
TEAMG คว้าบิ๊กโปรเจกต์ ทอท. 205 ล้านบาท วาง “แม่ฟ้าหลวง–เชียงราย เฟส 1” สู่สนามบินภูมิภาคอัจฉริยะเชื่อมเหนือ–ลุ่มโขง ยกระดับรองรับ 6 ล้านคน/ปี
เชียงราย, 14 สิงหาคม 2568 –ท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เปลี่ยนแปลง “เล็กแต่ไว” ทีมบริหารสนามบินลงมือแก้จุดติดขัดรายวันกำลังเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับ “แผนใหญ่” ที่เพิ่งถูกจุดติดเครื่องเมื่อ บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG นำทัพพันธมิตรคว้าสัญญา สำรวจและออกแบบระยะที่ 1 ของโครงการพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) มูลค่า 205.20 ล้านบาท
หัวใจของเฟส 1 คือ “ยกระดับศักยภาพรองรับผู้โดยสารไม่น้อยกว่า 6 ล้านคน/ปี” แบ่งเป็น ระหว่างประเทศ 1 ล้าน และ ภายในประเทศ 5 ล้าน พร้อมจัดโครงสร้างพื้นฐานเขตการบินอาคารผู้โดยสารระบบสนับสนุนให้สอดรับทิศทางการเดินทางและเศรษฐกิจของห่วงโซ่ เชียงรายลุ่มโขง ที่เติบโตต่อเนื่อง และวางตัวเป็น “ประตูเหนือ” สู่เมียนมา–ลาว–จีนตอนใต้
คำให้สัมภาษณ์เด่น
- ชวลิต จันทรรัตน์ (TEAMG): “งานของเราคือวางพิมพ์เขียวที่รองรับอนาคต 6 ล้านคน/ปี โดยไม่ลดทอนความสะดวก–ปลอดภัย และต่อยอดได้จริง”
- น.ต.ดร.สมชนก เทียมเทียบรัตน์ (ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง): “สิ่งที่เผยแพร่คือ conceptual design ส่วนปัจจุบันเราลงมือแก้ ‘จุดสำคัญ’ แล้ว และจะใช้เทคโนโลยีทำให้ทั้งอาคารเป็นเสมือนเลาจน์ขนาดใหญ่ ผู้โดยสารอยู่สบาย–รู้เวลา–ไม่แออัด”
หลังสายการบินสกู๊ตเปิดเส้นทางบินตรง สิงคโปร์-เชียงราย เริ่ม 1 มกราคม 2569
การเชื่อมโยงเส้นทางบินตรงระหว่างเชียงรายและสิงคโปร์จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจที่ต้องการเดินทางระหว่างสองเมืองได้อย่างมาก ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นและยกระดับเชียงรายให้เป็นจุดหมายปลายทางที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
วงการท่องเที่ยวและธุรกิจในเชียงรายเตรียมคึกคักรับปีใหม่ เมื่อ สายการบินสกู๊ต (Scoot) สายการบินราคาประหยัดในเครือสิงคโปร์แอร์ไลน์ (SIA) ประกาศเปิดเส้นทางบินตรงใหม่จาก สิงคโปร์ (SIN) สู่เชียงราย (CEI) โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป
การเปิดเส้นทางบินนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าสู่เชียงรายเท่านั้น แต่ยังเป็นการขยายเครือข่ายการเดินทางของสกู๊ตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และจะทำให้สกู๊ตมีจำนวนเที่ยวบินสู่ประเทศไทยรวมเป็น 111 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เลยทีเดียว
รายละเอียดเที่ยวบินตรง สิงคโปร์-เชียงราย
- จำนวนเที่ยวบิน: 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
