Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายลุยป้องกันปี๋ใหม่เมือง ปลอดโรค ปลอดภัย

เชียงรายประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ ยกระดับมาตรการรับมือโรคระบาดปี 2568

สาธารณสุขจังหวัดเชียงรายจัดประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เตรียมความพร้อมรับมือโรคติดต่อสำคัญ

เชียงราย – วันที่ 4 เมษายน 2568 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมธรรมลังกา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ได้จัดการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงราย ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยนายแพทย์คงศักดิ์ ชัยชนะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ในปี 2568 พบการระบาดเร็วและกระจายกว้าง

ในการประชุม มีการรายงานสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งพบแนวโน้มการแพร่ระบาดเร็วกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กอายุ 0–9 ปี ที่พบอัตราป่วยสูงที่สุดในพื้นที่โรงเรียน ค่ายทหาร และเรือนจำ โดยมีการระบาดเป็นกลุ่มก้อน และมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าจากปี 2567

ทั้งนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้จัดหาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ครอบคลุมจำนวนกว่า 12 ล้านคนทั่วประเทศ โดยในปีที่ผ่านมา มีอัตราครอบคลุมการฉีดวัคซีนมากกว่าร้อยละ 95 สำหรับในจังหวัดเชียงราย ยังมีการเสนอแนวทางให้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสนับสนุนวัคซีนเพิ่มเติมกรณีที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนในกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่ม เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว เป็นต้น

สถานการณ์ไข้เลือดออกยังต้องเฝ้าระวัง แม้แนวโน้มลดลง

รายงานจากฝ่ายระบาดวิทยาระบุว่า แม้ในระดับประเทศแนวโน้มของโรคไข้เลือดออกจะลดลง แต่ในระดับจังหวัดยังจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด กลุ่มอายุ 10–14 ปี เป็นกลุ่มที่มีอัตราป่วยสูงสุด ขณะที่กลุ่มอายุ 40–59 ปี มีอัตราการเสียชีวิตสูงที่สุด โดยสายพันธุ์ DENV-1 เป็นสายพันธุ์ที่พบมากที่สุด ขณะที่ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ติดเชื้อสายพันธุ์ DENV-2 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีความรุนแรง

จังหวัดเชียงรายได้ดำเนินมาตรการเชิงรุก โดยการสำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย การรณรงค์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกันโรค และมีการติดตามการทดลองวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกในโครงการนำร่อง ที่จะเริ่มต้นในจังหวัดนครพนมในวันที่ 4 เมษายน 2568

โรคพิษสุนัขบ้ายังคงเป็นประเด็นสำคัญในพื้นที่

ด้านสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย ได้รายงานความคืบหน้าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในปีงบประมาณ 2568 โดยจะดำเนินการฉีดวัคซีนในสุนัขและแมวทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 31 สิงหาคม 2568 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันโรคในสัตว์เลี้ยง และลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อสู่คน

พิจารณาแต่งตั้งคณะทำงานควบคุมโรค ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ

ที่ประชุมยังได้หารือเรื่องการแต่งตั้งคณะทำงานประจำด่านพรมแดนสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านสบรวก อำเภอเชียงแสน เป็นด่านผ่านแดนถาวรตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย โดยมีผู้เดินทางเข้า-ออกเฉลี่ยวันละ 900–1,000 คน รวมถึงนักเดินทางจากประเทศที่อยู่ในเขตติดโรคไข้เหลืองเฉลี่ยวันละ 800 คน จึงมีมติให้จัดตั้งด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เพื่อเสริมความมั่นคงด้านสาธารณสุข

พร้อมกันนี้ ได้มีการเสนอปรับปรุงคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานประจำด่านควบคุมโรคติดต่อ ณ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการประเมินสมรรถนะตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR-JEE)

ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา HIV/AIDS อย่างยั่งยืนในระดับจังหวัด

การประชุมยังมีการทบทวนคณะอนุกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์จังหวัดเชียงราย และเสนอให้บรรจุประเด็น HIV/AIDS ไว้ในวาระของคณะกรรมการฯ เพื่อผลักดันให้การดำเนินงานระดับจังหวัดมีความต่อเนื่อง และบรรลุเป้าหมายการยุติปัญหาเอดส์ในระยะยาว โดยเฉพาะการรณรงค์การเข้าถึงการตรวจคัดกรองในกลุ่มเป้าหมาย และการป้องกันการตีตราผู้ติดเชื้อในสังคม

Kick Off แคมเปญปีใหม่เมืองเพื่อสุขภาพคนเชียงราย

จังหวัดเชียงรายเตรียมจัดกิจกรรม Kick Off “ปี๋ใหม่เมือง เพี้ยวบ้านเพี้ยวจอง ปลอดฝุ่น ปลอดยุง ปลอดภัย จาวเจียงฮายสุขภาพดี” ในวันศุกร์ที่ 11 เมษายน 2568 ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 (ศาลากลางหลังเก่า) เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อม ลดฝุ่น PM 2.5 ป้องกันยุงลาย และสร้างความปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์

กิจกรรมประกอบด้วยการแสดงวัฒนธรรมล้านนา นิทรรศการให้ความรู้ด้านสุขภาพ บูธบริการฉีดวัคซีน การแจกหน้ากากอนามัย รวมถึงการสาธิตการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ซึ่งถือเป็นแนวทางหนึ่งในการสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชน

มุมมองจากภาครัฐและภาคประชาชนต่อมาตรการควบคุมโรค

จากฝ่ายผู้มีหน้าที่กำหนดนโยบาย เห็นว่าการยกระดับมาตรการควบคุมโรคเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง เพื่อรักษาความมั่นคงทางสาธารณสุขและความเชื่อมั่นของประชาชน ทั้งในและต่างประเทศ

ขณะที่ภาคประชาชนบางส่วนแสดงความห่วงใยต่อภาระของการเข้ารับบริการสาธารณสุข โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล และยังมีข้อเสนอให้ภาครัฐส่งเสริมระบบสุขภาพปฐมภูมิอย่างจริงจัง รวมถึงเร่งรัดการจัดสรรวัคซีนให้ทั่วถึงทุกพื้นที่

สรุปและข้อเสนอแนะ

การประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงรายในครั้งนี้ ถือเป็นการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับความพร้อมในการรับมือโรคติดต่อที่สำคัญ และสร้างแนวทางป้องกันอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งมักเป็นช่วงระบาดของไข้เลือดออกและโรคทางเดินหายใจ

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวควรคำนึงถึงความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการของประชาชน และสร้างกลไกการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกันโรคอย่างยั่งยืน

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • อัตราป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ในไทย ปี 2567: 162.9 ต่อประชากรแสนคน
  • จำนวนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ สปสช. จัดสรร ปี 2567: 4.5 ล้านโดส (ครอบคลุมร้อยละ 95)
  • จำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออก ปี 2567: 136,655 ราย ทั่วประเทศ (กรมควบคุมโรค)
  • สุนัขและแมวที่ได้รับวัคซีนพิษสุนัขบ้า ปี 2566: กว่า 7 ล้านตัว (กรมปศุสัตว์)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
  • สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
  • กรมปศุสัตว์
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

สธ. จัดระบบดูแลพี่น้องชาวไทยมุสลิม7,781 คน ก่อนเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์

 
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 ที่ ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ กรุงเทพมหานคร นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดโครงการป้องกันโรคติดต่อแก่ชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ปี 2567 โดยมี นายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค Mr. Mohammed Alkhudhayri ผู้แทนเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย และผู้เดินทางแสวงบุญร่วมพิธี
          
 
นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า ประเทศไทยและราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย มีความสัมพันธ์กันมายาวนานซึ่งไทยให้ความสำคัญในการยกระดับความร่วมมือทั้งระดับทวิภาคีและพหุภาคี ส่งเสริมการขยายความร่วมมือทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และด้านการสาธารณสุขโดยกระทรวงสาธารณสุขได้ให้การดูแลสุขภาพของพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปแสวงบุญอย่างต่อเนื่อง โดยจัดโครงการป้องกันโรคติดต่อแก่ชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์เป็นประจำทุกปี ซึ่งแต่ละปีจะมีคนไทยมุสลิมได้รับโควตาเข้าร่วมการประกอบพิธีฮัจย์ประมาณ 13,000 คน สำหรับปีนี้ ดำเนินการภายใต้กรอบแนวคิด HEALTH FOR HAJJ เป็นการจัดระบบดูแลเตรียมความพร้อมด้านสุขภาพตั้งแต่ก่อนการเดินทาง ด้วยการตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามที่ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียกำหนดให้กับผู้แสวงบุญทุกคน พร้อมออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ภายใต้พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 จัดส่งทีมแพทย์พยาบาลไปดูแลระหว่างการประกอบพิธี และติดตามเฝ้าระวังสุขภาพหลังเดินทางกลับอีก 14 วัน
 

