Categories
AROUND CHIANG RAI

แสงสำเร็จแห่งเมืองพะเยา อุโมงค์แม่กาพลิกเกม เร่งก่อสร้างรถไฟทางคู่สู่เชียงของ

รถไฟทางคู่ภาคเหนือ “เด่นชัย–เชียงราย–เชียงของ” เดินหน้าครบครึ่งทาง เจาะทะลุอุโมงค์แม่กาเร็วกว่าแผน 10 เดือน สู่ฤดูกาลเร่งเครื่องก่อนเปิดใช้ปี 2571

เชียงราย/พะเยา, 14 ตุลาคม 2568 — แสงไฟสาดสะท้อนปลายโพรงหิน ก่อนเสียงปรบมือดังพร้อมเสียงหวูดเครื่องจักรดังก้องในหุบเขา… “แสงสำเร็จแห่งเมืองพะเยา” ไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลอง หากคือจุดพลิกเกมของ โครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ เด่นชัย–เชียงราย–เชียงของ เมื่อ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ประกาศ เจาะทะลุอุโมงค์แม่กา ตำบลแม่กา อำเภอเมืองพะเยา ได้ เร็วกว่าแผนถึง 10 เดือน ท่ามกลางภูมิประเทศเป็นเทือกเขาหินและฤดูกาลฝนที่ทดสอบวินัยของวิศวกรไทยกว่าหนึ่งปีเต็ม

ในพิธีบวงสรวงเพื่อความเป็นสิริมงคลเมื่อ 10 ตุลาคม 2568 ซึ่งมี นายอรรถพล เก่าประเสริฐ วิศวกรใหญ่ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง รฟท. เป็นประธาน พร้อมคณะวิศวกรโครงการ นำโดย นายธีระ รุ่งโรจน์สุวรรณ และ นายปัฐตพงษ์ บุญแก้ว ตลอดจนกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา CSDCC และผู้รับจ้าง กิจการร่วมค้าซีเคเอสที ดีซี 2 ความคืบหน้าชิ้นนี้ถูกยืนยันด้วยตัวเลขหน้างาน อุโมงค์แม่กา ยาว 2,700 เมตร (ขุดสองทิศรวม 5,400 เมตร) เดินหน้าแล้ว 59.76% เร็วกว่าเป้า 2.60% และช่วยผลักดันสถานะรวมทั้งโครงการให้ คืบหน้าเฉลี่ย 43.984% ณ กลางเดือนตุลาคม

การเจาะทะลุ “แม่กา” คือหมุดหมายสำคัญของ สัญญาที่ 2 (ช่วงงาว–เชียงราย) และเป็นสัญญาณว่าคอขวดด้านอุโมงค์—งานที่เสี่ยงและใช้เวลานานที่สุด—กำลังผ่านจุดหักเห เพื่อเปิดทางให้ “งานบนดิน” เร่งก่อสร้างราง ทางยกระดับ และสถานี รวม 26 สถานี ตลอดระยะทางกว่า 323 กิโลเมตร จาก อ.เด่นชัย จ.แพร่ ผ่าน จ.พะเยา–จ.เชียงราย สิ้นสุดที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งถูกออกแบบให้มีทั้ง ทางระดับดิน ทางยกระดับ และอุโมงค์ 4 แห่ง รวมความยาวอุโมงค์ กว่า 27 กิโลเมตร โดยเฉพาะ อุโมงค์งาว จ.ลำปาง ที่มีความยาว กว่า 6 กิโลเมตร เตรียมขึ้นแท่น อุโมงค์รถไฟยาวที่สุดแห่งใหม่ของไทย

โครงเรื่องใหญ่ของรางเหล็ก ทำไม “เด่นชัย–เชียงราย–เชียงของ” จึงสำคัญ

รถไฟสายใหม่นี้มิใช่แค่บรรทัดหนึ่งในแผนแม่บทคมนาคม หากคือ “เส้นเลือดฝอยเชื่อมเส้นเลือดใหญ่” ของเศรษฐกิจเหนือ จากแพร่–ลำปาง–พะเยา–เชียงราย ไปถึง ด่านพรมแดนเชียงของ ซึ่งเชื่อมต่อ สปป.ลาว และเครือข่ายโลจิสติกส์ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) อย่างมีนัยสำคัญ

  • ระยะทางรวม: ~323 กม.
  • สถานี: 26 สถานี (ออกแบบรองรับทั้งผู้โดยสารและสินค้าในบางสถานี)
  • รูปแบบเส้นทาง: ทางระดับดิน ทางยกระดับ และอุโมงค์ 4 แห่ง (รวมยาว >27 กม.)
  • อุโมงค์ไฮไลต์: อุโมงค์งาว >6 กม. (ลำปาง) ว่าที่อุโมงค์รถไฟยาวที่สุดในไทย
  • แผนเปิดใช้: ภายใน ปี 2571 (นับจากสถานะคืบหน้า 43.984% ณ ต.ค. 2568)

การมีรางคู่สายใหม่ที่ “สอดเข้าไป” กลางภูมิประเทศภูเขาสลับซับซ้อน หมายถึง การร่นเวลาเดินทาง–ขนส่ง, ลดต้นทุนโลจิสติกส์, เพิ่มความถี่และความตรงเวลา, และ เพิ่มความปลอดภัย เมื่อเทียบกับการขนส่งถนนบนทางลาดชัน ทั้งยังช่วยแบ่งเบาความแออัด–การสึกหรอสาธารณูปโภคทางหลวงสายหลักในฤดูกาลท่องเที่ยวและฤดูผลผลิต

จากปลายสว่านถึงปลายราง อุโมงค์คือ “ตัวตั้งเวลา” ของทั้งโครงการ

โครงการทางยาวในภูมิประเทศเป็นเทือกเขา วาระสำคัญคือ “จังหวะอุโมงค์” เพราะเป็นงานเสี่ยงสูง ใช้เครื่องจักรเฉพาะและทีมงานที่ต้องเดินหน้า 24 ชั่วโมง ภายใต้กรอบ ความปลอดภัย–ธรณีวิทยา–สภาพอากาศ ที่เปลี่ยนแปลงเร็ว

อุโมงค์แม่กา ที่เจาะทะลุได้เร็วกว่ากำหนดถึง 10 เดือน จึงเป็น “ตัวเร่งเวลา” ให้สัญญาที่ 2 สามารถโยกกำลังคน–เครื่องจักรไปหน้างานโครงสร้างอื่นได้เร็วขึ้น ในขณะที่ อุโมงค์งาว (ยาว >6 กม.) และอุโมงค์อื่นในแนวเส้นทางยังคงเป็น สมการหลัก ที่ผู้รับจ้างและ รฟท. ต้องบริหารความเสี่ยงแบบวันต่อวัน—ความสำเร็จของแม่กาเป็นทั้ง สัญญาณความพร้อม และ แรงใจ ของทีมวิศวกรด้านอุโมงค์ทั่วแนวเส้นทาง

แสงสำเร็จแห่งเมืองพะเยา” ภาพจำ–พลังใจ–ความเป็นเจ้าของร่วม

เบื้องหลังความเร็วกว่าแผน 10 เดือน ไม่ใช่แค่ความสามารถของเครื่องจักร แต่คือ การวางแผนเชิงรุก การจัดลำดับงาน (sequencing) และ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ–ที่ปรึกษา–ผู้รับจ้าง–ชุมชน การจัดพิธีบวงสรวง ณ ปากอุโมงค์แม่กา นอกจากเพื่อความเป็นสิริมงคล ยังสะท้อน “การสื่อสารสาธารณะ” ว่านี่คือ โครงการของชุมชน ไม่ใช่ “โครงการของรัฐฝ่ายเดียว” เสียงและสายตาของคนพะเยาที่เห็นแสงแรกในอุโมงค์ จึงเทียบได้กับการเห็น โครงสร้างพื้นฐานที่จับต้องได้ กำลังพุ่งเข้ามาในเมืองของตน

ภาพรวมความคืบหน้า 43.984% “ตัวเลขเดียว” ที่ซ่อนหลายสมการ

ตัวเลขรวม 43.984% บอกความจริงได้เพียงส่วนหนึ่ง โครงการใหญ่ที่ยาว 323 กม. มี ความต่างทางเทคนิค ระหว่างสัญญา/ตอน เช่น ตอนที่เป็นที่ราบ (งานดิน–คันทาง–สะพาน) จะเดินหน้าเร็วกว่าตอนที่มีอุโมงค์ยาวหรือทางยกระดับยาว ขณะเดียวกัน “งานระบบ” (ราง–สัญญาณ–โทรคมนาคม–ไฟฟ้า) มักไล่ตามหลังงานโยธา และจะเร่งตัวแรงมากในช่วง ปีสุดท้ายก่อนเปิดบริการ นั่นหมายความว่า แม้นาทีนี้จะยังไม่ถึง “ครึ่งหลัง” ของเวลาโครงการ แต่ ความเร็วเฉลี่ย ใน 12–18 เดือนข้างหน้าอาจสูงขึ้นอย่างชัดเจน หากอุโมงค์หลักคืบตามแผน

เศรษฐกิจที่รอราง จากฟาร์ม–โรงงาน–ด่านชายแดน สู่ตลาดใหม่

แม้ผู้สื่อข่าวจะยังไม่มีตัวเลขทางการเรื่อง เวลาที่ร่นลง หรือ ต้นทุนโลจิสติกส์ที่ลดลง สำหรับสายเด่นชัย–เชียงราย–เชียงของ (ตัวเลขดังกล่าวโดยปกติจะมาพร้อมรายงานประเมินผลหลังเปิดใช้) แต่ตรรกะพื้นฐานด้านโลจิสติกส์และประสบการณ์จากสายทางคู่อื่นในไทยชี้ว่า ผลกระทบเชิงบวกจะเกิด สามชั้น

  1. ชั้นจังหวัด — การเคลื่อนย้ายคน–ของระหว่างเมืองหลัก (แพร่–พะเยา–เชียงราย) รวดเร็วขึ้น เกิดอานิสงส์กับ ท่องเที่ยว (เมืองรอง), เกษตรแปรรูป, ผู้ประกอบการ SMEs และ นิคมอุตสาหกรรม/เขตส่งเสริม ที่อาจเกิดขึ้นตามสถานีขนาดใหญ่
  2. ชั้นภูมิภาคเหนือ–GMS — เชื่อม เชียงของ เข้ากับเครือข่ายสะพานข้ามโขง–สปป.ลาว เพิ่มทางเลือกขนส่งสินค้าออกนอกประเทศผ่านแดนตะวันออกเฉียงเหนือของภาคเหนือ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรสด/แช่เย็น/แปรรูปที่ต้องการ เวลา–ความเสถียร มากกว่าความเร็วสูงสุด
  3. ชั้นประเทศ — กระจายโครงสร้างพื้นฐานออกจาก คอขวดภาคกลาง ช่วยยืดอายุการใช้งานถนน–สะพานหลัก ลด externalities (การชน–มลพิษ–การสึกหรอ) และวางฐานให้ ตู้สินค้า–ขบวนรถ กลายเป็น “โครงกระดูก” ของระบบขนส่งที่ไทยพยายามสร้างสมดุลระหว่าง Road–Rail–River–Air

วิศวกรรม–ความปลอดภัย–สิ่งแวดล้อม สามเหลี่ยมที่ต้องสมดุล

งานอุโมงค์ในภูมิประเทศภาคเหนือบังคับให้โครงการต้อง เข้มข้นเรื่องความปลอดภัย ตั้งแต่การสำรวจธรณีวิทยา (ชั้นหิน–รอยเลื่อน–น้ำใต้ดิน), การออกแบบค้ำยัน, ระบบระบายอากาศ, ไปจนถึง การซ้อมอพยพฉุกเฉิน เมื่อทะลุทั้งสองปากแล้ว ยังต้องงาน “รองรับการเดินรถ” เช่น ช่องหลบภัย, ระบบดับเพลิง, ระบบตรวจจับควัน–กล้อง, และ การเชื่อมต่อสื่อสาร กับศูนย์ควบคุมการเดินรถ (OCC)

ด้านสิ่งแวดล้อม การเปิดหน้าดิน–ขุดอุโมงค์–ทำทางยกระดับในภูเขา ต้อง บริหารตะกอน–ดิน–น้ำ อย่างเคร่งครัด ทั้งในฤดูฝนและฤดูแล้ง ร่วมกับการปลูกป่าทดแทน–คืนผิวหน้าดิน–กำแพงกันดิน–ระบบระบายน้ำถาวร ก่อน–ระหว่าง–หลังงาน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อแหล่งน้ำสาธารณะและชุมชนลุ่มน้ำใกล้เคียง โดยเฉพาะช่วงพะเยา–เชียงรายที่ประชาชน ใช้แม่น้ำ–ลำห้วย เป็นฐานเศรษฐกิจชุมชน

สถานี–เมือง–พื้นที่รอบสถานี โอกาสและโจทย์ของ “การพัฒนาเชิงที่ดิน”

รถไฟสร้าง สถานี และสถานีสร้าง เมืองย่อย นี่คือสมการที่ไทยต้องวางแผน “TOD—Transit Oriented Development” ตั้งแต่วันนี้ เขตเมืองที่สถานีตั้งอยู่ (โดยเฉพาะสถานีหลักใน พะเยา–เชียงราย) ควรเตรียม ผังเมือง–ผังแม่บท รอบสถานีให้รองรับ ที่อยู่อาศัย–พาณิชยกรรม–บริการสาธารณะ–ลานเชื่อมต่อรถ–จักรยาน–คนเดิน พร้อมมาตรการคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อไม่ให้ การเก็งกำไร ทำลายความสมดุลราคาและคุณภาพชีวิตของคนท้องถิ่น

เปิดปี 2571” เส้นตายที่ต้องวิ่งด้วย “ความร่วมมือ”

เป้าหมาย เปิดบริการปี 2571 คือเส้นตายที่นับถอยหลังแล้ว นอกจากอุโมงค์ที่เป็นคอขวด ยังมี “งานระบบ” (ราง–อาณัติสัญญาณ–ไฟ–สื่อสาร), “จัดขบวนรถ–ทดสอบ”, “ความพร้อมฝ่ายเดินรถ–ซ่อมบำรุง”, และ “ความปลอดภัยอุโมงค์” ที่ต้องผ่านเกณฑ์ทดสอบหลายชั้น ก่อนเปิดเดินรถพาณิชย์จริง การรักษาโมเมนตัมหลัง “แม่กา” จึงต้องอาศัย สี่ขา เดินพร้อมกัน—รฟท. ในฐานะเจ้าของโครงการ, ผู้รับจ้าง ในฐานะมือปฏิบัติ, ที่ปรึกษา ในฐานะผู้พิสูจน์คุณภาพ และ ชุมชน–ท้องถิ่น ในฐานะเจ้าของพื้นที่ตัวจริง

เมื่อรถไฟมาถึง เราพร้อมหรือยัง

รถไฟคือโครงสร้างพื้นฐาน แต่ผลลัพธ์คือ วิถีชีวิตใหม่ เมืองท่องเที่ยวอย่างเชียงราย–พะเยาอาจเห็น แพ็กเกจเที่ยว 2–3 วัน ที่ยึด “สถานีรถไฟ” เป็นจุดตั้งต้น โรงงานแปรรูป–คลังสินค้าอาจขยับตามแนวทางคู่ และ โลจิสติกส์ชายแดนเชียงของ อาจมีกรอบความร่วมมือใหม่กับฝั่งลาว เพื่อให้ “ของไหลลื่น” ต้นทุนบีบลง คุณภาพชีวิตดีขึ้น ขณะเดียวกัน ความปลอดภัยชุมชน–สิ่งแวดล้อม–เสียง–ฝุ่น–จราจรหน้าสถานี ต้องถูกคิดล่วงหน้าและบริหารแบบ ร่วมออกแบบ กับคนพื้นที่

“แสงสำเร็จแห่งเมืองพะเยา” จึงไม่ใช่จุดจบของงานอุโมงค์ แต่เป็น ไฟสัญญาณ ว่าโครงการเข้าโค้งครึ่งหลังแล้ว ความคืบหน้า 43.984% คือสัญญาว่าถ้าเรารักษาจังหวะงาน ควบคู่กับการสื่อสาร–มีส่วนร่วม–ดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ทางคู่สายใหม่ เด่นชัย–เชียงราย–เชียงของ จะกลายเป็น กระดูกสันหลังโครงสร้างพื้นฐานภาคเหนือ ที่จับต้องได้ใน ปี 2571 ตามที่สังคมคาดหวัง

สรุปสถานะและสาระสำคัญ (เพื่อการตัดสินใจ/การทำงาน)

  • สถานะโครงการ (ต.ค. 2568): คืบหน้าเฉลี่ย 43.984%
  • เหตุการณ์เด่น: เจาะทะลุอุโมงค์แม่กา ได้เร็วกว่าแผน 10 เดือน ความก้าวหน้างานอุโมงค์ 59.76% เร็วกว่าเป้า 2.60%
  • องค์ประกอบโครงสร้างหลัก: ทางระดับดิน–ยกระดับ–อุโมงค์ 4 แห่ง (รวมยาว >27 กม.), สถานีรวม 26 แห่ง, ระยะทางรวม ~323 กม.
  • อุโมงค์ยาวที่สุด: อุโมงค์งาว จ.ลำปาง ยาว >6 กม. (ว่าที่อุโมงค์รถไฟยาวที่สุดในไทยแห่งใหม่)
  • กำหนดเปิดใช้: ปี 2571 (ภายใต้เงื่อนไขงานโยธา–ระบบ–ทดสอบเป็นไปตามแผน)
  • ประโยชน์คาดหมาย ร่นเวลาเดินทาง, ลดต้นทุนโลจิสติกส์, เสริมโอกาสเมืองรอง–ท่องเที่ยว–สินค้าเกษตร–โลจิสติกส์ชายแดน, กระจายความหนาแน่นจากถนนสายหลัก
  • ความเสี่ยงที่ต้องบริหาร ธรณีวิทยาอุโมงค์–ความปลอดภัย, สิ่งแวดล้อม–น้ำ–ตะกอน, การส่งมอบพื้นที่, จังหวะผังเมืองรอบสถานี (TOD), กำลังคนเดินรถ–ซ่อมบำรุง

บันทึกชื่อบุคคล/หน่วยงานจากเหตุการณ์ 10 ตุลาคม 2568 

  • ประธานพิธีบวงสรวง: นายอรรถพล เก่าประเสริฐ — วิศวกรใหญ่ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง การรถไฟแห่งประเทศไทย
  • คณะวิศวกรโครงการ: นายธีระ รุ่งโรจน์สุวรรณ, นายปัฐตพงษ์ บุญแก้ว
  • กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา: CSDCC
  • ผู้รับจ้าง: กิจการร่วมค้าซีเคเอสที ดีซี 2
  • เหตุการณ์: เจาะทะลุอุโมงค์แม่กา (พะเยา) เร็วกว่าแผน 10 เดือน; ความก้าวหน้ารวมของโครงการ 43.984%

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
  • กระทรวงคมนาคม
  • สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข./OTP)
  • สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ./ONEP)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มฟล. แถลงความสำเร็จ ศูนย์ฝึกอบรม กำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะ

 

เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 67 ณ ห้องประชุมประดู่แดง 1 อาคารพลเอกสำเภา ชูศรี (E4) มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้จัดแถลงข่าวความสำเร็จโครงการ “ศูนย์ฝึกอบรมกำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะโดยใช้ Mixed Reality Simulation เพื่อรองรับศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของ เพื่อเชื่อมโยง GMS” โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ดรุณี วัฒนศิริเวช รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธีรวิศิฎฐ์ เลาหะเพ็ญแสง คณบดีสำนักวิทยาเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สันติชัย วิชา หัวหน้าโครงการฯ นายณัฐกฤต แก้วประทุม นักวิชาการขนส่งชํานาญการ คุณสรนพ บ้านใหญ่ SCGJWD Academy ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้

 

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม ดำเนินการจัดทำโครงการ “ศูนย์ฝึกอบรมกำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะโดยใช้ Mixed Reality Simulation เพื่อรองรับ ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของ เพื่อเชื่อมโยง GMS” มุ่งพัฒนากำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะ เสริมสร้าง ศักยภาพ รองรับการขยายตัวของศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของ เชื่อมโยง Greater Mekong Subregion (GMS)

 

โดยได้รับความร่วมมือจาก กรมการขนส่งทางบก โรงเรียนทักษะพิพัฒน์หรือ SCGJWD Academy บริษัท แอดวานซ์ อิน โฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยพะเยา ร่วมขับเคลื่อนและได้จัดตั้งศูนย์ฝึกกำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจริยะ (Mixed Reality Center of Excellence) จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของ ที่ผ่านมาทางโครงการฯ ได้ดำเนินการพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะ อาทิ ผู้ประกอบการธุรกิจนำเข้าและส่งออก พนักงานขับรถยกและรถบรรทุก เจ้าหน้าที่คลังสินค้า และนักศึกษารวมทั้งสิ้นกว่า 300 ราย และกำลังจะดำเนินการฝึกอบรมเพิ่มเติมทั้งในพื้นที่จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดพะเยา ให้มีความรู้ความสามารถที่ทันสมัย ผ่านหลักสูตรทั้งหมด 5 หลักสูตร ซึ่งรองรับรูปแบบการเรียนแบบผสมผสาน (Hybrid) ทั้งออนไลน์และห้องเรียน ตลอดจนให้ประสบการณ์เรียนรู้โดยใช้สถานการณ์เสมือนจริง (Simulation) ที่ได้มีการประยุกต์เข้ากับเทคโนโลยี Mixed Reality ผ่านแว่น HoloLens ภายใต้โครงการ ทั้งหมด 9 ตัว ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดข้อผิดพลาด ยกระดับการฝึกอบรมด้านโลจิสติกส์อัจริยะเพื่อรองรับศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นรวมทั้งช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันต่อไป

 

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มั่นใจว่าโครงการนี้จะบรรลุเป้าหมาย ส่งผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่และประโยชน์ต่อประเทศชาติ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาค ดึงดูดนักลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการค้าขาย เชื่อมโยง GMS การค้าขายการลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยว ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงต่อไป.

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News