- วันทำการบิน: ทุกวันจันทร์, อังคาร, พฤหัสบดี, ศุกร์ และเสาร์
- รุ่นเครื่องบิน: Embraer E190-E2 ซึ่งเป็นเครื่องบินขนาดเล็ก-กลางที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ
- ตารางบิน (เวลาท้องถิ่น):
- เที่ยวบินขาไป (สิงคโปร์-เชียงราย):
- TR670: ออกจากสิงคโปร์ 16:40 น. ถึงเชียงราย 18:50 น. (วันจันทร์, พฤหัสบดี, ศุกร์)
- TR660: ออกจากสิงคโปร์ 05:50 น. ถึงเชียงราย 08:00 น. (วันอังคาร, เสาร์)
- เที่ยวบินขากลับ (เชียงราย-สิงคโปร์):
- TR671: ออกจากเชียงราย 19:25 น. ถึงสิงคโปร์ 23:45 น. (วันจันทร์, พฤหัสบดี, ศุกร์)
- TR661: ออกจากเชียงราย 08:35 น. ถึงสิงคโปร์ 12:55 น. (วันอังคาร, เสาร์)
- เที่ยวบินขาไป (สิงคโปร์-เชียงราย):

“จากแบบสู่สนามบินที่ใช้งานได้จริง” TEAMG เปิดแผนงาน 3 กลุ่ม ปรับสมดุลรันเวย์–อาคาร–ระบบหลังบ้าน
นายชวลิต จันทรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TEAMG อธิบายกรอบงานสำรวจออกแบบของเฟส 1 ว่าจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มงานหลัก เพื่อให้สนามบิน “ไหลลื่น ปลอดภัย ต่อยอดได้”
- กลุ่มงานเขตการบิน (Airside): ออกแบบ ทางขับขนานด้านทิศใต้ (Southern Parallel Taxiway) ให้ทำงานประสานกับรันเวย์และจุดรอ เพื่อเพิ่ม “อัตราหมุนเวียน” เข้า–ออกของเครื่องบิน พร้อม ขยายลานจอดอากาศยานด้านทิศใต้ ให้รองรับอากาศยานหลายขนาดมากขึ้น ลดการคอขวดในชั่วโมงเร่งด่วน
- กลุ่มงานอาคารผู้โดยสารและอาคารสนับสนุน (Terminal & Facilities): เชื่อม อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ เข้ากับอาคารเดิมผ่าน “โถงทางเดินเทียบเครื่องบิน” เพิ่มพื้นที่บริการและการไหลของผู้โดยสาร (passenger flow) ทั้ง ขาเข้า ขาออก โดยคำนึงถึงการขยายตัวของเส้นทางระหว่างประเทศในอนาคต
- กลุ่มงานระบบสนับสนุน (Systems & Utilities): ออกแบบระบบไฟฟ้า สื่อสาร ความปลอดภัย จราจรภายใน ให้พร้อมรองรับระบบปฏิบัติการสนามบินอัจฉริยะ (Smart Airport) เช่น ป้าย–จอข้อมูลแบบเรียลไทม์ การนับคิว/ความหนาแน่น และการจัดการพลังงาน
“ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเป็นโครงสร้างพื้นฐานระดับภูมิภาคที่ส่งผลคูณต่อเศรษฐกิจ–สังคมของเชียงราย งานของเราจึงไม่ใช่แค่ ‘เขียนแบบ’ แต่คือต้องวางพิมพ์เขียวที่ต่อยอดได้จริง รองรับ 6 ล้านคน/ปี โดยไม่เสียความสะดวกปลอดภัยของผู้โดยสาร” ชวลิต จันทรรัตน์, TEAMG
เสียงจากหน้างาน ผอ.สนามบินชี้ “ยังเป็นแบบแนวคิด” แก้ปัญหาความแออัดรายวันแล้ว และกำลังยกระดับประสบการณ์ผู้โดยสารทั้งอาคาร
ด้าน น.ต.ดร.สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า แผนพัฒนาที่เผยแพร่ขณะนี้ อยู่ในระดับ “Conceptual Design” ที่ผู้ออกแบบจะเสนอแนวทางให้เกิดขึ้นในอนาคต เพื่อรองรับเมื่อผู้โดยสารโตถึง Capacity 6 ล้านคน/ปี แต่ “วันนี้” สนามบินยังไม่แตะขีดความสามารถนั้น และทีมบริหารได้ แก้ปัญหาความคับคั่งหลายจุดแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ Gate ที่ “เจาะทะลุ Gate ทั้งคู่ให้เดินถึงกันได้” ช่วยไหลเวียนผู้โดยสาร ลดการออรอสะสมในช่วง Boarding
ผอ.สนามบินยังอธิบายแนวคิด “Free Lounge” และการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักในการบริหารความหนาแน่น ให้ผู้โดยสารอยู่ “ด้านนอก” ให้นานที่สุด แล้วจึงเข้าสู่พื้นที่ภายใน เมื่อถึงเวลา Boarding โดยจะมี จอแสดงผล–ระบบตรวจจับจำนวนผู้โดยสาร–อัลกอริทึมคำนวณเวลาบอร์ดดิ้ง และเวลาผ่านจุดตรวจค้น เพื่อให้คนที่นั่งรอด้านนอก “รับรู้สถานะเหมือนนั่งอยู่ด้านใน” ขณะเดียวกัน ชั้น 2 ของอาคารผู้โดยสารจะปรับเป็น “Free Lounge + จุดชมเครื่องบิน + Meeting Point + Co-working Space” เพิ่มร้านค้า พื้นที่นั่งบรรยากาศเสมือนเลาจน์เพื่อกระจายคน ลดความอึดอัดหน้า Gate
“สิ่งที่สื่อสารคือภาพอนาคต (conceptual design) ที่เราอยากไปให้ถึง แต่ในปัจจุบันเราลงมือแก้ ‘จุดสำคัญ’ แล้ว ทั้งการทะลุ Gate ให้เชื่อมกัน และการออกแบบประสบการณ์ใหม่แบบ Free Lounge พร้อมข้อมูลเรียลไทม์ เพื่อให้คนอยู่สบายขึ้น ไม่ต้องไปออหน้าประตูขึ้นเครื่อง” — น.ต.ดร.สมชนก เทียมเทียบรัตน์

ที่จอดรถ–พลังงานสะอาด–MRO รายละเอียดเล็กที่ส่งผลใหญ่
หนึ่งใน “คอขวดนอกอาคาร” คือ ลานจอดรถ ฝั่งตรงข้ามเทอร์มินัลที่ “คับคั่ง” ขณะที่ ลานจอดรถด้านทิศเหนือ ยังไม่เป็นที่นิยมเพราะ ไม่มีหลังคา ผอ.สนามบินเผยแผน ทำหลังคาพร้อมติดตั้ง Solar Rooftop ให้ทั้งสองลาน เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ในอาคารผู้โดยสาร ลดภาระพลังงานและสร้างแรงจูงใจให้ผู้โดยสารกระจายไปใช้ลานที่สองมากขึ้น ทั้งยังเตรียม ย้ายพนักงานและผู้ให้บริการ บางส่วนไปใช้พื้นที่ใหม่นี้ เพื่อลดการแออัด
อีกหมุดหมายที่ “ไม่ใช่แค่ท่องเที่ยว” คือ ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ซึ่งสนามบินได้ ถมที่ดินไว้แล้ว อยู่ระหว่างที่บริษัท CAH เข้าตรวจพื้นที่และเตรียม ขออนุญาตก่อสร้างใหม่ต่อสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) เป้าหมายคือให้เริ่มเดินงานได้ภายในปีนี้ หากเดินหน้าได้ตามแผน MRO จะดึงเม็ดเงินลงทุนทักษะงานวิศวกรรมโอกาสการจ้างงานท้องถิ่นเข้ามาในห่วงโซ่อุตสาหกรรมการบินของเชียงราย
BCP ซ้อม “อุทกภัย” สนามบินต้องให้บริการได้ “แม้วันไม่ปกติ”
การพัฒนาโครงสร้างไม่เพียงพอ หากขาด “ความต่อเนื่อง” ของการให้บริการในวันวิกฤต น.ต.ดร.สมชนก ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานจึงนัดประชุม ซ้อมแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan: BCP) ประจำปี 2568 โดยเลือก สถานการณ์สมมติ “อุทกภัย” ในวันที่ 27 สิงหาคม ตามกรอบ ISO 22301:2019 เพื่อทดสอบว่า หากน้ำหลากเข้าพื้นที่ ระบบใดต้องย้ายเสริมสลับ, ทางเข้า–ออกผู้โดยสารปรับจุดอย่างไร, การไฟฟ้า–สื่อสาร–เชื้อเพลิงสำรองมีพอหรือไม่เพราะ “สนามบินหยุดไม่ได้” แม้วันไม่ปกติ
ทำไมโครงการนี้ “มีความหมาย” ต่อคนเชียงรายและผู้เดินทางทั้งภูมิภาค
เชื่อมการเดินทาง–เศรษฐกิจลุ่มโขง เชียงรายคือจุดตัดการเดินทางของ ไทย–เมียนมา–ลาว–จีนตอนใต้ การมีสนามบินที่รองรับ ผู้โดยสาร 6 ล้านคน/ปี พร้อมขีดความสามารถ Airside ที่ราบรื่น จะสร้างแรงดึงดูดสายการบิน–เส้นทางบินใหม่ ๆ โดยเฉพาะ Regional International ที่ต่อยอดทั้งท่องเที่ยว–การค้า–ไมซ์ (MICE) และ โลจิสติกส์สินค้าอากาศ ในวงจำกัด (niche) ที่ต้องการความรวดเร็ว ประสบการณ์ผู้โดยสารที่ “ฉลาดขึ้น” แนวคิด Free Lounge + ข้อมูลเรียลไทม์ เปลี่ยนวิธีรอเครื่องจาก “ยืนออหน้าประตู” เป็น “นั่งสบาย–รู้เวลา–จัดการตัวเองได้” ทำให้ ความเครียด ลดลง ขณะเดียวกันสนามบินก็สามารถ บริหารความหนาแน่น ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ปรับทรัพยากรบุคคล–จุดคัดกรองตามโหลดจริง
เมือง–สนามบินที่เป็นมิตรต่อพลังงาน
Solar Rooftop บนลานจอดรถเป็น “สัญลักษณ์เล็ก ๆ แต่ชัด” ว่าท่าอากาศยานภูมิภาคเดินหน้าเรื่องพลังงานสะอาด ลดต้นทุนระยะยาว และ—สำคัญกว่านั้น—ทำให้ลานจอดรถทางเลือก กลายเป็นพื้นที่ที่ “น่าใช้ขึ้น” ช่วยถ่ายเทความคับคั่งหน้าสถานีผู้โดยสาร งานวิศวกรรมคุณภาพ–โอกาสทักษะท้องถิ่น การมี MRO และงานปรับปรุงสนามบินต่อเนื่อง สร้าง ตลาดแรงงานทักษะสูง ในพื้นที่ ตั้งแต่วิศวกรเครื่องกล–อากาศยาน–อิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงซัพพลายเชนชิ้นส่วน–เครื่องมือ–บริการสนับสนุน ซึ่งหมายถึงรายได้กระจายสู่จังหวัด ไม่ใช่เฉพาะย่านท่องเที่ยว
ความพร้อมต่อวิกฤตที่วัดได้ การซ้อม BCP ตามมาตรฐาน ISO 22301 ไม่ใช่ “พิธี” หากแต่เป็น ตัวคูณความเชื่อมั่น ว่าแม้วันฝนใหญ่น้ำหลากสนามบินยัง ให้บริการต่อเนื่อง ได้ ใครที่ต้องบินต่อเครื่องตารางงานไมซ์ขนส่งสินค้าด่วนยังเดินต่อได้โดยความเสี่ยงต่ำลง


เพื่อให้เงินภาษี–ค่าธรรมเนียมไปได้ไกลที่สุด
- จังหวะเวลา–อุปสงค์จริง: แม้โครงร่างรองรับ 6 ล้านคน/ปี แต่วิถีการเดินทางหลังโควิด–พฤติกรรมผู้โดยสารกำลังเปลี่ยน สนามบินจะจับ “สัญญาณอุปสงค์จริง” อย่างไร เพื่อเลือกช่วงลงทุนให้ คุ้ม–ทัน–ไม่ล้ำหน้าเกินจำเป็น
- เส้นทางระหว่างประเทศ: เพื่อบรรลุ 1 ล้านคน/ปี ระหว่างประเทศ ต้องเชื่อมเมืองใดในลุ่มโขง–จีนตอนใต้–อาเซียน และมี แพ็กเกจจูงใจสายการบิน พร้อมหรือไม่ (เช่น สลอต–บริการภาคพื้น–โปรโมชันร่วม)
