Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“พิเชษฐ์” นำทีมดูศูนย์การบริหารจัดการขยะ ”ทต.แม่สาย อ.แม่สาย

 
เมื่อวันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00 น. นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 นำคณะศึกษาดูงาน การบริหารจัดการเศษขยะ ณ ห้องประชุม ทต.แม่สาย และลงพื้นที่ ศูนย์บริหารจัดการขยะของ ทต.แม่สาย

 

           โดยมี นายอุดม  ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ ท้องถิ่นอำเภอเชียงของ นายก ทต เวียง นายก ทต เวียงเชียงของ สมาชิกสภาเทศบาล เจ้าหน้าที่  กำนัน ผญบ. ท้องที่ตำบลเวียง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

 

           การแก้ไขปัญหาขยะในพื้นที่ มีความจำเป็นที่ต้องมีบ่อกำจัดขยะที่เป็นไปตามหลักวิชาการ และได้มาตรฐาน โดยศึกษารูปแบบและแนวทางการบริหารจัดการเศษขยะ จาก ทต แม่สาย  

 

           โดยมี นายก ทต.แม่สาย เป็นผู้บรรยายให้ความรู้และแนวทางการดำเนินงาน จากนั้นนำคณะลงพื้นที่ศึกษาดูงาน ณ บ่อขยะ ของทต.แม่สาย เพื่อดูกลไกการบริหารกำจัดเศษขยะที่นำมาจากต้นทาง สู่ปลายทาง จนถึงการแปรรูปเศษขยะให้กลายเป็นปุ๋ยหมัก  

 

            การศึกษาดูงานดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อนำรูปแบบของ ทต.แม่สาย มาปรับใช้ในอำเภอเชียงของ เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของชุมชน สังคม สถานีรถไฟ การขยายตัวการค้าการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย พื้นที่เชียงของ ที่จะเกิดขึ้นในอนาต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลนครเชียงราย ขับเคลื่อนขบวนการร่วมสร้างเชียงรายนครแห่งความสุข

 

เมื่อวันอังคารที่ 28 พฤษภาคม 2567 ความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเชียงรายให้เป็นเมืองน่าอยู่..นครแห่งความสุข…ต้องสร้างความยั่งยืนให้สอดคล้องกันทั้ง 3 มิติ มิติทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครเชียงรายโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย แสดงปาฐกถาพิเศษ “การขับเคลื่อนขบวนการร่วมสร้างเชียงรายนครแห่งความสุข” วางหมุดหมายให้ เชียงรายเป็นนครแห่งความสุข มี นโยบายสร้างเมืองเชียงรายให้เป็นเมืองแห่งความสุข เป็นการพัฒนาที่มองผ่านมิติกาลเวลา อดีต ปัจจุบัน และอนาคต เราจึงต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าเราอยากเห็นเชียงรายพัฒนาไปในทิศ ซึ่งการวางเป้าหมายต้องกำหนด ยุทธศาสตร์ท้องถิ่นเป็นทิศทางการพัฒนา โดยให้ตอบโจทย์กับยุทธศาสตร์ของจังหวัด และยุทธศาสตร์ของชาติไปพร้อมกันการขับเคลื่อนจึงจะประสบความสำเร็จ

 

ทั้งนี้ “โครงการจัดเวทีร่วมสร้างบ้านเมืองของเราให้เป็นนครแห่งความสุข” ร่วมกับสำนัก 3 สสส. และภาคเครือข่าย โดยคุณดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารแผน คณะที่ 3 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.) ร่วมมือกับหุ้นส่วนการพัฒนา กล่าวว่า ถือเป็นจุดแข็งของเทศบาลนครเชียงราย และได้ประโยชน์ร่วมกันขณะที่การทำงานร่วมกับชุมชนสามารถตอบโจทย์ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจต่อชุมชนโดยแนวทางการพัฒนาที่เชื่อมไปกับการ การส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนสร้างรายได้รายได้ให้กับคนในชุมชน จากบริการสาธารณะที่ดี มีระบบจัดเก็บขยะที่ดี มีแอพพลิเคชั่นที่ใช้งาน บริการสาธารณสุขที่เข้าถึงและเข้ากลุ่มทุกทุกกลุ่ม รวมทั้งอาหารปลอดภัยที่เชื่อมั่นได้ทัังผู้บริโภคและผู้จำหน่าย ซึ่งจะนำไปสู่การผลักดันในระดับในนโยบายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในเขตเมืองให้มีสุขภาพที่ดีโดยถ้วนหน้ากัน
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
All

เลือก สว. 67 : ไขข้อสงสัยประชาชนมีส่วนสำคัญอย่างไรในการเลือก ‘สว.’ 

 

เชื่อว่าเป็นที่สงสัยของใครหลายๆคน ว่าประชาชนจะสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ในส่วนไหนในการเลือก สว. เพราะความจริงแล้ว สว. ทั้ง 200 คนนี้ต่างก็เป็นตัวแทนจากประชาชนแต่ละภาคส่วน


แม้ว่าในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งวุฒิสภา พ.ศ. 2561 (พ.ร.ป.สว. ฯ) ที่กำหนดจำนวน สว. 200 คน ให้มาจากการ ‘เลือกกันเอง’ ของบุคคล ซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ อาชีพ ลักษณะหรือประโยชน์ร่วมกัน หรือทำงานหรือเคยทำงานด้านต่างๆ ที่หลากหลายของสังคม


แต่ประชาชนเองก็มีสิทธิที่จะรับรู้ว่าผู้สมัคร สว. ในครั้งนี้เป็นใคร มาจากไหน ซึ่งประเด็นนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (สำนักงาน กกต.) ได้ตระหนักถึง การรับรู้ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือก สว. จึงได้จัดทำช่องทางอำนวยความสะดวกด้านข้อมูลข่าวสารการเลือก สว. รวมไปถึงช่องทางให้ประชาชนร่วมกันสอดส่องการเลือก สว. ให้เป็นไปอย่างสุจริต


รู้จักผู้สมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภา


เมื่อผู้ที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตรงตามที่กฎหมายกำหนดทำการสมัครเข้าสู่กระบวนการเลือก สว. แล้วจะสามารถแนะนำตัวระหว่างผู้สมัครด้วยกันเองเพื่อให้ผู้สมัครรายอื่น ๆ ได้ทราบถึงประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา และประสบการณ์ในการทำงานที่ผ่านมา


เพื่อประโยชน์ในการแนะนำผู้สมัครให้เกิดความเท่าเทียมกัน และไม่มีการเลือกปฏิบัติหรืออำนวยความสะดวกให้เฉพาะผู้สมัครบางราย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดเตรียมช่องทางในการติดตามผู้สมัคร สว. ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงและร่วมกันตรวจสอบได้ ไว้ดังนี้


  • ปิดประกาศรายชื่อแยกเป็นรายกลุ่มไว้ ณ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด, ศาลากลางจังหวัด, ที่ว่าการอำเภอ และสถานที่เลือก
  • จัดทำข้อมูลเผยแพร่ทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น แอปพลิเคชัน ‘Smart Vote’ และ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th


ในการเผยแพร่ข้อมูลผู้สมัครจะมีข้อมูลประกอบด้วย 

  • หมายเลขประจำตัวผู้สมัคร 
  • ชื่อตัวและชื่อสกุลผู้สมัคร 
  • อายุ 
  • อาชีพ 
  • วุฒิการศึกษาสูงสุด
  • กลุ่มที่สมัครรับเลือก 

นอกจากนี้ในการเผยแพร่ข้อมูลผู้สมัครผ่านทางแอปพลิเคชัน Smart Vote และ เว็บไซต์ของสำนักงาน กกต. จะมีแบบข้อมูลแนะนำตัวของผู้สมัคร (แบบ สว.3) เผยแพร่ไว้เพิ่มเติมด้วย 


เป็นหู-เป็นตาในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา


ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการเลือกวุฒิสภา ด้วยการตรวจสอบประวัติพฤติการณ์ ความเป็นกลางทางการเมืองของผู้สมัคร และ แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับ

การกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา 


หากเบาะแสที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน ไต่สวนคดี จะได้รับเงินรางวัลตั้งแต่ 100,000 -1,000,000 บาท ขึ้นอยู่กับความสำคัญของข้อมูล ทั้งนี้ การแจ้งเบาะแสต้องไม่มีเจตนาหรือจงใจกลั่นแกล้ง เพื่อทำให้บุคคลอื่นได้รับความเสื่อมเสีย หรือ เสียหาย รวมทั้งต้องไม่แจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ


การที่ทุกคนร่วมใจกันเป็นหูเป็นตาจะช่วยทำให้การเลือก สว. เป็นไปอย่างสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย โดยเมื่อพบเห็นการทุจริต สามารถแจ้ง กกต. ซึ่งติดต่อได้หลายช่องทาง เช่น แอปพลิเคชัน ‘ตาสับปะรด’ ผู้อำนวยการการเลือก และ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ผู้ตรวจการเลือกตั้ง หรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ


ช่องทางติดตามข่าวสารการเลือกสมาชิกวุฒิสภา


ประชาชนผู้ที่สนใจสามารถสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเลือก สว. ระดับต่างๆ ได้จากช่องทางที่สำนักงาน กกต. จัดเตรียมไว้ ดังนี้


