Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

สทนช. ลุยเชียงราย! ปูพรมข้อมูล วางแผนปฏิบัติการเชิงรุก รับมือพายุ “วิภา”

เลขาฯ สทนช. นำทัพ “ระดม-ประเมิน-ยกระดับ” บริหารจัดการน้ำรับมือพายุ “วิภา” ปูพรมข้อมูล-เดินหน้าแผนปฏิบัติการเชิงรุก

เชียงราย, 20 กรกฎาคม 2568  ท่ามกลางความผันผวนของสภาพอากาศและอิทธิพลจากพายุโซนร้อน “วิภา” ที่อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยในฤดูฝนปีนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) โดย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. นำคณะทำงานบูรณาการระหว่างส่วนกลางและท้องถิ่นลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายอย่างเข้มข้น มุ่งหน้ารวบรวมข้อมูล วิเคราะห์สถานการณ์น้ำแบบรอบด้าน และยกระดับมาตรการบริหารจัดการน้ำในจุดเสี่ยงสำคัญ เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ประชุมใหญ่ “ระดมสรรพกำลัง” – วิเคราะห์น้ำท่วมเสี่ยงสูงลุ่มน้ำโขง

เมื่อเวลา 13.00 น. ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล ได้เป็นประธานการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำโขงเหนือ ครั้งที่ 7/2568 โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด ตลอดจนผู้แทนจากหน่วยงานระดับชาติ อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กรมควบคุมมลพิษ และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

ที่ประชุมได้รับฟังและพิจารณาข้อมูลสถานการณ์น้ำครอบคลุมทุกมิติ ทั้งรายงานแนวโน้มฝน ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างในแม่น้ำหลักและลำน้ำสาขา คุณภาพน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและการเกษตร รวมถึงความก้าวหน้าโครงการสำคัญ เช่น การขุดลอกลำน้ำสาย ลำน้ำกก และลำน้ำรวก ตลอดจนการวางมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 อาทิ การพร่องน้ำ การระบายน้ำ และการตั้งจุดติดตามระดับน้ำ พร้อมระบบแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตอนบนที่เชื่อมโยงไทย-เมียนมา-ลาว

5 มาตรการเร่งด่วนตอบโจทย์การบริหารน้ำ “ยุคพายุ”

  1. ปรับปรุงการคาดการณ์ปริมาณฝน: สั่งการให้กรมอุตุนิยมวิทยาทบทวนแบบจำลองและฐานข้อมูลการคาดการณ์ฝนรายเดือนสำหรับสิงหาคม-กันยายน 2568 เป็นพิเศษ หลังปีที่ผ่านมาเกิดฝนสูงกว่าคาด และบางช่วงฝนน้อยเกินไป เพื่อให้แผนจัดการน้ำแม่นยำขึ้น
  2. วิเคราะห์ข้อมูลฝนระดับพื้นที่ย่อย: สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา จัดทำข้อมูลอากาศและฝนอย่างละเอียดระดับพื้นที่ ส่งต่อให้จังหวัดและหน่วยปฏิบัติพื้นที่ เพื่อกำหนดจุดเฝ้าระวัง ปรับแผนระบายน้ำ วางมาตรการแจ้งเตือนแบบเฉพาะจุด ลดความเสี่ยงจากการใช้ค่าเฉลี่ยระดับประเทศที่ไม่สะท้อนสภาพจริงในพื้นที่ภูเขาและชายแดน
  3. แผนบริหารจัดการน้ำอ่างเก็บน้ำสำคัญ: กำชับกรมชลประทานและ กฟผ. ร่วมวางแผนจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักทั้งลุ่มน้ำโขงเหนือ ยม และน่าน ให้คำนึงถึงปริมาณฝนจากพายุ “วิภา” ป้องกันกรณีปล่อยน้ำฉับพลันในช่วงฝนชุก
  4. เร่งพร่องน้ำกว๊านพะเยา: กำหนดแผนพร่องน้ำให้เสร็จทันก่อนฝนหนัก เพื่อเพิ่มพื้นที่กักเก็บ ลดความเสี่ยงน้ำท่วมพื้นที่เพาะปลูกและชุมชนในเดือนสิงหาคม-กันยายน 2568
  5. ปรับปรุงการรายงานคุณภาพน้ำ: กรมควบคุมมลพิษปรับเกณฑ์รายงานผลตรวจน้ำ เทียบมาตรฐาน FAO (สุขภาพ-การเกษตร) เสริมจากเกณฑ์น้ำผิวดินเดิม เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนต่อความปลอดภัยของน้ำกิน-น้ำใช้

ลงพื้นที่ “แม่สาย” – เจาะลึกจุดเสี่ยงลุ่มน้ำชายแดน

หลังประชุม ดร.สุรสีห์ และคณะได้ลงพื้นที่อำเภอแม่สาย เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ลำน้ำชายแดนซึ่งรับน้ำจากพื้นที่สูงและตะกอนจำนวนมากทุกปี เน้นโครงการขุดลอกตะกอนและกำจัดสิ่งกีดขวางในลำน้ำสาย-กก-รวก ซึ่งเป็น “เส้นเลือด” สำคัญของทั้งลุ่มน้ำโขง

มาตรการเร่งด่วนด้านการขุดลอกและบริหารจัดการลำน้ำเหล่านี้ จะช่วยให้กระแสน้ำเคลื่อนตัวอย่างเป็นธรรมชาติ ลดความเสี่ยงน้ำล้นตลิ่ง เปิดทางให้ระบบแจ้งเตือนน้ำหลากทำงานได้แม่นยำขึ้น ลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

 “เชียงรายต้นแบบจัดการน้ำลุ่มน้ำโขงเหนือ”

บทสรุปจากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้าใน “การวางแผนเชิงรุก” การเชื่อมโยงข้อมูลแบบเรียลไทม์ การบูรณาการระหว่างหน่วยงานรัฐและท้องถิ่น ตลอดจนการปรับปรุงเกณฑ์การคาดการณ์และติดตามสถานการณ์อย่างละเอียด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรับมือภัยน้ำหลากในยุคสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง

ประเด็นวิเคราะห์เพิ่มเติม ได้แก่

  • การวางแผนบนฐานข้อมูลจริง: ช่วยให้ตัดสินใจการปล่อยน้ำ/พร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำได้แม่นยำ ลดความสูญเสียในพื้นที่ปลายน้ำ
  • บูรณาการข้อมูลข้ามพื้นที่-ข้ามหน่วยงาน: เสริมศักยภาพการตอบสนองภัยพิบัติอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะจังหวัดชายแดนที่มีจุดเสี่ยงเฉพาะตัว
  • ระบบเตือนภัยทันสมัย: ป้องกันผลกระทบทางเศรษฐกิจ การเกษตร และสังคม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ลุ่มต่ำ

อย่างไรก็ดี ความต่อเนื่องของงบประมาณ ซ่อมบำรุงเครื่องมือ และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านยังคงเป็นความท้าทายที่ต้องผลักดันต่อเนื่อง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) จะติดตามและสรุปรายงานสถานการณ์ รวมถึงสนับสนุนการเชื่อมโยงข้อมูลแบบเรียลไทม์กับจังหวัดลุ่มน้ำโขง เพื่อใช้เป็นข้อมูลเชิงพื้นที่ในการเตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์พายุ “วิภา” ต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • กรมชลประทาน
  • การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
  • สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ศูนย์จัดการน้ำส่วนหน้าลุย! เชียงรายผนึก สทนช. รับมือวิกฤตน้ำหลากแม่โขงเหนือ

เชียงราย–สทนช. เสริมแนวรับบริหารน้ำลุ่มน้ำโขงเหนือ ร่วมประชุมส่วนหน้าเตรียมพร้อมฤดูฝน เชื่อมโยงข้อมูล-ขับเคลื่อนนโยบาย ลดความเสี่ยงอุทกภัย

ศูนย์บริหารจัดการน้ำ “ส่วนหน้า” กับภารกิจฝ่าวิกฤตฤดูฝนลุ่มน้ำโขงเหนือ

เชียงราย, 15 กรกฎาคม 2568 – ท่ามกลางสภาพอากาศที่ผันผวนและภัยน้ำหลากที่มาเยือนทุกปี จังหวัดเชียงรายขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ใหม่ด้วยการผนึกกำลังกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำ (ส่วนหน้า) เพื่อติดตามสถานการณ์และวางมาตรการเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำโขงเหนือ โดยมีศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าชั่วคราวตั้งอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงรายและเชื่อมต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์กับส่วนกลาง ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์แบบบูรณาการ

