Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

‘สุดาวรรณ’ เยือนชุมชนปกาเกอะญอ จัดพื้นที่คุ้มครองวีถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์

 
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยได้เดินทางไปติดตามการดำเนินงานตามแนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวกะเหรี่ยง ณ ชุมชนปกาเกอะญอ บ้านห้วยหินลาดใน อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย โดยเยี่ยมชมและร่วมหารือกับชุมชนถึงแนวคิดการจัดการพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ของชุมชน เป็นต้นแบบให้กับชุมชน ชาติพันธุ์ในหลายพื้นที่
 
ในโอกาสนี้ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวภายหลังเยี่ยมชมการบริหารจัดการพื้นที่ชุมชนว่า “รู้สึกยินดีมาก ที่ได้มาเห็นรูปธรรมความสำเร็จของชุมชนพี่น้องปกาเกอะญอ บ้านห้วยหินลาดใน ซึ่งเป็นชุมชนที่ได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ตามมติคณะรัฐมนตรี 3 สิงหาคม 2553 ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ เพราะได้เห็นถึงแนวทางการจัดการที่ดีของชุมชน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของชุมชนชาติพันธุ์ที่สามารถพึ่งตนเองได้บนฐานทุนทางวัฒนธรรม ที่สำคัญ คือ การกำหนดเขตพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นแนวทางที่นอกจากจะทำให้ชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นแล้ว ยังทำให้ลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างชุมชนกับเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ และเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาติพันธุ์ด้วยมิติวัฒนธรรม ทำให้ชุมชนมีความมั่นคงในชีวิต สามารถทำธุรกิจและสร้างรายได้ได้อย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล จึงเห็นว่านี่เป็นรูปธรรมของการใช้พลังทางวัฒนธรรม หรือ Soft Power เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์”
 
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล กล่าวด้วยว่า “รัฐบาลภายใต้การนำของท่านนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน มีนโยบายที่ชัดเจนที่จะดูแลพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีงาน มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยได้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. …. ให้เป็นกฎหมายที่จะคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมศักยภาพของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่มในประเทศไทยอย่างเสมอภาคกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เชื่อว่าเมื่อกฎหมายนี้ประกาศใช้แล้วจะเป็นหลักประกันให้ชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์มีความมั่นคงในชีวิต สามารถประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืน ดำรงอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี มากไปกว่านั้น คือ เป็นประโยชน์กับประเทศที่เราจะได้โอบรับความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ไว้เป็นทุนทางวัฒนธรรมของชาติ ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ เพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนด้วยทุนทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ และทุนวัฒนธรรมที่หลากหลาย”
 
“ประโยชน์กับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่มในประเทศไทย และการที่ได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนชุมชนพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ บ้านห้วยหินลานใน ในวันนี้ นอกจากได้เห็นและให้กำลังใจพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์แล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะได้มาบอกกล่าวกับพี่น้องให้ได้ร่วมยินดีที่ในอีกเร็ววันนี้ที่เราจะมีกฎหมายคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ฉบับแรกของประเทศไทย” นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล กล่าวปิดท้าย
 
บ้านห้วยหินลาดใน เป็นชุมชนปกาเกอะญอ ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 ต.บ้านโป่ง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ชาวบ้านห้วยหินลาดในอยู่ที่นี่มานานกว่า 150 ปี ได้รับการประกาศเป็นพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ นำร่อง 1 ใน 4 พื้นที่ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 เรื่อง แนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวกะเหรี่ยง โดยชาวบ้านได้จัดทำข้อตกลงในการดูแลป่าชุมชนบนฐานวัฒนธรรมและข้อห้ามตามประเพณี ทำให้ชุนชนที่มีจำนวนชาวบ้านเพียงกว่าร้อยชีวิต สามารถรักษาผืนป่ากว่า 10,000 ไร่เอาไว้อย่างสมบูรณ์
 
นอกจากนี้ชุมชนยังประสบความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนโดยเฉพาะกาแฟ ชา และน้ำผึ้ง สร้างรายได้ให้กับชุมชนจำนวนมาก การจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนของชุมชนบ้านห้วยหินลานในได้รับการยอมรับจากในประเทศและต่างประเทศ โดยได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียว เมื่อปี 2548 และได้รับรางวัลชุมชนต้นแบบการจัดการทรัพยากรบนฐานวัฒนธรรมของชุมชนที่ประเทศมาเลเซียเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมาอีกด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

รมว.วัฒนธรรม เยี่ยมบ้านเมืองรวง ชุมชนโดดเด่นด้านเศรษฐกิจพอเพียง

 

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 ที่บ้านเมืองรวง ตำบลแม่กรณ์ อำเภอเมืองเชียงราย นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมลงพื้นที่เยี่ยมชุมชนคุณธรรมฯ บ้านเมืองรวง จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามผลการดำเนินโครงการกิจกรรมของกระทรวงวัฒนธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 – 2568 ระหว่างวันที่ 3 – 4 สิงหาคม 2567 ณ จังหวัดเชียงราย โดยมี นายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย นายธนรัช จงสุทธานามณี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม หัวหน้าและผู้แทนส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และชาวชุมชนชุมชนคุณธรรมฯ บ้านเมืองรวง เข้าร่วม

 
ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้กราบนมัสการพระพระณัฐวัฒน์ กิตฺติโสภโณ เจ้าอาวาสวัดท่าไคร้ บ้านเมืองรวง ต.แม่กรณ์ อ.เมือง จังหวัดเชียงราย และร่วมรับฟังผลการดำเนินงานของชุมชนคุณธรรมฯ บ้านเมืองรวง และเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์และสินค้าชุมชน
 
ทั้งนี้ ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านเมืองรวง อยู่ที่หมู่ 5 ตำบลแม่กรณ์ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เป็นชุมชนชาวไทยวนและมีชาติพันธุ์อาข่าอพยพมาอยู่ในชุมชนร่วมกันอย่างเอื้ออาทรและสามัคคี ชุมชนก่อตั้งประมาณปี พ.ศ. 2397 ผู้ริเริ่มสร้างหมู่บ้านครั้งแรก เป็นชาวลวงซึ่งเดินทางมาจากจังหวัดเชียงใหม่ โดยให้ชื่อหมู่บ้านว่า บ้าน “เมืองลวง” ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2527 ได้เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านเป็นบ้าน “เมืองรวง”
 
ชุมชนแห่งนี้มีความโดดเด่นด้านเศรษฐกิจพอเพียง ได้รับคัดเลือกเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ อยู่เย็น เป็นสุขดีเด่น ระดับเขตและระดับภาค ชุมชนต้นแบบจัดการขยะ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี และได้รับคัดเลือกจากกระทรวงวัฒนธรรมเป็น 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ“เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ต่อเนื่องกัน 2 ปี ได้แก่ ปี 2564 และ 2565 มีกิจกรรมท่องเที่ยววิถีชุมชน หมู่บ้านน่าอยู่ ผักปลอดสารพิษ ผลิตภัณฑ์และสินค้าชุมชน เช่น กาแฟ น้ำพริกตาแดงปลาช่อนป่น มะขามแก้ว ผลิตภัณฑ์จักสาน สบู่สมุนไพร และ “แหนมหมู”หรือ “จิ้นส้ม” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) ที่ขึ้นชื่อของชุมชนแห่งนี้ เพื่อจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวผ่านตลาดวัฒนธรรม“สุดสาย ยายกอง” และมีลานวัฒนธรรมสร้างสุข นำเสนอความเข้มแข็งของชุมชน ศิลปะและวัฒนธรรมประเพณีอันงดงามของชุมชน เช่น การแสดงฟ้อนเล็บ การแสดงชาติพันธุ์อาข่า เป็นต้น แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เช่น วัดท่าไคร้ วัดพุทธมิ่งโมลี และเทศกาล ประเพณีท้องถิ่น เช่น พิธีสงเคราะห์ทำบุญสืบชะตาหมู่บ้านเนื่องในประเพณีปี๋ใหม่เมือง ประเพณีตานก๋วยสลาก เป็นต้น
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE VIDEO

ขอแสดงความยินดีกับ ‘ทีมกาสะลองเงิน’ ของ “โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย” คว้าแชมป์ การประกวดรวมศิลป์พื้นบ้านภาคเหนือ ปี 2567

 

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2567  ที่เชียงใหม่ฮอลล์ เซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ต ทีมกาสะลองเงิน ของโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย คว้ารางวัลชนะเลิศการประกวดรวมศิลป์พื้นบ้านภาคเหนือ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พุทธศักราช 2567 เพื่อเชิดชูเกียรติการแสดงดนตรีและการแสดงพื้นบ้านของภาคเหนือ

 

ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธานและมอบรางวัลให้ทีมผู้ชนะในครั้งนี้ ทั้งนี้ การประกวดดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน “รวมศิลป์พื้นบ้านภาคเหนือ” ที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จัดประกวดขึ้นเพื่อถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมการแสดงและมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีอัตลักษณ์ในแต่ละภูมิภาคไปสู่สายตาประชาชน

ในปีนี้มีคณะที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ จำนวน 5 คณะ ประกอบด้วย

  1. คณะกาสะลองเงิน จากจังหวัดเชียงราย
  2. คณะร่มบัวสวรรค์ (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี) จากจังหวัดปทุมธานี
  3. คณะลูกน้ำของ (โรงเรียนอนุบาลเชียงของ) จากจังหวัดเชียงราย
  4. คณะยุ้งข้าวสตูดิโอ จากจังหวัดเชียงใหม่
  5. คณะต้นกล้าดาราภิรมย์ จากจังหวัดเชียงใหม่.

สำหรับการประกวดรวมศิลป์พื้นบ้านภาคเหนือนั้น ผู้เข้าประกวดจะต้องสร้างสรรค์ชุดการแสดงและการบรรเลง โดยนำเอาการแสดงพื้นบ้านภาคเหนือมาเรียงร้อยให้มีความเชื่อมโยงที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ วิถีชีวิต ความเชื่อ พิธีกรรม วรรณคดีและวรรณกรรม ที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคเหนือ โดยด้านดนตรี ให้เลือกเครื่องดนตรีที่เหมาะสมกับการแสดง เช่น วงสะล้อ ซอ ซึง กลองสะบัดชัย หรือเครื่องดนตรีอื่นๆ ที่เป็นดนตรีพื้นบ้านภาคเหนือ การแสดงพื้นบ้านร้อยเรียง เชื่อมโยงโดยอาศัยนาฏศิลป์พื้นบ้าน เช่น ฟ้อนดาบ ฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียน ฟ้อนสาวไหม หรือฟ้อนพื้นเมืองตามอัตลักษณ์ การแสดงท้องถิ่นของวัฒนธรรมในภาคเหนือ เป็นต้น

พร้อมทั้งการนำเสนอกิจกรรมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อบูรณาการให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของการแสดงพื้นบ้านภาคเหนือได้อย่างเหมาะสมและลงตัว และการบรรเลงดนตรีประกอบการขับร้องทำนองมีเนื้อหาการแสดงเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมต่างๆ ที่มีอยู่ในภาคเหนือ

 

ทั้งนี้ เกณฑ์การตัดสินจะพิจารณาจากด้าน 1. ดนตรี 2. การแสดง 3. การขับร้อง และ 4. กระบวนการบูรณาการ ซึ่งมีคณะกรรมการตัดสินเป็นผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ครอบคลุมทั้งด้านศิลปะการแสดง ด้านการแสดงพื้นบ้านภาคเหนือและด้านดนตรีพื้นบ้านล้านนา ด้านการบรรเลงและการประพันธ์เพลงสร้างสรรค์ดนตรีพื้นบ้านล้านนา ซึ่งการประกวด “รวมศิลป์พื้นบ้านภาคเหนือ” ในครั้งนี้มีผลการประกวดดังนี้

1. รางวัลชนะเลิศ ได้รับถ้วยพระราชทานในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัลจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จำนวน 100,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ได้แก่ คณะกาสะลองเงิน จังหวัดเชียงราย

2. รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้รับถ้วยรางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และเงินรางวัลจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จำนวน 80,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ได้แก่ คณะต้นกล้าดาราภิรมย์ จังหวัดเชียงใหม่

3. รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้รับถ้วยรางวัลจากปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และเงินรางวัลจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จำนวน 50,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ได้แก่ คณะร่มบัวสวรรค์ (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี) จังหวัดปทุมธานี

4. รางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล เงินรางวัลจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จำนวน 10,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ได้แก่ คณะลูกน้ำของ (โรงเรียนอนุบาลเชียงของ) จังหวัดเชียงราย และคณะยุ้งข้าวสตูดิโอ จังหวัดเชียงใหม่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE ECONOMY

‘เบียนนาเล่ เชียงราย’ เงินสะพัดกว่า 2.4 หมื่นล้าน นักท่องเที่ยว 2.7 ล้านคน

 

เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 นายประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาล โดย กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มอบหมายให้สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) จัดงานมหกรรมศิลปะนานาชาติไทยแลนด์เบียนนาเล่ เชียงราย ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 -30 เมษายน2567 โดยได้มีการประชุมเพื่อสรุปผลการดำเนินงาน พบว่า การดำเนินงานเป็นหลักสำคัญในการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ ทั้งด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว และด้านการส่งเสริมเทศกาล หรือเฟสติวัล ซึ่งจากการเก็บข้อมูล ของ สศร. ร่วมกับ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สรุป ยอดผู้เข้าชมงาน จัดแสดง ใน 3 ส่วนสำคัญ ณ วันที่ 21 เมษายน รวมจำนวน 2,790,964 คน โดยแบ่งเป็นเข้าชมนิทรรศการหลัก แสดงผลงานศิลปะการจัดวางเฉพาะพื้นที่ของศิลปิน 60 คนในเขต อ.เมือง อ.เชียงแสน และอ.แม่ลาว จำนวน 17 จุด จำนวน 714,235 คน ส่วนที่ Pavilion หรือ ศาลา แสดงผลงานนิทรรศการกลุ่มของศิลปิน พิพิธภัณฑ์ และองค์กรต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ 13 แห่ง มีผู้เข้าชมจำนวน 42,893 คน และในส่วน Collateral Events กิจกรรมพิเศษ มีผู้เข้าชม จำนวน 2,033,836 คน มีการเข้าถึงสื่อประชาสัมพันธ์ออนไลน์ ทาง Facebook Instagram YouTube TikTok จำนวนมากเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นของมิติศิลปะ รวม 22,403,688 ครั้ง และมีการปฏิสัมพันธ์ทางสื่อโซเชียลเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว

 

นายประสพ กล่าวอีกว่า ขณะที่การเก็บข้อมูลตัวเลขเชิงเศรษฐกิจ จาก การประมาณการของสำนักงานสถิติแห่งชาติ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พบว่า มีนักท่องเที่ยว ใน จ.เชียงรายเพิ่มมากขึ้น ร้อยละ 11 เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนไม่ต่ำกว่า 24,000 ล้านบาท เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจในพื้นที่ ในช่วงการจัดงาน มีการจ้างงาน 8,000 กว่าอัตรา โดยเป็นการจ้างในระบบประกันสังคม 844 อัตรา ชุมชนได้รับประโยชน์จากการจัดงาน 560 ชุมชน มีศิลปินทั้งในและต่างประเทศตั้งใจมาชมงานนี้โดยตรง 1,000 กว่าคน มี สถาบันการศึกษาทุกระดับมาดูงาน เกิน 500 กว่าแห่ง จึงเห็นภาพของจำนวนคนและการเข้าถึงงานเป็นอย่างมาก ซึ่ง นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ในฐานะผู้นำการจัดงาน แสดงข้อคิดเห็นว่า ต่อไป ไม่ต้องมีคำอธิบายแล้วว่า ไทยแลนด์เบียนนาเล่คืออะไร เพราะคนไทยมีความเข้าใจ และเข้าถึงงานศิลปะแล้ว และที่สำคัญ ได้เกิดการทำงานร่วมระหว่างหน่วยงานรัฐ ศิลปินไทย และต่างชาติ ช่างฝีมือ ลูกมือทำงาน เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ และถ่ายทอดองค์ความรู้ ระหว่างกันทำให้ศิลปิน และชาวชุมชนทุกที่มีความผูกพัน และมีความภูมิใจที่ได้ทำงานศิลปะระดับโลกให้เกิดขึ้นในประเทศไทย

 

“ผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นเกินความคาดหวัง เกิดผลทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม อย่างไรก็ตาม สศร. จะมีการถอดบทเรียนจากการจัดงานครั้งนี้ ไปทำการศึกษาวิจัย เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาการจัดงานในครั้งต่อไป ที่ จ.ภูเก็ต ในปี 2568 และจะมีการสรุปข้อมูลภาพรวมอย่างเป็นทางการโดย สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. หลังการจัดงาน ในระยะเวลา 3 เดือน เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป” ผอ.สศร.

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

วัฒนธรรมเชียงราย โชว์เหนือ คว้าโล่รางวัลชุมชนต้นแบบ 3 ปีติด

 

เมื่อวันจันทร์ที่ 22 เมษายน 2567 ณ หอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรมกระทรวงวัฒนธรรมจัดพิธีมอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ 10 สุดยอด ชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดย  นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยมีนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้นำชุมชน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วม ณ หอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม

 ทั้งนี้ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้ นางสุภาพรรณ  หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายพิสันต์  จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เข้ารับโล่รางวัลผู้สนับสนุนการขับเคลื่อนชุมชนฯ

 

ในการนี้ พระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา และนายอานนท์  สมพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านสบคำ เข้ารับโล่รางวัล 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

 

ในโอกาสนี้ ชุมชนคุณธรรมฯ วัดพระธาตุผาเงา (บ้านสบคำ) ได้นำทุนทางวัฒนธรรมของชุมชนมาพัฒนาต่อยอดสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรือ Soft Power ด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดคุณค่าและมูลค่าอย่างสร้างสรรค์ โดยร่วมจัดแสดงนิทรรศการ สาธิตภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม และนำผลิตภัณฑ์ชุมชน อาทิ ผ้าทอล้านนาลายอัตลักษณ์เชียงแสน และสมุนไพรวัดพระธาตุผาเงา มาร่วมจัดแสดงในงานดังกล่าวด้วย

 

