Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

อวดเมือง 68 “เชียงราย” เจ๋ง ลุ้น ‘เทศกาลชากาแฟ’ ระดับโลก

โครงการ “อวดเมือง 2568” The Pitching ครั้งที่ 1 จังหวัดเชียงรายคว้าตำแหน่ง 1 ใน 12 จังหวัดสุดท้ายด้วย Chiang Rai BREW Festival

เชียงราย, 2 พฤษภาคม 2568 – ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์รายงานว่า โครงการ “อวดเมือง 2568” The Pitching ครั้งที่ 1 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 เมษายน 2568 ณ ห้อง Event Lab ชั้น 7 อาคาร 23 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ปิดฉากลงด้วยความสำเร็จ โดยจังหวัดเชียงรายสามารถคว้าตำแหน่ง 1 ใน 12 จังหวัดสุดท้ายจาก 51 จังหวัดทั่วประเทศ ด้วยการนำเสนอ Chiang Rai BREW Festival เทศกาลชากาแฟที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่นและศักยภาพทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พร้อมผลักดันเชียงรายให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทย

โครงการ “อวดเมือง 2568” The Pitching เป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้แต่ละจังหวัดนำเสนอแนวคิดเทศกาลที่ตอบโจทย์แนวคิด “น่าอยู่ น่าเที่ยว น่าลงทุน” เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย ซึ่งมุ่งเน้นการใช้จุดแข็งทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และทรัพยากรในพื้นที่เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล

ความท้าทายของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย

ประเทศไทยได้รับการยอมรับในฐานะหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำของโลก ด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม ธรรมชาติที่สวยงาม และการต้อนรับที่อบอุ่นเป็นเอกลักษณ์ จังหวัดเชียงราย ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศไทย เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและเชิงเกษตร ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เช่น วัดร่องขุ่น ดอยช้าง ดอยแม่สลอง และชุมชนชาติพันธุ์ที่หลากหลาย นอกจากนี้ เชียงรายยังเป็นแหล่งปลูกชาและกาแฟที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะกาแฟจากดอยช้างและชาอัสสัมจากดอยแม่สลอง ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากล

อย่างไรก็ตาม ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของราคาค่าบริการที่พักและการเดินทาง ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ล้าสมัย และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่มีความหมายและยั่งยืนมากขึ้น ปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความสามารถในการแข่งขันของแหล่งท่องเที่ยวในหลายจังหวัด รวมถึงเชียงราย ซึ่งเผชิญกับปัญหาการลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่มีกำลังซื้อสูง ความท้าทายเหล่านี้ทำให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในเชียงรายต้องร่วมมือกันเพื่อหาแนวทางฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสร้างจุดเด่นที่ยั่งยืนสำหรับจังหวัด

เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายดังกล่าว รัฐบาลไทยได้ริเริ่มโครงการ “อวดเมือง 2568” The Pitching ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ที่มุ่งส่งเสริมการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นและวัฒนธรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้แต่ละจังหวัดพัฒนาเทศกาลที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน Chiang Rai BREW Festival” เทศกาลชากาแฟที่สะท้อนอัตลักษณ์และศักยภาพทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของจังหวัดไปนำเสนอใน โครงการ “อวดเมือง 2568”

โดย การแข่งนำเสนอผลงานของจังหวัด Pitching ครั้งที่ 1 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 เมษายน 2568 ณ ห้อง Event Lab ชั้น 7 อาคาร 23 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมีตัวแทนจาก 51 จังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วมนำเสนอแนวคิดเทศกาลที่สอดคล้องกับแนวคิด “น่าอยู่ น่าเที่ยว น่าลงทุน” การนำเสนอในครั้งนี้แบ่งออกเป็นสองวัน โดยวันที่ 29 เมษายน มีตัวแทนจาก 20 จังหวัด และวันที่ 30 เมษายน มีตัวแทนจาก 21 จังหวัด แต่ละจังหวัดมีเวลา 15 นาทีในการนำเสนอสไลด์ 15 หน้า พร้อมตอบคำถามจากคณะกรรมการอีก 5 นาที

จาก 51 จังหวัดที่เข้าร่วม มีเพียง 12 จังหวัดที่ได้รับคัดเลือกให้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย และจังหวัดเชียงรายสามารถคว้าตำแหน่งนี้ด้วยการนำเสนอ Chiang Rai BREW Festival เทศกาลชากาแฟที่ไม่เพียงสะท้อนอัตลักษณ์ของจังหวัด แต่ยังบูรณาการทุกภาคส่วน ตั้งแต่เกษตรกร ผู้ประกอบการ ไปจนถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างเทศกาลที่ยั่งยืนและมีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ Chiang Rai BREW Festival มีรากฐานจากวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้วยแนวคิด “องค์ความรู้ด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จากความฝันพญามังราย สู่แรงบันดาลใจแม่ฟ้าหลวง” เทศกาลนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานต้นกาแฟต้นแรกให้แก่ชนเผ่าบนพื้นที่สูง ณ ดอยช้าง เพื่อทดแทนการปลูกพืชเสพติด และพัฒนาให้เป็นพืชเศรษฐกิจควบคู่กับชาอัสสัมของล้านนา

เทศกาลนี้ต่อยอดจากความสำเร็จของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง และโครงการพัฒนาดอยตุงฯ ที่ส่งเสริมเกษตรกรในการคัดเลือกและพัฒนาสายพันธุ์ชากาแฟ รวมถึงการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาฯยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล Chiang Rai BREW Festival จึงไม่ใช่เพียงงานอีเวนต์ชั่วคราว แต่เป็นเทศกาลที่ครอบคลุมทั้งปี โดยแบ่งออกเป็นช่วงต่างๆ ตามฤดูกาล ดังนี้

  • ฤดูร้อน (มีนาคม-พฤษภาคม)  เน้นการแข่งขันบาริสต้า เวิร์กช็อปการชงกาแฟ และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์
  • ฤดูฝน (มิถุนายน-กันยายน)  เน้นการจับคู่ธุรกิจ (business matching) และการจัดงานสัมมนานานาชาติ เช่น International Symposium เพื่อดึงดูดนักลงทุนและผู้ประกอบการ
  • ฤดูหนาว (ตุลาคม-กุมภาพันธ์) เน้นการท่องเที่ยวเชิงเกษตร เช่น ทัวร์ไร่ชากาแฟ การเก็บเกี่ยว และการเรียนรู้กระบวนการแปรรูป

การดำเนินงานของเทศกาลได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงราย ได้แก่ สำนักงานจังหวัดเชียงราย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กลุ่ม กกร. จังหวัดเชียงราย กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ หอการค้าจังหวัดเชียงราย (YEC) บริษัทเชียงรายพัฒนาเมือง (CRCD) จำกัด มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง โครงการพัฒนาดอยตุง กลุ่มคนรักกาแฟเชียงราย (Chiangrai Coffee Lovers – CCL) และสิงห์ปาร์ค ความร่วมมือนี้ทำให้ Chiang Rai BREW Festival มีศักยภาพในการยกระดับเชียงรายให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทย

การนำเสนอและความท้าทาย

จากการสัมภาษณ์ นางสาวนฤมล นิลมานนท์ รองประธานกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ หอการค้าจังหวัดเชียงราย (YEC) และกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงราย เธอเล่าถึงกระบวนการเตรียมตัวสำหรับการนำเสนอในโครงการนี้ว่า เริ่มจากการประชุมเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 ซึ่งเรียกทุกภาคส่วนในจังหวัด ทั้งภาครัฐและเอกชน มาร่วมหารือเพื่อกำหนดแนวคิดเทศกาลที่เหมาะสม ซึ่งภาคเอกชน รวมถึง YEC และ CRCD จึงเสนอให้ใช้ชากาแฟ ซึ่งเป็นจุดแข็งของเชียงราย มาเป็นหัวใจของเทศกาล” การตัดสินใจเลือก Chiang Rai BREW Festival มาจากการวิเคราะห์จุดแข็งของจังหวัด ซึ่งเป็นแหล่งปลูกชาและกาแฟที่มีชื่อเสียงในระดับโลก โดยเฉพาะกาแฟจากดอยช้างและชาอัสสัมจากดอยแม่สลอง ที่ได้รับรางวัลและการยอมรับในระดับสากล

ไม่ได้ต้องการจัดงานอีเวนต์เพียง 5-10 วัน

นายพงศกร อารีศิริไพศาล ประธานกลุ่มคนรักกาแฟเชียงราย (Chiangrai Coffee Lovers – CCL) กล่าวเสริมว่า ความสำเร็จของเทศกาลนี้มาจากการ “เชื่อมโยง” ทุกภาคส่วน ตั้งแต่เกษตรกร ผู้แปรรูป บาริสต้า ไปจนถึงผู้บริโภค “เราไม่ได้ต้องการจัดงานอีเวนต์เพียง 5-10 วัน แต่เราต้องการสร้างเทศกาลที่ยั่งยืนตลอดทั้งปี โดยใช้ชากาแฟเป็นสื่อกลางในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุน” เขายังเน้นย้ำว่า เทศกาลนี้จะไม่เพียงมุ่งเน้นการบริโภคชากาแฟ แต่ยังรวมถึงการท่องเที่ยวเชิงเกษตร การจับคู่ธุรกิจ และการพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมชากาแฟ

อย่างไรก็ตาม การเลือกชากาแฟเป็นหัวใจของเทศกาลก็เผชิญกับความท้าทาย เนื่องจากจังหวัดอื่น เช่น น่าน หรือเชียงใหม่ ก็มีจุดแข็งด้านกาแฟเช่นกัน นายพงศกร อธิบายว่า “เชียงรายมีความหลากหลายทั้งในแง่ของกาแฟพิเศษ (specialty coffee) และกาแฟคุณภาพทั่วไป รวมถึงชาที่มีชื่อเสียงในระดับสากล จุดแข็งของเราคือความสมดุลและความหลากหลายของแหล่งปลูก ซึ่งทำให้เราสามารถนำเสนอเทศกาลที่ครอบคลุมทุกมิติของชากาแฟ”

นอกจากนี้ การพัฒนาเทศกาลนี้ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในด้านการจัดการภาพลักษณ์ของเชียงราย โดยเฉพาะปัญหาการแพร่กระจายของกัญชาในแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว นางสาวนฤมล กล่าวว่า “เราตระหนักถึงปัญหานี้ และกำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไข โดยการพัฒนา Chiang Rai BREW Festival จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับเชียงรายในฐานะเมืองแห่งการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรมที่ยั่งยืน”

ผลลัพธ์และก้าวต่อไป

ผลการประกาศเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ยืนยันว่าเชียงรายเป็น 1 ใน 12 จังหวัดที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายของโครงการ “อวดเมือง 2568” The Pitching จากนี้ไป 12 จังหวัดที่ได้รับคัดเลือกจะเข้าร่วมเวิร์กช็อปกับเมนเทอร์ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 เพื่อพัฒนาแผนธุรกิจให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ก่อนนำเสนอในรอบสุดท้ายระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งจะมีการจัดบูธเพื่อแสดงศักยภาพของแต่ละจังหวัด

ในรอบนี้ จะมีการคัดเลือก 3 จังหวัดที่โดดเด่นที่สุดเพื่อไปศึกษาดูงานที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2568 และจาก 3 จังหวัดนี้ จะมีการคัดเลือก 2 จังหวัดที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนเพื่อจัดเทศกาลอย่างเป็นทางการในปี 2568 นางสาวนฤมล กล่าวว่า “เป้าหมายของเราคือการคว้างบประมาณเพื่อพัฒนา Chiang Rai BREW Festival ให้เป็นเทศกาลระดับชาติ แต่แม้ว่าเราจะไม่ได้รับงบประมาณ การที่เราได้สร้างการรับรู้และแสดงศักยภาพของเชียงรายในเวทีนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว”

นายพงศกร กล่าวเพิ่มเติมว่า “หากเราคว้างบประมาณได้ เราวางแผนที่จะเริ่ม Chiang Rai BREW Festival ในปี 2568 โดยใช้โครงสร้างที่มีอยู่แล้ว เช่น ไร่ชากาแฟ ศูนย์การเรียนรู้ และเครือข่ายผู้ประกอบการ เพื่อขมวดให้เป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืน” เขายังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการหลีกเลี่ยงโครงสร้างที่ซับซ้อน เช่น การจัดตั้งสมาคมหรือชมรม ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาการเมืองภายใน “เราต้องการให้ทุกคนมีส่วนร่วมโดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาระภาษีหรือการบริหารจัดการที่ยุ่งยาก”

ความท้าทายและโอกาส

การเข้ารอบ 12 จังหวัดสุดท้ายของเชียงรายในโครงการ “อวดเมือง 2568” The Pitching สะท้อนถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นของจังหวัดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังเผชิญกับความท้าทายและโอกาสดังต่อไปนี้:

มิติด้านเศรษฐกิจ

Chiang Rai BREW Festival มีศักยภาพในการสร้างรายได้จากทั้งการท่องเที่ยวและการส่งออกชากาแฟ โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศที่ให้ความสำคัญกับกาแฟพิเศษและชาคุณภาพสูง การจับคู่ธุรกิจระหว่างเกษตรกรและนักลงทุนต่างชาติจะช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิตและสร้างโอกาสให้กับชุมชนท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม การแข่งขันกับจังหวัดอื่นที่มีจุดแข็งด้านกาแฟ เช่น น่าน หรือเชียงใหม่ อาจเป็นอุปสรรคที่ต้องใช้ความหลากหลายและนวัตกรรมในการเอาชนะ

มิติด้านวัฒนธรรมและซอฟต์พาวเวอร์

การใช้ชากาแฟเป็นสื่อกลางในการนำเสนอซอฟต์พาวเวอร์ของเชียงรายเป็นแนวคิดที่แปลกใหม่และมีรากฐานจากวิถีชีวิตของชุมชนชาติพันธุ์และเกษตรกร การเชื่อมโยงเทศกาลนี้กับพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 9 และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงช่วยเพิ่มความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม การตีความชากาแฟให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์อาจต้องเผชิญกับความท้าทายในบริบทที่นักท่องเที่ยวทั่วไปยังมองว่าซอฟต์พาวเวอร์ของไทยคือศิลปวัฒนธรรมหรือการท่องเที่ยวแบบดั้งเดิม

มิติด้านการท่องเที่ยว

เทศกาลนี้ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่มองหาประสบการณ์เชิงเกษตรและเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวไร่ชากาแฟและเวิร์กช็อปบาริสต้าจะช่วยดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายในปัจจุบัน เช่น ปัญหาการแพร่กระจายของกัญชาในแหล่งท่องเที่ยว หรือราคาค่าบริการที่สูงขึ้น อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเชียงราย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขควบคู่ไปกับการพัฒนาเทศกาล

โอกาสในการพัฒนา

การที่เชียงรายได้รับเลือกเป็น 1 ใน 12 จังหวัดเป็นโอกาสในการสร้างการรับรู้ในระดับชาติและนานาชาติ การเข้าร่วมงานที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์และการศึกษาดูงานที่โอซาก้าจะช่วยให้ทีมงานได้เรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดีจากเมืองอื่นๆ และนำมาปรับใช้กับเทศกาลของเชียงราย นอกจากนี้ การสนับสนุนจากภาคเอกชนและหน่วยงานท้องถิ่นจะเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนเทศกาลให้ประสบความสำเร็จ

ทัศนคติเป็นกลางต่อความเห็นทั้งสองฝั่ง

ผู้สนับสนุนเทศกาลชากาแฟ
กลุ่มที่สนับสนุน Chiang Rai BREW Festival รวมถึงภาคเอกชน YEC และ CCL มองว่าเทศกาลนี้เป็นโอกาสในการยกระดับเศรษฐกิจของเชียงราย โดยใช้จุดแข็งด้านชากาแฟที่มีรากฐานจากวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่น ความหลากหลายของแหล่งปลูกและการบูรณาการทุกภาคส่วนทำให้เทศกาลนี้มีศักยภาพในการสร้างผลกระทบในระยะยาว

ทัศนคติการเลือก Chiang Rai BREW Festival เป็นแนวคิดที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนและการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์สามารถบูรณาการการเกษตร การท่องเที่ยว และนวัตกรรมได้อย่างลงตัว อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเทศกาลนี้จะต้องเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขันกับจังหวัดอื่นและการจัดการภาพลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยว การสนับสนุนจากทุกภาคส่วนและการเรียนรู้จากเวทีนานาชาติจะเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้เทศกาลนี้ประสบความสำเร็จ

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  1. จำนวนนักท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย ในปี 2567 จังหวัดเชียงรายมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติรวม 2.5 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 20,000 ล้านบาท
    ที่มา: สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย, รายงานประจำปี 2567
  2. มูลค่าตลาดกาแฟและชาในประเทศไทย ตลาดกาแฟในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อปี โดยกาแฟพิเศษ (specialty coffee) มีสัดส่วนการเติบโต 10% ต่อปี ส่วนตลาดชามีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท
    ที่มา: สมาคมกาแฟและชาไทย, รายงานประจำปี 2567
  3. การส่งออกกาแฟและชา ในปี 2567 ประเทศไทยส่งออกกาแฟมูลค่า 5,000 ล้านบาท และชามูลค่า 2,000 ล้านบาท โดยจังหวัดเชียงรายเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตหลัก
    ที่มา: กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ, รายงานการส่งออก 2567
  4. ผลกระทบของซอฟต์พาวเวอร์ต่อการท่องเที่ยว การสำรวจของ World Travel & Tourism Council (WTTC) ในปี 2567 พบว่า 70% ของนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมท้องถิ่นและความยั่งยืน
    ที่มา: WTTC Global Tourism Report, 2567
  5. การลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติในเชียงราย จากการสำรวจของสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ในเดือนเมษายน 2568 พบว่า 88% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าการแพร่กระจายของกัญชาในแหล่งท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์
  • THACCA-Thailand Creative Culture Agency
  • TCEB Domestic MICE
  • นางสาวนฤมล นิลมานนท์ รองประธานกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ หอการค้าจังหวัดเชียงราย (YEC) และกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงราย
  •  พงศกร อารีศิริไพศาล ประธานกลุ่มคนรักกาแฟเชียงราย (Chiangrai Coffee Lovers – CCL) 
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

มิสยูนิเวิร์สเชียงราย 2025 มาแล้ว! เปิดรับสมัคร 15 พ.ค.

เชียงรายแถลงข่าวจัดประกวด MISS UNIVERSE CHIANG RAI 2025 อย่างเป็นทางการ

เชียงรายพร้อมเฟ้นหาสาวงามสู่เวทีระดับประเทศ

เชียงราย, 25 เมษายน 2568 – คุณชนชนก เชียงแรง ผู้ถือลิขสิทธิ์การประกวด “มิสยูนิเวิร์ส เชียงราย 2025” ได้จัดงานแถลงข่าวรายละเอียดการประกวดอย่างเป็นทางการ ณ ห้องเฮอริเทจ โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย โดยมีผู้สนใจ สื่อมวลชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

แนวคิดโดดเด่น “The Light of Power Brings New Hope”

การประกวดครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “The Light of Power Brings New Hope” หรือ “แสงแห่งพลังนำพาความหวังใหม่มาให้” โดยมุ่งเน้นการค้นหาผู้หญิงที่ไม่เพียงแต่มีความงามภายนอกเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพดี มีความคิดสร้างสรรค์ กล้าแสดงออก มีวิสัยทัศน์ และสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อื่นได้อย่างแท้จริง เพื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนของจังหวัดเชียงรายในการเข้าประกวด Miss Universe Thailand 2025 ที่จะจัดขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้

ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเผยแพร่วัฒนธรรมเชียงราย

นอกจากการเฟ้นหาสาวงามตัวแทนจังหวัดเชียงรายแล้ว การประกวดครั้งนี้ยังมีเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงรายในมิติการท่องเที่ยวและการเผยแพร่วัฒนธรรมและอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักทั้งในระดับประเทศและระดับสากล ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและภาพลักษณ์โดยรวมของจังหวัด

เปิดรับสมัครถึงวันที่ 15 พฤษภาคมนี้

ผู้สนใจเข้าร่วมประกวดสามารถสมัครและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเฟซบุ๊คแฟนเพจ มิสยูนิเวิร์ส เชียงราย โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 และจะมีการจัดประกวดรอบตัดสินในวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ณ แกรนด์คอนเวนชั่นฮอลล์ โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย

คุณชนชนก ได้รับสิทธิ์จัดประกวดที่จังหวัดพะเยาเพิ่มอีกหนึ่งแห่ง

นอกจากนี้ คุณชนชนก เชียงแรง ยังได้ประกาศเพิ่มเติมว่า ตนเองได้รับลิขสิทธิ์ในการจัดประกวดมิสยูนิเวิร์ส พะเยา 2025 อีกหนึ่งจังหวัด โดยรายละเอียดและกำหนดการต่างๆ ของจังหวัดพะเยาจะมีการประกาศให้ทราบอีกครั้งผ่านทางเฟซบุ๊คแฟนเพจ มิสยูนิเวิร์ส พะเยา ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจอย่างมากจากประชาชนในพื้นที่

ชวนชาวเชียงราย-พะเยาร่วมลุ้นเชียร์สาวงามตัวแทนจังหวัด

คุณชนชนกยังเชิญชวนให้ประชาชนจังหวัดเชียงรายและจังหวัดพะเยา ร่วมติดตาม ร่วมเชียร์ และให้กำลังใจสาวงามที่จะเป็นตัวแทนจังหวัดเข้าร่วมประกวด Miss Universe Thailand 2025 ในเดือนสิงหาคมนี้ โดยสามารถติดตามกิจกรรมและความเคลื่อนไหวต่างๆ ของการประกวดได้ผ่านทางเฟซบุ๊คแฟนเพจ มิสยูนิเวิร์ส เชียงราย และ มิสยูนิเวิร์ส พะเยา

สถิติและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการประกวดความงาม

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติและหน่วยงานจัดการประกวดความงามในระดับประเทศ ระบุว่า ในปี 2567 การจัดประกวดความงามในประเทศไทยมีการจัดขึ้นกว่า 200 เวที มีผู้เข้าประกวดรวมทั้งสิ้นมากกว่า 5,000 คน และมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทางตรงและทางอ้อมนับแสนคนทั่วประเทศ (ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ, 2567)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงแสนสุดม่วน มหาสงกรานต์รับนักท่องเที่ยวทั่วโลก

เชียงแสนเปิดงานยิ่งใหญ่ “ยล เยือน เมืองเชียงแสน มหาสงกรานต์บ้านฉัน” เผยแพร่วัฒนธรรมล้านนาสู่สากล

พิธีเปิดสุดอลังการสืบสานสงกรานต์เชียงแสน

เชียงราย,วันที่ 17 เมษายน 2568 – ณ ลานริมโขง (หน้าวัดปงสนุก) อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย นายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม ได้รับมอบหมายจากปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ยล เยือน เมืองเชียงแสน : มหาสงกรานต์บ้านฉัน สีสันวิถีถิ่นวิถีไทย สุขไกลทั่วโลก” โดยมี นายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวต้อนรับ และนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้

แขกผู้มีเกียรติร่วมงานคับคั่ง

ภายในพิธีเปิดได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญมากมาย ได้แก่ สส.ดร.พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1, สส.ดร.เทอดชาติ ชัยพงษ์ สส.พรรคเพื่อไทย เขต 5 จังหวัดเชียงราย, สส.ละออง ติยะไพรัช, สส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช, นายคฑาสิทธิ์ เนื่องหล้า นายอำเภอเชียงแสน และนางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย พร้อมทั้งหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน คณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดเชียงราย สภาวัฒนธรรมอำเภอทั้ง 18 อำเภอ ประชาชน และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เข้าร่วมงานอย่างเนืองแน่น

กิจกรรมหลากหลายสะท้อนวิถีล้านนา

ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมที่แสดงถึงเอกลักษณ์วัฒนธรรมล้านนา อาทิ การแสดงศิลปะและวัฒนธรรมฟ้อนแสนปี “อุ่นเมืองเชียงราย” ขบวนแห่สระเกล้าดำหัว พิธีส่งเคราะห์แบบล้านนา สรงน้ำพระพุทธรูป พิธีสระเกล้าดำหัวผู้อาวุโสและผู้มีเกียรติ การแสดงแสงสีเสียง “เล่าเรื่องเมืองเชียงแสน” กิจกรรมถนนวัฒนธรรมสายน้ำ 3 แผ่นดิน การแสดงดนตรีจากศิลปินล้านนา นิทรรศการมีชีวิต ตลาดวัฒนธรรมวิถีชุมชนเมืองเชียงแสน บูธแสดงสินค้าทางวัฒนธรรม (CPOT) และกิจกรรมการประกวดเทพบุตรเจียงแสนหลวง ประจำปี 2568

สืบสานคุณค่าสงกรานต์ล้านนา

นายสถาพร เที่ยงธรรม กล่าวย้ำว่า งานนี้จัดขึ้นเพื่ออนุรักษ์ สืบทอด และเผยแพร่ประเพณีสงกรานต์ล้านนา ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าต่อครอบครัว ชุมชน และสังคมไทย โดยเน้นการสร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัว ความสามัคคีในชุมชน และส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ผ่านกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ ที่จัดขึ้น

การจัดงานภายใต้แนวคิดสงกรานต์ระดับโลก

สำหรับปีนี้ กระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดงาน “เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์” ทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์บ้านฉัน สีสันแบบไทย สุขไกลทั่วโลก Once in a Lifetime : Experience Songkran in Thailand” เพื่อยกระดับประเพณีสงกรานต์ให้เป็นงานระดับโลก ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมายังประเทศไทย

ความร่วมมือทุกภาคส่วนสู่ความสำเร็จ

งานนี้เกิดขึ้นจากการบูรณาการความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนในจังหวัดเชียงราย ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ช่วยให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและสร้างความยั่งยืนทางวัฒนธรรมท้องถิ่น

นายสถาพร เที่ยงธรรม ได้กล่าวปิดท้ายงานว่า ประเพณีสงกรานต์ไม่ได้เป็นเพียงแค่เทศกาลแห่งความสนุกสนานเท่านั้น แต่ยังเป็นการสะท้อนถึงรากฐานของสังคมไทยในการเคารพผู้อาวุโส ความสามัคคีในชุมชน และความยั่งยืนของวัฒนธรรมที่สืบทอดมายาวนาน

สถิติที่เกี่ยวข้องและข้อมูลอ้างอิง

จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปีที่ผ่านมา งานสงกรานต์สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานทั่วประเทศมากกว่า 3 ล้านคน สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจกว่า 20,000 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้นักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 15% (ที่มา: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, 2567)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานวัฒนธรรมเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI ENTERTAINMENT

“Colors of Chiang Rai” หนังสั้นกระตุ้นเที่ยว สิริหวนคืนจอ

มรภ.เชียงราย-เทศบาลนครเชียงราย เปิดตัวหนังสั้น “Colours of Chiang Rai” ดึง Soft Power กระตุ้นการท่องเที่ยว

เชียงรายปลุกพลัง Soft Power ด้วยหนังสั้นสร้างสรรค์

เชียงราย,วันที่ 10 เมษายน 2568 –  มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มรภ.เชียงราย) ร่วมกับเทศบาลนครเชียงราย เปิดตัวหนังสั้นเรื่อง “Colours of Chiang Rai” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเผยแพร่อัตลักษณ์วัฒนธรรมของจังหวัด โดยมีเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์

สิริ ณิชาวรินทร์ หวนคืนวงการในบทบาทใหม่

หนังสั้นเรื่องนี้ได้นักแสดงมากฝีมือ สิริ ณิชาวรินทร์ เพิ่มทรัพย์ (อรุณรุ่งไพศาล) กลับมารับบทนำอีกครั้ง หลังจากห่างหายจากวงการบันเทิงไปนาน โดยเธอเผยว่า ปัจจุบันประกอบธุรกิจส่วนตัวในจังหวัดเชียงราย และต้องการมีส่วนร่วมในการประชาสัมพันธ์จังหวัดให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

เรื่องราวของ “แอลลี่” กับการค้นหาตัวตนในเชียงราย

“Colours of Chiang Rai” ถ่ายทอดเรื่องราวของ “แอลลี่” อดีตนักแสดงที่เดินทางมาค้นหาความสงบในเชียงราย หลังจากเผชิญความเปลี่ยนแปลงในวงการบันเทิง ที่นี่เธอได้พบกับ “ท๊อป” หนุ่มเหนือที่พาเธอท่องเที่ยวและสัมผัสความงดงามของจังหวัดเชียงราย

แนวคิดและเนื้อหาของหนังสั้น

หนังสั้น “Colors of Chiang Rai” นำเสนอเรื่องราวของ ‘แอลลี่’ อดีตนักแสดงที่เดินทางมาค้นหาความสงบในเชียงราย เธอได้พบกับ ‘ท๊อป’ หนุ่มท้องถิ่นที่พาเธอเที่ยวชมสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น วัดร่องขุ่น วัดร่องเสือเต้น วัดห้วยปลากั้ง พระตำหนักดอยตุง สิงห์ปาร์คเชียงราย หมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร และร้าน Abonzo Yama Mitsu การเดินทางครั้งนี้ทำให้แอลลี่ได้ค้นพบสีสันใหม่ในชีวิตและเริ่มต้นใหม่ที่เชียงราย

การท่องเที่ยวเชียงรายฟื้นตัวหลังวิกฤต

หลังจากประสบปัญหาน้ำท่วมและฝุ่น PM2.5 เศรษฐกิจของเชียงรายได้รับผลกระทบอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว โดยในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวเยือนเชียงรายกว่า 5 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 46,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีรายได้ 34,400 ล้านบาท

การส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านแคมเปญต่างๆ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย ได้จัดแคมเปญ “เที่ยวสบายๆ สไตล์เชียงราย Amazing Chiang Rai Lifestyle” เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและส่งเสริมภาพลักษณ์ของจังหวัด

การเติบโตของธุรกิจที่พักในเชียงราย

ข้อมูลจากสำนักงานปกครองจังหวัดเชียงราย ระบุว่า จำนวนโรงแรมที่จดทะเบียนในจังหวัดเพิ่มขึ้นจาก 236 แห่งในปี 2557 เป็น 285 แห่งในปี 2559 ขณะที่โฮมสเตย์และเกสต์เฮาส์ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน

สรุป

หนังสั้น “Colours of Chiang Rai” เป็นอีกหนึ่งความพยายามในการใช้ Soft Power เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย โดยการนำเสนอความงดงามของสถานที่ท่องเที่ยวและวัฒนธรรมท้องถิ่น ผ่านเรื่องราวที่เข้าถึงง่ายและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชม

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • ปี 2565: นักท่องเที่ยว 5,051,642 คน รายได้ 34,413 ล้านบาท
  • ปี 2566: นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 27.29% รายได้ 46,000 ล้านบาท

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานปกครองจังหวัดเชียงราย
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย
  • ลงทุนแมน
  • prop2morrow
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มรภ.เชียงราย)
  • เทศบาลนครเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

สงกรานต์คึกคัก ‘เชียงใหม่’ เที่ยวได้ ฟรีจอดรถ 4 สนามบิน

รัฐบาลเตรียมพร้อมรับมือสงกรานต์ 2568 เพิ่มเที่ยวบิน-เปิดจอดรถฟรี ท่าอากาศยานเชียงรายพร้อมเต็มที่รับนักเดินทาง

ประเทศไทย, 9 เมษายน 2568 – รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมเตรียมความพร้อมเต็มรูปแบบในการรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่มีประชาชนเดินทางภายในประเทศและระหว่างประเทศอย่างหนาแน่น โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการด้านการคมนาคมในท่าอากาศยานหลักทั่วประเทศ รวมถึงท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประตูการเดินทางสำคัญของภาคเหนือที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการรองรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติในช่วงเวลาดังกล่าว

มาตรการรับมือผู้โดยสารช่วงสงกรานต์

นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคม ร่วมกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการตามแผนรองรับการเดินทางของประชาชน โดยเน้นการลดความแออัดในอาคารผู้โดยสาร การเพิ่มเจ้าหน้าที่บริการ และอำนวยความสะดวกในด้านการตรวจเอกสาร การเช็กอิน และการจัดระเบียบการเดินทางในพื้นที่ท่าอากาศยานหลักทั้ง 6 แห่ง ได้แก่

  1. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.)
  2. ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.)
  3. ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.)
  4. ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.)
  5. ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.)
  6. ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.)

ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย พร้อมต้อนรับนักเดินทาง

ในส่วนของจังหวัดเชียงราย ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ได้เตรียมการรองรับผู้โดยสารอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะจากแนวโน้มการเดินทางเข้าสู่พื้นที่ท่องเที่ยวภาคเหนือที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจังหวัดเชียงรายถือเป็นหนึ่งในปลายทางยอดนิยม ทั้งในด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ธรรมชาติ และกิจกรรมสงกรานต์พื้นเมือง

ในช่วงสงกรานต์นี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่เชียงรายจำนวนมาก โดยเฉพาะจากกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และต่างประเทศ เช่น จีนและลาว ผ่านเที่ยวบินตรงมายังสนามบินเชียงราย ซึ่ง ทอท. ได้เพิ่มเจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์เช็กอิน การดูแลผู้โดยสาร และเพิ่มความถี่ของการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนรวม เพื่อให้ทุกการเดินทางเป็นไปด้วยความราบรื่นและปลอดภัย

ข้อมูลเที่ยวบิน-ผู้โดยสาร เพิ่มขึ้นชัดเจน

บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ได้ประมาณการเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารระหว่างวันที่ 11–17 เมษายน 2568 พบว่า

  • เที่ยวบินระหว่างประเทศมีจำนวน 267,603 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 9.1%
  • เที่ยวบินภายในประเทศมีจำนวน 213,792 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 22.7%
  • รวมผู้โดยสารทั้งหมด 79,191,431 คน เพิ่มขึ้น 18.3%
    • ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 48,243,845 คน เพิ่มขึ้น 14.1%
    • ผู้โดยสารภายในประเทศ 30,947,586 คน เพิ่มขึ้น 25.5%

การเพิ่มขึ้นของเที่ยวบินและผู้โดยสารสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของภาคการท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นของนักเดินทางในการเดินทางภายในประเทศ

จอดรถฟรี 4 สนามบินทั่วประเทศ

เพื่อส่งมอบความสะดวกแก่ผู้โดยสาร รัฐบาลได้เปิดพื้นที่ “จอดรถฟรี” ณ ท่าอากาศยาน 4 แห่ง ระหว่างวันที่ 12 – 16 เมษายน 2568 ได้แก่

  1. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ – ลานจอดรถระยะยาว โซน C
  2. ท่าอากาศยานดอนเมือง – ลานจอดหน้าตึกจอดรถ 5 ชั้น
  3. ท่าอากาศยานเชียงใหม่ – บริเวณลานช้าง ข้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ
  4. ท่าอากาศยานภูเก็ต – หน้าอาคารสำนักงาน ทภก.

การอำนวยความสะดวกด้วยเทคโนโลยี

นอกจากการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่แล้ว ท่าอากาศยานทุกแห่ง รวมถึงเชียงราย ได้เตรียมความพร้อมด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น

  • เครื่องเช็กอินอัตโนมัติ (CUSS)
  • เครื่องโหลดกระเป๋าอัตโนมัติ (CUBD)
  • ระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Biometric)

ผู้โดยสารสามารถลงทะเบียนใช้บริการได้ที่เครื่อง CUSS หรือผ่านเจ้าหน้าที่สายการบินในขั้นตอนเช็กอิน เพื่อช่วยประหยัดเวลาและลดความแออัด

เชียงใหม่มั่นใจ พร้อมรับนักท่องเที่ยวแม้เจอแผ่นดินไหว

นอกจากนี้ ที่จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นปลายทางการท่องเที่ยวสำคัญของภาคเหนือ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า แม้เกิดเหตุแผ่นดินไหวเล็กน้อยในช่วงต้นเดือนเมษายน แต่ผลกระทบมีเพียงบางส่วน เช่น อาคารดวงกมลคอนโดมิเนียมที่ได้รับผลกระทบด้านโครงสร้าง และอีก 2 อาคารที่ได้รับความเสียหายเล็กน้อยจากผิวฉาบแตก

ขณะนี้สถานการณ์โดยรวมกลับสู่ภาวะปกติ บรรยากาศการท่องเที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่ยังคงคึกคัก โดยเฉพาะพื้นที่สำคัญอย่างถนนนิมมานเหมินทร์ ถนนคนเดิน และรอบคูเมือง พร้อมทั้งมีกิจกรรมสงกรานต์ “ปี๋ใหม่เมือง” ที่จัดเต็มเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว

วิเคราะห์ผลกระทบและโอกาสของการเดินทางช่วงสงกรานต์ 2568

การที่รัฐบาลเพิ่มเที่ยวบินและอำนวยความสะดวกผ่านนโยบายจอดรถฟรี เป็นการตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของประชาชน และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวหลักอย่างเชียงราย ซึ่งในช่วงนี้มีเทศกาลประเพณีพื้นถิ่น เช่น สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัว และขบวนแห่สืบสานวัฒนธรรมล้านนา ที่สร้างสีสันและความประทับใจให้นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

ขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในท้องถิ่น ผ่านกิจกรรมจำหน่ายสินค้า OTOP การท่องเที่ยวชุมชน และการสร้างงานให้คนในพื้นที่

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว

  • ทอท. คาดการณ์เที่ยวบินระหว่างวันที่ 11–17 เม.ย. 2568
    • เที่ยวบินระหว่างประเทศ: 267,603 เที่ยวบิน (+9.1%)
    • เที่ยวบินในประเทศ: 213,792 เที่ยวบิน (+22.7%)
  • ผู้โดยสารทั้งหมด: 79,191,431 คน (+18.3%)
    • ระหว่างประเทศ: 48,243,845 คน (+14.1%)
    • ในประเทศ: 30,947,586 คน (+25.5%)
  • จังหวัดเชียงราย:
    • มีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 12% ช่วงเทศกาล (ข้อมูลจากสนามบินแม่ฟ้าหลวง, 2567)
    • คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์: ไม่น้อยกว่า 180,000 คน (สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย, 2567)
  • พื้นที่จอดรถฟรีในสนามบินเชียงใหม่: รองรับได้มากกว่า 1,500 คัน ตลอดช่วงเวลาให้บริการ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
  • บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
  • กระทรวงคมนาคม
  • สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย
  • สนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายปั้นเทศกาลโลก อวดเมือง ดึงดูดนานาชาติ

เชียงรายระดมความคิดยกระดับเทศกาลไทยสู่เวทีนานาชาติ หวังสร้างภาพลักษณ์ “เมืองแห่งเทศกาล”

เชียงราย, 8 เมษายน 2568 – สำนักงานจังหวัดเชียงรายจัดประชุมระดมความคิดเห็นเพื่อจัดทำโครงการ “เพิ่มขีดความสามารถผู้จัดเทศกาลไทย ผู้สร้างสรรค์เทศกาลไทยสู่เวทีนานาชาติ” ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ภายใต้เป้าหมายร่วมกันในการขับเคลื่อนเมืองเชียงรายสู่การเป็นเมืองแห่งเทศกาล พร้อมยกระดับการจัดกิจกรรมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน

ประชุมวางรากฐาน “เทศกาลของเมือง” สู่ระดับโลก

เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันอังคารที่ 8 เมษายน 2568 ณ ห้องประชุมสำนักงานจังหวัดเชียงราย ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ได้มีการประชุมระดมความคิดเห็นภายใต้โครงการดังกล่าว โดยได้รับเกียรติจาก นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุม แทนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ที่มอบหมายหน้าที่ในครั้งนี้

การประชุมดังกล่าวมุ่งเน้นการเสนอแนวคิด สะท้อนปัญหา และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดงานเทศกาลในจังหวัด โดยเน้นการยกระดับงานเทศกาลให้เป็นมากกว่ากิจกรรมท้องถิ่น แต่สามารถขยายสู่ระดับนานาชาติได้อย่างมีศักยภาพ

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายเสนอแนวทางพัฒนาเทศกาล

ในที่ประชุม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมและเสนอแนวคิดสำคัญหลายประการ อาทิ การคัดเลือกเทศกาลของจังหวัดเชียงรายเพื่อเข้าร่วมโครงการ “อวดเมือง” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้แต่ละจังหวัดนำเสนออัตลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์ และมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเทศกาลให้กลายเป็น “City Expo” ที่สามารถสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในระดับพื้นที่

บุคลากรผู้แทนจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายประกอบด้วย นางสาวณพิชญา นันตาดี, นางเพียรโสม ปาสาทัง, นายจิรัฏฐ์ ยุทธ์ธนประวิช และนายวรพล จันทร์คง ซึ่งได้ร่วมอภิปรายในประเด็นด้านการพัฒนาเทศกาลให้สอดคล้องกับบริบทวัฒนธรรมของเชียงราย พร้อมเน้นย้ำถึงการใช้ทุนทางวัฒนธรรมเดิม ผสานแนวคิดใหม่ในการออกแบบกิจกรรมให้ทันสมัยและเข้าถึงคนรุ่นใหม่

เปิดเวทีให้ภาคีเครือข่ายร่วมขับเคลื่อน

การประชุมในครั้งนี้ยังได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายในพื้นที่อย่างกว้างขวาง ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, เทศบาลนครเชียงราย, หอการค้าจังหวัดเชียงราย และ YEC เชียงราย ที่ได้นำเสนอมุมมองของผู้ประกอบการและภาคเอกชนต่อการจัดเทศกาลในระดับจังหวัดและแนวทางการยกระดับให้เข้าถึงมาตรฐานสากล

ตัวแทนจากหอการค้าจังหวัดเชียงราย ได้เน้นถึงโอกาสในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนจากการจัดเทศกาลในลักษณะ “เทศกาลเมือง” ที่ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นช่องทางสร้างงานและรายได้ให้กับผู้ประกอบการในชุมชน ทั้งกลุ่มอาหารพื้นถิ่น กลุ่มหัตถกรรม และกลุ่มบริการที่เกี่ยวข้อง

แนวทางสู่เมืองแห่งเทศกาลและความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ

โครงการ “เพิ่มขีดความสามารถผู้จัดเทศกาลไทยฯ” เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในเชิงวัฒนธรรม โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ประเทศไทยสามารถก้าวสู่การเป็น “ประเทศแห่งเทศกาล” อย่างแท้จริง หรือ Thailand as a Festival Country

หัวใจสำคัญของแนวทางดังกล่าวคือการ ชูอัตลักษณ์ท้องถิ่น ให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติผ่านเทศกาลที่มีเอกลักษณ์ และมีกลไกสนับสนุนจากทั้งรัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างเชียงราย ซึ่งมีศักยภาพทั้งในด้านทรัพยากรบุคคล แหล่งท่องเที่ยว และฐานวัฒนธรรมอันเข้มแข็ง

แนวคิดจากพื้นที่…สู่เวทีโลก

หนึ่งในข้อเสนอสำคัญของการประชุมครั้งนี้คือการจัดตั้ง คณะทำงานเฉพาะกิจระดับจังหวัด เพื่อพัฒนาแนวทางการจัดเทศกาลตามมาตรฐานสากล โดยให้มีการเก็บข้อมูลสถิติผู้เข้าร่วมงาน รายได้หมุนเวียน และผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ-สังคม อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินผลลัพธ์และพัฒนาเทศกาลในรอบปีถัดไป

นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอให้ส่งเสริมเทศกาลของจังหวัดที่จัดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว เช่น เทศกาลดอกไม้งามเชียงราย, งานไม้ดอกเมืองหนาว, งานวัฒนธรรมชนเผ่า และงานสงกรานต์เชียงราย ให้มีการปรับรูปแบบให้เชื่อมโยงกับแนวคิดของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเปิดเวทีให้กลุ่มเยาวชนมีส่วนร่วมมากขึ้น

วิเคราะห์แนวโน้มของเมืองเชียงรายในฐานะศูนย์กลางเทศกาลภาคเหนือ

จากบทบาทของจังหวัดเชียงรายในฐานะจังหวัดท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของภาคเหนือ การผลักดันแนวคิด “เมืองแห่งเทศกาล” จะมีส่วนช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว

หากสามารถจัดเทศกาลในรูปแบบที่ยั่งยืน มีเนื้อหาใหม่ ๆ ที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมดั้งเดิม และบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้จังหวัดเชียงรายสามารถยืนอยู่ในเวทีระดับนานาชาติได้อย่างมั่นคงในอนาคต

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานว่า อุตสาหกรรมเทศกาลมีส่วนต่อ GDP ประเทศไทยประมาณ 1.2% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี
  • ข้อมูลจากกระทรวงวัฒนธรรม (2566) ระบุว่า ประเทศไทยมีการจัดงานเทศกาลมากกว่า 2,300 งานต่อปี แต่มีเพียง 15% เท่านั้นที่เข้าถึงตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่าการจัดงานเทศกาลที่มีอัตลักษณ์ชัดเจนสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 18-25% ต่อรอบกิจกรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
  • กระทรวงวัฒนธรรม
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
  • รายงานจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (ประชุมวันที่ 8 เมษายน 2568)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สนามบินเชียงราย รวดเร็วบริการ มุ่งหน้าเตรียมพร้อมสำหรับฤดูฝน

พัฒนา “ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย” สู่สนามบินกะทัดรัดและสะดวกสบาย

มุ่งสู่สนามบินยุคใหม่: Compact and Convenient Airport

เชียงราย, 3 เมษายน 2568 – นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เปิดเผยแผนพัฒนาเชิงรุกของท่าอากาศยานฯ โดยมุ่งเน้นสู่การเป็น “สนามบินกะทัดรัดและสะดวกสบาย” (Compact and Convenient Airport) เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้โดยสารทั้งในด้านความเร็ว ความปลอดภัย และความพึงพอใจสูงสุด

ยกระดับประสบการณ์ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ

หนึ่งในแผนสำคัญคือการนำระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลด้วยเทคโนโลยี Facial Recognition มาใช้ในกระบวนการระบุตัวตน ช่วยลดระยะเวลาในการตรวจสอบ เพิ่มความคล่องตัว และลดความแออัดภายในสนามบินอย่างเห็นได้ชัด

บริการครบครัน สะดวกสบายทุกการเดินทาง

ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น จุดชาร์จแบตเตอรี่, ฟรี Wi-Fi, มุมพักผ่อนและพื้นที่ทำงาน (Work Station) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้โดยสารในยุคดิจิทัล

การจัดการน้ำท่วม: ความพร้อมรับมือภัยธรรมชาติ

ในช่วงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง ท่าอากาศยานฯ ได้วางแผนล่วงหน้าในการขุดลอกคลองรอบพื้นที่เขตการบินอย่างจริงจัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ลดความเสี่ยงน้ำท่วมสนามบิน โดยการดำเนินการนี้ได้เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำงานโดยไม่มีฝนตกเป็นอุปสรรค

คลองระบายน้ำ: เส้นเลือดหลักของการป้องกัน

เมื่อการขุดลอกเสร็จสิ้น ระบบระบายน้ำรอบสนามบินจะสามารถรองรับปริมาณน้ำจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงฤดูมรสุม ซึ่งมีโอกาสเกิดน้ำหลากหรืออุทกภัยสูง

จากภาพแสดงให้เห็นว่า ถนนด้านขวาทำหน้าที่เสมือน “เขื่อน” ป้องกันน้ำ ขณะที่คลองด้านซ้ายมีหน้าที่ระบายน้ำออกจากพื้นที่ หากทั้งสองระบบทำงานอย่างสมบูรณ์ จะสามารถป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าสู่เขตการบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทเรียนจากเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา

จากเหตุการณ์น้ำหลากครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการรับมือภัยพิบัติ ระบบระบายน้ำที่เตรียมล่วงหน้าไว้ตั้งแต่เดือนเมษายน ปีเดียวกัน ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้าสู่เขตการบิน แม้ระดับน้ำแม่น้ำกกจะพุ่งสูงสุดก็ตาม

แม้บ้านพักพนักงานจะได้รับผลกระทบบางส่วน แต่เขตการบินกลับปลอดภัย และยังมีแผนสำรองพร้อมรองรับ เช่น การนำน้ำเข้าสู่ทะเลสาบ 200 ไร่ ด้านทิศใต้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ในครั้งนั้น แสดงถึงความพร้อมและความยืดหยุ่นของระบบอย่างชัดเจน

บริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ

นาวาอากาศตรีสมชนก เน้นย้ำว่า Risk Management เป็นหัวใจสำคัญในการรับมือภัยธรรมชาติ ตั้งแต่การประเมินสถานการณ์ การเตรียมแผนล่วงหน้า การประเมินความเสี่ยง (Worst Case Scenario) ตลอดจนการสื่อสารกับชุมชนเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันว่า สนามบินตั้งอยู่ในพื้นที่สูง มีระบบระบายน้ำดี จึงไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่ผ่านมา

แนวทางพัฒนาอย่างยั่งยืนและใส่ใจชุมชน

การขุดลอกคลองไม่ได้เป็นเพียงการป้องกันน้ำท่วม แต่ยังเป็นหนึ่งในแผนพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างความร่วมมือกับชุมชน

ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ให้ความสำคัญกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันระหว่างสนามบินกับชุมชนโดยรอบ

บทสรุปและมุมมองอย่างเป็นกลาง

การพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่ไม่เพียงยกระดับสนามบินให้ทันสมัย แต่ยังสะท้อนถึงการบริหารจัดการเชิงรุกที่มุ่งมั่นเพื่อความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ฝ่ายสนับสนุน มองว่า การปรับปรุงสนามบินทั้งด้านโครงสร้างและระบบต่าง ๆ เป็นสิ่งจำเป็นต่อการรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

ฝ่ายห่วงใยสิ่งแวดล้อม ให้ความเห็นว่า ควรมีการติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขุดลอกคลองซึ่งอาจกระทบต่อระบบนิเวศในระยะยาว

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • ปริมาณผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ปี 2567: กว่า 1.3 ล้านคน (ที่มา: กรมท่าอากาศยาน)
  • ความสามารถในการระบายน้ำสูงสุดของระบบรอบสนามบิน: ประมาณ 5,000 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง
  • ระดับน้ำสูงสุดจากแม่น้ำกกเมื่อ 11 ก.ย. 2567: เพิ่มขึ้นจากค่าปกติกว่า 2.3 เมตร (ข้อมูลจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมท่าอากาศยาน, www.airports.go.th
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