ประชุมเข้ม เตรียมพร้อมทุกมิติ บูรณาการข้อมูล-นโยบาย ป้องกันอุทกภัย

ภายใต้การนำของนายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมคณะทำงานส่วนหน้า พร้อมผู้แทนหน่วยงานท้องถิ่น ประชาสัมพันธ์จังหวัด และผู้เชี่ยวชาญ สทนช. โดยมีนายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการ สทนช. เป็นประธานการประชุมผ่านระบบออนไลน์ ร่วมถ่ายทอดนโยบายและติดตามปัญหาแบบเรียลไทม์

ในการประชุม ได้มีการทบทวนมติครั้งก่อน และรายงานสถานการณ์สำคัญจากทุกหน่วยงาน เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ที่อัปเดตข้อมูลฝนตกและคาดการณ์ล่วงหน้า ขณะที่ สทนช. รายงานสถานการณ์น้ำและคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก พร้อมกับหน่วยงานท้องถิ่นที่นำเสนอความคืบหน้าโครงการขุดลอกแม่น้ำและมาตรการรับฤดูฝน 2568

6 มาตรการเข้มข้น รับมือฤดูฝน 2568

  1. เฝ้าระวัง-เตรียมพร้อมพื้นที่เสี่ยง
    ทุกหน่วยงานต้องติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงเหนืออย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงวันที่ 15-16 และ 20-24 กรกฎาคม 2568 พร้อมปรับแผนการจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำใหญ่ให้ทันกับสถานการณ์
  2. ใช้ข้อมูลวิทยาศาสตร์ขับเคลื่อน
    ใช้ข้อมูลปริมาณฝนแบบเรียลไทม์จากดาวเทียมและเรดาร์กรมอุตุนิยมวิทยา พร้อมทั้งระบบ EWS ของกรมทรัพยากรน้ำเพื่อประเมินและคาดการณ์น้ำหลาก
  3. สำรวจ-ติดตั้งสถานีโทรมาตรเพิ่ม
    สสน. ได้รับมอบหมายเร่งสำรวจและติดตั้งสถานีโทรมาตรในจุดเสี่ยงอุทกภัย และใช้ Mobile Mapping System (MMS) สำรวจภูมิประเทศลุ่มน้ำโขงเหนือ เพื่อเก็บข้อมูลที่แม่นยำต่อการตัดสินใจ
  4. ตรวจสอบคุณภาพน้ำ-ผลผลิตการเกษตร
    กรมส่งเสริมการเกษตรต้องติดตามคุณภาพน้ำที่เกษตรกรใช้ในการเพาะปลูก พร้อมประชาสัมพันธ์สร้างความมั่นใจเรื่องสารปนเปื้อนในข้าวและพืชผล
  5. เร่งสร้างพนังป้องกันน้ำสำคัญ
    ฝ่ายเลขานุการประสานการขอรับงบประมาณก่อสร้างพนังป้องกันน้ำที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 อ.แม่สาย เพื่อป้องกันน้ำหลากเข้าสู่พื้นที่เศรษฐกิจ
  6. ตรวจสอบน้ำหลากจากฝั่งเมียนมา
    GISTDA ติดตามข้อมูลความชื้นและสภาพน้ำต้นน้ำกกและต้นน้ำสายจากฝั่งเมียนมา เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มอุทกภัยข้ามพรมแดน

ขับเคลื่อนกลไกประจำสัปดาห์ เชื่อมโยงศูนย์-พื้นที่ ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

ที่ประชุมมีมติกำหนดประชุมประสานงานทุกวันอังคาร เวลา 13.00 น. จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อให้ข้อมูลและแผนปฏิบัติสอดรับกันในทุกระดับ ทั้งส่วนกลางและพื้นที่ ช่วยให้มาตรการรับมืออุทกภัยมีความคล่องตัวและเป็นหนึ่งเดียวกัน

เชียงรายลุ่มน้ำโขงเหนือ – เมื่อการจัดการน้ำคือ “ภารกิจชีวิต”

การประชุมคณะทำงานส่วนหน้านี้ สะท้อนความเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์จากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไปสู่การเตรียมพร้อมเชิงรุก ด้วยกลไกติดตาม วิเคราะห์ และสื่อสารข้อมูลแบบเรียลไทม์ การนำเทคโนโลยีดาวเทียม เรดาร์ และ MMS มาเสริมการบริหารจัดการ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ

ประเด็นสำคัญที่น่าจับตา

  • การเปลี่ยนผ่านสู่การบริหารจัดการน้ำเชิงรุก:
    ระบบประชุมและศูนย์ส่วนหน้า เป็นเครื่องมือสำคัญในยุคที่ความผันผวนของอากาศและความเสี่ยงน้ำหลากสูงขึ้นทุกปี
  • การผนวกข้อมูลวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี:
    การใช้ข้อมูลดาวเทียมและระบบเรดาร์ ช่วยให้การคาดการณ์น้ำท่วมและจัดสรรน้ำมีความแม่นยำมากขึ้น
  • การเชื่อมโยงคุณภาพน้ำกับผลผลิตการเกษตร:
    การติดตามสารปนเปื้อนในข้าวและพืชผล เป็นการขยายความรับผิดชอบสู่คุณภาพชีวิตของประชาชนโดยตรง
  • การทำงานร่วมกันทุกภาคส่วน:
    จาก สทนช. ถึง กรมอุตุนิยมวิทยา กรมส่งเสริมการเกษตร สสน. กรมการทหารช่าง และ GISTDA การบูรณาการข้ามหน่วยงานและข้อมูลข้ามพรมแดนคือหัวใจสำคัญของความสำเร็จ
  • ความท้าทาย:
    การประสานข้อมูลและมาตรการในทุกระดับ, การสื่อสารข้อมูลที่โปร่งใสกับประชาชน และการจัดการงบประมาณในโครงการระยะยาว เป็นโจทย์ที่เชียงรายและทุกหน่วยงานต้องเร่งขับเคลื่อนต่อเนื่อง

สรุป
เชียงรายในฐานะจุดยุทธศาสตร์ของลุ่มน้ำโขงเหนือ แสดงศักยภาพในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ หากทุกฝ่ายผนึกกำลังและนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเต็มศักยภาพ เชื่อว่าการรับมือฤดูฝนและภัยน้ำท่วมในปีนี้จะมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน สร้างความมั่นใจแก่ประชาชนอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
  • ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าจังหวัดเชียงราย
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.)
  • กรมส่งเสริมการเกษตร
  • GISTDA
  • กรมการทหารช่าง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายเข้ม รับมือน้ำท่วม-น้ำโขงล้น

เชียงรายวางมาตรการเข้มรับมือสถานการณ์น้ำ – ประชุมใหญ่ติดตามและเสริมแผนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รับมือฝนตกหนัก-น้ำโขงล้นตลิ่งกลางปี 2568

เชียงราย, 2 กรกฎาคม 2568 – ที่ห้องประชุมอูหลง ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและแนวทางการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ผ่านระบบประชุมทางไกลออนไลน์ โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งถือเป็นการประชุมสำคัญท่ามกลางสถานการณ์ฝนตกหนักที่เริ่มส่งผลกระทบหลายพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

วางแผนรับมือสถานการณ์น้ำ – เสริมกำลังและอุปกรณ์ 24 ชั่วโมง

การประชุมครั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้รายงานภาพรวมสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ พร้อมชี้แจงแนวทางการแก้ไขปัญหาและแผนการเตรียมความพร้อมรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม 2568 จังหวัดได้จัดเตรียมกำลังพล อุปกรณ์ เครื่องจักรกล และเครื่องมือสาธารณภัยให้พร้อมปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงกำหนดพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังพิเศษ เช่น โรงพยาบาล ท่าอากาศยาน สถานีผลิตไฟฟ้า-ประปา เพื่อให้การดำเนินงานสำคัญของจังหวัดไม่สะดุดในยามเกิดเหตุฉุกเฉิน

พร้อมกันนี้ยังได้วางแผนซ้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยร่วมกับศูนย์เฝ้าระวังและตอบโต้ภัยพิบัติเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) และมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ระหว่างวันที่ 7–10 กรกฎาคม 2568 เพื่อเสริมสร้างความพร้อมและความร่วมมือของทุกภาคส่วนอย่างรอบด้าน

รัฐบาลสั่งการเข้ม – เน้นป้องกันล่วงหน้า แจ้งเตือนรวดเร็ว ครอบคลุมทุกมิติ

ในการประชุมระดับประเทศวันนี้ (2 กรกฎาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคติดตามสถานการณ์น้ำและความเสี่ยงอุทกภัยอย่างใกล้ชิด เตรียมกำลังพลและทรัพยากรพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉินทุกมิติ พร้อมกับให้ความสำคัญกับการแจ้งเตือนประชาชนให้ทันเหตุการณ์และเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีเมื่อเกิดเหตุ โดยได้สั่งการให้จังหวัดเสี่ยงต้องมีแผนรองรับสถานการณ์ที่ครอบคลุมทั้งด้านการป้องกัน รับมือ ฟื้นฟู และเยียวยา

นายประเสริฐได้เน้นการบูรณาการระหว่างหน่วยงานส่วนกลาง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กองทัพไทย กรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมชลประทาน ฯลฯ กับพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย น่าน หนองคาย สกลนคร บึงกาฬ นครพนม และมุกดาหาร ที่มีความเสี่ยงสูงจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำโขงล้นตลิ่ง

มาตรการใหม่และแนวโน้มภัยพิบัติปี 2568

ที่ประชุมได้เน้นย้ำถึงมาตรการสำคัญ ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าโดย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เพื่อประสานข้อมูลพายุ ฝน และภัยพิบัติต่าง ๆ และแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 วัน ตรวจสอบและทดสอบระบบเตือนภัย รวมถึงใช้เทคโนโลยี Cell Broadcast (CB) ซึ่งเริ่มใช้งานในหลายพื้นที่เพื่อแจ้งเตือนภัยให้ประชาชนอย่างรวดเร็ว ขยายพื้นที่บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมทั้งเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติและแนวทางการรับมือให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง

ด้านการจัดการในพื้นที่ ได้มีการกำหนดมาตรการเร่งด่วน เช่น การแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ ขุดลอกลำคลอง เตรียมเครื่องจักรกล อุปกรณ์ อากาศยาน เรือ และจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ รวมถึงพื้นที่อพยพ ศูนย์พักพิง อาหาร น้ำดื่ม และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในกรณีฉุกเฉิน

วิเคราะห์สถานการณ์น้ำโขง – การเตรียมพร้อมของลุ่มน้ำสำคัญ

จากข้อมูลของ สทนช. และกรมชลประทาน ปริมาณน้ำในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำหลักยังอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ เพราะมีการพร่องน้ำไว้ล่วงหน้าเพื่อลดผลกระทบ อย่างไรก็ตาม การประชุมได้รับทราบการคาดการณ์ว่าช่วงกรกฎาคม – สิงหาคม 2568 อาจเกิดสถานการณ์น้ำโขงล้นตลิ่ง โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและตอนบนของภาคเหนือ จึงมีการบูรณาการกับหน่วยงานลุ่มน้ำโขงทั้งไทยและ สปป.ลาว เพื่อบริหารจัดการน้ำร่วมกัน ลดผลกระทบและเตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า

สาระสำคัญและข้อสั่งการ – มุ่งฟื้นฟู เยียวยา และป้องกันความเสียหายซ้ำซ้อน

รองนายกรัฐมนตรีสั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสำรวจความเสียหายของบ้านเรือนและทรัพย์สิน เพื่อเร่งดำเนินการจ่ายเงินชดเชยให้เร็วที่สุด พร้อมตั้งชุดเคลื่อนที่เร็วให้ความช่วยเหลือพื้นที่ห่างไกล โดยเน้นการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน จิตอาสา และมูลนิธิอย่างมีประสิทธิภาพ

นางพัชรวีร์ สุวรรณิก รองเลขาธิการ สทนช. กล่าวเสริมว่า สภาพอากาศโดยกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 2-6 กรกฎาคม และ 10-14 กรกฎาคม จะมีฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะในบางพื้นที่ภาคเหนือและอีสานตอนบน สทนช. จะตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ที่จังหวัดหนองคายในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม และเตรียมประชุมเฉพาะกิจกับ สปป.ลาว เพื่อลดผลกระทบจากน้ำโขงล้นตลิ่งในฤดูฝนนี้

บทสรุป

สถานการณ์น้ำในปี 2568 แม้จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น แต่จังหวัดเชียงรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมพร้อมรับมืออย่างเป็นระบบ การผนึกกำลังกันระหว่างจังหวัด หน่วยงานกลาง และเครือข่ายภาคี จึงเป็นหัวใจของการป้องกันและเยียวยาอุทกภัยในทุกมิติ ขณะที่รัฐบาลเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีและระบบแจ้งเตือนภัยให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลอย่างทันท่วงที เสริมความมั่นใจให้กับประชาชนทั่วประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

แม่สายเร่งสู้ภัยน้ำ สทนช. ลงพื้นที่ติดตามขุดลอก-เสริมแนวป้องกัน

เลขาธิการ สทนช. ลงพื้นที่แม่สาย ติดตามคืบหน้าโครงการขุดลอกลำน้ำสาย-แนวป้องกันน้ำ เตรียมรับมือฤดูฝนปี 2568

เชียงราย, 22 มิถุนายน 2568 – ท่ามกลางความกังวลเรื่องภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในฤดูฝนปีนี้ จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอแม่สาย ได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิดจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. พร้อมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ได้ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการขุดลอกลำน้ำสาย การก่อสร้างแนวป้องกันน้ำชั่วคราว-กึ่งถาวร และตรวจสอบคุณภาพน้ำในพื้นที่สำคัญริมแม่น้ำสายและลำน้ำรวก โดยมี พล.ท.สิรภพ ศุภวานิช เจ้ากรมการทหารช่าง นายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นร่วมให้ข้อมูลอย่างพร้อมเพรียง

สานภารกิจหลังอุทกภัยรุนแรง – ป้องกันซ้ำรอยน้ำหลากและดินโคลนถล่ม

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่ว่า การติดตามครั้งนี้เป็นภารกิจตามข้อสั่งการของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่เน้นย้ำให้หน่วยงานภาครัฐบูรณาการรับมือฤดูฝนในพื้นที่เสี่ยง โดยแม่สายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญจากบทเรียนอุทกภัยรุนแรงเมื่อปีก่อน โดยเฉพาะปัญหาน้ำหลาก ลำน้ำเปลี่ยนทิศ และดินโคลนถล่ม

“วันนี้ได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการส่วนหน้าติดตามความคืบหน้าขุดลอกลำน้ำสาย-ลำน้ำรวก ซึ่งดำเนินงานโดยความร่วมมือระหว่าง สทนช. และกองทัพบก เพื่อป้องกันน้ำท่วมและบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดซ้ำ คาดว่าการขุดลอกลำน้ำรวกจะเสร็จในกลางเดือนกรกฎาคมนี้ ขณะเดียวกันได้เร่งดำเนินการอุดรูรั่ว ก่อสร้างแนวป้องกันน้ำชั่วคราว-กึ่งถาวร และเตรียม Big Bag สำรอง เพื่อให้ประชาชนปลอดภัยในฤดูฝน” เลขาธิการ สทนช. กล่าว

มาตรการเสริม – เตรียมกำแพงกันน้ำชั่วคราว-เตือนภัยเข้มรับสถานการณ์

จากการประเมินสถานการณ์น้ำในปี 2567 คาดว่าอาจเกิดน้ำล้นข้ามสะพานมิตรภาพไทย–เมียนมาแห่งที่ 1 ได้อีกครั้ง จึงมีการวางแผนก่อสร้างแนวกำแพงกันน้ำชั่วคราวตลอดแนวลำน้ำสายยาวกว่า 200 เมตร พร้อมระบบแจ้งเตือนภัยและมาตรการเฝ้าระวังในฤดูน้ำหลาก

พล.ท.สิรภพ ศุภวานิช เจ้ากรมการทหารช่าง เสริมว่า “ภารกิจสร้างแนวป้องกันน้ำเป็นไปตามแผนที่กำหนด คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 15 กรกฎาคม 2568 ขณะเดียวกัน กำลังพลและทรัพยากรของกองทัพบกได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย”

ตรวจคุณภาพน้ำแม่สาย-แก้ปัญหาครอบคลุมจุดเสี่ยง

หลังการประชุม คณะ สทนช. ได้ลงเรือสำรวจแนวกั้นน้ำชั่วคราว-กึ่งถาวรที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และตรวจสอบจุดวัดคุณภาพน้ำในพื้นที่แม่สาย ก่อนจะเดินทางต่อไปยังตำบลเกาะช้าง ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงภัยอีกแห่งหนึ่ง เช่น บริเวณคันกั้นน้ำขาด และทางหลวงชนบทที่ทรุดตัว เพื่อประเมินความเสี่ยงและหาแนวทางป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

แผนบูรณาการแม่สาย ป้องกันซ้ำรอยน้ำท่วม

การลงพื้นที่ของเลขาธิการ สทนช. ครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยแม่สายอย่างเป็นระบบ การขุดลอกลำน้ำสาย-รวกและก่อสร้างแนวป้องกันน้ำ เป็นมาตรการเร่งด่วนที่ต้องเดินหน้าควบคู่กับการเตรียมการรับมือระยะยาว เช่น ระบบแจ้งเตือนภัย การสำรอง Big Bag และความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ หากดำเนินการตามแผนได้สำเร็จ ย่อมช่วยลดผลกระทบซ้ำซากที่ชุมชนเผชิญในช่วงฤดูฝนในอดีต พร้อมวางรากฐานการจัดการภัยพิบัติอย่างยั่งยืนในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
  • กองทัพบก
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News