  • www.ect.go.th
  • LINE Official Account : @ect.thailand 
  • แอปพลิเคชัน : Smart Vote 
  • แอปพลิเคชัน : ตาสับปะรด
  • Facebook Fanpage : สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
  • Youtube : ECT Thailand
  • TikTok : ect.thailand
  • สายด่วน 1444

นอกจากนี้ กกต. ได้จัดให้มีการถ่ายทอดภาพการเลือก สว. ผ่านระบบโทรทัศน์วงจรปิดไว้บริเวณด้านหน้าสถานที่เลือกให้ประชาชนได้สังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้ง 3 ระดับ คือ ระดับอำเภอในทุกสถานที่เลือก รวมจำนวน 928 แห่ง ระดับจังหวัดรวมกรุงเทพมหานคร 77 แห่ง และระดับประเทศ 1 แห่ง 


ท้ังนี้หากมีข้อสงสัยในประเด็นการมีส่วนร่วมในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง https://www.ect.go.th/ect_th/th/db_119_ect_th_6/2967 หรือสอบถามได้ที่สายด่วน 1444

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย พบปลากระเบนแม่น้ำโขงหนัก 1.2 กิโล ริมฝั่งแม่น้ำโขง เชียงของ

 

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ทางสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต (LRA) ได้รับแจ้งจากเครือข่ายชาวประมงแม่น้ำโขง จากบ้านดอนที่ หมู่ที่ 3 บ้านดอนที่ ตำบลริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ว่าได้จับปลากระเบนแม่น้ำโขงหรือกระเบนลาว ขนาด 1.2 กิโลกรัม จากการไหลมองหหรือไหลตาข่ายดักปลาในแม่น้ำโขง

 

นายสมศักดิ์ นันทรักษ์ นักวิจัยชาวบ้าน บ้านดอนที่ ตำบลริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ได้เล่าถึงปลากระเบนที่จับได้ว่า“ปลาฝาไมตัวนี้จับได้ที่ลั้งหาปลาบ้านดอนที่ เช้านี้ ตัวประมาณ 1.2 กิโลกรัม โดยการไหลมองหรือตาข่ายที่ไหลดักปลา เป็นปลาตัวเมีย มีเงี่ยงหนึ่งอัน ช่วงนี้ส่วนใหญ่จะจับได้จากการไหลมอง ส่วนเบ็ดระแวงไม่ค่อยได้ใส่เนื่องจากไกกำลังหลุด มันชอบไปหวันสายเบ็ด”ปลากระเบนลาว หรือ ปลากระเบนแม่น้ำโขง ชาวบ้านเรียกว่าปลาฝาไม มีชื่ออังกฤษเรียกว่า Mekong stingray, Mekongและ freshwater stingray เป็นปลากระเบนน้ำจืดชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ปลากระเบนธง ปลาฝาไมที่ชาวบ้านจับได้มีรูปร่างส่วนหัวออกเป็นรูปทรงห้าเหลี่ยม ตาโต หางมีริ้วหนังบาง ๆ โคนหางมีเงี่ยงแหลมมีพิษ 2 ชิ้น ลำตัวด้านบนสีน้ำตาลนวล กลางหลังมีเกล็ดเป็นตุ่มหยาบ ๆ ลำตัวด้านล่างสีขาว และมีปื้นสีเหลืองอ่อนหรือส้มปน น้ำหนักมากที่สุดชาวบ้านดอนที่เคยจับได้ประมาณเกือบ 30 กิโลกรัม
 
 
ปัจจุบันปลากระเบนเป็นปลาหายาก ที่ยังมีการจับได้เฉพาะพื้นที่ตำบลริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ส่วนพื้นที่อื่นๆมีการจับนานๆ ได้ที การลดลงของปลากระเบน เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในแม่น้ำโขงทั้งจากการสร้างเขื่อน การระเบิดเกาะแก่ง การเดินเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ได้ส่งผลให้ระดับน้ำขึ้นลงผิดปกติ ระบบนิเวศน์น้ำโขงเปลี่ยนรูป ส่งผลทำให้ปลาหลายชนิดลดจำนวนลงทั้งชนิดพันธุ์และปริมาณ จากการจับได้ของชาวประมง ปลาลดลงส่งผลโดยตรงต่อวิถีชีวิตชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโขง
 
 
ชาวประมงบ้านดอนที่ ตำบลริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ได้ร่วมกับทางสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต ร่วมกันศึกษาองค์ความรู้ท้องถิ่นเกี่ยวกับปลากระเบน และเก็บตัวอย่างน้ำ เมือกปลา เพื่อเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรมจากน้ำ (EDNA) ไว้เป็นต้นแบบสำหรับการศึกษาสำรวจแหล่งที่อยู่อาศัยของปลากระเบนในระบบนิเวศน์แม่น้ำโขง และทางสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิตได้ดำเนินโครงการเสริมศักยภาพชุมด้วยองค์ความรู้ท้องถิ่นและวิทยาศาสตร์ในการคุ้มครองถิ่นที่อยู่ปลากระเบนน้ำโขง พื้นที่คอนผีหลงและแม่น้ำโขงจังหวัดเชียงราย 
 
 
เพื่อ ศึกษาองค์ความรู้ปลากระเบน เสริมศักยภาพการตั้งรับปรับตัวของชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขง โดยการสร้างมูลค่าจากปลาในแม่น้ำโขง เพื่อเพาะขยายพันธุ์เพื่อสร้างรายได้ รวมถึงการสร้างความร่วมมือกกับทางผู้เชี่ยวชาญด้านประมงในจังหวัดเชียงรายต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

หวั่นลำไยภาคเหนือราคาตกหลังปีนี้ผลผลิตรวมกว่า 9.7 แสนตัน

 

เมื่อวันจันทร์ ที่  27 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 นายธวัชชัย เดชาเชษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่1เชียงใหม่ (สศท.1) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงการติดตามสถานการณ์ผลิตลำไยของ 8 จังหวัดภาคเหนือ (เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย พะเยา ลำปาง ตาก แพร่ และน่าน) โดย สศก. ร่วมกับคณะทำงานย่อยเพื่อพัฒนาระบบข้อมูลและโลจิสติกภาคเหนือ จัดทำข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจภาคเหนือ ครั้งที่ 2/2567 (ข้อมูล ณ 14 พฤษภาคม 2567) พบว่าปี 2567 ลำไยของ 8 จังหวัดภาคเหนือมีเนื้อที่ยืนต้น จำนวน 1,254,937 ไร่ ลดลงจากปีที่แล้ว ที่มีจำนวน 1,269,344 ไร่ (ลดลง14,407 ไร่ หรือร้อยละ 1.13เนื่องจากเกษตรกรโค่นต้นลำไยที่มีอายุมากและให้ผลผลิตน้อย โดยปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่น เช่น ยางพารา ทุเรียน มะม่วง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

 

 ด้านผลผลิตรวม มีจำนวน 978,974 ตันเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีจำนวน 949,473 ตัน (เพิ่มขึ้น 29,501 ตัน หรือร้อยละ 3) ทั้งนี้ผลผลิตลำไยในฤดู จะออกสู่ตลาดช่วงปลายเดือนมิถุนายน และจะออกต่อเนื่องถึงเดือนกันยายน 2567โดยผลผลิตจะออกมากที่สุดในเดือนสิงหาคม 2567 ประมาณ 366,273 ตัน หรือ ร้อยละ 37 ของผลผลิตทั้งหมด

 

   สถานการณ์การผลิตลำไยของ 8 จังหวัดภาคเหนือ ปี 2567 พบว่าลำไยในฤดู มีจำนวน637,501 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ที่มีจำนวน 606,900 ตัน (เพิ่มขึ้น 30,601 ตัน หรือ ร้อยละ 5)เนื่องจากราคาลำไยในปีที่แล้วอยู่ในเกณฑ์ดี จูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษาต้นลำไยและราดสารโพแทสเซียมคลอเรตเพื่อชักนำการออกดอก แม้ว่าในเดือนมีนาคมและเดือนเมษายน2567สภาพอากาศจะร้อนจัด ส่งผลให้บางพื้นที่ต้นลำไยขาดน้ำและสลัดลูกทิ้งบางส่วน

 

แต่เนื่องจากการออกดอกและติดผลมีมากกว่าปีที่แล้วทำให้ภาพรวมผลผลิตยังคงเพิ่มขึ้นและลำไยนอกฤดู มีจำนวน 341,473 ตัน ลดลงจากปีที่แล้วที่มีจำนวน 342,573 ตัน (ลดลง 1,100 ตัน หรือร้อยละ 0.32) ลดลงเล็กน้อย เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้งและร้อนจัดทำให้ต้นลำไยในบางพื้นที่ไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถราดสารโพแทสเซียมคลอเรตเพื่อชักนำการออกดอกได้

 

ด้านสถานการณ์ราคาลำไยของ 8 จังหวัดภาคเหนือ ณ เดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงที่ลำไยนอกฤดู ออกสู่ตลาด (ลำไยนอกฤดูออกตลาด ม.ค. – พ.ค. และ ต.ค. – ธ.ค.)แบ่งตามเกรด ได้แก่ลำไยสดช่อ เกรดAAกิโลกรัมละ 25 บาทส่วนลำไยรูดร่วง เกรดAAกิโลกรัมละ 22 บาท,เกรดAกิโลกรัมละ 15 บาท,เกรดBกิโลกรัมละ 10 บาท และเกรดCกิโลกรัมละ 3 บาทด้านลำไยในฤดู เกษตรกรเริ่มเกี่ยวเก็บตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 คาดว่าราคาที่เกษตรกรขายได้จะอยู่ ในเกณฑ์ดี จากการที่เกษตรกรเอาใจใส่ดูแลทำให้ลำไยมีคุณภาพดียิ่งขึ้นสำหรับสถานการณ์ตลาดลำไยภาคเหนือ ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ จีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าตลาดจีนจะเปิดการซื้อขายแล้วแต่ยังมีมาตรการตรวจคัดกรองที่เข้มงวด ทั้งการตรวจโรคแมลงศัตรูพืช ณ ด่านนำเข้าเพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว

 

สำหรับแนวทางการบริหารจัดการลำไยในฤดูของภาคเหนือ ซึ่งคณะทำงานได้ร่วมกันวางแนวทางการบริหารสมดุลDemand-Supplyโดยมีการรวบรวมข้อมูลจากผู้ประกอบการ สำหรับความต้องการผลผลิตส่วนใหญ่จะเน้นการแปรรูปเป็นลำไยอบแห้งทั้งเปลือก อบแห้งเนื้อสีทอง น้ำลำไยสกัดเข้มข้น และลำไยกระป๋อง จำนวน 480,725 ตัน บริโภคสดในประเทศจำนวน 60,724 ตัน และส่งออกลำไยสด จำนวน 96,053 ตัน

 

 อย่างไรก็ตาม เดือนสิงหาคมเป็นช่วงที่ผลผลิตออกกระจุกตัวอาจส่งผลกระทบต่อราคาลำไย ซึ่งหน่วยงานภาครัฐทั้งที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การตลาด ได้เตรียมแผนบริหารจัดการสินค้าและเชื่อมโยงกับตลาดภายนอกจังหวัด เพื่อบริหารจัดการในช่วงที่ผลผลิตออกกระจุกตัวในช่วงเดือนสิงหาคมนี้เรียบร้อยแล้ว อาทิ การจำหน่ายลำไยเพื่อบริโภคสดในประเทศ โดยมุ่งเน้นกระจายออกนอกแหล่งผลิตผ่านModern Tradeเครือข่ายสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน ธ.ก.ส. ไปรษณีย์ และตลาดออนไลน์

 

 “การผลิตลำไยในปีนี้ยังคงต้องเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากระยะต่อจากนี้เป็นช่วงที่ลำไยเริ่มมีการพัฒนาช่อผล ซึ่งถ้าเกิดภัยแล้งขึ้นช่อผลที่กำลังพัฒนามีการหยุดชะงัก ผลเล็กไม่เจริญเติบโต หรือผลที่เติบโตเต็มที่แล้วจะมีอาการผลแตกในช่อผลได้ เกษตรกรชาวสวนลำไยควรหมั่นสำรวจสวนอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาผลผลิตให้มีคุณภาพ และให้เฝ้าระวังเพลี้ยแป้ง ซึ่งเป็นศัตรูพืชสำคัญในลำไยเพื่อไม่ให้กระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด

 

โอกาสนี้ ขอเชิญชวนผู้บริโภคทุกท่านร่วมสนับสนุนผลผลิตลำไยของเกษตรกร ซึ่งพร้อมออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และเป็นกำลังใจให้พี่น้องเกษตรกรในการผลิตผลไม้ที่มีคุณภาพต่อไป”

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่1เชียงใหม่ (สศท.1) 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

กสทช. ระงับสัญญาณโทรศัพท์ เคลื่อนที่ 141 สถานี ตามตะเข็บชายแดนแล้ว

 

เมื่อวันจันทร์ ที่  27 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช. พร้อมทั้งผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ประชุมเพื่อติดตามการประกอบกิจการโทรคมนาคมบริเวณแนวชายแดน โดยมีข้อสรุปมาตรการแก้ไขปัญหาระงับยับยั้งการกระทำที่อาจก่อให้เกิดการนำสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปใช้ในการกระทำผิด หรือสนับสนุนการกระทำผิดกฎหมาย 3 ข้อ คือ

 

  1. ให้ดำเนินการรื้อถอนสายอากาศกรณีเสาที่มีการติดตั้งสายอากาศหันไปทางประเทศเพื่อนบ้านโดยตรงโดย ส่วนเสาที่มีการติดตั้งห่างจากแนวชายแดนออกมาระยะ 200 เมตรเพื่อให้บริการในไทย แต่หันทิศทางไปประเทศเพื่อนบ้านให้ส่งข้อมูลการจำลองการแพร่สัญญาณ (Simulation) ให้สำนักงาน กสทช. พิจารณาด้วย
  1. ให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกราย ตรวจสอบว่ามีเครื่องทวนสัญญาณ (Repeater) รับสัญญาณจากประเทศไทยไปเพื่อกระจายต่อหรือไม่ ถ้ามี ให้ระงับสัญญาณที่เข้าสู่ Repeater ดังกล่าว
  1. กรณีการให้บริการอินเทอร์เน็ตทางสาย ให้พิจารณาทราฟฟิกที่มีปริมาณมากผิดปกติ และรายงานให้สำนักงาน กสทช. ดำเนินการร่วมกับตำรวจว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมหรือไม่ รวมทั้งให้ผู้บริการทั้งทางสาย และไร้สาย ตรวจสอบ IP ที่ไปปรากฏว่ามีการใช้งานในประเทศเพื่อนบ้านว่ามีการใช้งานผิดวัตถุประสงค์หรือไม่

โดยในวันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคมนี้ จะมีการหารือทางเทคนิคเพื่อกำหนดเกณฑ์ในการพิจารณาเพื่อให้ผู้ประกอบการจัดทำรายงานส่งให้สำนักงาน กสทช. หรือตำรวจต่อไป

 

 

นายไตรรัตน์ เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช. พร้อมทั้งสำนักงาน กสทช. ภาค 1 และเขต 14 ปราจีนบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามการปรับเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่หันหน้าออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้รถตรวจสอบสัญญาณคลื่นความถี่ลงในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พบว่า ขณะนี้เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามแนวชายแดน จ.สระแก้ว ได้หันหน้าเข้าประเทศไทยแล้วเกือบทั้งหมด ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผน และเพื่อไม่ให้ประชาชนในพื้นที่โดยรอบได้รับผลกระทบ สำนักงาน กสทช. จะให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ดำเนินการติดตั้งเสาสัญญาณขนาดเล็กให้ประชาชนสามารถใช้โทรศัพท์ และใช้อินเทอร์เน็ตได้โดยไม่เกิดปัญหา

 

 

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายดำเนินการหันเสาเข้าประเทศอย่างถาวร เพื่อควบคุมความแรงของสัญญาณไม่ให้ล้ำไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังเจอปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ และมิจฉาชีพในรูปแบบต่าง ๆ ที่ผ่านการใช้สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอินเทอร์เน็ต โดยสำนักงาน กสทช. จะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบการดำเนินการหันเสาสัญญาณโทรศัพท์เข้าประเทศ รวมทั้งตรวจจับสัญญาณในทุกพื้นที่อย่างเข้มข้น เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นภัยต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

 

 

“ผมขอความร่วมมือผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายดำเนินการเรื่องนี้อย่างเข้มข้น เสาต้นไหนที่อยู่แนวบริเวณตะเข็บชายแดน ไม่ได้มีบ้านเรือนประชาชนอยู่ ควรรื้อถอนก็ต้องรื้อถอน ส่วนการหันเสาสัญญาณเข้าประเทศขอให้ดำเนินการเป็นการถาวร เรื่องนี้ผมจะไม่ให้ประชาชนที่ใช้ชีวิตปกติได้รับความเดือดร้อน ถ้าต้องติดตั้งเสาสัญญาณขนาดเล็กให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตประจำวัน ใช้โทรศัพท์ ใช้อินเทอร์เน็ตได้ตามปกติ ก็ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการดูแลประชาชนกลุ่มนี้ด้วย” นายไตรรัตน์ กล่าว

 

 

ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. ได้ออกมาตรการระงับสัญญาณโทรคมนาคมบริเวณชายแดนโดยเริ่มใน 7 พื้นที่ตามแนวตะเข็บชายแดน ได้แก่ (1) อ.แม่สอด จ.ตาก (2) อ.แม่สาย จ.เชียงราย (3) อ.เชียงของ จ.เชียงราย (4) อ.เชียงแสน จ.เชียงราย (5) อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว (6) อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี และ (7) อ.เมือง จ.ระนอง โดยปัจจุบันทุกพื้นที่ ๆ มีการหันเสาออกนอกประเทศไทยได้มีการระงับสัญญาณรวมแล้ว 141 สถานี และปรับทิศทางสายอากาศเข้าประเทศแล้ว 67 สถานี

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กสทช.

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

ก.พาณิชย์ ดันกาแฟดอยตุง จ.เชียงราย 1 ใน 24 สินค้างาน THAIFEX ขึ้น Thai Select

 

เมื่อวันจันทร์ ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนด้วยสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพื่อส่งเสริมและพัฒนาสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ให้ได้รับการขึ้นทะเบียนคุ้มครอง GI อันจะเป็นสิทธิของชุมชน รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานให้กับสินค้า GI ซึ่งจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และชุมชน รวมถึงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้สินค้า GI ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการบริโภคสินค้า GI ทั้งในระดับประเทศและผลักดันการส่งออก นำมาสู่การสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทย และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น

ทั้งนี้ได้เตรียมนำสินค้า GI จากทั่วประเทศเข้าร่วมจัดแสดงในงานแสดงสินค้าและอาหาร THAIFEX-Anuga Asia 2024 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เพื่อให้ผู้ซื้อ ผู้นำเข้าชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาชมงาน ได้ทดลองชิมสินค้าและสร้างโอกาสในการเจรจาธุรกิจ สร้างโอกาสในการส่งออกสินค้า GI ไปยังต่างประเทศต่อไป โดยสินค้า GI ที่มาร่วมแสดงสินค้าในครั้งนี้มีจำนวน 24 สินค้า จาก 21 จังหวัดทั่วประเทศ เช่น 1.ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง 2.ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ (จ.ร้อยเอ็ด และจ.สุรินทร์) 3.ข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ 4.กาแฟดอยตุง(จ.เชียงราย) 5.กาแฟเทพเสด็จ (จ.เชียงใหม่) 6.ชาเชียงราย 7.กล้วยตากบางกระทุ่มพิษณุโลก 8.กล้วยหอมทองพบพระ (จ.ตาก) 9.ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง (จ.นครศรีธรรมราช) 10.ส้มโอนครชัยศรี (จ.นครปฐม) ฯลฯ

 

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ ยังได้จัดกิจกรรมสุดพิเศษ โดยดึงเซเลบริตี้เชฟ เช่น เชฟอาร์ เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย เชฟเฟิส แชมป์จากรายการ Master Chef ไทยแลนด์ ซีชั่น 2 เชฟจารึก และเชฟบูมจากรายการเชฟกระทะเหล็ก และเชฟเนตร (เนตรอำไพสาระโกเศศ) Commentator ประจำรายการเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย เป็นต้น มาร่วมรังสรรค์เมนูอาหารรสเลิศจากวัตถุดิบสินค้า GI ให้ได้ชิมและชมภายในบูธ เช่น ต้มข่าไก่มะพร้าวน้ำหอมราชบุรี แพนงเนื้อโคขุนโพนยางคำละมุน ผัดกะเพราหมูย่างเมืองตรังของฮิตถิ่นไทยทาร์ตมะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้วครีมสดเป็นต้น ซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะทำให้สินค้า GI ไทยเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และในอนาคต กระทรวงพาณิชย์ยังมีแผนผลักดันสินค้า GI สู่ร้าน Thai Select ในต่างประเทศ ที่มีเครือข่ายกว่า 1,500 แห่งทั่วโลก ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสในการส่งออกให้กับสินค้า GI ไทยให้เติบโตในต่างประเทศ นำมาสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงพาณิชย์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย พบปะประชุมผู้ปกครอง โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2567 เวลา 08.30 น. และ เวลา 13.00 น. ณ อาคารคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงานประชุม ผู้ปกครอง ประจำภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 (ช่วงเช้า) ระดับชั้น ม.2 และ ม.5 (ช่วงบ่าย) ระดับชั้น ม.3 และ ม.6 พร้อมด้วย ดร. ศราวุธ สุตะวงค์ ผู้อำนวยการโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย คณะผู้บริหาร คณะครู และผู้ปกครองนักเรียน โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายโดยการประชุมผู้ปกครองฯ มีการแสดงความสามารถของนักเรียนในแต่ละโปรแกรมวิชา ที่กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ให้แก่ผู้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้อีกด้วย

 

พร้อมกันนี้ นายก อบจ.เชียงราย ได้กล่าวพบปะผู้ปกครองและนักเรียน และกล่าวขอบคุณผู้ปกครองที่ได้มอบความไว้วางใจให้กับโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยการส่งบุตรหลานมารับการศึกษาอบรมที่โรงเรียนแห่งนี้ และได้เสียสละเวลาอันมีค่ามาร่วมการประชุมในวันนี้ อีกทั้งประชาสัมพันธ์โครงการทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือ สำหรับนักศึกษา นักเรียน ที่ยากจนหรือด้อยโอกาส โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้จัดทุนการศึกษา ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยตั้งงบประมาณตามโครงการไว้ จำนวน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน)
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

