Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

เมืองแห่งชาและกาแฟ เชียงรายยกระดับกาแฟไทยสู่เวทีโลก สร้างมูลค่าพันล้าน

เชียงรายผงาด! ศูนย์กลางกาแฟโลก ผนึกกำลังรัฐ-เอกชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยั่งยืน

เชียงราย, 9 กรกฎาคม 2568 – เชียงรายก้าวสู่ผู้นำกาแฟระดับโลก ด้วยสายพันธุ์-แบรนด์-นวัตกรรมครบเครื่อง กำลังก้าวเข้าสู่บทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางกาแฟระดับโลก ด้วยความได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ พันธุ์กาแฟอาราบิก้าคุณภาพสูง การส่งเสริมจากภาครัฐ และการเติบโตของธุรกิจเอกชน ตั้งแต่ฟาร์มปลูกกาแฟจนถึงแบรนด์ร้านกาแฟระดับประเทศ

การขับเคลื่อนเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ ด้วยแนวนโยบาย “เมืองแห่งชาและกาแฟ” ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2565 ส่งผลให้เชียงรายกลายเป็นโมเดลเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ผสานเกษตรกรรม การท่องเที่ยว และนวัตกรรมเข้าไว้ด้วยกันอย่างยั่งยืน

ตลาดกาแฟโตไม่หยุด “เชียงราย” ตัวแปรสำคัญขับเคลื่อนประเทศ

จากข้อมูลการวิเคราะห์ตลาดปี 2567-2568 พบว่าตลาดกาแฟไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มสูงถึง 3-5 เท่าของกาแฟทั่วไป และเชียงรายกลายเป็นจังหวัดที่ครองบทบาทสำคัญในห่วงโซ่การผลิตนี้

กาแฟ GI อย่าง “ดอยตุง” และ “ดอยช้าง” เป็นเครื่องการันตีคุณภาพระดับประเทศ สอดรับกับแบรนด์ใหม่ที่เติบโตเร็ว เช่น 1:2 Coffee ที่เน้น “คุณภาพดี ราคาจับต้องได้” และขยายสาขาทั่วประเทศกว่า 50 แห่ง กลายเป็นตัวแบบสำเร็จในการต่อยอดผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่นสู่สเกลชาติ

เทศกาลกาแฟทั่วเชียงราย ยกระดับเมืองแห่งประสบการณ์กาแฟ

เชียงรายไม่ได้เป็นเพียงแหล่งผลิตกาแฟเท่านั้น แต่ยังสร้าง “ประสบการณ์” ให้กับนักท่องเที่ยวผ่านงานเทศกาลตลอดปี 2568 ดังนี้

  • Tea & Coffee Central CEI 25–29 มิ.ย. 2568 ณ เซ็นทรัล เชียงราย
  • Eastern Lanna Tea & Coffee 25–28 ก.ค. 2568
  • Brewtopia ไร่แม่ฟ้าหลวง 17–20 ส.ค. 2568
  • TEDxChiangRai 23 ส.ค. 2568 (เจาะลึกองค์ความรู้และนวัตกรรมกาแฟ)
  • CCL Coffee Journey by TCEB 26–28 ส.ค. 2568

ภายในงานมีการแข่งขัน Latte Art ชิงแชมป์บาริสต้ามือทอง เวิร์คช็อปคั่วบด การชิมกาแฟเชิงลึก (cupping) และกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ ที่มีเป้าหมายกระตุ้นเศรษฐกิจภาคเหนือด้วยเม็ดเงินหมุนเวียนมากกว่า 700 ล้านบาทต่อปี

นวัตกรรม-วิจัย อาวุธลับสร้างความต่างสู่เวทีโลก

เชียงรายไม่เพียงแต่ผลิตกาแฟคุณภาพสูง หากแต่ยังลงทุนวิจัยอย่างต่อเนื่อง โดยกรมวิชาการเกษตรพัฒนาสายพันธุ์ “เชียงราย 1” และ “เชียงราย 2” ให้เหมาะกับภูเขาสูงโดยเฉพาะ

นอกจากนี้ยังมีการสร้างต้นแบบ “จมูกอิเล็กทรอนิกส์” ที่สามารถวิเคราะห์รสชาติเฉพาะของกาแฟแต่ละสายพันธุ์ และงานวิจัยลดปริมาณคาเฟอีนในกาแฟได้มากถึง 93.12% โดยไม่สูญเสียรสชาติ ถือเป็นการตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ

ภาครัฐรวมพลังทุกภาคส่วน ยกระดับเมืองกาแฟ

การยกระดับ “เชียงรายเมืองแห่งชาและกาแฟ” ไม่ได้เกิดขึ้นจากหน่วยงานเดียว แต่เกิดจากการผนึกกำลังของภาครัฐ ภาควิชาการ และชุมชน ได้แก่

  • จังหวัดเชียงราย ตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายตั้งแต่ปี 2565
  • สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สนับสนุนทุนวิจัยด้านกาแฟ
  • มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และ ราชภัฏเชียงราย ร่วมจัดกิจกรรมการศึกษา สัมมนา และหลักสูตรกาแฟ
  • สมาคมกาแฟพิเศษไทย ช่วยประสานเครือข่ายระดับประเทศและต่างประเทศ

การสนับสนุนนี้ครอบคลุมตั้งแต่การรับรองมาตรฐาน (GMP, HACCP, GAP) ไปจนถึงการขยายพื้นที่ผลิตแบบ Organic Thailand ที่ช่วยผลักดันกาแฟเชียงรายสู่ตลาดพรีเมียมได้อย่างมั่นคง

ความท้าทายที่ต้องรับมือ โอกาสแฝงในวิกฤต

แม้เชียงรายจะมีศักยภาพมหาศาล แต่ก็ยังเผชิญกับหลายปัจจัยท้าทาย

  • สภาพภูมิอากาศแปรปรวน ทำให้ผลผลิตผันผวนและต้นทุนสูงขึ้น
  • การแข่งขันจากกาแฟนำเข้า ที่มีต้นทุนต่ำกว่าในบางตลาด
  • การรับรู้ในระดับโลก กาแฟไทยยังไม่เป็นที่รู้จักในบางภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นโอกาสใหม่ เช่น การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงกาแฟ ผสานไร่กาแฟกับฟาร์มสเตย์ โรงคั่ว และร้านกาแฟท้องถิ่นในรูปแบบ Coffee Trail ซึ่งไม่เพียงสร้างรายได้จากการขายเมล็ด แต่ยังเพิ่มรายได้ผ่านการท่องเที่ยวและการให้บริการประสบการณ์กาแฟโดยตรง

ข้อเสนอเชิงกลยุทธ์ สู่อนาคตกาแฟยั่งยืน

  1. เกษตรกรและผู้ผลิต
    • รวมกลุ่มในรูปแบบสหกรณ์หรือวิสาหกิจชุมชน
    • พัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟพิเศษที่มีมาตรฐาน
    • ใช้นวัตกรรมเพิ่มมูลค่า ลดต้นทุน และรักษาสิ่งแวดล้อม
  2. ผู้ประกอบการและธุรกิจ
    • สร้างแบรนด์ที่มีเรื่องราว
    • ขยายช่องทางออนไลน์และส่งออก
    • พัฒนาโมเดลธุรกิจที่เข้าถึงได้ง่ายและแตกต่าง
  3. ภาครัฐและนโยบาย
    • ขยายผลแผน “เมืองแห่งชาและกาแฟ” ให้เป็นนโยบายระดับชาติ
    • สนับสนุนทุนวิจัย แพลตฟอร์มประชาสัมพันธ์ และการเข้าถึงเงินทุน
    • พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบขนส่ง บรรจุภัณฑ์ และลอจิสติกส์

เชียงรายไม่ใช่แค่แหล่งปลูกกาแฟ แต่คือเมืองแห่งอนาคต

เชียงรายกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟไม่ใช่แค่เรื่องของการเกษตร แต่คือการออกแบบเศรษฐกิจอย่างชาญฉลาด ที่เชื่อมโยงผู้ผลิต นวัตกรรม วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน

หากเดินตามแนวทางอย่างต่อเนื่อง เชียงรายจะไม่ใช่แค่ “เมืองแห่งชาและกาแฟ” ของไทย แต่จะเป็นหนึ่งใน “จุดหมายกาแฟระดับโลก” ที่สร้างทั้งรายได้ ความยั่งยืน และความภาคภูมิใจให้กับคนในพื้นที่อย่างแท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
  • กรมวิชาการเกษตร
  • สมาคมกาแฟพิเศษไทย
  • งานวิจัย “จมูกอิเล็กทรอนิกส์วิเคราะห์กาแฟ GI” ปี 2567
  • รายงานการตลาด Specialty Coffee ปี 2567 โดย TCEB และ Cluster Coffee Lab
  • บันทึกการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนเมืองแห่งชาและกาแฟ จังหวัดเชียงราย (3 พ.ค. 2565)
  • CCL Chiangrai Coffee Lovers
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

THACCA จัดใหญ่ 12 จังหวัดซ้อม Pitch แผนพัฒนาเมืองสู่เวทีโลก

 “อวดเมือง Pitching” เวทีปลุกพลัง 12 จังหวัดสร้างสรรค์เทศกาลระดับชาติ เตรียมชิงเจ้าภาพแลนด์มาร์คเทศกาลในงาน THACCA SPLASH – Soft Power Forum 2025

กรุงเทพฯ, 19 มิถุนายน 2568 –  ในยุคที่ Soft Power กลายเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เมืองทั่วประเทศต่างตื่นตัวกับโอกาสใหม่ผ่านการต่อยอดทุนวัฒนธรรม สู่เทศกาลที่โดดเด่นและมีอัตลักษณ์ของตนเอง ล่าสุดกรุงเทพฯ เปิดบ้านต้อนรับ 12 จังหวัดเข้าร่วมโครงการ “อวดเมือง Pitching” เพื่อเฟ้นหาจังหวัดเจ้าภาพแลนด์มาร์คเทศกาลท่องเที่ยวไทยปี 2569 ที่จะเป็นต้นแบบของเมืองน่าลงทุน น่าอยู่ และน่าเที่ยว บนเวที THACCA SPLASH – Soft Power Forum 2025

จุดเริ่มต้นและเป้าหมาย

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 ณ ห้องบอลรูม โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) และ Thailand Creative Culture Agency (THACCA) จัดกิจกรรม Mentoring Workshop ภายใต้โครงการ “อวดเมือง Pitching” โดยคัดเลือก 12 จังหวัดต้นแบบจากนักจัดเทศกาลทั่วประเทศ ผ่านกระบวนการนำเสนอแนวคิดและไอเดียเทศกาลท้องถิ่นที่ทรงพลัง

งานนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อยกระดับเทศกาลท้องถิ่นให้กลายเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาเมือง โดยผลักดันให้แต่ละจังหวัดสร้างจุดขายใหม่บนฐานทุนทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของท้องถิ่น พร้อมรองรับการเป็นเจ้าภาพเทศกาลใหญ่ระดับประเทศในอนาคต

 “Chiang Rai BREW Festival” พลิกวิถีล้านนา สู่ Soft Power

การเลือก Chiang Rai BREW Festival เป็นแลนด์มาร์คเทศกาลนำร่อง เกิดจากแนวคิดที่ผสานอัตลักษณ์ท้องถิ่นเข้ากับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยเทศกาลนี้หยิบ “ชา” และ “กาแฟ” ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของเชียงรายมาเป็นหัวใจหลัก สะท้อนรากเหง้าทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญา และพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ริเริ่มส่งเสริมการปลูกกาแฟบนพื้นที่สูง ทดแทนพืชเสพติด เมื่อครั้งพระราชทานต้นกาแฟให้ชนเผ่าบนดอยช้าง และสืบสานสู่ชาอัสสัมพันธุ์ล้านนาของดอยแม่สลอง

เทศกาลนี้ไม่ได้เป็นเพียงงานเฉลิมฉลอง หากแต่เป็นเวทีบูรณาการทุกภาคส่วน ตั้งแต่เกษตรกร ผู้ประกอบการ สถาบันการศึกษา ภาครัฐ เอกชน และชุมชนชาติพันธุ์ เชื่อมโยงให้เกิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) สร้างรายได้จากต้นน้ำถึงปลายน้ำ พร้อมต่อยอดภูมิปัญญาดั้งเดิมสู่สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม

เวิร์กช็อปเข้มข้น เสริมแกร่งทุกมิติ

ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และรองประธานคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “จากรากวัฒนธรรมสู่พลังสร้างชาติ : การขับเคลื่อน Soft Power ไทยผ่านเทศกาลท้องถิ่น” สะท้อนบทบาทของงานเทศกาลในฐานะสะพานเชื่อมทุนวัฒนธรรมและเศรษฐกิจยุคใหม่

นอกจากเวทีความรู้ ยังมี 7 MENTORS ตัวจริงระดับประเทศจากอุตสาหกรรม MICE และเทศกาล มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ติดอาวุธไอเดีย และให้คำแนะนำเจาะลึกในทุกมิติ ตั้งแต่การบริหารจัดการเทศกาลให้ยั่งยืน กลยุทธ์สร้างมูลค่าเพิ่ม การตลาดสร้างแบรนด์เมือง ไปจนถึงการพัฒนา Content ที่สามารถตอบโจทย์นักลงทุน นักท่องเที่ยว และผู้อยู่อาศัยอย่างครบถ้วน

สู่รอบ Final City Pitching เวที Soft Power แห่งชาติ

ผลจากกิจกรรม Mentoring Workshop ครั้งนี้ จะถูกนำไปใช้ต่อยอดในเวที Final City Pitching รอบสุดท้าย ภายใต้ธีม “น่าลงทุน น่าอยู่ น่าเที่ยว” ในงาน THACCA SPLASH – Soft Power Forum 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8–11 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ฮอลล์ 1–4 ชั้น G โดยแต่ละจังหวัดจะได้อวดแลนด์มาร์ค “ชวนเมือง Dream Box” ที่บูธเมืองพาวิลเลียน พร้อมนำเสนอแนวคิดและศักยภาพในฐานะเจ้าภาพเทศกาลปี 2569

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมไมซ์และเทศกาลในประเทศไทย เมื่อจังหวัดต่าง ๆ ได้รับโอกาสในการแสดงศักยภาพ สร้างเครือข่ายกับผู้เชี่ยวชาญ และขยายโอกาสทางเศรษฐกิจสู่เวทีนานาชาติ

วิเคราะห์และบทสรุป

โครงการ “อวดเมือง Pitching” ไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขันนำเสนอแผนพัฒนาเมืองเท่านั้น หากแต่เป็นเวทีบ่มเพาะผู้นำเทศกาลท้องถิ่นรุ่นใหม่ เสริมพลังท้องถิ่นด้วยทุนวัฒนธรรม และผลักดัน Soft Power ไทยให้ขยายสู่ระดับโลกอย่างยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือของภาครัฐและภาคเอกชน ตอกย้ำภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางเทศกาลสร้างสรรค์ของภูมิภาคอาเซียน

การเดินหน้าปั้นแลนด์มาร์คเทศกาลทั่วประเทศในปีนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญที่เชื่อมโยงชุมชน ท้องถิ่น และความคิดสร้างสรรค์ ให้เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่อย่างแท้จริง

Soft Power – จุดแข็ง จุดท้าทาย ของเชียงราย

Chiang Rai BREW Festival สะท้อนความกล้าในการต่อยอด Soft Power ไทยให้ก้าวพ้นกรอบศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิม สู่การใช้ “พืชเศรษฐกิจ” อย่างชากาแฟเป็นเครื่องมือสร้างภาพจำใหม่ และพลิกบริบทการท่องเที่ยวสู่สายประสบการณ์ การเชื่อมโยงเทศกาลนี้กับพระราชปณิธานในหลวงรัชกาลที่ 9 และแนวคิดพัฒนาที่ยั่งยืนของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและแรงบันดาลใจอย่างลึกซึ้ง

อย่างไรก็ตาม การดันชากาแฟเป็นซอฟต์พาวเวอร์หลักของเชียงรายอาจเผชิญข้อท้าทายในการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่ยังยึดติดภาพจำเดิมของ Soft Power ไทย แต่ในอีกมุมหนึ่ง หากเชียงรายสามารถผสานเรื่องเล่าและประสบการณ์เข้ากับการท่องเที่ยว อาจเป็นโมเดลใหม่ของเทศกาลสร้างสรรค์ไทยในเวทีโลก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA)
  • สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB)
  • Thailand Creative Culture Agency (THACCA)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI LIFESTYLE

กาแฟ ‘เชียงราย’ โกอินเตอร์ ผลักดันไมซ์ สร้างเศรษฐกิจชุมชน

จุดเริ่มต้นสู่เวทีระดับประเทศ เชียงรายร่วมขับเคลื่อนไมซ์ไทย

สุราษฎร์ธานี, 9 พฤษภาคม 2568 – จังหวัดเชียงราย โดยการนำของ นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และ กลุ่มคนรักกาแฟเชียงราย (Chiang Rai Coffee Lovers – CCL) ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานระดับประเทศ MICE City Summit 2025 และ Samui MICE Bazaar 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6–8 พฤษภาคม 2568 ณ โรงแรมโนราบุรี รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

การเข้าร่วมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันสินค้าท้องถิ่นของเชียงราย โดยเฉพาะ “กาแฟเชียงราย” สู่ตลาดไมซ์ (MICE) ระดับประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ภาครัฐมุ่งสนับสนุนให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19

กาแฟเชียงรายจากชุมชนสู่แบรนด์ระดับประเทศ

“กลุ่มคนรักกาแฟเชียงราย” หรือ CCL ก่อตั้งขึ้นโดย นายพงศกร อารีศิริไพศาล มีจุดประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมกาแฟในท้องถิ่นและยกระดับมาตรฐานกาแฟให้สามารถแข่งขันในตลาดระดับชาติและสากล ปัจจุบันกลุ่มมีสมาชิกประกอบด้วยเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ร้านกาแฟ และผู้บริโภคจำนวนมาก กระจายอยู่ทั่วจังหวัดเชียงราย

กาแฟที่นำเสนอในงานเป็น กาแฟคุณภาพระดับ Specialty และ Commercial Grade ที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถันจากไร่ในเขตแม่สรวย แม่จัน และเวียงป่าเป้า ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่ที่มีสภาพภูมิอากาศเหมาะสมต่อการปลูกกาแฟชั้นดี

ภายในงาน Samui MICE Bazaar 2025 กลุ่ม CCL ได้รับโอกาสในการจัดบูธแสดงสินค้า เจรจาธุรกิจ และเข้าร่วมกิจกรรมแข่งขัน “The MICE Masterpiece Challenge” โดยใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น เช่น เมล็ดกาแฟแปรรูป น้ำผึ้งป่า และสมุนไพรพื้นบ้าน รังสรรค์เป็นเมนูอาหารว่างร่วมสมัย สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของเชียงราย

ขยายโอกาสไมซ์ เชียงรายกับศักยภาพรองรับงานระดับชาติ

เชียงรายในปัจจุบันเริ่มปรับตัวสู่เมืองรองรับอุตสาหกรรมไมซ์ โดยภาครัฐและเอกชนได้ร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับกิจกรรมไมซ์ เช่น ศูนย์ประชุมและนิทรรศการขนาดกลาง โรงแรมระดับมาตรฐาน รวมถึงเครือข่ายธุรกิจในพื้นที่ที่สามารถรองรับกลุ่มผู้เดินทางเพื่อจัดประชุม สัมมนา และแสดงสินค้า

ข้อมูลจากกลุ่ม CCL ระบุว่า พื้นที่ของกลุ่มสามารถรองรับกลุ่มไมซ์ได้ระหว่าง 40–50 คนต่อรอบกิจกรรม โดยเน้นประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมกาแฟ ผ่านกิจกรรมเวิร์กช็อป ชิมกาแฟ และการเรียนรู้เรื่องราวของต้นกาแฟในระดับชุมชน ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

งานใหญ่ระดับประเทศ Samui MICE Bazaar × MICE City Summit 2025

งาน MICE Bazaar 2025 และ MICE City Summit 2025 ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB กับภาคีเครือข่ายทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการไมซ์ทั่วประเทศ

MICE Bazaar 2025 เน้นการสร้างเครือข่ายธุรกิจในรูปแบบ B2B เจรจาธุรกิจระหว่างผู้ซื้อจาก 4 ภาค กับผู้ประกอบการในพื้นที่มากกว่า 35 ราย ส่วน MICE City Summit 2025 เป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ด้านกลยุทธ์การพัฒนาไมซ์ในยุคดิจิทัล ผ่านการบรรยายในหัวข้อ “MICE Marketing Leadership: Strategies for the Digital Age”

นอกจากนี้ ยังมีเวทีเสวนา การแข่งขันด้านอาหาร และกิจกรรมส่งเสริมชุมชนท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนให้พื้นที่ไมซ์เมืองรองอย่างเกาะสมุย กลายเป็นจุดหมายของนักเดินทางธุรกิจ และนักลงทุนไมซ์จากทั่วโลก

เชียงรายกับยุทธศาสตร์ไมซ์ที่ยั่งยืน

การปรากฏตัวของเชียงรายในเวทีระดับประเทศครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการโปรโมตกาแฟท้องถิ่น แต่ยังสะท้อนภาพของ “เมืองไมซ์ทางวัฒนธรรม” ที่กำลังก้าวสู่ระดับชาติอย่างมั่นคง จุดแข็งของเชียงรายอยู่ที่ทรัพยากรธรรมชาติ ประเพณีท้องถิ่น และผลิตภัณฑ์ที่มีภูมิปัญญาชุมชนรองรับ เช่น กาแฟ ชา สมุนไพร ผ้า และของแปรรูป

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เชียงรายยังต้องเร่งพัฒนาคือโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบขนส่ง การสื่อสาร รวมถึงบุคลากรด้านการบริการไมซ์ที่ต้องผ่านการอบรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของนักเดินทางกลุ่มใหม่ที่ต้องการประสบการณ์เฉพาะตัว (personalized experience)

สถิติที่เกี่ยวข้อง ณ พฤษภาคม 2568

  • มูลค่าตลาดกาแฟในจังหวัดเชียงราย: 465 ล้านบาท/ปี (ที่มา: สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย)
  • จำนวนกลุ่มธุรกิจกาแฟในจังหวัดเชียงราย: 183 กลุ่ม/กิจการ (ที่มา: กลุ่ม CCL และสสว.)
  • จำนวนนักเดินทางไมซ์ในเชียงรายปี 2567: 78,430 คน (ที่มา: TCEB – สำนักงานภาคเหนือ)
  • ศักยภาพพื้นที่รองรับไมซ์ในเชียงราย: 10 สถานที่หลักที่รองรับได้ 30–500 คน/กิจกรรม
  • การเติบโตของธุรกิจไมซ์ไทย (รวม): ขยายตัวเฉลี่ย 7.2% ต่อปี (ข้อมูลจาก TCEB)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
ECONOMY

กระตุ้นนักเดินทาง ดันเชียงใหม่ เชียงราย จัดประชุมจุดเด่นภูมิศาสตร์ ปลูกชาและกาแฟชั้นเลิศ

 

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่งเสริมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม MICE (Meetings, Incentive Travel, Conventions, Exhibitions) ซึ่งขยายตัวต่อเนื่อง ครึ่งปีแรก 2566 สร้างรายได้แล้ว 2.5 หมื่นล้านบาท พร้อมส่งเสริมแผนงานบูรณาการผลักดันอุตสาหกรรม MICE ให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางจัดการประชุมใน 4 ภูมิภาค ด้วยการใช้จุดเด่นด้านอาหาร วัฒนธรรม และความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ดึงดูดนักเดินทาง MICE สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในประเทศ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB เผยอัตราการเติบโตของนักเดินทาง MICE ในไทย ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง จากในช่วงครึ่งปีงบประมาณ 2566 มีจำนวนนักเดินทาง MICE ในประเทศ จำนวน 10,974,350 คน สร้างรายได้กว่า 25,016 ล้านบาท พร้อมคาดการณ์ว่า สิ้นปีงบประมาณ 2566 นี้ จะมีจำนวนนักเดินทาง MICE ในประเทศ รวม 17,790,000 คน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 59,000 ล้านบาท 

TCEB ได้เตรียมแผนงานบูรณาการผลักดันอุตสาหกรรม MICE ภายใต้แนวคิด “มิติไมซ์ มิติใหม่ ไมซ์ดีดีที่เมืองไทย” ซึ่งได้กำหนดโครงสร้างฝ่ายงานส่งเสริม MICE ในประเทศ 360 องศา ให้ตอบโจทย์กลุ่มนักเดินทาง MICE ทั้งการพัฒนาสินค้าบริการ พื้นที่ สถานที่จัดงาน ผู้ประกอบการ ชุมชน และเครือข่ายในพื้นที่ รวมถึงการพัฒนาแคมเปญส่งเสริมการตลาด สนับสนุน การสื่อสารการตลาดครบวงจร ซึ่งในปี 2566 นี้ TCEB เน้นย้ำการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการผ่านสำนักงาน MICE ใน 4 ภูมิภาคของไทย ซึ่งมีการดำเนินการต่าง ๆ ดังนี้

– ภาคเหนือ นำเสนอการเป็นจุดหมายปลายทางด้านวัฒนธรรม แหล่งอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ส่งเสริมการจัดงานประชุมทางด้านชาและกาแฟระดับนานาชาติ เช่น เชียงใหม่ และเชียงราย โดยอาศัยจุดเด่นทางภูมิศาสตร์ที่เป็นแหล่งเพาะปลูกชาและกาแฟชั้นเลิศ
– ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นตำแหน่งที่ตั้งเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ประตูสู่การท่องเที่ยวชายแดนและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยออกแบบเส้นทาง MICE “อีสานไมซ์ ไร้คาร์บอน” (ISAN MICE Neutral Carbon Routing) จัดทำโปรแกรมการเดินทาง MICE 3 วัน 2 คืน ตลอดทริปจะมีการวัดค่าการปล่อยคาร์บอน เพื่อคำนวณหาจำนวนการปล่อยคาร์บอนต่อคนต่อทริป
– ภาคกลาง ถือเป็นศูนย์กลางการจัดงาน MICE ระดับนานาชาติของประเทศ โดยมีงานใหญ่เตรียมจัดงานมากมาย เช่น งาน GMS Logistic งาน CVTEC MICE Business Roadshow 2023 และงาน EEC Cluster Fair เพื่อส่งเสริมเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งจะขยายพื้นที่ศักยภาพไปยังจังหวัดอื่น ๆ ในภาค เช่น จังหวัดกาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ 
– ภาคใต้ ส่งเสริมอัตลักษณ์ภาคใต้กับโครงการพัฒนาสินค้าและบริการของอุตสาหกรรมเรือสำราญและอาหารพื้นถิ่น โดยเตรียมจัดงาน MICE Bazaar ครั้งที่ 2 เปิดเวทีซื้อขายสินค้าบริการของอุตสาหกรรม MICE ณ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในเดือนกันยายน 2566

“นายกรัฐมนตรีชื่นชมการทำงานอย่างแข็งขันเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรม MICE อย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อมั่นว่าแผนงานการจัดงาน MICE ทั้ง 4 ภูมิภาคของประเทศจะสามารถกระตุ้นให้เกิดการเดินทางและช่วยกระจายรายได้ให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน ทั้งผู้ประกอบการ ชุมชน ธุรกิจ ตลอดจนการจ้างงาน และเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรม MICE จะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจไทยให้หมุนเวียนเติบโต” นายอนุชาฯ กล่าว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

ยกระดับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นเชียงราย สู่ Product MICE Premium

 

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 66 นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดการประชุมกิจกรรมการยกระดับการพัฒนาและการมีส่วนร่วมของชุมชนสู่ Product MICE Premium ครั้งที่ 2 จังหวัดเชียงราย โดยมีนายสุวัชชัย นิมมานเทวินทร์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคเหนือ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ เข้าร่วม ที่ โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น อำเภอเมืองเชียงราย

 
ด้วยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) สสปน. หรือ ทีเส็บ ผู้ดำเนินโครงการกิจกรรมการยกระดับการพัฒนาและการมีส่วนร่วมของชุมชนสู่ Product MICE Premium ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการนำผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของจังหวัดเชียงราย มาสร้างเสน่ห์ที่แตกต่างเพื่อส่งมอบสินค้าและบริการของกิจกรรมไมซ์ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งการประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 2 และเป็นการสรุปผลการคัดเลือกสินค้าและบริการจาก 14 ชุมชนให้เหลือ 5 ชุมชน ที่จะเป็นตัวแทนในการนำผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่นในจังหวัดเชียงรายไปเผยแพร่ และจะได้รับการต่อยอด พัฒนาเป็นสินค้าหรือ ของชำร่วย ของที่ระลึก สร้างความประทับใจแก่นักเดินทางไมซ์ต่อไป
 
นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงราย เป็นพื้นที่มีศักยภาพ ซึ่งจังหวัดเชียงรายเป็น 1 ใน 4 จังหวัดเป้าหมายของพื้นที่ภาคเหนือ ในการทำการตลาดเมือง (Destination Marketing) เพื่อมุ่งนำเสนออัตลักษณ์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชุมชนผ่านกลไกไมซ์เพื่อชับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างรายได้ และพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ ชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับเชียงรายเป็นไมซ์ชิตี้ในอนาคต
 
ที่ผ่านมาจังหวัดเชียงราย ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของจังหวัดเชียงรายมาโดยตลอด ซึ่งสอดคล้องกับกิจกรรมยกระดับพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเชียงรายของทีเส็บ ที่จะนำผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นมาสร้างเสน่ห์ที่ป็นอัตลักษณ์ มีความแตกต่างหลากหลาย เป็นสินค้าและบริการที่เกิดจากการทำงานของเครือข่ายหลายภาคส่วนในพื้นที่ มีกระบวนการคัดเลือกสินค้าและบริการจากชุมชนต่างๆ เพื่อให้ได้ตัวแทนชุมชนที่มีคุณภาพ ในนามผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของจังหวัดเชียงราย เพื่อนำไปเผยแพรให้เป็นที่รับรู้ได้กว้างขวาง และสามารถนำไปขยายผลเพิ่มเติม สร้างประโยชน์ สร้างรายได้ สร้างความเข้มแข็ง ให้ชุมชนของจังหวัดเชียงราย อย่างยั่งยืนต่อไป
 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

เชียงราย เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ ชุมชน-ตอบโจทย์ นักเดินทางกำลังซื้อสูง

เชียงราย เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ ชุมชน-ตอบโจทย์ นักเดินทางกำลังซื้อสูง

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 ที่ร้านสวรรค์บนดิน ฟาร์ม แอนด์ ที ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการบูรณาการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ไมซ์สร้างสรรค์ รวมพลังชุมชนภาคเหนือยกระดับการพัฒนา และการมีส่วนร่วม สู่ Product MICE Premium จังหวัดเชียงราย โดยมีนางศุภาดา ชัยวงษ์ ผู้แทนสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) นำหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เข้าร่วม ซึ่งผู้เข้าร่วมการประชุมจะได้รับความรู้จากวิทยากรผู้ชำนาญการ รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้ประกอบการด้วยกัน เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการส่งเสริมช่องทางการตลาดอีกด้วย

นางศุภาดา ชัยวงษ์ ผู้แทนสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า Product MICE Premium โปรเจ็กต์ของทีเส็บ (TCEB) สำนักงานภาคเหนือ เป็นโครงการสนับสนุนการนำอัตลักษณ์ หรือภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นสินค้าโดยช่างฝีมือท้องถิ่น เช่น อาหาร ของชำร่วย หรือของฝาก ตอบโจทย์นักเดินทางไมซ์ (นักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูง) ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม ยกระดับการพัฒนาสินค้าผ่านวัฒนธรรม วิถีชีวิต และทรัพยากรชุมชนให้เกิดประโยชน์ กระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงสร้างความแตกต่างให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกิดความประทับใจ

ด้านนายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายเป็น 1 ใน 4 ของพื้นที่ภาคเหนือ ที่ทางทีเส็บให้ความสำคัญ ในฐานะเมืองที่มีศักยภาพ ทั้งยังเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ มีพรมแดนเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน (ลาว และเมียนมา) ซึ่งสามารถใช้กลไกไมซ์ เป็นเครื่องมือสร้างเครือข่ายในการบริหารจุดแข็งร่วมกัน และเตรียมพร้อมสู่การขยายความร่วมมือไปยังประเทศในกลุ่มอนุภาคลุ่มน้ำโขง หรือ Greater Mekong Subregion (GMS) ในอนาคต และยังเป็นชุมชนที่มีเอกลักษณ์หลากหลายทางชาติพันธุ์ ซึ่งสินค้าของที่ระลึก หรือของชำร่วยเป็นหนึ่งในสินค้าที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว หากได้รับการพัฒนาให้สินค้าที่สามารถสะท้อนอัตลักษณ์ที่โดดเด่น ของจังหวัดเชียงรายได้ จะทำให้เป็นที่จดจำสำหรับผู้มาเยือน

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวต่อไปว่า การพัฒนาสินค้าหรือของชำร่วย จึงจำเป็นต้องดำเนินการโดยอ้างอิงข้อมูลอื่น ที่เป็นตัวตนของจังหวัดเชียงราย ทำให้สินค้าหรือของชำร่วยของเรา มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่น เป็นที่จดจำ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มคุณค่าสินค้าให้ดูดี น่าใช้ น่าซื้อ อยู่ในระดับพรีเมี่ยม และสามารถนำไปใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ต่อไป
Facebook
Twitter
Email
Print

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE