Categories
ECONOMY

เวียดนามคว้าแชมป์! นักท่องเที่ยวจีนพุ่ง 3.5 ล้านคน แซงหน้าไทย

วิกฤตท่องเที่ยวไทย-จีน เวียดนามพุ่งแตะเกือบ 14 ล้านคนใน 8 เดือน ขณะที่ไทยสะดุด เหตุความเชื่อมั่น-ต้นทุน และที่นั่งบินจากจีนหด

กรุงเทพฯ, 16 กันยายน 2568 – ภาพรวม 8 เดือนแรกปี 2568 เวียดนามรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ “เกือบ 14 ล้านคน” ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยจีนเป็นตลาดใหญ่อันดับหนึ่ง และมีนักท่องเที่ยวจีนสะสมมากกว่า 3.5 ล้านคน ขยายตัวแรงเมื่อเทียบปีก่อน ขณะเดียวกัน กระแสเดินทางของชาวจีนเบนเข็มจากไทยไปยังเวียดนามและเพื่อนบ้าน ส่งผลให้ไทยต้องเผชิญแรงกดดันหลายด้าน ตั้งแต่ อุปทานเที่ยวบินจากจีนลดลงกว่า 11% ในช่วง 8 เดือนแรก ไปจนถึงประเด็นความปลอดภัยที่ถูกพูดถึงในสื่อจีน ภายใต้แรงกดดันนี้ ผู้เชี่ยวชาญบางรายประเมินว่า ไทยอาจสูญรายได้ท่องเที่ยวราว 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่กำลังไหลไปเวียดนามและประเทศรอบข้าง ข้อมูลเชิงประจักษ์จากเวียดนามและมาเลเซียยังสะท้อนการ “ชิงส่วนแบ่ง” ตลาดจีนอย่างเป็นระบบ ทั้งนโยบายวีซ่า ป้ายภาษา การตลาดเชิงประสบการณ์ และที่พัก-บริการระดับกลางถึงบนที่ขยายตัวรวดเร็ว (ดูแหล่งอ้างอิงท้ายข่าว)

เวียดนามผงาด “สดใหม่-ชัดเจน-เชื่อมตรง” ดึงจีนทะลุ 3.5 ล้านใน 8 เดือน

สำนักข่าวเวียดนาม (VNA) และหน่วยงานท่องเที่ยวเวียดนามรายงานตรงกันว่า ระหว่างมกราคม–สิงหาคม 2568 เวียดนามต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เกือบ 14 ล้านคน เพิ่มขึ้นปีต่อปี 21.7% โดย จีนยังครองแชมป์ตลาดอันดับ 1 และภาครัฐระบุชัดว่าเดือนสิงหาคมเพียงเดือนเดียวมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.68 ล้านคน สูงกว่าทั้งเดือนก่อนและช่วงเดียวกันปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งช่วยตอกย้ำโมเมนตัมฟื้นตัวในฤดูกาลโลว์ซีซันด้วยซ้ำ

หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในเวียดนามยังระบุรายละเอียดว่า จีนมีนักท่องเที่ยวสะสมมากกว่า 3.5 ล้านคน คิดเป็นราว 25% ของผู้มาเยือนทั้งหมดใน 8 เดือนแรก ขณะที่เกาหลีใต้ตามมาเป็นอันดับสองกว่า 2.9 ล้านคน ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่าตลาดระยะสั้นใกล้บ้านกำลังหนุนเวียดนามอย่างจริงจัง

ย้อนไปครึ่งปีแรก 2568 เวียดนามรับชาวจีนราว 2.72 ล้านคน เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบปีก่อน จุดนี้ช่วยอธิบายแรงส่งที่ทำให้เวียดนาม “ทะยาน” เข้าสู่ครึ่งปีหลังด้วยฐานที่แข็งแรง

แหล่งข่าวธุรกิจต่างประเทศชี้ด้วยว่า ความรู้สึกของนักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากมองเวียดนามว่า “ยังสดใหม่” จึงพร้อมจ่ายเพื่อประสบการณ์ท้องถิ่นที่แตกต่าง ซึ่งคือปัจจัยเชิงคุณภาพที่ช่วยเร่งการตัดสินใจเดินทาง

ไทยสะดุด ความเชื่อมั่น-ต้นทุน-ที่นั่งบิน ทำให้ “หลุดมือ” ตลาดจีน

ฝั่งไทย กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเผยตัวเลขสะสมล่าสุดถึง 14 กันยายน 2568 ว่า ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 23 ล้านคน ลดลง 7.08% จากปีก่อน โดย จีนอยู่อันดับ 2 ที่ 3.23 ล้านคน ตามหลังมาเลเซียเล็กน้อย ภายใต้ภาพรวมที่รัฐบาลต้องปรับลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีจาก 37 ล้าน เหลือ 33 ล้านคน

แรงกดดันสำคัญคือฝั่งอุปทาน จำนวนที่นั่งเที่ยวบินทางเดียวจากจีนเข้าไทยช่วง 8 เดือนแรก ลดลง “มากกว่า 11%” เหลือราว 5.1 ล้านที่นั่ง เมื่อเทียบปีก่อน สวนทางคู่แข่งที่เร่งเพิ่มความถี่และเปิดรูทใหม่

ด้านความเชื่อมั่น “ความปลอดภัย” ยังเป็นปัจจัยอ่อนไหว โดยกรณี การลักพาตัวนักแสดงจีน “หวัง ซิง” ซึ่งถูกหลอกข้ามแดนไปยังเมียนมาเมื่อต้นปี กลายเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจสูงในสื่อจีนและสากล แม้ทางการไทยจะเร่งกู้ภาพลักษณ์และประกาศ มาตรการรักษาความปลอดภัยเสริม ก่อนเทศกาลท่องเที่ยวใหญ่ แต่ผลกระทบเชิงความรู้สึกยังต้องใช้เวลาเยียวยา

ในเชิงธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อและข้อมูลตลาดจีนอย่าง China Trading Desk (CTD) ประเมินว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจีนของไทยในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ “หดตัวราว 35% YoY” เหลือประมาณ 2.68 ล้านคน และคาดว่าเป้าหมายเดิมที่ไทยเคยหวังไว้ 8–10 ล้านคนอาจต้องทบทวนลงมาใกล้เคียงปีก่อนที่ราว 6.7 ล้านคน

ยิ่งไปกว่านั้น สื่อเศรษฐกิจนานาชาติรายงานว่า กระแส “หักศอก” ของชาวจีนจากไทยไปยังเวียดนามและประเทศเพื่อนบ้าน อาจทำให้ไทยสูญรายได้ท่องเที่ยวราว 3.5 พันล้านดอลลาร์ ในปีนี้ ซึ่งเป็นการ “ไหลออก” ของเม็ดเงินที่เคยตกในระบบเศรษฐกิจไทย

มาเลเซีย “ติดเทอร์โบ” วีซ่าฟรี-เงินบาทแข็งเทียบริงกิต ทำจีนพุ่ง 35% ช่วงครึ่งปี

ขณะไทยชะลอ มาเลเซีย เดินหน้าเชิงรุก ทั้งการทำ วีซ่าฟรีแบบต่างฝ่ายต่างยกเว้น กับจีนมีผลบังคับใช้ทางการตั้งแต่ 17 กรกฎาคม 2568 และการเพิ่มความถี่เที่ยวบิน–ที่นั่งเข้าจีน ส่งผลให้ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นราว 35% พร้อมกับที่นั่งจากจีนที่ “เกือบ +50%”

สื่อภูมิภาคและสื่อมาเลเซียระบุอีกว่า ช่วง ม.ค.–พ.ค. 2568 มาเลเซียรับชาวจีน เกือบ 1.8 ล้านคน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าครึ่งปีหลังอาจเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องตามแรงหนุนวีซ่าและค่าใช้จ่ายภายในประเทศที่ยัง “คุ้มค่า” เมื่อเทียบเพื่อนบ้าน

ทำไมเวียดนาม “เข้าเส้นชัย” ก่อน นโยบาย-คอนเทนต์ภาษาจีน-ประสบการณ์เฉพาะถิ่น

เบื้องหลังความสำเร็จของเวียดนามมีองค์ประกอบหลายชั้น ตั้งแต่นโยบายวีซ่าที่ชัดเจน การสื่อสาร ภาษาจีนกลาง ครอบคลุมจุดท่องเที่ยวหลัก ไปจนถึงการจัดเทศกาลเฉพาะทางและประสบการณ์เชิงวัฒนธรรมที่จับใจกลุ่มวัยทำงานชาวจีน ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ 8 เดือนเกือบ 14 ล้านคนและ ส่วนแบ่งจีนกว่า 3.5 ล้าน จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลของการ “ดีไซน์เส้นทางผู้เยือน” อย่างเป็นระบบ

ผู้เชี่ยวชาญตลาดจีนยังอธิบายว่า “ความสดใหม่” ของปลายทาง บวกกับ การเล่าเรื่อง (storytelling) ที่เน้นประสบการณ์จริง กำลังชนะการตลาดแบบเดิมที่เน้นปริมาณทัวร์ราคาถูก นักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่จำนวนมาก วางแผนเอง-จ่ายแพงขึ้น-อยากได้ของแท้ มากกว่าช้อปปิ้งอย่างเดียว นี่คือโอกาสของสินค้าและบริการท้องถิ่นที่มี “ตัวตน” ชัดเจน

ไทยควรอ่านสัญญาณอะไร 4 ปมที่ต้องเร่งคลี่คลาย

  1. ความปลอดภัยที่ “จับต้องได้”
    ไม่ใช่เพียงการประกาศมาตรการ แต่ต้องสื่อสาร “หลักฐานความปลอดภัย” เป็นภาษาเป้าหมาย เช่น ภาษาจีนกลาง ผ่านสื่อและ KOL ที่ชาวจีนเชื่อถือ พร้อม อัปเดตคดีสำคัญ อย่างต่อเนื่อง จนชาวจีน “รู้สึก” ได้ถึงการเปลี่ยนแปลง
  2. โครงสร้างราคาและความคุ้มค่า
    กระแสในสังคมออนไลน์จีนสะท้อนความกังวลเรื่อง “ค่าใช้จ่าย” ในไทย ตั้งแต่โรงแรม อาหาร ไปถึงแท็กซี่ ไทยจึงควรจัดแพ็กเกจ “ราคาโปร่งใส” และ มาตรฐานบริการ ที่สอดคล้องราคาจริง ปิดช่องว่างความคาดหวัง
  3. ที่นั่งบินต้องมาก่อนการตลาด
    การสื่อสารการตลาดยากจะสำเร็จ หาก จำนวนที่นั่งจากจีนลดลง และการต่อเครื่องไม่สะดวก ภาครัฐและสนามบินควรร่วมมือสายการบิน วางอินเซนทีฟรายเส้นทาง เน้นเมืองรองในจีนที่กำลังเติบโต เพื่อนำ capacity กลับสู่สมดุล
  4. คอนเทนต์ภาษาจีนและบริการแบบ “ไร้รอยต่อ”
    ป้าย ระบบชำระเงินยอดนิยมของจีน ช่องทางบริการหลังการขาย และเจ้าหน้าที่ด่านหน้า ต้องพร้อม เพื่อแปลง “ความสนใจ” ให้เป็น “การเดินทางจริง”

การชิงจังหวะไฮซีซัน โอกาสสุดท้ายของปี

แม้ภาพรวมปีนี้ท้าทาย แต่ยังมี “หน้าต่างโอกาส” ในช่วงไฮซีซัน หากไทย รีแพ็กเกจ จุดหมายหลัก–รอง ด้วยธีม “คุ้มค่า–ปลอดภัย–สะดวก” และ เชื่อมการบินตรง ที่เพียงพอ โอกาสพลิกไตรมาส 4 ยังพอเป็นไปได้ ข้อมูลสะสมของไทยชี้ว่าตลาดจีนยัง ไม่หายไป เพียงแต่ “ไม่รีบกลับมา” เหมือนเดิม ไทยจึงต้อง แสดงให้เห็น ว่าเที่ยวไทยตอนนี้ปลอดภัยกว่าเดิมและคุ้มค่ากว่าเดิม พร้อมทางเลือกใหม่ที่ “สด” ไม่จำเจ.

เล่าเรื่องผ่านตัวเลข ภูมิภาคกำลัง “ปรับสมดุล”

  • เวียดนาม 8 เดือนแรกรับต่างชาติ เกือบ 14 ล้านคน (+21.7%) จีนมากกว่า 3.5 ล้านคน อันดับหนึ่งทั้งจำนวนและสัดส่วน ชี้ชัดถึงความสำเร็จเชิงนโยบายและอากาศยาน
  • ไทย ถึง 14 ก.ย. มีต่างชาติ 23 ล้านคน (-7.08% YoY) จีน 3.23 ล้าน รองจากมาเลเซีย พร้อมการปรับลดคาดการณ์ทั้งปีเหลือ 33 ล้านคน
  • อุปทานการบินจีน–ไทย ที่นั่งทางเดียว ลดลง >11% ช่วง 8 เดือนแรก เหลือ ~5.1 ล้านที่นั่ง กระทบ “ความพร้อมเดินทาง” อย่างมีนัยสำคัญ
  • มาเลเซีย จีนครึ่งปีแรก พุ่ง ~35% โดยที่นั่งจากจีน “เกือบ +50%” หนุนผลของ วีซ่าฟรีสองทาง ที่มีผลอย่างเป็นทางการกลาง ก.ค.
  • ความเสียโอกาสของไทย ผู้เชี่ยวชาญประเมิน สูญรายได้ ~US$3.5 พันล้าน จากการเบนเข็มของนักท่องเที่ยวจีนไปเวียดนามและเพื่อนบ้าน

มุมมองผู้ประกอบการ–ภาครัฐ ต้อง “เดินพร้อมกัน”

ฝั่งเอกชนโรงแรมไทยสะท้อนว่า ดีมานด์จีน “ไม่ฟื้นตามคาด” จึงเริ่มปรับเป้ารายได้และวางกลยุทธ์เน้นตลาดสลับฤดูกาล ขณะที่รัฐบาลประกาศคงมาตรการดึงนักท่องเที่ยว และ นายกรัฐมนตรีไทย ย้ำการ สื่อสารความปลอดภัยเป็นภาษาจีน เพื่อกู้ความเชื่อมั่นตลาดหลัก โดยยอมรับว่าต้อง “ทำต่อเนื่อง” ไม่ใช่แค่แคมเปญช่วงสั้น

ในทางกลับกัน แหล่งท่องเที่ยวคู่แข่ง เช่น เวียดนามและมาเลเซีย ยึดสูตร “คอนเทนต์+คอนเนคทิวิตี้+คุ้มค่า” เป็นแกนหลัก ซึ่งกำลังพิสูจน์ผลลัพธ์ผ่านตัวเลขจริง

 ถ้าไทยอยาก “ทวงบัลลังก์” จีน ต้องเปลี่ยนเกมให้เร็ว

ตลาดจีนไม่ได้ “ปิด” สำหรับไทย แต่กำลัง “ปรับสมดุล” ตามคุณภาพประสบการณ์และความสบายใจของนักเดินทาง ไทยยังมีจุดแข็งมหาศาล ทั้งทรัพยากรท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐาน และความสามารถการบริการ หาก เร่งคืนความรู้สึกปลอดภัยที่จับต้องได้, ทำแพ็กเกจคุ้มค่าและโปร่งใส, และ ดึงที่นั่งบินกลับมาอย่างมีเป้าหมาย โอกาส “รีบาวด์” ช่วงไฮซีซันยังมีให้เห็น และปี 2569 อาจกลับมาเป็นปีแห่งการ “ทวงคืนส่วนแบ่ง” ได้อีกครั้ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • Vietnam News Agency (VNA) / Vietnam National Authority of Tourism
  • Saigon Giải Phóng (SGGP)
  • Reuters
  • Bloomberg / The Straits Times / The Business Times
  • China Trading Desk (CTD)
  • The Star (Malaysia) / Travel and Tour World
  • CGTN
  • AP / Reuters
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ท่องเที่ยวเหนือแรง ‘เชียงราย’ ที่ 2 ไทยเที่ยวเยอะกว่า 5 ล้านคน

กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เดินหน้าขับเคลื่อนปีแห่งการท่องเที่ยวและกีฬา 2568 “Amazing Thailand” ข้อมูลนักท่องเที่ยวเหนือ ชี้เชียงรายรั้งอันดับ 2 รองจากเชียงใหม่

ประเทศไทย, 10 เมษายน 2568 – กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับหน่วยงานระดับกระทรวงและระดับชาติ จัดการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ครั้งที่ 3/2568 เพื่อผลักดันยุทธศาสตร์ “Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025” โดยมุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและกีฬาเป็นพลังหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมเผยสถิติสำคัญในปี 2567 ซึ่งสะท้อนภาพรวมการท่องเที่ยวของ 8 จังหวัดภาคเหนือ โดย จังหวัดเชียงราย ครอง อันดับที่ 2 รองจากเชียงใหม่ ทั้งด้านจำนวนนักท่องเที่ยวและสัดส่วนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

เชียงรายติดโผอันดับสูงสุดของนักท่องเที่ยวภาคเหนือ ปี 2567

ตามรายงานของ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยว (CTRD) สถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยอ้างอิงข้อมูลจาก กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่าในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภาคเหนือรวมทั้งสิ้น 25,783,263 คน โดยแยกเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 20,941,918 คน (81.2%) และชาวต่างชาติ 4,841,345 คน (18.8%)

จังหวัดที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุด ได้แก่

  1. เชียงใหม่ – 11,485,568 คน (44.5%)
  2. เชียงราย – 6,193,932 คน (24%)
  3. ลำปาง – 1,701,455 คน (6.6%)
  4. น่าน – 1,512,503 คน (5.9%)
  5. แพร่ – 1,306,430 คน (5.1%)
  6. ลำพูน – 1,301,307 คน (5%)
  7. แม่ฮ่องสอน – 1,265,680 คน (4.9%)
  8. พะเยา – 1,016,388 คน (3.9%)

สถิติดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า จังหวัดเชียงรายยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่มีศักยภาพสูง ทั้งในด้านวัฒนธรรม ธรรมชาติ และกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งดึงดูดทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง

ประชุมใหญ่ระดับชาติ ชูแนวคิด “Tourism and Sports Powerful Tools for National Development”

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ณ อาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ถนนเพชรบุรี กรุงเทพฯ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้จัดประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ครั้งที่ 3/2568 โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยงานสำคัญจากทั้งภาครัฐและสถาบันการศึกษา อาทิ สำนักงานตำรวจท่องเที่ยว กรมพลศึกษา กรมการท่องเที่ยว และมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ

ในการประชุมดังกล่าว นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้นำเสนอยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและกีฬาในปี 2568 โดยมุ่งเป้าสู่การผลักดัน ประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก” ผ่านแคมเปญ “Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025”

5 ยุทธศาสตร์หลักในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ปี 2568

  1. ค้นหาและส่งเสริมเสน่ห์ไทยในระดับพื้นที่ – เช่น วัฒนธรรมท้องถิ่น ชุมชนดั้งเดิม และวิถีชีวิตของคนในพื้นที่
  2. ยกระดับความปลอดภัย – เพิ่มระบบเตือนภัย แอปตำรวจท่องเที่ยว ติดกล้องวงจรปิดในแหล่งท่องเที่ยวหลัก
  3. ส่งเสริมการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มเฉพาะ – เช่น ผู้สูงอายุ, ผู้พิการ, LGBTQ+
  4. สร้างเครือข่ายการท่องเที่ยวเชื่อมโยงภูมิภาค – ส่งเสริมการเดินทางข้ามจังหวัด เช่น เชียงใหม่–เชียงราย–หลวงพระบาง
  5. พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวต้นแบบชุมชน – ยกระดับมาตรฐานสินค้า, OTOP, การบริการของชุมชน

เชียงรายได้รับการระบุเป็นหนึ่งใน จังหวัดนำร่อง ในโครงการพัฒนาเมืองท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่เครือข่าย เมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network) ในปี 2568–2569

การท่องเที่ยวแบบยั่งยืนควบคู่กับความปลอดภัย

นอกจากแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบเข้มข้นแล้ว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยังเน้นย้ำการจัดการด้าน ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ที่ใกล้เข้ามา โดยมีการร่วมมือกับหลายหน่วยงาน ได้แก่

  • กระทรวงมหาดไทย – ด้านการดูแลความปลอดภัย
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ – ด้านการจัดกำลังในพื้นที่
  • สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ – ด้านการช่วยเหลือฉุกเฉิน
  • กรมเจ้าท่า – ด้านความปลอดภัยทางน้ำ
  • กรมขนส่งทางบก – ด้านการเดินทาง
  • กรมอุทยานฯ – ด้านแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ

ด้านกีฬา ผนวก Soft Power สู่เวทีโลก

อีกด้านที่กระทรวงฯ ให้ความสำคัญคือ การส่งเสริมกีฬาเพื่อมวลชนและกีฬาอาชีพ โดยแผนปี 2568 จะมีการจัดกิจกรรมและการแข่งขันที่สำคัญหลายรายการ เช่น

  • PT Grand Prix of Thailand 2025
  • การแข่งขันวิ่งเทรลนานาชาติ HOKA Chiang Mai Thailand by UTMB
  • มวยไทย “ศึก THE HERO FIGHT MUAYTHAI”
  • Amazing Thailand Marathon Bangkok 2024

เชียงรายเองก็เตรียมผลักดันกิจกรรม วิ่งมาราธอนประจำปี และ จักรยานเสือภูเขา บนเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อดึงนักกีฬาและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ

ข้อเสนอความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน

ในที่ประชุม ยังได้หารือถึงการบูรณาการงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ:

  • การบังคับใช้กฎหมายกับบริษัทนำเที่ยวเถื่อน
  • การควบคุม Bigbike และเรือท่องเที่ยว
  • การส่งเสริมวิชาพลศึกษาในโรงเรียน
  • การผลักดันกีฬาในแผนพัฒนาท้องถิ่นของ อบจ. และ อปท.
  • การสื่อสารภาพลักษณ์เชิงบวกผ่านกิจกรรมระดับนานาชาติ เช่น ซีเกมส์ และวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว

  • จำนวนนักท่องเที่ยวใน 8 จังหวัดภาคเหนือ ปี 2567: 25,783,263 คน
    • ชาวไทย: 20,941,918 คน (81.2%)
    • ต่างชาติ: 4,841,345 คน (18.8%)
  • จังหวัดเชียงราย มีนักท่องเที่ยวรวม: 6,193,932 คน (24%)
    • คิดเป็นอันดับที่ 2 ของภาคเหนือ รองจากเชียงใหม่
  • อัตราเติบโตของนักท่องเที่ยวในเชียงราย ปี 2566–2567: เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 11.4% ต่อปี (ข้อมูลจาก สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย)
  • รายได้จากการท่องเที่ยวของเชียงราย ปี 2567: ประมาณ 19,700 ล้านบาท (ประมาณการจาก ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจท่องเที่ยว ธปท. สาขาเชียงราย)
  • กิจกรรมกีฬาที่จัดในเชียงราย ปี 2567: กว่า 35 รายการ รวมผู้เข้าร่วมกว่า 120,000 คน
  • จำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ (Cultural, Wellness, Eco) ในเชียงราย: คิดเป็น 37.6% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด (ข้อมูลจาก มช.)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
  • ศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยว (CTRD) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย สาขาเชียงราย
  • สถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • กรมพลศึกษา และกรมการท่องเที่ยว
  • รายงานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ครั้งที่ 3/2568
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
ECONOMY

นักท่องเที่ยวต่างชาติทะลักไทย กวาดรายได้ 1.35 ล้านล้าน

กระทรวงการท่องเที่ยวเผยนักท่องเที่ยวต่างชาติทะลุ 29 ล้านคน สร้างรายได้ 1.35 ล้านล้านบาท

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยในปี 2567 ว่า มีนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 3 พฤศจิกายน รวม 29,080,399 คน ซึ่งสร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 1.35 ล้านล้านบาท โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนยังคงครองแชมป์อันดับ 1 มีจำนวนมากถึง 5,756,998 คน ตามมาด้วยมาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย

นักท่องเที่ยวกลุ่ม Long Haul และ Short Haul ฟื้นตัวดี

สำหรับในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาจำนวนมากในทุกกลุ่มตลาด โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะไกล (Long haul) จากยุโรป อเมริกา และโอเชียเนีย มีจำนวนเข้ามา 243,204 คน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.85 ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบหลายเดือน โดยเฉพาะตลาดรัสเซียและเยอรมันที่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 8,000 คน นอกจากนี้ กลุ่มนักท่องเที่ยวระยะใกล้ (Short haul) จากประเทศในเอเชีย เช่น มาเลเซีย อินเดีย และสิงคโปร์ ก็มีอัตราการเดินทางเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดเทศกาลดิวาลี ส่งผลให้ในสัปดาห์นี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด 701,962 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าร้อยละ 20.10

นักท่องเที่ยวจีน มาเลเซีย รัสเซีย และอินเดีย มีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

5 อันดับแรกของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้แก่ มาเลเซีย (123,121 คน) จีน (96,756 คน) รัสเซีย (41,397 คน) อินเดีย (40,956 คน) และเกาหลีใต้ (32,593 คน) ซึ่งทั้ง 5 ประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมาเลเซียเพิ่มขึ้นร้อยละ 52.24 รัสเซียเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.41 และจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.58

ปัจจัยที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือ High Season กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้มีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น การเพิ่มจำนวนที่นั่งการเดินทางเข้าไทยระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงสิ้นปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 รวมถึงการยกเว้นการใช้บัตร ตม.6 ในด่านทางบกและการกระตุ้นให้สายการบินเพิ่มเที่ยวบินเข้าไทยมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง ทั้งนี้ รัฐบาลยังมีมาตรการ Ease of traveling ที่ช่วยลดความซับซ้อนในกระบวนการเข้าเมืองและกระตุ้นการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย

คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์ถัดไป

จากการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว จึงคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์ถัดไป โดยเฉพาะกลุ่มตลาดระยะไกลจากยุโรป อเมริกา และโอเชียเนีย ขณะเดียวกันตลาดในเอเชีย เช่น จีนและมาเลเซียยังมีแนวโน้มขยายตัวดี โดยกระทรวงการท่องเที่ยวตั้งเป้าที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าไทยอย่างต่อเนื่องตลอดฤดูกาล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา / Flow Chiangsaen

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE