Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รองนายกฯ ตรวจชายแดนเชียงราย คุมเข้มยาเสพติด-ค้ามนุษย์

รองนายกฯ ตรวจเยี่ยมหน่วยเรือโขง ย้ำแก้ปัญหายาเสพติด-ค้ามนุษย์เชิงรุก

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัสมี เลขานุการ รมว.กลาโหม และ พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) ที่สถานีเรือเชียงของ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติด ค้ามนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นวาระเร่งด่วนที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี

ตรวจเยี่ยมและวางแผนแก้ปัญหาชายแดน

ภายหลังรับฟังการบรรยายสรุป รองนายกฯ และคณะได้ขึ้นเรือตรวจการณ์เพื่อสำรวจภูมิประเทศและเยี่ยมชมสถานีเรือเชียงแสน ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ตั้งแต่สามเหลี่ยมทองคำถึงบ้านหาดบ้าย รวมระยะทาง 39 กิโลเมตร และสถานีเรือเชียงของที่รับผิดชอบตั้งแต่บ้านหาดบ้ายถึงแก่งผาได รวมระยะทาง 57 กิโลเมตร โดยพื้นที่ดังกล่าวครอบคลุม 34 หมู่บ้านใน 8 ตำบลของ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เชียงแสน อ.เชียงของ และ อ.เวียงแก่น รวมระยะทางตามลำน้ำโขงทั้งหมด 96 กิโลเมตร

ผลการปฏิบัติการในรอบ 3 เดือน

ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2567 หน่วยงาน นรข. สามารถตรวจยึดยาเสพติดได้กว่า 15 ล้านเม็ด เฮโรอีน 56 กิโลกรัม และไอซ์ 135 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท รวมถึงการตรวจยึดของกลางอื่น ๆ เช่น รถยนต์ บุหรี่ต่างประเทศ รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท และจับกุมผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายได้ 30 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นชาวลาวและจีน

แนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมชายแดน

รองนายกฯ ระบุว่าการปฏิบัติการเชิงรุกจะเน้นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและสกัดกั้นในพื้นที่ชายแดน โดยมีแผนดำเนินงานแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ

  1. แนวชายแดน: สนธิกำลังระหว่างกองกำลังป้องกันชายแดน ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และหน่วยทหารในพื้นที่
  2. พื้นที่ตอนใน: ประสานงานระหว่างตำรวจ นายอำเภอ ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคง โดยตั้งจุดตรวจและชุดปฏิบัติการลงพื้นที่

โครงการดังกล่าวจะเริ่ม Kick Off ในวันที่ 30 มกราคม 2568 โดยมีการตั้งเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจน และจะประเมินผลทุก 6 เดือน เพื่อสร้างความมั่นคงและลดปัญหายาเสพติดในระยะยาว

เป้าหมายปี 2568

รองนายกฯ ย้ำว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาจะมุ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามเชิงรุก พร้อมสร้างความปลอดภัยและความมั่นคงในพื้นที่ โดยเฉพาะการลดบทบาทของผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อให้ประเทศไทยปลอดจากปัญหานี้ในปี 2568

กิจกรรมในครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติอย่างจริงจัง โดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและยกระดับความมั่นคงของประเทศอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
SOCIETY & POLITICS

พม. ประชุม ไทย – เมียนมา ส่งกลับและคืนสู่สังคม ผู้เสียหายค้ามนุษย์

 
 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2566 นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานเปิดการประชุมทวิภาคี ไทย – เมียนมา ครั้งที่ 28 ด้านการบริหารจัดการรายกรณี การส่งกลับและคืนสู่สังคม ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (The 28th Case Management Meeting : CMM) โดยมีนายธนสุนทร สว่างสาลี รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คณะผู้แทนจากราชอาณาจักรไทย และคณะผู้แทนจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา นำโดย Mr. Aung Kyaw Moe อธิบดีกรมฟื้นฟูเยียวยา กระทรวงสวัสดิการสังคม การบรรเทาทุกข์ และการโยกย้ายถิ่นฐานใหม่ เข้าร่วม ณ โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพฯ

           นายอนุกูล กล่าวว่า ประเทศไทยและเมียนมามีความร่วมมือในการต่อต้านการค้ามนุษย์มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ก่อนมีความตกลงในลักษณะบันทึกความเข้าใจ จนกระทั่งมีบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะสตรีและเด็ก  อีกทั้งยังมีการประชุมระดับทวิภาคี ด้านการบริหารจัดการรายกรณี การส่งกลับและคืนสู่สังคม ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ หรือการประชุม Case Management Meeting : CMM  ซึ่งวันนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมทวิภาคี ไทย – เมียนมา ครั้งที่ 28 ด้านการบริหารจัดการรายกรณี การส่งกลับและคืนสู่สังคม ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (The 28th Case Management Meeting : CMM) เพื่อเป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์อย่างครอบคลุมในทุกมิติทั้งการดำเนินคดีและการช่วยเหลือเยียวยา 

           นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยและเมียนมา นับได้ว่าเป็นประเทศคู่ภาคีที่มีการประชุมกันมายาวนานและต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี  ทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาร่วมกัน รวมทั้งมีการเสนอแนะทางออกที่จะทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้น บรรลุผลสำเร็จร่วมกันไปด้วยดี นับเป็นต้นแบบการทำงานของประเทศอื่นๆ ในแถบภูมิภาคอาเซียน  ซึ่งความร่วมมือนี้จะยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง และจะร่วมกันพัฒนาแนวทางมาตรการใหม่ๆ ในการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายได้กลับคืนสู่สังคม ภูมิลำเนาบ้านเกิดของตนเองอย่างปลอดภัยและยั่งยืนที่สุด

            นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนในฐานะคณะผู้แทนรัฐบาลไทย กระทรวง พม. และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอย้ำและสร้างความมั่นใจต่อผู้แทนของรัฐบาลเมียนมาว่า ปัญหาการค้ามนุษย์เป็นปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างรุนแรง ซึ่งรัฐบาลไทยได้บูรณาการทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาและพยายามทุกวิถีทางที่จะสกัดกั้นการเกิดขบวนการค้ามนุษย์ และผู้เสียหายที่อยู่ในความดูแลของรัฐบาลไทย จะได้รับการดูแลตามหลักกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชนและหลักการสากล โดยการดำเนินการทุกเรื่องเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เสียหายเป็นสำคัญ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News