Categories
SOCIETY & POLITICS

ผู้ใหญ่สูบ เด็กป่วย! อันตรายควันมือ 2-3 บุหรี่ไฟฟ้า

บุหรี่ไฟฟ้าภัยร้าย! เด็กปอดพัง IQ ลด

กรุงเทพฯ, 18 มีนาคม 2568 – วงเสวนาเตือนภัยควันบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ส่งผลร้ายแรงต่อเด็ก

พญ.พิมพ์ชนก จันทร์สวัสดิ์ กุมารแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) กล่าวในวงเสวนา ร่วมป้องกันเด็กเล็กจากควันบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า” ซึ่งจัดโดย มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ (มสบ.) และได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น จตุจักร กรุงเทพฯ โดยเน้นถึงอันตรายของ ควันบุหรี่มือสองและมือสาม ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเด็กเล็กและทารกในครรภ์

บุหรี่ไฟฟ้า อันตรายกว่าที่คิด

พญ.พิมพ์ชนก อธิบายว่า บุหรี่มวนและบุหรี่ไฟฟ้าล้วนมีสารนิโคติน ซึ่งทำให้เกิดการเสพติด โดยนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้ามักเป็น นิโคตินสังเคราะห์ ที่สามารถเข้าสู่ปอดและกระแสเลือดได้มากกว่าบุหรี่มวน นอกจากนี้ บุหรี่ไฟฟ้ายังมีสารโลหะหนัก เช่น เหล็ก นิกเกิล และแคดเมียม ที่เกิดจากขดลวดภายในอุปกรณ์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งและส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจโดยตรง

การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเหมือนกับการสูดโลหะหนักเข้าไปเต็ม ๆ ไม่ต่างจากการเดินผ่านร้านอ็อกเหล็กแล้วหายใจเอาสารพิษเข้าไปในปอด” พญ.พิมพ์ชนกกล่าว

บุหรี่ไฟฟ้าซอมบี้ และอันตรายจากสารเสพติดแฝง

อีกหนึ่งประเด็นที่น่ากังวลคือ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบันสามารถผสมสารเสพติด เช่น เอโทมีเดท (Etomidate) และเคตามีน ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่ใช้ในทางการแพทย์ ทำให้เกิดอาการมึนเมาหรือถึงขั้นหมดสติ ทั้งนี้ บุหรี่ไฟฟ้าหลายรูปแบบยังถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายของเล่น (Toypod) เพื่อจูงใจให้เด็กและเยาวชนทดลองใช้

ผลกระทบของควันบุหรี่ต่อเด็กและทารก

เด็กมี อัตราการหายใจเร็วกว่าผู้ใหญ่ ทำให้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกายมากกว่า นอกจากนี้ ปอดของเด็กมีขนาดเล็กกว่าผู้ใหญ่ถึง 100 เท่า ทำให้ได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่าผู้ใหญ่หลายเท่า กรณีของเด็ก 12 ปี ในจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพียงไม่กี่เดือนจนปอดพังและต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนเป็นตัวอย่างของอันตรายที่เกิดขึ้นจริง

หากเด็กจำนวนมากต้องเผชิญกับภาวะปอดล้มเหลว แต่ยังไม่มีการรักษาที่เหมาะสม เช่น การปลูกถ่ายปอด ประเทศอาจเผชิญปัญหาสุขภาพในระดับวิกฤติ” พญ.พิมพ์ชนกกล่าว

ควันบุหรี่มือสองและมือสาม ภัยเงียบที่เลี่ยงไม่ได้

ควันบุหรี่มือสอง คือควันที่ผู้ไม่สูบต้องสูดดมจากผู้ที่สูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้าโดยตรง ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง เช่นเดียวกับ ควันบุหรี่มือสาม ซึ่งหมายถึงสารพิษที่ตกค้างตามเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และในอากาศภายในบ้านหรือรถยนต์

กรณีตัวอย่าง คุณตาผู้สูบบุหรี่ ซึ่งพาหลานเข้ารักษาในห้อง ICU เนื่องจากอาการหอบหืดกำเริบอย่างรุนแรง เมื่อแพทย์ขอให้เลิกบุหรี่ ผู้ตาตอบว่า ‘เดี๋ยวก็แก่ตายแล้ว’ แต่เมื่อแพทย์อธิบายว่า หลานอาจเสียชีวิตก่อนเพราะผลกระทบจากควันบุหรี่ สุดท้ายจึงยอมเลิกสูบ และสุขภาพของเด็กดีขึ้น

เราไม่มีทางสูบบุหรี่โดยไม่ทำร้ายผู้อื่นได้ เพราะสารพิษจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ได้หายไปไหน แต่ยังคงตกค้างและกระจายอยู่ในอากาศที่ทุกคนต้องสูดดม” พญ.พิมพ์ชนกกล่าวทิ้งท้าย

สถิติที่เกี่ยวข้องกับควันบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเด็ก

ข้อมูลจาก กระทรวงสาธารณสุข ปี 2567 ระบุว่า:

  • เด็กไทยกว่า 30% อาศัยอยู่ในครัวเรือนที่มีผู้สูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้า
  • จำนวนเด็กที่เข้ารับการรักษาด้วยโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจจากควันบุหรี่เพิ่มขึ้น 15% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
  • องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ควันบุหรี่มือสองเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตกว่า 65,000 รายต่อปีในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีทั่วโลก

สรุป

การสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าไม่เพียงเป็นอันตรายต่อตัวผู้สูบเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะควันบุหรี่มือสองและมือสามที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ การตระหนักถึงผลกระทบเหล่านี้และการออกมาตรการป้องกันที่เข้มงวด จะช่วยลดความเสี่ยงและสร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยขึ้นสำหรับเด็กไทยในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุข, 2567 / คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

สงกรานต์ปลอดเหล้าช่วยเพิ่มความ ปลอดภัย 90.42% ลดอุบัติเหตุ 89.99%

 

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2567 ที่ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม จัดแถลงข่าว “สงกรานต์วิถีไทย สนุก ปลอดภัย ไร้ความรุนแรง” โดย ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. สนับสนุนให้เจ้าภาพจัดงาน และเจ้าของสถานที่ในพื้นที่ต่างๆ จัดงานสงกรานต์และส่งเสริมให้มีพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า จากผลการสำรวจความคิดเห็นคนไทย 939 คน และต่างชาติ 400 คน ใน 18 จังหวัดทั่วประเทศ ในช่วงสงกรานต์ปี 2566  พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติพอใจการจัดงานสงกรานต์ปลอดเหล้ามากถึง 88.90% ขณะที่คนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการจัดสงกรานต์แบบปลอดเหล้า 75.83% เห็นด้วยจัดโซนนิ่งเล่นน้ำ 79.23% เห็นด้วยกับมาตรการควบคุมไม่ให้นำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาดื่มในพื้นที่จัดงาน 77.74% เห็นด้วยที่เจ้าภาพจัดงานไม่รับสปอนเซอร์จากธุรกิจเหล้า-เบียร์ 73.16% เมื่อถามถึงประโยชน์ของการจัดงานแบบปลอดเหล้า พบว่า ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้เพิ่มมากขึ้น 90.42% สามารถลดอุบัติเหตุ 89.99% ลดการทะเลาะวิวาท 89.67% ลดการลวนลามล่วงละเมิดทางเพศ 85.20% และเห็นว่าการจัดงานแบบปลอดเหล้าไม่ทำให้นักท่องเที่ยวลดลง 80.30% 

 

“จากบทเรียนที่ร่วมกันดำเนินงานมากว่า 15 ปี พิสูจน์แล้วว่า ยิ่งพื้นที่จัดงานพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์มีความปลอดภัยมากเท่าไร ยิ่งทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะถนนตระกูลข้าวที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่พื้นที่ ปัจจุบันมีถนนเล่นน้ำตระกูลข้าวเกิดขึ้นทั่วประเทศมากกว่า 60 ถนนตระกูลข้าว และอีก 100 พื้นที่เล่นน้ำขนาดใหญ่กระจายทุกจังหวัดจังหวัด อาทิ ถนนข้าวเหนียว จ.ขอนแก่น เป็นต้นแบบสงกรานต์ปลอดเหล้าของไทย ถนนข้าวทิพย์ จ.จันทบุรี มีจุดเด่นเป็นงานสงกรานต์กลางคืน ถนนข้าวแต๋น จ.น่าน ถนนข้าวสุก จ.อ่างทอง ถนนข้าวหอมมะลิ จ.ร้อยเอ็ด ถนนข้าวยำ จ.ปัตตานี ที่สำคัญการจัดงานสงกรานต์ปลอดเหล้าเป็นการควบคุมต้นทางของอุบัติเหตุทางถนนจากการดื่มแล้วไปขับรถ ซึ่งต้องช่วยกันรณรงค์สื่อสาร ‘ขับ ไม่ดื่ม…ดื่ม ไม่ขับ’ หากสังคมไทยร่วมมือกันอย่างจริงจัง จะลดปัญหาความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินจากน้ำเมาลดลงได้” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว

 

นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า รัฐบาลประกาศจัดกิจกรรม “มหาสงกรานต์ World Songkran Festival” เพื่อเฉลิมฉลองที่ UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ โดยกำหนดจัดงานตั้งแต่วันที่ 1-21 เม.ย. 2567 รวม 21 วัน สธ. ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พิจารณาจัดพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ปลอดภัยไร้แอลกอฮอล์ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ส่งผลดีต่อด้านความปลอดภัย ส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนที่สำคัญของรัฐบาล ทั้งนี้ ได้กำชับให้ผู้จัดงานต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแลในพื้นที่ จัดให้มีแสงสว่างที่พอเพียง ต้องมีเจ้าหน้าที่ที่คุมเข้มเรื่องการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณโดยรอบพื้นที่จัดงาน มีการสุ่มตรวจ เดินสำรวจ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด และดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการมึนเมาจนขาดสติ นำไปสู่การก่อเหตุความรุนแรง การล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งจะกระทบภาพลักษณ์การท่องเที่ยวและมรดกทางภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของประเทศ

 

นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม กล่าวว่า เครือข่ายพลังสังคมร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนให้สงกรานต์วิถีไทย สนุก ปลอดภัย ไร้ความรุนแรง 5 ข้อ ดังนี้ 1.สืบสานรักษาคุณค่าวิถีวัฒนธรรมสงกรานต์ไทยให้ทั้งโลกได้เห็นคุณค่า ความหมายงานประเพณีสงกรานต์ ที่ไม่ใช่แค่สาดน้ำ แต่ยังมีเรื่องเข้าวัดทำบุญ การรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ และการละเล่นแบบไทยตามวิถีแต่ละพื้นที่ 2.รักษามาตรฐานพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้าปลอดภัย จากที่เคยเป็นพื้นที่เสี่ยง กลายเป็นพื้นที่ Zoning เล่นน้ำปลอดภัย 3.ป้องกันความปลอดภัยและควบคุมไม่ให้เกิดความรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงเย็นค่ำและกลางคืน มีหน่วยเฉพาะกิจดูแลเป็นพิเศษ มีกล้อง CCTV คอยสอดส่อง และตรวจตราไม่ให้มีการดื่มการขายน้ำเมาในพื้นที่เล่นน้ำ 4.ขยายผลให้เกิดความปลอดภัยในพื้นที่เล่นน้ำของภาคเอกชนโดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าที่จัดงานเน้นความปลอดภัยไม่ให้มีน้ำเมา ช่วยลดปัญหาอุบัติเหตุ การทะเลาะวิวาท ลดความสูญเสีย เพราะไม่เป็นแหล่งผลิตคนเมาลงถนน 5.สร้างค่านิยมให้การดื่มแล้วขับเป็นสิ่งที่สังคมรับไม่ได้ สังคมไทยทุกฝ่ายต้องใช้ทุกโอกาสในการช่วยกันสื่อสารเพื่อเปลี่ยนค่านิยมทางสังคม

 

“ภาคประชาสังคมในแต่ละพื้นที่มีบทบาทและเป็นพลังสำคัญขับเคลื่อนงานเทศกาลสงกรานต์ปลอดภัย ช่วยกระตุ้นให้เกิดนโยบายการจัดงานสงกรานต์ปลอดเหล้า เพราะเป็นต้นเหตุสำคัญที่นำไปสู่ปัญหาความรุนแรงและความสูญเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้าปลอดภัยนับพันแห่งทั่วประเทศ ที่แต่ละท้องถิ่นร่วมกันจัดงาน โดยมีมาตรการดูแลควบคุมเป็นอย่างดี โดยเฉพาะพื้นที่เอกชน อาทิ สงกรานต์โนแอล ที่หน้าห้าง LimelightAvenue จ.ภูเก็ต  และปีนี้ได้รับความร่วมมือจากสามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพฯ ร่วมจัดงานสงกรานต์ NO L ซึ่งจะเป็น LandMark สำคัญดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว รวมทั้งสงกรานต์ในกลุ่มพี่น้องชาติพันธุ์ ทั้งไทยรามัญ และไทยทรงดำ ที่ได้ร่วมรณรงค์อย่างเข้มแข็งมาโดยตลอด จนเกิดเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในการจัดพื้นที่เล่นน้ำ พื้นที่จัดงานสงกรานต์ ที่สนุก ปลอดภัย ไร้ความรุนแรง เป็นตัวอย่างที่ดีไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ”  ประธานมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม กล่าว

 

นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ จัดกิจกรรมสงกรานต์ทั่วประเทศและมีการจัดทำบทเพลงสงกรานต์ฉบับภาษาต่างประเทศแล้ว 4 ภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรับรู้อย่างกว้างขวาง โดยเปิดให้ประชาชนทั่วไป ชม และดาวน์โหลดบทเพลงสงกรานต์ คลิป MV เพลงสงกรานต์ภาษาต่าง ๆ วีดิทัศน์องค์ความรู้ประเพณีสงกรานต์  ตำนานนางสงกรานต์  อินโฟกราฟิกเกี่ยวกับสงกรานต์ ได้ที่ www.culture.go.th และ www.youtube.com/@dcp5531/featured และในเครือข่ายของกระทรวงวัฒนธรรม

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติ ปรับปรุง อำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ

 

เมื่อวันพุธที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.00 น. ณ อาคารคชสาร นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการความรู้ พื้นฐานในการออกแบบ และปรับปรุงสภาพแวดล้อม เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุและผู้ทุพพลภาพ

 

การจัดโครงการและกิจกรรมออกแบบและปรับปรุงสภาพแวดล้อม เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ ผู้สูงอายุและผู้ทุพพลภาพในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัด เชียงราย และความร่วมมือ ระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการ สร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มช่างชุมชน/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
 
 
โดยมีวิทยากรจากศูนย์รังสิตด้านกายภาพ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง คณะสถาปัตยกรรม ศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร และ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นผู้ให้ความรู้ในการอบรมครั้งนี้
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News