Categories
ECONOMY

ไทยสูญเสียตลาดจีน! เวียดนามผงาด เหตุเงินบาทแข็ง-ความปลอดภัย-เศรษฐกิจจีน

นักท่องเที่ยวจีนเมินไทย แห่ไปเวียดนาม วิกฤต “ปีทอง” การท่องเที่ยวไทยที่ต้องเร่งปรับตัว

วิกฤตใหม่ไทยสูญเสียตำแหน่งเจ้าตลาดท่องเที่ยวจีนในภูมิภาค

เชียงราย, 10 กรกฎาคม 2568 – ในอดีตประเทศไทยเคยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวจีน แต่วันนี้ภูมิทัศน์การท่องเที่ยวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเผยว่า ในครึ่งแรกของปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยลดลงเหลือ 16 ล้านคน ลดลง 4.2% จากปีที่ผ่านมา ที่น่าตกใจคือ สัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเคยสูงถึง 28% ในปี 2562 และ 19% ในปี 2567 ลดเหลือไม่ถึง 14% ในปีนี้

ขณะที่เวียดนามกลับผงาดขึ้นเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน ด้วยอัตราการเติบโตสูงถึง 78% ในไตรมาสแรกปี 2568 แซงหน้าไทยด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นกว่า 200,000 คน ทะลุเป้าหมายในเวลาอันสั้น ดานังและญาจางคือหัวเมืองที่ได้รับความนิยมสูงสุด จากรีสอร์ตหรูไปจนถึงชายหาดที่เงียบสงบ

ปัจจัยฉุดรั้งประเทศไทยเงินบาทแข็ง-ความปลอดภัย-เศรษฐกิจจีน

สาเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดความสนใจประเทศไทยมีหลายปัจจัย ทั้งการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินหยวนซึ่งลดความน่าสนใจในด้านราคาสินค้าและบริการ ในทางกลับกัน เงินหยวนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดองของเวียดนามและรูเปียห์ของอินโดนีเซีย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนรู้สึกว่าได้ “ความคุ้มค่า” มากกว่าในสองประเทศนี้

อีกปัจจัยสำคัญคือปัญหาด้านความปลอดภัย ภาพยนตร์และข่าวในสื่อจีน เช่น “No More Bets” ที่นำเสนอเรื่องราวการหลอกลวงในภูมิภาคนี้ การกราดยิงในห้างสยามพารากอน เหตุการณ์แผ่นดินไหว และกรณีลักลอบค้ามนุษย์ ล้วนแต่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยของประเทศไทยในสายตาชาวจีน

นอกจากนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจจีนที่ซบเซาทำให้นักท่องเที่ยวจีนต้องรัดเข็มขัด งบประมาณการเดินทางลดลง 23% จากปีที่แล้ว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ที่มองหาประสบการณ์ที่ “สดใหม่” และ “ราคาประหยัด” มากกว่าการเดินทางแบบเดิม

ยุทธศาสตร์ใหม่ “คุณภาพมากกว่าปริมาณ” ทางรอดหรือเพียงความหวัง?

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ประกาศปรับกลยุทธ์จาก “เน้นจำนวนนักท่องเที่ยว” เป็น “เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ” โดยพยายามดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง และเน้นเจาะตลาดใหม่ ๆ เช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง และการท่องเที่ยวรูปแบบเฉพาะทาง เช่น กีฬา งานเทศกาล และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่าการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามบิน รถไฟความเร็วสูง ระบบวีซ่าดิจิทัล แม้จะเอื้อต่อกลุ่มพรีเมียม แต่ยังไม่มีหลักประกันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะทดแทนการหายไปของตลาดจีนที่สำคัญได้

ตลาดจีนยังสำคัญไทยไม่สามารถละเลยได้

แม้การปรับกลยุทธ์จะเป็นสิ่งจำเป็น แต่ผู้เชี่ยวชาญต่างเห็นตรงกันว่า ไทยยังไม่สามารถละเลยตลาดจีนซึ่งเคยสร้างรายได้สูงสุดแก่ประเทศ ในปี 2568 นักท่องเที่ยวจีนมาไทยไม่ถึง 2 ล้านคน ลดลงเกือบ 1 ใน 3 จากปี 2567 และลดฮวบจาก 11.1 ล้านคนในปี 2562

ททท. ยังเดินหน้าทำตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการร่วมมือกับ Baidu ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำแคมเปญ “สวัสดี หนีห่าว” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและกระตุ้นให้ชาวจีนกลับมาเที่ยวไทย แต่ผลลัพธ์ยังห่างไกลจากเป้าหมายที่เคยตั้งไว้

นักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่เจาะ “ใจ” คือทางรอด

รศ.ดร.กฤตินี ณัฏฐวุฒิสิทธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้ว่า นักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ไม่ต้องการประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบแพ็กเกจ พวกเขาแสวงหา “ประสบการณ์แท้จริง” (authentic experiences) ที่เชื่อมโยงกับท้องถิ่น มีส่วนร่วมกับชุมชน และให้ความสำคัญกับคอนเทนต์โซเชียลมีเดีย ไทยควรผลักดัน “ท่องเที่ยวชุมชน” อย่างจริงจัง ให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมทั้งในแง่ประสบการณ์และการกระจายรายได้

นอกจากนี้ คุณภาพในสายตานักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ไม่ใช่เพียงความหรูหรา แต่หมายถึงบริการที่ใส่ใจ ความสะดวกสบาย และความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ใช่สินค้า “แมส” ที่หาได้จากทุกประเทศ

สงครามท่องเที่ยวในอาเซียนเวียดนาม-มาเลเซียรุกหนัก ไทยต้อง “ล็อกประตูหลัง”

ขณะนี้อาเซียนกลายเป็นสมรภูมิแข่งขันที่เข้มข้น เวียดนามและมาเลเซียเร่งปลดล็อกมาตรการวีซ่า ขยายเส้นทางบินตรง เปิดบริการรถไฟและพัฒนาคอนเทนต์การท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ขณะที่ไทยยังต้องแข่งขันทั้งเรื่องความปลอดภัย ราคา และประสบการณ์ใหม่ ๆ

นายแกรี โบเวอร์แมน นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกล่าวเตือนว่า ประเทศไทยต้องทำงานหนักขึ้น ต้อง “ล็อกประตูหลัง” หมายถึงการสร้างความภักดีและประสบการณ์ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจีนอยากกลับมาเยือนซ้ำ

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยความท้าทายใหญ่ที่รอวันพลิกฟื้น

การหายไปของตลาดจีนส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก ททท. ต้องปรับลดเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวเหลือ 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2568 ขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังมีสัดส่วนถึง 12% ของ GDP ไทย นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังเตือนว่า หากไทยยังพึ่งพาการท่องเที่ยวโดยไม่มีการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ความเสี่ยงจะสูงขึ้นในระยะยาว

ไทยต้องคิดใหม่ ทำใหม่ ไม่ใช่แค่พึ่งจำนวนนักท่องเที่ยว แต่มุ่งสร้างคุณค่าและประสบการณ์ที่ยั่งยืน เพื่อทวงคืนความเป็น “ไข่มุกแห่งเอเชีย” ในใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News