Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ปลัด วธ. ชู CCAM เชียงราย ต้นแบบอารยสถาปัตย์ เชื่อม Soft Power กับความเสมอภาคทางวัฒนธรรม 2025

เชียงรายยกระดับ “พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย” คว้า Friendly Design Awards 2025 หนุน Cultural Tourism for All และ Soft Power เพื่อคนทั้งมวล

กรุงเทพมหานคร, 12 ธันวาคม 2568 – บรรยากาศบริเวณฮอลล์ 101 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ในช่วงสายของวันศุกร์เต็มไปด้วยผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน ศิลปิน คนพิการ ผู้สูงอายุ และสื่อมวลชนจากทั่วประเทศ ที่ต่างให้ความสนใจเข้าร่วมงาน “Thailand Friendly Design Expo 2025 : มหกรรมอารยสถาปัตย์ นวัตกรรมสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่ 9” ภายในงานเดียวกันนี้ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (Chiangrai Contemporary Art Museum – CCAM) โดยสมาคมขัวศิลปะ ได้รับการประกาศเกียรติคุณให้เป็นหนึ่งในแหล่งต้นแบบที่คว้ารางวัล “Friendly Design Awards 2025” ประเภท Soft Power for All

รางวัลดังกล่าวไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จด้านการออกแบบเพื่อคนทั้งมวล (Friendly Design) เท่านั้น หากยังสะท้อนการเติบโตของ “เมืองศิลปะและวัฒนธรรมเชียงราย” ที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นต้นแบบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคนอย่างแท้จริง

เวทีระดับชาติชูแนวคิด “Soft Power for All – Cultural Tourism for All”

พิธีเปิดงานจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Soft Power for All : เศรษฐกิจสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเพื่อคนทั้งมวล” โดยมีนายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายกฤษนะ ละไล ประธานมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ผู้ตรวจราชการ หน่วยงานพันธมิตร และผู้แทนชุมชนจากหลายจังหวัดเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

นายประสพ กล่าวว่า งานมหกรรม Thailand Friendly Design Expo จัดต่อเนื่องมาแล้วเป็นปีที่ 9 เป็นเวทีสำคัญในการแสดงให้เห็นถึงบทบาทของรัฐบาลและกระทรวงวัฒนธรรมในการ “ขยายโอกาสและความเสมอภาคทางวัฒนธรรม” ให้กับกลุ่มประชาชนที่มักถูกมองข้าม ได้แก่ เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ยากไร้ และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ผ่านการออกแบบพื้นที่ กิจกรรม และแหล่งเรียนรู้ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ถูกกีดกันจากข้อจำกัดทางร่างกายหรือเศรษฐกิจ

เขาย้ำว่า นโยบายสำคัญของกระทรวงวัฒนธรรมในปัจจุบัน คือการผลักดันแนวทาง “Culture for All” และ “Cultural Tourism for All” ให้เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ ด้วยการพัฒนาพื้นที่ทางวัฒนธรรมทั่วประเทศให้มีความทันสมัย ใช้งานสะดวก และเป็นมิตรกับคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ วัดวาอาราม โบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์ หรือชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

“ตลอด 9 ปีของการจัดงานร่วมกับมูลนิธิอารยสถาปัตย์ฯ เราเห็นชัดเจนว่ากลุ่มเปราะบางเข้าถึงกิจกรรมวัฒนธรรมมากขึ้น มีพื้นที่ในการแสดงออกและเรียนรู้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่คือความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมของการสร้างพื้นที่ทางวัฒนธรรมเพื่อทุกคน” ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมกล่าวในพิธีเปิดงาน

CCAM เชียงราย จากหอศิลป์ท้องถิ่นสู่ต้นแบบอารยสถาปัตย์ระดับชาติ

ท่ามกลางแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจากหลายจังหวัดที่ได้รับการคัดเลือกในปีนี้ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM) ถือเป็นตัวแทนของภาคเหนือที่โดดเด่นในมิติของการใช้ศิลปวัฒนธรรมเป็นฐานในการพัฒนาเมือง และออกแบบพื้นที่ให้รองรับ “คนทั้งมวล” อย่างเป็นรูปธรรม

CCAM ดำเนินงานโดยสมาคมขัวศิลปะ กลุ่มศิลปินและผู้ทำงานด้านศิลปะร่วมสมัยที่เติบโตจากภูมิภาคและสร้างชื่อเสียงให้เชียงรายในฐานะ “เมืองศิลปะร่วมสมัย” มาอย่างต่อเนื่อง การได้รับรางวัล Friendly Design Awards 2025 ประเภท Soft Power for All จึงสะท้อนทั้งมิติด้านการออกแบบพื้นที่ให้ทุกคนเข้าถึงได้ และมิติด้านการใช้ศิลปะเป็น Soft Power ในการเล่าเรื่องเชียงรายให้โลกภายนอกรับรู้

ในพิธีมอบรางวัล นายนิพนธ์ ใจนนท์ถี นายกสมาคมขัวศิลปะ และนางสาวบัวคำ ไชยวุฒิ คณะกรรมการขัวศิลปะ เป็นผู้แทน CCAM ขึ้นรับมอบโล่เกียรติคุณจากนายประสพ เรียงเงิน ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้ร่วมงาน โดยมีตัวแทนจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (วธ.ชร.) เข้าร่วมเป็นสักขีพยานและร่วมแสดงความยินดี

สำหรับ CCAM จุดเด่นไม่ได้อยู่ที่การเป็น “พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย” เพียงอย่างเดียว แต่ยังอยู่ที่การออกแบบอาคาร สภาพแวดล้อม ทางลาด ลิฟต์ ห้องน้ำ และระบบบริการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับแนวคิด “อารยสถาปัตย์” หรือ Friendly Design อันเป็นหัวใจของการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล ทั้งผู้สูงอายุ คนพิการ เด็กเล็ก และนักท่องเที่ยวที่มีข้อจำกัดด้านการเคลื่อนไหว

การได้รับรางวัลในครั้งนี้จึงเท่ากับเป็นการตอกย้ำว่า จังหวัดเชียงรายไม่ได้มีชื่อเสียงเฉพาะด้านงานศิลปะและสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังสามารถพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรมให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเข้าถึงของคนทุกกลุ่มตามแนวคิด Friendly Design ได้อย่างจริงจัง

รางวัล Soft Power for All ยกระดับเศรษฐกิจฐานรากควบคู่ความเสมอภาคทางวัฒนธรรม

รางวัล Friendly Design Awards 2025 ประเภท Soft Power for All ที่ CCAM ได้รับ เป็นหนึ่งในชุดรางวัลที่กระทรวงวัฒนธรรมและมูลนิธิอารยสถาปัตย์ฯ ร่วมกันมอบให้แก่แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและชุมชนทั่วประเทศ โดยในปีนี้มีชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ได้รับรางวัลรวม 5 แห่ง และแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอีก 12 แห่ง ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่ที่สามารถออกแบบสภาพแวดล้อม กิจกรรม และระบบบริการให้รองรับการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลได้อย่างเป็นรูปธรรม

ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมระบุว่า การมอบรางวัล Soft Power for All มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมให้พื้นที่ทางวัฒนธรรมไม่เพียง “สวยงาม” ในมิติของศิลปะและสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่ต้องเป็นพื้นที่ที่เปิดกว้างให้คนทุกกลุ่มสามารถเดินทางไปสัมผัส เรียนรู้ และใช้เวลาอยู่ในพื้นที่ได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากอย่างต่อเนื่อง

ในฐานะพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายศิลปินและชุมชนท้องถิ่น CCAM จึงมีบทบาทสำคัญในการต่อยอดสินค้าและบริการเชิงวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะร่วมสมัย งานหัตถกรรมพื้นบ้าน ผลิตภัณฑ์ชุมชน ตลอดจนกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ที่เชื่อมโยงระหว่างเมืองเชียงรายกับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เมื่อทุกกิจกรรมถูกออกแบบให้คนทุกกลุ่มเข้าได้อย่างเท่าเทียม รายได้ที่หมุนเวียนกลับสู่ชุมชนก็จะกระจายอย่างทั่วถึงมากขึ้น

นโยบาย Culture for All กับบทบาทของจังหวัดเชียงราย

จากมุมมองเชิงนโยบาย รางวัลที่ CCAM ได้รับถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างของการแปลงนโยบายระดับชาติมาสู่การปฏิบัติในพื้นที่จริง กระทรวงวัฒนธรรมได้กำหนดพันธกิจ “สืบสาน สร้างสรรค์ นำวัฒนธรรมไทยสู่อาคตอย่างยั่งยืน” ควบคู่กับการเน้นมิติ “ความเสมอภาคทางวัฒนธรรม” เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงพื้นที่เรียนรู้ทางวัฒนธรรมได้อย่างทั่วถึง

ในปี 2568 กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงขับเคลื่อนนโยบาย “Culture for All” ผ่านการพัฒนาและคัดเลือก “พื้นที่ทางวัฒนธรรมต้นแบบ” จากทั่วประเทศ เพื่อนำเสนอในงาน Thailand Friendly Design Expo 2025 ทั้งจากพิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน ชุมชนท่องเที่ยว และแหล่งเรียนรู้ที่เน้นการออกแบบเพื่อคนทั้งมวล

จังหวัดเชียงรายซึ่งมีภาพจำในสายตาของนักท่องเที่ยวว่าเป็นเมืองศิลปะ เมืองกาแฟ และเมืองท่องเที่ยวภูเขา จึงได้รับการผลักดันให้ก้าวสู่บทบาทของ “เมืองวัฒนธรรมเพื่อทุกคน” ผ่านการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบหลายแห่ง โดย CCAM เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนแนวคิดดังกล่าวได้ชัดเจน

การได้รับรางวัล Friendly Design Awards 2025 จึงไม่เพียงเพิ่มภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของเชียงรายในระดับประเทศ แต่ยังช่วยยืนยันว่าเมืองแห่งนี้มีศักยภาพพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุที่ต้องการพื้นที่เดินทางสะดวก คนพิการที่ใช้รถเข็น หรือครอบครัวที่มีเด็กเล็ก

อารยสถาปัตย์ เมื่อการออกแบบกลายเป็นสิทธิพื้นฐานของผู้คน

แก่นสำคัญของ Friendly Design หรืออารยสถาปัตย์ คือแนวคิดที่ว่า “การออกแบบที่ดี” ไม่ควรเป็นอภิสิทธิ์ของคนบางกลุ่ม แต่ต้องเป็นสิทธิพื้นฐานที่ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเท่าเทียม

ในบริบทของพิพิธภัณฑ์และแหล่งท่องเที่ยว การออกแบบในลักษณะนี้จะครอบคลุมตั้งแต่ทางลาดและทางสัญจรที่ใช้ได้ทั้งคนเดินเท้า รถเข็น และผู้ใช้ไม้เท้า ลิฟต์และห้องน้ำที่รองรับคนพิการ ระบบป้ายสัญลักษณ์ที่อ่านง่ายทั้งภาษาไทย–อังกฤษ รวมถึงสื่ออธิบายเนื้อหานิทรรศการที่คำนึงถึงผู้สูงอายุหรือผู้มีข้อจำกัดด้านการมองเห็นและการได้ยิน

การที่ CCAM ได้รับรางวัล Soft Power for All สะท้อนว่าพื้นที่แห่งนี้ได้ผสานแนวคิดอารยสถาปัตย์เข้ากับการจัดแสดงศิลปะร่วมสมัยได้อย่างลงตัว ทำให้พิพิธภัณฑ์ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่ของ “คนรักศิลปะ” แต่เป็นพื้นที่เรียนรู้ร่วมกันของคนทุกกลุ่มในสังคม

เมื่อมองในมิติของเชียงราย เมืองที่มีชื่อเสียงด้านการจัดกิจกรรมศิลปะ เช่น นิทรรศการ ศิลปะริมแม่น้ำ โครงการศิลป์กลางเมือง และเทศกาลท่องเที่ยวประจำปี การมีแหล่งเรียนรู้ที่ออกแบบเพื่อคนทั้งมวลยิ่งส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ “เมืองสร้างสรรค์” มีความครบถ้วนมากขึ้น

ผลต่อชุมชนและทิศทางในอนาคต

แม้รางวัล Friendly Design Awards 2025 จะเป็นเพียงหนึ่งในสัญลักษณ์เชิงเกียรติยศ แต่ในมิติการพัฒนาพื้นที่ รางวัลนี้มีความหมายต่อชุมชนเชียงรายอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และโอกาสทางสังคมของคนเปราะบาง

ในระยะสั้น การได้รับรางวัลจะช่วยเพิ่มการรับรู้ของนักท่องเที่ยวและหน่วยงานทัวร์ต่อพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย ในฐานะจุดหมายปลายทางที่ “ไปได้ทั้งครอบครัว” และ “เป็นมิตรกับผู้สูงอายุและคนพิการ” ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการท่องเที่ยวแบบครอบครัวขยายและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่กำลังเติบโต

ในระยะยาว การออกแบบพื้นที่ให้รองรับคนทั้งมวลจะช่วยให้คนในชุมชนที่มีข้อจำกัดด้านร่างกายหรืออายุ สามารถเข้าถึงกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรมได้มากขึ้น เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างรุ่นและระหว่างกลุ่มคนที่หลากหลาย ซึ่งล้วนเป็นพื้นฐานสำคัญของสังคมที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

ในภาพรวม การที่จังหวัดเชียงรายมีทั้งโครงการด้านภัยพิบัติที่นำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการน้ำท่วม และการผลักดันแหล่งวัฒนธรรมต้นแบบอย่าง CCAM ที่ใช้แนวคิด Friendly Design แสดงให้เห็นทิศทางการพัฒนาจังหวัดที่มองทั้ง “ความปลอดภัย” และ “คุณภาพชีวิต” ของประชาชนควบคู่กันไป ไม่ว่าจะเป็นในมิติสิ่งแวดล้อมหรือวัฒนธรรม

เชียงรายบนเส้นทาง Soft Power เพื่อคนทั้งมวล

การคว้ารางวัล Friendly Design Awards 2025 ประเภท Soft Power for All ของพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงรายในครั้งนี้ จึงเป็นมากกว่าการได้รับโล่รางวัลหนึ่งชิ้น หากแต่เป็นหมุดหมายที่สะท้อนการเคลื่อนตัวของเชียงรายสู่การเป็น “เมืองศิลปะและวัฒนธรรมที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

ภายใต้นโยบาย “Culture for All” และแนวคิด “Cultural Tourism for All” ของกระทรวงวัฒนธรรม การขับเคลื่อนของสมาคมขัวศิลปะและเครือข่ายในพื้นที่ ทำให้ CCAM กลายเป็นตัวอย่างชัดเจนของการใช้ศิลปวัฒนธรรมเป็น Soft Power เพื่อสร้างรายได้ เพิ่มโอกาส และสร้างพื้นที่ที่เป็นมิตรสำหรับทุกคน

เมื่อแหล่งเรียนรู้ทางศิลปะในต่างจังหวัดอย่างเชียงรายสามารถยืนอยู่บนเวทีระดับชาติในฐานะต้นแบบ Friendly Design ได้อย่างภาคภูมิ ก็เป็นสัญญาณเชิงบวกว่าการออกแบบเพื่อคนทั้งมวลกำลังขยายผลจากเมืองหลวงสู่ภูมิภาค และเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มได้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางของ Soft Power ไทยอย่างเท่าเทียม

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  • กระทรวงวัฒนธรรม
  • มูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล – ข้อมูลแนวคิด Friendly Design, รายละเอียดงาน Thailand Friendly Design Expo และโครงการรางวัล Friendly Design Awards 2025
  • สมาคมขัวศิลปะ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (Chiangrai Contemporary Art Museum – CCAM)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ผู้ว่าฯ ชูเชียงรายเมืองศิลปะ! ขัวศิลปะจัดงานใหญ่ 3 เดือน ผสาน Artist Talk และ Art Market สู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์

ขัวศิลปะจัด “นิทรรศการประจำปี ครั้งที่ 14” ที่ CCAM ตอกย้ำเชียงรายในฐานะเมืองศิลปะ และเวทีหลักของศิลปินไทยร่วมสมัย

เชียงราย, 7 ธันวาคม 2568 – ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (Chiang Rai Contemporary Art Museum – CCAM) สมาคมขัวศิลปะจัดพิธีเปิด “นิทรรศการประจำปีขัวศิลปะ ครั้งที่ 14” อย่างเป็นทางการ บรรยากาศภายในงานคึกคักด้วยขบวนศิลปิน สถาปนิก นักออกแบบ ภาคีเครือข่ายด้านวัฒนธรรม ตลอดจนผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง สะท้อนให้เห็นว่า “ศิลปะ” ไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวของสังคมเชียงรายอีกต่อไป

พิธีเปิด  6 ธันวาคม 2568 ได้รับเกียรติจาก นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมด้วยศิลปินแห่งชาติ อาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ และคณะศิลปินเชียงรายร่วมเป็นสักขีพยาน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า

“เชียงรายเป็นเมืองที่มีศิลปินพำนักอยู่มากที่สุดในประเทศไทย เป็นหลักฐานชัดเจนว่าเชียงรายคือเมืองแห่งศิลปะ และเมืองแห่งศิลปินอย่างแท้จริง”

คำกล่าวนี้ไม่เพียงเป็นถ้อยแถลงเชิงสัญลักษณ์ แต่ยังสะท้อนทิศทางนโยบายจังหวัดที่เลือก “ศิลปะและวัฒนธรรม” เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม

14 ปีของเจตนารมณ์ “เชื่อมคน เชื่อมศิลปะ เชื่อมวัฒนธรรม”

นายนิพนธ์ ใจนนท์ถี นายกสมาคมขัวศิลปะ ระบุว่า การจัดนิทรรศการประจำปีครั้งนี้ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 14 แล้ว สะท้อนความมั่นคงของสมาคมในฐานะองค์กรศิลปะที่เติบโตจากภาคประชาชนและศิลปินเอง ไม่ใช่โครงการระยะสั้นที่เกิดขึ้นแล้วจบไป

ภายใต้เจตนารมณ์ “เชื่อมคน เชื่อมศิลปะ เชื่อมวัฒนธรรม” สมาคมขัวศิลปะทำหน้าที่เสมือน “ขัว” หรือ “สะพาน” ตามคำในภาษาเหนือ ที่เชื่อมต่อสามมิติสำคัญเข้าด้วยกันคือ

  1. เชื่อมศิลปินกับสังคม – ทำให้ผลงานและตัวตนของศิลปินเข้าถึงผู้ชมทั่วไป ไม่จำกัดอยู่ในวงแคบของนักสะสม
  2. เชื่อมวัฒนธรรมดั้งเดิมกับศิลปะร่วมสมัย – เปิดพื้นที่ให้ศิลปินตีความเมืองเชียงรายด้วยภาษาศิลปะสมัยใหม่ แต่อิงรากทางวัฒนธรรมเดิม
  3. เชื่อมท้องถิ่นกับเวทีประเทศและนานาชาติ – ผ่านการเชิญศิลปินรับเชิญจากหลายภูมิภาค และการใช้พื้นที่อย่าง CCAM เป็นเวทีมาตรฐานระดับประเทศ

การที่สมาคมสามารถยืนหยัดมาถึงปีที่ 14 ได้ แสดงให้เห็นว่า โมเดลองค์กรศิลปะที่นำโดยศิลปิน (Artist-led Organization) สามารถบริหารจัดการตนเองได้อย่างยั่งยืน หากมีวิสัยทัศน์ชัดเจนและสร้างความเชื่อมั่นจากภาคส่วนอื่นได้อย่างต่อเนื่อง

โครงสร้างนิทรรศการ มากกว่า 150 ผลงาน และเทศกาลศิลปะตลอด 3 เดือน

นิทรรศการประจำปีครั้งนี้จัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยกว่า 150 ชิ้น ครอบคลุมสื่อหลากหลายประเภท ทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม สื่อผสม ภาพถ่าย และศิลปะแบบสื่อใหม่ จากศิลปินเชียงราย ศิลปินรุ่นใหม่ และศิลปินรับเชิญจากทั่วประเทศ

ตลอดระยะเวลา 3 เดือน การจัดงานไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการ “เดินชมภาพ” ภายในห้องจัดแสดง แต่ถูกออกแบบให้เป็นลักษณะ เทศกาลศิลปะต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรมคู่ขนาน เช่น

  • Artist Talk ให้ศิลปินเล่าที่มาของผลงานด้วยตนเอง
  • เวิร์กช็อปศิลปะ สำหรับเยาวชนและประชาชนทั่วไป
  • กิจกรรมสำหรับเด็กและครอบครัว เพื่อปลูกฝังการมองศิลปะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
  • การแสดงดนตรีและศิลปะการแสดง เพิ่มมิติทางประสบการณ์ให้ผู้เข้าชม
  • ตลาดศิลปะและโซนอาหารพื้นเมือง เชื่อมศิลปะกับเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน

สมาคมขัวศิลปะตั้งเป้าผู้เข้าชมไว้ไม่ต่ำกว่า 15,000 คน ตลอด 3 เดือนของการจัดแสดง ซึ่งหากบรรลุเป้าหมาย ตัวเลขดังกล่าวจะไม่ใช่เพียง “จำนวนคนเดินชมงาน” แต่หมายถึงเม็ดเงินที่ไหลเวียนสู่ร้านอาหาร ที่พัก ร้านกาแฟ แท็กซี่ท้องถิ่น และผู้ค้าชุมชนรอบพื้นที่ CCAM ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างชัดเจน

จากที่ดิน 5 ไร่ สู่พิพิธภัณฑ์ร่วมสมัย พลังการลงทุนของศิลปิน

หนึ่งในจุดแข็งที่ทำให้เชียงรายโดดเด่นเหนือเมืองอื่น คือการมี “ศิลปินชั้นนำระดับชาติ” ลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางศิลปะด้วยตนเอง

  • อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินชื่อดัง ได้มอบที่ดินจำนวน 5 ไร่ เพื่อพัฒนาเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM) และเคยเป็นผู้มอบทุนตั้งต้นในการจัดตั้งกองทุนศิลปินเชียงราย
  • อาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ ศิลปินแห่งชาติ เจ้าของ “ดอยดินแดง” และนายกสมาคมขัวศิลปะคนแรก ทำหน้าที่วางรากฐานการรวมตัวของศิลปินเชียงรายและสร้างมาตรฐานงานสร้างสรรค์ที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศ

บทบาทของศิลปินทั้งสองท่าน ทำให้ขัวศิลปะไม่ได้เป็นเพียงหอศิลป์ขนาดกลางในจังหวัด แต่กลายเป็น “โครงสร้าง/ระบบ” ที่มีทั้งหอศิลป์ดั้งเดิม ร้านอาหาร (เช่น ครัวศิลปิน) พื้นที่เวิร์กช็อป และ CCAM เป็นปลายทางของงานระดับชาติ–นานาชาติ

ด้วยเหตุนี้ นิทรรศการประจำปีครั้งที่ 14 ที่ย้ายไปจัดที่ CCAM จึงสะท้อน “การยกระดับสถานะ” ของงานจากกิจกรรมของสมาคม ไปสู่การเป็น “กิจกรรมหลักของเมือง” อย่างชัดเจน

CCAM พื้นที่ศิลปะของเมือง และจังหวะเวลาที่สอดรับฤดูท่องเที่ยว

CCAM เปิดให้ประชาชนเข้าชมตั้งแต่วันอังคารถึงวันอาทิตย์ ทำหน้าที่เสมือน “ประตูเมืองทางวัฒนธรรม” ของเชียงราย ที่นักท่องเที่ยวสามารถบรรจุไว้ในโปรแกรมการเดินทางควบคู่ไปกับจุดหมายสำคัญอื่น ๆ เช่น วัดร่องขุน ดอยตุง หรือถนนคนเดินในตัวเมือง

การกำหนดช่วงเวลาจัดนิทรรศการระหว่าง พฤศจิกายน 2568 – กุมภาพันธ์ 2569 ถือเป็นการวางจังหวะเชิงกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับฤดูกาลท่องเที่ยวหลักของจังหวัด ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นและมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าพื้นที่จำนวนมาก การจัดงานศิลปะขนาดใหญ่ในช่วงนี้ จึงช่วยเพิ่ม “เหตุผลใหม่” ให้ผู้คนมาใช้เวลานานขึ้นในเมืองเชียงราย ไม่เพียงเพื่อชมธรรมชาติ แต่เพื่อสัมผัสประสบการณ์เชิงวัฒนธรรมที่ลึกขึ้น

ผสานพลังนิทรรศการระดับชาติ สร้าง “ความหนาแน่นทางศิลปะ” ให้เชียงราย

หนึ่งในกลยุทธ์ที่น่าสนใจในช่วงปลายปี 2568 คือ การจัดนิทรรศการสำคัญของประเทศให้ “ซ้อนทับ” อยู่ในช่วงเวลาเดียวกันกับงานประจำปีขัวศิลปะ ณ พื้นที่ CCAM เช่น นิทรรศการ “I AM FINE สัญจร ครั้งที่ 2” ที่รวบรวมผลงานและเรื่องเล่าชีวิตของศิลปินแถวหน้าของไทยหลายคน

การจัดนิทรรศการระดับชาติและกิจกรรมประจำปีของสมาคมในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้เชียงรายมี “ความหนาแน่นของเหตุการณ์ทางศิลปะ” สูงเป็นพิเศษในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดทั้งนักสะสม ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ สื่อมวลชน และนักท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้เดินทางขึ้นเหนือในช่วงเวลาเดียวกัน เพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินและการประชาสัมพันธ์ไปพร้อมกัน

เปลี่ยนผู้ชมให้เป็น “ผู้ร่วมสร้างประสบการณ์ศิลปะ”

ต่างจากภาพจำของ “หอศิลป์เงียบ ๆ” นิทรรศการครั้งนี้ถูกออกแบบให้ผู้เข้าชมมีบทบาทมากกว่าผู้สังเกตการณ์ ผ่านกิจกรรมเชิงโต้ตอบ (Interactive) หลายรูปแบบ เช่น

  • เวิร์กช็อปสำหรับเด็กและเยาวชน เพื่อให้การเรียนรู้ศิลปะเกิดขึ้นผ่านการลงมือทำ
  • เวทีสนทนาศิลปะ (Artist Talk) ที่เปิดโอกาสให้ตั้งคำถามและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับศิลปินโดยตรง
  • การใช้พื้นที่นอกห้องจัดแสดงเป็นลานกิจกรรม เปิดเพลง ขับกล่อมด้วยดนตรี และการแสดงในบรรยากาศสบาย ๆ ยามเย็น

แนวทางนี้ทำให้ “ศิลปะร่วมสมัย” ซึ่งมักถูกมองว่ายากและเข้าถึงลำบาก กลายเป็นประสบการณ์ที่จับต้องได้ เข้าใจได้ และสนุกกับได้ในทุกวัย เป็นการยกระดับ “สายตาศิลปะ” (Art Literacy) ของชุมชนอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ต่อเนื่องและเป็นระบบ

Artbridge Young Artist และศิลปะเพื่อสังคม เมื่องานศิลป์เดินออกจากผนังห้องจัดแสดง

อีกหนึ่งกลไกสำคัญที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังนิทรรศการ คือโครงการสำหรับศิลปินรุ่นใหม่อย่าง Artbridge Young Artist ที่เน้นให้ศิลปินไม่เพียงสร้างผลงานเพื่อจัดแสดง แต่ยังต้องออกแบบโครงการที่ใช้ศิลปะเข้าไป “เปลี่ยนพื้นที่จริง” และตอบโจทย์สังคมร่วมสมัย

ตัวอย่างกิจกรรมเช่น การออกแบบทางม้าลายร่วมกับโรงเรียนและชุมชน เพื่อนำลายเส้นจากจินตนาการของเด็ก ๆ ไปใช้จริงในพื้นที่ตลาดและเขตชุมชน โครงการลักษณะนี้ชี้ให้เห็นว่า สำหรับขัวศิลปะแล้ว ศิลปะไม่ใช่เพียงภาพแขวนผนัง แต่เป็นเครื่องมือในการทำให้เมืองน่าอยู่ ปลอดภัย และมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใด

บทบาทดังกล่าวช่วยขยายภาพของขัวศิลปะจาก “ผู้จัดนิทรรศการ” ไปสู่การเป็น “ผู้พัฒนาพื้นที่ด้วยศิลปะ” ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาเมืองเชิงสร้างสรรค์ (Creative City) ในระดับสากล

Art Market และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เมื่อการดูงานศิลป์เชื่อมต่อกับรายได้ของชุมชน

ภายในนิทรรศการมีการจัด “ตลาดศิลปะ” ควบคู่กับโซนจำหน่ายอาหารและของที่ระลึกท้องถิ่น เป้าหมายไม่ใช่เพียงให้ศิลปินมีพื้นที่วางขายงานของตนเอง แต่เป็นการทดลองโมเดล “ตลาดศิลปะที่เข้าถึงได้” เพื่อพิสูจน์ว่า งานศิลปะสามารถเป็นสินค้าที่อยู่ในชีวิตประจำวันของคนทั่วไป ไม่จำกัดแค่กลุ่มนักสะสมรายใหญ่

เมื่อเชื่อมต่อกับเป้าหมายผู้เข้าชม 15,000 คนตลอดระยะเวลา 3 เดือน นิทรรศการประจำปีขัวศิลปะจึงกลายเป็น “จุดยุทธศาสตร์” สำคัญของเศรษฐกิจสร้างสรรค์เชียงราย ที่เชื่อมสามเส้นเลือดคือ ศิลปิน–ผู้ประกอบการท้องถิ่น–นักท่องเที่ยว ให้ไหลเวียนถึงกันอย่างเป็นรูปธรรม

โมเดล Public–Private–Artist Partnership รัฐ–เอกชน–ศิลปิน ร่วมกันขับเคลื่อนเมืองศิลปะ

จากโครงสร้างการดำเนินงาน สามารถมองเห็นได้ชัดว่า นิทรรศการประจำปีครั้งที่ 14 ยืนอยู่บนโมเดลความร่วมมือแบบ Public–Private–Artist Partnership (PPAP) ได้แก่

  • ภาครัฐ (Public) – ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานด้านวัฒนธรรมร่วมให้การรับรอง สนับสนุน และบรรจุงานไว้ในปฏิทินกิจกรรมสำคัญของจังหวัด
  • ภาคเอกชน (Private) – ผู้ประกอบการท้องถิ่น ผู้สนับสนุนต่าง ๆ และเครือข่ายธุรกิจที่เข้ามาร่วมสนับสนุนด้านงบประมาณและการประชาสัมพันธ์
  • ภาคศิลปิน (Artist) – สมาคมขัวศิลปะ ศิลปินเชียงราย ศิลปินรับเชิญ และศิลปินรุ่นใหม่ ที่เป็นผู้ลงมือสร้างสรรค์ผลงานและกิจกรรมเชิงเนื้อหา

โมเดลนี้ทำให้ขัวศิลปะไม่ต้องพึ่งพิงงบประมาณรัฐเพียงด้านเดียว ในขณะเดียวกัน ภาครัฐก็สามารถใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือสื่อสารภาพลักษณ์จังหวัดและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ Creative City ได้อย่างมีน้ำหนักและความน่าเชื่อถือ เพราะตั้งอยู่บนฐานชุมชนจริง ไม่ได้เกิดจากโครงการชั่วคราวที่ “สร้างเสร็จแล้วเงียบหาย”

รักษามาตรฐานและความต่อเนื่องในวันที่เชียงรายถูกจับตามองมากขึ้น

เมื่อเชียงรายถูกยกให้เป็น “เมืองแห่งศิลปะและเมืองแห่งศิลปิน” ความคาดหวังจากทั้งสังคมในประเทศและต่างประเทศก็ย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย ความท้าทายสำคัญที่ตามมาคือ

  1. การรักษาคุณภาพและมาตรฐานของผลงาน – เมื่อจำนวนกิจกรรมและศิลปินเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องมีกลไกคัดสรรและดูแลคุณภาพอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้ “ปริมาณ” กลบ “คุณภาพ”
  2. การบริหารจัดการเชิงวิชาชีพ – การเติบโตของ CCAM และสมาคมขัวศิลปะต้องมาพร้อมการเสริมทักษะด้านบริหารหอศิลป์ การเงิน การสื่อสาร และการตลาด เพื่อรองรับงานระดับนานาชาติในอนาคต
  3. การยึดโยงกับชุมชนฐานราก – ยิ่งงานเติบโตมากเท่าใด ยิ่งต้องระวังไม่ให้ศิลปะถูกจำกัดอยู่ในวงการเฉพาะกลุ่ม เป้าหมายเรื่อง “เชื่อมคน เชื่อมศิลปะ เชื่อมวัฒนธรรม” จึงต้องถูกย้ำอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการที่ลงไปทำงานกับโรงเรียน ชุมชน และกลุ่มเยาวชนอย่างเป็นรูปธรรม

 “เชียงรายเมืองศิลปะ” จากคำขวัญสู่ข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้

นิทรรศการประจำปีขัวศิลปะ ครั้งที่ 14 ที่จัดขึ้น ณ CCAM ในปี 2568 ไม่ได้เป็นเพียงหมุดหมายในปฏิทินกิจกรรมศิลปะของจังหวัด หากแต่เป็น “หลักฐานเชิงประจักษ์” ว่าเชียงรายกำลังพัฒนาไปสู่การเป็นเมืองศิลปะระดับสากลด้วยกระบวนการที่มีระบบ มีฐานชุมชน และมีการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง

ผลงานกว่า 150 ชิ้น กิจกรรมต่อเนื่อง 3 เดือน เป้าหมายผู้เข้าชม 15,000 คน บทบาทของศิลปินแห่งชาติ การลงทุนที่ดินและทุนตั้งต้นของศิลปินชั้นนำ การสนับสนุนจากผู้ว่าราชการจังหวัด และโครงการพัฒนาศิลปินรุ่นใหม่ ล้วนผสานกันเป็น “โครงสร้าง” ที่ทำให้คำว่า “เชียงรายเมืองศิลปะ” ไม่ใช่เพียงคำขวัญสวยหรู แต่เป็นข้อเท็จจริงที่มองเห็นได้ ลงแตะพื้นที่เมือง และสัมผัสได้ในชีวิตคนเชียงรายอย่างเป็นรูปธรรม

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สมาคมขัวศิลปะ (Art Bridge Chiang Rai)
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (Chiang Rai Contemporary Art Museum – CCAM)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI EDITORIAL

‘ดร.สืบสกุล’ ชวนฟื้นฟูจิตใจหลังน้ำท่วม “มหาอุทกภัยเชียงราย 2567

เชียงรายจัดนิทรรศการศิลปะสะท้อนเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ 2567

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 ศิลปินจากจังหวัดเชียงรายและศิลปินจากทั่วประเทศจะร่วมกันจัดนิทรรศการศิลปะชื่อว่า “มหาอุทกภัยเชียงราย 2567 (Chiangrai Disaster Archives 2024)” เพื่อสะท้อนภาพเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่เชียงรายผ่านผลงานศิลปะหลากหลายประเภท

งานนิทรรศการที่จัดโดย ศิลปินแห่งชาติ ชลามชัย โฆษิตพิพัฒน์ จะเปิดเผยผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพถ่าย วิดีโออาร์ต และอินสตอลเลชัน มากกว่า 100 ชิ้น จากศิลปินทั้งภายในจังหวัดเชียงรายและจากต่างจังหวัดทั่วประเทศ

รายละเอียดงานนิทรรศการ

นิทรรศการ “มหาอุทกภัยเชียงราย 2567” จะจัดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM) ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2567 ถึงวันที่ 20 ธันวาคม 2567 โดยมีการเปิดงานอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 ตุลาคม 2567

งานนี้ไม่เพียงแต่เป็นการจัดแสดงผลงานศิลปะเท่านั้น แต่ยังเป็นการจดบันทึกเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่เชียงรายผ่านมุมมองของประชาชนและศิลปิน ทำให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับความรู้สึกและประสบการณ์จากเหตุการณ์น้ำท่วมผ่านงานศิลปะที่สร้างสรรค์

สัมภาษณ์พิเศษจาก ดร. สืบสกุล กิจนุกูล

ดร. สืบสกุล กิจนุกูล อาจารย์สำนักนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้ให้สัมภาษณ์กับทางสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์เกี่ยวกับโครงการศิลปะนี้ ว่า:

“น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในเชียงรายไม่เพียงแต่ทำลายทรัพย์สินและบ้านเรือนเท่านั้น แต่ยังสร้างขยะน้ำท่วมจำนวนมหาศาลภายในตัวเมือง โดยมีการประเมินขยะที่เกิดขึ้นประมาณ 50,000 ตัน ซึ่งขยะเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นตุ๊กตาที่คนใช้เป็นที่ระลึกหรือของเล่นที่กลายเป็นขยะหลังน้ำท่วม”

ดร.สืบสกุลกล่าวต่อว่า:

“ในขณะที่เราไปช่วยเก็บขยะและช่วยเหลือทางบ้าน เราได้นำตุ๊กตาที่ถูกทิ้งมาใช้ในโครงการนี้ โดยนำมาตกแต่งและฟื้นฟูให้กลับมาเป็นศิลปะ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและการฟื้นฟูจิตใจของผู้คนหลังน้ำท่วม เราต้องการให้ตุ๊กตาเหล่านี้เป็นตัวแทนในการส่งต่อความรักและความทรงจำของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม”

เป้าหมายของโครงการศิลปะ

โครงการนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างพื้นที่ในการเยียวยาจิตใจและฟื้นฟูความหวังของชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยการนำสิ่งของที่กลายเป็นขยะกลับมาสร้างสรรค์ใหม่เป็นงานศิลปะที่มีความหมายและคุณค่า นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของศิลปินและประชาชนในการสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงประสบการณ์และความรู้สึกในช่วงวิกฤต

ดร.สืบสกุลยังกล่าวเพิ่มเติมว่า:

“เราต้องการให้ตุ๊กตาเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นงานศิลปะเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือในการสร้างแรงบันดาลใจและความหวังให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เราหวังว่าผู้ที่เป็นเจ้าของตุ๊กตาเหล่านี้จะกลับมารับของที่พวกเขาเคยรัก และได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการฟื้นฟูนี้”

กิจกรรมพิเศษภายในนิทรรศการ

ในงานนิทรรศการจะมีการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้เข้าชม เช่น การจัดเวิร์กช็อปศิลปะ การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการฟื้นฟูชุมชนหลังน้ำท่วม และการแสดงผลงานศิลปะสดจากศิลปินที่เข้าร่วมงาน

นอกจากนี้ยังมีการจัดจำหน่ายสินค้าพิเศษ เช่น เสื้อยืดที่ออกแบบด้วยตุ๊กตาที่ถูกฟื้นฟูจากขยะน้ำท่วม ซึ่งเป็นที่ระลึกให้กับผู้ที่มาร่วมงานและสนับสนุนโครงการนี้

สรุป

นิทรรศการ “มหาอุทกภัยเชียงราย 2567” เป็นโอกาสที่ดีในการร่วมกันระลึกถึงเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในเชียงรายผ่านมุมมองของศิลปะ และเป็นพื้นที่ในการเยียวยาจิตใจและสร้างความหวังใหม่ให้กับชุมชนที่ได้รับผลกระทบ โครงการนี้ยังเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของศิลปินและประชาชนในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าและความหมาย

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมชมงานได้ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM) ตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. 2567 ถึงวันที่ 20 ธ.ค. 2567 และสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางช่องทางต่างๆ ของพิพิธภัณฑ์

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:

พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM)
ที่อยู่: https://maps.app.goo.gl/cszwdfWMKmgEqvBQ7
โทรศัพท์: 0884185431
เปิด อังคาร – อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 09.00 น. – 17.00 น.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News