่อยอดหัตถกรรมท้องถิ่นด้วยนวัตกรรมและดีไซน์

เชียงราย, 26 มิถุนายน 2568 – ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย บรรยากาศของงาน “ผ้าทอ ผ้าพื้นถิ่น ผ้าอัตลักษณ์จังหวัดเชียงราย ครั้งที่ 2” คึกคักไปด้วยกลุ่มผู้ประกอบการ นักออกแบบ เยาวชน และประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก ภายใต้การขับเคลื่อนของสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมศักยภาพผู้ผลิตผ้าและสิ่งทอในท้องถิ่นให้เข้มแข็ง รองรับตลาดยุคใหม่ และต่อยอดมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์

สืบสานภูมิปัญญา – ผ้าทอเชียงราย ผสานอดีตสู่อนาคต

นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ประธานในพิธีเปิดงาน กล่าวว่า งานครั้งนี้สะท้อนบทบาทสำคัญของจังหวัดเชียงรายในฐานะแหล่งรวมผ้าทอคุณภาพ ทั้งผ้าฝ้าย ผ้าไหม และผ้าชาติพันธุ์ ซึ่งโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ด้านเทคนิคและลวดลายที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ผ่านช่างฝีมือและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่พร้อมรับนวัตกรรมการออกแบบตัดเย็บและการย้อมสีธรรมชาติ สอดคล้องกับแนวทางการผลักดันเศรษฐกิจฐานราก เพิ่มช่องทางการตลาด และยกระดับสินค้า OTOP ของจังหวัดอย่างเป็นรูปธรรม

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากกลุ่มผู้ผลิตและผู้ประกอบการกว่า 50 กลุ่ม รวมกว่า 100 คน โดยนำผลงานผ้าทอและสิ่งทอที่มีอัตลักษณ์เฉพาะของแต่ละชุมชนมาร่วมจัดแสดงและจำหน่าย นอกจากนี้ยังมีการประกวดออกแบบแฟชั่นผ้าไทย “ผ้าไทยใส่ให้สนุก สู่แฟชั่นที่ยั่งยืน” เปิดเวทีให้ดีไซน์เนอร์ เยาวชน และช่างทอรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพการสร้างสรรค์ ตอบโจทย์ตลาดแฟชั่นทั้งในและต่างประเทศ ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 70,000 บาท

ต่อยอดคุณค่า – เศรษฐกิจฐานรากเติบโต ขับเคลื่อน Soft Power

นางอำไพ บัวระดก พัฒนาการจังหวัดเชียงราย รายงานว่า โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และสร้างสรรค์บนฐานทรัพยากรชุมชนคุณค่าสูง ที่เน้นการยกระดับผลิตภัณฑ์ผ้าและสิ่งทอไปสู่การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ตลอดจนเสริมสร้างโอกาสทางการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการในท้องถิ่นให้ก้าวสู่ตลาดระดับสากล โดยกิจกรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-30 มิถุนายน 2568 และจากสถิติการจัดงานแฟชั่นโชว์และจำหน่ายสินค้าครั้งแรกเมื่อเดือนที่แล้ว สามารถสร้างรายได้ให้ผู้ผลิตมากกว่า 1.7 ล้านบาท สะท้อนโอกาสเติบโตของธุรกิจผ้าไทยในยุคปัจจุบันอย่างแท้จริง

ปรับมิติการออกแบบ – ผ้าไทยใส่สนุก สู่แฟชั่นร่วมสมัย

ไฮไลท์สำคัญในปีนี้ คือการสนับสนุนให้เกิดการออกแบบและตัดเย็บชุดผ้าไทยในรูปแบบที่ทันสมัย สนองแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ฯ โดยเน้นการผสมผสานผ้าพื้นถิ่นกับดีไซน์สมัยใหม่ เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์สู่ตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ นักท่องเที่ยว และตลาดแฟชั่นโลกอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเป็นแรงบันดาลใจให้ชุมชนเกิดความภาคภูมิใจในรากเหง้าและภูมิปัญญาท้องถิ่น

สร้างเครือข่าย ยกระดับศักยภาพด้วยองค์ความรู้ใหม่

กิจกรรมภายในงานยังเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการย้อมสีธรรมชาติ การออกแบบลวดลาย การตัดเย็บ และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ พร้อมทั้งจัดเวทีพบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างผู้ประกอบการ OTOP ผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่น และหน่วยงานส่งเสริมการค้า เพื่อสร้างโอกาสการเจรจาธุรกิจใหม่ ๆ และยกระดับเครือข่ายอุตสาหกรรมสิ่งทอของเชียงรายให้แข็งแกร่ง

วิเคราะห์โอกาส – อัตลักษณ์ผ้าไทย เชียงรายสู่ตลาดโลก

การจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของการยกระดับผ้าทอเชียงรายจากภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่เวทีระดับชาติและนานาชาติ โดยใช้ Soft Power ของผ้าไทยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมอาชีพและรายได้ให้กับชุมชน สร้างการมีส่วนร่วมในระดับครัวเรือนไปจนถึงจังหวัดและประเทศ นับเป็นตัวอย่างของการอนุรักษ์ สืบสาน และต่อยอดภูมิปัญญาหัตถกรรมไทยสู่ยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย
  • งานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TRAVEL

ศรัทธาผนึกท่องเที่ยว สวนนงนุชพัทยานำบุญสู่ 9 วัด เสริมเสน่ห์ชลบุรีช่วงเข้าพรรษา

สวนนงนุชพัทยาจัดพิธี “หล่อเทียนพรรษา 9 วัด 9 วัน” สืบสานศรัทธาพุทธบูชาและวัฒนธรรมไทย สร้างสีสันท่องเที่ยวชลบุรีช่วงเข้าพรรษา

ชลบุรี, 26 มิถุนายน 2568 – ท่ามกลางบรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลเข้าพรรษา สวนนงนุชพัทยา จังหวัดชลบุรี ได้จัดงาน “หล่อเทียนพรรษา 9 วัด 9 วัน” อย่างยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 26 มิถุนายน – 4 กรกฎาคม 2568 ณ สวนลอยฟ้า สวนนงนุชพัทยา เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวและชาวไทยที่มาร่วมสืบสานประเพณีอันดีงามของพุทธศาสนา โดยกิจกรรมนี้ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของภาคตะวันออกที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดชลบุรีทั้งด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

สืบสานศรัทธา – รวมใจถวายเทียนพรรษา 9 วัดสำคัญ

พิธีหล่อเทียนพรรษาในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยมีนายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ร่วมกับนายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารท้องถิ่น แขกผู้มีเกียรติจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติร่วมงานกันอย่างคึกคัก ภายในพิธีได้รับความเมตตาจากพระครูเกษมกิตติโสภณ เจ้าอาวาสวัดสามัคคีบรรพต เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ประกอบพิธีกรรมและประพรมน้ำพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ร่วมกิจกรรม

นายกัมพล ตันสัจจา เผยถึงความตั้งใจของการจัดงานว่า “กิจกรรมหล่อเทียนพรรษาเป็นประเพณีที่สวนนงนุชพัทยาสืบสานต่อเนื่องทุกปี เพื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้หยั่งรากลึกในจิตใจประชาชน และสร้างแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมไทยให้แก่เยาวชน นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในบุญกุศลอันยิ่งใหญ่”

พลังศรัทธาเชื่อมโยงวัด 9 แห่ง – ส่งต่อคุณค่าจากคนสู่ชุมชน

สำหรับเทียนพรรษาที่ร่วมหล่อในงาน จะถูกนำไปถวายยังวัดสำคัญ 9 แห่งในพื้นที่ ได้แก่

  1. วัดญาณสังวรารามวิหาร
  2. วัดสัตหีบ
  3. วัดสามัคคีบรรพต
  4. วัดนาจอมเทียน
  5. วัดอัมพาราม
  6. วัดบางเสร่คงคาราม
  7. วัดเขาคันธมาทน์
  8. วัดหนองจับเต่า
  9. วัดทรัพย์นาบุญญาราม

โดยมีผู้นำชุมชนท้องถิ่น นายอนุศักดิ์ พิริยอมร นายอำเภอสัตหีบ, นายสมบัติ แก้วปทุม นายกเทศมนตรีตำบลเกล็ดแก้ว, นายธณพง โคตรมณี นายกเทศมนตรีตำบลเขาชีจรรย์, นางสาวระพีพรรณ รัตนเหลี่ยม นายกเทศมนตรีตำบลนาจอมเทียน ร่วมในพิธี

จุดเชื่อมต่อศรัทธาและวัฒนธรรม – ส่งเสริมท่องเที่ยวไทยสู่สากล

กิจกรรมหล่อเทียนพรรษา 9 วัด 9 วัน ไม่เพียงแต่เสริมสร้างความศรัทธาในพระพุทธศาสนาและอนุรักษ์ประเพณีดั้งเดิม หากแต่ยังถือเป็นโอกาสสำคัญในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของจังหวัดชลบุรีในช่วงเทศกาล โดยเฉพาะเมืองพัทยาที่เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก ซึ่งการบูรณาการกิจกรรมศาสนาเข้ากับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ส่งผลให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับอัตลักษณ์ไทยแท้ สร้างความประทับใจและประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใคร

วิเคราะห์ผลลัพธ์ – พลังบุญสร้างสุข ปลุกท่องเที่ยวไทยช่วงพรรษา

การจัดพิธีหล่อเทียนพรรษา 9 วัด 9 วัน ของสวนนงนุชพัทยาในปีนี้ นับเป็นการผสมผสานคุณค่าทางศาสนา วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของประเพณีและจริยธรรม พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนในพื้นที่อย่างมีส่วนร่วม นอกจากนี้ยังเป็นแบบอย่างที่ดีในการขยายผลไปสู่แหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ทั่วประเทศ ตอกย้ำภาพลักษณ์ของพัทยาและชลบุรีในฐานะเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สวนนงนุชพัทยา
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ปลุกพลังประชาชน สู้ภัยยาเสพติด สร้างภูมิคุ้มกันยั่งยืน

เชียงรายรวมพลังต้านภัยยาเสพติด “Stop Drugs, Start Power” ขับเคลื่อนสังคมปลอดภัยอย่างยั่งยืน

เชียงราย, 26 มิถุนายน 2568 – จังหวัดเชียงรายเดินหน้ายกระดับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเข้มข้น ด้วยการจัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องใน “วันต่อต้านยาเสพติดโลก” ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด “Stop Drugs, Start Power สร้างพลังไทย หยุดภัยยาเสพติด” ณ อาคารศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS จังหวัดเชียงราย โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัด นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน ตัวแทนสมาชิกกองทุนแม่ของแผ่นดิน สมาชิก TO BE NUMBER ONE นักเรียน และนักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่ง

สร้างกระแสความตระหนักรู้ – บูรณาการทุกภาคส่วนร่วมสังคมปลอดภัย

ประเทศไทยให้ความสำคัญกับ “วันต่อต้านยาเสพติดโลก” อย่างต่อเนื่อง ตามที่องค์การสหประชาชาติกำหนดให้วันที่ 26 มิถุนายนของทุกปีเป็นวันต่อต้านยาเสพติดโลก โดยในปีนี้ จังหวัดเชียงรายผนึกกำลังภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนจัดกิจกรรมรณรงค์ครบวงจร เน้นการสื่อสารประชาสัมพันธ์และปลูกจิตสำนึกให้คนในสังคมตระหนักรู้เท่าทันโทษภัยยาเสพติด

กิจกรรมสำคัญประกอบด้วยการประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านยาเสพติด การเชิดชูเกียรติหน่วยงานและบุคคลที่มีผลงานเด่นด้านยาเสพติดประจำปี การจัดนิทรรศการผลการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ตลอดจนการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเยาวชนให้ห่างไกลจากยาเสพติด พร้อมเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนและครอบครัวในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เน้นย้ำว่า “จังหวัดเชียงรายให้ความสำคัญกับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้เสพ โดยเฉพาะการสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนรู้เท่าทัน ไม่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ายาเสพติด รวมถึงการเปิดโอกาสให้ผู้เคยหลงผิดได้รับการบำบัดและกลับเข้าสู่สังคมได้อย่างปกติสุข”

ที่อาคารศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS จังหวัดเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก ประจำปี 2568 โดยมี นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย ปลัดจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน สมาชิกกองทุนแม่ของแผ่นดิน สมาชิก TO BE NUMBER ONE จังหวัดเชียงราย และนักเรียนนักศึกษาในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธาน พร้อมนำกล่าวคำปฏิญาณตน ประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านยาเสพติด (อบจ.เชียงราย) ในกิจกรรม "วันต่อต้านยาเสพติดโลก" ประจำปี 2568 เนื่องในโอกาสที่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้วันที่ 26 มิถุนายนของทุกปีเป็น "วันต่อต้านยาเสพติดโลก" เพื่อกระตุ้นให้ทุกประเทศทั่วโลกตระหนักถึงอันตรายร้ายแรงของยาเสพติด ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมของมวลมนุษยชาติอย่างรุนแรง โดยมี นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรม พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร ส.อบจ.เชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ บุคลากร อบจ.เชียงราย และนักเรียน โรงเรียน อบจ.เชียงราย

อบจ.เชียงรายขับเคลื่อนงานเชิงรุก – ปลุกพลังใหม่ในวันต่อต้านยาเสพติดโลก

ขณะเดียวกัน องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) นำโดยนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ. ได้จัดกิจกรรมวันต่อต้านยาเสพติดโลก ประจำปี 2568 ภายใต้บรรยากาศการประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านยาเสพติด โดยมีเป้าหมายสำคัญในการสร้างการรับรู้และปลูกฝังภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชน บุคลากร หน่วยงานท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ ให้เกิดความตระหนักรู้ถึงพิษภัยและความเสี่ยงร้ายแรงของยาเสพติด

นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย กล่าวรายงานว่า กิจกรรมในปีนี้เน้นย้ำการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเชิงรุก ทั้งการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ การส่งเสริมกระบวนการบำบัดฟื้นฟู และการให้โอกาสกับผู้ที่เคยผิดพลาดให้กลับเข้าสู่สังคม โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างพื้นที่ปลอดภัยและชุมชนเข้มแข็ง

ขยายผลการมีส่วนร่วม – ยกย่องคนดีสู่สังคม ต่อยอดความยั่งยืน

ในงานยังมีการยกย่องเชิดชูเกียรติหน่วยงานและบุคลากรที่มีผลงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดดีเด่น ตลอดจนการนำเสนอผลการดำเนินงานของภาครัฐและเอกชน สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจังหวัดเชียงรายในการสร้างสังคมปลอดยาเสพติด

นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำแนวทาง “มองผู้เสพ คือ ผู้ป่วย” ให้โอกาสกลับตัว เริ่มต้นชีวิตใหม่ ผ่านกระบวนการคัดกรองและบำบัดรักษาอย่างครบวงจร เพื่อคืนคนดีสู่สังคมและลดโอกาสกลับไปสู่วงจรยาเสพติด

วิเคราะห์ผลลัพธ์ – สร้างต้นแบบจังหวัดปลอดภัยยั่งยืน

การจัดกิจกรรมวันต่อต้านยาเสพติดโลกในปีนี้ ไม่เพียงแต่ยกระดับความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน แต่ยังเสริมสร้างต้นแบบจังหวัดเชียงรายให้กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัย สะท้อนถึงความเข้มแข็งของกลไกชุมชนในการป้องกันและขับเคลื่อนมาตรการเชิงรุก พร้อมต่อยอดสร้างความตื่นตัวให้แก่ทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน

ภายใต้แนวคิด “Stop Drugs, Start Power” เชียงรายกำลังสร้างสังคมที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง ด้วยพลังจากทุกคนในจังหวัด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงาน ป.ป.ส. จังหวัดเชียงราย
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

ผู้ว่าฯ เชียงรายนำทัพ ดันสินค้า GI ขึ้นแท่นเศรษฐกิจใหม่ หนุนเกษตรกรยั่งยืน

เชียงรายจัดสภากาแฟกระชับความร่วมมือภาครัฐ – ปล่อยคาราวานผลไม้และสินค้า GI ดันเศรษฐกิจท้องถิ่น

เชียงราย, 26 มิถุนายน 2568 – จังหวัดเชียงรายเดินหน้าสร้างบรรยากาศความร่วมมือระหว่างภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรม “สภากาแฟ” ครั้งที่ 7 ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้น ณ ตลาดล้านเมือง ตำบลสันทราย อำเภอเมืองเชียงราย โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันเป็นเจ้าภาพหลัก ภายใต้แนวคิดเสริมสร้างเครือข่ายภาครัฐเพื่อพัฒนาจังหวัด พร้อมทั้งเปิดตัว “คาราวานผลไม้และสินค้า GI ของดีจังหวัดเชียงราย” เพื่อขับเคลื่อนสินค้าเกษตรคุณภาพสู่ผู้บริโภคทั่วประเทศ

เสริมความแข็งแกร่งเครือข่ายภาครัฐ – เวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อราชการ

กิจกรรมสภากาแฟในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยนางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่จากหลากหลายหน่วยงานเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง บรรยากาศของงานเป็นไปอย่างคึกคักและอบอุ่น มีการแลกเปลี่ยนข้อราชการ ข้อมูลสถานการณ์สำคัญในพื้นที่ และแสวงหาแนวทางความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาในทุกมิติ

ในงานมีการจัดบูธประชาสัมพันธ์ผลงานและข้อมูลสำคัญจากแต่ละหน่วยงาน อาทิ บริการให้ความรู้ทางการเงิน การส่งเสริมการค้าภายในประเทศ แนวทางการอนุรักษ์พลังงาน รวมถึงข้อมูลความก้าวหน้าด้านอุตสาหกรรมในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการเสริมสร้างการรับรู้และเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ของจังหวัดเชียงราย

เปิดตัว “คาราวานผลไม้และสินค้า GI” – ภูมิปัญญาเกษตรกรเชียงรายสู่ตลาดสากล

ไฮไลท์สำคัญของงานในครั้งนี้คือการปล่อย “คาราวานผลไม้และสินค้า GI ของดีจังหวัดเชียงราย” นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะผู้บริหาร ซึ่งเป็นการรวมรวบผลผลิตทางการเกษตรและสินค้าคุณภาพที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เช่น ส้มโอเวียงแก่น สับปะรดภูแล ลำไย และเงาะ พร้อมทั้งนำเสนอผลไม้เศรษฐกิจตัวใหม่อย่าง “ทุเรียนถิ่นหนาวเชียงราย” ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากตลาดผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ

การปล่อยคาราวานในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อประชาสัมพันธ์ศักยภาพของสินค้าเกษตรเชียงรายในฐานะสินค้า GI ที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างความแตกต่างและมูลค่าเพิ่มในตลาดสินค้าเกษตร โดยจังหวัดได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเครือข่ายผู้ผลิตและผู้ประกอบการ พร้อมกระตุ้นการบริโภคสินค้าในประเทศและผลักดันให้เกิดการกระจายรายได้สู่เกษตรกรและชุมชน

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า “การปล่อยคาราวานผลไม้และสินค้า GI ครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นแล้ว ยังสะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่เข้มแข็ง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน”

สร้างโอกาสใหม่–ขยายผลต่อยอดเศรษฐกิจท้องถิ่น

กิจกรรมสภากาแฟในครั้งนี้ ยังได้เปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่าง ๆ ของจังหวัดเชียงรายนำเสนอข้อคิดเห็นและแผนงานในอนาคต เช่น การขยายช่องทางการตลาด การสนับสนุนนวัตกรรมเกษตรแปรรูป และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าท้องถิ่นในระดับประเทศและนานาชาติ นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดยังได้เชิญชวนประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันสนับสนุนสินค้าเกษตรของจังหวัด ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งแก่เกษตรกรและเศรษฐกิจฐานราก

สำหรับกิจกรรม “สภากาแฟ” ครั้งที่ 8 ซึ่งจะจัดขึ้นในครั้งถัดไป จังหวัดเชียงรายได้กำหนดให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงยุติธรรม เป็นเจ้าภาพหลักในการสานต่อเป้าหมายการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง

วิเคราะห์ผลลัพธ์–โอกาสต่อยอดสินค้า GI สู่อนาคต

จากความสำเร็จของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของจังหวัดเชียงรายในการขับเคลื่อนสินค้าคุณภาพสู่ตลาดภายในและต่างประเทศ พร้อมเปิดโอกาสให้เกษตรกรท้องถิ่นได้รับการสนับสนุนในทุกมิติ ทั้งด้านความรู้ เทคโนโลยี และเครือข่ายการตลาด ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน และต่อยอดสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

หนีเมือง มาหาธรรมชาติ เชียงรายนำทัพกาแฟ-ชาไทย สู้ศึกนำเข้า

เชียงรายเปิดตัวงานกาแฟ-ชายิ่งใหญ่ สะท้อนการเติบโตตลาดกาแฟไทยท่ามกลางการพึ่งพานำเข้าเพิ่มขึ้น

เชียงราย, 26 มิถุนายน 2568 – ในขณะที่ตลาดกาแฟโลกกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่องและประเทศไทยเผชิญกับปัญหาการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ จังหวัดเชียงรายในฐานะแหล่งผลิตกาแฟชั้นนำของประเทศได้จัดงาน “Chiangrai Coffee & Tea 2025” ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อส่งเสริมศักยภาพของผู้ผลิตท้องถิ่นและสร้างโอกาสทางธุรกิจในวงการกาแฟไทย

งานที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Escape into Nature – หนีเมือง มาหาธรรมชาติ” ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย ระหว่างวันที่ 25-29 มิถุนายน 2568 นี้ ไม่เพียงเป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการในวงการกาแฟและชาของจังหวัดเชียงรายเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมกาแฟไทยที่กำลังเผชิญกับทั้งโอกาสและความท้าทายในยุคปัจจุบัน

ตลาดกาแฟโลกเติบโตต่อเนื่อง แต่ไทยยังผลิตไม่เพียงพอ

ข้อมูลจากองค์การกาแฟนานาชาติ (International Coffee Organization) ชี้ให้เห็นว่า การบริโภคกาแฟทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การบริโภคกาแฟของโลกเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 1.9 ต่อปี ขณะที่รายงานจากเว็บไซต์ Money Buffalo ระบุว่า ทั่วโลกมีการดื่มกาแฟเฉลี่ยประมาณ 2,250 ล้านแก้วต่อวัน และมีผู้ดื่มกาแฟเป็นประจำมากกว่า 1,000 ล้านคน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากาแฟไม่ใช่แค่เครื่องดื่มยอดนิยม แต่ยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลก

สำหรับประเทศไทย สถานการณ์การเติบโตของตลาดกาแฟในภาพรวมก็เพิ่มขึ้นทุกปีเช่นกัน โดยข้อมูลจาก Euromonitor International ระบุว่า ในปี 2566 คนไทยบริโภคกาแฟรวมกันมากถึง 90,000 ตันต่อปี เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งอยู่ที่เพียงประมาณ 30,000 ตัน การเพิ่มขึ้นของการบริโภคถึง 3 เท่าในระยะเวลา 1 ทศวรรษนี้ สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคไทยที่หันมาให้ความสำคัญกับกาแฟมากขึ้น

แต่ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยกลับผลิตกาแฟได้ไม่เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศ โดยปริมาณการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 45,000–50,000 ตันต่อปี ซึ่งยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของปริมาณที่คนไทยบริโภค ส่งผลให้ต้องพึ่งพาการนำเข้ากาแฟจากต่างประเทศมากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมามูลค่าการนำเข้ากาแฟพุ่งขึ้นแตะระดับกว่า 338 ล้านเหรียญสหรัฐ

ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างที่สำคัญในตลาดกาแฟไทย ซึ่งเปิดโอกาสให้กับผู้ผลิตในประเทศ หากสามารถพัฒนาและยกระดับคุณภาพผลผลิตให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้ ก็อาจกลายเป็นทางเลือกที่ช่วยสร้างรายได้และความมั่นคงให้กับเกษตรกรในระยะยาวได้

อุตสาหกรรมกาแฟไทยเผชิญทั้งโอกาสและความท้าทาย

ปัจจุบันอุตสาหกรรมกาแฟไทยกำลังเผชิญกับทั้งโอกาสและความท้าทาย โดยเฉพาะการผลิตในประเทศที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งนำไปสู่การพึ่งพาการนำเข้า ในขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคมีแนวโน้มต้องการกาแฟสดและกาแฟพิเศษเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดกาแฟในประเทศเติบโตเฉลี่ยปีละกว่า 3% โดยในปี 2565/66 มีการใช้เมล็ดกาแฟดิบในภาคอุตสาหกรรมถึง 93,551 ตัน เพิ่มขึ้นจาก 80,691 ตัน ในปี 2562/63

ในส่วนของภาพรวมกาแฟโลกสำหรับปี 2024/25 การผลิตกาแฟทั่วโลกคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 6.9 ล้านกระสอบ (ขนาด 60 กิโลกรัม) จากปีที่แล้วเป็น 174.9 ล้านกระสอบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของผลผลิตในเวียดนามและอินโดนีเซีย การส่งออกทั่วโลกคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากการเพิ่มขึ้นในเวียดนามและอินโดนีเซียสามารถชดเชยปริมาณการส่งออกที่ลดลงจากบราซิลได้

การบริโภคทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.1 ล้านกระสอบเป็น 168.1 ล้านกระสอบ โดยบริโภคเพิ่มขึ้นมากที่สุดในสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีน ขณะที่สต็อกปลายปีคาดว่าจะลดลง 1.5 ล้านกระสอบเหลือ 20.9 ล้านกระสอบ

เชียงรายจัดงานใหญ่ยกระดับผู้ผลิตท้องถิ่น

ท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าว จังหวัดเชียงรายในฐานะหนึ่งในแหล่งผลิตเมล็ดกาแฟและใบชาชั้นเลิศของประเทศไทย ได้จัดงาน “Chiangrai Coffee & Tea 2025” ขึ้นเพื่อส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการท้องถิ่น

นายสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย กล่าวในพิธีเปิดงานเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568 ว่า “จุดประสงค์สำคัญของงาน คือการรวมตัวของผู้ประกอบการร้านชาและกาแฟในจังหวัดเชียงราย ทั้งแบรนด์เล็ก แบรนด์ใหญ่ โรงคั่ว ร้านต้นแบบ ไปจนถึงผู้ผลิตวัตถุดิบและแปรรูป เพื่อให้เกิดการพบปะ แลกเปลี่ยน แรงบันดาลใจ และร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนด้วยอัตลักษณ์ของท้องถิ่น”

การจัดงานในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ แต่ยังเป็นเวทีให้เกษตรกร ผู้ผลิต และคาเฟ่ท้องถิ่น ได้แสดงศักยภาพและสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน โดยมีผู้เข้าร่วมงานจากหลากหลายภาคส่วน ได้แก่ นายสรรเสริญ ศีติสาร รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานเชียงราย นายพงศกร อารีศิริไพศาล ประธานกลุ่มคนรักกาแฟเชียงราย และตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ

ผู้ประกอบการท้องถิ่นโชว์ศักยภาพ

งานนี้มีผู้ประกอบการท้องถิ่นเข้าร่วมจำนวนมาก โดยแบ่งเป็น 3 โซนหลัก ได้แก่ โซนซ้าย โซนกลาง และโซนขวา ซึ่งแต่ละโซนมีเอกลักษณ์และจุดเด่นที่แตกต่างกัน

ในโซนซ้าย มีร้านเด่นๆ เช่น กาแฟสมถะ (SAMATHA) จากบ้านผาอี้ อำเภอแม่สาย ที่ผลิตกาแฟอาราบิก้าคั่วพิเศษรสชาติเข้ม หอม เต็มบอดี้ พร้อมกลิ่นดินขึ้นและความละมุนของดอยผาฮิในทุกแก้ว และไร่รื่นรมย์เกษตรอินทรีย์ จากอำเภอเทิง ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ปลอดสาร 100%

โซนกลางเป็นจุดตัดของรสชาติและความคิดสร้างสรรค์ โดยมี Ploysai Coffee Roaster ที่เริ่มต้นจากตึกแถวเล็กๆ สู่โรงคั่วระดับโกดัง มีเมล็ดให้เลือกกว่า 20 ชนิด และ Chillrista เจ้าของรางวัลสุดยอดเมล็ดกาแฟไทย 2 ปีซ้อน ทั้ง Arabica และ Robusta

ส่วนโซนขวาเป็นแหล่งรวมกลิ่นอายคลาสสิกและแบรนด์ใหญ่ อาทิ กาแฟโบราณโกปี ที่นำเสนอกาแฟโบราณต้นตำรับและโอเลี้ยงยกล้อที่หอมหวานกลมกล่อม และ Café Doitung จากพระตำหนักดอยตุง พร้อมเมนู Iced Macadamia Nut Latte ที่หอมละมุนอย่างมีระดับ

กิจกรรมหลากหลายสร้างประสบการณ์ใหม่

งานนี้ไม่เพียงเป็นการจำหน่ายสินค้าเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมหลากหลายที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้เข้าชม ได้แก่ Camp Coffee Experience ที่ให้ผู้เข้าชมได้ชมการสาธิตการใช้งานเครื่องชงกาแฟหลากหลายประเภท พร้อมเทคนิคจากบาริสต้ามืออาชีพ

Private Tea & Coffee Workshop ที่ให้ผู้เข้าร่วมได้ลิ้มรสและเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญในวงการชาและกาแฟ อาทิ The Roastery By Roj, สวรรค์บนดิน, One Tea At A Time, และ 22grams Coffee & Roastery

Campfire Moment ที่ให้ผู้เข้าร่วมได้ล้อมวงจิบชาและกาแฟท่ามกลางเสียงดนตรีในบรรยากาศอบอุ่นของแคมป์ไฟ และ Tasting Zone ที่เปิดประสบการณ์ชิมเครื่องดื่มชา-กาแฟขึ้นชื่อประจำเชียงรายแบบไม่อั้น

นอกจากนี้ยังมี Bakery & Snack Corner ที่ให้ผู้เข้าชมได้ชิมและช้อปของหวาน-ขนมโฮมเมดจากร้านดังทั่วเชียงราย

เวิร์กชอปพิเศษสำหรับสมาชิก

สำหรับสมาชิก Central X จะได้รับสิทธิ์ Workshop เพ้นท์แก้วกาแฟสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ขณะที่สมาชิก The1 จะได้รับสิทธิ์ Workshop ดริปกาแฟ หรือ Sensory ฟรี ในวันที่ 29 มิถุนายน 2568 เมื่อมียอดกิน/ช้อปในโซนพลาซาครบ 5,000 บาทขึ้นไป โดยจำกัด 20 สิทธิ์ตลอดแคมเปญ

โอกาสและความท้าทายของอุตสาหกรรมกาแฟไทย

การจัดงาน “Chiangrai Coffee & Tea 2025” ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของภาคเอกชนและรัฐในการยกระดับอุตสาหกรรมกาแฟไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก แม้ว่าจะเผชิญกับความท้าทายจากการผลิตที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ

ข้อมูลที่น่าสนใจคือ การเพิ่มขึ้นของการบริโภคกาแฟในประเทศไทยถึง 3 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดภายในประเทศที่ยังมีที่ว่างให้เติบโตได้อีกมาก หากผู้ผลิตในประเทศสามารถพัฒนาคุณภาพและเพิ่มปริมาณการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการ

จังหวัดเชียงรายในฐานะแหล่งผลิตกาแฟชั้นนำของประเทศ มีศักยภาพที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟไทย โดยเฉพาะการเน้นคุณภาพและเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ซึ่งตรงกับแนวโน้มของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ specialty coffee และ sustainable coffee

การรวมตัวของผู้ประกอบการขนาดเล็กถึงใหญ่ในงานนี้ยังเป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยสร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญยังคงเป็นเรื่องของการเพิ่มผลผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการ และการยกระดับคุณภาพให้สามารถแข่งขันกับกาแฟนำเข้าได้ ซึ่งต้องอาศัยการลงทุนในเทคโนโลยี การพัฒนาทักษะของเกษตรกร และการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง

เชียงรายนำทางสู่อนาคตกาแฟไทย

งาน “Chiangrai Coffee & Tea 2025” ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการจัดงานแสดงสินค้าทั่วไป แต่เป็นการสร้างแพลตฟอร์มสำคัญที่จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมกาแฟไทยสู่ระดับสากล ผ่านการรวมตัวของผู้ประกอบการ การแลกเปลี่ยนความรู้ และการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ

สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมงาน สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account: @CentralChiangrai งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-29 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00-20.30 น. ณ ลานกิจกรรม ชั้น G โซนจริงใจ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย

การจัดงานในครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมกาแฟไทยสามารถลดการพึ่งพาการนำเข้า และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์กาแฟไทยในตลาดโลกได้ในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การกาแฟนานาชาติ (International Coffee Organization)
  • เว็บไซต์ Money Buffalo
  • Euromonitor International
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย
  • ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย
  • กลุ่มคนรักกาแฟเชียงราย (CHIANGRAI COFFEE LOVER – CCL)
  • สมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์เชียงราย
  • ห้างสรรพสินค้าโรบินสันเชียงราย
  • มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์
  • ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News