Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

มรดกวัฒนธรรมล้านนา ใส่ขันดอกเมืองเชียงราย

เชียงรายจัดยิ่งใหญ่! ประเพณีสืบสานเดือน 8 เข้า เดือน 9 ออก ใส่ขันดอกเมืองเชียงราย ปี ๒๕๖๘

เปิดฉากงดงาม สืบทอดวัฒนธรรมเมืองเหนือ

เชียงราย,25 พฤษภาคม 2568 – เวลา 18.00 น. ณ วัดกลางเวียง ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย มีการจัดงาน “ประเพณีสืบสานเดือน 8 เข้า เดือน 9 ออก ใส่ขันดอกเมืองเชียงราย” อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อสืบทอดและอนุรักษ์ประเพณีเก่าแก่ของชาวล้านนาให้คงอยู่สืบไป โดยในพิธีเปิดงานได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.พลวัฒ ประพัฒน์ทอง เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วย แม่ครูบัวเรียว รัตนมณีภรณ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ช่างฟ้อน) พ.ศ.2559 และตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา รวมถึงคณะศรัทธาและพุทธศาสนิกชนจำนวนมากเข้าร่วมพิธี

พิธีศักดิ์สิทธิ์ สรงน้ำสะดือเมืองเชียงราย

กิจกรรมเริ่มต้นด้วยพิธีเจริญพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นเข้าสู่พิธีสรงน้ำสะดือเมืองเชียงราย ซึ่งเป็นพิธีกรรมโบราณที่สืบทอดกันมานานหลายชั่วอายุคน โดยเชื่อกันว่าการสรงน้ำสะดือเมือง จะช่วยชำระล้างสิ่งไม่ดี ปกป้องบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุข พิธีนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก เนื่องจากถือเป็นพิธีสำคัญที่สะท้อนถึงความเชื่อและความผูกพันระหว่างคนเชียงรายกับวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างชัดเจน

รวมใจศิลปินล้านนา ฟ้อนถวายเป็นพุทธบูชา

ภายในงานเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยวัฒนธรรมล้านนา ไฮไลต์สำคัญคือการฟ้อนฮอมบุญถวายเป็นพุทธบูชา นำโดยแม่ครูบัวเรียว รัตนมณีภรณ์ ศิลปินแห่งชาติ ซึ่งแสดงความงดงามและความประณีตของท่าฟ้อนล้านนาอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังมีการแสดงฟ้อนจากกลุ่มต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยวัยที่สาม กลุ่มฟ้อนวัดท่าล้อม กลุ่มฟ้อนสวนตุงและโคมนครเชียงราย กลุ่มฟ้อนรักสุขภาพสันโค้งน้อย และกลุ่มฟ้อนฮอมบุญ ซึ่งล้วนได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ชมว่าเป็นการแสดงที่ช่วยปลุกจิตสำนึกรักถิ่นฐานบ้านเกิดได้เป็นอย่างดี

บรรยากาศอบอุ่น ด้วยดนตรีพื้นเมือง

อีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันคือ การแสดงดนตรีพื้นเมืองล้านนา ทั้งปี่พาทย์จากคณะเฮือนดนตรีสีเขียว และการแสดงซอจากแม่ครูบัวลอยและสองเมือง เมืองพาน พร้อมลูกศิษย์ ทั้งหมดนี้สร้างบรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง และยังช่วยฟื้นฟูความสนใจในศิลปะการแสดงพื้นบ้านล้านนาให้กลับมาได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่อีกครั้ง

วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย หนุนกิจกรรมเต็มกำลัง

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย โดยนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นางพรทิวา ขันธมาลา นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการพิเศษ และนางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม พร้อมเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมสนับสนุนการจัดกิจกรรมครั้งนี้อย่างเต็มที่ ทั้งอำนวยความสะดวกแก่คณะนักแสดง จัดเตรียมสถานที่ และดูแลพิธีทางศาสนาอย่างราบรื่น เพื่อให้การจัดงานดำเนินไปอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากที่สุด

วิเคราะห์ผลลัพธ์ สืบสานมรดกเชียงราย

การจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นการสืบทอดประเพณีวัฒนธรรมล้านนาที่สำคัญของเชียงราย ส่งผลให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสเรียนรู้ และเข้าถึงความสำคัญของวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น การรวมตัวกันของประชาชนจำนวนมากยังสะท้อนถึงความสามัคคีและความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชน ในการรักษาและส่งเสริมประเพณีอันดีงามของเชียงรายให้คงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน

สถิติและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

จากข้อมูลของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พบว่าในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวและผู้สนใจเข้าร่วมงานประเพณีต่างๆ ในจังหวัดเชียงรายกว่า 500,000 คน สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจให้กับจังหวัดเชียงรายกว่า 2,500 ล้านบาท (ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ, 2567) และคาดการณ์ว่า ในปี 2568 นี้จะมีจำนวนผู้เข้าร่วมเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 เนื่องจากการประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพและความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ที่จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2567). รายงานสถิตินักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย ปี 2567. สืบค้นจาก: http://www.nso.go.th
  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย. (2568). ข้อมูลการจัดงานประเพณีสืบสานเดือน ๘ เข้า เดือน ๙ ออก ใส่ขันดอกเมืองเชียงราย.
  • เทศบาลนครเชียงราย. (2568). รายละเอียดกิจกรรมทางวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ปี 2568.

