Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อนุรักษ์ ‘หนองฮ่าง’ กรมน้ำฯ ถกแผนฟื้นฟูระบบนิเวศ

เชียงรายเดินหน้าฟื้นฟู “พื้นที่ชุ่มน้ำหนองฮ่าง” มุ่งอนุรักษ์ระบบนิเวศอย่างยั่งยืน

ประเทศไทย, 2 พฤษภาคม 2568 – กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดประชุมปัจฉิมนิเทศโครงการค่าใช้จ่ายในการศึกษาความเหมาะสม สำรวจ ออกแบบพื้นที่ชุ่มน้ำหนองฮ่าง จังหวัดเชียงราย เพื่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟูระบบนิเวศ และทรัพยากรธรรมชาติ ณ ห้องประชุมศรีจอมทอง ชั้น 2 โรงแรมไชยนารายณ์ ริเวอร์ไซด์ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยมีนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยนายบุญเกิด ร่องแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย ผู้แทนกรมทรัพยากรน้ำ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ และประชาชนผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง

จุดเริ่มต้นของโครงการและความสำคัญของพื้นที่ชุ่มน้ำหนองฮ่าง

โครงการนี้มีจุดเริ่มต้นจากความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมของพื้นที่ชุ่มน้ำหนองฮ่าง จังหวัดเชียงราย ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติของประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตตำบลทานตะวัน ตำบลหัวง้ม และตำบลม่วงคำ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ครอบคลุมพื้นที่รวมประมาณ 1,743 ไร่ พื้นที่ชุ่มน้ำหนองฮ่างประกอบด้วยแหล่งน้ำขนาดเล็ก 3 แห่ง และที่ราบลุ่มแม่น้ำฮ่าง มีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าหลากหลายชนิดทั้งสัตว์น้ำ สัตว์บก และนกอพยพที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง เป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร การประมง และแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สำคัญของจังหวัดเชียงราย

เนื่องจากที่ผ่านมาพื้นที่ชุ่มน้ำหนองฮ่างเผชิญกับปัญหาสภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ไม่เหมาะสม ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ การขยายตัวของชุมชน รวมถึงปัญหาคุณภาพน้ำที่ด้อยลงจากกิจกรรมของมนุษย์ ทำให้กรมทรัพยากรน้ำจำเป็นต้องเร่งดำเนินการศึกษา สำรวจ ออกแบบมาตรการที่เหมาะสมเพื่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้อย่างยั่งยืน

การประชุมปัจฉิมนิเทศ สู่การบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อสรุปผลการศึกษาความเหมาะสมของโครงการที่ได้ดำเนินงานมาตลอดช่วงปีที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันของทุกฝ่าย และนำไปสู่การจัดทำแผนแม่บทการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำหนองฮ่างอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ เพื่อให้ข้อเสนอแนะต่างๆ ได้ถูกนำไปประกอบการปรับปรุงแก้ไขรายงานการศึกษาฉบับสมบูรณ์ให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา และตรงกับความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง

ในการประชุมครั้งนี้ ได้มีการนำเสนอข้อมูลสรุปแผนแม่บทสำหรับการอนุรักษ์ ฟื้นฟูระบบนิเวศ พร้อมด้วยมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมถึงแผนการบริหารจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำหนองฮ่างแบบบูรณาการ โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เสนอข้อคิดเห็นเพิ่มเติมในประเด็นสำคัญ เช่น การควบคุมการใช้ที่ดินในพื้นที่ การฟื้นฟูคุณภาพน้ำให้กลับมาสู่สภาพปกติ การจัดตั้งเครือข่ายเฝ้าระวังและติดตามสภาพแวดล้อม และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม

วิเคราะห์ความสำเร็จและข้อเสนอแนะจากการประชุม

จากการประชุม มีข้อเสนอแนะสำคัญจากประชาชนและหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง คือ การสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เน้นให้ประชาชนท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์ และการพัฒนาทักษะการจัดการทรัพยากรน้ำให้แก่ชุมชน เพื่อให้สามารถดำเนินงานต่อเนื่องได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันว่า โครงการนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจชุมชนโดยรวม โดยเฉพาะในด้านการเกษตรและการท่องเที่ยว ที่สามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สถิติสำคัญเกี่ยวกับพื้นที่ชุ่มน้ำหนองฮ่าง จังหวัดเชียงราย

จากรายงานกรมทรัพยากรน้ำ (2567) พบว่า พื้นที่ชุ่มน้ำหนองฮ่างมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง โดยพบพันธุ์สัตว์ป่าอาศัยอยู่ไม่น้อยกว่า 120 ชนิด แบ่งเป็นสัตว์ปีกจำนวน 60 ชนิด สัตว์น้ำและสัตว์บกอีกประมาณ 60 ชนิด นอกจากนี้ ยังมีประชาชนในพื้นที่ที่พึ่งพิงทรัพยากรน้ำเพื่อการเกษตรและประมงไม่ต่ำกว่า 1,500 ครัวเรือน โดยพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้สามารถสร้างรายได้จากกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการเกษตรได้ปีละไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท (ที่มา: กรมทรัพยากรน้ำ, รายงานการศึกษาความเหมาะสมโครงการหนองฮ่าง ปี 2567)

สรุปและก้าวต่อไปของโครงการ

การดำเนินการโครงการพื้นที่ชุ่มน้ำหนองฮ่างครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการฟื้นฟูระบบนิเวศของจังหวัดเชียงรายให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง โดยจะนำไปสู่การดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกับสร้างความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วน ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำจะนำผลสรุปและข้อเสนอแนะจากการประชุมครั้งนี้ ไปปรับปรุงให้เกิดแผนการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพสูงสุดต่อไปในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (2567) รายงานการศึกษาความเหมาะสมโครงการพื้นที่ชุ่มน้ำหนองฮ่าง จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย (2567)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

พื้นที่มรดกโลกทางการเกษตร (GIAHS) “เลี้ยงควายปลักและระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย”

พื้นที่มรดกโลกทางการเกษตร (GIAHS) “เลี้ยงควายปลักและระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย”

Facebook
Twitter
Email
Print

 นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความสำเร็จในการยื่นเอกสารข้อเสนอ “การเลี้ยงควายปลักและระบบนิเวศในพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย” เมื่อเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยการเสนอเรื่องดังกล่าว เพื่อขอรับการรับรองเป็นพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตร มีหลักเกณฑ์การพิจารณาของพื้นที่ GIAHS ทั้งหมด 5 ข้อ ได้แก่ 1) ความมั่นคงอาหาร/ชีวิตความเป็นอยู่ดี 2) ความหลากหลายทางชีวภาพเกษตร 3) ระบบความรู้/ภูมิปัญญาท้องถิ่น มีมาแต่ดั้งเดิม 4) วัฒนธรรม ระบบคุณค่า และองค์กรทางสังคม และ 5) ลักษณะภูมิทัศน์/และภูมิทัศน์ทางทะเล และจากการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ (Scientific Advisory Group: SAG) ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ได้ประกาศให้ “การเลี้ยงควายปลักและระบบนิเวศในพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย” เป็นพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตร (Global Important Agricultural Heritage Systems หรือ GIAHS) ของ FAOและนับเป็นพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตรแห่งแรกของประเทศไทย

                       “พิธีมอบใบประกาศรับรองพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตร (Globally Important Agricultural Heritage Systems หรือ GIAHS) จะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคมนี้ เวลา 16.00-18.30 น. (เวลาประเทศไทย) ณ สำนักงานใหญ่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี โดยชุมชนในพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย จ.พัทลุง จะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ ดังนั้น การขึ้นทะเบียนฯ จะไม่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่ และยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตในชุมชน ทำให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโต และเพิ่มการจ้างงานในพื้นที่อีกด้วย” ปลัดเกษตรฯ กล่าว

          สำหรับพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตรแห่งแรกของไทยนี้ มีพื้นที่ทั้งหมด 45,822 เฮกตาร์ (458.22 ตารางกิโลเมตร) ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือ จังหวัดพัทลุง จังหวัดสงขลา และจังหวัดนครศรีธรรมราช มีลักษณะเป็นทะเลแบบลากูน (Lagoon)  หนึ่งเดียวของประเทศไทย มีความสำคัญเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ ได้รับการแต่งตั้งอนุสัญญาแรมซาร์ ในปี พ.ศ. 2541 (Ramsar site No.948) ครอบคลุมพื้นที่ป่าพรุ เป็นเส้นทางอพยพของนกจากเอเชียตะวันออกและแหล่งที่อยู่ของสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพ มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ รวมทั้งเป็นแหล่งอาศัยสำคัญของสังคมสัตว์และสังคมพืชนานาชนิด และแหล่งประกอบอาชีพหลักและความมั่นคงทางอาหารของชุมชนในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชีพกสิกรรมแบบดั้งเดิม เช่น การทำนา การทำประมงและเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะ “ควายปลัก” ซึ่งมีลักษณะเหมือนควายปกติ แต่มีความสามารถในการปรับตัวให้สามารถหากินได้ทั้งในน้ำและบนบก ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของควายในพื้นที่ จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในจังหวัดพัทลุง 

Facebook
Twitter
Email
Print

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE