Categories
ENVIRONMENT

วิกฤตความหลากหลายชีวภาพโลก: ความเสี่ยงสูญพันธุ์เพิ่มขึ้นทุกวัน

วิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพของโลก: มุมมองเชิงสถิติและแนวทางแก้ไขในที่ประชุม COP16

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567 รายงานจาก The Japan Times เผยถึงข้อมูลที่ชี้ว่าวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพบนโลกกำลังเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่ามนุษย์คือปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทั้งบนบกและในทะเล ซึ่งส่งผลให้ประชุม COP16 ว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ณ เมืองกาลี ประเทศโคลอมเบีย เข้าสู่สัปดาห์ที่สอง โดยมุ่งประเมินความก้าวหน้าและกำหนดเป้าหมายใหม่เพื่อยับยั้งและฟื้นฟูธรรมชาติภายในปี 2573 ตามกรอบ Kunming-Montreal Global Biodiversity Framework ที่ได้ลงนามไว้เมื่อสองปีก่อน

วิกฤตเชิงสถิติ: การเสื่อมโทรมของมหาสมุทรและพื้นผิวโลก

จากข้อมูลของ IPBES หน่วยงานวิทยาศาสตร์และนโยบายระดับรัฐบาลระหว่างประเทศด้านความหลากหลายทางชีวภาพพบว่า พื้นที่บนผิวโลกกว่าสามในสี่ถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ และสองในสามของมหาสมุทรได้รับผลกระทบจากการบริโภคของมนุษย์ที่ไร้ขีดจำกัด นอกจากนี้ยังพบว่า พื้นที่ชุ่มน้ำในแผ่นดินลดลงกว่า 1 ใน 3 ตั้งแต่ปี 2513 ถึง 2558 ซึ่งเร็วกว่าอัตราการลดลงของป่าไม้ถึงสามเท่า รายงานของ IPBES ยังระบุว่าการเสื่อมโทรมของดินที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์กระทบต่อความเป็นอยู่ของผู้คนอย่างน้อย 3.2 พันล้านคน และการฟื้นฟูสภาพธรรมชาติจะให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าอย่างน้อย 10 เท่าของต้นทุนในการดำเนินการ

หนึ่งในเป้าหมายหลักของกรอบความหลากหลายทางชีวภาพ Kunming-Montreal Global Biodiversity Framework คือ การฟื้นฟูพื้นที่ดินที่เสื่อมโทรม พื้นที่น้ำในแผ่นดิน พื้นที่ชายฝั่งทะเล และระบบนิเวศทางทะเลให้ได้ 30% ภายในปี 2573

ความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของสายพันธุ์นับล้าน

จากการประเมินขององค์การสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) พบว่าสายพันธุ์พืชและสัตว์มากกว่าหนึ่งในสี่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ และจากรายงานของ IPBES ระบุว่าสายพันธุ์จำนวนถึงหนึ่งล้านสายพันธุ์กำลังตกอยู่ในอันตราย โดยเฉพาะแมลงผสมเกสรที่มีบทบาทสำคัญในการขยายพันธุ์พืชและให้ผลผลิตทางการเกษตรถึงสามในสี่ของอาหารที่มนุษย์บริโภค

นอกจากนี้ ปะการังซึ่งเป็นที่พึ่งพิงของชีวิตกว่า 850 ล้านคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับทะเลก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่น่ากังวล ปะการังเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะหายไปหากอุณหภูมิโลกสูงขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียสจากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม อุณหภูมินี้เป็นเกณฑ์ที่โลกพยายามไม่ให้เกินตามข้อตกลงปารีส ปี 2558 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน

ห้าปัจจัยหลักที่ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ

สหประชาชาติได้กำหนดห้าสาเหตุหลักที่เป็นภัยต่อความหลากหลายทางชีวภาพที่มนุษย์สร้างขึ้น ได้แก่ การทำลายถิ่นที่อยู่อาศัย (เพื่อการเกษตรและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน) การใช้ทรัพยากรอย่างเกินควร เช่น การใช้น้ำ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษ และการแพร่กระจายของสิ่งมีชีวิตที่รุกราน ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะกลายเป็นปัจจัยหลักที่ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพภายในปี 2593 หากไม่มีการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง

เศรษฐกิจโลกพึ่งพาความหลากหลายทางชีวภาพถึงครึ่งหนึ่งของ GDP

จากรายงานของ PwC บริษัทตรวจสอบบัญชีระดับโลก พบว่า 55% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของโลก หรือประมาณ 58 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติและบริการของธรรมชาติอย่างหนัก โดยภาคการเกษตร ป่าไม้ ประมง และอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเป็นภาคส่วนที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ บริการจากธรรมชาติที่มีค่าเช่น การผสมเกสร แหล่งน้ำสะอาด และการควบคุมโรค ล้วนเป็นประโยชน์ที่ธรรมชาติมอบให้แก่เศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก

จากการศึกษาของนักเศรษฐศาสตร์ชาวอินเดีย Pavan Sukhdev พบว่าการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพมีต้นทุนต่อปีอยู่ที่ระหว่าง 1.75 ล้านล้านถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

เงินอุดหนุนกว่า 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับอุตสาหกรรมที่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม

รายงานของ Earth Track ในเดือนกันยายนระบุว่าเงินอุดหนุนที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มีมูลค่ามากถึง 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 2.5% ของ GDP โลก ซึ่งมากกว่าเป้าหมายของกรอบ Kunming-Montreal ที่ตั้งเป้าในการระดมทุนปีละ 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อการปกป้องธรรมชาติ

อุตสาหกรรมที่ได้รับผลประโยชน์จากเงินอุดหนุนเหล่านี้ ได้แก่ การประมง เกษตรกรรม และผู้ผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล กรอบความหลากหลายทางชีวภาพนี้ยังมีเป้าหมายที่จะลดเงินอุดหนุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างน้อย 500 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีภายในปี 2573

การรวมพลังเพื่อหยุดยั้งวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพ

การประชุม COP16 ว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพที่เมืองกาลีในครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการระดมความร่วมมือจากหลายภาคส่วนเพื่อรับมือกับปัญหาความหลากหลายทางชีวภาพที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก การสร้างความตระหนักและการกำหนดเป้าหมายร่วมกันเพื่อหยุดยั้งการทำลายธรรมชาติและการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อให้อนาคตของโลกยังคงมีความหลากหลายทางชีวภาพที่มั่นคง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : The Japan Times

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

Chiangrai Super Cup เสริมทักษะเยาวชนเชียงราย 2567

การแข่งขันฟุตบอลเยาวชน 7 คน “Chiangrai Super Cup” สร้างทักษะ สัมพันธภาพ และส่งเสริมเยาวชนเชียงราย

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2567 สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงรายร่วมกับฝ่ายกีฬาฟุตบอลจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลเยาวชน 7 คน “Chiangrai Super Cup” โดยมีการแข่งขันสำหรับเยาวชนในรุ่นอายุไม่เกิน 9 ปี, 11 ปี และ 13 ปี ณ สนามฟุตบอลหญ้าเทียม X-Arena การแข่งขันครั้งนี้ได้รับเกียรติจากนางรัตนา จงสุทธานามณี นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยบุคคลสำคัญหลายท่านที่มาร่วมงาน ได้แก่ นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย นายโชติศิริ ดารายน นายกสมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์เชียงราย นายประพัฒน์ ชัชวาลชัยพรรณ และนายเดช ใจกล้า อุปนายกสมาคมกีฬา รวมถึงคณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะกีฬาและความสัมพันธ์ที่ดีในหมู่เยาวชนและประชาชนเชียงราย

จุดประสงค์และความสำคัญของการแข่งขัน “Chiangrai Super Cup”

การแข่งขัน “Chiangrai Super Cup” จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการเล่นกีฬาและสร้างทักษะในการเล่นฟุตบอลของเยาวชนในจังหวัดเชียงราย อีกทั้งยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และเสริมสร้างสุขภาพที่ดี นอกจากนี้การแข่งขันยังช่วยสร้างสัมพันธภาพที่ดีในหมู่เยาวชนและประชาชน โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครเชียงราย เพื่อให้เด็กและเยาวชนสามารถเติบโตอย่างมีคุณภาพ และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคมต่อไป การแข่งขันในครั้งนี้ยังเน้นให้เยาวชนได้มีโอกาสเรียนรู้การทำงานเป็นทีม การฝึกฝนด้านกีฬาฟุตบอล และการรู้จักการปรับตัวในการแข่งขัน ซึ่งเป็นทักษะที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้

บรรยากาศในงานและความร่วมมือจากผู้มีเกียรติ

บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสนุกสนาน เยาวชนที่เข้าร่วมต่างมีความมุ่งมั่นที่จะโชว์ทักษะฟุตบอลของตนเอง และพ่อแม่ผู้ปกครองที่มาร่วมให้กำลังใจบุตรหลานก็ได้สร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง การแข่งขันครั้งนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหลายภาคส่วน รวมถึงเทศบาลนครเชียงรายและหน่วยงานในท้องถิ่น นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้กล่าวย้ำถึงความสำคัญของการสนับสนุนกีฬาในท้องถิ่น เพื่อให้เยาวชนเชียงรายได้รับโอกาสในการแสดงออกและพัฒนาทักษะอย่างเต็มที่

การพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอลสำหรับเยาวชนเชียงราย

การแข่งขัน “Chiangrai Super Cup” เป็นหนึ่งในโอกาสสำคัญที่เยาวชนเชียงรายได้มีโอกาสฝึกฝนทักษะทางกีฬาฟุตบอลในระดับการแข่งขัน ทักษะในการเล่นฟุตบอล เช่น การควบคุมบอล การส่งบอล และการทำประตู เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใช้การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ การแข่งขันนี้จึงเป็นเวทีที่ให้เยาวชนได้ฝึกฝนและพัฒนาทักษะของตนเอง อีกทั้งยังเป็นการเรียนรู้ความมีน้ำใจนักกีฬา การยอมรับความสามารถของผู้อื่น และการมีวินัยในการฝึกซ้อมเพื่อความสำเร็จของทีม

นอกจากนี้ การแข่งขันยังเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้การจัดการเวลาและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่สร้างสรรค์ สร้างเสริมสุขภาพจิตที่ดีและการใช้ชีวิตที่มีประโยชน์ กีฬาฟุตบอลสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเยาวชนให้เติบโตเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของการจัดการแข่งขันในครั้งนี้

การสนับสนุนและความร่วมมือจากชุมชนในท้องถิ่น

การแข่งขันครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากชุมชนท้องถิ่นในเชียงราย ทั้งจากผู้ปกครองที่นำบุตรหลานมาร่วมงาน และจากหน่วยงานท้องถิ่นที่ร่วมกันสนับสนุนให้การแข่งขันเป็นไปอย่างราบรื่น การร่วมมือกันในครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเป็นหนึ่งเดียวของชุมชนเชียงรายที่มุ่งเน้นในการพัฒนาเยาวชนเพื่อให้เป็นกำลังสำคัญของสังคมในอนาคต

นายวรฉัตร ชื่นชอบ ประธานฝ่ายกีฬาฟุตบอล สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การจัดการแข่งขันในครั้งนี้มีความยินดีที่ได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่ายที่มองเห็นความสำคัญของการส่งเสริมกีฬาให้กับเยาวชน การพัฒนาเยาวชนในด้านกีฬาไม่เพียงแต่เป็นการสร้างนักกีฬาที่มีศักยภาพ แต่ยังเป็นการสร้างคนที่มีคุณภาพในด้านต่าง ๆ ให้กับสังคมในอนาคตอีกด้วย

บทสรุป: “Chiangrai Super Cup” จุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาเยาวชนเชียงราย

การแข่งขันฟุตบอลเยาวชน 7 คน “Chiangrai Super Cup” เป็นกิจกรรมที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาเยาวชนในเชียงราย ไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนาทักษะกีฬา การสร้างสัมพันธภาพในชุมชน และการส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ กิจกรรมนี้ช่วยเสริมสร้างความสามารถในการทำงานเป็นทีม การมีวินัย การมีน้ำใจนักกีฬา รวมถึงการฝึกฝนความมุ่งมั่นและความอดทน ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญในชีวิตประจำวัน

การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการพัฒนาทักษะฟุตบอลให้กับเยาวชน แต่ยังเป็นการสนับสนุนให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุขและมั่นคง การร่วมมือจากทุกฝ่ายทำให้การแข่งขันครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ยืนยันถึงพลังความร่วมมือของชุมชนเชียงรายในการพัฒนาเยาวชนรุ่นใหม่ให้มีคุณภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายฟ้าใส ไร้ควัน ปราบบุหรี่ไฟฟ้าใกล้สถานศึกษา

ปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” ปราบปรามร้านบุหรี่ไฟฟ้า ใกล้มหาวิทยาลัยเชียงราย

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567 ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้สั่งเปิดปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” โดยมีเป้าหมายหลักในการป้องกันเด็ก เยาวชน นักเรียน และนักศึกษาให้ห่างไกลจากอบายมุขที่เป็นอันตราย ซึ่งรวมถึงการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ ภายใต้นโยบายของกระทรวงมหาดไทย (มท.1) เพื่อสร้างสังคมปลอดบุหรี่และป้องกันการมอมเมาเยาวชน

การจัดการร้านลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า

จากการสืบทราบข้อมูล เจ้าหน้าที่พบว่าร้านชื่อ Mavap Studio ได้ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ใกล้มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย โดยร้านดังกล่าวใช้วิธีจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชัน LINE และส่งสินค้าผ่านไรเดอร์ไปยังจุดต่างๆ รวมถึงหอพักของนักศึกษาในย่านบ้านดู่ ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนและอยู่ไม่ไกลจากสถาบันการศึกษา การดำเนินงานในลักษณะนี้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มเด็ก เยาวชน นักเรียน และนักศึกษา ทำให้เกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่เป็นอย่างมาก

ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการปราบปราม

การปราบปรามครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้การอำนวยการของนายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย และนายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย รวมถึง พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.สภ.บ้านดู่ ซึ่งได้ร่วมมือกันวางแผนการจับกุมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรัดกุมที่สุด

แผนการตรวจสอบและจับกุม

ในวันที่ 28 ตุลาคม เวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจได้เริ่มปฏิบัติการ โดยมีการวางแผนเข้าตรวจสอบและทำการล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจากร้าน Mavap Studio ทั้งยังมีกำลังเจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งซุ่มตรวจสอบพฤติกรรมของร้านและหอพักที่ใช้เป็นจุดเก็บสินค้าดังกล่าว เมื่อเฝ้าดูพฤติกรรมประมาณ 30 นาที พบว่ามีการส่งสินค้าโดยไรเดอร์และมีลูกค้ามารับของหน้าห้องพักอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงพอสำหรับการจับกุม

การตรวจค้นและการยึดของกลาง

เมื่อการล่อซื้อเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเพื่อเข้าจับกุม ณ จุดรับสินค้าบริเวณหน้าหอพักในตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งเป็นอาคารสองชั้น จากการตรวจสอบพบผู้ดูแลร้านจำนวน 2 คน เป็นหญิงและชาย และมีของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ รวมจำนวนกว่า 2,000 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าหลายแสนบาท นอกจากนี้ยังพบหลักฐานการซื้อขายในบัญชีที่ระบุว่าร้านมีรายได้ต่อวันไม่ต่ำกว่า 35,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงนำผู้ดูแลทั้งสองไปดำเนินคดีในข้อหาต่าง ๆ ตามกฎหมาย

ข้อหาที่ผู้ต้องหาต้องเผชิญ

  1. การซ่อนเร้นและจำหน่ายสินค้าที่มีความผิดตามกฎหมาย
    ผู้ต้องหาถูกแจ้งข้อหาว่าทำการซ่อนเร้นและจำหน่ายสินค้าที่ห้ามนำเข้า ซึ่งขัดต่อพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของที่มีการรวมค่าอากรแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ

  2. การขายสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าโดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
    นอกจากนี้ผู้ต้องหายังถูกกล่าวหาว่าจำหน่ายสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าโดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/2558 ซึ่งระบุห้ามจำหน่ายหรือให้บริการสินค้าบุหรี่ไฟฟ้า โดยต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

การรณรงค์สร้างสังคมปลอดควันบุหรี่ในเชียงราย

หลังจากการจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เผยแพร่ข้อมูลถึงสาธารณชนเกี่ยวกับความเสี่ยงและโทษของบุหรี่ไฟฟ้า และย้ำถึงการปฏิบัติตามกฎหมาย โดยมีการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบทั้งร้านค้าที่มีหน้าร้านและร้านค้าที่จำหน่ายทางออนไลน์ในพื้นที่เชียงราย เพื่อให้แน่ใจว่าการปราบปรามอบายมุขในกลุ่มเยาวชนจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพในการลดการเข้าถึงของเยาวชนที่อาจตกเป็นเหยื่อ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

มหากฐิน มหากุศล เชียงราย 2567 พลังศรัทธาไทย วัดแสงแก้วโพธิญาณ

พิธีทอดกฐินสามัคคี ประจำปี 2567 “มหากฐิน มหากุศล” ณ วัดแสงแก้วโพธิญาณ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567 เวลา 15.30 น. วัดแสงแก้วโพธิญาณ ตำบลเจดีย์หลวง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ได้จัดพิธีทอดกฐินสามัคคีประจำปี พ.ศ. 2567 ภายใต้ชื่อ “มหากฐิน มหากุศล” โดยมีพระมหาสุบรรณ มหาคัมภีโร เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงและเจ้าคณะอำเภอแม่สรวย เป็นประธานในพิธีทอดกฐิน ส่วนพระภาวนารัตนญาณวิ (ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ เป็นผู้รับการถวายกฐิน โดยมีพุทธศาสนิกชน ศิษยานุศิษย์ และคณะศรัทธาที่นับถือวัดแสงแก้วโพธิญาณเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง สะท้อนถึงความศรัทธาอันลึกซึ้งในพระพุทธศาสนาและในประเพณีทอดกฐินสามัคคี

ความสำคัญของพิธีทอดกฐิน

การทอดกฐิน หรือการกรานกฐินเป็นหนึ่งในกิจกรรมทางพระวินัยที่พระภิกษุสงฆ์พึงกระทำร่วมกันภายในระยะเวลาที่กำหนดในแต่ละปี ตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 จนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 การทอดกฐินมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญในการส่งเสริมความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ รวมถึงการช่วยเหลือพระภิกษุที่มีจีวรชำรุดหรือขาดแคลนด้วย โดยการถวายผ้ากฐินนี้จะถูกจัดเป็นสังฆทาน กล่าวคือ การถวายแก่คณะสงฆ์ทั้งหมดโดยไม่เจาะจงแก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง เมื่อผ้ากฐินได้รับการถวาย พระภิกษุในวัดนั้น ๆ จะนำผ้ามาอุปโลกน์หรือการมอบให้แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งในคณะสงฆ์เพื่อใช้งาน ซึ่งการทอดกฐินของพุทธศาสนิกชนจึงถือว่าเป็นการทำบุญที่มีอานิสงส์สูง และเป็นประเพณีที่สำคัญของคนไทยในพุทธศาสนาอย่างยิ่ง

วัตถุประสงค์ของพิธีทอดกฐินสามัคคี

การทอดกฐินนอกจากจะเป็นการบำเพ็ญบุญส่วนตัวและร่วมบุญกับหมู่คณะแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการประสานงานและการรวมพลังในชุมชน โดยผู้มาร่วมพิธีจะได้ร่วมกันบำเพ็ญบุญสร้างกุศลที่ช่วยสนับสนุนคณะสงฆ์ให้สามารถดำเนินกิจวัตรและปฏิบัติธรรมได้อย่างราบรื่น ในปีนี้การทอดกฐินสามัคคีจัดขึ้นภายใต้ชื่อ “มหากฐิน มหากุศล” ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของบุญกุศลอันใหญ่ยิ่งที่ผู้ร่วมงานทุกคนได้มีส่วนร่วมในการถวาย

บรรยากาศของพิธีและความศรัทธาของชุมชน

ภายในงานมีประชาชนจากหลายพื้นที่เดินทางมาร่วมพิธีอย่างหนาแน่น ทั้งชาวบ้านในอำเภอแม่สรวยและจังหวัดใกล้เคียงที่มีความศรัทธาในครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต เจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ ทำให้บรรยากาศของพิธีเป็นไปด้วยความสงบและศรัทธา โดยทุกคนที่มาร่วมงานต่างตั้งใจฟังการสวดมนต์และการเทศน์จากครูบาอริยชาติ ซึ่งท่านได้กล่าวถึงความสำคัญของการบำเพ็ญกุศลและการรักษาความสามัคคีในหมู่คณะ นอกจากนี้ท่านยังให้ข้อคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างสมถะและการบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น

การสนับสนุนจากหน่วยงานวัฒนธรรม

พิธีทอดกฐินสามัคคีครั้งนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงราย โดยนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้นางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม และนายสุพจน์ ทนทาน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ เข้าร่วมพิธีถวายผ้ากฐินสามัคคีวัดแสงแก้วโพธิญาณในครั้งนี้อีกด้วย เพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมทางศาสนาที่สำคัญของชุมชน การสนับสนุนของหน่วยงานเหล่านี้ช่วยเพิ่มคุณค่าทางวัฒนธรรมและศาสนาในชุมชน ทำให้ประเพณีการทอดกฐินยังคงดำรงอยู่และเติบโตไปอย่างต่อเนื่องในแต่ละปี

การอนุเคราะห์ภิกษุและการสนับสนุนคณะสงฆ์

การทอดกฐินยังมีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือพระภิกษุที่ขาดแคลนหรือมีจีวรที่ชำรุด การถวายผ้ากฐินในแต่ละปีจะช่วยให้พระสงฆ์ที่ได้รับการอุปโลกน์สามารถนำจีวรไปใช้ในการประกอบกิจของสงฆ์ได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ การสนับสนุนนี้ยังช่วยให้วัดสามารถบำรุงและซ่อมแซมอาคารสถานที่ของวัดและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในกิจการทางศาสนา ทำให้วัดแสงแก้วโพธิญาณและวัดอื่น ๆ ในชุมชนสามารถดำเนินการสอนธรรมะและปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างต่อเนื่อง

บทสรุป: บุญใหญ่ของชาวพุทธในวันทอดกฐินสามัคคี

พิธีทอดกฐินสามัคคี ณ วัดแสงแก้วโพธิญาณประจำปี 2567 นี้ เป็นอีกครั้งที่ชาวพุทธได้มีโอกาสบำเพ็ญบุญร่วมกันเพื่อสร้างกุศลอันยิ่งใหญ่ การทำบุญทอดกฐินไม่เพียงแต่เป็นการสนับสนุนคณะสงฆ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความสามัคคีและความผูกพันในชุมชน รวมถึงการร่วมแรงร่วมใจกันทำบุญให้แก่คณะสงฆ์ ซึ่งเป็นการสืบสานประเพณีที่สืบทอดมาหลายยุคหลายสมัย อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่มีความตระหนักถึงคุณค่าของการทำบุญและการรักษาประเพณีวัฒนธรรมที่สำคัญของชาวพุทธไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เปิดตัวนางสาวไทยเชียงราย 2568 ดึงเสน่ห์เมืองเหนือ

การเปิดตัวการประกวดนางสาวไทยเชียงราย 2568 และภาพยนตร์ส่งเสริมการท่องเที่ยว “Endpresso ปณิธานหวานน้อย”

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567 เวลา 14.00 น. ณ ร้าน Stella Café and Bar ตลาดล้านเมือง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย มีการจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวการประกวดนางสาวไทย เชียงราย ๒๕๖๘ โดยมีนายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และรักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้มีเกียรติจากหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ที่ร่วมสนับสนุนงานนี้อย่างครบถ้วน เพื่อสร้างสรรค์โอกาสให้สาวงามจากจังหวัดเชียงรายได้เป็นตัวแทนเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นของจังหวัดให้เป็นที่รู้จักในระดับประเทศ

การประกวดนางสาวไทย เชียงราย 2568 เพื่อส่งเสริมบทบาทสาวงามทูตวัฒนธรรม

การประกวดนางสาวไทย เชียงราย 2568 ครั้งนี้จัดขึ้นโดยบริษัท โปร อินฟินิตี้ บิช จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การประกวดนางสาวไทยในจังหวัดเชียงราย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาสาวงามที่ไม่เพียงแต่มีความงดงามภายนอกเท่านั้น แต่ยังมีความรู้และความสามารถในการเป็นทูตวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงราย ผู้เข้าประกวดจะได้รับบทบาทสำคัญในการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว สถานที่สำคัญ อาหารพื้นบ้าน ประเพณี และวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศได้เข้ามาเยี่ยมชมและสัมผัสเสน่ห์ของเชียงราย

การประกวดนี้มีกำหนดการจัดขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567 และคาดว่าจะมีสาวงามจากทั่วเชียงรายสมัครเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยผู้ชนะจะได้เป็นตัวแทนของเชียงรายในการประกวดนางสาวไทย และทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์จังหวัดตลอดจนการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่

การกระตุ้นเศรษฐกิจและการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล

การจัดการประกวดครั้งนี้นอกจากจะมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเชื่อมโยงกับการสร้างโอกาสให้ธุรกิจและกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ในพื้นที่เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ กิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นจะช่วยดึงดูดผู้คนให้มาเยือนเชียงรายและสร้างโอกาสทางรายได้ให้แก่ชุมชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ การส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในจังหวัดจึงไม่เพียงแค่เพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนและเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างทั่วถึง

การเปิดตัวภาพยนตร์ “Endpresso ปณิธานหวานน้อย” เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวเชียงราย

ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ ยังมีการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง “Endpresso ปณิธานหวานน้อย” ซึ่งเป็นภาพยนตร์แนวรักที่ถ่ายทำในจังหวัดเชียงราย โดยมุ่งหวังให้เป็นสื่อหนึ่งในการโปรโมทแหล่งท่องเที่ยวของเชียงราย ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอฉากหลังที่งดงามของสถานที่ท่องเที่ยวในเชียงราย ซึ่งจะช่วยสร้างความสนใจแก่ผู้ชมภาพยนตร์ให้มาเยือนจังหวัด อีกทั้งยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมและบรรยากาศที่อบอุ่นของชุมชนชาวเชียงรายอีกด้วย

การเปิดตัวภาพยนตร์ในครั้งนี้มีผู้มีเกียรติหลากหลายจากวงการท่องเที่ยว อาทิ นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย และ นางสาวกัญธนัช กิตติถิรธรรม ผู้บริหารบริษัท บิววี่ ดี-ว่า จำกัด ผู้จัดงาน ได้เน้นถึงความสำคัญของภาพยนตร์นี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย ให้เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวอยากมาเยือนตลอดปี

การสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน

งานแถลงข่าวได้รับความสนใจและการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง ทั้งนี้นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้ส่งตัวแทนผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายเข้าร่วมงานด้วย โดยมีนางสาวณพิชญา นันตาดี และนายจิรัฏฐ์ ยุทธ์ธนประวิช นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ ที่เข้าร่วมงานและสนับสนุนการจัดกิจกรรมครั้งนี้อย่างเต็มที่เพื่อให้การจัดงานเป็นไปอย่างราบรื่น

บทสรุป: การรวมพลังเพื่อสร้างเชียงรายให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม

การประกวดนางสาวไทย เชียงราย 2568 และภาพยนตร์ “Endpresso ปณิธานหวานน้อย” เป็นสื่อสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมเชียงรายในด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ภาครัฐและเอกชนต่างร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการดำเนินงานทั้งสองเพื่อผลักดันให้เชียงรายกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่มีเอกลักษณ์และเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ส่งมอบพื้นที่ ‘เชียงราย’ ฟื้นฟู หลังน้ำลด ร่วมใจช่วยประชาชน

การส่งมอบพื้นที่ฟื้นฟูเชียงรายหลังอุทกภัย: ความช่วยเหลือจากกองทัพไทยเพื่อการฟื้นฟูสู่ระยะที่สอง

การฟื้นฟูเชียงรายหลังเหตุการณ์อุทกภัยใหญ่

ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมานายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานในพิธีส่งมอบพื้นที่ที่ได้รับการฟื้นฟูจากเหตุการณ์อุทกภัยให้กับหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อดำเนินการฟื้นฟูระยะที่สองต่อไปที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

ความสำคัญของการฟื้นฟูระยะที่สอง

การฟื้นฟูในระยะที่สองนี้จะเน้นที่การซ่อมแซมและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้มีความแข็งแรง เพื่อเตรียมความพร้อมในอนาคตหากเกิดภัยพิบัติอีกครั้ง รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่หลังเหตุการณ์น้ำลด เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและความมั่นคงในพื้นที่เชียงราย

ภารกิจและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน

การฟื้นฟูครั้งนี้ได้มีการสนับสนุนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งโรงครัวเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย การกู้บ้านเรือนและชุมชนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการทำความสะอาดเส้นทางคมนาคมให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอย่างรวดเร็ว

กองทัพไทย: ผู้สนับสนุนการฟื้นฟูที่แข็งแกร่ง

บทบาทของกองทัพไทยในภารกิจนี้โดดเด่นอย่างยิ่ง ด้วยการสนับสนุนกำลังพล อุปกรณ์และความช่วยเหลืออย่างครบถ้วน การตักดินโคลนออกจากบ้านเรือน การทำความสะอาดถนน ตลอดจนการสร้างบ้านน็อคดาวน์เพื่อรองรับผู้ประสบภัยที่บ้านเสียหายอย่างหนัก

การฟื้นฟูและการส่งมอบที่เสร็จสมบูรณ์ 100%

ในพิธีส่งมอบพื้นที่ นายภูมิธรรม ได้มอบป้ายสัญลักษณ์ให้แก่นายกเทศมนตรีตำบลแม่สายและตำบลเวียงพางคำ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการฟื้นฟูที่สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย โดยในครั้งนี้มีการช่วยฟื้นฟูบ้านเรือนจำนวน 819 หลังจากที่ได้รับผลกระทบ และครัวเรือนผู้ประสบภัยยังได้รับการสนับสนุนวัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น จักรเย็บผ้า เก้าอี้ตัดผม เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ

การฟื้นฟูระยะที่สอง: การพัฒนาเชิงโครงสร้างและส่งเสริมการท่องเที่ยว

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจฟื้นฟูในระยะแรก การฟื้นฟูระยะที่สองจะเน้นด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน และส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่เชียงราย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวกลับมาเยือนอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่และสร้างงานให้กับประชาชนในระยะยาว

บทสรุป: ก้าวไปข้างหน้าเพื่ออนาคตที่มั่นคง

การช่วยเหลือและความเอื้อเฟื้อจากกองทัพไทยและทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูครั้งนี้ เป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีที่ช่วยให้ชาวแม่สายได้กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง พร้อมกันนี้รัฐบาลยังได้ยืนยันว่าภาครัฐจะไม่ทอดทิ้งผู้ประสบภัย โดยจะทำงานต่อไปเพื่อให้ชาวเชียงรายได้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

ส่งออกเกษตรไทยโต 8% ครองแชมป์อาเซียน

ไทยครองอันดับ 1 อาเซียน ส่งออกสินค้าเกษตรโตต่อเนื่องสู่ตลาดโลก

ภาพรวมการส่งออกสินค้าเกษตรไทยโต 8% สู่ตลาดโลก มูลค่ากว่า 19,826 ล้านดอลลาร์

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2567 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยข้อมูลการส่งออกสินค้าเกษตรของประเทศไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม – สิงหาคม) พบว่า ประเทศไทยส่งออกสินค้าเกษตรสู่ตลาดโลกมูลค่ารวม 19,826 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 8% จากปีที่แล้ว โดยในส่วนของการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าที่ไทยมีข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) มีมูลค่า 13,774 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วนถึง 69% ของการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมด โดยตลาดส่งออกหลักยังคงเป็น จีน อาเซียน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

ตลาดส่งออกสินค้าเกษตรเติบโตดี โดยเฉพาะในกลุ่ม FTA

นายจิรายุยังระบุว่า ประเทศไทยครองตำแหน่งผู้ส่งออกสินค้าเกษตรอันดับ 1 ในอาเซียน และอันดับ 8 ของโลก โดยกลุ่มประเทศคู่ค้า FTA ได้แก่ จีน อาเซียน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เป็นตลาดที่ส่งออกได้ดีอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเดือนสิงหาคมเพียงเดือนเดียว การส่งออกไปกลุ่ม FTA ขยายตัว 9% โดยเฉพาะจีนและญี่ปุ่นที่โตขึ้น 11% อินเดีย 24% นิวซีแลนด์ 34% และชิลี 42.8% ซึ่งตลาดเหล่านี้มีความต้องการสินค้าเกษตรไทยสูงขึ้น

สินค้าเกษตรส่งออกสำคัญที่ขยายตัวในตลาดโลก

ในเดือนสิงหาคม 2567 ไทยมีสินค้าเกษตรที่ส่งออกอันดับต้นๆ และเติบโตอย่างน่าพอใจ ได้แก่ ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง ข้าว ยางพารา ไก่ และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ซึ่งต่างมีการขยายตัวดี เช่น ข้าวเติบโต 41% และผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งเติบโต 21% สะท้อนถึงการเป็นผู้นำในตลาดเกษตรที่ได้รับความต้องการสูง

โอกาสสู่การขยายตลาดด้วยข้อตกลง FTA

นายจิรายุชี้ว่าการเปิดตลาดผ่าน FTA และการลดภาษีนำเข้าในหลายประเทศช่วยให้สินค้าเกษตรไทยสามารถแข่งขันได้ดียิ่งขึ้น โดยรัฐบาลไทยได้ดำเนินการทำ FTA ครอบคลุม 18 ประเทศ ซึ่งลดภาษีให้กับสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ไก่แปรรูป และผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง ทำให้สินค้าเหล่านี้สามารถส่งออกไปยังหลายประเทศได้โดยไม่เสียภาษีนำเข้า ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SPORT

‘โฟกัส ทัศฏาภรณ์’ ดาวรุ่ง ทีมชาติไทย สู้เพื่อตามฝัน

“โฟกัส ทัศฏาภรณ์” เด็กชายหัวใจแกร่งที่ได้โอกาสสวมชุดทีมชาติไทย

จากความฝันที่ไม่มีวันหยุดสู้ สู่การเป็นดาวรุ่งของทีมชาติไทย U17

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2567 เพจ The Youth Thailand ได้เผยเรื่องราวสุดซึ้งของ “โฟกัส” ทัศฏาภรณ์ พึ่งกุศล กองกลางวัยเพียง 15 ปี จากโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ที่มีโอกาสสวมชุดทีมชาติไทย U17 ลงสนามครั้งแรกในศึก เอเชียน คัพ 2025 รอบคัดเลือก พร้อมกับทำไปได้ถึง 2 ประตู ในเกมที่ไทยเอาชนะบรูไนไป 19-0 แต่สิ่งที่ทำให้วันนั้นยิ่งมีความหมายคือการที่แม่ของเขา คุณแม่สกาวเดือน ทองน้อย ได้มานั่งเชียร์อยู่ข้างสนามเป็นครั้งแรกในชีวิตของโฟกัส

ก้าวสู่ทีมชาติด้วยความพยายาม และกำลังใจจากคุณแม่

โฟกัสมาจากครอบครัวที่ยากจน โดยมีแม่เป็นเสาหลักในการเลี้ยงดู แต่โฟกัสก็ไม่ย่อท้อในเส้นทางฟุตบอล ด้วยความทุ่มเทและความสามารถที่โดดเด่น เขาได้รับเลือกเข้าทีมชาติและเข้าสู่แคมป์เก็บตัว 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแม่ของเขาส่งเงินสนับสนุนมาเพียง 200 บาทเพื่อให้ใช้ในการใช้จ่ายตลอดแคมป์ อย่างไรก็ตาม โค้ชแชมป์ พฤทธิคุณ สุนทรนนท์ ซึ่งเป็นกุนซือและศิษย์เก่าของโรงเรียนได้ร่วมมือกับทีมศิษย์เก่า พาคุณแม่สกาวเดือนมาเชียร์โฟกัสที่สนามโดยไม่บอกให้ทราบล่วงหน้า สร้างความปลื้มปิติให้กับเขาเป็นอย่างมาก

ความฝันที่ใกล้เข้ามา กับอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟัน

ความยากลำบากในการสู้เพื่อความฝันของโฟกัสสะท้อนให้เห็นในหลายๆ ด้าน เช่น รองเท้าสตั๊ดที่เขาสวมลงสนามเป็นของรุ่นพี่ที่ยืมมา เพราะคู่ของตัวเองขาดและไม่มีเงินซ่อม โค้ชแชมป์เห็นถึงความมุ่งมั่น จึงติดต่อไปยังแบรนด์ ZETA SPORTS ซึ่งตอบรับและมอบสตั๊ดคู่ใหม่ให้โฟกัสใส่ฟรีตลอดชีวิต

หลังจบเกม โฟกัสได้เจอแม่ข้างสนามเป็นครั้งแรก เขาก้มลงกราบเท้าแม่พร้อมน้ำตาแห่งความรักและความภูมิใจ ขณะที่แม่ของเขามีของฝากมาเป็นแค่แชมพูกับสบู่ แต่มันเป็นของขวัญที่มีค่ามากสำหรับเขา

เส้นทางข้างหน้า และการสนับสนุนที่เข้ามาอย่างไม่สิ้นสุด

โฟกัสยังมีเส้นทางอีกยาวไกลในฐานะนักเตะเยาวชนทีมชาติไทย และในวันนี้เขาได้พิสูจน์แล้วว่าความพยายามและการไม่ย่อท้อจะพาเขาไปสู่ความฝันที่ยิ่งใหญ่ ชมรมศิษย์เก่านักบอลวัดสุทธิวรารามยังคงขอบคุณทุกกำลังใจและการสนับสนุนจากทุกทิศทาง แต่ขอแจ้งว่าไม่มีการเปิดบัญชีรับบริจาคเพื่อป้องกันมิจฉาชีพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : The Youth Thailand /Siamsport FootballSiam

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

โออาร์ ร่วม CIB ช่วยแม่สาย ฟื้นฟูภัยน้ำท่วม

โออาร์และ CIB ส่งมอบกำลังใจ ช่วยผู้ประสบอุทกภัยแม่สายในโครงการ “จากใจ สู่ใจ ฟื้นฟูภัยน้ำท่วม”

โออาร์ร่วมมือ CIB ช่วยผู้ประสบอุทกภัย ฟื้นฟูชีวิตหลังน้ำลด

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จัดโครงการจิตอาสา “จากใจ สู่ใจ ฟื้นฟูภัยน้ำท่วม” เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีการมอบเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น เช่น หม้อหุงข้าวและพัดลม รวมทั้งหมด 80 ชิ้น โดยนายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโออาร์ เป็นผู้มอบให้แก่ พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในพิธีมอบ ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กรุงเทพฯ

โออาร์ร่วมสนับสนุนเครื่องดื่มคาเฟ่ อเมซอน มอบให้ผู้ประสบภัย

นอกจากนี้ โออาร์ยังได้มอบเครื่องดื่มจากคาเฟ่ อเมซอน จำนวน 1,000 แก้ว เพื่อส่งเสริมกำลังใจแก่ผู้ประสบอุทกภัย โดยเครื่องดื่มนี้ถูกส่งไปยังโรงเรียนบ้านเหมืองแดง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นสถานที่ศูนย์รวมผู้ประสบภัยภายในโครงการ โออาร์แสดงความมุ่งมั่นในการฟื้นฟูชีวิตและสนับสนุนชุมชนผ่านการมอบสิ่งของที่จำเป็น โดยการสนับสนุนครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดการช่วยเหลือที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

การช่วยเหลือเพิ่มเติมใน 7 จังหวัดภาคเหนือ

โออาร์ยังได้ร่วมกับผู้แทนจำหน่ายก๊าซหุงต้ม ปตท. ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ มอบก๊าซหุงต้มจำนวน 3,223 กิโลกรัม ถุงยังชีพ 3,250 ชุด น้ำดื่ม 9,500 ขวด และถุงบิ๊กแบ๊กจำนวน 1,000 ถุง เพื่อใช้เป็นแนวป้องกันน้ำในจังหวัดภาคเหนือ รวมถึงจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง พะเยา เชียงราย น่าน แพร่ และสุโขทัย เพื่อสร้างความมั่นคงแก่ชุมชนและช่วยลดผลกระทบจากอุทกภัย

มุ่งมั่นสานต่อความช่วยเหลือและเฝ้าระวังสถานการณ์ใกล้ชิด

โออาร์ยืนยันว่าจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนความช่วยเหลือที่จำเป็นและเป็นกำลังใจให้ชุมชนในพื้นที่อำเภอแม่สายให้สามารถฟื้นฟูชีวิตและก้าวผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ENVIRONMENT

‘ดร.ธรณ์’ เตือนโลกร้อนแรง แม้ไม่มี ‘เอลนีโญ’

“ดร.ธรณ์ชี้โลกร้อนแรงขึ้นแม้ไม่มีเอลนีโญ ผลกระทบชัดเจนทั้งบนบกและทะเล”

ดร.ธรณ์เผยข้อมูลโลกร้อนขึ้นแม้ไม่มีเอลนีโญ

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2567 ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “Thon Thamrongnawasawat” ระบุถึงสถานการณ์โลกร้อนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ในช่วงนี้ไม่มีปรากฏการณ์เอลนีโญเข้ามาเสริมให้ร้อนยิ่งขึ้น แต่ผลการวิจัยจาก NOAA ชี้ให้เห็นว่า เดือนกันยายนที่ผ่านมามีพื้นที่บนโลกถึง 11% ที่สร้างสถิติอุณหภูมิสูงสุด โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งพบว่าความหนาวมาช้ากว่าปกติ

สีแดงบนแผนที่สะท้อนสภาพอากาศรุนแรง

ดร.ธรณ์ยกตัวอย่างถึงสีบนแผนที่อุณหภูมิว่า พื้นที่สีแดงบ่งบอกถึงอุณหภูมิที่ร้อนจัดจนสร้างสถิติใหม่ ส่วนพื้นที่ในประเทศไทยนั้นก็ประสบกับสภาพอากาศร้อนมากในเดือนตุลาคมที่เคยเป็นช่วงฤดูหนาวของไทย ดร.ธรณ์แสดงความกังวลว่า โลกกำลังมุ่งสู่อนาคตที่ฤดูหนาวจะมาสั้นและเป็นแค่ช่วงสั้น ๆ โดยอุณหภูมิหนาวจะไม่ต่อเนื่องเหมือนในอดีต เช่น ในกรุงเทพฯ ที่เคยมีอากาศเย็นต่อเนื่องหลายสัปดาห์ แต่ปัจจุบันเหลือเพียงไม่กี่วัน

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลและแนวปะการัง

นอกจากบนบก ทะเลก็ได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นผิดปกติ ทำให้เกิดภาวะปะการังฟอกขาว หญ้าทะเลและสัตว์น้ำอย่างพะยูนก็ไม่สามารถฟื้นตัวได้ในสภาพอากาศที่ร้อนติดต่อกันยาวนาน

COP29 กับความหวังที่ลดน้อยลง

ดร.ธรณ์ยังกล่าวถึงการประชุม COP29 ที่กำลังจะมาถึงว่า แม้จะมีข้อตกลงมากมายเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม แต่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมยังต้องใช้เวลายาวนาน และข้อตกลงเหล่านี้ทำเพื่ออนาคตของคนรุ่นใหม่ ขณะที่โลกยังคงประสบปัญหาความร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Thon Thamrongnawasawat

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News