Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มรภ.เชียงราย ผนึกจีน พัฒนาหลักสูตร AI, ยานยนต์ไฟฟ้า และแพทย์แผนจีนสู่สากล

มรภ.เชียงราย ผนึกจีน พัฒนาหลักสูตร AI, ยานยนต์ไฟฟ้า และแพทย์แผนจีนสู่สากล

เชียงราย, 26 ตุลาคม 2568 – แทบจะไม่มีมหาวิทยาลัยระดับภูมิภาคใดในประเทศไทยที่ต้องเผชิญโจทย์ซับซ้อนเท่ากับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มรภ.เชียงราย) ในวันนี้ โจทย์นั้นไม่ใช่แค่ “ผลิตบัณฑิตให้เพียงพอกับตลาดแรงงาน” อีกต่อไป แต่เป็นการสร้างกำลังคนที่เข้าใจทั้งเศรษฐกิจท้องถิ่นและเศรษฐกิจภูมิภาคลุ่มน้ำโขง รู้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง AI และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) มีความสามารถทางภาษาและวัฒนธรรมข้ามชาติ และที่สำคัญต้องเชื่อมโยงกับห่วงโซ่เศรษฐกิจจีน–ไทยที่กำลังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ของภาคเหนือ

ทั้งหมดนี้คือภาพสะท้อนจากการที่ รศ.ดร.ไพโรจน์ ด้วงนคร อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย นำคณะผู้บริหารเดินทางเยือนมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 เพื่อหารือและขยายความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับสองสถาบันการศึกษา ได้แก่ Yuxi Normal University และ Yunnan Economics Trade and Foreign Affairs College ซึ่งเป็นการยกระดับความร่วมมือทางวิชาการจากระดับปริญญาตรีสู่ระดับบัณฑิตศึกษา พร้อมวางรากฐานหลักสูตรด้านเทคโนโลยีอนาคตและอาชีพแห่งวันพรุ่งนี้

นี่ไม่ใช่การไปลงนาม MOU เพื่อรูปแบบ หากแต่เป็นการวางกรอบการผลิตบุคลากรให้ “ตรงกับอนาคต” ของเชียงรายและของภาคเหนือตอนบน

21 ปีแห่งความร่วมมือที่ไม่ใช่เพียงความสัมพันธ์ทางวิชาการ จาก “ภาษาไทย–วัฒนธรรมไทย” สู่ “ศูนย์กลางการพัฒนาครูภาษาจีนระดับภูมิภาค”

ช่วงเช้า คณะผู้บริหาร มรภ.เชียงราย เข้าพบหารือกับ Yuxi Normal University เมืองยวี่ซี มณฑลยูนนาน โดยมี Prof. Dr. Yang Wei รองอธิการบดีของ Yuxi Normal University นำทีมผู้บริหารให้การต้อนรับอย่างเป็นทางการ การพบกันครั้งนี้ไม่ใช่จุดเริ่มต้น แต่เป็นการต่อยอดความสัมพันธ์ยาวนานถึง 21 ปี ภายใต้โครงการความร่วมมือ 2+2 หรือ Duo-Degree สาขาภาษาและวัฒนธรรมไทย

โครงการดังกล่าวเปิดโอกาสให้นักศึกษาจีนมาเรียนรู้ภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยอย่างเข้มข้น ขณะเดียวกันนักศึกษาจาก มรภ.เชียงราย ก็เดินทางไปเสริมทักษะภาษาจีนและเรียนรู้วัฒนธรรมยูนนานในสภาพแวดล้อมจริง ตัวเลขสะสมชี้ให้เห็นความต่อเนื่องที่ยั่งยืน ไม่ใช่ความร่วมมือเชิงสัญลักษณ์ชั่วคราว

ข้อมูลความร่วมมือทางวิชาการ (สะสมจนถึงปัจจุบัน)

  • นักศึกษา Yuxi ที่เข้าร่วมโครงการกับ มรภ.เชียงราย: มากกว่า 323 คน
  • นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายที่เข้าร่วมแลกเปลี่ยนภาษาจีน: 141 คน
  • อาจารย์ชาวไทยที่ถูกส่งไปสอนที่ Yuxi Normal University: 13 คน

ตัวเลขเหล่านี้เล่าความจริงสำคัญ 2 ประการ

หนึ่ง, สายสัมพันธ์ไทย–จีนในระดับมหาวิทยาลัยภูมิภาคไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ถูกวางไว้และขยายผลอย่างเป็นระบบยาวนานกว่าสองทศวรรษ แสดงให้เห็นการพัฒนาความเข้าใจข้ามพรมแดนในระดับมนุษย์ (people-to-people connectivity) ไม่ใช่แค่ในระดับรัฐหรือภาคธุรกิจ

สอง, โครงสร้างความร่วมมือไม่หยุดอยู่ที่ “การแลกเปลี่ยนระยะสั้น” แต่เริ่มเคลื่อนไปสู่การบูรณาการหลักสูตรและการออกแบบเส้นทางวิชาชีพร่วมกันในระยะยาว

การหารือครั้งล่าสุดระหว่าง มรภ.เชียงราย และ Yuxi Normal University สะท้อนพัฒนาการนี้อย่างชัดเจน โดยมีการพูดคุยถึงการขยับระดับความร่วมมือจากปริญญาตรี สู่ระดับปริญญาโทและปริญญาเอกในบางสาขา เช่น พละศึกษา กฎหมาย และการค้าระหว่างประเทศ

การหารือร่วม มีดังนี้

  1. การพัฒนาหลักสูตรร่วมระดับปริญญาโท–เอก
    ทั้งสองมหาวิทยาลัยอยู่ระหว่างการออกแบบหลักสูตรบัณฑิตศึกษา เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาและบุคลากรจากทั้งสองประเทศสามารถเรียนรู้ร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยตั้งเป้าให้เกิดหลักสูตรพิเศษในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีความเชี่ยวชาญ เช่น พละศึกษาและวิทยาศาสตร์การกีฬา ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดแข็งของสถาบันครู เช่น Yuxi Normal University
  2. หลักสูตรกฎหมายและการค้าระหว่างประเทศ
    ประเด็นนี้มีนัยสำคัญทางยุทธศาสตร์ เพราะแนวโน้มทางเศรษฐกิจของภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงราย ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงชายแดนไทย–ลาว–เมียนมา กำลังเปลี่ยนไปสู่บทบาทความเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และการค้าชายแดน การเตรียมบุคลากรที่เข้าใจกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ กฎระเบียบข้ามแดน และความตกลงทางเศรษฐกิจระหว่างไทย–จีน จึงเป็นหนึ่งในทักษะจำเป็นของตลาดแรงงานรุ่นใหม่
  3. การพัฒนาครูสอนภาษาจีนเชิงระบบ
    จุดที่โดดเด่นและสะท้อนถึงคุณค่าที่จับต้องได้ คือการร่วมกันพัฒนาครูสอนภาษาจีนให้กับเครือข่ายโรงเรียนและสถาบันการศึกษาในพื้นที่ภาคเหนือของไทย
    Yuxi Normal University ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “หนึ่งใน 8 มหาวิทยาลัยของสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการสอนภาษาจีนระดับชาติ” หมายความว่า มหาวิทยาลัยดังกล่าวไม่ใช่เพียงสถาบันการศึกษาในระดับภูมิภาคของจีน แต่เป็นสถาบันที่ทำหน้าที่พัฒนาครูและมาตรฐานการสอนภาษาจีนทั้งระบบของประเทศจีนเอง
    ในการหารือครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้วางแนวทางร่วมกันในการอบรมเชิงเทคนิคการสอน (Teaching Pedagogy) แนวใหม่ การออกแบบหลักสูตรสอดคล้องกับบริบทการเรียนรู้ของผู้เรียนไทย และการใช้ทรัพยากรบุคลากรจีนในการยกระดับคุณภาพครูภาษาจีนในพื้นที่ของ มรภ.เชียงราย และโรงเรียนเครือข่าย

ที่สำคัญ มีการยืนยันว่าในเดือนพฤศจิกายน 2568 นี้ Prof. Dr. Cao Bingxue ผู้อำนวยการศูนย์ภาษาและอักษรจีนของ Yuxi Normal University จะเดินทางมายังมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เพื่อหารือการดำเนินงานเชิงปฏิบัติจริง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าความร่วมมือไม่หยุดอยู่บนกระดาษ

  1. การเชื่อมเส้นทางการศึกษาต่อเนื่อง ป.ตรี – โท – เอก
    การออกแบบ “เส้นทางการศึกษาต่อเนื่อง” หมายความว่า นักศึกษาของราชภัฏเชียงรายอาจไม่ต้องหยุดอยู่ที่ปริญญาตรีอีกต่อไป หากแต่สามารถต่อยอดสู่ปริญญาโทและเอก ผ่านหลักสูตรร่วมที่ทั้งสองสถาบันออกแบบร่วมกัน
    นี่คือการเปิดเพดานความก้าวหน้าให้กับนักศึกษาจังหวัดชายแดน นักศึกษาจากครอบครัวฐานราก และครูรุ่นใหม่ในพื้นที่ภาคเหนือ ที่อาจไม่เคยมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาระดับสูงในต่างประเทศมาก่อน

กล่าวได้ว่า ความร่วมมือระหว่าง มรภ.เชียงราย และ Yuxi Normal University ไม่ใช่ “กิจกรรมต่างประเทศ” หากแต่เป็น “ยุทธศาสตร์การสร้างทุนมนุษย์ระดับจังหวัดและภูมิภาค” อย่างเป็นระบบ

 

จากห้องเรียนสู่โรงงาน ซ่อม EV จากแปลงเกษตรสู่ห้องแล็บ AI: โจทย์ใหม่จาก Yunnan Economics Trade and Foreign Affairs College

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน คณะผู้บริหาร มรภ.เชียงราย ได้เดินทางต่อไปยัง Yunnan Economics Trade and Foreign Affairs College โดยมี Prof. Yang Fei เลขาธิการพรรคประจำสถาบัน และ Prof. Jing Yang อธิการบดี พร้อมคณะผู้บริหารของสถาบันฝั่งจีนให้การต้อนรับอย่างเป็นมิตรและเป็นทางการ

ต่างจาก Yuxi Normal University ซึ่งเน้นการพัฒนาครู นักภาษาศาสตร์ และบุคลากรด้านมนุษยศาสตร์–สังคมศาสตร์ สถาบันแห่งนี้มีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีการประยุกต์ใช้งานจริง (applied technology) ในสาขาที่สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจใหม่ของภูมิภาค เช่น

  • การแพทย์แผนจีน
  • นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
  • อากาศยานและระบบรางความเร็วสูง
  • AI และระบบอัจฉริยะทางอุตสาหกรรม (รวมถึงความร่วมมือด้านเทคโนโลยีกับภาคเอกชน เช่น Huawei)

ในการหารือ ได้มีการวางกรอบความร่วมมือเชิงปฏิบัติที่มุ่ง “ยกระดับกำลังคน” ในพื้นที่เชียงรายและภาคเหนือตอนบน โดยไม่ต้องรอส่วนกลาง ได้แก่

  1. ศูนย์ฝึกปฏิบัติการซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบแนวทางจัดตั้ง “ศูนย์ฝึกปฏิบัติการซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า” ที่เชียงราย เป้าหมายไม่ใช่แค่ให้นักศึกษาได้ทดลอง แต่เพื่ออบรมเชิงวิชาชีพจริงให้กับนักศึกษา ช่างเทคนิค และแรงงานฝีมือในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อเตรียมรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม EV ในอนาคตอันใกล้

การเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับโครงสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า โดยสัญญาณทางเศรษฐกิจบ่งชี้ว่าภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดชายแดนที่มีโครงสร้างโลจิสติกส์เชื่อมจีน อาจมีบทบาทเพิ่มขึ้นทั้งในฐานะจุดซ่อมบำรุง ศูนย์กระจายชิ้นส่วน หรือฐานทดลองบริการหลังการขายของค่ายผู้ผลิตจีน

หากศูนย์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงที่เชียงราย หมายความว่ามหาวิทยาลัยราชภัฏ ซึ่งเดิมถูกมองว่าเน้นครู ศิลปศาสตร์ และงานพัฒนาชุมชน จะมีบทบาทใหม่ในฐานะ “สถาบันฝึกอบรมเทคนิคขั้นสูง” ด้าน EV ให้กับภูมิภาค

  1. หลักสูตรร่วมและการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ

มีการหารือถึงการจัดหลักสูตรร่วมในสาขาเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น AI, EV, อากาศยาน รวมถึงโครงการฝึกงานที่ออกแบบร่วมระหว่าง

  • ภาคเอกชน
  • Yunnan Economics Trade and Foreign Affairs College
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

กล่าวคือ นี่คือการนำรูปแบบ “Triple Partnership” หรือความร่วมมือ 3 ฝ่าย (เอกชน–สถาบันจีน–สถาบันไทย) มาใช้ในระดับจังหวัดโดยตรง เพื่อให้ผู้เรียนไม่ได้จบออกมาพร้อมใบปริญญาเพียงอย่างเดียว แต่จบออกมาพร้อมทักษะวิชาชีพที่ตลาดแรงงานต้องการทันที

  1. การแลกเปลี่ยนนักศึกษาและเทียบโอนหน่วยกิต

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงรูปแบบการแลกเปลี่ยนนักศึกษาทั้งระยะสั้นและระยะยาว พร้อมระบบเทียบโอนหน่วยกิต ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการลดอุปสรรคเชิงโครงสร้างในการไปศึกษาต่อในต่างประเทศของนักศึกษาไทย โดยเฉพาะนักศึกษาที่ไม่ได้มาจากครอบครัวรายได้สูง แต่ต้องการโอกาสการยกระดับทักษะมืออาชีพในเวทีนานาชาติ

  1. การจัดการศึกษาต่อเนื่องตั้งแต่ “อนุปริญญา – ตรี – โท – เอก”

Yunnan Economics Trade and Foreign Affairs College แสดงความพร้อมในการร่วมพัฒนาเส้นทางการศึกษาต่อเนื่องกับ มรภ.เชียงราย ให้สอดคล้องกับอาชีพสมัยใหม่ เช่น ช่างเทคนิค EV นักเทคโนโลยีระบบราง นักวิชาชีพด้านอากาศยาน นักวิเคราะห์ระบบ AI ฯลฯ
จุดสำคัญคือโครงสร้างนี้จะช่วย “ยกระดับคนทำงาน” ให้สามารถเติบโตตามสายวิชาชีพโดยไม่ต้องออกจากพื้นที่บ้านเกิด และเปิดโอกาสให้บุคลากรในท้องถิ่นที่เริ่มจากทักษะสายปฏิบัติการ (hands-on skill) สามารถเติบโตจนถึงระดับผู้เชี่ยวชาญเชิงยุทธศาสตร์

  1. การแลกเปลี่ยนอาจารย์และนักวิจัย

ทั้งสองฝ่ายวางกรอบร่วมกันในการแลกเปลี่ยนอาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญภาคอุตสาหกรรม และนักวิจัย เพื่อให้เกิดการยกระดับความรู้ในสถาบันทั้งสองแบบสองทาง ไม่ใช่เพียงให้ไทยไปรับเทคโนโลยีจากจีนเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้ มรภ.เชียงราย ส่งบุคลากรไปสอนหรือถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านภูมิภาคศึกษา ภาษา วัฒนธรรมชายแดน และเศรษฐกิจท้องถิ่น ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญของฝั่งไทยเช่นกัน

  1. การเรียนรู้เชิงประจักษ์ผ่านศูนย์นวัตกรรม

คณะผู้บริหาร มรภ.เชียงราย ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมสถานที่ปฏิบัติการจริงของสถาบันจีน เช่น

  • ศูนย์ฝึกปฏิบัติการแพทย์แผนจีน
  • ศูนย์นวัตกรรม AI ที่ดำเนินการร่วมกับ Huawei
  • ศูนย์ฝึกซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า
  • ห้องปฏิบัติการรถไฟความเร็วสูงและอากาศยาน

การเยี่ยมชมดังกล่าวมีความหมายมากกว่าการดูงาน เพราะสะท้อน “รูปแบบการสอนที่ยึดโรงปฏิบัติการเป็นฐาน” (Lab-based / Workshop-based Learning) ซึ่งเป็นรูปแบบการผลิตบุคลากรสายเทคนิคที่หลายพื้นที่ในไทยยังขาดอยู่ การนำโมเดลนี้กลับมาประยุกต์ใช้ในเชียงรายจึงตีความได้ว่า ราชภัฏเชียงรายต้องการขยับบทบาทตนเองจาก “มหาวิทยาลัยครู” ไปเป็น “ศูนย์กลางการพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับเศรษฐกิจใหม่ของลุ่มน้ำโขง”

จากความร่วมมือสู่ยุทธศาสตร์จังหวัด เชียงรายกับบทบาท “ประตูสู่จีน” ที่กำลังเป็นจริง

เชียงรายคือจังหวัดเหนือสุดของประเทศไทย และเป็นจุดเชื่อมเศรษฐกิจ การศึกษา แรงงาน และโลจิสติกส์ ระหว่างไทย จีน ลาว และเมียนมา พื้นที่นี้ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่ท่องเที่ยว หรือพื้นที่ชายแดนทางวัฒนธรรมอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็น “จุดรองรับการไหลบ่าของเทคโนโลยีและโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่จากจีนสู่ไทย”

ความร่วมมือของ มรภ.เชียงราย กับสถาบันการศึกษาชั้นนำในมณฑลยูนนานจึงต้องอ่านในเชิงยุทธศาสตร์ด้วยว่า

  • นี่คือการเตรียมคนให้พร้อมรับเศรษฐกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ผู้ผลิตรายใหญ่ของจีนกำลังขยายฐานจำหน่ายและบริการหลังการขายในภูมิภาค
  • นี่คือการเตรียมคนให้เข้าใจระบบซัพพลายเชนใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และระบบอัตโนมัติ
  • นี่คือการเตรียมบุคลากรสาธารณสุขและการแพทย์ทางเลือก (เช่น แพทย์แผนจีน) เพื่อตอบสนองตลาดสุขภาพและผู้สูงอายุที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วภาคเหนือ
  • และนี่คือการยกระดับความสามารถด้านภาษา กฎหมาย การค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นในเชียงราย เชียงของ แม่สาย หรือแม้กระทั่ง SMEs เชียงใหม่–พะเยา สามารถเจรจา ทำสัญญา ทำธุรกิจ และขยายกิจการสู่ตลาดจีนโดยไม่ต้องพึ่ง “คนกลางในกรุงเทพฯ” อีกต่อไป

กล่าวอย่างตรงไปตรงมา: การเดินทางครั้งนี้คือการขยับราชภัฏเชียงรายจาก “สถาบันผลิตครู” ไปสู่ “โครงสร้างพื้นฐานเชิงยุทธศาสตร์ของจังหวัด”

มรภ.เชียงรายในบทบาทใหม่ สถาบันการศึกษาหรือโครงสร้างพื้นฐานการพัฒนาบุคลากรของภูมิภาค?

เมื่อมองภาพรวมจากทั้งสองการหารือ จุดที่เห็นชัดคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายกำลังวางตัวเองในสามบทบาทหลักพร้อมกัน

  1. ผู้พัฒนาครูและบุคลากรด้านภาษา–วัฒนธรรม–การศึกษา
    ผ่านความร่วมมือกับ Yuxi Normal University ที่มีความเชี่ยวชาญระดับชาติจีนด้านการสร้างครูสอนภาษาจีน พร้อมทั้งยกระดับสายการศึกษาในสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สู่ระดับบัณฑิตศึกษา (โท–เอก)
  2. ศูนย์กลางการฝึกเทคโนโลยีประยุกต์ (Applied Technology Hub)
    ผ่านการเตรียมจัดตั้งศูนย์ฝึกซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าในเชียงราย และการเชื่อมโยงหลักสูตรกับเทคโนโลยีที่ตลาดกำลังต้องการ เช่น EV, AI, อากาศยาน, ระบบรางความเร็วสูง ซึ่งเป็นฐานอาชีพใหม่ของภูมิภาคในอีก 5-10 ปีข้างหน้า
  3. สะพานเชื่อมเศรษฐกิจการค้าชายแดนและการเจรจาระดับภูมิภาค
    ด้วยการออกแบบหลักสูตรทางด้านกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ การเจรจาทางธุรกิจไทย–จีน การเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการท้องถิ่นกับระบบการผลิต การฝึกงาน และการฝึกอาชีพจากฝั่งจีน

ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับแนวโน้มใหญ่ของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจภูมิภาค ที่กำลังเคลื่อนจาก “การผลิตแบบแรงงานราคาถูก” สู่ “การผลิตมูลค่าสูงด้วยเทคโนโลยีและทักษะเฉพาะทาง” รวมถึงสอดรับบริบทโลกที่เปลี่ยนผ่านด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การปรับตัวต่อสภาวะภูมิรัฐศาสตร์ (geopolitical shifts) และการเติบโตของอุตสาหกรรมสีเขียวและเศรษฐกิจพลังงานสะอาด

เสียงสะท้อนจากผู้บริหาร “นี่ไม่ใช่การไปเยี่ยม นี่คือการไปวางระบบอนาคตของเชียงราย”

ภายหลังการประชุมและการเยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการต่าง ๆ คณะผู้บริหารของ มรภ.เชียงราย ระบุถึงเจตนารมณ์ร่วมในทิศทางเดียวกันว่า ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการยกระดับชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่คือการสร้างช่องทางใหม่ให้เยาวชน ครู นักศึกษา แรงงานเทคนิค และผู้ประกอบการในพื้นที่ มีโอกาสก้าวสู่ระบบเศรษฐกิจใหม่อย่างมีศักดิ์ศรีและแข่งขันได้จริง

แนวทางนี้ยังสอดรับกับวิสัยทัศน์การพัฒนาจังหวัดเชียงรายในฐานะ “จังหวัดชายแดนเชิงยุทธศาสตร์” ที่ต้องการสร้างระบบเศรษฐกิจบนฐานทุนมนุษย์คุณภาพ ไม่ใช่เพียงหวังพึ่งการท่องเที่ยวเชิงฤดูกาลหรือการค้าผ่านแดนเท่านั้น

กล่าวให้ชัดกว่านั้นคือ มหาวิทยาลัยไม่ได้ทำหน้าที่ “ผลิตบัณฑิตส่งใบปริญญา” หากกำลังวางตัวเองเป็น “โครงสร้างพื้นฐานด้านบุคลากรของทั้งจังหวัดและทั้งภูมิภาคลุ่มน้ำโขง”

มองไปข้างหน้า ผลกระทบที่คาดได้ต่อจังหวัดและภูมิภาค

จากกรอบความร่วมมือในครั้งนี้ สามารถคาดการณ์ผลกระทบเชิงนโยบายและสังคมในระยะกลางได้ดังนี้

  1. เชียงรายจะมีศูนย์ฝึก EV ระดับภูมิภาค
    ศูนย์ฝึกซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าที่จะตั้งในมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย มีโอกาสกลายเป็นฐานฝึกอบรมเทคนิคยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับแรงงานท้องถิ่น ผู้ประกอบการศูนย์บริการ รวมถึงผู้จบใหม่ในสายช่างยนต์ ซึ่งจะช่วยลดภาวะสมองไหลของแรงงานฝีมือออกนอกจังหวัด และสร้างรายได้ให้ชุมชนในพื้นที่โดยตรง
  2. ครูภาษาจีนรุ่นใหม่ที่เข้าใจบริบทไทยจริง
    เมื่อการฝึกอบรมครูร่วมกับ Yuxi Normal University เริ่มเดิน มีแนวโน้มว่าคุณภาพการสอนภาษาจีนในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะภายใต้มรภ.เชียงรายและเครือข่ายโรงเรียน จะถูกยกระดับทั้งในเชิงภาษา เชิงวัฒนธรรม และเชิงการสื่อสารในบริบทไทย–จีนทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
  3. หลักสูตรกฎหมาย–การค้าไทย–จีนสร้างผู้เล่นใหม่ในเศรษฐกิจชายแดน
    ผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยเฉพาะในเชียงของ แม่สาย และอำเภอที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งชายแดน อาจไม่จำเป็นต้องพึ่งที่ปรึกษาจากส่วนกลางในการทำธุรกิจข้ามแดนอีกต่อไป หากสามารถเข้าถึงบุคลากรที่ถูกฝึกขึ้นจากหลักสูตรร่วมด้านการค้าและกฎหมายระหว่างประเทศ
  4. เชียงรายสามารถเป็นปลายทางการศึกษานานาชาติระดับภูมิภาค
    โมเดลการเทียบโอนหน่วยกิต การแลกเปลี่ยนระยะสั้น–ยาว และการศึกษาแบบต่อเนื่องจากอนุปริญญาถึงเอก จะทำให้เชียงรายไม่ใช่แค่จังหวัดที่ส่งคนออกไปเรียนต่างประเทศ แต่สามารถเป็น “จุดหมายปลายทาง” ของนักศึกษาจากประเทศเพื่อนบ้าน และจากจีนบางส่วนที่ต้องการเรียนรู้เศรษฐกิจและวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขงในบริบทจริง

หากต้องสรุปภาพรวมในประโยคเดียว การเดินทางของผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายสู่มณฑลยูนนานเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 คือ “การประกาศบทบาทใหม่ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ในฐานะผู้วางโครงสร้างกำลังคนยุคใหม่ให้จังหวัดเชียงรายและภาคเหนือตอนบน”

ความร่วมมือกับ Yuxi Normal University คือการเสริมรากฐานด้านภาษาจีน การศึกษา ครู วิชาชีพมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ พร้อมเปิดเส้นทางสู่ปริญญาโท–เอก
ขณะเดียวกัน ความร่วมมือกับ Yunnan Economics Trade and Foreign Affairs College คือการปูสะพานเชื่อมระหว่างนักศึกษาไทยกับอุตสาหกรรมอนาคตจริง ๆ ทั้ง EV, AI, อากาศยาน, ระบบราง และการแพทย์แผนจีน

หากความร่วมมือเหล่านี้เดินหน้าอย่างเป็นระบบ เชียงรายจะไม่ได้เป็นเพียงจังหวัดชายแดนอีกต่อไป แต่จะเป็นศูนย์กลางการพัฒนาทุนมนุษย์ของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง – ด้วยมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายเป็นหนึ่งในกำลังหลัก

นี่ไม่ใช่เพียงสัญญาในห้องประชุม หากแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการออกแบบอนาคตของจังหวัดทั้งจังหวัด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มรภ.เชียงราย)
  • Yuxi Normal University เมืองยวี่ซี มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย จับมือ มช. จัดกิจกรรม “นักประดิษฐ์ จิตอาสา คืนลมหายใจที่ไร้ฝุ่น”

 

เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.00 น.นายกฤศ โพธสุธน รองนายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงราย หมวดที่ 4 ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะชีวิตเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงราย ครั้งที่ 7 “นักประดิษฐ์จิตอาสา คืนลมหายใจที่ไร้ฝุ่น” ณ หอประชุมกาสะลองคำ มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย 

ปัจจุบันพื้นที่จังหวัดเชียงรายกำลังเผชิญปัญหาสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ซึ่งอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง จังหวัดเชียงราย อบจ.เชียงราย ภาคีทุกภาคส่วน
ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว 
 
 
จึงได้จัดโครงการในวันนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออบรม ให้ความรู้ ทักษะ แก่ เยาวชน ประชาชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถจัดทำประดิษฐ์เครื่องฟอกอากาศ+เติมอากาศ ด้วยตนเองได้ ในราคาประหยัด และมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งสามารถถ่ายทอดความรู้ ทักษะที่ได้ ให้แก่องค์กร หน่วยงาน ชุมชน ของตนเอง อีกทั้งยังให้ความรู้ เรื่องพิษภัยของฝุ่นละออง PM 2.5 สาเหตุที่ก่อให้เกิดฝุ่นละออง ลด ละ เลิก การเผา ที่เป็นต้นเหตุของปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 พร้อมส่งเสริมการจัดกิจกรรม พื้นที่สร้งสรรค์ กิจกรรมสร้างสรรค์ของชุมชน เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชน ประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แสดงออกซึ่งความคิดเห็น ความรู้ และความสามารถ ตามความถนัดและสนใจ โดยกิจกรรมในครั้งนี้ได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการจัดทำกล้องอากาศดี (เครื่องฟอกอากาศและเติมอากาศ แบบ DIY) เพื่อนำไปส่งต่อให้กับกลุ่มเปราะบาง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย 
 

โดยได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.ไพโรจน์ ด้วงนคร รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กล่าวต้อนรับท่านผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ ทั้งนี้ ผศ.ดร.สุทัศน์ คล้ายสุวรรณ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย นพ.คงศักดิ์ ชัยชนะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย นพ.ไพศาล เลิศฤดิพร มูลนิธิเวชดุสิตในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ดร.คงศักดิ์บุญยะประณัย รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดร.แสวง กาวิชัย นักวิจัยประจำสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดร.ธเนศ ไชยชนะ วิทยาลัยพลังงานทดแทน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ นายนิทัศน์ ศรีรัตนประสิทธิ์ ประธาน YEC หอการค้าเชียงรายดร.เนรมิตร จิตรรักษา อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ให้เกียรติร่วมการเปิดโครงการฯ ด้วย

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News