จากวัฒนธรรมชาติสู่มาตรฐานโลก Kia ปักหมุดเชียงราย พิสูจน์ “ความคุ้มค่า” ด้วยคุณภาพที่ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพเลือกใช้
การขยายตัวในภูมิภาคเหนือสะท้อนกลยุทธ์ระยะยาว และการยอมรับจากกลุ่มมืออาชีพที่ต้องการ “ความปลอดภัยที่พิสูจน์ได้”
เชียงราย, 18 ตุลาคม 2568 —แสงแดดเหนือเมืองเชียงราย ถนนพหลโยธินย่านชานเมืองเริ่มคึกคัก ครอบครัวหนึ่งเดินเข้าศูนย์ “เกีย ริช เชียงราย” พร้อมคำถามที่ฟังดูธรรมดา แต่กลับเปิดประเด็นใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ระดับโลก
“ทำไมรถ Kia ถึงไม่ออกรุ่นใหม่บ่อย ๆ แบบแบรนด์อื่น?”
คำถามเดียวนี้ เปิดประตูสู่เรื่องราวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์รถยนต์เกาหลีใต้—ประเทศที่สื่อถึงชาตินิยมและการรักษามาตรฐานคุณภาพกลายเป็นวัฒนธรรมฝังลึก จนทำให้ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นที่ส่งออกไปทั่วโลกต้อง “เกินมาตรฐานโลก” ไม่ใช่แค่ “พอใจได้” และวันนี้ มาตรฐานนั้นได้เดินทางมาถึงเชียงราย—จังหวัดที่ห่างไกลจากศูนย์กลางกรุงเทพฯ แต่กลับกลายเป็นจุดทดสอบที่แท้จริงว่า “คุณภาพที่พูดถึง” จะอยู่รอดได้หรือไม่ในสายตาของผู้บริโภคที่รอบคอบ—โดยเฉพาะ กลุ่มบุคลากรผู้เชี่ยวชาญสุขภาพ ที่กำลังเป็นฐานลูกค้าสำคัญของแบรนด์นี้
วัฒนธรรมเกาหลีใต้ ตัวขับเคลื่อนคุณภาพที่มองไม่เห็น
เมื่อพูดถึงเกาหลีใต้ สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงคือ K-pop, ซีรีส์ หรืออาหาร แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จทุกอย่างคือ วัฒนธรรมแห่งความภูมิใจในชาติและการพัฒนาคุณภาพไม่หยุดนิ่ง ที่ถูกปลูกฝังมาหลายทศวรรษ
Kia Corporation ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2487 (ค.ศ. 1944) เป็นผู้ผลิตรถยนต์แห่งแรกและเก่าแก่ที่สุดของเกาหลีใต้ โดยชื่อ “Kia” มาจากภาษาฮันจา หมายถึง “ลุกขึ้นมาจากเอเชีย” (to arise from Asia to the world)—ชื่อที่สะท้อนปณิธานในการก้าวสู่เวทีโลกตั้งแต่วันแรก
ข้อมูลปี 2019 จากผู้ผลิตชิ้นส่วนจักรยานและท่อเหล็ก Kia ค่อย ๆ พัฒนาตัวเองจนกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับสองของเกาหลีใต้ ภายใต้ Hyundai Motor Group โดยมียอดขายกว่า 2.8 ล้านคันต่อปีทั่วโลก
แต่สิ่งที่ทำให้ Kia แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ คือ การยอมใช้เวลานาน ในกระบวนการทดสอบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ก่อนจะปล่อยสู่ตลาด—การตัดสินใจที่ขัดกับกระแสตลาดที่ต้องการ “ความใหม่” อย่างรวดเร็ว แต่กลับสอดคล้องกับวัฒนธรรมชาติที่ต้องการ “ความเชื่อมั่นในคุณภาพ” มากกว่า
ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ Kia Carnival—รถ MPV ขนาดใหญ่ที่กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของครอบครัวไทย และเป็นรุ่นที่ Kia “ยืดวงจร” การพัฒนาออกไปนานกว่ารถทั่วไป เพื่อให้แน่ใจว่าโครงสร้าง ระบบความปลอดภัย และซอฟต์แวร์ช่วยขับ “ทำงานได้จริง” ไม่ใช่แค่ “ดูดีในสเปก”
จากยุโรป-อเมริกา สู่การยอมรับในตลาดโลก
Kia ไม่ได้เป็นแค่แบรนด์ที่ขายดีในเอเชีย แต่ตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา Kia ได้ขยายสายผลิตภัณฑ์ในยุโรปจากครอบคลุมเพียง 35% ของเซกเมนต์ตลาด เป็นมากกว่า 80% ในปัจจุบัน และยอดขายในยุโรปเพิ่มขึ้นทุกปีตั้งแต่ปี 2008 โดยบรรลุยอดขาย 385,000 คันในปี 2015
ในอเมริกาเหนือ Kia ได้สร้างโรงงานผลิตแห่งแรกในสหรัฐอเมริกาที่เมือง West Point รัฐจอร์เจีย เมื่อปี 2006 และเริ่มผลิตรถในปี 2010 ซึ่งถือเป็นการลงทุนมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ—หลักฐานว่า Kia ไม่ได้แค่ “ส่งออก” แต่ยังกล้า “ลงทุนผลิตในท้องถิ่น” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและรับผิดชอบต่อตลาดระยะยาว
รางวัลที่พิสูจน์ความเชื่อถือได้
ความพยายามในการยกระดับคุณภาพของ Kia ไม่ได้หยุดอยู่แค่การผลิต แต่ยังสะท้อนผ่านรางวัลจากองค์กรอิสระที่เข้มงวดที่สุดในโลก
ในปี 2023 Kia ได้รับการจัดอันดับให้เป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงสุดในกลุ่ม Mass Market จาก J.D. Power U.S. Vehicle Dependability Study เป็นปีที่สามติดต่อกัน (2021-2023) โดยเจ้าของรถรายงานปัญหาน้อยที่สุดหลังใช้งาน 3 ปี
สิ่งที่น่าสนใจคือKia มีคะแนน 152 ปัญหาต่อ 100 คัน (PP100) ซึ่งดีกว่าแบรนด์ญี่ปุ่นระดับแนวหน้าอย่าง Toyota ที่ได้คะแนน 168 PP100—ตัวเลขที่พิสูจน์ว่ารถเกาหลีไม่ได้ “แพ้” ญี่ปุ่นในเรื่องความทนทาน
นอกจากนี้ Kia ยังได้รับรางวัล 3 เซกเมนต์จาก J.D. Power ในปีเดียวกัน ได้แก่ Kia Forte (Compact Car), Kia Optima (Midsize Car) และ Kia Sportage (Compact SUV)—การได้รับรางวัลในหลากหลายเซกเมนต์แสดงว่าคุณภาพไม่ได้จำกัดเฉพาะรุ่นใดรุ่นหนึ่ง แต่เป็น “มาตรฐานทั่วทั้งแบรนด์”
Kia Carnival—MPV ที่กลุ่มบุคลากรผู้เชี่ยวชาญสุขภาพ ไว้วางใจ
เมื่อพูดถึง Kia Carnival รถ MPV ที่กำลังได้รับความสนใจในไทยอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่น่าสนใจคือ กลุ่มลูกค้าหลักไม่ได้เป็นเพียงครอบครัวทั่วไป แต่ยังรวมถึง กลุ่มบุคลากรผู้เชี่ยวชาญสุขภาพ ในจังหวัดเชียงรายจากข้อมูลที่พบจากผู้ใช้ในพื้นที่
Carnival รุ่นปัจจุบัน (2022-2025) ได้รับการประเมินจาก IIHS (Insurance Institute for Highway Safety) โดยให้คะแนนสูงสุด “Good” ในการทดสอบการชนด้านหน้าแบบ Small Overlap และ “Acceptable” ในการทดสอบการชนด้านข้าง—การทดสอบที่เข้มงวดและเป็นมาตรฐานสากล
ทำไมผู้เชี่ยวชาญสุขภาพถึงเลือก Carnival?
เหตุผลที่หนึ่ง: ความปลอดภัยที่ตรวจสอบได้
Carnival มาพร้อมระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ครบชุด ได้แก่ Forward Collision-Avoidance Assist ที่ตรวจจับรถ คนเดินเท้า และจักรยาน พร้อมเบรกอัตโนมัติ, Blind-Spot Collision-Avoidance Assist ที่เตือนและช่วยควบคุมรถเมื่อเปลี่ยนเลน, Lane Keeping Assist และ Lane Following Assist ที่ช่วยรักษาตำแหน่งรถในเลน
นอกจากนี้ โครงสร้างตัวถังของ Carnival ถูกสร้างจากเหล็กกล้าความแข็งแรงสูง (High-Strength Steel) เพื่อดูดซับแรงกระแทกในกรณีเกิดอุบัติเหตุ และมีระบบถุงลมนิรภัยครบชุด รวมถึงถุงลมหน้า, ถุงลมด้านข้าง, ถุงลมม่านและถุงลมเข่าคนขับ
เหตุผลที่สอง: ความคุ้มค่าที่วัดได้
Carnival เป็น MPV ที่มีราคาเริ่มต้นต่ำที่สุดในกลุ่ม (ต่ำกว่า 40,000 ดอลลาร์สหรัฐในตลาดอเมริกา) และมีการรับประกันที่ยาวนานที่สุดในกลุ่ม ในไทย Kia เสนอการรับประกัน 7 ปี สำหรับรุ่นที่เปิดตัวตั้งแต่มีนาคม 2567 เป็นต้นไป
เหตุผลที่สาม: พื้นที่ใช้สอยจริง
Carnival มีพื้นที่สัมภาระมากที่สุดในกลุ่ม MPV ถึง 145.1 ลูกบาศก์ฟุต (Kia อ้างว่าเป็น “best-in-class”) และมีที่นั่ง 8 ที่นั่ง พร้อมแถวที่สองแบบเบาะ VIP ที่สามารถปรับได้หลายรูปแบบ—เหมาะกับครอบครัวใหญ่ที่ต้องพาผู้สูงอายุหรือเด็กเดินทางไกล
สำหรับผู้เชี่ยวชาญสุขภาพที่ต้อง “รักษาผู้อื่น” การเลือกรถที่ “รักษาความปลอดภัยของคนที่รัก” จึงเป็นสิ่งที่เหมาะสม—และ Carnival ตอบโจทย์นี้ได้ดีที่สุด
การขยายตัวของ Kia ในไทย เชียงรายเป็นจุดเชื่อม
ในปี 2567 Kia ได้ก่อตั้ง Kia Sales (Thailand) Co., Ltd. อย่างเป็นทางการ โดยวางแผนกลยุทธ์ “Plan S-5” ที่มีเป้าหมาย 4 ประการ: (1) ครองส่วนแบ่งตลาด 5% ในตลาดรถยนต์นั่ง, (2) ยอดขายรถไฟฟ้า 50%, (3) อันดับ Top 5 ของการรับรู้แบรนด์, และ (4) ขยายเครือข่ายดีลเลอร์เป็น 5 เท่า
ณ สิ้นปี 2566 Kia มีดีลเลอร์และศูนย์บริการ 19 แห่ง และวางแผนเพิ่มอีก 10 แห่งในปี 2567—การขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สะท้อนความมั่นใจในตลาดไทย
เชียงรายเป็นหนึ่งในจุดสำคัญ ของการขยายเครือข่ายนี้ เนื่องจาก:
- ฐานลูกค้าที่มีศักยภาพ: เชียงรายและพะเยามีกลุ่มแพทย์ นักธุรกิจ และครอบครัวขยายที่มีกำลังซื้อสูง และต้องการรถที่เชื่อถือได้สำหรับการเดินทางระยะไกล
- การเดินทางท้าทาย: ภูมิประเทศเหนือมีทั้งภูเขา ทางโค้ง และสภาพอากาศแปรปรวน—เป็นสนามทดสอบที่ท้าทายความทนทานของรถอย่างแท้จริง
- การแข่งขันที่สูง: ตลาดภาคเหนือมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะจากแบรนด์ญี่ปุ่นที่มีฐานลูกค้าแข็งแรงมานาน การที่ Kia สามารถเข้ามาและได้รับการตอบรับที่ดีแสดงว่า “คุณภาพและความคุ้มค่า” เป็นสิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญจริง ๆ
จากข้อมูลภายใน ศูนย์ “เกีย ริช เชียงราย” ได้รับการตอบรับที่ดี จนต้องมีการขยับขยายสถานที่ให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า—ทั้งจากเชียงรายเองและจังหวัดใกล้เคียงอย่างพะเยา เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน
เหตุใด “วงจรยาว” จึงเป็น “ข้อได้เปรียบ”
หลายคนอาจสงสัยว่า “ทำไม Kia ถึงไม่ออกรุ่นใหม่บ่อย ๆ?” คำตอบคือ: เพราะ Kia เลือก “ความปลอดภัย” มากกว่า “ความใหม่”
ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม รถยนต์ส่วนใหญ่มีวงจรการพัฒนา (Product Cycle) ประมาณ 5-7 ปี โดยมี “ไมเนอร์เชนจ์” (Minor Change) ในช่วงกลาง ๆ เพื่อรักษาความสดใหม่
แต่ Kia—โดยเฉพาะในรุ่นครอบครัวอย่าง Carnival—ยอมใช้เวลานานขึ้น เพื่อ:
- ทดสอบโครงสร้างความปลอดภัย (Passive Safety)
โครงสร้างตัวถังแบบใหม่ต้องผ่านการทดสอบการชนหลายรูปแบบ—ทั้งการชนหน้า ด้านข้าง ด้านหลัง และการพลิกคว่ำ—ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อให้แน่ใจว่า “กรงนิรภัย” ทำงานได้จริง
- ปรับแต่งระบบช่วยขับ (Active Safety/ADAS)
ระบบ ADAS ต้องผ่านการ “เรียนรู้” สถานการณ์ชายขอบ (Edge Cases) เช่น ฝนกลั่น หมอกหนา แดดย้อน หรือเส้นจราจรเลือน—สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงแต่ยากต่อการจำลองในห้องแล็บ
- รักษามาตรฐานเดียวกันทั่วโลก
Kia ต้องการให้รถที่ขายในไทย มีมาตรฐานความปลอดภัยใกล้เคียงหรือเท่ากับที่ขายในยุโรปและอเมริกา—ไม่ใช่ “รุ่นตัดอุปกรณ์” ที่หลายแบรนด์ทำในตลาดพัฒนาแล้ว
เมื่อรวมสามปัจจัยนี้เข้าด้วยกัน “วงจรยาว 6-8 ปี” จึงไม่ใช่ความล่าช้า แต่คือ การลงทุนด้านความปลอดภัยระยะยาว ที่ผู้บริโภคได้ประโยชน์จริง—เพราะเมื่อรถออกมาแล้ว มันจะ “ใช้งานได้จริง มีปัญหาน้อย และปลอดภัยสูง”
มองอนาคต—Kia กับการขยายตัวในอาเซียน
Kia กำลังพิจารณาสร้างโรงงานผลิตแห่งแรกในอาเซียนที่ประเทศไทย โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 250,000 คันต่อปี—การลงทุนครั้งใหญ่ที่จะทำให้ Kia เป็น “ผู้เล่นหลัก” ในตลาดอาเซียนอย่างเต็มตัว
ระหว่างปี 2024-2030 Kia วางเป้าหมายเปิดตัวรถไฟฟ้า (EV) 15 รุ่น โดยมีเป้าหมายยอดขายรถไฟฟ้า 1.6 ล้านคันต่อปีภายในปี 2030—การเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ที่จะทำให้ Kia กลายเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค
สำหรับตลาดไทย Kia วางเป้ายอดขาย 50% จากรถไฟฟ้าภายในปี 2030 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย “30@30” ของรัฐบาลไทยที่ต้องการให้รถไฟฟ้าคิดเป็น 30% ของยอดผลิตรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2030
บทเรียนจากเชียงราย “ความเชื่อใจ” เริ่มที่บริการหลังการขาย
การที่ Kia สามารถเข้ามาแข่งขันในตลาดภาคเหนือซึ่งแบรนด์ญี่ปุ่นครองมานาน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “ราคาถูก” เพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ “การบริการหลังการขาย” ที่ต้องทำให้ลูกค้ามั่นใจว่า:
- มีศูนย์บริการใกล้บ้าน – ไม่ต้องขับรถไปกรุงเทพฯ เมื่อมีปัญหา
- มีอะไหล่พร้อมใช้ – ไม่ต้องรอนาน
- ช่างเข้าใจระบบ ADAS – ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะทาง
- การรับประกันชัดเจน – โดยเฉพาะการรับประกัน 7 ปีที่ Kia ให้
จากการสังเกตในพื้นที่เชียงราย พบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ทดลองขับก่อนตัดสินใจซื้อ—พฤติกรรมที่แตกต่างจากกรุงเทพฯ ที่หลายคนตัดสินใจจากรีวิวออนไลน์ นี่แสดงว่าลูกค้าภาคเหนือ “รอบคอบ” และต้องการ “สัมผัสด้วยตัวเอง” ก่อนลงทุน
การที่ศูนย์ “เกีย ริช เชียงราย” ต้องขยายสถานที่หลังเปิดมายังไม่ถึง 1 ปี เป็นสัญญาณที่ดีว่า Kia กำลังสร้าง “ความเชื่อใจ” ในพื้นที่ได้สำเร็จ—และความเชื่อใจนั้นมาจาก “ประสบการณ์จริง” ของลูกค้า ไม่ใช่แค่โฆษณา
ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพกับการเลือกรถ เหตุผลเชิงจิตวิทยา
การที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญสุขภาพเป็นลูกค้าหลักของ Kia ในเชียงรายนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่สะท้อนเหตุผลเชิงจิตวิทยาที่น่าสนใจ:
- ความเชี่ยวชาญในการประเมินความเสี่ยง
ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพคือผู้เชี่ยวชาญในการ “ประเมินความเสี่ยง” และ “ตัดสินใจบนพื้นฐานของหลักฐาน” (Evidence-Based Decision) ในชีวิตประจำวัน เมื่อเลือกรถ พวกเขาจึงมองหา “หลักฐาน” ที่ตรวจสอบได้—เช่น ผลทดสอบจาก IIHS, คะแนน J.D. Power หรือสถิติความน่าเชื่อถือ—มากกว่าภาพลักษณ์แบรนด์
- การให้ค่ากับ “เวลา”
ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพมีเวลาจำกัด การเลือกรถที่ “ทนทาน มีปัญหาน้อย” ช่วยประหยัดเวลาในการซ่อมบำรุง—และ Kia ที่มีคะแนน 152 PP100 (น้อยกว่า Toyota) จึงตอบโจทย์นี้ได้ดี
- ความรับผิดชอบต่อครอบครัว
ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพที่ “รักษาชีวิตผู้อื่น” มีความรู้สึกรับผิดชอบสูงต่อ “ชีวิตคนในครอบครัว” การเลือกรถที่มีระบบความปลอดภัยครบ จึงเป็นการ “รักษาคนที่รัก” ในอีกรูปแบบหนึ่ง
- ความคุ้มค่าระยะยาว
ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพเข้าใจเรื่อง “การลงทุนระยะยาว” ดี การที่ Kia ให้การรับประกัน 7 ปี และมีต้นทุนการซ่อมบำรุงต่ำ จึงเป็น “การลงทุนที่คุ้มค่า” เมื่อคิดใน Total Cost of Ownership
นี่คือเหตุผลที่ Carnival ไม่ได้เป็นเพียง “รถครอบครัวทั่วไป” แต่กลายเป็น “เครื่องมือรักษาความปลอดภัย” ในสายตาของกลุ่มมืออาชีพ
จากวัฒนธรรมชาติสู่มาตรฐานโลก—บทเรียนของ Kia
เรื่องราวของ Kia ไม่ใช่เรื่องของ “แบรนด์รถราคาถูก” อีกต่อไป แต่คือเรื่องของ “แบรนด์ที่เลือกคุณภาพมากกว่าความเร็ว”
จากวัฒนธรรมชาตินิยมของเกาหลีใต้ที่ฝังลึก มาสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ “ยอมใช้เวลา” เพื่อทดสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนได้รับการยอมรับจากตลาดที่เข้มงวดที่สุดในโลกอย่างยุโรปและอเมริกา และสุดท้ายมาถึงเชียงราย—จังหวัดที่ห่างไกลจากศูนย์กลาง แต่กลับเป็น “สนามทดสอบที่แท้จริง” ของคุณภาพและความคุ้มค่า
การที่ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพ—ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาชีวิต—เลือก Kia Carnival เป็น “เครื่องมือรักษาความปลอดภัยของครอบครัว” ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลจากการตัดสินใจ “บนพื้นฐานของหลักฐาน” —ทั้งผลทดสอบ IIHS, คะแนน J.D. Power, ระบบ ADAS ครบชุด และการรับประกัน 7 ปี
ในยุคที่ตลาดรถยนต์เต็มไปด้วย “ความใหม่” ที่เปลี่ยนไปทุก 2-3 ปี Kia กลับเลือก”ความมั่นคง”ที่ทดสอบมา 6-8 ปี—และนั่นคือสิ่งที่ผู้บริโภคที่มองหา “ความปลอดภัย” มากกว่า “ความแฟชั่น” ต้องการจริง ๆ
สำหรับเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง การขยายตัวของ Kia ไม่ใช่แค่ “มีโชว์รูมเพิ่ม” แต่คือ”การเข้าถึงมาตรฐานโลก” ที่ไม่ต้องเดินทางไปกรุงเทพฯ—และเมื่อศูนย์บริการรักษามาตรฐานได้จริง “ความเชื่อใจ” จะกลายเป็น “ความภักดี” ที่ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในท้ายที่สุด คำถามไม่ใช่ “ทำไม Kia ถึงเปลี่ยนโฉมช้า?” แต่คือ “คุณพร้อมจะรอความปลอดภัยที่พิสูจน์ได้หรือไม่?”—และคำตอบของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญสุขภาพในเชียงรายคือ “พร้อม เพราะชีวิตคนที่รักมีค่ามากกว่าการไล่ตามแฟชั่น”
สนใจติดต่อ Kia Rich Chiangrai 053-798-799, 065-239-2353
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- เขียนโดย : กันณพงศ์ ก.บัวเกษร
- เรียบเรียงโดย : มนรัตน์ ก.บัวเกษร
- J.D. Power U.S. Vehicle Dependability Study 2023
- IIHS (Insurance Institute for Highway Safety)
- U.S. News & World Report – Best Cars Rankings
- Kia Rich Chiangrai 053-798-799, 065-239-2353
- Kia Sales (Thailand) Co., Ltd.
- Kia Europe (เว็บไซต์ทางการ)
- Kia Motors Manufacturing Georgia