ทั้งนี้ จังหวัดเชียงรายโดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กำหนดจัดพิธีเปิดสุดยอดชุมชนคุณธรรมต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ชุมชนคุณธรรมฯ วัดพระธาตุผาเงา (บ้านสบคำ) โดยได้รับเกียรติจาก นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม จะมาเป็นประธานในพิธีฯ ในวันเสาร์ที่ 27 เมษายน 2567 เวลา 9.00 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณลานจอดรถ1 วัดพระธาตุผาเงา ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย กิจกรรมประกอบด้วย การแสดงศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้าน อาทิ การขับทุ้ม การตีกลองหลวง การเต้นบาสโลบ เป็นต้น การสาธิตภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม อาทิ วิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ไท-ลาว การบายศรีสู่ขวัญ อาหารพื้นบ้าน ภูมิปัญญาของโรงเรียนสามวัยวัดพระธาตุผาเงา ฯลฯนิทรรศการของส่วนราชการ ชุมชนต่างๆ ชมและช้อปสินค้าทางวัฒนธรรม CPOT และสินค้าชุมชนในตลาดวัฒนธรรม “อิ่มบุญ ยลวิถีผาเงา” และลานวัฒนธรรมสร้างสุข

          จังหวัดเชียงราย เป็นจังหวัดเดียวที่ได้รับการคัดเลือกสุดยอดชุมชนคุณธรรมต้นแบ “เที่ยวชุมชนยลวิถี” ติดต่อกัน 3 ปี คือ พ.ศ.2564 ชุมชนวัดท่าข้ามศรีดอนชัย อ.เชียงของ, พ.ศ.2565 ชุมชนบ้านเมืองรวง อ.เมืองเชียงราย และ พ.ศ.2566 ชุมชนวัดพระธาตุผาเงา(บ้านสบคำ) อ.เชียงแสน

ความศักดิ์สิทธิ์ของวัดพระธาตุผาเงาตามความเชื่อของชาวบ้านนั้น เชื่อกันว่าหากใครเจ็บไข้ได้ป่วยแล้วมาสักการบูชาที่วัดนี้ อาการป่วยก็จะทุเลาลงและหายในที่สุดอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

ตั้งอยู่บ้านสบคำ ตำบลเวียง สันนิษฐานว่าเป็นวัดที่สำคัญในสมัยอาณาจักรโยนก เดิมชื่อว่า วัดสบคำ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ต่อมาถูกกระแสน้ำพัดพังทลายลงเกือบหมดวัดจึงได้สร้างวัดขึ้นมาใหม่ ปี พ.ศ. 2519 มีการปรับพื้นที่บริเวณวัดใหม่จึงมีการขุดพบพระพุทธรูป อายุระหว่าง 700-1,300 ปี จึงได้เรียกพระพุทธรูปว่า “หลวงพ่อผาเงา” คำว่า “ผาเงา” หมายถึง เงาของก้อนผาหรือก้อนหิน ซึ่งมีขนาดใหญ่ทรงคล้ายเจดีย์ เวลาพระอาทิตย์ส่องผ่านก้อนหินทำให้เกิดเงาขนาดใหญ่ ชาวบ้านจึงเรียกว่า “พระธาตุผาเงา”

 

สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ – พระอุโบสถ เป็นอาคารไม้แกะสลักด้วยไม้สักทอง สถาปัตยกรรมแบบล้านช้างผสมผสานล้านนา ภายในประดิษฐาน พระเชียงแสนสิงห์ 1 เป็นพระประธาน มีพุทธลักษณะงดงาม มีจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ – หอพระบรมฉายามหาราชพุทธิรังสรรค์ ภายในมีอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราชและพระฉายาลักษณ์ของราชวงศ์ รวมทั้งบุคคลสำคัญที่มาเยือนวัดพระธาตุผาเงา – วิหารหลวงพ่อผาเงา ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหลวงพ่อผาเงา

 

ซึ่งถูกขุดพบเมื่อมีการปรับแต่งพื้นที่ของวัดมีพุทธลักษณะงดงาม จึงตั้งชื่อว่า “หลวงพ่อผาเงา” และเปลี่ยนชื่อวัดใหม่จากเดิมที่ชื่อวัดสบคำ มาเป็นวัดพระธาตุผาเงา – พระธาตุผาเงา ตั้งอยู่บนยอดหินก้อนใหญ่ คำว่าผาเงา ก็คือเงาของก้อนหิน มีลักษณะสูงใหญ่คล้ายรูปทรงเจดีย์และสร้างร่มเงาได้ดีมาก – พระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ ตั้งอยู่บนยอดเขา เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่สร้างครอบองค์พระธาตุเจ็ดยอดที่เหลือแต่ซากฐาน สูง 5 เมตร ภายในยังมีฐานของพระธาตุเจ็ดยอดองค์เดิมและมีภาพเขียนฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวพระราชประวัติพระนางจามเทวี ด้านนอกสามารถเดินรอบได้ลักษณะคล้ายป้อมปราการ

 

สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงามได้โดยรอบ – สกายวอร์กผาเงา 3 แผ่นดิน ตั้งอยู่ใกล้กับพระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ ห่างจากแม่น้ำโขงประมาณ 400 เมตร เป็นสะพานกระจกรูปแปดเหลี่ยม มีความสูง 25 เมตร ทางเข้าและออกเชื่อมต่อกับถนนรอบพระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ เป็นทางเดินพื้นกระจกนิรภัยลามิเนตและโลหะ สามารถเห็นวิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำโขงทั้งฝั่งไทย และบ้านดอนสะหวัน เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

 

มีบริการรถรับส่งบริเวณลานจอดรถหน้าพระอุโบสถ อัตราค่าเข้าชม สกายวอร์ก วัดพระธาตุผาเงา ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็กสูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร ไม่มีค่าใช้จ่าย จำกัดจำนวนผู้เข้าชมรอบละ 10

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

แข่งขันกลองปู่จานครลำปางชิงถ้วยรางวัลพระราชทาน ครั้งที่ 20

 

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2567 เวลา 18.30 น. ดร.ลาลีวรรณ กาญจนจารีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีเปิดการแข่งขันตีก๋องปู่จานครลำปางชิงถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ครั้งที่ 20 ประจำปี พ.ศ. 2567 ในงานสลุงหลวง กลองใหญ่ ปีใหม่เมือง นครลำปาง ประจำปี 2567 โดยมีนายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวต้อนรับ นางกาญจนี อุดมกุลวณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการคลังปิโตรเลียม บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) กล่าวให้การสนับสนุน

