Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สัญญาณอันตรายจากแม่กก สารหนูปนเปื้อน! รัฐ-ชุมชนผนึกกำลังกอบกู้สายน้ำ

เฝ้าระวังแม่กก” รัฐลุยแก้มลพิษน้ำ โลหะหนักเกินมาตรฐาน กระตุ้นชุมชนมีส่วนร่วม

สัญญาณอันตรายจากสายน้ำแม่กก จุดเริ่มต้นของปฏิบัติการเชิงรุก

เชียงราย, 9 กรกฎาคม 2568 – สายน้ำแม่กก ซึ่งเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตของคนเชียงราย กำลังเผชิญกับภัยคุกคามเชิงสิ่งแวดล้อม เมื่อสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ตรวจพบสารโลหะหนักบางชนิดในแม่น้ำกกเกินค่ามาตรฐาน โดยเฉพาะสารหนู (Arsenic) ที่อาจสะสมในระบบนิเวศและส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว

ด้วยความตระหนักถึงอันตรายที่อาจตามมา สำนักงานสิ่งแวดล้อมฯ จึงจัดกิจกรรม “ออกหน่วยเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมในชุมชน” ณ เทศบาลตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำ วิเคราะห์สารปนเปื้อน และสื่อสารข้อมูลให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์อย่างถูกต้อง

จากความวิตกของประชาชน สู่การขับเคลื่อนโดยหน่วยงานรัฐ

การตรวจพบค่าปนเปื้อนสารโลหะหนักในแม่น้ำกก ไม่เพียงแต่ส่งแรงสั่นสะเทือนไปถึงหน่วยงานรัฐ หากแต่ยังสร้างความวิตกกังวลในวงกว้างของชาวบ้านที่อาศัยและพึ่งพาน้ำจากแม่น้ำสายนี้โดยตรง

โดยมี นายสุรศักดิ์ วณิชอนุกูล ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย และ นางสาวปิยนุช ทรวงคำ ผู้อำนวยการส่วนการจัดการคุณภาพน้ำ อากาศและเสียง สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 นำทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำ วิเคราะห์ผลแบบทันที และให้ความรู้กับประชาชน

ปฏิบัติการ 7 ครั้ง 5 อำเภอ เฝ้าระวังน้ำจากต้นทาง

กิจกรรมจะจัดขึ้นทั้งหมด 7 ครั้ง ครอบคลุม 5 อำเภอหลักของจังหวัดเชียงราย ได้แก่ เมืองเชียงราย เวียงชัย เวียงเชียงรุ้ง ดอยหลวง และแม่จัน

ภารกิจหลักคือการเก็บตัวอย่างน้ำจากหลากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำบริโภค น้ำประปา หรือน้ำในแม่น้ำสาขา เพื่อวิเคราะห์ค่ามาตรฐานในระดับทันที ณ จุดตรวจสอบ ซึ่งช่วยให้สามารถตอบสนองต่อความผิดปกติได้รวดเร็วและตรงจุด

ผลการวิเคราะห์เบื้องต้นพบว่า แหล่งน้ำอุปโภคบริโภคส่วนใหญ่ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่แม่น้ำกกยังคงต้องได้รับการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการตรวจพบสารโลหะหนักที่สามารถเป็นอันตรายต่อสุขภาพและระบบนิเวศโดยรวม

ไม่ใช่แค่ตรวจน้ำ แต่สร้างความรู้ สื่อสาร และฟังเสียงชุมชน

ในกิจกรรมยังมีการจัดนิทรรศการ สื่อความรู้ และเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหา และตระหนักรู้ถึงอันตรายของสารปนเปื้อน พร้อมเรียนรู้วิธีการเฝ้าระวังในระดับชุมชน

เป้าหมายหลักคือการกระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์แหล่งน้ำ และรู้จักการสังเกตสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในชุมชนของตน รวมถึงรายงานข้อมูลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

การมีส่วนร่วมของประชาชน คือกุญแจสำคัญในการสร้างระบบเฝ้าระวังที่ยั่งยืน เพราะชุมชนที่ตื่นรู้และพร้อมมีส่วนร่วม จะช่วยลดช่องว่างระหว่างประชาชนกับหน่วยงานรัฐ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้มากขึ้น

แผนป้องกันระยะยาว ระบบเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมเชิงพื้นที่

สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 ยังมีแผนต่อเนื่องในการพัฒนาระบบเฝ้าระวังคุณภาพน้ำแบบเชิงพื้นที่ โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ชุมชน และภาควิชาการ เพื่อป้องกันปัญหามลพิษจากต้นทาง

นอกจากนี้ ผลการตรวจวิเคราะห์จะถูกรวบรวมเพื่อใช้ประกอบการวางแผนและกำหนดมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่จริง สำนักงานสิ่งแวดล้อมยืนยันว่าจะดำเนินการประเมินและสื่อสารข้อมูลอย่างโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลและมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

บทเรียนจากแม่กก จากวิกฤติสู่โอกาสของการพัฒนา

แม่น้ำกกในวันนี้อาจกำลังเผชิญกับภาวะปนเปื้อน แต่ปฏิบัติการเชิงรุกของหน่วยงานรัฐในครั้งนี้ นับเป็นก้าวแรกของการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมจากรากฐาน

หากชุมชนสามารถยืนหยัดและร่วมมือกับภาครัฐอย่างเข้มแข็ง ปัญหานี้จะไม่เพียงแต่ได้รับการแก้ไขเฉพาะหน้า แต่จะนำไปสู่การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน

เชียงรายในอนาคตอาจไม่ใช่เพียงเมืองที่ลุ่มน้ำแม่กกหล่อเลี้ยงชีวิต แต่จะกลายเป็นต้นแบบของการปกป้องแม่น้ำด้วยพลังของประชาชนและความรู้ที่เข้าถึง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่)
  • สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย
  • ข่าวประชาสัมพันธ์และสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ ณ เทศบาลตำบลแม่ยาว
  • รายงานวิเคราะห์คุณภาพน้ำประจำเดือนกรกฎาคม 2568
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

แม่น้ำกกสีเปลี่ยน สคพ.1 เร่งตรวจคุณภาพน้ำ ดิน เชียงราย

วิกฤตมลพิษแม่น้ำกก สารหนูเกินมาตรฐาน กระทบสุขภาพและเศรษฐกิจท้องถิ่น

สถานการณ์ที่นำไปสู่การตรวจสอบคุณภาพน้ำแม่น้ำกก

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (สคพ.1) เชียงใหม่ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำผิวดินและตะกอนดินในแม่น้ำกก จำนวน 9 สถานี ในพื้นที่อำเภอเชียงแสน อำเภอแม่จัน และอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย การดำเนินการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังคุณภาพน้ำ หลังจากที่ประชาชนในพื้นที่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีและความขุ่นของน้ำในแม่น้ำกก​

การตรวจสอบและผลการวิเคราะห์เบื้องต้น

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 สคพ.1 ได้ร่วมกับคณะทำงานระดับอำเภอ ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำในแม่น้ำกก ที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ โดยเน้นจุดที่ชาวบ้านอยู่อาศัยหรือใช้ประโยชน์ ได้แก่ บริเวณบ้านแก่งตุ้ม ห่างจากเขตแดนไทย-เมียนมา 500 เมตร บริเวณสะพานบ้านท่าตอน ห่างจากจุดแรก 9 กิโลเมตร และบริเวณผาใต้ ห่างจากสะพานบ้านท่าตอน 10 กิโลเมตร​

ผลการตรวจสอบเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 พบว่าไม่พบไซยาไนด์ในตัวอย่างน้ำ ซึ่งอาจเป็นเพราะไซยาไนด์สลายตัวเร็วจากการถูกแสงแดดและความร้อนจากอากาศ อย่างไรก็ตาม พบสารหนูเกินมาตรฐานทุกจุด โดยเฉพาะบริเวณแก่งตุ้ม พบสารหนูมีค่า 0.026 มิลลิกรัมต่อลิตร ในขณะที่ค่ามาตรฐานควรไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร​

ผลกระทบต่อสุขภาพและเศรษฐกิจในพื้นที่

การปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำกกส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยอาจทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า “ไข้ดำ” ซึ่งผู้ที่สัมผัสสารหนูจะมีจุดสีดำบนผิวหนัง ระคายเคือง อาหารเป็นพิษ และหากสัมผัสมากๆ อาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง​

นอกจากนี้ การปนเปื้อนดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาซึ่งบรรยากาศเงียบเหงา นักท่องเที่ยวลดลง ส่งผลต่อผู้ประกอบการในพื้นที่​

การตอบสนองของหน่วยงานภาครัฐ

เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2568 นายธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เป็นประธานการประชุมผ่านระบบออนไลน์เพื่อติดตามสถานการณ์ดังกล่าว ร่วมกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเร่งตรวจสอบหาสาเหตุของการปนเปื้อน และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) วางมาตรการการป้องกันและฟื้นฟูคุณภาพน้ำ หาแนวทางการแก้ไขปัญหาในระยะยาว

ต่อมา เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 พญ.อัมพร เพญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้เผยว่า กรมอนามัยได้เฝ้าระวังประเด็นปนเปื้อนสารหนู โดยตรวจปัสสาวะกลุ่มตัวอย่างเพื่อระวังผลกระทบ และสุ่มตรวจน้ำในครัวเรือน ซึ่งผลการตรวจสอบน้ำประปาไม่พบสารหนูเกินมาตรฐาน

ข้อเสนอแนะและความเห็นจากภาคประชาชน

นายชิตวัน ชินอนุวัฒน์ ส.ส.เชียงราย จากพรรคประชาชน ได้แสดงความคิดเห็นว่า รัฐบาลควรเร่งเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเกี่ยวกับการทำเหมืองทองของคนจีนที่ต้นน้ำ เนื่องจากไม่ทราบว่ามีกระบวนการบำบัดน้ำเสียหรือไม่ และในปีนี้นักท่องเที่ยวลดลงมาก ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในพื้นที่

ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำสำนักนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้เสนอให้รัฐบาลจัดตั้งสถาบันตรวจสอบคุณภาพน้ำในลุ่มน้ำโขงเหนือ ประจำจังหวัดเชียงราย และจัดตั้งคณะทำงานระดับประเทศและระดับจังหวัดที่มีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาระยะยาว พร้อมทั้งสร้างความโปร่งใสในการสื่อสารข้อมูลกับประชาชน

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • จากผลการตรวจสอบเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 พบสารหนูในแม่น้ำกกมีค่า 0.026 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ที่ 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษระบุว่า การสัมผัสสารหนูในระยะยาวสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดค่ามาตรฐานของสารหนูในน้ำดื่มไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ

สรุปและข้อเสนอแนะ

สถานการณ์การปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำกกเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อหลายมิติ ทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมของประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำกก โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงที่แม่น้ำกกไหลผ่าน ดังนั้นการแก้ไขปัญหานี้จึงต้องอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจังจากทั้งภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคเอกชน รวมถึงภาคประชาสังคม ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับภูมิภาค

แนวทางการดำเนินการระยะสั้นและระยะยาว

ในระยะสั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งรัดการดำเนินมาตรการป้องกันและลดความเสี่ยงต่อประชาชนอย่างเร่งด่วน อาทิ การเร่งจัดหาน้ำสะอาดเพื่ออุปโภคบริโภคให้กับชุมชนริมแม่น้ำกก การส่งเสริมความรู้เรื่องการกรองน้ำเบื้องต้นในครัวเรือน การจัดตั้งศูนย์แจ้งเตือนคุณภาพน้ำแบบเรียลไทม์ รวมถึงการตรวจคัดกรองสุขภาพประชาชนที่มีความเสี่ยงสูง

ในระยะยาว รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการเจรจาระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และประเทศจีน ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจกรรมเหมืองแร่และการใช้ที่ดินในต้นน้ำ โดยจะต้องผลักดันการทำข้อตกลงความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมในลักษณะรัฐต่อรัฐ (G to G) รวมทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดการลุ่มน้ำข้ามพรมแดนอย่างแท้จริง

การออกแบบนโยบายควรตั้งอยู่บนฐานข้อมูลที่เชื่อถือได้ โดยจัดให้มีหน่วยงานอิสระด้านการติดตามคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ไม่ขึ้นตรงต่อกระทรวงใด ๆ และเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส ตลอดจนส่งเสริมบทบาทของภาควิชาการในการวิเคราะห์ผลกระทบและเสนอแนวทางแก้ไขอย่างเป็นวิทยาศาสตร์

บทสรุป

เหตุการณ์ปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำกกที่เกิดขึ้นในปี 2568 ไม่ใช่เพียงปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เล็ก ๆ เท่านั้น หากแต่เป็นภาพสะท้อนของวิกฤต “มลพิษข้ามพรมแดน” ที่เกิดจากการขาดการจัดการร่วมกันของประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง การฟื้นฟูแม่น้ำกกและสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตริมน้ำได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง จำเป็นต้องมีแผนยุทธศาสตร์ที่บูรณาการทุกมิติ โดยเฉพาะความร่วมมือข้ามแดนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของชีวิตในภาคเหนือให้ยั่งยืนสืบไป

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • ค่าเฉลี่ยสารหนูในน้ำแม่น้ำกก ณ จุดตรวจแก่งตุ้ม: 0.026 มิลลิกรัม/ลิตร (ค่ามาตรฐาน: ไม่เกิน 0.01 มก./ลิตร) – ที่มา สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1, เมษายน 2568
  • ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวหดตัว ช่วงสงกรานต์ ปี 2568: นักท่องเที่ยวลดลงมากกว่า 70% – ที่มา สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย
  • จำนวนจุดตรวจวัดคุณภาพน้ำ-ดินในลุ่มแม่น้ำกก: 9 จุด – ที่มา รายงาน สคพ.1 วันที่ 22 เม.ย. 2568
  • ปริมาณน้ำในแม่น้ำกกลดต่ำกว่าค่ามาตรฐานเฉลี่ยในฤดูแล้งปีนี้กว่า 30% – ที่มา สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
  • กรณีปนเปื้อนโลหะหนักและสารหนูในลุ่มน้ำทั่วโลก: มีรายงานว่ากว่า 140 ล้านคนทั่วโลกได้รับผลกระทบจากน้ำที่ปนเปื้อนโลหะหนัก – ที่มา World Health Organization (WHO), 2024

หากรัฐบาลไทยสามารถเร่งดำเนินการตามแนวทางที่กล่าวมาได้อย่างจริงจัง แม่น้ำกกอาจกลับมาเป็นเส้นชีวิตของชุมชนริมฝั่งได้อีกครั้ง และเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับการจัดการสิ่งแวดล้อมในยุคที่โลกเผชิญความท้าทายร่วมกันข้ามพรมแดน.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1
  • สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
  • World Health Organization (WHO), 2024
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE