Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เชียงรายจ่อเจ้าภาพ Spartan World Championships 3 ปี เปิดเกมยกระดับเมือง

เชียงรายสู่เวทีโลก เดินหน้าชิงเจ้าภาพ Spartan Super 2026–2028

เชียงราย, 14 สิงหาคม 2568 – เชียงรายยกระดับสู่เมืองกีฬา จังหวัดเดินหน้าชิงสิทธิ์เจ้าภาพ Spartan Super World Championships ต่อเนื่องสามปี หน่วยงานรัฐจัดประชุมเตรียมความพร้อมอย่างเป็นทางการเมื่อ 13 สิงหาคม วัตถุประสงค์คือจัดทำข้อเสนอเมืองเจ้าภาพที่ครบถ้วนเอกชนและเครือข่ายท้องถิ่นร่วมกำหนดทิศทางร่วมกัน

ภาพรวมสถานการณ์ล่าสุดของ Spartan ในไทย

ปี 2568 ไทยจัดซีรีส์ Spartan ระดับประเทศเต็มรูปแบบกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแถลงร่วมกับผู้จัดลิขสิทธิ์ งานดังกล่าวถือเป็นเทศกาลวิ่งวิบากระดับโลกในไทยเป้าหมายคือยกระดับกีฬาและการท่องเที่ยวเชิงกิจกรรม

รัฐบาลประเมินผลเชิงเศรษฐกิจไว้ชัดเจนการจัดซีรีส์ปี 2568 คาดดึงนักกีฬากว่า 60 ประเทศ มูลค่ากระตุ้นเศรษฐกิจประมาณ 1,500 ล้านบาท ตัวเลขนี้สะท้อนศักยภาพของกิจกรรมระดับนานาชาติ

สนามแรกปี 2568 จัดที่หัวหินสำเร็จด้วยดี ผู้จัดลิขสิทธิ์ไทยเข้าร่วมดูแลงานอย่างใกล้ชิด สื่อมวลชนไทยรายงานภาพรวมการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง โมเมนตัมจึงเกิดขึ้นทั้งในเชิงกีฬาและการท่องเที่ยว

คำถามใหญ่ เชียงราย “ได้สิทธิ์แล้ว” หรือยัง

วันนี้ยังไม่มีประกาศ “ยืนยัน” จาก Spartan Global เว็บไซต์ชิงแชมป์โลกของ Spartan แสดงกำหนดการถึงปี 2025 รายการ 10K Super World Champs ปี 2025 จัดที่ Mammoth, แคลิฟอร์เนีย ยังไม่ระบุเจ้าภาพ Super ปี 2026–2028 บนเว็บไซต์หลัก spartan.com

เพจ Find a Race ของ Spartan ระบุรายการ 2025 ชัดเจน รวมถึงหน้ารวมกิจกรรมที่อัปเดตเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบหน้าประกาศ Super Worlds ปี 2026 นักอ่านจึงควรติดตามประกาศอย่างเป็นทางการต่อเนื่อง

ด้านการแข่งขันระดับโลกปี 2026 มีข้อมูลสำคัญ Spartan ขึ้นหน้าอีเวนต์ Morzine Ultra World Championship 2026 กำหนดจัด 3–5 กรกฎาคม ที่มอรซีน ฝรั่งเศส ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนกลยุทธ์กระจายปลายทางการแข่งขัน

ขณะเดียวกัน โพสต์โซเชียลของ Spartan ระบุอีกข้อมูลหนึ่ง คลิปอินสตาแกรมสื่อสารว่า Ultra Worlds 2026 ไป Big Bear วันที่ 16–17 พฤษภาคมตามที่โพสต์เผยแพร่ประเด็นนี้ชี้ว่ากำหนดการอาจยังปรับได้ จึงต้องอ้างอิงประกาศสุดท้ายจากเว็บไซต์ทางการ

สรุปสถานะล่าสุดของ “เชียงรายปี 2026–2028” จังหวัดอยู่ในขั้นเดินหน้า “เสนอตัวและเตรียมพร้อม” หลายหน่วยงานประชุมเพื่อทำแผนเจ้าภาพสามปีแต่ยัง “ไม่ใช่” การประกาศสิทธิ์อย่างเป็นทางการจาก Spartan

2022 Spartan World Championship Recap Webster Becomes First Four-Time World Champion, Atkins Dethroned

ทำไม “เชียงราย” จึงมีโอกาสสูง

เชียงรายมีภูมิประเทศหลากหลายและท้าทายภูเขา ป่า แม่น้ำ เอื้อต่อสนาม OCR มาตรฐานโลก นักกีฬาได้เจอทั้งสภาพทางชันและด่านธรรมชาติ เมืองมีสนามบินนานาชาติและที่พักพร้อมรองรับข้อมูลนี้หนุนภาพเมืองกีฬาปลายทางอย่างชัดเจน

ไทยยังมีประสบการณ์จัดสนามหลายพื้นที่หัวหินเปิดซีซันปี 2568 ด้วยความสำเร็จ ขยายต่อที่เขาใหญ่และเชียงใหม่ในแผนงานปีนี้ ระบบจัดการอีเวนต์และอาสาสมัครพัฒนาอย่างต่อเนื่องฐานแฟนและนักกีฬาก็เพิ่มขึ้นทุกฤดูกาล

นอกจากนี้ ไทยมีกรณีศึกษาด้านอีเวนต์กีฬาแล้ว หน่วยงานไมซ์ชี้ตัวอย่างงานระดับนานาชาติหลายรายการ ระบบออดิทผลกระทบทางเศรษฐกิจเริ่มเป็นระบบ ความสามารถเช่นนี้สนับสนุนการยื่นข้อเสนอเชียงราย เมืองจึงพร้อมยกระดับมาตรฐานการจัดงาน

โครงสร้างสิทธิ์ชิงแชมป์โลกของ Spartan

Spartan จัดชิงแชมป์ตามประเภทระยะและรูปแบบ ปี 2025 มีชุดชิงแชมป์ครบทั้ง Ultra, Trifecta, Super รายการ 10K Super World Champs 2025 อยู่ที่ Mammothต่อด้วย 100M World Champs ในสัปดาห์ถัดไปปฏิทินแสดงโครงสร้างเวิลด์ซีรีส์ที่ชัดเจน

เว็บไซต์อีเวนต์ของ Morzine ยังตอกย้ำอีกมุมงานปี 2026 ระบุ Ultra Worlds และ Trifecta Weekend ปลายทางยุโรปรับช่วงจากปี 2025 อย่างต่อเนื่องรูปแบบนี้สะท้อนแนวคิดโรเตชันของปลายทางเมืองเจ้าภาพหมุนเปลี่ยนเพื่อขยายฐานนักกีฬา

ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจที่ “จับต้องได้”

ตัวเลขจากรัฐบาลไทยระบุภาพรวมชัดเจนซีรีส์ปี 2568 คาดเม็ดเงิน 1,500 ล้านบาท นักกีฬาต่างชาติเดินทางเข้าร่วมจำนวนมากโรงแรมและบริการท่องเที่ยวได้รับอานิสงส์ทันทีตัวเลขนี้เป็นฐานอ้างอิงที่มีนัยต่อเชียงราย

เมื่อโยงกับโครงสร้างเมืองเชียงราย รายได้กระจายสู่ที่พัก ร้านอาหาร และชุมชน ผู้ประกอบการท้องถิ่นรับโอกาสจากอุปสงค์ใหม่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬาเติบโตต่อเนื่อง เมืองจึงได้ทั้งชื่อเสียงและรายได้ยั่งยืน

จาก “สนามภาคเหนือ” สู่ “เจ้าภาพโลก”

ไทยเริ่มสะสมประสบการณ์จากหลายเมืองหัวหินสร้างความเชื่อมั่นด้านออแกไนซ์ เขาใหญ่เพิ่มมิติสนามภูเขาอย่างเข้มข้น. เชียงใหม่เตรียมจัด Trifecta ปลายปี 2568 ภาคเหนือจึงถูกจับตาในฐานะภูมิภาคศักยภาพ

เชียงรายก้าวตามด้วยแผนเสนอสิทธิ์หลายปีทีมจังหวัดทำการบ้านตามกรอบสากลใช้วิธีประเมินพื้นที่และโครงสร้างรองรับวางผังสนามท้าทายแต่ปลอดภัยตามมาตรฐาน ร่วมมือเอกชนและชุมชนอย่างเป็นระบบ

สตอรี่จึงค่อยๆ พาไปสู่แกนหลักเมืองพร้อมทั้ง “สถานที่จริง” และ “ทีมงานจริง”เป้าคือมาตรฐานระดับโลกที่ตรวจสอบได้เมืองต้องผ่านเงื่อนไขด้านความปลอดภัยเข้มงวดและต้องบริหารประสบการณ์ผู้ชมได้ราบรื่น

ประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

กำหนดการชิงแชมป์โลกปี 2026–2028. Spartan มีสิทธิ์ปรับประเภทและปลายทางผู้เกี่ยวข้องต้องอ้างอิงประกาศบนเว็บไซต์หลักสื่อโซเชียลอาจเป็นเพียงการสื่อสารเบื้องต้น การตัดสินใจสุดท้ายอยู่ที่ Spartan Globalกระบวนการเสนอสิทธิ์ของเชียงรายจังหวัดเผยภาพรวมการประชุมเตรียมพร้อมแล้ว ต้องจัดทำข้อเสนอด้านความปลอดภัยและโลจิสติกส์. ต้องมีแผนบริหารสิ่งแวดล้อมและมรดกท้องถิ่น และต้องสะท้อนผลประโยชน์สู่ชุมชนตัวชี้วัดผลกระทบทางเศรษฐกิจไทยมีกรอบประเมินของหน่วยงานไมซ์อยู่แล้วข้อมูลการออดิทช่วยยืนยันความคุ้มค่า เมืองควรตั้ง KPI ด้านรายได้และการจ้างงานรวมถึงความพึงพอใจของนักกีฬาและผู้ชม

ข้อเสนอเชิงนโยบายและปฏิบัติการ

เชื่อมแบรนด์เมืองกับแบรนด์รายการ สร้างธีม “Chiang Rai Sport Destination” ผสานวัฒนธรรมท้องถิ่นกับดีไซน์สนามสร้างเอกลักษณ์ที่จดจำได้ในทันที.

บริหารฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างชาญฉลาดวางวันแข่งให้สอดรับฤดูกาลกระจายกิจกรรมสู่ชุมชนโดยรอบทำแพ็กเกจท่องเที่ยวที่เชื่อมหลายอำเภอ

ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยอัพเดตโปรโตคอลด้านการแพทย์และกู้ภัยซ้อมแผนร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง ใช้เทคโนโลยีติดตามนักกีฬาที่โปร่งใส.

สร้างคนและอาสาสมัครท้องถิ่นเปิดคอร์สอบรมตามมาตรฐานผู้จัดระดับโลกพัฒนาเส้นทางอาชีพด้านอีเวนต์กีฬา. ต่อท่อบุคลากรสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว

สื่อสารเชิงข้อมูลแบบเรียลไทม์ตั้งศูนย์ข้อมูลสาธารณะหลายภาษาอัปเดตเส้นทางจราจรและบริการขนส่ง เปิดแดชบอร์ดสถิติผู้ร่วมงานแบบโปร่งใส

บทสรุป

เชียงรายกำลัง “สตาร์ตเครื่อง” สู่เจ้าภาพโลก. เมืองแสดงความพร้อมทั้งภูมิประเทศและระบบรองรับ. การประชุมล่าสุดยืนยันความตั้งใจของจังหวัดแต่การได้สิทธิ์ยังรอประกาศทางการของ Spartan ดังนั้น การสื่อสารต้องเที่ยงตรงและตรวจสอบได้

หากเชียงรายได้สิทธิ์สามปีจริงเมืองจะยกระดับสู่ปลายทางกีฬาในเอเชีย เศรษฐกิจท้องถิ่นจะได้รับผลเชิงบวกชัดเจน. ชุมชนจะได้ส่วนแบ่งโอกาสจากนักท่องเที่ยวคุณภาพ. และประเทศไทยจะเด่นชัดในแผนที่กีฬาโลก.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. ข่าวเปิดตัว Spartan Race Thailand 2025. Royal Thai Government
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย คว้า “สนามบินดีเด่น” ยืนหนึ่งด้านบริการและสังคม

ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ผงาดคว้ารางวัล “ท่าอากาศยานดีเด่น” ประจำปี 2568 ยืนหนึ่งผู้นำบริการ-รับผิดชอบต่อสังคมในโอกาสครบรอบ 46 ปี AOT 

ประวัติศาสตร์ใหม่ของท่าอากาศยานเชียงราย: รางวัลที่สะท้อนมาตรฐานระดับชาติ

เชียงราย, 7 กรกฎาคม 2568 – ในโอกาสครบรอบ 46 ปีแห่งการดำเนินงานของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ได้สร้างความภาคภูมิใจครั้งใหม่ให้กับชาวเชียงรายและภาคเหนือ ด้วยการคว้ารางวัล “ท่าอากาศยานดีเด่น” และ “กลุ่มหรือหน่วยงาน ทอท. ดีเด่น” ในพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติบุคลากรผู้ทรงคุณค่าของ AOT ประจำปี 2568 ที่จัดขึ้น ณ สำนักงานใหญ่ AOT กรุงเทพมหานคร

พิธีมอบรางวัลดังกล่าว มี นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ AOT เป็นประธาน เพื่อยกย่องพนักงานและหน่วยงานที่มีผลงานดีเด่นทั้งด้านบริการและการสนับสนุนสังคม นอกจากนี้ยังเป็นเวทีเพื่อเชิดชูเกียรติพนักงานที่ทำงานครบ 25 ปี อันเป็นรากฐานแห่งความมั่นคงและต่อยอดคุณภาพองค์กรตลอดระยะเวลาเกือบครึ่งศตวรรษ

แรงผลักดันสู่ความสำเร็จเมื่อบริการเหนือความคาดหมายกลายเป็นมาตรฐาน

การได้รับรางวัล “ท่าอากาศยานดีเด่น” และ “กลุ่มหรือหน่วยงาน ทอท. ดีเด่น” ในปีนี้ ไม่ได้มาโดยบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์ของการวางยุทธศาสตร์ การทุ่มเทอย่างเต็มที่ของผู้บริหารและพนักงานทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันขับเคลื่อน “สนามบินแม่ฟ้าหลวง” ให้เป็นศูนย์กลางคมนาคมและบริการของภาคเหนือที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน นักเดินทาง และภาคธุรกิจ

โดยเฉพาะบทบาทของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ในการช่วยเหลือสังคมรอบข้าง ทั้งการสนับสนุนในช่วงเกิดอุทกภัยจังหวัดเชียงราย และการประสานความร่วมมือกับองค์กรภายนอกในการพัฒนาเมือง เชียงรายจึงไม่ได้เป็นเพียง “ทางผ่าน” สำหรับนักเดินทาง แต่เป็น “ส่วนหนึ่งของชุมชน” ที่สร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน

รางวัลที่เป็นมากกว่าเครื่องหมายแห่งความสำเร็จ

รางวัลสำคัญที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้รับ ประกอบด้วย

  • รางวัล “กลุ่มหรือหน่วยงาน ทอท. ดีเด่น” สะท้อนถึงการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพของบุคลากรทุกคน โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือผู้ใช้บริการในทุกสถานการณ์
  • รางวัล “ท่าอากาศยานดีเด่น” รางวัลสูงสุดในปีนี้ ซึ่งยืนยันถึงมาตรฐานระดับสากล ทั้งด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ ระบบบริหารจัดการ และนวัตกรรมที่ถูกนำมาใช้พัฒนางานอย่างต่อเนื่อง
  • รางวัล “พนักงานดีเด่น” ที่มอบให้กับนางสาวจารุทรรศน์ สิงห์เรือง เจ้าหน้าที่พัสดุอาวุโส 5 ส่วนพัสดุ ทชร. ตอกย้ำถึงศักยภาพ ความตั้งใจ และความโปร่งใสของบุคลากร
  • รางวัล “บุคลากรหน่วยงานภายนอกผู้ทำคุณประโยชน์ให้ ทอท.” ที่มอบให้กับบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) สาขาเชียงราย สำหรับความร่วมมือและการสนับสนุนระบบสื่อสารสนามบิน

ภูมิหลังการเติบโตสถิติยืนยันสนามบินแม่ฟ้าหลวงเป็นศูนย์กลางใหม่ของภาคเหนือ

จากรายงานประจำปี 2567 ของ AOT ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงรายมีจำนวนผู้โดยสารกว่า 2.5 ล้านคนในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2566 และเที่ยวบินรวมกว่า 17,000 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 10% สะท้อนถึงศักยภาพและความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงเศรษฐกิจโลกจะมีความผันผวน

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ผู้ใช้บริการ นักท่องเที่ยว และภาคธุรกิจมีต่อสนามบินแม่ฟ้าหลวง ซึ่งกลายเป็น “ประตูสู่อินโดจีน” และเป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างภาคเหนือของไทยกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

วิเคราะห์ผลลัพธ์และแรงกระเพื่อมในระยะยาว

  1. ยกระดับภาพลักษณ์จังหวัดและประเทศ
    รางวัลที่ได้รับเป็นสิ่งยืนยันถึงศักยภาพของเชียงรายในการเป็นผู้นำการบริการระดับประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่การขนส่งทางอากาศ แต่ยังรวมถึงบทบาทเชิงสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค
  2. สร้างความเชื่อมั่นในตลาดธุรกิจและท่องเที่ยว
    ความสำเร็จของสนามบินช่วยดึงดูดการลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม โลจิสติกส์ และบริการ ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจเชียงรายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
  3. จุดประกายแรงบันดาลใจให้บุคลากรและองค์กรอื่น
    ความภาคภูมิใจและแรงบันดาลใจจากรางวัลจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้บุคลากรทุกคนเดินหน้าพัฒนาและยกระดับคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ขณะที่องค์กรอื่นๆ ก็สามารถนำแนวคิดของสนามบินแม่ฟ้าหลวงไปปรับใช้ เพื่อยกระดับมาตรฐานในอุตสาหกรรมของตนเอง

วิสัยทัศน์ใหม่ “ศูนย์กลางการบินแห่งอนาคต” ของภาคเหนือ

ภายใต้การนำของ น.ต.ดร.สมชนก เทียมเทียบรัตน์ และผู้บริหารรุ่นใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีแผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนเพื่อรองรับการเติบโตในอีก 10 ปีข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นการขยายพื้นที่ รองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ การนำระบบดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพบริการ และการเป็นสนามบิน “สีเขียว” ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว (BCG Model) ของประเทศ

เสียงสะท้อนจากผู้บริหาร

น.ต.ดร.สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย กล่าวว่า

“รางวัลเหล่านี้เป็นผลของความร่วมมือร่วมใจ และยืนยันถึงความตั้งใจของเราทุกคนที่จะผลักดันสนามบินแม่ฟ้าหลวงให้เป็นศูนย์กลางการบินของภาคเหนือ เราจะเดินหน้าต่อไป ทั้งด้านบริการ เทคโนโลยี และความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้สมกับความเชื่อมั่นของทุกคน”

สรุปและข้อคิดส่งท้าย

การที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้รับรางวัลใหญ่ในปีนี้ ไม่ใช่เพียงความสำเร็จขององค์กร แต่ยังเป็นความภาคภูมิใจของชาวเชียงรายและคนไทยทั้งประเทศ เป็นบทพิสูจน์ว่าองค์กรขนาดกลางในภูมิภาคสามารถยืนหยัดในเวทีระดับชาติและสร้างมาตรฐานใหม่ของการให้บริการและความรับผิดชอบต่อสังคม

ในอนาคต สนามบินแห่งนี้ยังมีศักยภาพที่จะเติบโตขึ้นอีกมาก สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และคุณภาพชีวิตของผู้คนในภาคเหนืออย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT). (2568). เอกสารข่าวประชาสัมพันธ์ พิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติบุคลากรผู้ทรงคุณค่าของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ประจำปี 2568
  • รายงานประจำปี 2567 ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
  • ข้อมูลสถิติผู้โดยสารและเที่ยวบิน ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ปี 2566-2567
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

ทอท.โชว์ผลงาน 6 เดือนแรก รายได้ทะลุเป้า หนุนสนามบินไทย

AOT เผยรายได้ 6 เดือนแรกปีงบประมาณ 2568 พุ่งแตะ 36,235 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าพัฒนาท่าอากาศยาน 6 แห่งทั่วประเทศ สู่การเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ประเทศไทย, 15 พฤษภาคม 2568 – บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT รายงานผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – มีนาคม 2568) โดยมีรายได้รวม 36,235.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 5.98 สะท้อนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินและการเดินทางภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ผ่อนคลายลง พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และบริการของท่าอากาศยานหลัก 6 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรองรับจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รายได้จากกิจการการบินเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ AOT เปิดเผยว่า ปริมาณเที่ยวบินในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 รวมทั้งสิ้น 414,377 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 237,511 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 176,866 เที่ยวบิน

ผู้โดยสารรวมทั้งหมด 68.42 ล้านคน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.76 แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 42.34 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 26.08 ล้านคน ซึ่งส่งผลให้รายได้จากกิจการการบินอยู่ที่ 18,188.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง ร้อยละ 17.82

เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน-บริการ-เทคโนโลยี มุ่งสู่ “Smart Airport – Smart Immigration”

เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว AOT ได้ดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องในท่าอากาศยานหลักทั้ง 6 แห่ง ได้แก่:

  • ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ: กำลังดำเนินโครงการขยายศักยภาพรองรับผู้โดยสารเพิ่มอีก 15 ล้านคนต่อปีภายในปี 2573
  • ท่าอากาศยานดอนเมือง: เตรียมขยายขีดความสามารถจาก 30 ล้านคนเป็น 50 ล้านคนต่อปีภายในปี 2576
  • ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และภูเก็ต: อยู่ระหว่างพัฒนาอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างท่าอากาศยานแห่งที่ 2 ในทั้งสองจังหวัด

ในด้านเทคโนโลยี AOT ได้นำระบบอัจฉริยะมาใช้บริการภายในสนามบินเพื่อยกระดับประสบการณ์ผู้โดยสาร อาทิ:

  • ระบบบริหารจัดการเที่ยวบินแบบ A-CDM
  • ระบบเช็กอินอัตโนมัติ
  • ระบบโหลดสัมภาระอัตโนมัติ
  • ระบบสแกนใบหน้า (Biometric)
  • ระบบตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (ABC)
  • การใช้ Thailand Digital Arrival Card (TDAC) แทน ตม.6 แบบเดิม

ระบบเหล่านี้ช่วยลดระยะเวลารอคอย เพิ่มความปลอดภัย และลดความแออัด โดยเริ่มใช้งานเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นมา

เดินหน้าพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์และร่วมลงทุน PPP สร้างรายได้ยั่งยืน

AOT ไม่เพียงมุ่งพัฒนาบริการสนามบิน แต่ยังได้ขับเคลื่อนโครงการพาณิชย์เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ได้แก่:

  • โครงการ AOT Property Showcase
  • โครงการ ลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น
  • โครงการ คลังสินค้า
  • การก่อสร้างอาคาร Junction Building อาคารจอดรถ และศูนย์เชื่อมต่อระบบราง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง

โดยทั้งหมดนี้เปิดรับการลงทุนในรูปแบบ ร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ซึ่งจะช่วยยกระดับการบริการและสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจรอบสนามบินให้เข้มแข็ง

การพัฒนาที่ยั่งยืน สู่เป้าหมาย Net Zero Emissions

ด้านสิ่งแวดล้อม AOT ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยติดอันดับ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ทั้งในระดับโลกและตลาดเกิดใหม่ต่อเนื่อง 6 และ 10 ปี ตามลำดับ และยังได้รับการจัดอันดับ SET ESG Ratings ระดับ A

AOT ตั้งเป้าเป็นองค์กรที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2587 ผ่านการดำเนินงาน เช่น:

  • การติดตั้งระบบ โซลาร์เซลล์
  • การใช้ พลังงานสะอาด
  • การเปลี่ยน ยานพาหนะในสนามบินเป็นระบบไฟฟ้า (EV)

ความสำเร็จระดับโลกสะท้อนภาพลักษณ์องค์กร

ปี 2025 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับการจัดอันดับจาก Skytrax ให้เป็นท่าอากาศยานที่ดีที่สุดอันดับที่ 39 ของโลก เพิ่มขึ้น 19 อันดับจากปีก่อน และติดอันดับ 3 ท่าอากาศยานที่พัฒนาดีที่สุดในโลก ขณะเดียวกันอาคาร SAT-1 ยังคว้ารางวัล Prix Versailles 2024 ในฐานะท่าอากาศยานที่สวยที่สุดในโลก

ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย กับบทบาทในระบบการบินภาคเหนือ

แม้จะเป็นท่าอากาศยานระดับภูมิภาค แต่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ยังคงมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างภูมิภาคเหนือกับศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ

ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงรองรับจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มประเทศ และยังได้รับการรับรอง ระดับ 2 (Level 2) ด้านคุณภาพบริการภายใต้โครงการ Customer Experience จากสภาท่าอากาศยานนานาชาติ (ACI) ซึ่งถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการของสนามบินในพื้นที่ระดับจังหวัด

บทบาท AOT ต่อเศรษฐกิจไทยและเชียงราย

จากภาพรวมการดำเนินงานของ AOT จะเห็นได้ว่าท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของบริษัทเป็น “ฟันเฟืองหลัก” ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในด้านการท่องเที่ยว การส่งออก และการลงทุน โดยมีการลงทุนทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สนามบินไทยสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก

ในขณะที่สนามบินระดับภูมิภาคอย่าง แม่ฟ้าหลวง เชียงราย ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยอิงกับการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นและการท่องเที่ยวภาคเหนือที่มีแนวโน้มเติบโต ซึ่งสะท้อนถึงกลยุทธ์แบบองค์รวมของ AOT ที่ไม่เน้นเพียงสนามบินหลักในเมืองใหญ่ แต่ยังพัฒนาท่าอากาศยานทั่วประเทศให้เติบโตอย่างสมดุล

สถิติที่เกี่ยวข้อง

รายการ

ข้อมูล

แหล่งอ้างอิง

รายได้รวม AOT

36,235.82 ล้านบาท

รายงาน AOT, พ.ค. 2568

กำไรสุทธิ

10,397.57 ล้านบาท

AOT

จำนวนเที่ยวบินทั้งหมด

414,377 เที่ยวบิน

AOT

จำนวนผู้โดยสารทั้งหมด

68.42 ล้านคน

AOT

เที่ยวบินระหว่างประเทศ

237,511 เที่ยวบิน

AOT

เที่ยวบินภายในประเทศ

176,866 เที่ยวบิน

AOT

รายได้จากกิจการการบิน

18,188.15 ล้านบาท

AOT

เป้าหมาย Net Zero Emissions

ภายในปี 2587

รายงานความยั่งยืน AOT

ระดับการรับรองบริการ ACI (เชียงราย)

Customer Experience Level 2

Airport Council International

AOT ยืนยันศักยภาพการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการบินของภูมิภาค ด้วยการพัฒนาเชิงรุก ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี การให้บริการ และความยั่งยืน สะท้อนถึงบทบาทที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับชาติควบคู่กับการยกระดับท่าอากาศยานภูมิภาคอย่าง “ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย” ที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นและการท่องเที่ยวของภาคเหนือ.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

AOT ผุดแผนเมืองใหม่ รอบสนามบิน ‘เชียงราย’

AOT จัดโชว์เคสพื้นที่เชียงราย 762 ไร่ ปั้นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่รอบสนามบิน

เชียงราย, 3 พฤษภาคม 2568 – บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดโอกาสครั้งสำคัญ จัดงาน “AOT Property Showcase: The Six Pillars of Opportunity” เพื่อดึงดูดภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนพัฒนาพื้นที่ศักยภาพสูงรอบสนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ขนาด 762 ไร่ รวมทั้ง 6 ท่าอากาศยานทั่วประเทศ มูลค่ารวมกว่า 28,800 ล้านบาท สร้างแรงขับเคลื่อนสู่การเป็น Aviation Hub แห่งภูมิภาคเอเชีย

เปิดฉากครั้งสำคัญของพื้นที่เศรษฐกิจเชียงราย

จังหวัดเชียงราย ได้รับเลือกเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่สนามบินแม่ฟ้าหลวง ขนาดพื้นที่รวม 762 ไร่ ซึ่ง AOT เตรียมพัฒนาภายใต้รูปแบบการเช่าที่ดินระยะยาว (Leasehold) สูงสุดถึง 30 ปี บริเวณพื้นที่นี้ตั้งอยู่ในตำแหน่งทำเลทอง ติดถนนสายหลักเข้าสู่ตัวเมืองเชียงราย เดินทางสู่สนามบินได้สะดวกภายใน 5 นาที พร้อมรองรับการลงทุนที่หลากหลายทั้งโรงแรมระดับพรีเมียม ศูนย์การค้า ศูนย์โลจิสติกส์ และโครงการที่พักอาศัยแบบครบวงจร

ภายในงานดังกล่าว ได้รับเกียรติจากนายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ กรรมการอิสระและประธานกรรมการบริหารความเสี่ยง AOT นางสาวไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล กรรมการ AOT และ นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ AOT ร่วมเป็นประธานพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ณ โรงแรม Mövenpick BDMS Wellness Resort กรุงเทพฯ

จุดยุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ ณ สนามบินเชียงราย

พื้นที่สนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มพื้นที่สำคัญอันดับต้นๆ จาก 6 เสาหลักของโอกาสการลงทุน (The Six Pillars of Opportunity) เนื่องจากมีจุดแข็งสำคัญคือทำเลที่ตั้งในเขตเมืองหลักของภาคเหนือ และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างชัดเจน โดยเฉพาะศักยภาพการเป็นประตูเชื่อมต่ออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา ลาว และจีนตอนใต้

นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ กล่าวว่า การพัฒนาพื้นที่สนามบินเชียงราย จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการผลักดันเชียงรายสู่เมืองเศรษฐกิจใหม่ (New Economic Hub) และเมืองการบินที่ครบวงจร โดยการลงทุนจากภาคเอกชนจะสร้างการจ้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อมให้กับประชาชนในพื้นที่ และยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ศักยภาพรอบด้าน ดึงดูดการลงทุนระดับนานาชาติ

จุดเด่นสำคัญของพื้นที่สนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย คือการเดินทางที่สะดวกรวดเร็ว เชื่อมต่อถนนสายหลัก เข้าสู่ตัวเมืองเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น วัดร่องขุ่น สิงห์ปาร์ค และแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติอีกมากมาย

นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวเพิ่มเติมว่า เชียงรายมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวที่โดดเด่น การลงทุนด้านที่พักและศูนย์การค้ารอบสนามบินจะช่วยรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวคุณภาพจากต่างประเทศ รวมทั้งยังสามารถพัฒนาเป็น Premium Outlet หรือศูนย์การค้าขนาดใหญ่ระดับภูมิภาค เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอีกด้วย

แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนและครบวงจร

AOT ได้วางแผนการลงทุนในพื้นที่สนามบินเชียงรายให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ประเทศ ทั้งในด้านโลจิสติกส์ การค้า การบริการ และการท่องเที่ยว รวมถึงการสนับสนุนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อรองรับความต้องการในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการโครงการ TDRI Economic Intelligence Service ให้มุมมองว่า การพัฒนาพื้นที่สนามบินเชียงรายจะช่วยสร้างศูนย์กลางการลงทุนใหม่ในภูมิภาคเหนือ และช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจระหว่างเมืองใหญ่กับเมืองรองได้อีกด้วย

สถิติสำคัญที่สนับสนุนการลงทุน

ข้อมูลจากกรมท่าอากาศยานและสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2567 พบว่า ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีผู้โดยสารใช้บริการกว่า 2.8 ล้านคนต่อปี เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 7-9 ต่อปี และมีเที่ยวบินรวมกว่า 18,000 เที่ยวบินต่อปี ทำให้เชียงรายติดอันดับ 4 ของท่าอากาศยานภูมิภาคที่มีจำนวนผู้โดยสารสูงสุดในประเทศไทย (รองจากภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่) ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดเชียงรายที่มีความชัดเจนและมั่นคงในระยะยาว

(ที่มา: กรมท่าอากาศยาน, สำนักงานสถิติแห่งชาติ)

วิเคราะห์และโอกาสในอนาคต

จากศักยภาพทำเล และแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของเชียงรายที่แข็งแกร่ง ประกอบกับการสนับสนุนจากภาครัฐในการผลักดันพื้นที่รอบสนามบินให้กลายเป็นเมืองเศรษฐกิจใหม่ ถือเป็นโอกาสทองที่นักลงทุนไม่ควรพลาด เนื่องจากจะได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว อีกทั้งยังช่วยสร้างประโยชน์ให้กับชุมชน และประชาชนในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย

สำหรับนักลงทุนที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในพื้นที่สนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย และสนามบินอีก 5 แห่งทั่วประเทศ สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายบริหารทรัพย์สิน AOT โทร. 0 2132 2031, 0 2132 2190

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT)
  • กรมท่าอากาศยาน
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ปี 2567)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

AOT สะเทือน “กีรติ” ลาออก เอฟเฟกต์การเมือง หรือดูแลครอบครัว

กีรติ ลาออกจาก AOT อย่างเป็นทางการ “สุริยะ” ยันไม่มีแรงกดดันทางการเมือง พร้อมย้ำความต่อเนื่องขององค์กรการบินแห่งชาติ

เริ่มต้นการเปลี่ยนผ่านในองค์กรสนามบินแห่งชาติ

ประเทศไทย, 23 เมษายน 2568 – วงการคมนาคมและอุตสาหกรรมการบินของไทยเกิดความเคลื่อนไหวสำคัญ เมื่อ ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ มีผลตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2568 เป็นต้นไป โดยให้เหตุผลเรื่องความจำเป็นในการดูแลบิดามารดาซึ่งมีอายุมากและสุขภาพไม่ดี

แม้เป็นการตัดสินใจที่สร้างความประหลาดใจให้กับหลายฝ่าย แต่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ออกมายืนยันในทันทีว่า การลาออกของนายกีรติไม่มีความเกี่ยวข้องกับแรงกดดันทางการเมืองแต่อย่างใด

การแถลงยืนยันจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

นายสุริยะ กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า ตนเองได้รับหนังสือลาออกจากนายกีรติแล้ว และยืนยันว่าทั้งหมดเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าตัว ไม่ได้มีแรงกดดันจากฝ่ายการเมือง หรือปัจจัยภายนอกเกี่ยวกับพรรคการเมืองใดเข้ามาเกี่ยวข้อง พร้อมกันนี้ยังปฏิเสธข่าวลือที่ระบุว่านายวิม รุ่งวัฒนจินดา หนึ่งในกรรมการ AOT และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จะเข้ารับหน้าที่รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่แทนว่า “ไม่เป็นความจริง”

เขาย้ำด้วยว่า หากมีแรงกดดันทางการเมืองจริง นายกีรติคงไม่สามารถดำรงตำแหน่งมาได้นานถึง 2 ปี และหากตนจะใช้อำนาจแทรกแซงจริงก็มีโอกาสที่จะให้ลาออกได้ตั้งแต่เริ่มเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีแล้ว

ภาพรวมผลงาน AOT ภายใต้การนำของกีรติ

ก่อนการลาออกเพียงไม่กี่วัน AOT ได้รายงานผลการดำเนินงานในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการระบบสนามบินทั้ง 6 แห่งทั่วประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีผู้โดยสารรวมกว่า 2.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 4.3% และเที่ยวบินรวมกว่า 16,000 เที่ยว เพิ่มขึ้น 7.6%

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งนับเป็นผลงานสำคัญภายใต้การนำของดร.กีรติ

นวัตกรรมที่ช่วยยกระดับบริการผู้โดยสาร

หนึ่งในผลงานเด่นของ AOT ภายใต้การบริหารของดร.กีรติ คือ การนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับการบริการ อาทิ

  • เครื่องเช็กอินอัตโนมัติ (CUSS)
    ลดเวลาเช็กอินจาก 20 นาที เหลือเพียง 1 นาที
  • ระบบ Biometric
    ลดเวลาในการยืนยันตัวตนจาก 3 นาที เหลือ 1 นาที
  • Automated Border Control (ABC)
    ลดเวลาการตรวจหนังสือเดินทางจาก 15 นาที เหลือไม่ถึง 2 นาที

สิ่งเหล่านี้ช่วยทำให้ระยะเวลาโดยรวมของการเดินทางผ่านสนามบินลดลงอย่างชัดเจน ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ และทำให้ AOT สามารถรักษามาตรฐานการให้บริการที่ดีขึ้นกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้

เป้าหมายระยะยาว มุ่งสู่สนามบินระดับโลก

ในรายงานฉบับล่าสุด AOT ระบุว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ขยับอันดับสนามบินที่ดีที่สุดในโลกขึ้นจากอันดับที่ 58 เป็นอันดับที่ 39 ในปี 2568 โดยมีเป้าหมายที่จะขยับเข้าสู่ “Top 20 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก” ภายใน 5 ปีข้างหน้า

AOT ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาพื้นที่ให้บริการที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์ผู้โดยสาร เช่น การจัดพื้นที่พักผ่อน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย และกิจกรรมสันทนาการภายในสนามบิน เพื่อสร้างความประทับใจตลอดการเดินทาง

ข่าวลือในช่วงสงกรานต์ และแรงกดดันภายใน

รายงานจากแหล่งข่าววงในระบุว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมามีกระแสข่าวแพร่สะพัดว่า ดร.กีรติ อาจลาออกก่อนครบวาระในปี 2570 โดยมีการเชื่อมโยงไปถึงแรงกดดันจากภายในองค์กร รวมถึงปัญหาทางการเงินที่เกิดจากการเจรจาขอเลื่อนชำระค่าตอบแทนขั้นต่ำจากผู้ประกอบการรายสำคัญ ซึ่งส่งผลต่อฐานะการเงินของ AOT และการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์

โดย AOT ต้องเผชิญกับการปรับลดราคาหุ้นกว่า 20% ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 5 ปี หลังการประกาศผลประกอบการล่าสุด

ประวัติและบทบาทในองค์กรของดร.กีรติ

ดร.กีรติ เป็นผู้บริหารที่เติบโตจากสายงานภายในของ AOT ผ่านประสบการณ์ด้านการพัฒนาธุรกิจและบริหารจัดการสนามบิน ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่เมื่อกลางปี 2566 ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อหลังโควิด-19

ภายใต้การนำของเขา AOT ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างรายได้ และวางกลยุทธ์ใหม่ โดยมุ่งเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน (Non-Aviation) ให้มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก และสร้างเสถียรภาพในระยะยาว

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • ผู้โดยสารช่วงสงกรานต์ 2568
    รวม 2.6 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 4.3%)
  • ผู้โดยสารระหว่างประเทศ
    1.6 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 3.1%)
  • ผู้โดยสารภายในประเทศ
    1 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 6.2%)
  • เที่ยวบินทั้งหมด
    16,064 เที่ยวบิน (เพิ่มขึ้น 7.6%)
  • ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.)
    1.3 ล้านผู้โดยสาร, 7,345 เที่ยวบิน
  • อันดับสนามบินในโลก (Skytrax)
    อันดับ 39 ในปี 2568 (เพิ่มขึ้นจากอันดับ 58)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT)
  • กระทรวงคมนาคม
  • รายงานการประเมินสนามบินจาก Skytrax
  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
  • ข่าวจากสื่อมวลชนสายคมนาคม – กรุงเทพธุรกิจ, มติชน, ฐานเศรษฐกิจ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

ทอท.เปิดเชียงราย Fam Trip ดึงสายการบินต่างชาติ

เชียงรายเปิดเส้นทางบินใหม่ ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น

AOT ผนึกกำลัง ททท. เปิดตัวโครงการ FAM Trip เชียงราย

เชียงราย, 14 มีนาคม 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมเปิดตัวโครงการสร้างการรับรู้และพัฒนาเส้นทางการบิน (Familiarization Trip : FAM Trip) ภายใต้ชื่อ “Discover Amazing Thailand Through The Skies FAM Trip” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศมายังเชียงราย ณ โรงแรม เดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568

โครงการนี้มีเป้าหมายหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นของจังหวัดเชียงรายโดยใช้ศักยภาพของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงเส้นทางบินระหว่างประเทศ โดยมีผู้แทนสายการบินและตัวแทนการท่องเที่ยวชั้นนำจากประเทศอินเดีย จีน เกาหลีใต้ และสิงคโปร์เข้าร่วมงาน เพื่อพัฒนาเส้นทางบินและเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางมายังเชียงรายมากขึ้น

เชียงรายพร้อมเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค

ในพิธีเปิดโครงการ FAM Trip ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของเชียงรายในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่โดดเด่น อีกทั้งยังมีศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบิน

AOT ได้จัดทำโครงการสนับสนุนการตลาด (Marketing Fund) เพื่อจูงใจให้สายการบินต่างชาติเพิ่มเที่ยวบินมายังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย โดยเฉพาะการเชื่อมโยงเส้นทางบินใหม่กับเมืองสำคัญทั่วโลก เพื่อยกระดับให้ ทชร. เป็นจุดเชื่อมต่อการขนส่งทางอากาศของภูมิภาค (Regional Hub)

โครงการ FAM Trip เปิดประสบการณ์ใหม่ให้นักลงทุนและสายการบิน

ในช่วงงานเลี้ยงต้อนรับ (Welcome Reception) เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน พร้อมนำเสนอศักยภาพของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ให้แก่ผู้แทนสายการบินและบริษัทนำเที่ยวจากต่างประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เทศบาลนครเชียงราย สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย และหอการค้าจังหวัดเชียงราย

ในโอกาสนี้ นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้บรรยายสรุปข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพของ ทชร. รวมถึงแผนพัฒนาสนามบินเพื่อรองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยผู้เข้าร่วมโครงการยังได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเชียงราย อาทิ วัดร่องขุ่น ไร่ชาฉุยฟง และดอยตุง เพื่อสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่จริง

เป้าหมายเชียงราย: สู่ Aviation Hub ของภูมิภาค

รัฐบาลไทยมีเป้าหมายชัดเจนในการพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค ซึ่งนอกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่เป็นองค์ประกอบหลักแล้ว การพัฒนาท่าอากาศยานภูมิภาคอย่าง ทชร. ก็เป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญในการขยายเครือข่ายการบินระหว่างประเทศ

AOT วางแผนพัฒนา ศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO – Maintenance, Repair, and Overhaul) ในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินและเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการสายการบินทั่วโลก ตัวอย่างของประเทศที่ประสบความสำเร็จในแนวทางนี้คือสิงคโปร์ ซึ่งมีศูนย์ซ่อมอากาศยานชั้นนำระดับโลกและสถาบันฝึกอบรมด้านการบินอย่าง Singapore Aviation Academy (SAA)

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสถิติที่เกี่ยวข้อง

การพัฒนาเส้นทางบินระหว่างประเทศมายังเชียงรายคาดว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระบุว่า ในปี 2567 เชียงรายมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนกว่า 1.2 ล้านคน และคาดว่าจำนวนนี้จะเพิ่มขึ้นอีก 20% ภายในปี 2569 หากมีการขยายเส้นทางบินใหม่เพิ่มเติม

นอกจากนี้ สถิติจาก AOT ชี้ให้เห็นว่าปริมาณผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ในปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นกว่า 15% จากปี 2566 โดยมีจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเชียงรายในการเป็นศูนย์กลางการบินแห่งใหม่ของภูมิภาค

สรุป

โครงการ FAM Trip เชียงราย ถือเป็นก้าวสำคัญในการดึงดูดสายการบินและนักลงทุนให้เห็นถึงศักยภาพของจังหวัดเชียงราย ทั้งในด้านการท่องเที่ยวและการพัฒนาเส้นทางบินระหว่างประเทศ ด้วยการสนับสนุนจาก AOT และ ททท. เชียงรายกำลังกลายเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคที่สามารถแข่งขันกับเมืองท่องเที่ยวชั้นนำในเอเชียได้อย่างเต็มตัว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) / บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

AOT เตือนปล่อยโคมเสี่ยงคุก เตือนอันตรายถึงเครื่องบิน

AOT เตือนอันตรายจากการปล่อยโคมลอยช่วงลอยกระทง อาจกระทบเที่ยวบินและความปลอดภัย

[กรุงเทพฯ 11 พฤศจิกายน 2567] บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ออกมาเตือนประชาชนถึงอันตรายจากการปล่อยโคมลอยในช่วงเทศกาลลอยกระทง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการบินอย่างรุนแรง ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวว่า การปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน พลุ ตะไล บั้งไฟ หรือแม้แต่โดรน อาจก่อให้เกิดอันตรายต่ออากาศยานได้หลายประการ เช่น เครื่องบินสูญเสียการควบคุม เกิดอุบัติเหตุ หรือหากโคมเข้าไปในเครื่องยนต์ อาจทำให้เกิดการระเบิดได้ นอกจากนี้ ยังบดบังทัศนวิสัยของนักบินและรบกวนสมาธิในการบิน

อันตรายจากการปล่อยโคมลอย

ดร.กีรติเน้นย้ำว่า การปล่อยโคมลอยเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกและปรับสูงสุด หากก่อให้เกิดความเสียหายต่ออากาศยาน อาจมีโทษถึงขั้นประหารชีวิต

มาตรการควบคุมการปล่อยโคมลอย

  • เขตปลอดภัยในการเดินอากาศ: ห้ามปล่อยโคมลอยในเขตพื้นที่ดังกล่าวโดยเด็ดขาด
  • พื้นที่อื่นๆ: ต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นล่วงหน้า
  • โดรน: ต้องขออนุญาตจากสนามบินหากบินในรัศมี 9 กิโลเมตรจากสนามบิน
  • จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย: กำหนดเวลาและพื้นที่ในการปล่อยโคมลอยอย่างชัดเจน

ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายซึ่งเป็นพื้นที่ที่นิยมปล่อยโคมลอย โดยในเขตพื้นที่ความปลอดภัยในการเดินอากาศบริเวณใกล้เคียง ทชม.และ ทชร.และพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษระดับ 1 (พื้นที่สีแดง) ไม่อนุญาตให้ปล่อยโคมลอยไม่ว่าช่วงเวลาใด ซึ่งพื้นที่อื่น ๆ นอกเหนือจากพื้นที่ดังกล่าวจะต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานของรัฐที่เกี่ยวข้องก่อน

โดยจังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดระยะเวลาในการจุดหรือปล่อย คือ สามารถปล่อยโคมลอย โคมไฟได้ในวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2567 ระหว่างเวลา 19.00-01.00 น. และปล่อยโคมควัน (ว่าวฮม) ได้ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ระหว่างเวลา 10.00-12.00 น. สำหรับจังหวัดเชียงรายสามารถปล่อยโคมลอยได้ในวันที่ 14-16 พฤศจิกายน 2567 ระหว่างเวลา 21.00-01.00 น. และปล่อยโคมควันได้ระหว่างเวลา 10.00-12.00 น.

ผลกระทบต่อเที่ยวบิน

เนื่องจากความเสี่ยงจากการปล่อยโคมลอย สายการบินหลายแห่งจึงตัดสินใจยกเลิกและเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินในช่วงเทศกาลลอยกระทง โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการปล่อยโคมลอยเป็นจำนวนมาก

AOT สนับสนุนประเพณีลอยกระทง

แม้ว่า AOT จะต้องออกมาเตือนถึงอันตรายจากการปล่อยโคมลอย แต่ก็ยังคงสนับสนุนการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีไทย โดยจัดกิจกรรมต่างๆ ภายในอาคารผู้โดยสาร เพื่อให้ผู้โดยสารได้สัมผัสกับบรรยากาศของเทศกาลลอยกระทง

ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • พระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562
  • พระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497
  • พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558
  • ประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง แนวทางในการพิจารณาอนุญาตให้อากาศยานซึ่งไม่มีนักบินประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอกทำการบินภายในระยะ 9 กิโลเมตรจากสนามบินหรือที่ขึ้นลงชั่วคราวของอากาศยาน พ.ศ. 2561

สรุป

AOT ขอให้ประชาชนร่วมมือกันงดการปล่อยโคมลอยในช่วงเทศกาลลอยกระทง เพื่อความปลอดภัยในการบินและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หากต้องการร่วมสืบสานประเพณีไทย สามารถเข้าร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นภายในท่าอากาศยานได้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
ECONOMY

ไทยทุ่ม 3 พันล้าน ขยายสนามบินรองรับนักท่องเที่ย

AOT นำระบบ Biometric เพิ่มความสะดวกให้ผู้โดยสาร พร้อมแผนขยายสนามบินรองรับการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ได้เริ่มใช้ระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Automated Biometric Identification System) ที่ใช้เทคโนโลยี Facial Recognition เพื่อระบุตัวตนผู้โดยสาร โดยระบบนี้ช่วยให้ผู้โดยสารไม่ต้องใช้พาสปอร์ตและบัตรขึ้นเครื่องจากจุดตรวจสัมภาระจนถึงประตูขึ้นเครื่อง ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลารอคิวและเพิ่มความสะดวกในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, เชียงใหม่, แม่ฟ้าหลวง เชียงราย, ภูเก็ต และหาดใหญ่

แผนการใช้งานระบบ Biometric รองรับผู้โดยสารในประเทศและระหว่างประเทศ

ในระยะแรก ระบบ Biometric จะพร้อมให้บริการผู้โดยสารภายในประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 โดยผู้โดยสารจะสามารถลงทะเบียนยินยอมใช้ข้อมูลทางชีวภาพในการระบุตัวตนเพื่อเข้าสู่ระบบการระบุข้อมูลได้ตั้งแต่เคาน์เตอร์เช็คอิน ซึ่ง AOT คาดว่าการใช้ระบบ Biometric จะช่วยให้ผู้โดยสารประหยัดเวลารอคิวและมีเวลาเพียงพอสำหรับการเลือกซื้อสินค้าปลอดภาษี รับประทานอาหาร หรือพักผ่อนในสนามบิน

ในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ระบบนี้จะเริ่มให้บริการแก่ผู้โดยสารระหว่างประเทศ ซึ่งจะสามารถใช้งานระบบ Facial Recognition ในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งได้ครบทุกส่วน

รายงานจาก Nikkei โดย Kosuke Inoue เปิดเผยว่า ไทยกำลังวางแผนขยายสนามบิน 6 แห่งด้วยงบประมาณเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 97,000 ล้านบาท เพื่อตอบสนองการเติบโตของนักท่องเที่ยวในอนาคต ภายในปี 2575 ไทยคาดหวังให้สนามบินทั้ง 6 แห่งสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 246.5 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบันที่รองรับได้เพียง 116 ล้านคน

การขยายรันเวย์และการใช้ระบบจดจำใบหน้า (Facial Recognition) ในสนามบิน

ในส่วนของสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในไทย ได้เริ่มเปิดใช้รันเวย์ที่สามเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนเที่ยวบินขึ้น-ลงจากเดิม 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมงเป็น 94 เที่ยวบิน ซึ่งจะช่วยให้ระบบขนส่งทางอากาศสามารถรองรับจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ทาง AOT หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ดูแลโครงการขยายสนามบิน ยังวางแผนติดตั้งระบบจดจำใบหน้าในสนามบินทั้ง 6 แห่ง โดยผู้โดยสารสามารถลงทะเบียนข้อมูลชีวภาพที่เคาน์เตอร์เช็คอิน ทำให้สามารถผ่านด่านต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องใช้พาสปอร์ตหรือบัตรขึ้นเครื่องตั้งแต่จุดตรวจสัมภาระไปจนถึงประตูขึ้นเครื่อง

รายได้ที่ฟื้นตัวของ AOT หนุนการขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว

AOT ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย มีรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดหลังจากการฟื้นตัวของการเดินทางทางอากาศในปีงบประมาณ 2566 โดยรายได้เพิ่มขึ้น 170% มาอยู่ที่ 48.4 พันล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงความฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลังการระบาดของ COVID-19 การขยายสนามบินครั้งนี้เป็นหนึ่งในแผนการพัฒนาที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งคิดเป็นเกือบ 20% ของ GDP ของไทย การท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากการระบาดของ COVID-19 และเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ไทยได้เตรียมยกเว้นวีซ่าให้กับประเทศและภูมิภาคเพิ่มเติม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ความท้าทายและความเสี่ยงของการขยายสนามบินและสถานการณ์การเมืองในประเทศ

แม้ว่าแผนการขยายสนามบินจะสอดคล้องกับเป้าหมายทางการท่องเที่ยวของรัฐบาล แต่อย่างไรก็ตาม มีความกังวลเกี่ยวกับการลงทุนที่อาจเกินความจำเป็น เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงมกราคมถึงกันยายนปีนี้ยังคงอยู่ที่ประมาณ 80% ของจำนวนก่อนเกิดการระบาดในปี 2562 นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยยังเป็นอีกปัจจัยที่อาจส่งผลต่อโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในระยะยาว

ประเทศไทยมีประวัติการยกเลิกหรือเลื่อนโครงการโครงสร้างพื้นฐานเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาล ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งปลดนายเศรษฐา ทวีสิน ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ก็เผชิญกับคดีทางกฎหมายที่อาจส่งผลกระทบต่อการบริหารประเทศในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : asia.nikkei.com

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

‘สนามบินเชียงราย’ เปิดระบบสแกนใบหน้า พร้อมอีก 5 สนามบิน เริ่มใช้ 1 พ.ย.

AOT เปิดตัวระบบไบโอเมตริกที่ 6 สนามบิน พร้อมรับผู้โดยสารทะลุ 120 ล้านคน

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) เปิดตัวระบบไบโอเมตริกเพื่อเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วให้กับการเดินทางใน 6 สนามบินหลักของไทย โดยมีการติดตั้งเทคโนโลยี Facial Recognition เพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้กับผู้โดยสารทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งระบบนี้จะเริ่มให้บริการกับผู้โดยสารภายในประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 และจะเปิดให้บริการแก่ผู้โดยสารระหว่างประเทศในวันที่ 1 ธันวาคม 2567

ภายในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่
  1. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.)
  2. ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.)
  3. ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.)
  4. ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.)
  5. ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.)
  6. ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.)

เทคโนโลยีไบโอเมตริกเพื่อการเดินทางที่สะดวกและรวดเร็ว

ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของ AOT กล่าวว่า ระบบ Biometric ถูกนำมาใช้ในสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวง เชียงราย ภูเก็ต และหาดใหญ่ เพื่อช่วยลดเวลารอคิวของผู้โดยสารในจุดบริการต่าง ๆ โดยผู้โดยสารสามารถลงทะเบียนไบโอเมตริกได้ง่าย ๆ ที่จุดเช็กอิน โดยมี 2 วิธี ได้แก่ การเช็กอินผ่านเจ้าหน้าที่และการเช็กอินผ่านเครื่องอัตโนมัติ หลังจากลงทะเบียนแล้ว ผู้โดยสารสามารถผ่านด่านตรวจสัมภาระ จุดตรวจค้น และจุดขึ้นเครื่องได้โดยไม่ต้องแสดงเอกสารการเดินทางซ้ำอีก

การเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยและลดปัญหาการแออัดในสนามบิน

การใช้งานระบบ Biometric ช่วยให้การระบุตัวตนทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ส่งผลให้การเดินทางราบรื่นและมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น ผู้โดยสารสามารถผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ภายในสนามบินได้รวดเร็วขึ้น ลดความแออัดของสนามบิน และสร้างโอกาสให้ผู้โดยสารมีเวลามากขึ้นในการพักผ่อน เลือกซื้อสินค้าปลอดอากร และใช้บริการต่าง ๆ ภายในสนามบิน นอกจากนี้ ระบบยังช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางผ่านด่านต่าง ๆ ได้สะดวกและไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย

การเติบโตของผู้โดยสารและคาดการณ์สำหรับปีงบประมาณ 2568

จากสถิติในปีงบประมาณ 2567 พบว่า ท่าอากาศยานของ AOT มีผู้โดยสารกว่า 119.29 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19.22% จากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองซึ่งมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่จำนวนเที่ยวบินรวมทั่วประเทศอยู่ที่ 732,690 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 14.5% AOT คาดการณ์ว่าปีงบประมาณ 2568 จะมีผู้โดยสารรวมกว่า 129.97 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.95% และเที่ยวบินรวมประมาณ 808,280 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 10.32%

การขยายขีดความสามารถและการพัฒนาความสะดวกสบายในท่าอากาศยาน

AOT มุ่งพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในท่าอากาศยานให้ทันสมัยและตรงตามความต้องการของผู้ใช้บริการมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการติดตั้งระบบ CUPPS (Common Use Passenger Processing System) เพื่อรองรับการใช้งานร่วมกับระบบ Biometric ให้ครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเช็กอินไปจนถึงการขึ้นเครื่อง ซึ่งรวมถึงการใช้งานเครื่อง CUTE (เครื่องตรวจบัตรโดยสาร) เครื่อง CUSS (เครื่องเช็กอินด้วยตนเอง) เครื่องรับสัมภาระอัตโนมัติ (CUBD) ระบบตรวจสอบยืนยันตัวตน (PVS) และระบบประตูขึ้นเครื่อง (SBG) ที่เชื่อมต่อกันอย่างมีประสิทธิภาพ

ความร่วมมือเพื่ออนาคตของการเดินทางในประเทศไทย

การเปิดตัวระบบ Biometric ในครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาท่าอากาศยานของไทยให้เป็นท่าอากาศยานระดับโลก โดยมุ่งเน้นการให้บริการที่มีคุณภาพและตอบโจทย์การเดินทางของผู้โดยสารอย่างแท้จริง AOT ตั้งเป้าหมายในการสร้างประสบการณ์การเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยให้กับผู้โดยสารทั้งในประเทศและต่างประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

เคาะสร้าง 7 ปี “สนามบินล้านนา” สนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 ทุ่ม 7 หมื่นล้าน

 

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2567 นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ทอท.มีแผนเพิ่มศักยภาพของท่าอากาศยานภูมิภาค ให้สามารถรองรับเที่ยวบินและผู้โดยสารได้มากขึ้น

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินโครงการพัฒนาท่าอากาศยานล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ (ทชม.) ระยะที่ 1 วงเงินงบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างระหว่างประเทศหลังใหม่ มีพื้นที่กว่า 95,000 ตารางเมตร

 

รวมทั้งจะมีการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ทำให้มีพื้นที่ให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 66,600 ตารางเมตร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ทชม. ในการรองรับผู้โดยสารได้เป็น 20 ล้านคนต่อปี โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในปี 2569

 

สำหรับโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานล้านนา (ทชม.แห่งที่ 2) บนพื้นที่ 8,050 ไร่ งบประมาณลงทุนประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารเพื่อรองรับผู้โดยสาร 24 ล้านคนต่อปี ทางวิ่ง 2 เส้น สามารถรองรับเที่ยวบินได้ 41 เที่ยวบินต่อชั่วโมง และหลุมจอดอากาศยาน 38 หลุมจอด รองรับปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศได้ 41 เที่ยวบินต่อชั่วโมง และหลุมจอดอากาศยาน 38 หลุมจอด รองรับปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศได้ 32,000 ตัน

 

โดยคาดว่าจะตั้งอยู่ในอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน ซึ่งห่างจาก ทชม. 22 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 32 นาที โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน ตลอดจนกระบวนการจัดตั้งท่าอากาศยาน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 7 ปี

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News