Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

อบจ.เชียงราย เร่งฟื้นฟูพื้นที่ ประสบอุทกภัย ต.หงาว อ.เทิง

 

เมื่อวันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2567 เวลา 10.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) พร้อมด้วยนายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และ ส.อ.วิมล รู้ทำนอง ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และงบประมาณ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย ลงพื้นที่เร่งช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ตำบลหงาว อำเภอเทิง หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยน้ำป่าไหลหลากเฉียบพลัน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา

เหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากในครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้พื้นที่ตำบลหงาวได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อยู่อาศัยและพื้นที่สัญจร ประชาชนจำนวนมากต้องเผชิญกับสภาพที่บ้านเรือนถูกน้ำท่วมและดินโคลนที่สะสมอยู่ในบริเวณพื้นที่ต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและการสัญจรไปมาของชาวบ้าน

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ได้สั่งการให้กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักช่าง และบุคลากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการช่วยเหลือและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยโดยด่วน โดยได้จัดส่งรถน้ำแรงดันสูงเข้ามาช่วยเหลือในการทำความสะอาดพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งบริเวณพื้นผิวสัญจรและพื้นที่อยู่อาศัยของพี่น้องประชาชนที่มีดินโคลนสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก

ในระหว่างการลงพื้นที่ นางอทิตาธรได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นและประชาชน เพื่อให้การฟื้นฟูและการช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงความพร้อมในการสนับสนุนทรัพยากรและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเพื่อให้การช่วยเหลือสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและครอบคลุมทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

นางอทิตาธรยังได้พบปะและพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ โดยให้กำลังใจและให้ความมั่นใจว่าทาง อบจ.เชียงราย จะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ เธอยังได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครทุกคนที่ได้เข้ามาช่วยเหลือและทำงานอย่างไม่หยุดยั้งตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ อบจ.เชียงรายยังได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อจัดหาเครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการฟื้นฟูและซ่อมแซมพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย เช่น การจัดหาวัสดุก่อสร้างสำหรับซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย และการตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ยังได้สั่งการให้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการป้องกันและการเตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถลดผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การดำเนินงานในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ อบจ.เชียงราย ในการให้ความช่วยเหลือและดูแลประชาชนในยามวิกฤต ทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นและชุมชนในการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่ให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ทักษะวิชาการนครเชียงรายครั้งที่ 13 มหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่นระดับประเทศ

 

เมื่อวันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมนครเชียงราย ได้มีการจัดพิธีเปิดและเสวนาทางวิชาการในงานแข่งขันทักษะวิชาการและงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่นระดับประเทศ “Smart & Good Happiness นครเชียงราย นครแห่งการศึกษา” ครั้งที่ 13 ประจำปี 2567 โดยได้รับเกียรติจากนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยนายสุรพล เจริญภูมิ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย เข้าร่วมงานอย่างอบอุ่น

งานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่นในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-5 กันยายน 2567 โดยมีเป้าหมายหลักในการเสริมสร้างความรู้และทักษะวิชาการของเยาวชนในท้องถิ่นทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด “Smart & Good Happiness นครเชียงราย นครแห่งการศึกษา” ที่เน้นการเรียนรู้ที่มีคุณภาพและการพัฒนาเยาวชนให้เป็นคนดีและมีความสุข

การแข่งขันทักษะวิชาการครั้งนี้มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจากทั่วประเทศเข้าร่วมเป็นตัวแทนระดับภาค จำนวนทั้งสิ้น 242 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากภาคใต้ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และกรุงเทพมหานคร รวมรายการแข่งขันทั้งสิ้น 142 รายการ โดยมีโรงเรียนเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 543 แห่ง และใช้สนามแข่งขันจำนวน 10 แห่งในพื้นที่นครเชียงราย

นอกจากนี้ กิจกรรมในงานยังมีการเสวนาทางวิชาการจำนวน 2 วัน ซึ่งเน้นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อพัฒนาการศึกษาท้องถิ่นให้มีคุณภาพและสอดคล้องกับความต้องการของสังคมในปัจจุบัน

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของงานคือการแสดงนิทรรศการทางวิชาการจากตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละภาค ซึ่งได้นำเสนอแนวคิดและผลงานที่น่าสนใจในด้านการศึกษา เพื่อเป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจในการพัฒนาการศึกษาในระดับท้องถิ่น

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวในพิธีเปิดงานว่า “ขอให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนได้นำความรู้และแสดงความสามารถอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดบนพื้นฐานของการแข่งขันที่มีน้ำใจ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และกล้าแสดงออกในทางสร้างสรรค์ ขอให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกันให้การจัดงานในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุตามจุดประสงค์ของการจัดงาน ให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และความสมานฉันท์ทุกฝ่าย เพื่อสร้างมาตรฐานที่ดี มีคุณภาพ และความเป็นหนึ่งใจเดียวกันขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น”

การจัดงานแข่งขันทักษะวิชาการและงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่นระดับประเทศครั้งนี้ นับเป็นโอกาสสำคัญที่เยาวชนและครูจากทั่วประเทศได้มีโอกาสแสดงศักยภาพและพัฒนาความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ รวมถึงเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างคุณภาพการศึกษาในระดับท้องถิ่นให้ก้าวหน้าต่อไปในอนาคต

งานนี้ยังเป็นการตอกย้ำบทบาทของนครเชียงรายในฐานะเมืองแห่งการศึกษาและการพัฒนาท้องถิ่น ที่มีการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้การศึกษาท้องถิ่นของประเทศไทยก้าวไกลและมีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI

ธนาคารจุลินทรีย์ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและสิ่งแวดล้อม บ้านหนองครก

 

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567 ณ วัดหนองครก อำเภอแม่จัน ตำบลจันจว้า จังหวัดเชียงราย นางทรงศรี คมขำ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้เป็นประธานเปิดโครงการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่บ้านหนองครก โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการพัฒนาชุมชนในด้านเศรษฐกิจชีวภาพ โดยเน้นการสร้างธุรกิจชุมชน การสร้างอาชีพ และการส่งเสริมรายได้ให้แก่ชาวบ้าน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาสิ่งแวดล้อมที่ดีและยั่งยืนในระยะยาว

ในงานนี้มีผู้เข้าร่วมงานหลากหลายภาคส่วน รวมถึงนายทนงศักดิ์ ทองแสน นายกเทศมนตรีตำบลจันจว้า พ.ต.ต. ศักดิ์ชาย รีอินทร์ สารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.แม่จัน อาจารย์กาญจนา เดชอินทร์ จากโรงเรียนแม่จันวิทยาคม และอาจารย์ณรงฤทธิ์ ทุนกาศ จากโรงเรียนจันจว้าวิทยาคม รวมทั้งผู้นำชุมชน ประชาชน นักเรียน และครู จากหลากหลายสถานศึกษาในพื้นที่ โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 200 คน แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและความสนใจของชุมชนในโครงการครั้งนี้

โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของชุมชนบ้านหนองครกกับนักวิชาการจิตอาสาแทนคุณแผ่นดิน มูลนิธิเกษตรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เครือข่ายสื่อมวลชนจังหวัดเชียงราย และกลุ่มบริษัทกัลฟ์ โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานราชการอื่น ๆ ในพื้นที่ การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักในการพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชนด้านเศรษฐกิจชีวภาพ ซึ่งเป็นการผสมผสานการเกษตรธรรมชาติเข้ากับการพัฒนาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดธุรกิจชุมชนที่เข้มแข็ง มีอาชีพที่ยั่งยืน และสร้างรายได้ให้กับชุมชน

นอกจากนี้ โครงการยังเน้นให้ความรู้และการอบรมในเรื่องของการใช้จุลินทรีย์ในการเกษตรและการจัดการสิ่งแวดล้อม โดยการสร้างธนาคารจุลินทรีย์ชุมชนเพื่อใช้ในพื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้าน ซึ่งเป็นการลดการใช้สารเคมีและส่งเสริมการเกษตรอินทรีย์ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนการผลิตแล้ว ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน นำไปสู่การพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืน

นางทรงศรี คมขำ รองนายก อบจ.เชียงราย กล่าวในพิธีเปิดว่า “การพัฒนาชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เพียงการเพิ่มรายได้ แต่ยังต้องคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมและการสร้างความรู้ที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน โครงการนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการนำแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพมาผสานกับการพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน เพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์นี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการพัฒนาชุมชนบ้านหนองครก และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับชุมชนอื่นๆ ที่ต้องการนำแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาใช้ในการพัฒนาพื้นที่ของตนเอง ต่อไปในอนาคต อบจ.เชียงรายจะเดินหน้าสนับสนุนโครงการลักษณะนี้ต่อไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนในพื้นที่และเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของจังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI

ปลุกพลังเยาวชนเชียงราย จัด”มหกรรมเยาวชนอำเภอแม่ฟ้าหลวง”

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2567 เวลา 10.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้เดินทางไปยังหอประชุมสนามกีฬากลางบ้านเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เพื่อพบปะเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงราย “Create Youth Empowerment of Mae Fah Luang” โดยมีนายฐิติวัชร ไลศิริพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.เชียงราย และคณะกรรมการศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย ร่วมในพิธีเปิดโครงการครั้งนี้

ในการนี้ นางอทิตาธรได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากนายปิยะเดช เชิงพิทักษ์กุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองใน นางสาวชลธิชา มาเยอะ ประธานเยาวชนอาสาพัฒนาเชียงราย อำเภอแม่ฟ้าหลวง และสมาชิกเครือข่ายเยาวชนอาสาพัฒนาเชียงราย รวมถึงเยาวชนในพื้นที่ที่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วยความตั้งใจและความกระตือรือร้น

โครงการ “Create Youth Empowerment of Mae Fah Luang” จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมศักยภาพและความสามารถของเด็กและเยาวชนในจังหวัดเชียงราย โดยเน้นการสร้างสรรค์และการแสดงออกในรูปแบบที่หลากหลายและเป็นประโยชน์ ในงานมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจหลากหลาย อาทิ การประกวดเดินแบบชุดชาติพันธุ์ และการแข่งขันเต้น Cover Dance ซึ่งได้รับความสนใจจากเยาวชนในพื้นที่อย่างล้นหลาม โดยในการประกวดเดินแบบชุดชาติพันธุ์นั้น ได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ นางสาววันเพ็ญ จางวัน นางสาวรัชนี สุธิประภา และนายนนทพัทธ์ พงศ์พีเมียร์ เป็นผู้ตัดสินการแข่งขัน

โครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการที่สำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.เชียงราย ได้ริเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เพื่อเปิดพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนได้มีโอกาสแสดงออกซึ่งศักยภาพและความสามารถอย่างสร้างสรรค์ โดยเน้นการให้ความรู้ในเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่สามารถนำไปใช้ในการดำรงชีวิตและพัฒนาตนเองในอนาคตได้

นอกจากนั้น โครงการดังกล่าวยังเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนนโยบาย “เชียงรายเมืองสร้างสรรค์” ซึ่งเป็นนโยบายที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์และพัฒนาเมืองเชียงรายให้เป็นเมืองที่มีความเจริญก้าวหน้าและยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการออกแบบ ซึ่งเชียงรายได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบของ UNESCO และยังเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลองการจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ หรือ NEW TCDC จังหวัดเชียงราย ที่เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาและส่งเสริมการออกแบบในพื้นที่นี้

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ได้กล่าวในโอกาสนี้ว่า “การที่เราเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้แสดงออกในทางสร้างสรรค์ เป็นการเตรียมพร้อมให้พวกเขาได้เป็นผู้นำที่ดีในอนาคต และการที่เชียงรายได้รับการยอมรับเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบจาก UNESCO ถือเป็นก้าวสำคัญที่เราทุกคนควรภาคภูมิใจ”

การจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการพัฒนาเยาวชนของจังหวัดเชียงรายให้มีทักษะและความสามารถที่จำเป็นต่อการเผชิญหน้ากับความท้าทายของโลกในอนาคต และยังเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาและการสร้างสรรค์ในทุกมิติของชีวิต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ไทย ลาว เมียนมา รับมือปัญหา หมอกควันข้ามแดน พรบ.อากาศสะอาด

 