 

นางกรวรรณ สุ่มมาตย์ วัฒนธรรมจังหวัดลำปาง กล่าวรายงานฯ รศ.ดร.สุพรรณี ฉายะบุตร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลำปาง นายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม นางจิตรี จิวะสันติการ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดลำปาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง หัวหน้าส่วนราชการ วัฒนธรรมจังหวัด 16 จังหวัดภาคเหนือ ภาคเอกชน สภาวัฒนธรรมอำเภอ 13 อำเภอ และภาคีเครือข่ายวัฒนธรรม

 

การแข่งขันตีก๋องปู่จานครลำปาง บูรณาการความร่วมมือระหว่างสภาวัฒนธรรมจังหวัดลำปาง สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำปาง สมาคมก๋องปู่จาและศิลปะการแสดงพื้นบ้านนครลำปาง สภาวัฒนธรรม 13 อำเภอ เครือข่ายก๋องปู่จา 13 อำเภอ ร่วมกับบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) เพื่อสืบสานวัฒนธรรมประเพณีตีก๋องปู่จานครลำปางในกลุ่มเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง และร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูประเพณีตีก๋องปู่จา ซึ่งเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นให้ดำรงอยู่สืบไป ณ ลานศาลหลักเมือง และสนามหน้าพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้เมืองลำปาง (มิวเซียมลำปาง) อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง

 

สำหรับผลการแข่งขันตีก๋องปู่จานครลำปาง ชิงถ้วยพระราชทานฯ ดังนี้

1.รางวัลชนะเลิศพร้อมถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท

  • อำเภอห้างฉัตร

2.รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 รางวัล 40,000 บาท

  • อำเภองาว

3.รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 รางวัล 30,000 บาท

  • อำเภอเกาะคา

รางวัลชมเชย 10 รางวัล รางวัล 25,000บาท

  • อำเภอเมืองลำปาง
  • อำเภอแจ้ห่ม
  • อำเภอแม่พริก
  • อำเภอเสริมงาม
  • อำเภอสบปราบ
  • อำเภอวังเหนือ
  • อำเภอแม่ทะ
  • อำเภอเถิน
  • อำเภอเมืองปาน
  • อำเภอแม่เมาะ

รางวัลขวัญใจมหาชน รางวัลละ 5,000 บาท

  • อำเภอแจ้ห่ม

โดยจังหวัดลำปาง โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำปาง ร่วมบูรณาการกับสภาวัฒนธรรมจังหวัดลำปาง บริษัท ปตท.น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) และภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน กำหนดจัดงานสลุงหลวง กลองใหญ่ ปีใหม่เมือง นครลำปาง ประจำปี พ.ศ. 2567 ระหว่างวันที่ 7 – 13 เมษายน 2567 โดยมีพิธีเปิดการแข่งขันกลองปู่จานครลำปางชิงถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ครั้งที่ 20 ในงานสลุงหลวง กลองใหญ่ ปีใหม่เมือง นครลำปาง ประจำปี พ.ศ. 2567 ในวันจันทร์ที่ 8 เมษายน 2567 ณ ลานศาลหลักเมืองนครลำปาง และสนามหน้าพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้เมืองลำปาง (มิวเซียมลำปาง) อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ซึ่งมีกิจกรรมสำคัญ ดังนี้

  1. กิจกรรมข่วงแก้วเวียงละกอน และถนนสายวัฒนธรรม
  2. ขบวนอัญเชิญรางวัลพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
  3. การแข่งขันตีก๋องปู่จานครลำปางชิงถ้วยรางวัลพระราชทานฯ
  4. พิธีมอบรางวัลพระราชทานฯ และบันทึกภาพร่วมกัน
  5. การแสดงศิลปวัฒนธรรมของเด็กและเยาวชนจังหวัดลำปาง
  6. การจำหน่ายสินค้าทางวัฒนธรรม และผลิตภัณฑ์ชุมชน

ซึ่งนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายสุพจน์ ทนทาน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ และนายพร้อมพงษ์ ทาสิทธิ์ ข้าราชการและบุคลากรสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมกิจกรรมฯ ดังกล่าว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เที่ยวสงกรานต์ เชียงรายเบียนนาเล่สาดศิลป์ สาดสุข ลุ้นรับรางวัล

 

สายอาร์ตห้ามพลาด !! เที่ยวสงกรานต์เชียงราย สนุกสนานสราญศิลป์ ในงานไทยแลนด์เบียนนาเล่ และร่วมสนุกกับกิจกรรม “สาดศิลป์ สาดสุข สนุกกับเบียนนาเล่”  ลุ้นรับรางวัล สุดชีค Limited Edition มากมาย

 

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว วธ) เปิดเผยว่า เทศกาลสงกรานต์เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ที่เดินทางมาท่องเที่ยวเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ความประทับใจ ในสีสันบรรยกาศ ความรื่นเริง สนุกสนาน การละเล่นและวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละภูมิภาคในประเทศไทย ประกอบกับขณะนี้กระทรวงวัฒนธรรม 

 

โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ร่วมกับจังหวัดเชียงรายได้จัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ หรือไทยแลนด์เบียนนาเล่เชียงราย ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 ซึ่งมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย และมีผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมากเกือบ 3,000,000 คนแล้ว จึงเชิญชวนผู้สนใจไปเที่ยวชมต่อจนกว่าจะจบงาน ซึ่งในช่วงวันที่ 6-7 เมษายน จะมีงาน “กวาคีลา : เป่า ร้อง กลอง รำ เปิดโลกวิถีวัฒนธรรมดนตรีชาติพันธุ์เมืองเชียงราย” เป็นกิจกรรมการแสดงดนตรีชาติพันธุ์ ส่วนหนึ่งของการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ภายใต้ความร่วมมือกับผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.องอาจ อินทนิเวศ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย   ควบคู่ไปกับนิทรรศการศิลปะจากศิลปินระดับโลก

 

รมว วธ กล่าวต่อว่า เพื่อให้คนเดินทางไปเที่ยวเชียงรายได้มีโอกาสชมงานศิลปะระดับโลกไปพร้อมๆ กับการเที่ยวงานสงกรานต์ที่เชียงราย กระทรวงวัฒนธรรมและจังหวัดเชียงราย จึงจัดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกลุ้นรับรางวัล โดยขอเชิญผู้ที่เดินทางไปเที่ยวเชียงราย ระหว่างวันที่ 13 – 15 เมษายน 2567 นี้ ไปเชียงราย แล้วอย่าลืมแวะชมงานศิลปะ ในจุดแสดงงานไทยแลนด์เบียนนาเล่เชียงราย แล้วถ่ายภาพ/ถ่ายคลิปที่มีภาพตัวท่านเองคู่กับงานศิลป์ และโพสต์/แชร์บนเฟซบุ๊ก หรืออินสตาแกรม ตั้งค่าสาธารณะ ติดแฮชแทค ตามนี้ 

#thailandbiennalechiangrai2023
#thailandbiennale
#สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ไฮไลต์ ‘เบียนนาเล่ เชียงราย’ 6-7 เม.ย. 67 ดนตรีของ 10 ชาติพันธุ์

 

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า งานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ประสบความสําเร็จอย่างดงามด้วยความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วน รวมถึงการสนับสนุนจากคนไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาเที่ยวชมงานศิลปะที่จัดแสดงในสถานที่สําคัญซึ่งเชื่อมโยงแหล่งเที่ยวของจังหวัดเชียงราย ด้วยนิทรรศการหลักและกิจกรรมคู่ขนานที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนสิ้นสุดโครงการในวันที่ 30 เมษายน 2567

 

นายเสริมศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกิจกรรมคู่ขนานสำคัญในช่วงปลายเดือนมีนาคม จนถึงช่วงต้นเดือนเมษายน 2567 ได้แก่

1) งาน “Chiangrai Cosplay summer meeting 2024” วันที่ 30 มีนาคม 2567 โดยกลุ่มเยาวชนคอสเพลย์เชียงราย (Chiangrai Cosplay Club) ซึ่งเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์และพัฒนาทักษะความสามารถด้านศิลปะของคนรุ่นใหม่ที่มารวมตัวกันสร้างสรรค์กิจกรรม พร้อมออกบูธจำหน่ายของสะสมและของที่ระลึก ณ บริเวณลานใต้ต้นจามจุรี หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CIAM) 

 

2) ข่วง Crafts โดยจาก Craftsman Cafe & Spaces เครือข่ายศิลปะร่วมสมัยในจังหวัดเชียงราย ที่ตั้งใจเปิดพื้นที่ให้ผู้สร้างงานศิลปะได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน โดยจัดกิจกรรมต่อเนื่องทุกวันเสาร์ – อาทิตย์แรกของเดือน นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 เป็นต้นมา เช่น กิจกรรม Workshop โดยสมาชิกศิลปินสมาชิก งาน Paint โมเดลจิ๋ว, การระบายสีน้ำ, งานผ้า และงานเพนต์ก้อนหิน โดยล่าสุดข่วง Crafts ร่วมกับ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 และ สสส. จัดกิจกรรม “ปิดเทอมสร้างสรรค์ อัศจรรย์วันว่าง” เพื่อเปิดโอกาสการเรียนรู้ทางศิลปะให้แก่เยาวชนในช่วงปิดเทอมได้เข้าร่วม Class เรียนศิลปะสำหรับเด็ก เรียนรู้พื้นฐานเส้น การเล่นสี การวาดรูปและฝึกใช้จินตนาการสร้างผลงานศิลปะขั้นพื้นฐาน ในวันที่ 30-31 มีนาคม 2567 ณ Craftsman Cafe And Spaces หมู่บ้านลานทอง จังหวัดเชียงราย

 

นายเสริมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า 3) กิจกรรมไฮไลต์สำคัญ คือ เทศกาลดนตรีชาติพันธุ์ “กวาคีลา : เป่า ร้อง กลอง รำ เปิดโลกวิถีวัฒนธรรมดนตรีชาติพันธุ์เมืองเชียงราย” ซึ่งเป็นการแสดงดนตรีของ 10 ชาติพันธุ์เมืองเชียงราย ได้แก่ กลุ่มชาติพันธุ์ อาข่า อิ้วเมี่ยน ม้ง ลีซู ลาหู่ บาเกียว ปกาเกอะญอ ดาราอ้าง  คะฉิ่น ขมุ และลัวะ ในวันที่ 6-7 เมษายน 2567 ภายใต้ความร่วมมือของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.องอาจ อินทนิเวศ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กิจกรรมการสร้างสรรค์ศิลปะร่วมสมัยที่จะเนรมิตบรรยากาศของหอศิลป์   ร่วมสมัยเมือง เชียงราย (CIAM) ให้อบอวลไปด้วยเสียงดนตรีอันเป็นเครื่องมือสื่อสารวิถีวัฒนธรรม อันหลากหลาย จากกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยกิจกรรมทีน่าสนใจในเทศกาล  เช่น นิทรรศการให้ความรู้เรื่องดนตรีชาติพันธุ์ของแต่ละกลุ่ม การแสดงดนตรีพื้นเมืองจากวงดนตรีนักเรียน  ในจังหวัดเชียงราย การแสดงดนตรีจากวงดนตรีกลุ่มชาติพันธุ์ร่วมสมัย การเสวนาจากนักวิชาการด้านดนตรี การเสวนาจากปราชญ์ชาติพันธุ์ท้องถิ่น การออกร้านจำหน่ายอาหารและสินค้าของกลุ่มชาติพันธุ์ และกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านชาติพันธุ์ โดยรอบบริเวณงาน ขอเชิญชวนคนรุ่นใหม่สายอาร์ตมาร่วมกิจกรรม Collateral Event เปิดมุมมองใหม่ ส่งเสริมเศรษฐกิจและภาคภูมิใจไปกับอัตลักษณ์ของเมืองเชียงราย ในงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ซึ่งยังคงจัดต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 นี้

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
All

Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 มียอดผู้เข้าชมงานพุ่งกว่า 1.6 ล้านคน

 
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้ประชุมหัวหน้าส่วนราชการและองค์การมหาชนในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๗ โดยที่ประชุมได้รับรายงานจากสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) เกี่ยวกับผลการจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 – 30 เมษายน 2567 ภายใต้แนวคิด “เปิดโลก” (The open World) ได้แรงบันดาลใจจากพระพุทธรูปปางเปิดโลกที่โบราณสถาน วัดป่าสัก อำเภอเชียงแสน โดยคัดเลือกผลงานจากศิลปิน 60 คน จาก 23 ประเทศทั้งไทยและประเทศต่างๆ ทั่วโลกร่วมจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัย ซึ่งช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีผู้เข้าชมงานและร่วมกิจกรรมภายในงานนี้ทั้งหมดกว่า 1,600,000 คน
 
 
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า การจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยและกิจกรรมในงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 
 
1) นิทรรศการหลัก แสดงผลงานศิลปะการจัดวางเฉพาะพื้นที่ (Site Specific Installation) จัดแสดงในเขตอำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่ลาวและอำเภอเชียงแสน 
2) ศาลา (Pavilion) แสดงผลงานนิทรรศการกลุ่มของศิลปิน พิพิธภัณฑ์ และองค์กรต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 10 แห่งในอำเภอเมืองเชียงรายและอำเภอใกล้เคียง 
และ3) Collateral Events เป็นกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นในช่วงงาน เช่น ดนตรีชาติพันธุ์ งานฉายภาพยนตร์ การแสดงอื่นๆและการเยี่ยมชมบ้านหรือสตูดิโอของศิลปินในจังหวัดเชียงรายตามอำเภอต่างๆ 
 
 
ซึ่ง วธ.โดยสศร.จะร่วมกับหน่วยงานรัฐ เอกชนและเครือข่ายศิลปินและศิลปินชาวไทยและชาวต่างชาติดำเนินการจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยและกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 เช่น นิทรรศการ My Bulgarian Neighbor “Melting” Seventh Layer กิจกรรม OPEN WORLD CINEMA – Hours of ours กิจกรรมดนตรีชาติพันธุ์ “กวาคีลา : เป่า ร้อง กลอง รำ เปิดโลกวิถีวัฒนธรรมดนตรีชาติพันธุ์เมืองเชียงราย และนิทรรศการทัวร์เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนเฮือนโบราณ เจียงฮาย เป็นต้น
 
 
น่ายินดีที่มีชาวไทยและชาวต่างชาติ คณะบุคคลต่างๆมาเข้าชมและร่วมกิจกรรมในงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 เป็นจำนวนมาก ช่วงเวลาของการจัดงานที่เหลือกว่า 1 เดือน ขอเชิญชวนคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวชมงานเพื่อศึกษาเรียนรู้งานศิลปะร่วมสมัย ซึ่งเป็นหนึ่งใน Soft Power 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่รัฐบาลมุ่งส่งเสริมเพื่อสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนและชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ ตลอดจนเสริมสร้างภาพลักษณ์ และยกระดับบทบาทด้านศิลปวัฒนธรรมของไทยในเวทีโลกและพัฒนางานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยไทยสู่ความเป็นสากล” นายเสริมศักดิ์ กล่าว
 
 
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อไปว่า นอกจากงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 แล้ว ช่วงเดือนมีนาคม 2567 สศร.จัดกิจกรรมแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยอื่นๆ อาทิ นิทรรศการศิลปะ “ลายมือ” ของนายแสงมณี แสงบุญ ศิลปินและดีไซน์เนอร์มืออาชีพผู้มีผลงานสร้างสรรค์ห้องเสื้อ “แสงบุญ” เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการของแฟชั่น โดยนำผลงานศิลปะที่แสดงเรื่องราวซึ่งมีที่มาจากจิตภายในสู่ภายนอก ต่อเส้นสายจากใจสู่มือ ถ่ายทอดผ่านลายมือ ลายเส้น ทั้งขาวดำและสีสัน ออกมาเป็นผลงานศิลปะอันมีเสน่ห์ 
 
 
โดยจัดแสดงตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 ณ เฮินศิลป์ใจ๋ยอง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ และนิทรรศการ “1+2 CNX” นำเสนอผลงานศิลปะของศิลปินชั้นครู ผู้มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ได้แก่ ศาสตราจารย์เกียรติคุณพงศ์เดช ไชยคุตร นายพีระพงษ์ ดวงแก้วและนางสาวราษี ศรบรรจง โดยเป็นการส่องสะท้อนนิเวศทางศิลปะและวัฒนธรรมผ่านทักษะฝีมือของศิลปินชั้นครูทั้ง 3 ท่าน เปิดให้เข้าชมตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 30 มีนาคม 2567 ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งกิจกรรมเสพศิลป์…ฟินอาร์ต เช่น กิจกรรมฟื้นชีวิตเรือนพื้นถิ่นโบราณเชื่อมประสานเศรษฐกิจชุมชน จัดขึ้นตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 28 เมษายน 2567 ณ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง กิจกรรมดนตรีในสวนป่า ครั้งที่ 3 จัดขึ้นวันที่ 23 มีนาคม 2567 ณ อุ้มฮุ่มโฮมสเตย์และสวนป่าเกษตรอินทรีย์ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

“พิสันต์” ยืนยันสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ประชาชนร่วมได้ 23 – 24 มี.ค. 67 นี้

 

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2567 ที่วัดพระธาตุดอยตุง ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย และนายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานสืบสานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ประจำปี 2567 “2006 ปีสืบมา หกเป็งล่องฟ้า ไหว้สาพระธาตุดอยตุง” โดยมี นายอำเภอแม่จัน หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงาน และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าว

 

การจัดงานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุงของทุกปีตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 หรือเดือน 6 เหนือ จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมด้านศาสนาของพุทธศาสนิกชน สืบทอดประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามที่มีมาแต่อดีต อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมในการพัฒนาด้านจิตใจให้เกิดคุณธรรมจริยธรรมอย่างยั่งยืน ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะคนที่เกิดปีกุล โดยกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 23 – 24 มีนาคม 2567 นี้ ภายในงานได้กำหนดให้มีกิจกรรมคือ ในวันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567 ช่วงเช้าเป็นพิธีเดินจาริกแสวงบุญธรรมยาตราของพุทธศาสนิกชน จะร่วมเดินจาริกจากอนุสาวรีย์ครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดศาลาเชิงดอย ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย ไปตามเส้นทางเดินเท้าสายเดิม ขึ้นไปยังวัดพระธาตุดอยตุง รวมระยะทาง 9 กม. เพื่อสักการะพระบรมสารีริกธาตุกระดูกไหปลาร้า (พระรากขวัญเปื้องข้าย) ของพระสัมมาพระพุทธเจ้า ส่วนช่วงบ่ายเป็นพิธีตักน้ำทิพย์สรงพระธาตุดอยตุง เพื่อนำน้ำทิพย์เข้าร่วมพิธีสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ซึ่งอาณาบริเวณโดยรอบพระธาตุดอยตุงเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน ปรากฏบ่อน้ำศักดิ์สิทธิอายุนับพันกว่าปี และบ่อน้ำศักด์สิทธิ์เป็นหนึ่งในสถานที่ตักน้ำประกอบพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 
 

ในพิธีดังกล่าวยังได้จัดให้มีพิธีขบวนแห่น้ำสรงพระราชทานและสิ่งของพระราชทาน โดยเคลื่อนขบวนจากเทศบาลตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย มุ่งสู่ วิหารวัดน้อยดอยตุง และช่วงค่ำเป็นพิธีสมโภช เทศน์สวดเบิก โดยพระสงฆ์ 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์สมโภชน้ำทิพย์ ส่วนในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2567 ในช่วงเช้าเป็นพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เริ่มในเวลาประมาณ 05.00 น. ณ บริเวณวัดน้อยดอยตุง ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย โดยมีพระสงฆ์และสามเณร จำนวน 50 รูป ออกรับบิณฑบาตรับข้าวสารอาหารแห้ง จากนั้นต่อด้วยพิธีบวงสรวงพระธาตุดอยตุง เริ่มในเวลาประมาณ 07.00 น. ณ บริเวณพระธาตุดอยตุง พร้อมขบวนเครื่องสักการะพระธาตุดอยตุง และพิธีสืบชะตาหลวงล้านนา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ร่วมงาน โดยมีพระสงฆ์ 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์ลืบชะตาหลวงล้านนา และพิธีสุดท้ายเป็นพิธีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ถือเป็นหัวใจสำคัญของการจัดงาน เป็นการนำเครื่องสักการะซึ่งผู้เข้าร่วมงานพุทธศาสนิกชน ได้เข้าร่วมขบวนมาถวายเป็นพุทธบูชาต่อองค์พระธาตุเจ้าดอยตุง เป็นสิริมงคลต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงพระราชทานสิ่งของเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาในครั้งนี้อีกด้วย

 

โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้

วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567

       เวลา 06.00 น. กิจกรรมเดินจาริกแสวงบุญ ธรรมยาตราของพุทธศาสนิกชนร่วมเดินจาริกจากอนุสาวรีย์ครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดศาลาเชิงดอย ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย ไปตามเส้นทางเดินเท้าสายเดิม เข้าสู่วัดพระธาตุดอยตุง

       เวลา 13.00 น. พิธีตักน้ำ ณ บ่อน้ำทิพย์ วัดน้อยตอยตุง เพื่อเตรียมใช้สรงน้ำพระธาตุดอยตุง

       เวลา 13.00 น. ขบวนเชิญน้ำสรงพระราชทานและสิ่งของพระราชทาน เคลื่อนขบวนจากเทศบาลตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย มุ่งสู่ วิหารวัดน้อยดอยตุง

       เวลา 17.00 น. พิธีเจริญพระพุทธมนต์ และสวดเบิกสมโภชน้ำทิพย์ น้ำสรงพระราชทาน ผ้าห่มพระธาตุพระราชทาน และผ้าไตรพระราชทาน ณ วิหารวัดน้อยดอยตุง

 

วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2567

       เวลา 05.00 น. พิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ณ บริเวณวัดน้อยดอยตุง

       เวลา 07.00 น. พิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ บริเวณพระธาตุดอยตุง

       เวลา 08.00 น. ขบวนเครื่องสักการะพระธาตุดอยตุง ขบวนอัญเชิญสิ่งของพระราชทาน อาทิ น้ำสรงพระราชทาน ผ้าห่มพระธาตุดอยตุงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และเครื่องสักการะ ต่าง ๆ ตามจารีตประเพณีล้านนา ขบวนพุทธศาสนิกชน 18 อำเภอ ขบวนฟ้อนเล็บเชียงราย ขบวนชาติพันธุ์ เคลื่อนจากวัดน้อยดอยตุงขึ้นสู่ลานพระธาตุดอยตุง

       เวลา 09.00 น. พิธีสืบชะตาหลวงล้านนา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้เข้าร่วมงาน

       เวลา 09.39 น. พิธีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง นำโดย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีฯ

       จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน ข้าราชการและประชาชน ร่วมงานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ประจำปี 2567 “2006 ปีสืบมา หกเป็งล่องฟ้า ไหว้สาพระธาตุดอยตุง” โดยพร้อมเพรียงกัน

 

พระธาตุดอยตุง ปฐมธาตุเจดีย์แห่งล้านนา สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1454 สมัยพระเจ้าอชุตราชแห่งโยกนาคพันธุ์นคร ประดิษฐานพระรากขวัญเบื้องซ้ายและพระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า มีประเพณีสักการะและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง เป็นประจำทุกปี ในวันเพ็ญเดือน 6 (เหนือ) หรือตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ของภาคกลาง โดยในการจัดงานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ประจำปี 2567 ในครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ น้ำสรงพระธาตุดอยตุงสำหรับประกอบพิธี และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทาน น้ำสรงพระธาตุดอยตุง ผ้าห่มพระธาตุดอยตุง และผ้าไตร เพื่อประกอบพิธีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ประจำปี 2567

 

ทั้งนี้หากท่านใดสนใจเข้าร่วมงาน สามารถติดตามข่าวสารการจัดงาน และรับชมถ่ายทอดสดการจัดกิจกรรม งานสืบสานประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยตุง ประจำปี 2567 “2006 ปีสืบมา หกเป็งล่องฟ้า ไหว้สาพระธาตุดอยตุง” ผ่านทางเฟซบุ๊คแฟนเพจ “ไหว้สาพระธาตุดอยตุง” หรือติดต่อสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย โทรศัพท์. 0-5315-0169 หรือ E-mail: chiangrai.culture001@gmail.com
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

วิชชากรณ์ กาศโอสถ : รายงาน 
อภิชาต กันธิยะเขียว : ภาพ และบรรณาธิการข่าว 
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News