โครงการพลังบวรในมิติศาสนา บ่มเพาะความรู้ การฝึกปฏิบัติ

 
เมื่อวันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00 -17.30 น.ณ ห้องประชุมวิทยาลัยสงฆ์เชียงราย ดอยจำปี อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้ข้าราชการ ประกอบด้วย นางสาวณพิชญา นันตาดี นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นางสุพรรณี เตชะตน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ และนายสุพจน์ ทนทาน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ ร่วมประชุมคณะสงฆ์จังหวัดเชียงราย สมัยสามัญ ครั้งที่ 3/2567 

 

โดยได้ชี้แจงสร้างการรับรู้การดำเนินโครงการพลังบวรในมิติศาสนา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ดังนี้

  1. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จังหวัดเชียงรายมีวัดและศาสนสถานเข้าร่วมโครงการ จำนวน 54 แห่ง
  2. กรมการศาสนาได้กำหนดให้สำนักงานวัฒนธรรม ร่วมกับชุมชนคุณธรรมฯ ดำเนินการ

ส่งเสริมการพัฒนาต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม นวัตกรรมทางภูมิปัญญา เพื่อเสริมสร้างอาชีพ รายได้ให้แก่คนในชุมชน One Family One Soft Power (OFOS) ประกอบด้วยกิจกรรม การบ่มเพาะความรู้ การฝึกปฏิบัติ การยกระดับสินค้าและผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์/ตราสัญลักษณ์สินค้า การจำหน่าย ตามนโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power ทางสำนักงานวัฒนธรรมได้ดำเนินการสำรวจการส่งเสริมอาชีพในชุมชนทั้ง 54 แห่ง มีชุมชนที่ส่งเสริมอาชีพโดดเด่น จำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย

  • ชุมชนคุณธรรมวัดบ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย ผลิตภัณฑ์แกะสลักหินหยก
  • ชุมชนคุณธรรมวัดดงชัย ต.ทุ่งก่อ อ.เวียงเชียงรุ้ง ผลิตภัณฑ์งานศิลปะแผ่นทองและการแกะสลักกระจก
  • ชุมชนคุณธรรมวัดปางไตรแก้ว ต.เวียงเหนือ อ.เวียงชัย ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม

ทั้งนี้ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายได้พิจารณาคัดเลือกผลิตภัณฑ์ ซึ่งไม่ซ้ำกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย CPOT ของกระทรวงวัฒนธรรม โดยได้คัดเลือกชุมชนคุณธรรมวัดบ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย ซึ่งกำหนดพัฒนาผลิตภัณฑ์หินหยกแกะสลัก ภายในเดือนมิถุนายน 2567

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

บทบาทของ อบจ.เชียงราย ส่งเสริมพระพุทธศาสนา

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.00 น. พระพุทธญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่สามัญสมาชิกพุทธสมาคมแห่งจังหวัดเชียงราย ประจำปี 2566 มอบโล่เกียรติคุณแก่องค์กรต้นแบบ ประกาศนียบัตรแก่บุคคลต้นแบบในการส่งเสริมพระพุทธศาสนา และประกาศเกียรติคุณแก่ผู้มีความโดดเด่นในการ ครองตน ครองคน ครองงาน ตามหลักพระพุทธศาสนา อาทิ นักเรียน ครูที่ปรึกษา และโรงเรียน ทั้งนี้ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ได้รับใบประกาศเกียรติคุณ บุคคลต้นแบบในการทำคุณประโยชน์ ต่อพระพุทธศาสนาและต่อพุทธสมาคมแห่งจังหวัดเชียงราย ประจำปี 2566

 

โดยการประชุมในครั้งนี้มีการแสดงความสามารถของนักเรียนที่ได้รับรางวัล ได้แก่ การกล่าวสุนทรพจน์ หัวข้อ “พระมหากษัตริย์ไทยกับพระพุทธศาสนา” และ สวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัยฯ (สาธิตการสวด) เวลาต่อมานางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย บรรยายในหัวข้อ “บทบาทของ อบจ.เชียงราย ในการส่งเสริมพระพุทธศาสนา” ให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม กล่าวว่า นโยบายด้านการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม อบจ.เชียงรายได้ส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินกิจกรรม ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างบูรณาการ
 
เพื่อให้เกิดความตระหนักในคุณค่าของศาสนา จารีต ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น อันเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของเมืองเชียงราย และชนเผ่าที่หลากหลาย ซึ่งนำไปสู่การสืบทอดมรดก ทางศิลปวัฒนธรรม และได้สนับสนุนองค์ความรู้ทางด้าน ศิลปวัฒนธรรม สู่ท้องถิ่นและศาสนสถานโดยร่วมกับ องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาเมืองเชียงรายสู่เมืองแห่งการสร้างสรรค์ทางศิลปะ และวัฒนธรรม (Creative city & Culture) ให้ดำรงและสืบทอดสู่คนรุ่นต่อไปอย่างยั่งยืน
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News