Categories
SOCIETY & POLITICS

ดันอุตสาหกรรม Semiconductor ร่วมไต้หวัน วิจัยและผลิตบุคลากรที่เชี่ยวชาญ

 
 
วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่งเสริมและผลักดันนโยบายการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ชื่นชมการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล และได้ให้ความสำคัญกับการผลิตกำลังคน Semiconductor ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า เมื่อไทยมีความพร้อมด้านกำลังคนมากขึ้น จะผลักดันให้เกิดการลงทุนอุตสาหกรรม Semiconductor ในไทย ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะส่งผลในการพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดด

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เซมิคอนดักเตอร์ หรือ ชิป เป็นส่วนประกอบสำคัญที่มีความต้องการในตลาด เพื่อใช้ในอุปกรณ์เทคโนโลยีหลากหลายประเภท โดยประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นฐานการผลิต เนื่องจากความพร้อมทางด้านทรัพยากร การจัดตั้งภาคอุตสาหกรรม รวมถึงความสัมพันธ์อันดีกับประเทศอื่นๆ จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมประเภทนี้เป็นอย่างมาก โดยภาคอุตสาหกรรมไทยเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานโลก และเป็นฐานการผลิตสินค้าขั้นสุดท้ายที่ใช้ส่วนประกอบจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เหมาะแก่การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานและการพัฒนาเพื่อใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยไปสู่อุตสาหกรรมการผลิตที่มีความซับซ้อนและใช้เทคโนโลยีขั้นสูงให้ได้โดยเร็ว อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เป็นโอกาสสำคัญสำหรับการลงทุนของผู้ประกอบการในประเทศไทย โดยการลงทุนด้านชิปในไทยยังอยู่ในส่วนการประกอบและทดสอบ (assembly and testing) และเริ่มมีการลงทุนในส่วนของการออกแบบ (IC Design) แต่ยังขาดในส่วนของภาคการผลิต (Foundry) จึงเกิดเป็นความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากร ระหว่างหน่วยงานของไทยและไต้หวัน เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมชิป 

สำหรับมหาวิทยาลัยไทย 9 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ม.เกษตรศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ม.ขอนแก่น ม.สงขลานครินทร์ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และ ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยไต้หวัน 6 แห่ง และบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company(TSMC) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ร่วมมือวิจัยและผลิตบุคลากร โดยจัดทำหลักสูตรในระดับปริญญาตรี-โท ด้านเซมิคอนดักเตอร์ ตั้งเป้าให้มีนิสิตนักศึกษาที่มีศักยภาพสูงในโครงการไม่น้อยกว่า 200 คน/ปี ในสาขาที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ด้านเครื่องมือ ด้านวัสดุ ด้านการออกแบบวงจรรวม (IC) ด้านกระบวนการผลิต ด้านการทดสอบและpacking เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปีต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ทางมหาวิทยาลัยไต้หวันบางแห่งจะจัดฝึกอบรมระยะสั้นให้แก่ บุคลากรและนิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยไทย เพิ่มพูนทักษะ ส่งเสริมให้นิสิตนักศึกษาไทยได้ฝึกปฏิบัติงานในบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำที่ไต้หวัน เพื่อสร้างความพร้อมให้กับประเทศไทยในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ส่งเสริมการตั้งฐานการผลิตอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศไทย

ทั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) พบว่า ไทยมีโอกาสที่จะถูกเลือกเป็นประเทศปลายทางในการตั้งฐานการผลิต โดยหลายบริษัทมีแนวโน้มที่จะย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศคู่ขัดแย้งในการแข่งขันทางเทคโนโลยี เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดกับกิจการ ไทยมีศักยภาพที่จะดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเหล่านี้ได้ โดยในปัจจัยด้านห่วงโซ่อุปทานของไทย ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศอื่นไทยยังสามารถแข่งขันได้ เนื่องจากคู่แข่งยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีความไม่ซับซ้อนคล้ายคลึงกับไทย รวมถึงภาครัฐของไทยได้เร่งส่งเสริมให้เกิดพันธมิตรทางการค้าใหม่ ๆ เพื่อขยายตลาดให้กับสินค้าและบริการของไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไทยมีข้อได้เปรียบและได้อานิสงส์ที่จะถูกเลือกเป็นประเทศปลายทางในการเคลื่อนย้ายฐานการผลิต

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในความร่วมมือด้านการศึกษา พัฒนาคนเพื่อพัฒนาประเทศ เห็นถึงศักยภาพ และโอกาสการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ เชื่อว่ากลไกการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรตามความต้องการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย จะเป็นการพัฒนาคนได้ตามความต้องการ สามารถรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมประเภทนี้ได้ครอบคลุม โดยภาครัฐได้เร่งส่งเสริมให้เกิดพันธมิตรทางการค้าใหม่ๆ เพื่อขยายตลาดภาคอุตสาหกรรม เชื่อมั่นว่าไทยมีศักยภาพการเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมศักยภาพสูง และเซมิคอนดักเตอร์ ด้วยความพร้อมของไทยที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และพัฒนามาโดยตลอด” นายอนุชาฯ กล่าว
 
 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
TOP STORIES

พรรคก้าวไกล-เพื่อไทย เปิด 4 ข้อ “วันนอร์” นั่งประธานสภา

 
 
วันที่ 3 ก.ค. 2566 หลังการรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา เสร็จสิ้น พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวร่วมกันเวลา 19.00 น. ที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ ล่าสุดทั้งสองพรรรได้มีข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เรื่อง ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบเสนอชื่อ วันมูหะหมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาฯ
 
ข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เรื่อง ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามที่พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็นธรรม พรรคเพื่อไทยรวมพลัง และพรรคพลังสังคมใหม่ ได้ประชุมหารือร่วมกันกรณีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมอบหมายให้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยไปเจรจาตกลงร่วมกันนั้น บัดนี้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยได้ตกลงร่วมกัน ดังนี้ 
 
1.เสนอชื่อ นาย วันมูหะหมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกล เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานสภาคนที่ 2 โดยพรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็นธรรม พรรคเพื่อไทยรวมพลัง และพรรคพลังสังคมใหม่ พร้อมให้การสนับสนุนตามข้อตกลงนี้ 
 
2.บุคคลที่จะปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมผลักดันวาระที่ทำให้รัฐสภาไทยก้าวหน้า ให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพ และเป็นของประชาชน 
 
3.ข้อตกลงเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้ เป็นไปเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพระหว่าง 8 พรรคในการจัดตั้งรัฐบาล เสนอและสนับสนุน นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี อย่างสุดความสามารถ โดยดำเนินการตามข้อตกลง MOU ที่ได้แถลงร่วมกันเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 
 
4.พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยยืนยันร่วมกันให้ความเห็นชอบกฎหมายสำคัญเพื่อประชาชน ซึ่งรวมถึงการนิรโทษกรรมคดีแสดงออกทางการเมือง และการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ร่างพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก และร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร  ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เชื่อมั่นว่าข้อตกลงเรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานร่วมกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเข้าไปบริหารประเทศ ตามเจตนารมณ์ที่ประชาชนได้แสดงออกอย่างชัดเจนผ่านการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 3 กรกฎาคม 2566
 
 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

แรงงานจัดฝึกอบรมยกระดับทักษะแรงงาน ลาว กัมพูชา เมียนมา

 
สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติร่วมกับกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ จัดฝึกอบรมยกระดับฝีมือภายใต้โครงการสร้างทักษะแรงงาน/วิชาชีพ (ลาว กัมพูชา เมียนมา) จำนวน ๓๐ ชั่วโมง ให้แก่บุคลากรจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน ๒ หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรระบบการออกแบบและพัฒนาหลักสูตรอิงสมรรถนะ และหลักสูตรตัดเย็บเสื้อสูท หลักสูตรละ ๑๘ คน รวมทั้งสิ้น ๓๖ คน ซึ่งดำเนินการฝึกอบรมระหว่างวันที่ ๓ – ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย 
 
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะและวิชาชีพของประเทศเพื่อนบ้านที่ตอบสนองความต้องการของภาคเอกชนไทย ที่ลงทุนในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง รองรับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน และการโยกย้ายฐานการผลิตของภาคอุตสาหกรรมของไทยไปในเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน ลดขั้นตอนในการทำงาน ลดการสูญเสียในวงจรการผลิต/บริการ เสริมภาพลักษณ์ที่ดีของหน่วยงาน ส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่/ครูฝึกได้รับความรู้ ทักษะวิชาชีพ และทักษะการสอนเพื่อนำไปถ่ายทอดให้แก่แรงงานในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อเป็นการขยายผล รวมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงกับไทย ในการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานร่วมกัน
 
นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้เผยว่านโยบายรัฐบาลให้ความสำคัญต่อการดำเนินภารกิจความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ โดยกำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๘๐) ด้านความมั่นคง และต่างประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๑๐ ความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่างประเทศ ระยะ ๒๐ ปี ให้มีการดำเนินภารกิจความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศในทุกด้าน เพื่อส่งเสริมบทบาทที่สร้างสรรค์ของประเทศไทย 
 
ในการสนับสนุนการแก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำในอนุภูมิภาคและในภูมิภาคและ การขับเคลื่อนการพัฒนาภายใต้กรอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ซึ่งจะส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งประเทศอื่น ๆ และนำไปสู่การขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าระหว่างประเทศ การเมืองและความมั่นคง รวมถึงการเสริมสร้างความเข้าใจอันดี และการสร้างมิตรประเทศใหม่ ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นกิจกรรมที่ดี ที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน 
 
โดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติได้ร่วมกับกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ พัฒนาฝีมือและศักยภาพแรงงานบุคลากรภาครัฐในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะและเสริมสร้างศักยภาพฝีมือแรงงานให้ทัดเทียมกัน สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและมีมาตรฐานฝีมือแรงงานเป็นที่ยอรับในระดับสากลและสามารถแข่งขันในประเทศและตลาดโลกได้
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

เตรียมจัดงานรำลึกครบรอบ กู้ภัยถ้ำหลวง 5 ปี

 

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2566 ที่อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย นายชุติเดช กมนณชนุตม์ (กะ-มน-นะ-ปะ-นุด)ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 นางรุ่งศรัณย์ บันลือศักดิ์ชัย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้องได้จัดเตรียมสถานที่เพื่อจัดงาน “รำลึกครบรอบ 5 ปีกู้ภัยถ้ำหลวง” ในวันจันทร์ที่ 10 ก.ค.นี้ โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีกำหนดเดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมจะร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โป่งผา ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 39 รูป พิธีบวงสรวงเจ้าแม่นางนอน และพิธีเจริญพระพุทธมนต์ กิจกรรมการแสดงความรำลึกถึงผู้เสียสละ ได้แก่ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร อดีตผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย และเคยเป็นผู้บัญชาการในเหตุการณ์ช่วยเหลือทีมเยาวชนหมูป่าอะคาเดมีจำนวน 13 คน ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวงระหว่างวันที่ 23 มิ.ย.-10 ก.ค.2561 นาวาตรีสมาน กุนัน (จ่าแซม) ซึ่งเสียชีวิตในเหตุการณ์ เรือโทเบรุต ปากบารา ทหารเรือซึ่งเสียชีวิตเมื่อเร็วๆ นี้ และนายดวงเพชร พรหมเทพ หรือน้องดอมหนึ่งในสมาชิกทีมหมูป่าที่เสียชีวิตขณะศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ

นอกจากนี้ยังมีการจัดการแสดงแสง สี เสียง บริเวณโถงถ้ำแรกที่อยู่ปากถ้ำซึ่งมีลักษณะเป็นโถงกว้างขวางและเพดานถ้ำมีความสูง รวมทั้งมีการเสวนาในหัวข้อ “การเปลี่ยนแปลงถ้ำหลวงที่เกิดขึ้นหลักจากเกิดเหตุการณ์ค้นหาและกู้ภัย” โดยบุคคลสำคัญเข้าร่วมประกอบด้วยนายจงคล้าย วรพงศธร อดีตรองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งขณะนั้นเป็นรองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ พลเรือโทอาภากร อยู่คงแก้ว ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้บัญชาการบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือหรือหน่วยชีล พ.อ.นายแพทย์ ภาคย์ โลหารชุน นายแพทย์ใหญ่หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี นายชัยยนต์ ศรีสมุทร นากยกเทศมนตรี ต.แม่สาย พร้อมเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมีและผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เข้าร่วม
 
นายชุติเดช กล่าวว่าการเสวนาดังกล่าวยังจะมีผู้ที่เกี่ยวข้องมาบอกเล่าเหตุการณ์ซึ่งไม่เคยปรากฎที่สื่อไหนมาก่อนว่าเมื่อ 5 ปีก่อนสถานการณ์ที่พวกเขาพบเจอในเหตุการณ์กู้ภัยที่ถ้ำหลวงเป็นอย่างไรจึงขอเชิญชวนผู้สนใจไปร่วมกิจกรรม โดยจะมีการจัดของที่รำลึกที่มีชิ้นเดียวและหาที่ไหนไม่ได้ให้กับผู้ไปร่วมจำนวน 500 ชุด ทั้งนี้ในปัจจุบันถ้ำหลวงได้รับการพัฒนาทั้งด้านทรัพยากรธรณี และการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน นักท่องเที่ยวสามาถเข้าชมได้ตั้งแต่โถงปากถ้ำไปจนถึงโถงถ้ำที่ 1 ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ใช้เป็นศูนย์บัญชาการช่วยเหลือในเหตุการณ์ปี 2561 และต่อไปจะผลักดันให้เป็นมรดกของอาเซียนต่อไป
 
ในปัจจุบันยังคงมีนักท่องเที่ยวไปเยือนถ้ำหลวงอย่างต่อเนื่อง โดยทางกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้สร้างอาคารบันทึกเหตุการณ์เป็นถ้ำจำลองเพื่อบอกเล่าเรื่องราวช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมี มีศาลาอนุสรณ์สถานที่มีผลงานศิลปะที่เกี่ยวข้องและอนุสาวรีย์จ่าแซมที่สร้างโดยศิลปินนำโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย รวมทั้งมีการพัฒนาถนน ทางเดิน ไฟส่องสว่างและข้อมูลระหว่างทาง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางไปชมและเข้าชมภายในโถงปากถ้ำถึงโถงถ้ำที่ 1 ได้โดยสะดวก อย่างไรก็ตามทางอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ ด้มีประกาศปิดถ้ำหลวงตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค. – 30 ก.ย.นี้ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝนทำให้อาจมีปริมาณน้ำในถ้ำอาจเพิ่มมากขึ้น กระนั้นนักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางไปเที่ยวชมได้ถึงกลางเดือน ก.ค.นี้
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

“ข้าวหมกไก่” และ “ไก่ย่าง” ติดอันดับ 1 ใน 50 อาหารเมนูไก่ที่ดีที่สุดในโลก

 
เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีกับผลการจัดอันดับอาหารเมนูไก่ จากเว็บไซต์ TasteAtlas เว็บไซต์อาหารชื่อดัง ที่จัดอันดับความอร่อยของอาหารหลากหลายจากทั่วโลก ในการจัดอันดับ 50 Best Rated CHICKEN DISHES in the World หรือ เมนูอาหารประเภทไก่ที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งผลการจัดอันดับเมนูไก่จากประเทศไทย ติด 1 ใน 50 อาหารเมนูไก่ที่ดีที่สุดในโลกถึง 2 รายการ ได้แก่ ข้าวหมกไก่ (อันดับที่ 38) และไก่ย่าง (อันดับที่ 46) (https://www.tasteatlas.com/50-best-rated-chicken-dishes-in-the-world)
 
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมนูข้าวหมกไก่ ได้รับการจัดอันดับอยู่ที่ 38 ด้วยคะแนน 4.3 คะแนน โดยเว็บไซต์ TasteAtlas ระบุว่า เมนูนี้ได้รับความนิยมในหมู่คนไทยมุสลิม เป็นเมนูฮาลาล ที่พ่อค้าเปอร์เซียได้แนะนำสู่คนไทยเมื่อศตวรรษที่ผ่านมา โดยเมนูนี้เป็นข้าวหมกไก่เวอร์ชั่นไทย และถูกกล่าวถึงครั้งแรกในบทประพันธ์ของไทย ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 
 
สำหรับ เมนูไก่ย่าง ได้รับการจัดอันดับอยู่ที่ 46 ด้วยคะแนน 4.2 คะแนน ทางเว็บไซต์ระบุว่า ไก่ย่างได้รับความนิยมรับประทานจากคนไทยทั่วประเทศ แม้ว่าจะมีต้นกำเนิดมาจากชาวลาวในภาคอีสานของไทยก็ตาม ปกติจะทานคู่กับข้าวเหนียว น้ำจิ้ม รวมถึงส้มตำ ที่หาทานได้ง่าย โดยไก่ย่างจะมีความแตกต่างจากไก่อื่น คือ กรรมวิธีการหมักไก่นั่นเอง ทั้งนี้ ในประเทศไทยจะหาเมนูไก่ย่างได้ตามร้านอาหารข้างทางทั่วประเทศไทย 
 
“นายกรัฐมนตรีชื่นชมและเชื่อมั่นในอาหารไทยซึ่งได้รับการจัดอันดับอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงเอกลักษณ์ ความโดดเด่นทางวัฒนธรรมอาหารที่หลากหลาย และมีรสชาติที่กลมกล่อม พิถีถันในการเลือกวัตถุดิบ ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ทรงคุณค่ามีโภชนาการ เป็นที่นิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยว สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศอย่างต่อเนื่อง” นายอนุชาฯ กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : TasteAtlas

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

วธ. ปลื้มกระแสตอบรับบ้านศรีดอนชัย “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” จ.เชียงราย

 

วธ. ปลื้มกระแสตอบรับ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ปี 64-65 ดีเกินคาด สร้างรายได้ท่องเที่ยว เพิ่มขึ้น ร้อยละ 134.27 รายได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) เพิ่มขึ้นร้อยละ 59.19 เกิดนักท่องเที่ยว เพิ่มขึ้นร้อยละ 100.64 ด้านบ้านเชียง จ.อุดรธานี , บ้านศรีดอนชัย จ.เชียงราย , บ้านถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู ได้รับความนิยมสูงสุด ผู้คนติดใจเสน่ห์บรรยากาศของชุมชน อาหาร และสินค้าชุมชน 

นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้ ทางคณะทำงานโครงการ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ได้ทำแบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อโครงการสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ บุคลากรของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด เครือข่ายทางวัฒนธรรม นักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดที่ชุมชนได้รับการคัดเลือกเป็นสุดยอดชุมชนต้นแบบ ฯ จำนวน 19 จังหวัด และในพื้นที่จังหวัดที่ชุมชนไม่ได้รับการคัดเลือกเป็นสุดยอดชุมชนต้นแบบ ฯ จำนวน 57 จังหวัด รวมจำนวน 3,089 คน ซึ่งเป็นการสอบถามเกี่ยวกับการรับรู้ ประสบการณ์ ความประทับใจ การมีส่วนร่วม ตลอดจนมุมมองความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาการท่องเที่ยววิถีชุมชน

ปลัด วธ. กล่าวว่า ผลปรากฏว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ เคยได้ยินหรือรับรู้รับทราบเกี่ยวกับโครงการ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ดังกล่าวมาบ้างแล้ว โดยผู้ที่อยู่ในพื้นที่ชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” จะมีการรับรู้รับทราบมากกว่าผู้ตอบแบบสอบถามที่อยู่นอกพื้นที่ ในส่วนของชุมชนที่ได้รับความนิยมและมีผู้เคยไปท่องเที่ยวมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ 1.ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี 2.ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านศรีดอนชัย จ.เชียงราย และ3.ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู ด้านชุมชนที่ส่วนใหญ่คิดว่าจะไปเพิ่มเติมมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ 1.ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านศรีดอนชัย จังหวัดเชียงราย 2.ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านผาบ่อง จ.แม่ฮ่องสอน 3.ชุมชนคุณธรรมฯ แหลมสัก จ.กระบี่ นอกจากนี้ ด้านเสน่ห์ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบจากการที่ได้ไปท่องเที่ยว ณ สุดยอดชุมชนต้นแบบฯ ได้แก่ “บรรยากาศของชุมชน” รองลงมา คือ “อาหาร” และ “สินค้าชุมชน” ตามลำดับ

นางยุพา กล่าวต่อไปว่า สำหรับการจัดโครงการคัดเลือก 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ในปี 2564 และ 2565 รวม 20 ชุมชน นั้น ทำให้ระดับการพัฒนาของสุดยอดชุมชนต้นแบบฯ ทั้ง 20 ชุมชน มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวชุมชน จากเดิมการก่อนได้รับคัดเลือก 133,033,148 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 311,659,739 บาท คิดเป็นร้อยละ 134.27 รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) เดิม 8,929,479 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 14,214,750 บาท คิดเป็นร้อยละ 59.19 จำนวนนักท่องเที่ยว เดิม 678,008 คน เพิ่มขึ้นเป็น 1,360,376 คน คิดเป็นร้อยละ 100.64 โดยเป็นการเปรียบเทียบจากข้อมูลรายได้ภายหลัง 1 ปี ของชุมชนที่ได้รับรางวัลสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ปี 2564 และครึ่งปีของชุมชนที่ได้รับรางวัลสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ปี 2565 นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามยังได้ให้ข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาให้ชุมชนเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่มีบรรยากาศของชุมชนมากขึ้น การเดินทางสะดวก ชุมชนแสดงออกถึงอัตลักษณ์ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

“ขณะนี้ วธ. กำลังคัดเลือก 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ทั่วทั้งประเทศ ทั้งนี้ วธ. จะมุ่งส่งเสริมพัฒนาสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว
ที่มีบรรยากาศของชุมชน มีภูมิทัศน์น่าสนใจและรื่นรมย์ รวมถึงส่งเสริมให้ชุมชนนำอัตลักษณ์และทุนทางวัฒนธรรมของชุมชน มาพัฒนาเป็นจุดขายแก่นักท่องเที่ยวมากขึ้น เน้นให้ความสำคัญในเรื่องการเดินทางสะดวกเข้าถึงได้ง่าย เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน พร้อมด้วยการจัดพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติจากนายกรัฐมนตรี เป็นการการันตีชุมชนที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และทำให้มีผู้มาเยือนเพิ่มมากขึ้น” ปลัด วธ.กล่าว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
HEALTH

ดื่มน้ำโซดาช่วยทำให้อาหารย่อยได้ง่ายขึ้นไม่เป็นความจริง

วันที่ 1 กรกฎาคม 2566  ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยข่าวปลอม อย่าแชร์! ดื่มน้ำโซดาช่วยทำให้อาหารย่อยได้ง่ายขึ้น

 

ตามที่มีการแชร์ข้อความผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ในประเด็นเรื่องดื่มน้ำโซดาช่วยทำให้อาหารย่อยได้ง่ายขึ้น ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

กรณีที่มีข้อความชวนเชื่อที่ระบุว่า ดื่มน้ำโซดาช่วยทำให้อาหารย่อยได้ง่ายขึ้นนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า โซดา คือ น้ำ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งไม่มีส่วนช่วยในการย่อยอาหาร อีกทั้งยังไม่มีการศึกษาใดยืนยันได้ว่า การดื่มโซดาช่วยย่อยอาหารได้ ซึ่งโซดามีฤทธิ์เป็นกรดเล็กน้อย ไม่มีฤทธิ์ในการย่อยอาหาร

นอกจากนี้แล้วความเป็นกรดของโซดาเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งเสริมให้เกิดกรดไหลย้อนและฟันผุ ผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน หรือโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารควรหลีกเลี่ยงการดื่มโซดา 

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th หรือหากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1556

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : โซดา คือ น้ำ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งไม่มีส่วนช่วยในการย่อยอาหาร อีกทั้งยังไม่มีการศึกษาใดยืนยันได้ว่า การดื่มโซดาช่วยย่อยอาหารได้

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

มทบ.37 จัดกำลังพลปรับปรุง อ่างเก็บน้ำ อ.แม่ฟ้าหลวง

 

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 66 เวลา 09.00 น. ร.อ.จรัญ นาคจาด นายทหารประสานงานศอป.โครงการ พมพ.แม่ฟ้าหลวง – แม่จัน พร้อมด้วยกำลังพล ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ ปรับปรุงระบบน้ำประปาภูเขาเนื่องจากมีเศษไม้และทรายอุดตันท่อน้ำทำให้น้ำไม่ไหล ณ อ่างเก็บน้ำบ้านเทอดไทย ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News