- ข้อมูลแบบเปิด (Open Data) ของท่าอากาศยาน: ระบบจอ–การนับคิว–โหลดในเทอร์มินัล หากเปิดข้อมูลเชิงสถิติ (ไม่ระบุตัวบุคคล) เป็น แดชบอร์ดสาธารณะ จะช่วยผู้โดยสาร–ผู้ให้บริการ–ท้องถิ่นวางแผนได้แม่นขึ้น
- สมดุลงบสิ่งแวดล้อม–ประสบการณ์ผู้โดยสาร: Solar Rooftop, โลจิสติกส์ขยะ, คุณภาพอากาศในอาคาร, และการออกแบบสัญลักษณ์ล้านนา–พื้นที่สาธารณะ ควรเดินคู่กันให้สนามบิน “เป็นของเมือง” ไม่ใช่แค่ “ของการบิน”
“สองรางขนาน”—รางหนึ่งคือแบบใหญ่ อีกหนึ่งคือการปรับเล็ก ๆ ทุกวัน
สิ่งที่เกิดขึ้นกับ แม่ฟ้าหลวง–เชียงราย วันนี้สะท้อน สองรางขนาน ที่สนามบินยุคใหม่ต้องเดินพร้อมกัน
- รางที่หนึ่ง: พิมพ์เขียวระยะยาว—TEAMG กับพันธมิตรวาง “เฟส 1” ให้รองรับ 6 ล้านคน/ปี พร้อมโครงสร้าง Airside–Terminal–Systems ที่ต่อยอดได้
- รางที่สอง: ปรับเล็ก–ไว–ทุกวัน—ทีมบริหารสนามบินลงมือแก้ Gate, ทดลอง Free Lounge, ปั้นลานจอดรถพลังงานสะอาด, เร่ง MRO, และ ซ้อม BCP ให้พร้อมวันไม่ปกติ
หากทั้งสองรางขับเคลื่อนต่อเนื่องโดย “ฟังข้อมูลจริง–ฟังเสียงผู้โดยสาร–ฟังเมือง” เชียงรายจะไม่เพียงได้สนามบินที่สวยและใหม่ขึ้น แต่จะได้ สนามบินที่ฉลาด–ยืดหยุ่น–เป็นของทุกคน รองรับอนาคตของ “เหนือ–ลุ่มโขง” อย่างสมศักดิ์ศรี

ข้อมูลโครงการ (ย่อ)
- เจ้าของโครงการ: บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) – ทอท.
- ผู้รับจ้างสำรวจ–ออกแบบ (เฟส 1): TEAMG และพันธมิตร
- มูลค่า: 205.20 ล้านบาท
- เป้าหมายรองรับผู้โดยสาร: ≥ 6 ล้านคน/ปี (ระหว่างประเทศ 1 ล้าน + ภายในประเทศ 5 ล้าน)
- ขอบเขตออกแบบหลัก: ทางขับขนานทิศใต้, ขยายลานจอดด้านทิศใต้, เชื่อมอาคารผู้โดยสารใหม่–เดิม, ระบบสนับสนุนท่าอากาศยานอัจฉริยะ
- มาตรฐานความต่อเนื่องทางธุรกิจ: ISO 22301:2019 (ซ้อม BCP สถานการณ์ “อุทกภัย” 27 ส.ค. 2568)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) – AOT: ข้อมูลเชิงนโยบายและกรอบการพัฒนาท่าอากาศยานภูมิภาค
- บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) – TEAMG: ข่าวการได้รับงานสำรวจ–ออกแบบโครงการพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ระยะที่ 1 (14 ส.ค. 2568)
- สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT): กรอบการกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยสนามบินและการอนุญาตโครงการ MRO
- ท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง เชียงราย: ข้อมูลการบริหารจัดการอาคารผู้โดยสารและมาตรการลดความคับคั่ง น.ต.ดร.สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
- ISO 22301:2019 – Security and resilience — Business continuity management systems — Requirements: กรอบมาตรฐานการจัดทำและทดสอบแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP)
- นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย