Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ชาวบ้านร้อง! ย้ายทะเบียนบ้านกระทบ 3 ชุมชน วอนแก้ไขด่วน

ฝ่ายปกครองเชียงรายเร่งแก้ปัญหาย้ายทะเบียนบ้าน 3 ชุมชน หลังชาวบ้านวิตกกังวลผลกระทบ

เชียงราย, 23 กุมภาพันธ์ 2568 – ฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงรายรับฟังปัญหาจากชาวบ้าน 3 ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งทางปกครองให้ย้ายทะเบียนบ้านออกจากเขตเทศบาลนครเชียงราย พร้อมหาแนวทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน

การประชุมหารือกับประชาชน

วันนี้ (23 กุมภาพันธ์ 2568) เวลา 13.00 น. ณ อาคารพบโชคคอมเพล็กซ์ บ้านห้วยปลากั้ง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายชิตวัน ชินอนุวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เชียงราย เขต 1 ว่าที่ร้อยตรี สมชาติ เตชถาวรเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองระดับสูง ได้ร่วมรับฟังปัญหาจากชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งดังกล่าว

ชาวบ้านจาก ชุมชนห้วยปลากั้ง ชุมชนบ้านดอย และชุมชนทวีรัตน์ (บางส่วน) แสดงความวิตกกังวลต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการย้ายทะเบียนราษฎร์โดยไม่มีการหารือหรือแจ้งข้อมูลล่วงหน้า ทำให้เกิดความไม่แน่ใจเกี่ยวกับสิทธิขั้นพื้นฐาน วิถีชีวิต และการเข้าถึงบริการสาธารณะของพวกเขา

ต้นเหตุของปัญหาและกระบวนการเปลี่ยนแปลงแนวเขต

พระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตเทศบาลเมืองเชียงราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2538 ได้กำหนดให้หมู่บ้านน้ำลัดได้รับการจัดตั้งเป็นชุมชนภายในเขตเทศบาลเมืองเชียงราย ต่อมาเมื่อเทศบาลเมืองเชียงรายได้รับการยกฐานะเป็นเทศบาลนครเชียงรายในปี 2547 ได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมและจัดตั้งชุมชนย่อยเพิ่มเติม ได้แก่ ชุมชนน้ำลัด ชุมชนบ้านห้วยปลากั้ง ชุมชนบ้านดอย และชุมชนทวีรัตน์ เพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่เมือง

อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 กระทรวงมหาดไทยได้ออกคำสั่งที่ 133/2566 แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาแนวเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และต่อมา สำนักทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลนครเชียงรายได้มีหนังสือแจ้งไปยังเจ้าบ้านในพื้นที่ดังกล่าว โดยระบุว่าพื้นที่นี้ไม่สอดคล้องกับแนวเขตเทศบาลนครเชียงราย และให้เจ้าบ้านไปพบนายทะเบียนท้องถิ่นของพื้นที่ข้างเคียงเพื่อดำเนินการแก้ไข

ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน

ชาวบ้านทั้ง 3 ชุมชนจำนวน 3,579 คน ไม่ประสงค์ย้ายทะเบียนราษฎร์เนื่องจากกังวลถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งรวมถึง:

  • ปัญหาทางกฎหมายและธุรกรรม – การเปลี่ยนทะเบียนบ้านส่งผลต่อสิทธิในที่ดินและการทำธุรกรรมทางกฎหมาย
  • การเข้าถึงบริการสาธารณะ – อาจมีผลกระทบต่อสิทธิด้านสาธารณสุขและการศึกษา
  • วิถีชีวิตและเศรษฐกิจ – การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่ออาชีพและสวัสดิการที่ชาวบ้านได้รับ

นอกจากนี้ ในวันแรกของการโอนย้ายทะเบียนบ้าน พบว่าชาวบ้านที่ไปทำใบขับขี่ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงราย ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ยังไม่ได้รับการอัปเดต ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้

แนวทางแก้ไขปัญหา

ว่าที่ร้อยตรี สมชาติ เตชถาวรเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับหนังสือร้องเรียนจากตัวแทนชาวบ้านเพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวาระเร่งด่วน โดยมีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่

  • คณะกรรมาธิการกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ
  • รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
  • ผู้อำนวยการคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย
  • กำนันตำบลบ้านดู่ และกำนันตำบลแม่ยาว
  • นายทะเบียนท้องถิ่นของเทศบาลนครเชียงราย บ้านดู่ และแม่ยาว

โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันพิจารณาแนวทางแก้ไขให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชน และลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงแนวเขตเทศบาล

สรุป

ปัญหาการย้ายทะเบียนบ้านของ 3 ชุมชนในเขตเทศบาลนครเชียงรายส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อประชาชน ทำให้ฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงรายต้องเร่งแก้ไขปัญหาให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย การประชุมหารือครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกของการรับฟังความคิดเห็นและหาทางออกที่เหมาะสม

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. เหตุใดจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงแนวเขตเทศบาลนครเชียงราย?
    การเปลี่ยนแปลงเกิดจากแนวทางการจัดทำและแก้ไขแนวเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่กำหนดโดยกระทรวงมหาดไทย
  2. ชาวบ้านสามารถคัดค้านคำสั่งย้ายทะเบียนบ้านได้หรือไม่?
    สามารถยื่นเรื่องร้องเรียนผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือร้องเรียนผ่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาปรับแก้ไขได้
  3. การเปลี่ยนแปลงทะเบียนบ้านส่งผลกระทบอย่างไร?
    อาจส่งผลต่อสิทธิทางกฎหมาย การเข้าถึงบริการสาธารณะ และการดำเนินธุรกรรมทางกฎหมายของประชาชน
  4. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างไร?
    กำลังมีการประชุมหารือและยื่นเรื่องเข้าสภาผู้แทนราษฎรเพื่อหาทางออกที่เป็นธรรม
  5. ชาวบ้านควรทำอย่างไรหากต้องการให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือร้องเรียน?
    สามารถติดต่อฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงราย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมและร้องเรียน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเมืองสุขภาพ! ม.แม่ฟ้าหลวงร่วมพัฒนา สู่ต้นแบบแม่กำปอง

พช.เชียงราย ผนึกกำลังมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เดินหน้าโครงการ Chiang Rai Wellness City ผลักดันเชียงรายสู่เมืองแห่งสุขภาพ

เชียงราย, 22 กุมภาพันธ์ 2568 – มุ่งส่งเสริมสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างต้นแบบชุมชนสุขภาวะยั่งยืน

เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย (พช.เชียงราย) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จัดกิจกรรมภายใต้โครงการ พัฒนาเชียงรายให้เป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Chiang Rai Wellness City)บ้านไร่กองขิง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นางอำไพ บัวระดก พัฒนาการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน ทีมวิทยากรจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และผู้นำชุมชนจากอำเภอเมืองเชียงราย เข้าร่วม

โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อ พัฒนาเชียงรายให้เป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาวะ โดยนำแนวทางของ บ้านแม่กำปอง ซึ่งเป็นชุมชนต้นแบบด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ประสบความสำเร็จมาเป็นแนวทางในการพัฒนาเชียงราย ให้เป็นเมืองที่มีความสมดุลระหว่างวิถีชีวิตชุมชน วัฒนธรรม และการดูแลสุขภาพ

กิจกรรมสร้างสรรค์เชิงสุขภาพและวัฒนธรรม มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน

ภายในงาน มีกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับสุขภาพและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ ประชาชนบ้านป่าอ้อ หมู่ที่ 11 ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมืองเชียงราย และประชาชนบ้านถ้ำผาตอง หมู่ที่ 6 ตำบลท่าสุด อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย ได้แก่

กิจกรรมเพ้นท์แก้วดินเผาโบราณ

  • สร้างสรรค์งานศิลปะบนเครื่องปั้นดินเผาตามภูมิปัญญาพื้นบ้าน
  • ส่งเสริมให้ชุมชนสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยว
  • กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน

กิจกรรมทำลูกประคบสมุนไพร

  • ถ่ายทอดความรู้เรื่องสรรพคุณของสมุนไพรไทยในการบำบัดรักษาสุขภาพ
  • ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด
  • สร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับชุมชนผ่านการแปรรูปสมุนไพรเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ

กิจกรรมเชิงสุขภาพและวัฒนธรรมสำหรับนักท่องเที่ยว

  • สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแบบองค์รวม เช่น การนวดแผนไทย อาหารพื้นเมืองเพื่อสุขภาพ และโยคะสมาธิ
  • ผสมผสานวิถีชุมชนเข้ากับกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาวะ เพื่อให้เกิดประสบการณ์ที่มีคุณค่าแก่ผู้มาเยือน
  • ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มองหาการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ

Chiang Rai Wellness City แนวคิดสู่การพัฒนาเมืองแห่งสุขภาพแบบยั่งยืน

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “Chiang Rai Wellness City” ซึ่งมุ่งเน้นให้เชียงรายเป็น เมืองแห่งสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ โดยอาศัยจุดแข็งของพื้นที่ ได้แก่

  • ภูมิประเทศที่มีธรรมชาติสมบูรณ์
  • วัฒนธรรมล้านนาที่เป็นเอกลักษณ์
  • วิถีชีวิตที่เรียบง่ายและเหมาะกับการพักผ่อนฟื้นฟูสุขภาพ
  • ทรัพยากรสมุนไพรที่หลากหลาย สามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

นางอำไพ บัวระดก พัฒนาการจังหวัดเชียงราย กล่าวถึงแนวทางในการขับเคลื่อนโครงการนี้ว่า

การพัฒนาเชียงรายให้เป็นเมืองแห่งสุขภาพไม่ใช่เพียงแค่การส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่คือการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อให้คนในพื้นที่ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เราต้องการให้ประชาชนเข้าถึงการดูแลสุขภาพในรูปแบบที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตล้านนา ควบคู่ไปกับการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโตผ่านแนวคิดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ”

เชียงรายมุ่งสู่ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในระดับนานาชาติ

เชียงรายถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงในการเป็น ศูนย์กลางด้านสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาวะในระดับนานาชาติ เนื่องจาก

  • เป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบจาก UNESCO
  • มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะแก่การฟื้นฟูสุขภาพ เช่น บ่อน้ำพุร้อน เชียงราย เทอราพี รีสอร์ท และเส้นทางท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ
  • เป็นศูนย์กลางการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรล้านนา
  • มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านสุขภาพและสมุนไพร

ทั้งนี้ ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังมีแผนผลักดันเชียงรายให้เข้าสู่เครือข่ายเมืองสุขภาพระดับโลก (Global Wellness Cities) ในอนาคต

สรุปผลสำเร็จของโครงการ และแนวทางในอนาคต

  • กิจกรรมภายใต้โครงการ Chiang Rai Wellness City ได้รับความสนใจจากประชาชนและผู้นำชุมชนอย่างกว้างขวาง
  • การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนผ่านผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการ
  • มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงจะเป็นศูนย์กลางในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพจากสมุนไพรท้องถิ่น
  • มีแผนต่อยอดความร่วมมือกับภาคเอกชนในการส่งเสริมสินค้าสุขภาพจากเชียงรายไปสู่ตลาดต่างประเทศ

โครงการนี้ถือเป็น จุดเริ่มต้นที่สำคัญ ในการทำให้เชียงรายกลายเป็น เมืองแห่งสุขภาพที่สมบูรณ์แบบ” ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ แต่ยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเชียงราย และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พายุพัดถล่ม เวียงเชียงรุ้ง บ้านเรือนเสียหาย 130 หลัง

อำเภอเวียงเชียงรุ้ง เร่งสำรวจความเสียหายและช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย หลังพายุฝนถล่มกว่า 130 หลังคาเรือน

เชียงราย, 22 กุมภาพันธ์ 2568 – เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน เร่งฟื้นฟูความเสียหาย

วันนี้ (22 กุมภาพันธ์ 2568) เวลา 08.30 น. นางสาวมินทิรา ภดาประสงค์ นายอำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย นำทีมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากพายุฝนที่พัดถล่มเมื่อคืนวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนประชาชนในหลายพื้นที่ของอำเภอเวียงเชียงรุ้ง โดยเฉพาะ ตำบลป่าซางและตำบลทุ่งก่อ

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ มี ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) นายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าซาง เจ้าหน้าที่กองช่าง สมาชิกสภาจังหวัดเชียงรายในพื้นที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขตเชียงของ ร่วมลงพื้นที่เพื่อสำรวจและประเมินความเสียหาย รวมถึงให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด

จากรายงานเบื้องต้น พบว่ามีบ้านเรือนได้รับความเสียหายรวมกว่า 130 หลังคาเรือน แบ่งเป็น

  • ตำบลทุ่งก่อ
    • หมู่ที่ 2 จำนวน 6 หลัง
    • หมู่ที่ 3 จำนวน 1 หลัง
  • ตำบลป่าซาง
    • หมู่ที่ 8 จำนวน 112 หลัง
    • หมู่ที่ 12 จำนวน 4 หลัง
    • หมู่ที่ 13 จำนวน 3 หลัง
    • หมู่ที่ 14 จำนวน 4 หลัง

เร่งฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชน แจกจ่ายวัสดุก่อสร้างช่วยเหลือผู้เดือดร้อน

ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน เวลา 17.00 น. นางสาวมินทิรา ภดาประสงค์ มอบหมายให้นายพัฒนเศรษฐ์ เหมืองหม้อ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง ประสานความร่วมมือกับ องค์การบริหารส่วนตำบลป่าซาง กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ดำเนินการ แจกจ่ายกระเบื้องมุงหลังคาให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากพายุในพื้นที่หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 8 และหมู่ที่ 14 ตำบลป่าซาง รวมทั้งสิ้น 140 หลังคาเรือน

นายพัฒนเศรษฐ์ เปิดเผยว่า การให้ความช่วยเหลือครั้งนี้เป็นการดำเนินการเร่งด่วน เพื่อให้ประชาชนสามารถซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกัน ทางอำเภอเวียงเชียงรุ้งกำลังประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์เพิ่มเติม รวมถึงเตรียมจัดกำลังเจ้าหน้าที่และจิตอาสาเข้าช่วยเหลือการซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

“ตอนนี้เราได้ลงพื้นที่สำรวจครบถ้วนแล้ว และกำลังดำเนินการแจกจ่ายวัสดุซ่อมแซมบ้านเรือนให้แก่ผู้ประสบภัย ในส่วนของบ้านที่เสียหายหนัก จะมีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าช่วยเหลือในระยะยาว” นายพัฒนเศรษฐ์ กล่าว

สภาพอากาศยังน่ากังวล ทางการเตือนประชาชนเฝ้าระวังพายุรอบใหม่

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย รายงานว่า พื้นที่ภาคเหนือตอนบน รวมถึงจังหวัดเชียงราย ยังคงมีแนวโน้มเผชิญพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบเพิ่มเติมต่อบ้านเรือนประชาชนและโครงสร้างพื้นฐานของชุมชนในพื้นที่สูง

ทางด้าน กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่า ตั้งแต่วันที่ 25-28 กุมภาพันธ์ 2568 จะมีแนวปะทะของมวลอากาศเย็นจากประเทศจีน เคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้มีฝนตกหนักบางพื้นที่ และอาจเกิดลมกระโชกแรง โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน

ทางจังหวัดเชียงราย ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลพยากรณ์อากาศจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับมือกับพายุฤดูร้อนที่อาจเกิดขึ้นได้อีก

แผนช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระยะยาว

นางสาวมินทิรา ภดาประสงค์ นายอำเภอเวียงเชียงรุ้ง เปิดเผยว่า อำเภอมีแผนช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระยะยาว โดยประสานกับหน่วยงานต่างๆ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และภาคเอกชน เพื่อระดมทรัพยากรในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ

มาตรการหลักที่กำลังดำเนินการ ได้แก่

  • การสำรวจความเสียหายเพิ่มเติม เพื่อประเมินจำนวนครัวเรือนที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน
  • การแจกจ่ายวัสดุก่อสร้างเพิ่มเติม เช่น ไม้ฝา กระเบื้องมุงหลังคา และอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน
  • การสนับสนุนด้านการเงินแก่ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบรุนแรง ผ่านกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย
  • การจัดเตรียมแผนรับมือภัยพิบัติในอนาคต โดยร่วมมือกับหน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยา และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

พายุผ่านไป แต่กำลังใจยังอยู่” – ชาวเวียงเชียงรุ้งร่วมมือฟื้นฟูบ้านเรือน

แม้ว่าพายุจะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนกว่า 130 หลังคาเรือน แต่ประชาชนในพื้นที่ยังคงมีกำลังใจดี และพร้อมที่จะร่วมมือกับภาครัฐในการฟื้นฟูบ้านเรือนของตนเอง

นายมนตรี แซ่ลิ้ม ชาวบ้านตำบลป่าซาง หนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบจากพายุ กล่าวว่า แม้บ้านของตนจะได้รับความเสียหายบางส่วน แต่ยังรู้สึกดีใจที่ได้รับความช่วยเหลือจากทางอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็ว

“เมื่อคืนพายุแรงมากครับ หลังคาบ้านปลิวไปเกือบครึ่ง แต่วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็รีบเข้ามาสำรวจและเอากระเบื้องมาให้ ช่วยกันคนละไม้ละมือ ซ่อมแซมกันไป ก็คงจะกลับมาอยู่ได้ในเร็วๆ นี้” นายมนตรี กล่าว

สรุปสถานการณ์โดยรวม

  • บ้านเรือนเสียหายกว่า 130 หลังคาเรือน ในตำบลป่าซางและตำบลทุ่งก่อ
  • เจ้าหน้าที่เร่งแจกจ่ายวัสดุก่อสร้างให้ผู้ได้รับผลกระทบ
  • เตือนประชาชนเฝ้าระวังพายุรอบใหม่ ในช่วง 25-28 กุมภาพันธ์
  • แผนช่วยเหลือในระยะยาวมุ่งเน้นการฟื้นฟูบ้านเรือน และสนับสนุนกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย

เจ้าหน้าที่จะยังคงเดินหน้าฟื้นฟูและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง โดยหวังว่า ชุมชนในอำเภอเวียงเชียงรุ้งจะกลับมาฟื้นตัวได้โดยเร็วที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

สว. สู้กลับ ยื่นถอดถอน รมต. ปม “อั้งยี่-ซ่องโจร” ลามการเมือง

ศึกเดือด! ส.ว. เตรียมถอดถอน “รัฐมนตรี” กล่าวหา “อั้งยี่-ซ่องโจร” พร้อมยื่นอภิปราย-แจ้งความ สอบอำนาจดีเอสไอ

วุฒิสภาโต้กลับ! ชี้ข้อกล่าวหาทำให้ ส.ว. เสื่อมเสีย – จ่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถอดถอนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง

กรุงเทพฯ, 22 กุมภาพันธ์ 2568พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ประกาศเดินหน้าตอบโต้ข้อกล่าวหากรณีการยื่นให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเรื่อง ฮั้วเลือก ส.ว. ปี 2567″ เป็นคดีพิเศษ โดยยืนยันว่า จะให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมข้อมูล เพื่อดำเนินการแจ้งความบุคคลที่กล่าวหาวุฒิสภา รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ฐานทำให้วุฒิสภาเสียหายและสร้างความเข้าใจผิดแก่สังคม

นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วุฒิสภา เตรียม เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง ถึงอำนาจหน้าที่และข้อกล่าวหา อั้งยี่ ซ่องโจร” ซึ่งถูกระบุว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง และเตรียมเปิดอภิปรายโดยไม่ลงมติ หรืออภิปรายไม่ไว้วางใจฝ่ายบริหารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะ บทบาทของดีเอสไอ ว่ามีเหตุผลที่ชอบธรรมหรือไม่

เรื่องนี้ทำให้วุฒิสภาเสื่อมเสีย จึงต้องแถลงข่าวด่วนในระหว่างการสัมมนาที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพราะเรายึดมั่นในหลักการของกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 2560 และไม่อาจยอมรับข้อกล่าวหาเช่นนี้ได้” พลเอกเกรียงไกร กล่าว

วุฒิสภาเตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยถอดถอนรัฐมนตรี

พลเอกเกรียงไกรเปิดเผยว่า วุฒิสภากำลังพิจารณาเข้าชื่อเพื่อเสนอให้ประธานวุฒิสภาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการถอดถอนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่า จะได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอ

เราต้องดูว่าข้อกล่าวหาเหล่านี้ มีที่มาที่ไปอย่างไร และใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน และเราจะไม่ยอมให้วุฒิสภาต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะเหตุนี้” พลเอกเกรียงไกรกล่าว พร้อมย้ำว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวอาจมีความเกี่ยวข้องกับการผลักดันให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นประเด็นที่วุฒิสภากำลังจับตาอย่างใกล้ชิด

เมื่อถูกถามว่า การยื่นเรื่องนี้เป็นเกมการเมืองเพื่อหวังล้ม ส.ว. สีน้ำเงินหรือไม่ พลเอกเกรียงไกรกล่าวว่า “เรื่องนี้มีความเกี่ยวโยงกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน แต่ ประเด็นสำคัญคือการที่วุฒิสภาถูกทำให้เสื่อมเสีย ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้

ข้อกล่าวหานี้เกินกว่าจะรับได้” – พลเอกเกรียงไกร ชี้เป็นเรื่องกระทบต่อเสถียรภาพชาติ

พลเอกเกรียงไกร ซึ่งมีประสบการณ์ทำงานด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มากว่า 38 ปี ยืนยันว่า ข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นทำให้วุฒิสภาเสียชื่อเสียง และกระทบต่อเสถียรภาพของประเทศ

ผมทำงานรับใช้ชาติบ้านเมืองมายาวนาน ปกป้องความมั่นคงมาโดยตลอด แต่พอมาดูข้อกล่าวหานี้ มันเกินกว่าที่เราจะรับได้” พลเอกเกรียงไกรกล่าว พร้อมเสริมว่า สมาชิกวุฒิสภาหลายคนที่ทำงานเพื่อชาติ ต่างก็ไม่พอใจที่ถูกกล่าวหาว่ามีความเกี่ยวข้องกับ “อั้งยี่ ซ่องโจร” ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง

อภิปรายไม่ไว้วางใจ “ทวี สอดส่อง” และตรวจสอบบทบาท ดีเอสไอ

เมื่อถูกถามว่า การเปิดอภิปรายจะมุ่งเป้าไปที่พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเพียงคนเดียวหรือไม่ พลเอกเกรียงไกรกล่าวว่า แน่นอนว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยตรง” แต่ยังต้องตรวจสอบด้วยว่า มีใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”

เราจะพิจารณาว่าการดำเนินงานของดีเอสไอเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ การยื่นเรื่องให้ดีเอสไอรับพิจารณาเป็นคดีพิเศษ มีเหตุผลเพียงพอหรือไม่ และมีการดำเนินการโดยชอบธรรมหรือไม่” พลเอกเกรียงไกรกล่าว

สรุปประเด็นร้อน

  • วุฒิสภาเตรียมยื่นถอดถอนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหา “ฮั้วเลือก ส.ว.”
  • เตรียมแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่กล่าวหาวุฒิสภา ทำให้เกิดความเสียหาย
  • กรรมาธิการวุฒิสภา เตรียมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อกล่าวหา “อั้งยี่-ซ่องโจร”
  • วางแผนเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และตรวจสอบบทบาทของดีเอสไอ
  • คาดว่าข้อกล่าวหานี้อาจเชื่อมโยงกับการผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ

วิเคราะห์สถานการณ์: สัญญาณความขัดแย้งทางการเมืองรอบใหม่?

การเดินหน้าของวุฒิสภาเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหานี้ อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลและระบบการเมืองไทยในช่วงเวลาที่กำลังมีการถกเถียงเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ประเด็นที่น่าจับตา:

  • วุฒิสภาจะสามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนเพียงพอสำหรับการถอดถอนรัฐมนตรีได้หรือไม่?
  • ดีเอสไอจะสามารถพิสูจน์ความถูกต้องของกระบวนการพิจารณาคดีพิเศษได้หรือไม่?
  • รัฐบาลและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจะตอบโต้การเคลื่อนไหวของวุฒิสภาอย่างไร?

การเมืองไทยกำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ และการอภิปรายเรื่องนี้ในสภาจะเป็นตัวชี้วัดถึงอนาคตของวุฒิสภาและเสถียรภาพของรัฐบาลในระยะต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

‘อัครา’ เปิดไฟฟ้าส่องสว่าง บ้านผาลั้ง พัฒนาชุมชนบนพื้นที่สูง

บ้านผาลั้งได้ไฟฟ้าแล้ว! ฉลอง 70 ปีแห่งการรอคอย รมช.เกษตรฯ นำความเจริญสู่ชุมชนบนพื้นที่สูง

ไฟฟ้าส่องสว่างสร้างโอกาส พัฒนาการศึกษา-เศรษฐกิจ หนุนภูมิปัญญาท้องถิ่นควบคู่เทคโนโลยี

เชียงราย, 22 กุมภาพันธ์ 2568บ้านผาลั้ง หมู่ที่ 4 ตำบลห้วยชมภู อำเภอเมืองเชียงราย ฉลองครั้งใหญ่ในรอบ 70 ปี หลังได้รับการขยายเขตการใช้ไฟฟ้าเข้าสู่พื้นที่สำเร็จ โดยมี นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงานเฉลิมฉลอง ณ ลานอเนกประสงค์บ้านผาลั้ง พร้อมเน้นย้ำถึง การบูรณาการเทคโนโลยีและภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่สูง

ในงานดังกล่าวมี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และชาวบ้านในพื้นที่เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของบ้านผาลั้งที่รอคอยไฟฟ้ามานานกว่า 7 ทศวรรษ

ไฟฟ้า: จุดประกายความหวังใหม่ให้บ้านผาลั้ง

นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า โครงการขยายเขตไฟฟ้าเข้าสู่บ้านผาลั้งครั้งนี้ เป็นมากกว่าการติดตั้งเสาไฟฟ้าและเดินสายส่ง แต่ถือเป็น การนำพาความหวัง โอกาส และความก้าวหน้ามาสู่ชุมชน โดยเฉพาะใน 3 ด้านสำคัญ ได้แก่

  • การศึกษา – ไฟฟ้าจะช่วยให้เด็กและเยาวชนมีโอกาสทางการศึกษาที่ดียิ่งขึ้น สามารถเรียนออนไลน์ เข้าถึงข้อมูลสารสนเทศ และเปิดโลกการเรียนรู้ให้กว้างขึ้น
  • เศรษฐกิจและอาชีพ – การมีไฟฟ้าจะช่วย เพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ เช่น การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร การพัฒนาหัตถกรรม และการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีที่ช่วยให้การทำเกษตรกรรมมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • สุขภาพและคุณภาพชีวิต – ไฟฟ้าจะช่วยให้ชุมชนมีน้ำสะอาดผ่านระบบสูบน้ำ มีไฟส่องสว่างในเวลากลางคืน ลดอุบัติเหตุ และช่วยให้บริการสาธารณสุขทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

“ไฟฟ้าไม่ใช่แค่แสงสว่าง แต่เป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนาและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผมเชื่อว่า ไฟฟ้าจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้บ้านผาลั้งเติบโตอย่างยั่งยืน และช่วยให้พี่น้องชาวผาลั้งก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง” นายอัครากล่าว

ภูมิปัญญาท้องถิ่น + นวัตกรรม = ทางรอดของเศรษฐกิจบ้านผาลั้ง

นายอัครา ยังกล่าวถึงความสำคัญของการ ผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน

“บ้านผาลั้งเป็นแหล่งวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์และมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ภูมิปัญญาท้องถิ่นของพี่น้องชาวบ้านผาลั้ง คือสมบัติล้ำค่าที่สามารถพัฒนาให้กลายเป็นจุดแข็งทางเศรษฐกิจ เราต้องนำเทคโนโลยีมาช่วยให้ผลิตภัณฑ์และบริการมีคุณภาพดีขึ้น ขยายตลาดได้กว้างขึ้น และสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับชุมชน”

ตัวอย่างอุตสาหกรรมที่สามารถใช้ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มศักยภาพ ได้แก่:

  • เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) – ใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติสำหรับการให้น้ำและปุ๋ย
  • การแปรรูปผลผลิต – เช่น การทำชา กาแฟ หรือผลิตภัณฑ์แปรรูปจากพืชท้องถิ่น
  • งานหัตถกรรมและของที่ระลึก – เช่น ผ้าทอพื้นเมือง เครื่องจักสาน และผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่

“ผมขอชื่นชมในความเข้มแข็งของพี่น้องชาวผาลั้ง ที่สามารถรักษาและสืบทอดภูมิปัญญาอันดีงามของบรรพบุรุษไว้ ผมเชื่อมั่นว่า หากเราผสมผสานภูมิปัญญากับเทคโนโลยีอย่างถูกต้อง บ้านผาลั้งจะสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดได้แน่นอน” รมช.เกษตรฯ กล่าว

บ้านผาลั้งเติบโตอย่างยั่งยืน: กระทรวงเกษตรฯ พร้อมให้การสนับสนุน

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) มีแผนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนบ้านผาลั้งในระยะยาว โดยเน้น 3 แนวทางหลัก ได้แก่

1️.ส่งเสริมอาชีพและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน

  • พัฒนาระบบตลาดสินค้าเกษตร
  • สนับสนุนเงินทุนและองค์ความรู้ด้านการประกอบอาชีพ
  • สนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์

2.พัฒนาสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน

  • ขยายโครงข่ายไฟฟ้าและระบบน้ำประปาภูเขา
  • สนับสนุนการพัฒนาถนนและเส้นทางคมนาคม
  • พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการท่องเที่ยว

3.เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน

  • อบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากร
  • สนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น โซลาร์เซลล์
  • พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรภายนอกเพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ

สรุป

  • บ้านผาลั้งได้ไฟฟ้าแล้วหลังรอคอยกว่า 70 ปี
  • รมช.เกษตรฯ เปิดงานเฉลิมฉลองและเน้นย้ำความสำคัญของไฟฟ้าต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต
  • ไฟฟ้าช่วยเปิดโอกาสใหม่ด้านการศึกษา อาชีพ และสุขภาพของชุมชน
  • รัฐบาลส่งเสริมการผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจบ้านผาลั้ง
  • กระทรวงเกษตรฯ พร้อมสนับสนุนอาชีพ สาธารณูปโภค และความเข้มแข็งของชุมชนในระยะยาว

โครงการขยายไฟฟ้าสู่บ้านผาลั้ง ถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาพื้นที่สูง และเป็นตัวอย่างของความสำเร็จในการนำ พลังงานและเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งจะช่วยให้ชุมชนเติบโตอย่างยั่งยืนและมีอนาคตที่มั่นคงมากขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI AUTOMOTIVE

บิดทั่วเชียงราย 939 กม. สุดท้าทาย IRON MAN RALLY 2025

IRON MAN NIGHT RALLY 2025 เริ่มแล้ว! ผู้ว่าฯ เชียงรายปล่อยตัวนักแข่งส่งเสริมการท่องเที่ยว

เปิดประสบการณ์ขับขี่มอเตอร์ไซค์บนเส้นทางสุดท้าทาย พร้อมเน้นย้ำมาตรการความปลอดภัยตลอดการแข่งขัน

เชียงราย, 22 กุมภาพันธ์ 2568จังหวัดเชียงรายเปิดตัวการแข่งขัน Iron Man Night Rally 2025 & Explorers Rally 2025 อย่างเป็นทางการ โดยมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีปล่อยตัวผู้เข้าร่วมกิจกรรม ณ โรงแรม เฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น อำเภอเมืองเชียงราย พร้อมเน้นย้ำถึง มาตรการความปลอดภัยในการขับขี่ และ การส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตระดับนานาชาติ

ในพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก ศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ และ ดร.ปรีชา อนุรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย รวมถึงตัวแทนจากฝ่ายจัดการแข่งขันและผู้เข้าร่วมการแข่งขันกว่า 300 คนเข้าร่วม

IRON MAN NIGHT RALLY 2025: การแข่งขันสุดโหดบนเส้นทางเชียงราย

การแข่งขัน Iron Man Night Rally 2025 ถือเป็นรายการแข่งขันที่ท้าทายที่สุดรายการหนึ่งของประเทศไทย โดยนักแข่งต้องขับขี่มอเตอร์ไซค์ในระยะทางรวม 939 กิโลเมตร ซึ่ง กว่า 70% ของเส้นทางอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ที่มีความหลากหลายของภูมิประเทศ ทั้งเส้นทางภูเขาสูงชัน โค้งหักศอก และทางเรียบสลับพื้นที่ป่า

ไฮไลต์ของเส้นทางการแข่งขัน ได้แก่:  ดอยแม่สลอง – เส้นทางขึ้นดอยที่มีโค้งต่อเนื่องหลายร้อยโค้ง ภูชี้ฟ้า – ถนนลัดเลาะผ่านแนวภูเขาที่สามารถมองเห็นทะเลหมอก สามเหลี่ยมทองคำ – เส้นทางบรรจบสามประเทศ ไทย-ลาว-เมียนมา อุทยานแห่งชาติดอยหลวง – ท้าทายด้วยเส้นทางลัดเลาะป่าธรรมชาติ เส้นทางดอยตุง – พื้นที่สูงชันที่ต้องใช้ทักษะและสมาธิขั้นสูง

ผู้เข้าร่วมแข่งขันต้องเผชิญกับการขับขี่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันตลอดการแข่งขัน ทั้งถนนที่มีแสงสว่างจำกัด โค้งอันตราย และอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงตามระดับความสูง

ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยสำหรับนักแข่ง

ก่อนออกเดินทาง ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด โดยผู้ว่าฯ เชียงราย ได้กล่าวเน้นย้ำถึง มาตรการความปลอดภัยสำคัญ ที่นักแข่งต้องปฏิบัติ ดังนี้:

  1. ตรวจสอบสภาพรถและอุปกรณ์ให้พร้อมก่อนออกเดินทาง
  2. เช็กระบบไฟส่องสว่าง กระจกมองข้าง และกระจกมองหลัง
  3. ศึกษาทำความเข้าใจเส้นทางล่วงหน้า
  4. ระมัดระวังเส้นทางที่มีแสงสว่างจำกัดและจุดอันตราย
  5. รักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้า ใช้ความเร็วให้เหมาะสม
  6. ใช้ไฟสูงและไฟสปอร์ตไลท์อย่างถูกต้องเพื่อลดอุบัติเหตุ
  7. หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่
  8. งดฟังเพลงหรือทำกิจกรรมที่ทำให้เสียสมาธิ
  9. เตรียมชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟฉาย อุปกรณ์ปฐมพยาบาล น้ำดื่ม และที่ปะลมยาง

การขับขี่ที่ปลอดภัยไม่ใช่เพียงแค่ทักษะของนักแข่ง แต่หมายถึงการเตรียมตัวให้พร้อมทั้งร่างกาย อุปกรณ์ และความเข้าใจในเส้นทาง” นายชรินทร์ กล่าว

ส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านมอเตอร์สปอร์ต

การแข่งขัน Iron Man Night Rally 2025 ไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขันที่ท้าทายสำหรับผู้รักมอเตอร์ไซค์เท่านั้น แต่ยังเป็น เครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย ด้วยเส้นทางที่ผ่านแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ นักแข่งและผู้ร่วมชมการแข่งขันจะได้สัมผัส ความสวยงามของธรรมชาติ วัฒนธรรมล้านนา และวิถีชีวิตของชาวเชียงราย

นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมครั้งนี้ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น เช่น:

  • กระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงกีฬา – ดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วประเทศ
  • เพิ่มรายได้ให้กับชุมชน – โรงแรม ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดได้รับประโยชน์
  • สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น – ผู้ผลิตสินค้า OTOP และของที่ระลึกสามารถจำหน่ายสินค้าให้นักแข่งและนักท่องเที่ยว

เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง และกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตระดับประเทศเช่นนี้ จะช่วยให้เชียงรายเป็นที่รู้จักในฐานะจุดหมายปลายทางของนักเดินทางสายผจญภัยมากขึ้น” นายชรินทร์ กล่าวเสริม

สร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการขับขี่

นอกเหนือจากการแข่งขัน Iron Man Night Rally 2025 แล้ว ผู้ว่าฯ เชียงรายยังกล่าวถึง ความสำคัญของการส่งเสริมวัฒนธรรมการขับขี่ปลอดภัย โดยเน้นให้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไป

ทุกท่านที่เข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ ต่างก็มีอุปกรณ์สวมใส่เพื่อความปลอดภัย มีทักษะการขับขี่ที่ดี ซึ่งจะช่วยสร้างจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนนให้กับเยาวชนเชียงราย รวมถึงประชาชนทั่วไป” ผู้ว่าฯ กล่าว

ตัวอย่างอุปกรณ์ที่นักแข่งต้องใช้ ได้แก่:

  • หมวกกันน็อคมาตรฐานสูง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะ
  • ชุดขับขี่พร้อมสนับศอกและสนับเข่า ลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ
  • รองเท้าหุ้มข้อเพื่อการทรงตัวที่ดีขึ้น

สรุป

  • การแข่งขัน Iron Man Night Rally 2025 เป็นรายการมอเตอร์สปอร์ตที่ท้าทายระยะทางรวม 939 กิโลเมตร
  • ผู้ว่าฯ เชียงรายเป็นประธานเปิดงานและปล่อยตัวผู้เข้าแข่งขัน
  • เส้นทางแข่งขันกว่า 70% อยู่ในพื้นที่เชียงราย ผ่านแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ
  • มาตรการความปลอดภัยถูกเน้นย้ำอย่างเข้มงวด
  • กิจกรรมนี้ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของเชียงราย
  • เป็นโอกาสในการสร้างจิตสำนึกด้านการขับขี่ปลอดภัยให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไป

การแข่งขัน Iron Man Night Rally 2025 จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ แต่ยังเป็น แพลตฟอร์มสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัย และกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
HEALTH

สธ. แจงไวรัส HKU5 ในค้างคาว แค่งานวิจัย ย้ำไทยเฝ้าระวังเข้มแข็ง

กระทรวงสาธารณสุขไทยยัน HKU5-CoV-2 ยังไม่มีการระบาดในคน

ปลัด สธ. ย้ำไทยมีระบบเฝ้าระวังเข้มแข็ง ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่

กรุงเทพฯ, 22 กุมภาพันธ์ 2568กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ HKU5-CoV-2 ในคน แม้จะมีรายงานจากการวิจัยในห้องปฏิบัติการของจีนเมื่อปี 2566 ว่าไวรัสนี้สามารถเกาะกับตัวรับในเซลล์ของมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมได้ดีเช่นเดียวกับโควิด-19

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า รายงานดังกล่าวเป็นเพียงผลการทดลองในห้องแล็บ ยังไม่มีหลักฐานทางระบาดวิทยาที่ชี้ว่าไวรัสนี้สามารถแพร่ระบาดสู่คนได้จริง และไม่มีรายงานผู้ป่วยติดเชื้อจากสายพันธุ์นี้แต่อย่างใด

“ข้อมูลที่มีในขณะนี้เป็นเพียงรายงานทางวิทยาศาสตร์ที่ได้จากการศึกษาในห้องปฏิบัติการเท่านั้น ยังไม่มีหลักฐานว่ามีการแพร่กระจายสู่คนหรือเกิดการระบาดจริงในประชากรทั่วไป ดังนั้นประชาชนไม่ควรตื่นตระหนก” นพ.โอภาสกล่าว

HKU5-CoV-2 คืออะไร?

HKU5-CoV-2 เป็นไวรัสที่ถูกค้นพบในค้างคาว และจัดอยู่ในตระกูล Merbecovirus ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยของไวรัสโคโรนา นักวิจัยพบว่าไวรัสนี้มีความสามารถในการจับกับเอนไซม์ ACE2 ซึ่งเป็นตัวรับบนเยื่อหุ้มเซลล์ของมนุษย์ แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามันสามารถก่อโรคในมนุษย์ได้

นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันไวรัสวิทยาหวู่ฮั่น ประเทศจีน ได้ทดสอบ HKU5-CoV-2 ในเซลล์ตัวอย่างของระบบทางเดินหายใจและลำไส้ของมนุษย์ และพบว่าโปรตีนหนามของไวรัสสามารถจับกับเยื่อหุ้มเซลล์ได้ อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการเข้าสู่เซลล์มนุษย์ยังต่ำกว่า SARS-CoV-2 หรือไวรัสโควิด-19 อย่างมีนัยสำคัญ

นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า ไม่ควร “ตีความเกินจริง” เกี่ยวกับความเสี่ยงของ HKU5-CoV-2 ต่อมนุษย์ เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานว่ามันสามารถติดต่อจากสัตว์สู่คนได้จริง

ไทยติดตามไวรัสสายพันธุ์ใหม่อย่างใกล้ชิด

นพ.โอภาส ยืนยันว่า ประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังโรคระบาดที่เข้มแข็ง โดยกรมควบคุมโรคและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทำงานร่วมกับทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อ ติดตามการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน สายพันธุ์ที่พบในไทยยังคงเป็น โอมิครอน JN.1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ และไม่มีหลักฐานว่ามีไวรัสสายพันธุ์ใหม่เข้ามาในประเทศ

นอกจากนี้ ไทยยังคงมีมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวดสำหรับนักเดินทางขาเข้า โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดของโรคทางเดินหายใจ

มาตรการป้องกันไวรัส: ใช้ได้กับทุกสายพันธุ์

แม้จะยังไม่มีหลักฐานว่า HKU5-CoV-2 สามารถระบาดในมนุษย์ได้ แต่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า มาตรการป้องกันโรคทางเดินหายใจที่ใช้ในปัจจุบันสามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อจากไวรัสทุกชนิดได้ ได้แก่:

  • สวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในพื้นที่แออัด
  • ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่าโดยไม่จำเป็น
  • หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัดหรือระบบระบายอากาศไม่ดี
  • ฉีดวัคซีนป้องกันโรคทางเดินหายใจ เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่และวัคซีนโควิด-19

ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยาและวัคซีน

หลังจากมีรายงานเกี่ยวกับ HKU5-CoV-2 หุ้นของบริษัทยาผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 เช่น Pfizer, Moderna และ Novavax ปรับตัวสูงขึ้น สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ เช่น ดร.ไมเคิล ออสเตอร์โฮล์ม จากมหาวิทยาลัยมินนิโซตา กล่าวกับ Reuters ว่า ปฏิกิริยาของตลาดและสื่อบางส่วนอาจเกินจริง เพราะยังไม่มีหลักฐานว่าไวรัสนี้มีความเสี่ยงต่อมนุษย์ในระดับที่ควรกังวล

แนวทางการรักษาหาก HKU5-CoV-2 แพร่สู่คน

หาก HKU5-CoV-2 สามารถแพร่เชื้อสู่มนุษย์ได้จริง นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าแนวทางการรักษาที่อาจใช้ได้ ได้แก่:

  • แอนติบอดีโมโนโคลนอล (Monoclonal Antibodies) – เป็นโปรตีนที่สร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการเพื่อช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อสู้กับไวรัส
  • ยาต้านไวรัส (Antiviral Drugs) – ออกฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัส ลดความรุนแรงของอาการ เช่นเดียวกับยาต้านไวรัสที่ใช้รักษาโควิด-19

อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของการรักษาจะขึ้นอยู่กับความสามารถของไวรัสในการแพร่เชื้อและอัตราการกลายพันธุ์ นักวิทยาศาสตร์จึงจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมหาก HKU5-CoV-2 สามารถแพร่ระบาดในคนได้ในอนาคต

สรุป

  • HKU5-CoV-2 เป็นไวรัสที่พบในค้างคาว และเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลไวรัสโคโรนา
  • ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานว่ามันสามารถแพร่ระบาดสู่คนได้จริง
  • ไทยมีระบบเฝ้าระวังโรคที่เข้มแข็ง และติดตามการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาอย่างต่อเนื่อง
  • มาตรการป้องกัน เช่น สวมหน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่าง ยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสทุกสายพันธุ์
  • ตลาดหุ้นบริษัทยาผลิตวัคซีนปรับตัวสูงขึ้น จากความกังวลเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่

แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานว่า HKU5-CoV-2 จะเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของมนุษย์ในขณะนี้ แต่การเฝ้าระวังและการศึกษาต่อเนื่องจะเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุข / forbes

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TRAVEL

คืนชีพ “บ้านเขียว” แพร่เปิด ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้มรดก 120 ปี

แพร่เปิด “บ้านเขียว” ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่ อนุรักษ์มรดกล้านนา

รมว.ทส. นำเปิดศูนย์เรียนรู้ ฟื้นฟูอาคารประวัติศาสตร์ 120 ปี สู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

แพร่, 21 กุมภาพันธ์ 2568บ้านเขียว” อาคารประวัติศาสตร์อายุ 120 ปี ได้รับการฟื้นฟูและเปิดเป็น ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่ อย่างเป็นทางการ โดยมี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมทั้งมอบโล่เชิดชูเกียรติให้แก่ 6 หน่วยงาน ที่มีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมล้านนา

พิธีเปิดจัดขึ้นที่ สวนรุกขชาติเชตวัน จังหวัดแพร่ ภายใต้แนวคิด ฟื้นบ้านเขียว สู่อ้อมกอดชาวแพร่” โดยภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์การทำไม้ของประเทศไทย ควบคู่กับกิจกรรม กาดฮิมยม” ตลาดนัดวินเทจที่รวบรวมศิลปะ หัตถกรรม และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดแพร่อย่างยั่งยืน

บ้านเขียว: อาคารประวัติศาสตร์ที่เป็นพยานยุคทองของอุตสาหกรรมป่าไม้

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน กล่าวถึง บ้านเขียว” ว่าเป็นอาคารประวัติศาสตร์ที่มีอายุยาวนานกว่า 120 ปี สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2444 (สมัยรัชกาลที่ 5) และเคยเป็น สำนักงานป่าไม้ ที่สำคัญในยุคล้านนา เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมป่าไม้ที่รุ่งเรืองในภาคเหนือ โดยอาคารแห่งนี้เคยผ่านการพัฒนา 5 ยุคสมัย ก่อนจะถูกรื้อถอนในปี พ.ศ. 2563

“บ้านเขียวไม่ใช่แค่อาคารเก่า แต่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของยุคทองแห่งการป่าไม้ในล้านนา การบูรณะครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นแค่การฟื้นฟูอาคาร แต่เป็นการรักษามรดกทางวัฒนธรรม และสืบทอดองค์ความรู้ด้านทรัพยากรธรรมชาติให้คนรุ่นหลัง” ดร.เฉลิมชัยกล่าว

การบูรณะบ้านเขียว: ฟื้นฟูสถาปัตยกรรม ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากร

การฟื้นฟู บ้านเขียว ให้เป็น ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่ ได้ดำเนินการโดยคำนึงถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมดั้งเดิม พร้อมพัฒนาให้เป็น พิพิธภัณฑ์มีชีวิต ที่ให้ความรู้ด้านทรัพยากรป่าไม้และการอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยการบูรณะได้รับการสนับสนุนจาก 6 หน่วยงานหลัก ได้แก่:

  1. กรมศิลปากร – ให้คำแนะนำด้านการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดั้งเดิม
  2. สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ – ช่วยออกแบบและฟื้นฟูโครงสร้างอาคาร
  3. เทศบาลเมืองแพร่ – สนับสนุนงบประมาณและการดำเนินงาน
  4. เทศบาลตำบลป่าแมต – มีบทบาทในการดูแลพื้นที่โดยรอบ
  5. องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ – ส่งเสริมโครงการให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
  6. สมาคมรักษ์เมืองเก่าแพร่ – ผลักดันให้เกิดการอนุรักษ์และฟื้นฟูบ้านเขียว

ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้: เปิดมิติใหม่ของการศึกษาและท่องเที่ยว

ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่นี้ จะเป็น แหล่งเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์การป่าไม้ ที่ครอบคลุมถึง:

  • วิวัฒนาการของอุตสาหกรรมป่าไม้ในประเทศไทย ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน
  • การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศและป่าไม้ล้านนา ที่สะท้อนถึงผลกระทบของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
  • การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม โดยนำเสนอแนวทางการฟื้นฟูป่าและระบบนิเวศอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ศูนย์ฯ ยังเป็นสถานที่ฝึกอบรมและให้ความรู้แก่ประชาชน นักเรียน นักศึกษา และนักวิจัยด้านป่าไม้ รวมถึงเป็นพื้นที่แสดงนิทรรศการเกี่ยวกับ สถาปัตยกรรมล้านนา และ การใช้ชีวิตของชาวแพร่ในอดีต

กาดฮิมยม” ตลาดนัดวินเทจ ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น

ภายในงานเปิดตัวศูนย์เรียนรู้การป่าไม้ ยังมีการจัด กาดฮิมยม” ตลาดนัดวินเทจที่รวบรวมศิลปะ งานหัตถกรรม และสินค้าท้องถิ่นของจังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยตลาดนัดแห่งนี้มีการจำหน่าย:

  • ผลิตภัณฑ์หัตถกรรมล้านนา เช่น ผ้าทอเมืองแพร่ เครื่องปั้นดินเผา และเครื่องจักสาน
  • ผลิตภัณฑ์อาหารพื้นเมือง เช่น แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม และกาแฟพื้นเมือง
  • สินค้าสร้างสรรค์และงานศิลปะ จากศิลปินท้องถิ่น

ตลาดแห่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ช่วยสร้างความตื่นตัวด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของจังหวัดแพร่ให้เติบโตต่อไป

ศูนย์เรียนรู้บ้านเขียว: จุดหมายใหม่ของนักท่องเที่ยวและนักอนุรักษ์

การเปิดศูนย์เรียนรู้การป่าไม้บ้านเขียว เป็นก้าวสำคัญของจังหวัดแพร่ในการส่งเสริมการศึกษา การท่องเที่ยว และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไปพร้อมกัน โดยศูนย์แห่งนี้จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป และคาดว่าจะเป็น แหล่งเรียนรู้และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สำคัญของภาคเหนือ

นอกจากนี้ การฟื้นฟูบ้านเขียวให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ยังช่วยสร้างโอกาสในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น และดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สนใจเรื่องประวัติศาสตร์และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้เดินทางมาสัมผัสวิถีชีวิตของเมืองแพร่อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

สรุป

  • บ้านเขียว อาคารประวัติศาสตร์อายุ 120 ปี ได้รับการบูรณะและเปิดเป็น ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดงาน พร้อมมอบโล่เชิดชูเกียรติให้ 6 หน่วยงาน ที่ร่วมสนับสนุนการฟื้นฟูบ้านเขียว
  • ศูนย์เรียนรู้ฯ จะเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์การป่าไม้ และ พิพิธภัณฑ์มีชีวิตด้านสถาปัตยกรรม
  • จัดกิจกรรม กาดฮิมยม” ตลาดนัดวินเทจที่รวมสินค้าหัตถกรรม อาหารพื้นเมือง และงานศิลปะท้องถิ่น
  • เปิดให้ประชาชนเข้าชมอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568

 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเปิดแล้ว ศูนย์สินค้า TRADER CHIANGRAI ดันสินค้าท้องถิ่นสู่สากล

เชียงรายเปิดศูนย์ TRADER CHIANGRAI ดันสินค้าโลคอลสู่ตลาดสากล

เชียงราย, 21 กุมภาพันธ์ 2568 – จังหวัดเชียงรายเปิดศูนย์ TRADER CHIANGRAI อย่างเป็นทางการ ณ Welcome to Chiang Rai Shop อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เพื่อเป็นศูนย์กลางรวบรวมและจำหน่ายสินค้า พร้อมส่งเสริมผู้ประกอบการท้องถิ่นขยายตลาดสู่ระดับสากล

พิธีเปิดจัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย บริษัท เวลคัม ทู เชียงราย จำกัด หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการสินค้าท้องถิ่น เข้าร่วมงานเพื่อแสดงศักยภาพของสินค้าเชียงรายในตลาดระดับประเทศและต่างประเทศ

ศูนย์ TRADER CHIANGRAI ตั้งอยู่ในอาคารพาณิชย์ ฝั่งตรงข้ามปั๊ม ปตท. อำเภอเชียงแสน มีเป้าหมายเป็นศูนย์กลางรวบรวมและกระจายสินค้าท้องถิ่นจากผู้ประกอบการรายย่อยที่มีคุณภาพแต่ขาดโอกาสในการเข้าถึงตลาดใหญ่ โดยจะเป็นช่องทางเชื่อมโยงให้สินค้าเชียงรายสามารถเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ และเพิ่มโอกาสให้กับสินค้าท้องถิ่นให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล

เชียงราย: ศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์และสินค้าเกษตรคุณภาพ

จังหวัดเชียงรายเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประเพณี และทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางของสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพสูง และเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ โดยสินค้าสำคัญของเชียงรายที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication: GI) ได้แก่:

  • กาแฟดอยช้าง และกาแฟดอยตุง – กาแฟคุณภาพระดับพรีเมียมที่ปลูกในพื้นที่สูงของเชียงราย ได้รับการยอมรับในระดับโลก
  • สับปะรดนางแล – ผลไม้ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ของเชียงราย
  • ข้าวก่ำล้านนา – ข้าวเหนียวดำที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
  • ชาเชียงราย – ชาคุณภาพเยี่ยมจากไร่ชาเชียงรายที่ส่งออกไปหลายประเทศ

นอกจากนี้ เชียงรายยังมีสินค้า OTOP และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากการเกษตร งานหัตถกรรม และของที่ระลึกที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมล้านนาและเอกลักษณ์ท้องถิ่น ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ

TRADER CHIANGRAI: ศูนย์กลางเชื่อมโยงสินค้าโลคอลสู่ตลาดโลก

การเปิดศูนย์ TRADER CHIANGRAI ถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่ช่วยให้สินค้าจากท้องถิ่นเข้าถึงตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ ได้แก่:

  1. เพิ่มโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายย่อย – สนับสนุนให้สินค้าท้องถิ่นสามารถเข้าสู่ระบบตลาดที่กว้างขึ้น
  2. สร้างเครือข่ายเชื่อมโยงการค้า – ทำงานร่วมกับตัวแทนจำหน่าย ร้านค้า และห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศ เพื่อขยายตลาดให้กับสินค้าเชียงราย
  3. ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน – กระตุ้นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ผลิตในจังหวัดเชียงราย

โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย และ บริษัท เวลคัม ทู เชียงราย จำกัด ซึ่งได้ร่วมมือกันผลักดันการดำเนินการให้เกิดเป็นศูนย์กลางรวบรวมสินค้าอย่างเป็นระบบ และขยายโอกาสให้ผู้ผลิตในท้องถิ่นสามารถส่งออกสินค้าสู่ตลาดต่างประเทศได้โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง

กลยุทธ์ขยายตลาดผ่านเครือข่ายพันธมิตรระหว่างประเทศ

นอกจากการเป็นศูนย์กระจายสินค้าในประเทศแล้ว TRADER CHIANGRAI ยังมุ่งเน้นไปที่การสร้างเครือข่ายพันธมิตรในระดับนานาชาติ โดยจะเชื่อมโยงกับ:

  • ผู้จัดจำหน่ายในต่างประเทศ เพื่อส่งออกสินค้าเชียงรายสู่ตลาดที่มีศักยภาพ เช่น จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป
  • แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Alibaba, Shopee, Lazada, Amazon เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าเชียงรายให้เข้าถึงผู้บริโภคทั่วโลก
  • ร้านค้าปลอดภาษี (Duty-Free) และร้านค้าสินค้าพรีเมียม ในสนามบินและแหล่งท่องเที่ยวหลักของประเทศ

แนวทางนี้จะช่วยให้สินค้าจากจังหวัดเชียงรายได้รับการโปรโมตและเป็นที่รู้จักในระดับสากล พร้อมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่น

โอกาสทางเศรษฐกิจจากการพัฒนาเชียงรายเป็นศูนย์กลางการค้า

การพัฒนา TRADER CHIANGRAI เกิดขึ้นในช่วงที่เชียงรายกำลังได้รับการผลักดันให้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาคเหนือ โดยเฉพาะการเป็น ศูนย์กลางการค้าในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ซึ่งมีศักยภาพสูงในการเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว เมียนมา และจีน

เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีทำเลเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เป็นจุดผ่านแดนสำคัญที่สามารถใช้เป็นเส้นทางโลจิสติกส์สำหรับการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเส้นทางจากเชียงรายไปยัง สิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีความต้องการสินค้าคุณภาพสูงจากไทย

เชียงรายก้าวสู่อนาคตด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์

ศูนย์ TRADER CHIANGRAI เป็นโครงการที่สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของจังหวัดเชียงรายในการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยใช้ทรัพยากรท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมกับการพัฒนาเครือข่ายการค้าและการตลาดที่เข้มแข็ง

การเปิดตัวศูนย์ฯ ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมสินค้าเชียงรายให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก พร้อมกับสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนในระยะยาว

สรุป

  • TRADER CHIANGRAI เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ Welcome to Chiang Rai Shop อำเภอเชียงแสน
  • มีเป้าหมายเป็นศูนย์กลางรวบรวมและกระจายสินค้าเชียงรายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย และเชื่อมโยงกับเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายระดับสากล
  • ใช้ช่องทางอีคอมเมิร์ซและพันธมิตรด้านการค้าเพื่อส่งออกสินค้าเชียงรายสู่ตลาดโลก
  • เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเชียงรายให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการค้าชายแดนที่สำคัญของไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

พบจุดเผาป่า 5 จุด บุกรุกตัดไม้ทำลายป่าแม่สรวย

เจ้าหน้าที่ปกครอง-ป่าไม้ เชียงราย เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าแม่สรวย พบการบุกรุกและเผาป่าเพื่อทำการเกษตร

เชียงราย, 21 กุมภาพันธ์ 2568 – เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ร่วมกับหน่วยป้องกันรักษาป่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ลาวฝั่งซ้าย บริเวณบ้านห้วยหญ้าไซ หมู่ 9 และบ้านจะหา หมู่ 11 ตำบลป่าแดด อำเภอแม่สรวย หลังได้รับแจ้งเหตุบุกรุกป่าและตัดไม้ทำลายป่าในหลายจุด

จากการตรวจสอบพื้นที่ เจ้าหน้าที่พบว่ามีการบุกรุกและตัดต้นไม้เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับทำการเกษตร จำนวน 3 จุด มีร่องรอยการโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่และการเผาพื้นที่ป่า ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศในพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดพื้นที่ พร้อมทั้งเก็บรวบรวมไม้ของกลางเพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรแม่สรวย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และติดตามหาตัวผู้กระทำผิดต่อไป

พบจุดความร้อน 5 จุด เผาป่าเตรียมพื้นที่เกษตร

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้เดินลาดตระเวนเพื่อตรวจสอบ จุดความร้อน (Hotspot) ที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 8-11 กุมภาพันธ์ 2568 พบว่ามีการเผาพื้นที่ป่าเพื่อเตรียมการเพาะปลูก จำนวน 5 จุด ซึ่งอยู่ในเขตติดต่อระหว่าง โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ บ้านห้วยหญ้าไซ และ ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งซ้าย

เจ้าหน้าที่ได้ทำการบันทึกพิกัดจุดเผาเพื่อนำไปตรวจสอบกับแผนที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากพบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จะมีการดำเนินคดีตาม พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และ พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ จะมีการเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเผาป่าเพิ่มเติมในอนาคต

เจ้าหน้าที่ภาคสนามร่วมปฏิบัติการเข้มงวด

สำหรับปฏิบัติการในครั้งนี้ ได้รับมอบหมายจาก นายปฤษฎางค์ สามัคคีนิชย์ นายอำเภอแม่สรวย ให้ นายจิตรกร คูสินไทย ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้นำกำลังชุดปฏิบัติการ ซึ่งประกอบด้วย:

  • สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.)
  • กำนันตำบลป่าแดด
  • รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ป่าแดด
  • เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชร.7 (ท้าวแก่นจันทร์)
  • เจ้าหน้าที่จาก สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย)
  • หัวหน้าโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ บ้านห้วยหญ้าไซ

โดยการปฏิบัติการในครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือของหลายหน่วยงานที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาการบุกรุกและทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างจริงจัง

มาตรการเข้มงวดในการป้องกันการบุกรุกป่า

เจ้าหน้าที่ป่าไม้และหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่มีมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการบุกรุกป่าอย่างเข้มงวด โดยใช้ เทคโนโลยีดาวเทียมและการตรวจจับจุดความร้อน ในการติดตามการเผาป่า พร้อมทั้งลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการขยายพื้นที่บุกรุกเพิ่มเติม

ในช่วงปีที่ผ่านมา อำเภอแม่สรวยเป็นหนึ่งในพื้นที่เสี่ยงต่อปัญหาการบุกรุกและเผาป่า เนื่องจากมีการขยายพื้นที่ทำการเกษตรเพิ่มขึ้น ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่ส่งผลให้เกิดไฟป่าได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะช่วงฤดูแล้ง เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนเพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวน และให้ความรู้แก่ชุมชนในพื้นที่เกี่ยวกับผลกระทบของการบุกรุกป่าและเผาป่า เพื่อสร้างจิตสำนึกและลดปัญหาดังกล่าวในระยะยาว

ผลกระทบจากการบุกรุกป่าและเผาป่า

การบุกรุกป่าและเผาป่ามีผลกระทบต่อระบบนิเวศเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่ทำให้พื้นที่ป่าถูกทำลาย แต่ยังส่งผลต่อคุณภาพอากาศและปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ประเทศไทยเผชิญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในภาคเหนือของประเทศ

ผลกระทบที่สำคัญจากการบุกรุกป่าและเผาป่า ได้แก่:

  1. สูญเสียพื้นที่ป่าธรรมชาติ ซึ่งส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพ และทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า
  2. ปัญหาภัยแล้งและการกัดเซาะดิน พื้นที่ที่ถูกบุกรุกจะสูญเสียความสามารถในการกักเก็บน้ำ ทำให้เกิดปัญหาดินเสื่อมโทรมและภัยแล้งตามมา
  3. ฝุ่นละออง PM2.5 และมลพิษทางอากาศ การเผาป่าทำให้เกิดควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคทางเดินหายใจ
  4. ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น พื้นที่ป่าที่ถูกทำลายทำให้สูญเสียทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว รวมถึงส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวที่เน้นความสมบูรณ์ของธรรมชาติ

เจ้าหน้าที่เตือนประชาชน หยุดเผาป่า หยุดทำลายทรัพยากร

จากสถานการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ป่าไม้และฝ่ายปกครองจึงขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ ให้ช่วยกันปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ และหลีกเลี่ยงการเผาป่า โดยเน้นย้ำว่า การบุกรุกป่าและเผาป่าเป็นความผิดทางกฎหมายที่มีบทลงโทษรุนแรง หากพบเห็นการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ หน่วยป้องกันรักษาป่าในพื้นที่ หรือสายด่วนกรมป่าไม้ โทร. 1362

ในระยะต่อไป เจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการตรวจสอบพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมและโดรนในการติดตามพื้นที่ที่มีการบุกรุกและเผาป่า เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติในระยะยาว

สรุป

  • เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พื้นที่ป่าแม่สรวย จังหวัดเชียงราย พบการบุกรุกและเผาป่าเพื่อเตรียมการเกษตร จำนวน 3 จุด
  • ตรวจพบ จุดความร้อน 5 จุด ซึ่งเป็นการเผาป่าในพื้นที่ บ้านห้วยหญ้าไซ และบ้านจะหา
  • มีการตรวจยึดพื้นที่ พร้อมดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตาม พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
  • เจ้าหน้าที่เรียกร้องให้ประชาชนร่วมมือ หยุดเผาป่า หยุดบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News