Categories
BREAKING NEWS

ข่าวเด่นน่าติดตามวันอังคารที่ 29 สิงหาคม 2566

คลิกที่ภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
Categories
SOCIETY & POLITICS

ธ.ก.ส. เปิดตัว BAAC Carbon Credit ลดปัญหาโลกร้อน

 

ธ.ก.ส. ผนึกกำลังชุมชนธนาคารต้นไม้และชุมชนไม้มีค่ากว่า 6,800 ชุมชน ขับเคลื่อนภารกิจซื้อ – ขายคาร์บอนเครดิตในโครงการ BAAC Carbon Credit พร้อมออกใบ Certificate มาตรฐาน T-VER จาก อบก. เพื่อตอบโจทย์ภาคธุรกิจในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ นำร่องธนาคารต้นไม้บ้านท่าลี่  และบ้านแดง จังหวัดขอนแก่น นำคาร์บอนเครดิตกว่า 450 ตันคาร์บอน ขายสร้างรายได้ให้ชุมชนมูลค่ากว่า 1.3 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเพิ่มปริมาณคาร์บอนเครดิตจากชุมชนออกสู่ตลาดอีกกว่า 1.5 แสนตันคาร์บอน ภายใน 7 ปี

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากการที่ ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนให้เกษตรกรปลูกป่าตามพระราชดำริ “ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติของชุมชนอย่างยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการพัฒนาและยกระดับไปสู่โครงการธนาคารต้นไม้และชุมชนไม้มีค่า จนปัจจุบันมีชุมชนเข้าร่วมโครงการจำนวน 6,814 ชุมชน มีต้นไม้ขึ้นทะเบียนกว่า 12.4 ล้านต้น มีสมาชิก 124,071 คน มูลค่าต้นไม้ในโครงการกว่า 43,000 ล้านบาท และมีการเตรียมประเมินมูลค่าต้นไม้เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในปี 2566 คิดเป็นมูลค่ากว่า 760 ล้านบาท และในโอกาสที่รัฐบาลได้ประกาศต่อที่ประชุม World Leaders Summit ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change Conference of the Parties: UNFCCC COP) (COP26) ว่า ไทยพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ทุกวิถีทาง เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ได้ในปี ค.ศ. 2065

ธ.ก.ส. จึงได้ร่วมกับชุมชนในการดำเนินโครงการ BAAC Carbon Credit เพื่อเดินหน้าแนวทางการส่งเสริมการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตในประเทศ ตามโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) เริ่มจากการขึ้นทะเบียนโครงการ การตรวจนับจำนวนต้นไม้ การตรวจรับรองคาร์บอนเครดิตจากผู้ประเมินภายนอก (Validation and Verification Body: VVB) การรับรองปริมาณคาร์บอนเครดิตจากองค์กรบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) เพื่อนำปริมาณการกักเก็บดังกล่าวไปตอบโจทย์ความต้องการของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ที่มีเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ นำร่องโครงการธนาคารต้นไม้บ้านท่าลี่และธนาคารต้นไม้บ้านแดง จังหวัดขอนแก่น จำนวนคาร์บอนเครดิต 453 ตันคาร์บอน  โดยขายกึ่ง CSR ในราคาตันละ 3,000 บาท คิดเป็นเงินรวม 1,359,000 บาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เกษตรกรในชุมชนจะมีรายได้ประมาณ 951,300 บาท ซึ่งโครงการดังกล่าวนอกจากช่วยสร้างรายได้กลับคืนสู่ผู้ปลูกต้นไม้แล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่จะมาดูดซับปริมาณคาร์บอน สร้างภูมิคุ้มกันและบรรเทาผลกระทบจากปัญหาโลกร้อน และผลักดันให้ประเทศไทย สามารถบรรลุข้อตกลงความเป็นกลางทางคาร์บอนตามเป้าหมายที่วางไว้   
    
ด้านหลักการคิดคำนวณ ต้นไม้ 1 ต้น ช่วยสร้างปริมาณคาร์บอนเครดิตได้เฉลี่ย 9.5 กิโลกรัมคาร์บอนต่อปี    ซึ่งพื้นที่ขนาด 1 ไร่ ปลูกต้นไม้ได้เฉลี่ย 100 ต้น/ไร่ จะได้ปริมาณคาร์บอนเครดิต 950 กิโลกรัมคาร์บอนต่อปี ณ ราคาขายกึ่ง CSR 3,000 บาทต่อตันคาร์บอน (อัตราคำนวณรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย 70 : 30) กล่าวคือ เมื่อหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เช่น ค่าขึ้นทะเบียนต้นไม้ในแต่ละต้น การตรวจนับและประเมิน การออกใบรับรอง เป็นต้น คิดเป็น  ร้อยละ 30 ของมูลค่าการขาย ดังนั้น เกษตรกรจะได้รับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายที่ร้อยละ 70 ของราคาขาย หรือประมาณ 2,000 บาทต่อไร่ต่อปี หรือกรณีปลูกต้นไม้แบบหัวไร่ปลายนา จะสามารถปลูกได้เฉลี่ย 40 ต้น/ไร่ คิดเป็น 380 กิโลกรัมคาร์บอนต่อไร่ต่อปี จะทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการขายหลังหักค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 800 บาทต่อไร่ต่อปี ดังนั้นในกรณีที่หน่วยงานต่าง ๆ มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจกเป็นศูนย์ โครงการ BAAC Carbon Credit จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบรรลุเป้าหมาย เพราะนอกจากหน่วยงานจะได้รับประโยชน์ในด้านธุรกิจ ที่มีความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นการช่วยสนับสนุนและให้กำลังใจชุมชนในการดูแลและปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีพื้นที่สีเขียวที่ได้รับการปกป้องโดยคนในชุมชน สะท้อนถึงความเข้มแข็งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เป็นประโยชน์ต่อคนทั้งโลกอีกด้วย ทั้งนี้ ธ.ก.ส. มีเป้าหมายที่จะขยายการสร้างคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ไปยังชุมชนที่เข้าร่วมโครงการธนาคารต้นไม้ รวมถึงขยายผลไปยังกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การทำนาเปียกสลับแห้ง เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทน การลดพื้นที่การเผาตอซังข้าว อ้อยและข้าวโพด การเพิ่มพื้นที่ปลูกป่าชายเลน เป็นต้น โดยคาดว่าจะมีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่จะนำมาซื้อ – ขายได้กว่า 150,000 ตันคาร์บอน ภายใน 7 ปี
    
สำหรับหน่วยงานที่สนใจในการซื้อ – ขายคาร์บอนเครดิต และต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างรายได้และสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็งให้กับชุมชน อันนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน สามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายพัฒนาลูกค้าและชนบท ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ 2346 ถนนพหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ10900 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Call Center 02 555 0555

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธ.ก.ส.

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

ร่วมพิธีฮ้องขวัญ​ พลายศักดิ์สุรินทร์​ รับขวัญทูตสันถวไมตรี​ ไทย – ศรีลังกา

 

วันที่ 28 สิงหาคม 2566 เวลา 10.00 น. นายวราวุธ​ ศิลปอาชา​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม​ (รมว.ทส.)​ พร้อมภริยา เป็นประธานในพิธี​  “ฮ้องขวัญ พลายศักดิ์สุรินทร์” ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.)​ จัดขึ้นเพื่อเป็นการต้อนรับพลายศักดิ์สุรินทร์อย่างเป็นทางการ เพื่อความเป็นสิริมงคล และเรียกขวัญพลายศักดิ์สุรินทร์ ทูตสันถวไมตรี​ ไทย – ศรีลังกา ให้อยู่เย็นเป็นสุข มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีสภาพจิตใจเป็นปกติ และประสบความสำเร็จในการรักษาอาการป่วย ตามคติความเชื่อของวิถีการเลี้ยงช้าง  โดยมีนางสาวกัญจนา ศิลปอาชา​ ที่ปรึกษาคณะทำงานยุทธศาสตร์กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม​ นายยุทธพล​ อังกินันทน์​ ที่ปรึกษา​ รมว.ทส.​ พร้อมด้วยนายจตุพร​ บุรุษพัฒน์​ ปลัดกระทรวงฯ นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง​ คณะผู้บริหาร​ระดับสูง​ พนักงาน เจ้าหน้าที่ในสังกัด​ ตลอดจนสื่อมวลชน​และประชาชน​ เข้าร่วมพิธี​ ณ สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง 


นายวราวุธ กล่าวว่า การช่วยเหลือดูแลสัตว์เหล่านี้ ถือเป็นอีกหนึ่งบทบาทหน้าที่ที่สำคัญของกระทรวงฯ การกลับมายืนบนผืนแผ่นดินไทยของช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากประชาชนคนไทยจำนวนมาก และเฝ้าติดตามดูชีวิตความเป็นอยู่ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงจนกระทั่งวันนี้ กระทรวงฯ ขอขอบคุณความร่วมมือจากทุกฝ่าย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าภารกิจต่อจากนี้ที่จะลงนามความร่วมมือให้ความช่วยเหลือทั้งทางด้านวิชาการและทักษะความรู้แก่ประเทศศรีลังกาเพื่อให้ช้างไทยและช้างที่อยู่ในประเทศศรีลังกามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจะประสบความสำเร็จต่อไปด้วยดี ทั้งนี้​ สุขภาพของพลายศักดิ์สุรินทร์ตอนนี้​ ได้พ้นระยะกักตัวและมีสุขภาพดีขึ้น​ ไม่มีเชื้อโรค​ ไม่มีโรคติดต่อ​ ซึ่งสิ่งที่จะต้องทำต่อไป​ คือ​ การตรวจสุขภาพภายในโดยการเอ็กซเรย์อย่างละเอียด เพื่อจะได้ทำการรักษาพลายศักดิ์สุรินทร์​ต่อไป​ 


สำหรับ พิธีฮ้องขวัญในครั้งนี้​ จัดขึ้นโดยเรียบง่าย​ มีการเลี้ยงขันโตก ทั้งกล้วย อ้อย ข้าวโพด ฟักทอง หญ้า​ ให้กับพลายศักดิ์สุรินทร์​  อีกทั้ง​ มีการแสดง “ฟ้อนขันดอก” เพื่อเฉลิมฉลองให้กับพลายศักดิ์สุรินทร์​ อีกด้วย สำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยว​ที่สนใจ​เข้าเยี่ยมชมพลายศักดิ์สุรินทร์​ สามารถเข้าเยี่ยมชมได้​  ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม​ 2566 นี้เป็นต้นไป โดยเปิดให้เยี่ยมชมวันละ 1 ครั้ง ตั้งแต่เวลา 14.00 -16.00 น.​ ของทุกวัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม​

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

พม. ประชุม ไทย – เมียนมา ส่งกลับและคืนสู่สังคม ผู้เสียหายค้ามนุษย์

 
 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2566 นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานเปิดการประชุมทวิภาคี ไทย – เมียนมา ครั้งที่ 28 ด้านการบริหารจัดการรายกรณี การส่งกลับและคืนสู่สังคม ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (The 28th Case Management Meeting : CMM) โดยมีนายธนสุนทร สว่างสาลี รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คณะผู้แทนจากราชอาณาจักรไทย และคณะผู้แทนจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา นำโดย Mr. Aung Kyaw Moe อธิบดีกรมฟื้นฟูเยียวยา กระทรวงสวัสดิการสังคม การบรรเทาทุกข์ และการโยกย้ายถิ่นฐานใหม่ เข้าร่วม ณ โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพฯ

           นายอนุกูล กล่าวว่า ประเทศไทยและเมียนมามีความร่วมมือในการต่อต้านการค้ามนุษย์มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ก่อนมีความตกลงในลักษณะบันทึกความเข้าใจ จนกระทั่งมีบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะสตรีและเด็ก  อีกทั้งยังมีการประชุมระดับทวิภาคี ด้านการบริหารจัดการรายกรณี การส่งกลับและคืนสู่สังคม ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ หรือการประชุม Case Management Meeting : CMM  ซึ่งวันนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมทวิภาคี ไทย – เมียนมา ครั้งที่ 28 ด้านการบริหารจัดการรายกรณี การส่งกลับและคืนสู่สังคม ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (The 28th Case Management Meeting : CMM) เพื่อเป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์อย่างครอบคลุมในทุกมิติทั้งการดำเนินคดีและการช่วยเหลือเยียวยา 

           นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยและเมียนมา นับได้ว่าเป็นประเทศคู่ภาคีที่มีการประชุมกันมายาวนานและต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี  ทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาร่วมกัน รวมทั้งมีการเสนอแนะทางออกที่จะทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้น บรรลุผลสำเร็จร่วมกันไปด้วยดี นับเป็นต้นแบบการทำงานของประเทศอื่นๆ ในแถบภูมิภาคอาเซียน  ซึ่งความร่วมมือนี้จะยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง และจะร่วมกันพัฒนาแนวทางมาตรการใหม่ๆ ในการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายได้กลับคืนสู่สังคม ภูมิลำเนาบ้านเกิดของตนเองอย่างปลอดภัยและยั่งยืนที่สุด

            นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนในฐานะคณะผู้แทนรัฐบาลไทย กระทรวง พม. และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอย้ำและสร้างความมั่นใจต่อผู้แทนของรัฐบาลเมียนมาว่า ปัญหาการค้ามนุษย์เป็นปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างรุนแรง ซึ่งรัฐบาลไทยได้บูรณาการทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาและพยายามทุกวิถีทางที่จะสกัดกั้นการเกิดขบวนการค้ามนุษย์ และผู้เสียหายที่อยู่ในความดูแลของรัฐบาลไทย จะได้รับการดูแลตามหลักกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชนและหลักการสากล โดยการดำเนินการทุกเรื่องเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เสียหายเป็นสำคัญ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

สธ.- สกมช. เดินหน้ายกระดับความปลอดภัยไซเบอร์ คุ้มครองข้อมูลสุขภาพผู้รับบริการ

 
วันนี้ (28 สิงหาคม 2566) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้รับมอบหมายจาก นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมพิธีเปิดการอบรมการจัดการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ด้านการบริหารศูนย์ปฏิบัติการความมั่นคงและปลอดภัยไซเบอร์ (Security Operation Center : SOC) ภายใต้โครงการสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ สำหรับหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ (CII) ด้านสาธารณสุข ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ โดยมี พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ เป็นประธานในพิธี 

          นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขกำลังขับเคลื่อนการพัฒนาระบบสุขภาพดิจิทัลที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ซึ่งสถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขมีกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ จึงเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ทั้งข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วย การให้บริการและการรักษา เป็นต้น ความปลอดภัยของข้อมูลจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ได้ให้การสนับสนุนการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ในหน่วยงานสาธารณสุขและโรงพยาบาล เพื่อยกระดับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนการป้องกัน รับมือ ตอบโต้และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ 

          ด้านพลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานที่มีระบบและข้อมูลสารสนเทศในกระบวนการปฏิบัติงานของแพทย์ พยาบาลและผู้รับบริการที่มีความสำคัญทั้งสิ้น การอบรมครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยยกระดับทักษะความเชี่ยวชาญ สร้างความรู้ความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเสริมการป้องกันความปลอดภัยทางไซเบอร์ของหน่วยงานด้านสาธารณสุข ให้สามารถตรวจจับการโจมตี เพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองและบรรเทาภัยคุกคามทางไซเบอร์ ทำให้การบริการดำเนินต่อไปได้ โดยไม่กระทบต่อประชาชน 

          สำหรับการอบรมในครั้งนี้ เป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้ สถานการณ์ การรับมือและการป้องกัน ตลอดจนการใช้เครื่องมือเพื่อตรวจจับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ให้กับบุคลากรผู้ปฏิบัติงานดูแลระบบสารสนเทศของหน่วยงาน ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของแต่ละหน่วยงาน สร้างความปลอดภัยให้กับข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคลของผู้รับบริการ รวมถึงป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการให้บริการโดยจัดในรูปแบบออนไซต์และออนไลน์ ระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม – 1 กันยายน 2566 โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมจำนวน 90 คน จากสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ โรงพยาบาลอุดรธานี โรงพยาบาลลำปาง โรงพยาบาลขอนแก่น โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โรงพยาบาลสระบุรี โรงพยาบาลพุทธชินราช
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุข

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ENTERTAINMENT

วธ. มอบโล่เชิดชูละครน้ำดี “ละครมาตาลดา”

 
วธ. มอบโล่เชิดชู “ละครมาตาลดา” เป็นละครน้ำดี พร้อมถอดบทเรียนเป็นละครส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว ดึงเด็กพร้อมครอบครัวร่วมกิจกรรม MEET & GREET With IDOL : บอกรักให้โลกรู้ ร่วมกับศิลปินชื่อดัง-อินฟูเอนเซอร์ เชื่อมสัมพันธ์-สานพลังเครือข่ายพัฒนาครอบครัว
 
วันที่ 26 สิงหาคม 2566 นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกิจกรรมถ่ายทอดถอดบทเรียนและมอบโล่เชิดชูเกียรติแก่ผู้จัดละครและนักแสดงจากเรื่อง มาตาลดา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรม MEET & GREET With IDOL : บอกรักให้โลกรู้ โดยมีนางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม คณะผู้จัดละครและนักแสดง จากเรื่องมาตาลดา อาทิ ยศสินี ณ นคร ผู้จัดละคร  กกกร เบญจาธิกุล นักแสดง ผู้เข้าร่วมกิจกรรม เข้าร่วม ณ หอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ภายในงานมีกิจกรรมพูดคุยกับศิลปินไอดอลในรูปแบบ Talk Show เกี่ยวกับการสร้างสรรค์ส่งเสริมสถาบันครอบครัวและวัฒนธรรมไทย และ Live ผ่านเพจ Facebook กระทรวงวัฒนธรรม 
 
ปลัดวธ. กล่าวว่า ละครเรื่อง มาตาลดา เป็นละครที่ส่งเสริมการมีบทบาทในการปลูกฝังค่านิยม และวัฒนธรรมที่ดี ตลอดจนสร้างสัมพันธภาพอันดีในครอบครัว วธ. จึงขอมอบโล่เชิดชูเกียรติเพื่อขอบคุณ และเป็นกำลังใจให้กับคณะผู้จัดละครและนักแสดง ที่ได้ผลิตสื่อที่ดีและมีคุณภาพส่งเสริมการมีบทบาทในการปลูกฝังค่านิยม และวัฒนธรรมที่ดี เพื่อสร้างสังคมแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ตลอดจนสร้างสัมพันธภาพอันดีในครอบครัว รวมทั้งได้มีการถอดบทเรียนจากละครดังกล่าว ถือเป็นการสนับสนุน Soft Power ละครไทยให้มีคุณภาพและเป็นตัวอย่างที่ดีของวงการละครไทย
 
ปลัดวธ.กล่าวอีกว่า สำหรับกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เพื่อ
เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวผ่านมิติทางวัฒนธรรม ทำกิจกรรมแบบ Exclusive กับศิลปินที่วัยรุ่นชื่นชอบ อาทิ การสัมภาษณ์พูดคุยเรื่องราวครอบครัวของศิลปิน workshop ร่วมกับศิลปินในโซน Happy กินดี วิถีไทย โดยจะร่วมทำข้าวมัน – ส้มตำ ขนมผกากรองและม้าฮ่อ (ของกินที่อร่อยและหายาก) และโซน Happy ทำดี วิถีไทย สาธิตงานประดิษฐ์กุหลาบใบเตยสื่อรัก และเชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมในรูปแบบออนไลน์ร่วมกันผลิตสื่อสร้างสรรค์เพื่อเผยแพร่ลงในช่องทางออนไลน์ โดยผู้ที่มียอดไลค์สูงสุดจะได้รับของรางวัลและของที่ระลึก 
 
“กิจกรรมนี้ถือเป็นการส่งเสริม สนับสนุนและเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดค่านิยมและวัฒนธรรมอันดีงามให้เป็นที่แพร่หลายในสังคม ตลอดจนการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมให้กับคนในชาติ ได้เห็นความสำคัญของการสานสัมพันธ์ในครอบครัว รวมทั้งการขับเคลื่อนเครือข่ายในการส่งเสริมพัฒนาครอบครัวคุณธรรม เนื่องจากครอบครัวเป็นสถาบันหลักในการเสริมสร้างและปลูกฝังค่านิยม วัฒนธรรม คุณธรรมและจริยธรรมที่พึงประสงค์ให้แก่เด็ก เยาวชน และครอบครัว ผ่านกระบวนการเรียนรู้และการจัดกิจกรรมตามแนวคิดครอบครัวเข้มแข็งและจะดำเนินการขับเคลื่อนการกิจกรรมสานสัมพันธ์ครอบครัวอย่างต่อเนื่องต่อไป”ปลัดวธ. กล่าว 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TRAVEL

แสดงโขนสุดยิ่งใหญ่ตอน กุมภกรรณทดน้ำ 5 พ.ย. ถึง 5 ธ.ค. 66

 
เปิดจำหน่ายบัตรแล้ว ! การแสดงโขนสุดยิ่งใหญ่แห่งปี ตอน กุมภกรรณทดน้ำ
 
จับจองบัตรด่วน! เริ่ม 12 สิงหาคมนี้ เป็นต้นไป สำหรับการแสดงโขนสุดยิ่งใหญ่แห่งปี ตอนกุมภกรรณทดน้ำ ซึงจัดขึ้นโดย มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีกำหนดเปิดการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ตอน “กุมภกรรณทดน้ำ” ขึ้น ในระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2566 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บัตรราคา 2,000 บาท, 1,800 บาท, 1,000 บาท, 800 บาทและ 600 บาท (รอบนักเรียน ราคา 180 บาท) จำหน่ายบัตรที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา โทร. 0-2262-3456
 
สำหรับปี 2566 นี้ นับเป็นปีมหามงคลของปวงชนชาวไทยอีกวาระหนึ่ง เนื่องในวันที่ 28 กรกฎาคม 2566 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 71 พรรษา และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเจริญพระชนมพรรษา 91 พรรษา มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ จึงร่วมเฉลิมฉลองโอกาสมหามงคลนี้ ด้วยการจัดการแสดงโขนตอน “กุมภกรรณทดน้ำ” โดยยึดแนวบทละครเรื่อง รามเกียรติ์ ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จับตอนตั้งแต่กุมภกรรณผู้หลงผิด หลงเชื่อคำยุยงของทศกัณฐ์ผู้เป็นพี่ให้มาขัดขวางกองทัพพระราม แท้จริงแล้วกุมภกรรณเป็นยักษ์ที่มีคุณธรรม ต่อมากุมภกรรณสำนึกได้ โดยก่อนตายได้สั่งสอนพิเภกให้รับราชการกับพระราม ให้ ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต การแสดงในครั้งนี้ จึงเป็นข้อคิดให้ทุกคน มีคุณธรรม มีความซื่อสัตย์ ซื่อตรง และรู้รักสามัคคี
 
นอกจากการแสดงที่วิจิตรงดงามที่แสดงโดยนักแสดงเยาวชนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นผู้ที่ผ่านการคัดเลือกและฝึกซ้อมจากครูผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ จนมีฝีมือการร่ายรำอันงดงามถูกต้องตามจารีตแล้ว ผู้ชมจะได้รับฟังการบรรเลงดนตรีและขับร้องเพลงไทยอันไพเราะ รับชมความวิจิตรของเครื่องแต่งกายอันประณีต พบกับความพิเศษของสุดยอดฉากการแสดงที่ยิ่งใหญ่ตระการตาของกุมภกรรณทดน้ำเพื่อไม่ให้ไหลไปสู่พลับพลา ฉากหนุมานแปลงกายเป็นเหยี่ยวใหญ่ ฉากหนุมานดำลงสู่ใต้น้ำ และอีกมากมายที่จัดสร้างขึ้นเพื่อการแสดงโขนที่ยิ่งใหญ่บนเวที
 
สุดท้ายผลการต่อสู้และจุดจบของเรื่องราวกุมภกรรณทดน้ำจะเป็นอย่างไรนั้น เชิญเข้ารับชมการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน กุมภกรรณทดน้ำ จับจองเป็นเจ้าของบัตรด่วน! เปิดจำหน่ายบัตร 12 สิงหาคมนี้ เป็นต้นไป ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา โทร. 0-2262-3456
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย พบ เยาวชนอาสา อ.เชียงของ

เมื่อวันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม 2566 เวลา 11.00 น. นายก พี่นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วย นายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย ลงพื้นที่พบปะและให้กำลังใจน้องๆเยาวชน ในโครงการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงราย กิจกรรมที่ 3 เยาวชนเชียงรายคนมีดี “เยาวชนอาสาพัฒนาเชียงราย” ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอขุนตาล โดยมีนายสมชาย เชื้อเมืองพาน ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อ.ขุนตาล รักษาการปลัดอาวุโส อ.ขุนตาล เป็นผู้กล่าวต้อนรับ และมีนางสาวกิตติอัจฉรา อะทะไชย ปลัดอำเภอฝ่ายปกครอง อ.ขุนตาล นายณัฐ ทรัพย์ศิริ ผอ.โรงเรียนขุนตาลวิทยาคม นายฐิติวัชร ไลศิริพันธุ์ ผอ.ส่วนส่งเสริมการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.เชียงราย เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

ทาง อบจ.เชียงราย ได้เล็งเห็นว่า กิจกรรมนี้เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาเด็กและเยาวชนอย่างยั่งยืนภายในท้องถิ่น และได้ร่วมเป็นภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมให้เยาวชนจังหวัดเชียงราย ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนกลไกการพัฒนาท้องถิ่น ผ่านกระบวนการระดมความคิดสร้างสรรค์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน สู่การออกแบบกิจกรรมการพัฒนา วางแผนในการดำเนินกิจกรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำงานด้านเด็กและเยาวชน ให้ครอบคลุมและทั่วถึงทั้ง 18 อำเภอ ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย อีกทั้งยังเป็นการดำเนินการเชิงรุก ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กและเยาวชน ได้เข้ามารับฟังปัญหาและความต้องการของเยาวชนในพื้นที่จริง การตระหนักถึงศักยภาพและการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชน ในการพัฒนาท้องถิ่นของตนเองซึ่งจะนำไปสู่การวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล สถานการณ์ด้านเด็กและเยาวชน ในภาพรวมของจังหวัดเชียงราย ให้สามารถแก้ปัญหา ส่งเสริมและสนับสนุนงานด้านนี้อย่างมีประสิทธิภาพ และทาง อบจ.เชียงราย ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และจะให้การสนับสนุนด้วยดีต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

ไฟไหม้อุโบสถไม้อายุ 100 ปี เหลือแต่เสาไม้ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 26 ส.ค.2566 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.แม่สรวยจ.เชียงราย ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านปางอาณาเขต หมู่ 6 ต.แม่พริก อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ว่าได้เกิดเหตุไฟไหม้ภายใน วัดปางอาณาเขต ต.แม่พริก อ.แม่สรวย

ซึ่งเป็นวัดประจำหมู่บ้าน จึงได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) อ.แม่สรวย พร้อมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่นำรถดับเพลิงไประงับเหตุโดยมีชาวบ้านจำนวนมากช่วยกันดับไฟล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบไฟได้โหมลุกไหม้พระวิหารภายในวัดอย่างหนัก เมื่อสอบถามชาวบ้านทราบว่ามีผู้เห็นไฟไหม้ตั้งแต่เวลาประมาณ 03.30 น. และโหมลุกไหม้เฉพาะในส่วนของพระวิหาร ขณะที่โดยรอบมีกุฏิพระสงฆ์และสามเณรรวมทั้งสิ่งปลูกสร้างต่างๆ อยู่ด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านได้ช่วนกันเข้าฉีดพ่นน้ำเพื่อดับอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามออกไป

จนกระทั่งเวลา 05.30 น. จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ แต่พบว่าพระวิหารถูกไฟไหม้จนเสียหายทั้งหลัง โดยเหลือเพียงต้นเสาไม้ที่ยืนต้นอยู่แต่ดำเป็นตอตะโก ส่วนหลังคาและพนังซึ่งเป็นไม้ถูกเผาจนทลายลงมากับพื้นทั้งหมด กระนั้นยังเหลือผนังด้านที่เป็นคอนกรีตและพระพุทธรูปที่เป็นองค์พระประธานรวมทั้งอริยสาวกเบื้องซ้ายและขวาที่ยังคงเหลืออยู่และไม่ถูกไฟไหม้

ทั้งนี้พระวิหารดังกล่าวมีอายุความเป็นมามากกว่า 100 ปี โดยสร้างจากไม้เกือบทั้งหลังทำให้เมื่อเกิดการลุกไหม้จึงลุกลามได้ง่ายและเกิดความเสียหายอย่างหนักดังกล่าว

ซึ่งหลังเกิดเหตุทางฝ่ายปกครอง อ.แม่สรวย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สรวย เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะได้เข้าตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ขณะที่ทางคณะสงฆ์ ต.แม่พริก ได้เดินทางไปให้กำลังใจทางพระสงฆ์และสามเณรรวมถึงชาวบ้านหมู่บ้านปางอาณาเขตแล้ว.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
BREAKING NEWS

ข่าวเด่นน่าติดตามวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม 2566

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News