มติที่ประชุมปิดล่องแพ 30 เมษาฯ แม่สรวยน้ำน้อย แต่นั่งซุ้มต่อได้

ประกาศปิดล่องแพแม่สรวย 30 เม.ย. 68 – เพื่อสำรองน้ำเกษตร ชี้จำเป็นตามมติคณะกรรมการฯ ร่วมมือบริหารจัดการน้ำแบบมีส่วนร่วม

เชียงราย, 3 เมษายน 2568 — ตามที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ได้ประกาศ ยุติการล่องแพเปียกในอ่างเก็บน้ำแม่สรวยภายในวันที่ 30 เมษายน 2568 เนื่องจากระดับน้ำในเขื่อนลดลงอย่างต่อเนื่อง และจำเป็นต้องเก็บกักน้ำไว้เพื่อการเกษตรในฤดูแล้ง ภายใต้นโยบายการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทาน โดยเน้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชน และองค์กรผู้ใช้น้ำ

การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นตามมติที่ประชุมเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 ภายใต้กรอบ ข้อตกลงความร่วมมือบริหารจัดการชลประทานแบบมีส่วนร่วม (MOU for JMC) ซึ่งจัดขึ้น ณ ห้องประชุมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่ลาว ตำบลดงมะดะ อำเภอแม่ลาว โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ผู้ประกอบกิจการแพเปียก และตัวแทนเกษตรกรผู้ใช้น้ำเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

จำเป็นต้องสำรองน้ำ – ล่องแพได้ถึง 30 เม.ย. ก่อนลดปริมาณการปล่อยน้ำเหลือเพียง 1Q

นายวรวิทย์ สุวรรณจักร หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้มีการปล่อยน้ำจากอ่างเก็บน้ำแม่สรวยอยู่ที่ 5–6 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (Q) เพื่อให้สามารถล่องแพได้อย่างปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยจะสิ้นสุดกิจกรรมล่องแพในวันที่ 30 เมษายน 2568 หลังจากนั้นจะลดการปล่อยน้ำเหลือเพียง 1Q เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง

ถึงแม้จะมีคำถามจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ว่า หากมีฝนตกหรือพายุฤดูร้อนในเดือนเมษายนจะสามารถขยายเวลาได้หรือไม่ ทางชลประทานยังไม่ได้รับรายงานพยากรณ์อากาศที่ชัดเจนจากกรมอุตุนิยมวิทยา จึงยังคงยึดตามมติที่ประชุมไว้ก่อน

ยังเปิดให้นั่งซุ้มริมเขื่อน ชิมอาหารท้องถิ่นได้ถึง 15 พ.ค.

แม้ว่าจะไม่สามารถล่องแพได้หลังวันที่ 30 เมษายน แต่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อนุญาตให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ยังคงเปิดบริการ “ซุ้มริมน้ำ” สำหรับรับประทานอาหารและพักผ่อนริมอ่างเก็บน้ำต่อได้ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมในช่วงปลายฤดูร้อน

ข้อตกลง MOU for JMC – โมเดลบริหารน้ำโดยชุมชนมีส่วนร่วม

การดำเนินการครั้งนี้สอดคล้องกับนโยบายของกรมชลประทาน ที่ส่งเสริมรูปแบบการบริหารจัดการน้ำ Participatory Irrigation Management (PIM) โดยให้เกษตรกร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานปกครอง และผู้ใช้น้ำ มีส่วนร่วมในการกำหนดแผนบริหารและจัดสรรน้ำผ่าน คณะกรรมการจัดการชลประทาน (JMC)

พื้นที่ในลุ่มน้ำแม่ลาวตอนที่ 2 ประกอบด้วย

  • อ่างเก็บน้ำแม่สรวย
  • ฝายเจ้าวรการบัญชา
  • ฝายถ้ำวอก
  • ฝายสมบัติ

โดยแต่ละแห่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญสำหรับเกษตรกรในอำเภอแม่สรวยและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งต้องอาศัยการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพในช่วงฤดูแล้งของปี 2567/68 นี้

เสียงสะท้อนจากภาคเกษตรและการท่องเที่ยว

ฝ่ายเกษตรกรผู้ใช้น้ำ ระบุว่า เห็นด้วยกับมาตรการเก็บกักน้ำ เนื่องจากพื้นที่การเกษตรหลายแห่งในลุ่มน้ำแม่ลาว กำลังเข้าสู่ฤดูแล้ง และปริมาณน้ำในเขื่อนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของปีที่ผ่านมา หากไม่มีการบริหารน้ำอย่างเป็นระบบ จะส่งผลกระทบต่อพืชผลทางเศรษฐกิจ เช่น ข้าวโพด ข้าวนา และพืชผักสวนครัว ซึ่งเป็นรายได้หลักของชุมชน

ในขณะที่ผู้ประกอบการล่องแพและร้านอาหารริมเขื่อน ได้แสดงความกังวลว่า การปิดให้บริการล่องแพก่อนฤดูท่องเที่ยวจะสิ้นสุด ส่งผลกระทบต่อรายได้และแรงงานในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ถือเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวสำคัญของแม่สรวย

ข้อมูลสถานการณ์น้ำล่าสุดในภาคเหนือ

จากรายงานของ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และกรมชลประทาน ประจำวันที่ 3 เมษายน 2568 พบว่า

  • อ่างเก็บน้ำแม่สรวยมี ปริมาณน้ำในอ่าง : 47.704 (65.350%) ของความจุ  73.000 ล้าน ลบ.ม.
  • คาดการณ์ว่าในช่วงเดือนเมษายนจะไม่มีฝนตกชุก
  • ปริมาณน้ำในลุ่มน้ำแม่ลาวรวมลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 15%
  • ความต้องการใช้น้ำเพื่อการเกษตรเพิ่มขึ้นกว่า 10% เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น
  • พื้นที่การเกษตรในอำเภอแม่สรวยและแม่ลาวกว่า 6,200 ไร่ ต้องพึ่งพาน้ำจากอ่างเก็บน้ำแม่สรวยเป็นหลัก

(ที่มา: สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ, กรมชลประทาน, รายงานสถานการณ์น้ำประเทศไทย ประจำเดือนเมษายน 2568)

แนวทางและข้อเสนอแนะต่อการจัดการน้ำแบบสมดุล

ฝ่ายสนับสนุนมาตรการปิดล่องแพ เห็นว่าเป็นการดำเนินการที่จำเป็นและสมเหตุสมผล ภายใต้ข้อจำกัดของทรัพยากรน้ำที่มีอยู่ อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของแนวทาง PIM ซึ่งเป็นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการบริหารทรัพยากรสาธารณะอย่างยั่งยืน

อีกมุมหนึ่ง ของผู้ประกอบการท่องเที่ยวเสนอว่า รัฐควรมีมาตรการเยียวยา หรือจัดกิจกรรมท่องเที่ยวทางเลือกในพื้นที่แทน เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป พร้อมทั้งเสนอให้ปรับเปลี่ยนกำหนดการเปิด–ปิดล่องแพตามสถานการณ์น้ำจริงรายสัปดาห์ โดยใช้เทคโนโลยีพยากรณ์น้ำมาเป็นตัวกำหนด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

เชียงราย-กัวลาลัมเปอร์ บินตรง 4 เดือนผู้โดยสาร เกือบหมื่นคน

เชียงรายดัน “ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง” สู่ศูนย์กลางการบินภูมิภาค เสริมเศรษฐกิจท่องเที่ยวและการค้าชายแดน

เชียงราย, 4 มีนาคม 2568 – ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) กำลังเดินหน้าขยายศักยภาพสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภาคเหนือตอนบน ล่าสุดเที่ยวบิน กัวลาลัมเปอร์ – เชียงราย – กัวลาลัมเปอร์ (AK871-872) ซึ่งเป็นเส้นทางบินระหว่างประเทศเพียงเส้นทางเดียวของสนามบินเชียงรายในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา ได้ทำการบินเที่ยวสุดท้ายเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 หลังจากเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 โดยให้บริการนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศ เช่น ไทย มาเลเซีย จีน และอินโดนีเซีย เป็นระยะเวลา 4 เดือน มีผู้โดยสารเดินทางเข้า-ออกเชียงรายรวมเกือบ 10,000 คน

ตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ เส้นทางบินนี้ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยมีผู้โดยสารจองเต็มทุกเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออก สะท้อนถึงความต้องการเส้นทางบินตรงระหว่างเชียงรายกับเมืองหลักในต่างประเทศ ทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านภาคการท่องเที่ยว การค้า และบริการของจังหวัดเชียงราย

ศักยภาพของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย

นาวาอากาศตรี สมชนก ศรีปัญญา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เปิดเผยว่า ทชร. ซึ่งเป็นท่าอากาศยานระดับภูมิภาค (Regional Airport) พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคเหนือตอนบน รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินในอนาคต ขับเคลื่อนควบคู่ไปกับจังหวัดเชียงรายตามเจตนารมณ์

สนามบินเป็นกลไกในการผลักดันเศรษฐกิจของจังหวัด”

ปัจจุบัน ทชร.มีความสามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 3 ล้านคน และมีศักยภาพก้าวสู่การเป็นท่าอากาศยานที่มีมาตรฐานระดับสากล โดยมีแผนดำเนินการเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน รวมถึงพัฒนาพื้นที่ภายในสนามบินให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบิน ศูนย์กระจายสินค้าทางอากาศ และโครงการเชื่อมโยงสนามบินกับภูมิภาคจีนตอนใต้และประเทศลุ่มแม่น้ำโขง

เส้นทางบินระหว่างประเทศ กัวลาลัมเปอร์ – เชียงราย กับโอกาสในอนาคต

สายการบินไทยแอร์เอเชียเตรียมกลับมาเปิดให้บริการเส้นทางบินตรงระหว่าง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย – เชียงราย อีกครั้งในช่วงฤดูหนาวปลายปี 2568 โดยคาดว่าจะมีให้บริการ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (เฉพาะวันอังคาร วันพฤหัสบดี และวันเสาร์)

เส้นทางบินดังกล่าวถือเป็นโอกาสสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียและนักเดินทางจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และจีนตอนใต้ ที่สามารถเดินทางต่อมายังเชียงรายได้สะดวกขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายอย่างมีนัยสำคัญ

แผนการพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย

เพื่อรองรับการขยายตัวของจำนวนผู้โดยสารและเส้นทางบินระหว่างประเทศ ทอท. ได้เร่งดำเนินโครงการพัฒนาระยะที่ 1 ของสนามบินเชียงราย ซึ่งประกอบด้วย

  • ก่อสร้างระบบทางขับขนานด้านทิศเหนือ – เปิดให้บริการแล้ว
  • ปรับปรุงพื้นที่หัวทางวิ่งด้าน 03 และ 21 – แล้วเสร็จสมบูรณ์
  • ขยายถนนทางเข้า-ออกสนามบิน – อยู่ระหว่างการลงนามสัญญาของผู้รับจ้าง
  • ก่อสร้างอาคารรับรองบุคคลสำคัญ (VIP/VVIP) – อยู่ระหว่างออกแบบ
  • ก่อสร้างอาคารสำนักงาน ทชร. – อยู่ระหว่างการจัดทำแบบก่อสร้าง
  • ก่อสร้างอาคารดับเพลิง-กู้ภัยท่าอากาศยาน – อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำข้อกำหนดด้านเทคโนโลยี

ศักยภาพของเชียงรายกับบทบาทศูนย์กลางการบินภาคเหนือ

เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงด้านการท่องเที่ยวและการค้าชายแดน โดยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างไทย เมียนมา ลาว และจีน ซึ่งสามารถใช้สนามบินแม่ฟ้าหลวงเป็นศูนย์กลางในการขนส่งสินค้าและการเดินทางระหว่างประเทศ

ข้อดีของการพัฒนาเส้นทางบินเชียงราย – ต่างประเทศ ได้แก่
ส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยว – เชียงรายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น วัดร่องขุ่น ดอยตุง และดอยแม่สลอง ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
กระตุ้นการลงทุนและการค้า – เชียงรายเป็นจังหวัดชายแดนที่มีศักยภาพในการขนส่งสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
อำนวยความสะดวกให้ประชาชน – เพิ่มตัวเลือกการเดินทางให้ประชาชนเชียงรายและนักธุรกิจที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศโดยตรง

อย่างไรก็ตาม ทชร. ยังคงมีความท้าทายในด้านโครงสร้างพื้นฐานและปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ยังมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับสนามบินหลักในภาคเหนือ

ความคิดเห็นจากสองมุมมอง

ฝ่ายที่สนับสนุน เห็นว่าการขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศจะช่วยให้เชียงรายเติบโตเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และการท่องเที่ยว ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และดึงดูดนักลงทุนเข้าสู่จังหวัดมากขึ้น

ฝ่ายที่เห็นว่ามีข้อจำกัด ให้ความเห็นว่า แม้ท่าอากาศยานเชียงรายจะมีศักยภาพสูง แต่ยังมีข้อจำกัดด้านปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศ หากไม่มีสายการบินให้บริการอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้สนามบินเชียงรายไม่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เต็มศักยภาพ

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนเที่ยวบินในปี 2567 – เฉลี่ย 34 เที่ยวบินต่อวัน รวม 12,035 เที่ยวบินต่อปี
  • จำนวนผู้โดยสารต่อวัน5,210 คน
  • สายการบินที่ให้บริการในเส้นทางบินภายในประเทศ5 สายการบิน
  • เป้าหมายการรองรับผู้โดยสารในอนาคต3 ล้านคนต่อปี
  • จำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศในฤดูหนาวที่ผ่านมาเกือบ 10,000 คน เดินทางผ่านเส้นทางกัวลาลัมเปอร์ – เชียงราย

บทสรุป

สนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย กำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภาคเหนือตอนบน โดยมีการขยายโครงสร้างพื้นฐานและเพิ่มเส้นทางบินระหว่างประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายด้านปริมาณเที่ยวบินและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมที่จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : GATC Thailand / ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ย้อนรอยเชียงราย “สร้างบ้านแปงเวียง” เทิดพญามังราย

เชียงรายจัดงานวัฒนธรรม ‘สร้างบ้านแปงเวียง พญามังรายหลวง’ เทิดพระเกียรติปฐมกษัตริย์แห่งล้านนา

เชียงราย, 3 มีนาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายจัดงานวัฒนธรรม “สร้างบ้านแปงเวียง พญามังรายหลวง” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพญามังรายหลวง ปฐมกษัตริย์แห่งล้านนา และเพื่อส่งเสริมการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เชิงประวัติศาสตร์ ศาสนา และศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-4 มีนาคม 2568 ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย หรือศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังแรก

พิธีเปิดงานอย่างยิ่งใหญ่

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 เวลา 18.00 น. ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน โดยมี นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย, นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย, หัวหน้าส่วนราชการ, หน่วยงานภาครัฐและเอกชน, เครือข่ายทางวัฒนธรรม และประชาชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

นายชรินทร์ ทองสุข กล่าวว่าการจัดงานครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพญามังรายหลวง เนื่องในวาระครบรอบ 763 ปีแห่งการก่อตั้งเมืองเชียงราย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภาคเหนือของไทยให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยว

กิจกรรมภายในงาน

งานวัฒนธรรม “สร้างบ้านแปงเวียง พญามังรายหลวง” มีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมความรู้และอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ประกอบด้วย:

  • นิทรรศการเทิดพระเกียรติพญามังรายหลวง
  • เสวนาทางประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับการสร้างบ้านแปงเวียงพญามังรายหลวง
  • การเรียนรู้และสาธิตภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เช่น งานหัตถกรรม การแกะสลักไม้ และงานเครื่องเงิน
  • การจำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน
  • การแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนา อาทิ การฟ้อนพื้นเมือง ดนตรีพื้นบ้าน และการแสดงโขน

วัตถุประสงค์ของการจัดงาน

การจัดงานวัฒนธรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ:

  1. เทิดพระเกียรติพญามังรายหลวง ปฐมกษัตริย์แห่งล้านนา ผู้ก่อตั้งเมืองเชียงราย
  2. เผยแพร่ความรู้ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป
  3. พัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม
  4. ส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย ผ่านการนำเสนอเอกลักษณ์ท้องถิ่น
  5. สนับสนุนผู้ประกอบการด้านศิลปวัฒนธรรม และผู้ผลิตสินค้าพื้นเมือง

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนนักท่องเที่ยวเชียงราย ปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 3.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มี 3.2 ล้านคน
  • รายได้จากการท่องเที่ยวในเชียงราย ปี 2567 อยู่ที่ 15,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.5% จากปี 2566
  • เชียงรายมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมกว่า 50 แห่ง รวมถึงวัดร่องขุ่น วัดพระแก้ว และอนุสาวรีย์พญามังรายหลวง

งานวัฒนธรรม “สร้างบ้านแปงเวียง พญามังรายหลวง” จึงถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้และสร้างคุณค่าทางประวัติศาสตร์ พร้อมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News