
ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงรายต้อนรับ “Angel Of Chiang Rai” อย่างเป็นทางการ
ฟื้นคืนแลนด์มาร์กศิลปะเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม
[ประเทศไทย, 7 มีนาคม 2568] – ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย จัดกิจกรรมต้อนรับ “Angel Of Chiang Rai” ณ อาคารผู้โดยสาร โดยมี นางแสงเดือน อ้องแสนคำ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ด้านสนับสนุนธุรกิจ) และ ดร.สิทธิปัฐพ์ มงคลอภิบาลกุล รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ด้านปฏิบัติการและบำรุงรักษา) ร่วมมอบของที่ระลึกตราสัญลักษณ์ AOT ให้แก่ผู้โดยสาร พร้อมกิจกรรมถ่ายภาพร่วมกับผลงานศิลปะอันโดดเด่นนี้
“Angel Of Chiang Rai” เป็นผลงานของ อาจารย์ไกรวุฒิ ดอนจักร ศิลปินจากสมาคมขัวศิลปะเชียงราย ที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากการรวม 10 ชาติพันธุ์ในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ประติมากรรมนี้เคยถูกจัดแสดงที่ด่านพรมแดนไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 ก่อนที่จะถูกย้ายไปจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM) และได้รับการบูรณะซ่อมแซมก่อนที่จะกลับมาตั้ง ณ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงรายในเดือนมีนาคม 2568
กระแสดราม่าจากอดีตสู่ปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้ ประติมากรรม “Angel Of Chiang Rai” เคยตกเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ หลังเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ทำให้ชาวบ้านบางส่วนเชื่อมโยงเหตุการณ์น้ำท่วมกับการติดตั้งรูปปั้นดังกล่าว ณ ด่านพรมแดนไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า แม้น้ำจะท่วมสูง แต่รูปปั้นกลับไม่ได้รับความเสียหาย ส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์และความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป
ในขณะเดียวกัน อาจารย์ไกรวุฒิ ดอนจักร ศิลปินเจ้าของผลงาน ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “ศิลปะไม่มีอำนาจในการก่อภัยพิบัติ” และขอให้ผู้ที่เชื่อมโยงงานศิลปะกับภัยธรรมชาติ ใช้เหตุผลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในการอธิบายมากกว่าความเชื่อส่วนบุคคล นอกจากนี้ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ยังได้ออกมาปกป้องงานศิลปะดังกล่าว โดยกล่าวว่า “เป็นเรื่องไร้สาระที่จะโทษรูปปั้นว่าเป็นต้นเหตุของน้ำท่วม” และเสนอให้ย้ายรูปปั้นไปยังพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเชียงรายเพื่อป้องกันกระแสต่อต้านที่อาจเกิดขึ้น
“Angel Of Chiang Rai” กับบทบาทใหม่ที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
การนำ “Angel Of Chiang Rai” กลับมาติดตั้งที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ไม่ได้เป็นเพียงการคืนแลนด์มาร์กศิลปะให้กับจังหวัดเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาคุณภาพการให้บริการผู้โดยสารของท่าอากาศยาน โดยมุ่งเน้นการสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นมิตรต่อผู้เดินทาง รวมถึงการส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ
ทั้งนี้ การนำงานศิลปะกลับมาติดตั้งยังสอดคล้องกับแนวทางขององค์การยูเนสโก ที่ประกาศให้เชียงรายเป็น “เมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ” (City of Design) ซึ่งเป็นโอกาสในการต่อยอดด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของจังหวัด
ความคิดเห็นของประชาชนต่อ “Angel Of Chiang Rai”
แม้ว่าจะมีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับรูปปั้นในอดีต แต่ปัจจุบัน “Angel Of Chiang Rai” ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากประชาชน นักท่องเที่ยว และผู้โดยสารที่เดินทางมายังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย หลายคนเห็นว่างานศิลปะชิ้นนี้เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ในเชียงราย และสมควรได้รับการอนุรักษ์และเผยแพร่ในฐานะส่วนหนึ่งของมรดกศิลปะร่วมสมัย
อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการนำรูปปั้นกลับมาติดตั้ง โดยให้เหตุผลว่าความเชื่อทางวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ควรเคารพ และหากประชาชนบางส่วนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับฮวงจุ้ยหรืออาถรรพ์ ก็ควรหาสถานที่ที่เหมาะสมมากกว่าสำหรับการจัดแสดง
สถิติที่เกี่ยวข้องกับศิลปะและการท่องเที่ยวในเชียงราย
จากข้อมูลของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พบว่า เชียงรายเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับความนิยมด้านการท่องเที่ยวเชิงศิลปะและวัฒนธรรม โดยในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนจังหวัดเชียงรายกว่า 2.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ประมาณ 15% นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเชียงราย (CCAM) มีผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นกว่า 30% หลังจากมีการจัดแสดงผลงานศิลปะที่หลากหลาย รวมถึงการนำ “Angel Of Chiang Rai” กลับมาติดตั้งอีกครั้ง
นักวิชาการด้านศิลปะและวัฒนธรรมให้ความเห็นว่า การใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นแนวทางที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดเชียงรายที่มีความโดดเด่นด้านศิลปะร่วมสมัยและวัฒนธรรมชาติพันธุ์ หากมีการบริหารจัดการและประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสม อาจทำให้เชียงรายก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางศิลปะระดับนานาชาติได้ในอนาคต
บทสรุป
การกลับมาของ “Angel Of Chiang Rai” ที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ไม่เพียงแต่เป็นการคืนแลนด์มาร์กให้กับจังหวัด แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความหลากหลายทางวัฒนธรรมและการพัฒนาเมืองผ่านศิลปะ อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่เคยเป็นกระแสดราม่าในอดีตสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างทางความเชื่อในสังคมไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรได้รับการพูดคุยและทำความเข้าใจร่วมกัน
ในขณะที่เชียงรายยังคงเดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การใช้ศิลปะเป็นสื่อกลางในการสร้างการรับรู้และเชื่อมโยงกับนักท่องเที่ยวอาจเป็นแนวทางที่ช่วยให้เมืองนี้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Mae Fah Luang Chiang Rai International Airport – CEI