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 67 ที่โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท นายวีรวิชญ์ เธียรชัยนันท์ ผู้อำนวยการโครงการแม่น้ำโขงเพื่ออนาคต องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงวิชาการปฏิบัติการ เรื่องหมอกควันข้ามแดนกับ พรบ.อากาศสะอาด  โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการแม่โขงเพื่ออนาคต (Mekong for the Future) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง USAID และ WWF ซึ่งมีคณาจารย์ นักศึกษา จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเชียงราย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย น้องๆ จากโรงเรียนเทศบาลเวียงคำพาง อำเภอแม่สาย  ผู้แทนจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเมียนมา เข้าร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เชื่อมความสัมพันธ์ ในการจัดการปัญหาหมอกควันข้ามแดน

          นายวีรวิชญ์ เธียรชัยนันท์ ผู้อำนวยการโครงการแม่น้ำโขงเพื่ออนาคต องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล กล่าวว่า ในการพบปะกันครั้งนี้ เพื่อให้ความรู้ที่สำคัญเกี่ยวกับปัญหามลพิษหมอกควันไฟป่าที่มีปัญหามาอย่างยาวนาน ซึ่งภาคเหนือในช่วงเดือน ธันวาคมไปจนถึงเดือนเมษายนเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาเยือนจังหวัดเชียงราย แต่ด้วยในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงที่ชาวเกษตรกรเก็บเกี่ยวพืชผล รวมถึงเตรียมหน้าดินในการปลูกพืช จึงทำให้ในช่วงเดือนมีนาคมมีการเผามากที่สุด ทำให้ส่งผลกระทบด้านสุขภาพกับผู้มาเยือน ประชาชนในพื้นที่ และประเทศเพื่อนบ้าน  ซึ่งปัญหาดังกล่าวไม่สามารถที่จะแก้ไขเพียงประเทศใดประเทศหนึ่ง ทั้งสามประเทศต้องร่วมมือกัน เพื่อรักษาสมดุลย์ของทรัพยากร ทางเลือกใหม่ที่ช่วยลดการเผา

          สำหรับการประชุมฯ ครั้งนี้  ผู้เข้าปร่วมประชุมจะได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้ เรื่องปัญหาหมอกควันของแต่ละพื้นที่ รวมถึงมีวิทยากรมาให้ความรู้ในการจัดการปัญหาหมอกควันข้ามแดน โดย ดร.นพ.วิรุฬ ลิ้มสวาท กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด บรรยาย เรื่อง พรบ.อากาศสะอาด กับการจัดการปัญหาหมอกควันข้ามแดน  ผศ.ดร.นิอร สิริมงคลเลิศกุล บรรยาย “ความสัมพันธ์ Hotspot กับ Land used ในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงไทย-สปป.ลาว-เมียนมาร์”   ตลอดจนกิจกรรมการทำ Work Shop ร่วมกัน ซึ่งจะถูกนำไปเสนอต่อ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาสู่การผนวกเข้ากับ Clean Air act ต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

แก้ประกาศปล่อยสินเชื่อรวมรายได้ ซื้อรถยนต์ได้ คาดปลายปีแล้วเสร็จ

 

เมื่อวันที่ 2 กันยายน นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภายในเดือนธันวาคม 2567 ธปท.จะมีการแก้ประกาศผ่อนคลายเกณฑ์การปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending) ในส่วนของสินเชื่อรถยนต์ ในเรื่องของ “การขอกู้ร่วม” ภายหลังจากมีการเปิดรับฟังความคิดเห็น (Hearing) ร่วมกับสมาคมธุรกิจเช่าซื้อ ผู้ประกอบธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ และเจ้าหนี้เช่าซื้อ

“ตอนนี้เราส่งเฮียริ่งเจ้าหนี้ ประกาศตามกฎหมายยังไม่ออก แต่เช่าซื้อภายใต้แบงก์ชาติมีแค่เช่าซื้ออันเดอร์แบงก์ที่มีตัวเลขรายงาน ธปท.มีประมาณ 65% ของตัวเลขทั้งหมด ระหว่างนี้เราแจ้งแบงก์ว่า หากจะทำก่อนก็ได้ และเราจะแก้ประกาศตาม เพื่ออยากให้เร็ว แต่เรื่องปัญหาเช่าซื้อที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อจะมาจากปัญหากู้ร่วมน้อยมาก แต่ส่วนใหญ่มาจากปัญหาราคารถมือสองมันเยอะ จึงกระทบกับตลาดรถยนต์โดยรวมทั้งมือหนึ่งและมือสอง ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แบงก์ก็เพิ่ม Underwriting กระทบทั้งฝั่งดีมานด์และซัพพลาย”

นางสาวสุวรรณีกล่าวเพิ่มว่า ภาพรวมสินเชื่อรถยนต์ที่ปรับลดลง ส่วนหนึ่งมาจากลูกค้ายื่นขอสินเชื่อน้อยลง อาจจะเป็นผลมาจากมีรถยนต์ใช้แล้ว หรือรายได้ไม่เพียงพอในการผ่อนชำระ จึงชะลอการขอสินเชื่อ

ขณะเดียวกัน ธนาคารหรือผู้ประกอบเช่าซื้ออาจจะมีการปรับเพิ่มเครดิตรับความเสี่ยงลูกค้ามากขึ้น (Cut of Score) เนื่องจากโดยธรรมชาติการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ผู้ประกอบการจะเจอกับ Loss on Sale อยู่ที่ประมาณ 20% เพราะเมื่อรถซื้อไปใช้ไปและเวลาขายขาดทุน ซึ่งในภาวะปกติค่าความเสียที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Loss : EL) ของผู้ประกอบการจะอยู่ที่ 6%

อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่าตลาดรถใช้แล้ว หรือรถมือสองตกลงมาค่อนข้างมาก 50% ทำให้ Loss on Sale จาก 20% เพิ่มเป็น 50% ส่งผลให้ผู้ประกอบการรับความเสี่ยงได้น้อยลง จึงเป็นที่มาธนาคารคัดกรองคุณสมบัติของลูกค้าเข้มขึ้น โดยที่เกณฑ์ของ ธปท.ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปล่อยสินเชื่อ แต่เกิดจากสภาวะของตลาดรถยนต์เอง และปัจจัยต่อมาคือ จากภาวะเศรษฐกิจลูกหนี้มีคุณสมบัติที่ตึงเอง จึงยื่นการขอสินเชื่อน้อยลง ซึ่งเป็นเรื่องของดีมานด์และซัพพลาย

อย่างไรก็ตาม เมื่อรถมือสองมีปัญหาราคาตก ก็ส่งผลต่อตลาดรถมือหนึ่ง หากดูตลาดเช่าซื้อ เมื่อซื้อรถมาและไม่สามารถผ่อนได้ และเกิดการขายดาวน์ เช่น ผ่อนมา 30 งวด เหลืออีก 30 งวดผ่อนไม่ไหว จึงไปหาคนซื้อดาวน์ เช่น ผ่อนไปแล้ว 5 แสนบาท เหลือผ่อนอีก 3 แสนบาท จากราคาเต็ม 8 แสนบาท แต่ปรากฏว่าราคาในตลาดเหลือแค่ 3 แสนบาท และไปซื้อเต็นท์รถเหลือแค่ 2 แสนบาท จึงไม่มีใครมาซื้อดาวน์ต่อ ทำให้ตลาดรถยนต์ออกมาดูค่อนข้างแย่

“กลุ่มที่เราห่วงคือ กลุ่มเปราะบางรายได้น้อย ซึ่งในตอนต้นการขอกู้ภรรยาเป็นคนขอกู้ แต่รายได้ภรรยาไม่เพียงพอ จึงนำสามีมาค้ำประกัน ซึ่งโดยปกติก่อนหน้านี้นำรายได้มารวมกัน หากเป็นกรณีอยู่ในครอบครัวเดียวกันก็ไม่เป็นไร สิ่งที่ไม่อยากเห็น สมมติ เช่น คนกู้และคนค้ำอาจจะขายของแผงติดกัน ซึ่งอาจจะช่วยโดยไม่รู้ว่าคนกู้ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ ซึ่งเป็นเหมือนทำร้ายคนค้ำประกัน ดังนั้น กำหนดให้ธนาคารว่าเวลาปล่อยกู้และพิจารณารายได้รวม ให้พิจารณาว่ามีรายได้พอกินพอใช้หรือไม่ เพื่อคุ้มครองผู้ค้ำประกัน จริง ๆ เป็นผู้ค้ำประกัน แต่ในชีวิตจริงเป็นผู้กู้ร่วม”

“เราจะทบทวน หากเป็นการค้ำประกันในครอบครัวเดียวกัน เช่น แม่ค้ำให้ลูก สามีค้ำให้ภรรยา จะยอมให้นับรายได้ของผู้ค้ำมารวมด้วย จากเดิมเกณฑ์จะกำหนดให้ใช้รายได้ของผู้กู้เป็นหลัก เราจะผ่อนเกณฑ์ให้นับรายได้ของผู้ค้ำประกันที่เป็นคนในครอบครัวด้วย เพื่อช่วยคลายปัญหาธุรกิจเช่าซื้อได้บางส่วน”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

“Fashion on the Road 2nd Chiang Rai” สืบสานวัฒนธรรมล้านนา

 

เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2567 บริษัท วัฒนกูล กรุ๊ป จำกัด ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดย ภูมิภาคภาคเหนือ และจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชนในจังหวัดเชียงราย จัดกิจกรรม “Fashion on the Road 2nd Chiang Rai Designer’s Competition” ในรูปแบบงานออกแบบผ้าพื้นเมือง ผ้าจากแต่ละภูมิภาค ผสมผสานผ้าชาติพันธุ์ของเชียงราย ภายใต้แนวคิด “แฟชั่นผ้าล้านนาสู่แฟชั่นระดับโลก” เชียงราย โลดแล่นบนเวทีแฟชั่นโชว์แคทวอล์กเหนือสุดของประเทศไทย นำเสนอ 100 ชุดผ้าไทยล้านนา จาก 168 ดีไซน์เนอร์ทั่วประเทศ ร่วมดันจุดขาย F-Fashion เพื่อพัฒนาส่งเสริมผ้าไทย แฟชั่น และสิ่งทอของประเทศ และยกระดับผ้าแฟชั่นของเชียงรายสู่ระดับสากล ตลอดจนสร้างและพัฒนานักออกแบบของจังหวัดเชียงรายและขยายไปยังจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศ 

ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าของแต่ละภูมิภาคของไทย รวมถึงเปิดช่องทางการขาย ขยายตลาดไปสู่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยมี นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเป็นประธานในพิธีเปิดฯ และนายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเชียงราย พร้อมหน่วยงานพันธมิตรทุกภาคส่วนให้เกียรติร่วมงาน ณ หน้าด่านพรมแดนไทย – เมียนมา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

กิจกรรมไฮไลต์ในงาน ได้แก่ Fashion on the Road 2nd At Mae Sai ครั้งที่สองของงานแสดงแฟชั่นโชว์ผ้าไทยของภูมิภาคภาคเหนือกว่า 100 ชุด ในวันที่ 1 กันยายน 2567 เวลา 16.00 น. นำโดยนางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยให้เกียรติร่วมเดินแบบ พร้อมเหล่านายแบบและนางแบบ การร่วมเฟ้นหาสุดยอดนักออกแบบแฟชั่นดีไซน์รุ่นใหม่จากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศที่มีความสนใจแฟชั่น งานออกแบบผ้าพื้นเมือง ภายใต้แนวคิด “แฟชั่นผ้าล้านนาสู่แฟชั่นระดับโลก” ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 400,000 บาท การจัดงานกิจกรรมประกอบด้วย การแสดงแฟชั่นโชว์ชุดจากการออกแบบของผู้สมัครเข้าร่วมแข่งขันที่ผ่านการคัดเลือกจะถูกนำมาแสดงแฟชั่นโชว์กว่า 100 ชุด 

จากดีไซน์เนอร์ทั่วประเทศที่ออกแบบตัดเย็บชุดจากผ้าไทยของแต่ละภูมิภาค ผสมผสานผ้าชาติพันธุ์จังหวัดเชียงรายเป็นการต่อยอด F-Fashion โดยมีร้านค้าที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์งานผ้า Art & Craft อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมยกทับร้านอาหารดังของเมืองเชียงรายรวมกว่า 100 ร้าน ให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัส และยังชวนร่วมสนุกกับกิจกรรม Check in @ Chiang Rai เพียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย ผ่านช่องทางออนไลน์ ด้วยการร่วมกิจกรรมสแกน QR Code พร้อม Check in at Chiang Rai บนสื่อโซเซียลเพื่อรับสิทธิพิเศษส่วนลดจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้อีกด้วย

ทั้งนี้ บริษัท วัฒนกูล กร๊ป จำกัด จังหวัดเชียงราย และ ททท.โดยภูมิภาคภาคเหนือ รวมถึงหน่วยงานพันธมิตรทุกภาคส่วน เชื่อมั่นว่า กิจกรรม “Fashion on the Road 2nd” Chiang Rai Designer’s Competition จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านผ้า แฟชั่น และด้านการท่องเที่ยวที่ดีของภาคเหนือแก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ รวมทั้งสะท้อนศักยภาพของหน่วยงานภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐและเอกชนในการสนับสนุนและเสนอขายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวในพื้นที่ นำสู่การหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจฐานรากอย่างทั่วถึง ตลอดจนผลักดันภาพรวมตลาดในประเทศ ประจำปี 2567 เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Chiang Rai Fashion To The World

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

จัดแข่งขันเดิน-วิ่ง “ผาหมีเทรล 2024” เส้นทางช่วยชีวิต 13 หมูป่า

 

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2567 จังหวัดเชียงราย นำโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมกับ เทศบาลตำบลเวียงพางคำ และองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) จัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว เดิน-วิ่ง “ผาหมีเทรล” 2024 ภายใต้ความร่วมมือการจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการประชาชนจังหวัดเชียงราย โดยได้รับเกียรติจากนายอำเภอแม่สาย นายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน ได้รับความสนใจจากนักวิ่งจากทั่วประเทศหลายร้อยคน

การจัดการแข่งขันกำหนดให้มีเส้นทางการเดิน-วิ่งระยะทางรวม 12 กิโลเมตร แบ่งการแข่งขันจำนวน 7 รายการ ประกอบด้วย รุ่นอายุ 15-29 ปี ชาย-หญิง, รุ่นอายุ 30-49 ปี ชาย-หญิง, รุ่นอายุ 50 ปีขึ้นไป ชาย-หญิง และรายการนักวิ่งแต่งกายแฟนซีที่มาช่วยสร้างสีสันการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย โดยเริ่มต้นวิ่งจากบริเวณหมู่บ้านผาหมี ชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและวัฒนธรรม โดยนักวิ่งทุกคนจะได้ผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยความท้าทาย เนินเขาที่สูงชัน ป่าเขียวขจี และลำธารใสสะอาด ให้นักวิ่งได้สัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติและวิวทิวทัศน์ที่สวยงามรอบข้าง

โครงการฯ ดังกล่าวเป็นการร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มท่องเที่ยวพี่น้องชุมชนบ้านผาหมี ชมรมนักวิ่ง และยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ห้างร้านเอกชน บูรณาการจัดการแข่งขันเดิน-วิ่งผาหมีเทรล จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกและการรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้สัมผัสประสบการณ์การเดิน-วิ่งในธรรมชาติอย่างปลอดภัยและมีความสุข ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในช่วง Green Season และยังสร้างความตระหนักในเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

สำหรับพื้นที่บ้านผาหมี เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยังคงอุดมสมบูรณ์และสวยงามตามธรรมชาติ อาทิ ดอยผาหมี วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาเยือนจำนวนไม่น้อย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความโดดเด่นทางธรณีวิทยาของบ้านผาหมี ที่เป็นหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวอุทยานธรณีเชียงราย (Chiang Rai Geopark) มีเรื่องราวเชื่อมโยงกับภารกิจการกู้ภัยระดับโลก “ถ้ำหลวง” ช่วยชีวิต 13 นักเตะทีมหมูป่าที่เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2561 ที่ผ่านมา จากการร่วมแรงร่วมใจของพี่น้องบ้านผาหมี ร่วมสำรวจพื้นที่รอบวนอุทยานจนพบบริเวณห้วยน้ำดั้น สามารถช่วยชะลอการไหลของน้ำที่จะท่วมเข้าไปยังภายในถ้ำหลวงจนสามารถช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิตได้สำเร็จ

งานนี้ไม่เพียงเป็นโอกาสให้คนรักการเดิน-วิ่งเทรลได้มาประลองฝีมือกันเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่เป็นมิตรกับธรรมชาติและส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนที่บ้านผาหมีแห่งนี้อีกด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News