 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

หนองแรดสุดคึก แข่งเรือปูน ยิงหนังสติ๊ก ส่งท้ายสงกรานต์

เชียงรายจัดใหญ่ กีฬาพื้นบ้าน ตำบลหนองแรด ส่งเสริมสามัคคี ชุมชนร่วมคึกคัก

เปิดฉากแข่งขันกีฬาพื้นบ้านส่งท้ายสงกรานต์

เชียงราย, 20 เมษายน 2568 – ที่หนองทรง บ้านหนองแรดใต้ หมู่ที่ 3 ตำบลหนองแรด อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ได้จัดกิจกรรมการแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน โดยมีนายเอนก ปันทะยม นายอำเภอเทิง เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยนายนฤเดช ศิริแสน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแรด (อบต.หนองแรด) เป็นผู้กล่าววัตถุประสงค์การจัดงาน และมีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เขต 1 กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยว เข้าร่วมงานอย่างเนืองแน่น

ส่งเสริมความสามัคคีผ่านกีฬาพื้นบ้าน

นายเอนก ปันทะยม นายอำเภอเทิง กล่าวว่า การจัดการแข่งขันกีฬาพื้นบ้านครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างความสามัคคีและความสัมพันธ์อันดีของประชาชนในพื้นที่ตำบลหนองแรด โดยเฉพาะหลังจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา กิจกรรมในครั้งนี้ช่วยให้ชาวบ้านได้มีโอกาสพบปะสังสรรค์ สร้างความรัก ความสามัคคี ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การแข่งขันพายเรือหาปลา แข่งขันพายเรือกระบะปูน มวยทะเล แข่งขันยิงหนังสติ๊ก และการแข่งขันปากระป๋อง

หนองซง แหล่งน้ำสำคัญของชุมชน

นายอำเภอเทิงยังกล่าวเพิ่มเติมว่า หนองซงเป็นแหล่งน้ำสำคัญในการอุปโภคบริโภคของตำบลหนองแรดและอำเภอเทิง ซึ่งในอนาคตมีแผนที่จะพัฒนาหนองซงให้เป็นแหล่งน้ำสำหรับการเกษตรและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของพื้นที่ เพื่อรองรับการเติบโตของชุมชนอย่างยั่งยืน

แผนพัฒนาหนองซงเป็นแหล่งท่องเที่ยว

ทางด้านนายนฤเดช ศิริแสน นายก อบต.หนองแรด เปิดเผยว่า ปัจจุบันหนองซงมีพื้นที่ประมาณ 1,400 ไร่ โดยในช่วงฤดูแล้งหนองซงจะเป็นแหล่งน้ำสำคัญสำหรับใช้ในการเกษตรในพื้นที่ ซึ่งทาง อบต.หนองแรดได้วางแผนการพัฒนาหนองซงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรอย่างเต็มรูปแบบ โดยจะขออนุญาตให้ใช้พื้นที่เป็นที่สาธารณะ และจะร่วมกับกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และกรมพัฒนาที่ดินในการพัฒนาตามโครงการพระราชดำริ ขณะนี้ได้รับงบประมาณเบื้องต้น 30 ล้านบาทสำหรับการปรับปรุงพื้นที่และการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำเพิ่มเติม

กิจกรรมแข่งขันสนุกสนาน ชาวบ้านร่วมเชียร์คึกคัก

กิจกรรมการแข่งขันที่จัดขึ้นในครั้งนี้มีชาวบ้านให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการแข่งขันมวยทะเลที่สร้างความสนุกสนานและเรียกเสียงเชียร์จากกองเชียร์ของแต่ละหมู่บ้านได้อย่างคึกคัก นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันอื่นๆ ที่สร้างความสนุกสนานและกระชับความสัมพันธ์ในชุมชนได้เป็นอย่างดี

จุดวิเคราะห์และแนวทางการพัฒนาต่อไป

จากการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าชุมชนมีความต้องการกิจกรรมที่เสริมสร้างความสัมพันธ์และความสามัคคีในพื้นที่ ดังนั้นจึงควรมีการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อ และในอนาคตควรมีการขยายผลไปสู่กิจกรรมที่หลากหลายมากขึ้น เช่น การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2567 ระบุว่าจังหวัดเชียงรายมีการเติบโตด้านการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและกิจกรรมชุมชน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่งผลให้เศรษฐกิจในชุมชนท้องถิ่นมีการขยายตัวและสร้างรายได้เฉลี่ยมากขึ้น (ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ, 2567)

ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมกีฬาพื้นบ้านในพื้นที่ตำบลหนองแรด อำเภอเทิง จึงถือเป็นหนึ่งในแนวทางที่สำคัญในการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี และความร่วมมือของประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ
  • องค์การบริหารส่วนตำบลหนองแรด
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

มนต์ขลังริมโขง อ.เชียงของ จัดพิธีไหว้เจ้าพ่อปลาบึก

เชียงของจัดยิ่งใหญ่ พิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก ประจำปี 2568 อนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้าน

เปิดฉากพิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก ประเพณีสำคัญของชาวเชียงของ

เชียงราย, 18 เมษายน 2568 – เวลา 09.00 น. ณ ลานโพธิ์หน้าวัดหาดไคร้ ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดพิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก ประจำปี 2568 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่ออนุรักษ์และสืบทอดประเพณีท้องถิ่นที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนานของชาวเชียงของ

พิธีนี้ได้รับเกียรติจาก นายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ เป็นผู้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมพิธี และได้รับเกียรติจาก นายมนตรี ชัยกิจวัฒนะ หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง ผู้แทนประมงจังหวัดเชียงราย มาเป็นประธานในพิธีกล่าวเปิดงาน โดยมีนายทรงศักดิ์ เรืองศรีมั่น ปลัดเทศบาลตำบลเวียงเชียงของ ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลเวียงเชียงของ เป็นผู้กล่าวรายงานความสำคัญของงานครั้งนี้

ที่มาของประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก

การบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก เป็นพิธีกรรมที่ชาวบ้านหาดไคร้ ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เนื่องจากชาวบ้านมีความเชื่อว่าปลาบึกในแม่น้ำโขงเป็นปลาที่มีเทพเจ้าคอยคุ้มครองรักษา การที่จะสามารถจับปลาบึกได้สำเร็จนั้น จำเป็นต้องมีการทำพิธีขออนุญาตต่อเทพเจ้าที่คุ้มครองปลา และปลุกขวัญแม่ย่านางเรือให้มีอานุภาพแกร่งกล้าเสียก่อน

แม้ปัจจุบันชาวบ้านจะไม่ได้มีการล่าปลาบึกแล้ว เนื่องจากการอนุรักษ์สายพันธุ์ปลาและความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม แต่ประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึกยังคงถูกจัดขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามของหมู่บ้านที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น และแสดงออกถึงความกตัญญูต่อเทพเจ้าที่เชื่อว่าปกปักษ์รักษาชุมชนให้อยู่ดีมีสุข

กิจกรรมสำคัญในงานพิธีบวงสรวง

ภายในงานครั้งนี้ มีกิจกรรมสำคัญหลายอย่าง ได้แก่ พิธีเลี้ยงลวงหรือบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก พิธีฟ้อนบวงสรวง การแสดงทางวัฒนธรรมของชาวบ้านที่มีความวิจิตรงดงาม และสร้างความประทับใจแก่ผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ยังมีพิธีมอบพันธุ์ปลาและพิธีปล่อยปลาลงสู่แม่น้ำโขง ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการอนุรักษ์พันธุ์ปลาในแม่น้ำโขง และส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากเทศบาลตำบลเวียงเชียงของ

การมีส่วนร่วมของประชาชนและหน่วยงานในท้องถิ่น

พิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึกในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนบ้านหาดไคร้และชาวอำเภอเชียงของเป็นจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามัคคีของคนในชุมชน และความร่วมมือร่วมใจในการอนุรักษ์และสืบทอดประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น

นายมนตรี ชัยกิจวัฒนะ ประธานในพิธี ได้กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาประเพณีและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติว่า “ประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึกไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความเคารพต่อเทพเจ้าที่คุ้มครองปลา แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการปลูกฝังจิตสำนึกเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชนในชุมชน”

จุดวิเคราะห์และข้อเสนอแนะในการสืบทอดประเพณี

จากการจัดงานในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าชุมชนมีความตระหนักถึงความสำคัญของประเพณีดั้งเดิม แต่เพื่อให้ประเพณีนี้ดำรงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน ควรมีการส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมมากขึ้น รวมถึงการให้ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่น ผ่านสื่อและช่องทางการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อให้ประเพณีดังกล่าวยังคงมีชีวิตชีวาและได้รับการสืบทอดอย่างมั่นคง

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

ข้อมูลจากกรมประมงระบุว่า ปลาบึกเป็นปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งพบมากในลุ่มแม่น้ำโขง โดยมีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 150-250 กิโลกรัม และมีอายุเฉลี่ยประมาณ 50 ปี ปัจจุบันปลาบึกมีจำนวนลดลงมากจากเดิมกว่า 80% ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงและการประมงที่ขาดการควบคุม (ที่มา: กรมประมง, 2567)

ดังนั้น การจัดกิจกรรมปล่อยพันธุ์ปลาลงแม่น้ำโขง จึงเป็นมาตรการสำคัญในการอนุรักษ์พันธุ์ปลาบึกให้คงอยู่ และเป็นการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมประมง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เทิง 113 ปี สืบสานภูมิปัญญา “ข่วงผญ๋า ห้าก้อนเส้า”

อำเภอเทิงจัดยิ่งใหญ่ “ข่วงผญ๋า ห้าก้อนเส้า” ครั้งที่ 1 ฉลอง 113 ปีแห่งการก่อตั้ง พร้อมสืบสานภูมิปัญญาลุ่มน้ำลาว หงาว อิง

เชียงราย, 2 เมษายน 2568 — อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย จัดงานสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น “ข่วงผญ๋า ห้าก้อนเส้า” ลุ่มน้ำลาว หงาว อิง ครั้งที่ 1 อย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสครบรอบ 113 ปี แห่งการก่อตั้งอำเภอเทิง โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคเอกชนร่วมมือกันจัดกิจกรรมอันเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรม เพื่อน้อมรำลึกถึงรากเหง้าอัตลักษณ์ของชาวเมืองเทิงและพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงประวัติศาสตร์

พิธีเปิดสมเกียรติ – รวมพลังประชาชนสืบสานรากเหง้าเมืองเทิง

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ณ ที่ว่าการอำเภอเทิง (หลังเก่า) ตำบลเวียง อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน โดยมี นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมในฐานะแขกผู้มีเกียรติ พร้อมด้วย นายเอนก ปันทะยม นายอำเภอเทิง หน่วยงานราชการ สภาวัฒนธรรม พุทธสมาคม ชมรมผู้สูงอายุ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชนเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก

งานในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของการจัด “ข่วงผญ๋า ห้าก้อนเส้า” ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์กลางแห่งภูมิปัญญา วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของชุมชนริมลุ่มน้ำลาว หงาว และอิง ที่หล่อหลอมให้เกิดความเข้มแข็งและความภาคภูมิใจในถิ่นฐานของตน

กิจกรรมหลากหลาย สะท้อนอัตลักษณ์ล้านนาแท้

ภายในงานได้มีการจัดกิจกรรมที่สะท้อนถึงรากเหง้าทางวัฒนธรรมของเมืองเทิง อาทิ

  • พิธีเจริญพระพุทธมนต์ และสืบชะตาเมืองเทิง เพื่อความเป็นสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรืองของชุมชน
  • พิธีทำบุญถวายผ้าป่า 10 ตำบล เพื่อความสามัคคีและการรวมพลังของท้องถิ่น
  • เขียนชื่อบนผ้าห่มพระธาตุจอมจ้อ อันเป็นพุทธบูชาสำคัญของชาวเมืองเทิง
  • บูชาชะตา ฮอมบุญขันตั้งสืบชะตา ตามประเพณีล้านนาที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน
  • มอบเกียรติบัตรผู้สูงอายุดีเด่นระดับหมู่บ้าน เพื่อยกย่องคุณค่าของผู้สูงวัยในสังคม
  • นิทรรศการศิลปวัฒนธรรม และของดีแต่ละตำบล
  • นิทรรศการผลงานศิลปินท้องถิ่น
  • การแสดงพื้นบ้าน 10 ตำบล ภายใต้แนวคิด “เมืองเทิงมีดีอยู่ตี้ 10 ตำบล”
  • ขันโตก “ฮอมบุญ” อาหารพื้นบ้าน 100 โตก ที่แสดงออกถึงการแบ่งปันและความเป็นหนึ่งเดียวของชุมชน

เป้าหมายเพื่ออนุรักษ์และพัฒนาแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์

หนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของการจัดงาน “ข่วงผญ๋า ห้าก้อนเส้า” คือการระดมทุนเพื่อ ปรับปรุงอาคารที่ว่าการอำเภอเทิง (หลังเก่า) ให้กลายเป็น พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองเทิง ซึ่งจะกลายเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่ และจุดหมายด้านวัฒนธรรมของนักท่องเที่ยว ทั้งในระดับจังหวัดและภูมิภาค

เสียงสะท้อนจากชุมชน – เสียงจากสองมุมมอง

ฝ่ายหนึ่ง โดยเฉพาะผู้นำชุมชนและภาควัฒนธรรมท้องถิ่น เห็นว่าการจัดกิจกรรมนี้เป็นการ “สร้างรากฐานทางวัฒนธรรม” ที่มั่นคงและยั่งยืน ถือเป็นแบบอย่างให้กับพื้นที่อื่น ๆ ในการนำทุนวัฒนธรรมมาพัฒนาเป็นทุนทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว

อีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งรวมถึงกลุ่มนักพัฒนาในพื้นที่ แสดงความเห็นว่า แม้กิจกรรมจะดี แต่ควรมีการติดตามและประเมินผลเชิงประจักษ์ เช่น จำนวนผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ รายได้ที่เกิดจากกิจกรรมวัฒนธรรม หรือความต่อเนื่องของโครงการ เพื่อให้การลงทุนในด้านนี้ตอบโจทย์ด้านสังคมและเศรษฐกิจจริง

สถิติเกี่ยวกับการพัฒนาวัฒนธรรมท้องถิ่น

จากรายงานของ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ปี 2566 และข้อมูลจาก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม พบว่า:

  • จังหวัดเชียงรายมี หมู่บ้านวัฒนธรรมกว่า 160 แห่ง
  • มีโครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมเชิงพื้นที่มากกว่า 80 โครงการต่อปี
  • อำเภอเทิงมีแหล่งวัฒนธรรมที่ขึ้นทะเบียนแล้ว 15 แห่ง และแหล่งภูมิปัญญาท้องถิ่นกว่า 30 รายการ
  • องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเชียงรายจัดสรรงบส่งเสริมวัฒนธรรมเฉลี่ย 12 ล้านบาท/ปี
  • โครงการแปลงศูนย์ราชการเก่าเป็นพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นกว่า 25% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

(ที่มา: สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย, กรมส่งเสริมวัฒนธรรม, สำนักงานสถิติแห่งชาติ)

ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

  • ควรจัดให้มี “ฐานข้อมูลกลาง” ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่นในแต่ละตำบล
  • ขยายผลกิจกรรม “ข่วงผญ๋า” ไปยังโรงเรียน เพื่อปลูกฝังความภาคภูมิใจตั้งแต่ระดับเยาวชน
  • ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชน ในการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์
  • พัฒนาช่องทางสื่อสารสมัยใหม่ เช่น Virtual Museum และ QR Code สำหรับนิทรรศการ
  • ประเมินผลกิจกรรมวัฒนธรรมด้วยเครื่องมือที่สามารถวัดผลด้านเศรษฐกิจและสังคมได้

สรุปภาพรวมอย่างเป็นกลาง

งาน “ข่วงผญ๋า ห้าก้อนเส้า” ครั้งที่ 1 นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการรื้อฟื้นและสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย โดยมีเป้าหมายในการอนุรักษ์วัฒนธรรม พร้อมทั้งพัฒนาอาคารประวัติศาสตร์ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ร่วมสมัย

ในมุมหนึ่ง ประชาชนต่างภาคภูมิใจและยินดีที่ชุมชนได้มีเวทีแสดงออกถึงอัตลักษณ์ของตน ในขณะที่อีกมุมหนึ่ง เสนอให้มีกลไกตรวจสอบ ประเมินผล และต่อยอดโครงการให้ยั่งยืนในระยะยาว

การพัฒนาวัฒนธรรมจึงควรเป็น “งานร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ” ของทุกภาคส่วน เพื่อให้คุณค่าแห่งภูมิปัญญาท้องถิ่นมิได้หยุดอยู่เพียงในงานเฉลิมฉลอง แต่ยังคงสืบทอดเป็นมรดกให้คนรุ่นหลังต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เล่นสงกรานต์เชียงราย ปักตุง 12 นักษัตร สรงน้ำเสาสะดือเมือง

เชียงรายเปิดกิจกรรม “สงกรานต์ ตานตุง กลางเวียง” กระตุ้นท่องเที่ยวตลอดเดือนเมษายน 2568

พิธีเปิดยิ่งใหญ่ สงกรานต์ล้านนาใจกลางเมืองเชียงราย

จังหวัดเชียงรายจัดกิจกรรม “สงกรานต์ ตานตุง กลางเวียงเชียงราย” อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ณ วัดกลางเวียง อำเภอเมืองเชียงราย โดยมีนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนร่วมงานอย่างคึกคัก ท่ามกลางบรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมล้านนา

จัดเต็มกิจกรรมตลอดเมษา หนุนเศรษฐกิจท่องเที่ยว

กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 30 เมษายน 2568 โดยความร่วมมือระหว่างจังหวัดเชียงราย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย และวัดกลางเวียง มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน ซึ่งถือเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว

ภายในงานมีกิจกรรมที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของชาวล้านนาอย่างลึกซึ้ง อาทิ

  • พิธีสรงน้ำพระเจ้าฝนแสนห่า พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของวัดกลางเวียง
  • พิธีสรงน้ำเสาสะดือเมืองเชียงราย อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมือง
  • การปักตุงทราย 12 นักษัตร ตามแบบประเพณีล้านนา
  • กิจกรรมถ่ายภาพเช็คอินเพื่อรับของที่ระลึก
  • การละเล่นพื้นบ้าน และการแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น

สร้างกระแสตลอดเดือน ขยายผลสู่พื้นที่โดยรอบ

กิจกรรมสงกรานต์ครั้งนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะพื้นที่วัดกลางเวียง แต่ยังเป็นการจุดประกายให้เกิดกิจกรรมในพื้นที่อื่นของจังหวัด อาทิ

  • เขตเทศบาลนครเชียงราย
  • อำเภอเชียงของ
  • อำเภอเชียงแสน
  • อำเภอแม่จัน และอำเภออื่น ๆ

โดยทุกพื้นที่จะมีการจัดงานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองในรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมดั้งเดิมผสานความร่วมสมัย ซึ่งสะท้อนความพร้อมของจังหวัดในการรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างทั่วถึง

ททท. เชียงราย ตั้งเป้า 3,000 คนตลอดเดือน

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย คาดการณ์ว่า กิจกรรม “สงกรานต์ ตานตุง กลางเวียงเชียงราย” จะมีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 3,000 คนตลอดทั้งเดือน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวและวันสงกรานต์ระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นที่สุด

การกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลเช่นนี้ ยังเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของ ททท. ในการกระจายรายได้ ลดความแออัดในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน

เสียงสะท้อนจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

ฝั่งผู้ประกอบการท่องเที่ยวในตัวเมืองเชียงราย ให้ความเห็นว่า การจัดกิจกรรมสงกรานต์ตลอดเดือนมีส่วนอย่างมากในการเพิ่มยอดผู้เข้าพักโรงแรม ร้านอาหาร และการใช้จ่ายโดยรวม โดยเฉพาะการจัดงานในพื้นที่ที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมอย่างวัดกลางเวียง ถือเป็นจุดขายที่ทรงพลัง

ในขณะเดียวกัน มีบางฝ่ายที่แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับการรักษาความสะอาดในพื้นที่จัดงาน และปัญหาการจราจรที่อาจเกิดขึ้นในบางช่วงเวลา พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มมาตรการรองรับ

การมีส่วนร่วมของชุมชนคือหัวใจสำคัญ

กิจกรรมในครั้งนี้นอกจากจะส่งเสริมการท่องเที่ยวแล้ว ยังเน้นการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์ ชาวบ้าน กลุ่มเยาวชน และผู้ประกอบการท้องถิ่น ที่มาช่วยกันจัดตกแต่งสถานที่ สร้างสรรค์กิจกรรม และให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยรอยยิ้มและความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตน

บรรยากาศโดยรวมของกิจกรรมเป็นไปอย่างอบอุ่นและมีชีวิตชีวา สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างหน่วยงานรัฐและภาคประชาชน

ข้อมูลสถิติการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย

จากรายงานของสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย ปี 2566 พบว่า

  • เชียงรายมีนักท่องเที่ยวรวมกว่า 2.3 ล้านคน ตลอดทั้งปี
  • รายได้จากการท่องเที่ยวรวมประมาณ 11,700 ล้านบาท
  • ช่วงไฮซีซั่น (พ.ย. – ม.ค.) เป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุด
  • ช่วงโลว์ซีซั่น (เม.ย. – มิ.ย.) นักท่องเที่ยวน้อยลงราว 40%

กิจกรรม “สงกรานต์ ตานตุง กลางเวียงเชียงราย” จึงถือเป็นโครงการนำร่องสำคัญที่ช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจในช่วงที่นักท่องเที่ยวลดลงตามฤดูกาล

บทสรุป: ประเพณีสงกรานต์คือพลังของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

กิจกรรม “สงกรานต์ ตานตุง กลางเวียงเชียงราย” เป็นตัวอย่างของการนำประเพณีท้องถิ่นมาผสานกับแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ ช่วยยกระดับมูลค่าทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างมีนัยสำคัญ

จากมุมมองผู้สนับสนุน กิจกรรมนี้ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ กระจายความเจริญ และสืบสานวัฒนธรรมที่ใกล้เลือนหาย

ในขณะที่ฝั่งที่มีความกังวล ก็ต้องการให้มีการบริหารจัดการที่ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่

ในภาพรวม กิจกรรมในลักษณะนี้จึงควรดำเนินไปด้วยความสมดุล ระหว่างการส่งเสริมเศรษฐกิจ การอนุรักษ์วัฒนธรรม และความยั่งยืนของชุมชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

2007 ปีสืบมา เชียงรายจัดงานสรงน้ำพระธาตุดอยตุงยิ่งใหญ่

เชียงรายเตรียมจัดงานสืบสานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ครบรอบ 2007 ปี

เชียงราย, 21 กุมภาพันธ์ 2568 – จังหวัดเชียงรายเดินหน้าจัดประชุมคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงานสืบสานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง “2007 ปี สืบมา หกเป็งล่องฟ้า ไหว้สาพระธาตุดอยตุง” ประจำปี 2568 โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดงานและวางแนวทางจัดกิจกรรม เพื่อดำเนินงานให้เป็นไปอย่างราบรื่น

การประชุมดังกล่าวจัดขึ้น ณ ห้องประชุมธรรมลังกา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยมีนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมด้วยพระครูสุนทรปภากร รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย และคณะทำงานฝ่ายต่างๆ เข้าร่วมประชุม โดยมีการมอบหมายภารกิจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเตรียมงานให้พร้อมก่อนถึงวันจัดงาน

กำหนดการจัดงาน งานสืบสานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ประจำปี 2568 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-13 มีนาคม 2568วัดพระธาตุดอยตุง ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีพิธีสำคัญ ได้แก่:

  • พิธีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง
  • พิธีบวงสรวง และสืบชะตาหลวงแบบล้านนา
  • กิจกรรมเดินจาริกแสวงบุญ
  • การอบรมสมโภชน้ำสรงพระราชทานฯ
  • กิจกรรมทำบุญตักบาตร

ทั้งนี้ ประเพณีดังกล่าวจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือนสี่ หรือเดือนหกเหนือของทุกปี เพื่อเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ได้ร่วมสักการะพระธาตุดอยตุง ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวล้านนา

กิจกรรมพิเศษ: วิ่ง-ปั่น สู่ลานพระธาตุดอยตุง นอกจากพิธีทางศาสนาแล้ว ในวันที่ 9 มีนาคม 2568 จะมีการจัดกิจกรรม “วิ่ง ปั่น 2007 ปีสืบสาน สู่ลานพระธาตุดอยตุง” ซึ่งขณะนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมวิ่งจำนวน 625 คน และ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายจัดมหกรรมอิ้วเมี่ยนไทย 2568 สร้างสัมพันธ์ระดับโลก

เชียงรายจัดมหกรรมอิ้วเมี่ยนไทยสานสัมพันธ์อิ้วเมี่ยนโลก ส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

เชียงราย, 8 กุมภาพันธ์ 2568  –  ณ ข่วงศึกษาวิถีชีวิตวัฒนธรรมล้านนาและอาเซียน องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย ร่วมงาน มหกรรมอิ้วเมี่ยนไทยสานสัมพันธ์อิ้วเมี่ยนโลก ประจำปี พ.ศ. 2568 เพื่อส่งเสริมและสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน อีกทั้งยังเป็นเวทีพบปะแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยนทั้งในไทยและต่างประเทศ เสริมสร้างความร่วมมือ พัฒนาความเข้มแข็งและความสามัคคีของชุมชนอิ้วเมี่ยน ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวและการเรียนรู้พหุวัฒนธรรมในสังคมไทย

ความสำคัญของงานมหกรรมอิ้วเมี่ยนไทย

งานนี้จัดขึ้นโดย มูลนิธิอิ้วเมี่ยนไทย ร่วมกับภาคีเครือข่าย โดยจัดขึ้นต่อเนื่องมาแล้ว 6 ครั้ง โดยครั้งที่ 1-3 จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงราย ครั้งที่ 4-5 จัดที่จังหวัดน่าน และครั้งที่ 6 จัดที่จังหวัดพะเยา การจัดงานในปีนี้มีขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ข่วงศึกษาวิถีชีวิตวัฒนธรรมล้านนาและอาเซียน องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

กิจกรรมภายในงาน

ภายในงานมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อสะท้อนวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน ได้แก่:

  • นิทรรศการเกี่ยวกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของอิ้วเมี่ยน

  • การแสดงศิลปะและการละเล่นพื้นบ้านของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน

  • การสาธิตงานหัตถกรรมและการจำหน่ายสินค้าโอทอปของชุมชนอิ้วเมี่ยน

  • การประชุมและเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาชุมชนอิ้วเมี่ยนในอนาคต

อัตลักษณ์ของชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยนในประเทศไทย

อิ้วเมี่ยน หรือที่รู้จักกันในชื่อ เย้า เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพมาจากประเทศจีนมายังประเทศไทยเมื่อประมาณ 160 ปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันกระจายตัวอยู่ในหลายจังหวัดของภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำปาง เชียงใหม่ กำแพงเพชร สุโขทัย ตาก ระนอง และกาญจนบุรี มีประชากรกว่า 60,000 คน ในประเทศไทย

อัตลักษณ์ที่โดดเด่นของชาวอิ้วเมี่ยนได้แก่:

  • เครื่องแต่งกายประจำเผ่า ที่มีการปักลวดลายอย่างปราณีต

  • เครื่องเงิน ที่ใช้เป็นเครื่องประดับและสัญลักษณ์ของสถานะในสังคม

  • การเขียนตำราโบราณ ด้วยอักษรจีนในภาษาฮั่น

  • ประเพณีและพิธีกรรมทางศาสนา ที่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น

ผลกระทบของงานต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

การจัดงานมหกรรมครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วย อนุรักษ์และเผยแพร่วัฒนธรรมของชุมชนอิ้วเมี่ยน เท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการ ส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้เข้ามาสัมผัสวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน

บทสรุป

มหกรรมอิ้วเมี่ยนไทยสานสัมพันธ์อิ้วเมี่ยนโลก ประจำปี 2568 เป็นกิจกรรมสำคัญที่ช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์อิ้วเมี่ยน ควบคู่ไปกับการสร้างความร่วมมือระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์จากนานาชาติ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในท้องถิ่นให้เติบโตอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
SOCIETY & POLITICS

ม.พะเยา สืบสานสายใย เก็บดอกฝ้ายหลวง อนุรักษ์ฝ้ายพื้นเมือง

มหาวิทยาลัยพะเยาจัดกิจกรรม “สืบสานสายใย เก็บดอกฝ้ายหลวง” อนุรักษ์ฝ้ายพื้นเมืองและสืบสานประเพณี

พะเยา, 5 กุมภาพันธ์ 2568 –  มหาวิทยาลัยพะเยาจัดกิจกรรม “สืบสานสายใย เก็บดอกฝ้ายหลวง” ณ “สวนฝ้ายหลวง มหาวิทยาลัยพะเยา” โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.สุภกร พงศบางโพธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา เป็นประธานในพิธีเปิดป้าย “สวนฝ้ายหลวง มหาวิทยาลัยพะเยา” และร่วมเก็บดอกฝ้ายกับคณะผู้บริหาร บุคลากร นิสิต และเครือข่ายฝ้ายหลวง

ความร่วมมือในการอนุรักษ์ฝ้ายหลวง

กิจกรรม “สืบสานสายใย เก็บดอกฝ้ายหลวง” จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างกองกิจการนิสิต และโครงการวิจัย “โครงการวิจัยและพัฒนาฝ้ายหลวงเพื่อสร้างรายได้และความยั่งยืนสู่ชุมชน” ซึ่งได้รับทุนวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ประจำปี พ.ศ. 2567 โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพันธุ์ฝ้ายหลวง ซึ่งเป็นฝ้ายพื้นเมืองประเภทฝ้ายยืนต้นในภาคเหนือ เพื่อรวบรวมอนุรักษ์พันธุ์ฝ้ายหลวง ตลอดจนส่งเสริมพัฒนายกระดับฝ้ายหลวงสู่เศรษฐกิจฐานรากของชุมชนท้องถิ่น

การเก็บดอกฝ้ายเพื่อสืบสานประเพณี

กิจกรรม “สืบสานสายใย เก็บดอกฝ้ายหลวง” เป็นการเก็บดอกฝ้ายที่กำลังออกผลผลิตเต็มที่ตามฤดูกาล เพื่อส่งมอบให้กับเครือข่ายวิจัยฝ้ายหลวงจาก 10 กลุ่มชุมชน นำไปจัดทำเป็น “ต้นฝ้ายหลวงปูรณฆฏะ” อันเป็นเครื่องสักการะที่จะใช้ในพิธีสรงน้ำและห่มผ้าพระธาตุเจ้าจอมทอง เวียงพะเยา เนื่องในประเพณีไหว้พระธาตุเดือนหกเป็งต่อไป

ประเพณีไหว้พระธาตุเดือนหกเป็ง

ประเพณีสรงน้ำและห่มผ้าพระธาตุจอมทอง ถือเป็นประเพณีที่ดีงามและเก่าแก่ของเมืองพะเยา จัดขึ้นในเดือน ๖ เป็ง (ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖) ตามปฏิทินของล้านนา ขบวนแห่เครื่องสักการะและผ้าห่มองค์พระธาตุ จะถูกนำขึ้นไปเพื่อสักการะองค์พระธาตุจอมทอง ซึ่งเป็นองค์พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดพะเยา มีอายุมากกว่า 700 ปี

ความสำคัญของดอกฝ้ายคำหรือดอกสุพรรณิการ์

ดอกฝ้ายคำ หรือดอกสุพรรณิการ์ มีถิ่นกำเนิดจากทวีปอเมริกาใต้ ดอกจะบานในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี มีความเชื่อกันว่า หากปลูกต้นสุพรรณิการ์ไว้ประจำบ้าน จะช่วยทำให้ผู้ปลูกได้รับความเจริญรุ่งเรืองทางด้านเงินทองและโภคทรัพย์

สรุป

กิจกรรม “สืบสานสายใย เก็บดอกฝ้ายหลวง” เป็นกิจกรรมที่สำคัญในการอนุรักษ์ฝ้ายหลวง ซึ่งเป็นฝ้ายพื้นเมืองของภาคเหนือ และเป็นการสืบสานประเพณีอันดีงามของเมืองพะเยา นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : งานสื่อสารองค์กร ม.พะเยา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE