Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS VIDEO

จากภูมิปัญญาชนเผ่าล้านนา ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา 15 เมตร ดอยตุงสู่เวทีโลก

เซ็นทรัลเชียงรายเปิดเทศกาล “สีสันกาสะลอง 2025” อลังการ “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” จากภูมิปัญญาดอยตุง ชู Soft Power ล้านนา–ชนเผ่า เชื่อมเศรษฐกิจท่องเที่ยวฤดูหนาวเชียงราย

เชียงราย, 27 พฤศจิกายน 2568 – ฤดูหนาวปีนี้ จังหวัดเชียงรายกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดม่าน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2025” อย่างเป็นทางการ พร้อมพิธี “Light Up Christmas Tree Celebration” จุดไฟต้นคริสต์มาสกลางลานกาสะลอง สร้างบรรยากาศรับลมหนาวให้กับเมืองเหนือปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ

ภายใต้แสงไฟนับพันดวงและเสียงดนตรีที่ดังคลอไปกับเสียงปรบมือของผู้เข้าร่วมงาน “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” สูงกว่า 15 เมตร ค่อย ๆ สว่างไสวขึ้นกลางลาน ดึงสายตาผู้คนให้หยุดนิ่งราวกับฝัน ภาพของงานคราฟต์ไม้ไผ่สานที่เรียงตัวเป็นลวดลายชนเผ่าล้านนา สอดประสานกับสีสันของผืนผ้าทอและงานย้อมสีธรรมชาติ กลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของการเฉลิมฉลองปลายปีที่ผสานทั้งความศรัทธา ศิลปวัฒนธรรม และเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเข้าไว้ด้วยกัน

พิธีจุดไฟใต้สายลมหนาว และการรวมตัวของภาคีเชียงราย

บรรยากาศในวันเปิดงานเต็มไปด้วยความคึกคักของประชาชน นักท่องเที่ยว และพันธมิตรจากทุกภาคส่วนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในช่วงเวลาสำคัญของเมืองเชียงราย โดยได้รับเกียรติจาก

  • นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
  • นายพรเทพ อรรถกิจไพศาล ผู้อำนวยการกลุ่มงานปฏิบัติการสาขาเขตภาคเหนือ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
  • นายปิยะ มิตรสิตะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
  • นายชัยพฤกษ์ เสาวมล หัวหน้าสายการจัดการ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์
  • นางยุรีพรรณ แสนใจยา ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย
    รวมถึงผู้แทนจากการท่องเที่ยวและกีฬาเชียงราย, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, เทศบาลนครเชียงราย, สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด และภาคีเครือข่ายเอกชนในพื้นที่

การมีส่วนร่วมของภาคีเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า เทศกาลสีสันกาสะลองไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมของศูนย์การค้า แต่กลายเป็น “แพลตฟอร์มกลาง” ที่ภาครัฐ เอกชน และชุมชนใช้ร่วมกันในการยกระดับภาพลักษณ์เชียงรายในฐานะเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและเมืองแห่งไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ในเวลาเดียวกัน

บรรยากาศในค่ำคืนเปิดไฟยิ่งคึกคักขึ้น เมื่อเสียงร้องทรงพลังของดีว่าสาว “แก้ม วิชญาณี” ดังขึ้นบนเวทีกลางลานกาสะลอง สร้างความประทับใจให้ผู้ร่วมงานทั้งชาวเชียงรายและนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมารอชมการแสดงเปิดงานโดยเฉพาะ

 “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” จากภูเขาสู่ลานเมือง

หัวใจของเทศกาลสีสันกาสะลอง 2025 คือ “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” ทั้ง 7 ต้น ที่ถูกออกแบบและสร้างสรรค์จากภูมิปัญญาชนเผ่าบนดอยตุง ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Magic of Chiang Rai’ ที่ต้องการเชื่อม “หัวใจของดอยตุง” เข้ากับ “ความมหัศจรรย์แห่งเชียงราย”

วัสดุหลักที่ใช้ในการรังสรรค์ต้นคริสต์มาสคือไม้ไผ่สาน ซึ่งเป็นวัสดุพื้นถิ่นที่ผูกพันกับวิถีชีวิตของชุมชนบนพื้นที่สูงมายาวนาน ผ่านเทคนิคการสานโบราณและการย้อมสีธรรมชาติที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน แต่ครั้งนี้ถูกนำมาจัดองค์ประกอบในรูปแบบร่วมสมัย เพื่อให้ทั้งนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่และผู้มาเยือนได้เห็นคุณค่าของภูมิปัญญาในบริบทใหม่

ลวดลายบนงานสานและเครื่องประดับแต่ละต้นถ่ายทอดอัตลักษณ์ของ 4 ชนเผ่าหลักบนดอยตุง ได้แก่ อาข่า ลาหู่ ลัวะ และไทใหญ่ ผ่านสีสัน ลวดลาย และรูปทรงที่สื่อถึงวิถีชีวิต ความเชื่อ ความสามัคคี และความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับธรรมชาติ รอบฐานต้นคริสต์มาสยังประดับด้วยองค์ประกอบที่สื่อถึงหมอกบนยอดดอย สวนไม้ดอก และทิวเขาเชียงราย สร้างภาพจำให้ผู้มาเยือนรู้สึกถึงบรรยากาศ “หมอกพันวา” ที่โอบล้อมเมืองในฤดูหนาว

การออกแบบครั้งนี้ยังมีนัยสำคัญในเชิงสัญลักษณ์ เนื่องจากเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงริเริ่มงานพัฒนาดอยตุงที่เปลี่ยนพื้นที่ภูเขาเสื่อมโทรมให้กลายเป็นพื้นที่ต้นแบบด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของชนเผ่าต่าง ๆ บนพื้นที่สูง

Soft Power สายเหนือ จากงานคราฟต์สู่เวทีโลก

แนวคิด “Local Essence Advocator” ที่เซ็นทรัลพัฒนาประกาศใช้ในการพัฒนาศูนย์การค้าทั่วประเทศ ถูกแปลความอย่างชัดเจนในเชียงรายผ่านเทศกาลสีสันกาสะลองและต้นคริสต์มาสหมอกพันวา ซึ่งไม่ได้หยุดอยู่เพียงระดับงานตกแต่ง แต่ขยับตัวขึ้นมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสาร Soft Power ของไทยสู่สายตานักท่องเที่ยวทั่วโลก

การเลือกหยิบภูมิปัญญาไม้ไผ่สานและศิลปะของชนเผ่าดอยตุงมาเป็นตัวนำเรื่องราว ช่วยทำให้ “วัฒนธรรมที่เคยอยู่บนดอย” ถูกย้ายลงมาอยู่ใจกลางเมืองในรูปแบบที่จับต้องได้ เข้าใจง่าย และพร้อมต่อการสื่อสารผ่านสื่อสมัยใหม่ ทั้งภาพถ่าย วิดีโอ และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่นักท่องเที่ยวใช้บันทึกและแบ่งปันประสบการณ์ของตนเอง

นอกจากการเป็นจุดถ่ายภาพหลักของงานแล้ว ต้นคริสต์มาสหมอกพันวายังถูกออกแบบให้มีมิติการเรียนรู้ซ่อนอยู่ ทั้งในแง่เรื่องราวของชนเผ่า ลวดลายดั้งเดิม และเส้นทางการพัฒนาดอยตุงที่เชื่อมโยงกับแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการท่องเที่ยวเชิงความหมาย การมีส่วนร่วมของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ยิ่งช่วยเสริมความน่าเชื่อถือให้กับการเล่าเรื่องในมิตินี้

เมื่อผนวกเข้ากับการทำตลาดของเซ็นทรัลพัฒนาที่เชื่อมแคมเปญปลายปีในระดับประเทศกับกิจกรรมเฉพาะพื้นที่ของเชียงราย เทศกาลสีสันกาสะลองจึงกลายเป็นตัวอย่างของการนำ Soft Power ระดับท้องถิ่นมาร้อยเรียงเข้ากับกลยุทธ์ระดับชาติอย่างเป็นรูปธรรม

เศรษฐกิจ–การท่องเที่ยว 3 เดือนเต็มกับ “The Magic of Food & Craft”

เทศกาลสีสันกาสะลอง 2025 จัดต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ถึง 31 มกราคม 2569 รวมระยะเวลาราว 3 เดือนในช่วงไฮซีซั่นของเชียงราย ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในจังหวัดปลายทางฤดูหนาวยอดนิยมของทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ โครงสร้างของงานในปีนี้ถูกออกแบบให้ตอบโจทย์ทั้งการสร้างประสบการณ์และการกระจายรายได้สู่ชุมชน

โซนกิจกรรมสำคัญแบ่งออกได้เป็น 3 แกนหลัก ได้แก่

  1. The Magic of Food
    • รวบรวมอาหารชนเผ่าและเมนูท้องถิ่นหายากมากกว่า 30 ร้าน จากทั้งชุมชนบนดอยและผู้ประกอบการในเมือง
    • นักท่องเที่ยวสามารถลิ้มลองรสชาติที่สะท้อนวิถีชีวิตล้านนาและชนกลุ่มน้อย เช่น เมนูพื้นบ้านดอยตุง เมนูจากผักและสมุนไพรท้องถิ่น รวมถึงอาหารล้านนารสต้นตำรับ
    • โซนนี้ไม่เพียงตอบโจทย์นักชิม แต่ยังเป็นช่องทางให้ชุมชนได้ทดลองพัฒนาสินค้าและแบรนด์ของตนเองในตลาดเมือง
  2. The Magic of Craft
    • จำลองหมู่บ้านชนชาติพันธุ์และเปิดพื้นที่ให้ร้านค้างานแฮนด์เมด–งานคราฟต์กว่า 30 ร้าน เข้าร่วมจำหน่ายสินค้าโดยตรง
    • สินค้าในโซนนี้มีตั้งแต่งานทอผ้า เครื่องเงิน งานสานไม้ไผ่ ผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมสีธรรมชาติ ไปจนถึงของใช้ร่วมสมัยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายชนเผ่า
    • รายได้ที่เกิดขึ้นช่วยเสริมความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจฐานราก ขณะเดียวกันก็เพิ่มโอกาสให้ช่างฝีมือรุ่นใหม่ได้เรียนรู้การทำตลาดกับผู้บริโภคเมืองและนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยตรง
  3. The Magic of Entertainment
    • เวทีการแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนาและชนเผ่าหมุนเวียนตลอดเทศกาล
    • ดนตรีเปิดหมวก–โฟล์กซองจากศิลปินท้องถิ่นกว่า 120 การแสดง ช่วยสร้างบรรยากาศเป็นกันเองและเปิดพื้นที่ให้นักดนตรีท้องถิ่นได้แสดงผลงาน
    • ช่วงปลายปีมีกิจกรรมพิเศษร่วมกับตัวละคร Disney เพื่อดึงดูดกลุ่มครอบครัวและเด็ก เพิ่มสีสันให้ลานกาสะลองกลายเป็นจุดเช็คอินของคนทุกวัย

โครงสร้างกิจกรรมในลักษณะนี้ช่วยให้ศูนย์การค้ากลายเป็น “จุดตัด” ระหว่างเศรษฐกิจเมืองกับเศรษฐกิจชุมชน นักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาเยือนเชียงรายในช่วงฤดูหนาวสามารถใช้เซ็นทรัลเชียงรายเป็นฐานในการเริ่มต้นรู้จักวัฒนธรรมของจังหวัด ผ่านอาหาร งานฝีมือ และการแสดง ก่อนจะเดินทางต่อไปยังดอยตุง ดอยแม่สลอง หรือแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในพื้นที่

ความร่วมมือหลายภาคส่วน เมื่อศูนย์การค้ากลายเป็นเวทีของเมือง

สิ่งที่โดดเด่นในเทศกาลสีสันกาสะลอง 2025 คือระดับของ “ความร่วมมือ” ที่ขยายวงกว้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งระหว่างภาครัฐ เอกชน และองค์กรด้านวัฒนธรรม–พัฒนาชุมชน

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย และสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาเชียงราย ใช้เทศกาลนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักในปฏิทินท่องเที่ยวฤดูหนาว โดยบูรณาการข้อมูลกับแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัด ทำให้เทศกาลไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว แต่เชื่อมโยงกับเส้นทางท่องเที่ยวระดับจังหวัดและภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอย่างชัดเจน

ทางด้านมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ นอกจากสนับสนุนองค์ความรู้ด้านภูมิปัญญาชนเผ่าและงานคราฟต์แล้ว ยังเป็นสะพานเชื่อมระหว่างชุมชนบนดอยกับแพลตฟอร์มตลาดในเมือง ช่วยให้ผลิตภัณฑ์และศิลปะของชุมชนสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลากหลายขึ้น โดยยังคงรักษาความถูกต้องของบริบททางวัฒนธรรม

สำหรับภาครัฐท้องถิ่น ทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เทศบาลนครเชียงราย และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ต่างมีบทบาทในการอำนวยความสะดวกและสนับสนุนด้านข้อมูลวัฒนธรรม รวมถึงช่วยประชาสัมพันธ์เทศกาลให้เข้าถึงคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดมากขึ้น

ความร่วมมือในลักษณะนี้ทำให้เทศกาลไม่ได้ถูกมองเพียงแค่ “งานอีเวนต์ของศูนย์การค้า” แต่เริ่มใกล้เคียงกับการเป็น “เทศกาลของเมือง” ที่ทุกภาคส่วนมีความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน

มิติของผู้มาเยือน จุดเช็คอินเดียวที่ตอบโจทย์หลายกลุ่ม

ในเชิงประสบการณ์ของผู้มาเยือน เทศกาลสีสันกาสะลอง 2025 ถูกออกแบบให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย

  • กลุ่มครอบครัวและแม่บ้าน สามารถใช้ศูนย์การค้าเป็นพื้นที่พักผ่อนที่ปลอดภัย มีทั้งจุดถ่ายรูป มุมอาหาร และกิจกรรมสำหรับเด็ก โดยไม่ต้องเดินทางไกลขึ้นดอย
  • กลุ่มคนรุ่นใหม่ ได้พื้นที่ถ่ายภาพและคอนเทนต์ที่มีความ “Instagrammable” แต่ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสเรียนรู้เรื่องราวของชนเผ่าและงานฝีมืออย่างเป็นรูปธรรม
  • กลุ่มนักธุรกิจและนักลงทุนด้านท่องเที่ยว–ไลฟ์สไตล์ สามารถมองเห็นศักยภาพของเชียงรายในฐานะเมืองที่ผสมผสานวัฒนธรรมกับธุรกิจบริการและค้าปลีกได้อย่างลงตัว ผ่านรูปธรรมของการทำงานร่วมกันระหว่าง CPN หน่วยงานรัฐ และชุมชน

เมื่อเชื่อมโยงกับบรรยากาศฤดูหนาวของเชียงราย เทศกาลนี้จึงทำหน้าที่ทั้งเป็น “หน้าต่าง” ให้คนภายนอกได้รู้จักเมือง และเป็น “กระจก” ให้คนเชียงรายได้มองเห็นคุณค่าท้องถิ่นของตัวเองในมุมมองใหม่

จากต้นคริสต์มาสหนึ่งต้น สู่ภาพใหญ่ของเมืองและผู้คน

ตลอด 3 เดือนของการจัดงาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2025” ที่ลานกาสะลอง ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ต้นคริสต์มาสหมอกพันวาไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเป็นฉากหลังของรูปถ่าย แต่ได้กลายเป็นจุดนัดพบของเรื่องราวหลากหลายชั้น

ชั้นแรก คือ เรื่องราวของการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง และการสืบสานแนวคิดการพัฒนาดอยตุงที่เน้นความยั่งยืนและการพึ่งพาตนเองของชุมชนบนพื้นที่สูง

ชั้นที่สอง คือ เรื่องราวของ Soft Power เชิงวัฒนธรรม ที่ดึงภูมิปัญญา 4 ชนเผ่าบนดอยตุงมาสร้างมูลค่าใหม่ผ่านงานออกแบบร่วมสมัยในพื้นที่เมือง และเปิดโอกาสให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในห่วงโซ่เศรษฐกิจท่องเที่ยว

ชั้นที่สาม คือ เรื่องราวของเศรษฐกิจท่องเที่ยวเชียงราย ที่ใช้เทศกาลนี้เป็นแรงขับเคลื่อนให้ผู้คนเดินทางเข้ามาใช้จ่าย กิน เที่ยว ชม และเรียนรู้ในช่วงไฮซีซั่น สร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจให้ทั้งธุรกิจขนาดใหญ่และฐานราก

และในชั้นสุดท้าย คือ เรื่องราวของผู้คน – ทั้งชาวเชียงรายที่เติบโตมากับวิถีชีวิตริมดอยและนักท่องเที่ยวที่เพิ่งได้สัมผัสเชียงรายเป็นครั้งแรก – ที่ได้ใช้พื้นที่เดียวกันในการแบ่งปันประสบการณ์และตีความ “ความมหัศจรรย์ของเชียงราย” ในแบบของตนเอง

ฤดูหนาวนี้ สำหรับใครที่กำลังมองหาจุดเช็คอินที่ผสมผสานความงดงามของศิลปวัฒนธรรมกับบรรยากาศการเฉลิมฉลองปลายปี เทศกาลสีสันกาสะลอง 2025 และ “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” หนึ่งเดียวในโลก ณ ลานกาสะลอง ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย คือหนึ่งในพื้นที่ที่สะท้อนให้เห็นว่า เมืองหนึ่งเมืองสามารถใช้วัฒนธรรมของตนเองเป็นฐานในการสร้างอนาคตได้อย่างไร

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย
  • บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) – ตามเอกสารและข้อความที่ผู้จัดงานจัดเตรียม
  • มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
TRAVEL

Thailand Winter Festivals เปิดเทศกาลหน้าหนาวทั่วไทย

‘Thailand Winter Festivals’ เทศกาลหน้าหนาวทั่วไทย ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานแถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรม ‘Thailand Winter Festivals’ ที่จะจัดขึ้นในช่วงฤดูหนาว โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับประเทศภายใต้การสนับสนุนจากหลายภาคส่วน เทศกาลนี้จะประกอบไปด้วยกิจกรรมไฮไลท์ 7 ประเภท ได้แก่ เทศกาลลอยกระทง เทศกาลเคาท์ดาวน์ กิจกรรมเชิงกีฬา กิจกรรมด้านวัฒนธรรม เทศกาลอาหาร เทศกาลดนตรี และเทศกาลแสงสี ซึ่งจะมีการจัดขึ้นในหลายจังหวัดทั่วประเทศ สร้างความหลากหลายในการท่องเที่ยวและประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับผู้มาเยือน

บรรยากาศต้อนรับฤดูหนาวทั่วประเทศ

นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้ร่วมสวมผ้าพันคอเข้าธีมฤดูหนาว โดยใช้ผ้าทอดอยตุง หมักโคลน โทนสีธรรมชาติจากจังหวัดเชียงราย ซึ่งแสดงถึงความเป็นไทยและเอกลักษณ์ท้องถิ่นของภาคเหนือ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าถึงแม้ฤดูหนาวในประเทศไทยอาจไม่หนาวจัดเหมือนบางประเทศ แต่การจัดกิจกรรมนี้ถือเป็นโอกาสในการดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังสร้างบรรยากาศที่น่าสนใจและเสน่ห์ให้กับประเทศไทยในช่วงปลายปี

7 กิจกรรมหลักทั่วไทย ตอบโจทย์ทุกความสนใจ

เทศกาลนี้จะมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ เริ่มต้นจากเทศกาลลอยกระทงที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปในแต่ละจังหวัด การจัดงานในหลากหลายสถานที่ช่วยให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ที่ฟื้นตัวหลังจากประสบอุทกภัย นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งในภาคเหนือและภาคอื่นๆ อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ กิจกรรมด้านวัฒนธรรม เทศกาลดนตรี เทศกาลอาหาร และกิจกรรมแสงสียังเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อโปรโมทความหลากหลายของวัฒนธรรมและสไตล์การท่องเที่ยวที่มีอยู่ในทุกภูมิภาคของไทย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี สร้างรายได้และสร้างโอกาสให้กับคนในท้องถิ่น

เทศกาล “Thailand Winter Festivals 2024” ที่จัดขึ้นในปีนี้ จะมีความหลากหลาย น่าสนใจและยิ่งใหญ่กว่าเดิม เพื่อนำส่งประสบการณ์ความสุขช่วงปลายปี โดยมีกิจกรรมไฮไลท์ใน 7 หมวดหมู่ ดังนี้

1. เทศกาลลอยกระทง ประเพณีลอยกระทงอันทรงคุณค่าสะท้อนความเป็นไทยอย่างสร้างสรรค์จากอัตลักษณ์ท้องถิ่นบนรากฐานทางวัฒนธรรม หรือ Soft Power และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กิจกรรม โดยมีการจัดงานทั่วประเทศ อาทิ งานสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง  ณ คลองผดุงกรุงเกษม (ย่านหัวลำโพง) ในวันที่ 13-16 พฤศจิกายน 2567, งานลอยกระทงวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร วันที่ 14-16 พฤศจิกายน 2567, ประเพณีเผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย วันที่ 8 – 18 พฤศจิกายน 2567 ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย, ประเพณียี่เป็ง จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 14 – 17 พฤศจิกายน 2567 ทั่วจังหวัดเชียงใหม่, ประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป ๑๐๐๐ ดวง จังหวัดตาก วันที่ 15 – 18 พฤศจิกายน 2567 ณ ริมสายธารลานกระทงสาย เชิงสะพานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี อำเภอเมืองตาก, ประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม วันที่ 15-17 พฤศจิกายน 2567 ณ บริเวณสองฝั่งน้ำแม่กลอง ได้แก่ ฝั่งอุทยาน ร.2 และฝั่งวัดภุมรินทร์กุฎีทอง, ประเพณีสมมาน้ำคืนเพ็ง เส็งประทีป จังหวัดร้อยเอ็ด วันที่ 14 – 15 พฤศจิกายน 2567 ณ บึงพลาญชัย

2. เทศกาล Countdown ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ช่วงคริสต์มาสสู่การส่งท้ายปีแบบยิ่งใหญ่ตระการตา ทั้งการจัดแสดงพลุและแสงสีเสียงสื่อผสม การแสดงดนตรีจากศิลปินที่มีชื่อเสียง การแสดงทางวัฒนธรรม ไปจนถึงการขึ้นปีใหม่แบบไทยด้วยการสวดมนต์ข้ามปีและการทำบุญตักบาตร อาทิ Amazing Thailand Countdown 2025 ในวันที่ 28 ธันวาคม 2567 – 1 มกราคม 2568 กรุงเทพมหานคร, งาน ICONSIAM Amazing Thailand Countdown 2025 วันที่ 29-31 ธันวาคม 2567, งาน Centralworld Bangkok Countdown 2024 วันที่ 31 ธันวาคม 2567,  Amazing Chiang Mai Countdown 2025 วันที่ 21-31 ธันวาคม 2567 จังหวัดเชียงใหม่, HATYAI COUNTDOWN 2025 วันที่ 31 ธันวาคม 2567-1 มกราคม 2568 จังหวัดสงขลา, เทศกาลปีใหม่ Suphanburi Festival 2024 วันที่ 29-31 ธันวาคม 2567 จังหวัดสุพรรณบุรี

3. กิจกรรมเชิงกีฬา Amazing Thailand Marathon Bangkok ในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ณ บริเวณถนนพญาไท กรุงเทพฯ, งานวิ่งเทรลอินทนท์ Hoka Chiang Mai Thailand by UTMB วันที่ 5-8 ธันวาคม 2567 จังหวัดเชียงใหม่, เชียงใหม่มาราธอน วันที่ 22 ธันวาคม 2567 จังหวัดเชียงใหม่, Bangsaen 42  วันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดชลบุรี, KORAT MARATHON 2024 วันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดนครราชสีมา, ลากูน่า ภูเก็ต ไตรกีฬา วันที่ 17 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดภูเก็ต, Betong 21 International Half Marathon วันที่ 23-24 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดยะลา

4. กิจกรรมด้านวัฒนธรรม นำเสนออัตลักษณ์ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และเอกลักษณ์ที่โดดเด่นประจำท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ อาทิ มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์ วันที่ 14-25 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดสุรินทร์, งาน “ใส่ไทย เฟสติวัล (Sai Thai Festival) จังหวัดอุบลราชธานีในวันที่ 7-10 พฤศจิกายน 2567 และจังหวัดสุรินทร์ ในวันที่ 27-30 พฤศจิกายน 2567 และงานประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส วันที่ 20-25 ธันวาคม 2567 จังหวัดสกลนคร

5. เทศกาลอาหาร  มหกรรมอาหาร ฟู้ด เฟสติเว่อร์ วันที่ 11-15 ธันวาคม 2567  กรุงเทพฯ, งานเทศกาลปลาร้าหมอลำ Isan To The World วันที่ 26-29 ธันวาคม 2567 จังหวัดขอนแก่น, NORTHERN COFFEE Gathering 2024 วันที่ 29 พฤศจิกายน -1 ธันวาคม 2567 จังหวัดเชียงใหม่, Hidden Gem Food Festival วันที่ 11-15 ธันวาคม กรุงเทพฯ

6. เทศกาลดนตรี เพิ่มความคึกคักด้วยกิจกรรมทางด้านดนตรี ซึ่งจะจัดขึ้นในหลายพื้นที่ อาทิ Wonderfruit วันที่ 12-16 ธันวาคม 2567 จังหวัดชลบุรี, Rolling loud Thailand 2024 วันที่ 22-24 พฤศจิกายน 2567 ณ Legend Siam พัทยา, เชียงใหม่เฟส จังหวัดเชียงใหม่, Big Mountain จังหวัดนครราชสีมา, เทศกาลดนตรีนานาชาติ Maho Rasop จังหวัดปทุมธานี

7. เทศกาลแสงสี (Lighting & Illumination) พบกับมหาปรากฏการณ์แสดง แสง เสียง พลุ โดรน สุดยิ่งใหญ่ในงาน Vijit Chao Phraya 2024 วันที่ 16 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2567 ณ บริเวณสถานที่สำคัญริมแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น สะพานพระราม 8, อาคารสำนักงานราชนาวิกสภา (กองทัพเรือ), ป้อมวิไชยประสิทธิ์ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร, วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร, สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์  (สะพานพระพุทธยอดฟ้า), อาคารสุนันทาลัย (โรงเรียนราชินี), ไอคอนสยาม, สะพานพระปกเกล้า, เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีงานเทศกาลแสงสีอื่น ๆ ที่จะมาเติมสีสันอีกมากมาย อาทิ Awakening Bangkok วันที่ 8-17 พฤศจิกายน 2567 ย่านเมืองเก่าพระนคร กรุงเทพฯ, Night at the Museum Festivals 2024 วันที่ 1-31 ธันวาคม 2567 ณ มิวเซียมสยาม และพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้กว่า 24 แห่งทั่วกรุงเทพฯ และเทศกาล พลุนานาชาติ “Pattaya International Fireworks Festival 2024” วันที่ 29-30 พฤศจิกายน 2567 เลียบหาดพัทยา จังหวัดชลบุรี

การร่วมมือจากหลายภาคส่วนเพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณการทำงานร่วมกันของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ช่วยสนับสนุนให้เทศกาลนี้เกิดขึ้น นอกจากนี้ การจัดงานนี้ยังเป็นการแสดงความพร้อมของไทยในการเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกจังหวัด โดยไม่ได้เน้นเฉพาะจังหวัดหลักเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรองเพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ในท้องถิ่นอย่างทั่วถึง

ส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่านอกจากการดึงดูดนักท่องเที่ยวแล้ว เทศกาล ‘Thailand Winter Festivals’ ยังเป็นการแสดงออกถึงความพร้อมของไทยในการต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของไทยในฐานะประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และมีบรรยากาศการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและเป็นกันเอง อีกทั้งนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวสนับสนุนให้ประชาชนร่วมกันโปรโมทเทศกาลนี้ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศและเสริมสร้างเศรษฐกิจของไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News