          ด้านนายแพทย์โอภาส กล่าวว่า การประกอบพิธีฮัจย์ ณ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ประจำปี 2567 หรือฮิจเราะห์ศักราช (ฮ.ศ.) 1445 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 – 19 มิถุนายน 2567 ในปีนี้มีชาวไทยมุสลิมที่ลงทะเบียนพร้อมเดินทางไปประกอบพิธี จำนวน 7,781 คน ซึ่งผู้แสวงบุญทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น และแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ก่อนการเดินทางอย่างน้อย 14 วัน โดยวันนี้มีผู้มารับบริการฉีดวัคซีนที่ ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ จำนวน 1,494 คน สำหรับพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ และอยู่ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ สามารถเข้ารับบริการตรวจสุขภาพก่อนการเดินทาง และฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น และวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ได้ที่สถานบริการของกระทรวงสาธารณสุขในพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 31 พฤษภาคม 2567
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :  กระทรวงสาธารณสุข 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
HEALTH

“หมอชลน่าน” สั่งปูพรมทั่วประเทศ สกัด “ ไข้หวัดใหญ่” หลังพบระบาดเพิ่ม 3 เท่า

 

    วันนี้ (14 ก.ย. 66)นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ว่า ล่าสุดได้รับรายงานมีจำนวนผู้ป่วยมากถึง 138,766 ราย อัตราป่วยเพิ่มสูงถึงกว่า 200 รายต่อประชาการแสนราย หรือเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเตรียมความพร้อมรับมือการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ที่แม้ตัวเลขผู้เสียชีวิตจะมีเพียงแค่ 2 ราย ในจังหวัดสงขลาและนครราชสีมา ก็ตาม


          นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า การระบาดในรอบนี้ เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A/H1N1 ซึ่งประเด็นที่น่าเป็นห่วง คือ มีการระบาดในโรงเรียนซึ่งเป็นสถานที่มีเด็กนักเรียนอยู่รวมกัน อาจมีการไอ จาม หรือสัมผัสสิ่งของเครื่องใช้ร่วมกันได้ง่าย โดยข้อมูลของกรมควบคุมโรคพบว่า ในสัปดาห์ที่ 35 (ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม–2 กันยายน) มีรายงานนักเรียนป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 101 ราย ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดลําพูน จากการเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อ 5 ราย พบเชื้อไข้หวัดใหญ่ ชนิด A 4 ราย (ร้อยละ 80) จึงได้สั่งการให้กรมควบคุมโรคเตรียมพร้อมส่งทีมสอบสวนโรคปูพรมทุกโรงเรียนในชุมชน โดยเฉพาะโรงเรียนในพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดสูงกว่าพื้นที่อื่น รวมถึงให้ทุกโรงพยาบาลเตรียมพรร้อมให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ด้วย โดยขอให้บุคลากรสาธารณสุขทุกคนถือว่าเรื่องนี้เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องเตรียมพร้อม 24 ชั่วโมง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุข

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS NEWS UPDATE

ประชาชนกลุ่มเสี่ยงบัตรทองฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ฟรี

เฝ้าระวังป้องกันโรคไข้เลือดออกช่วงหน้าฝน ย้ำช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์

Facebook
Twitter
Email
Print
 

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยบริการทั่วประเทศที่ร่วมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ได้เปิดให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในประชากรกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่ม เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมาถึง 31 สิงหาคม 2566 หรือจนกว่าวัคซีนจะหมดลง จากภาพรวมของการให้บริการในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา จากการรายงานในระบบของ สปสช. (ข้อมูล ณ 17 พ.ค. 66) มีประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้รับการฉีดวัคซีนฯ แล้วจำนวน 100,604 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 3.46 ของกลุ่มเป้าหมาย 
 
นางสาวรัชดา กล่าวว่า  เมื่อดูหน่วยบริการที่ร่วมให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สูงสุด 5 อันดับแรก ปรากฏว่า  รพ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้ให้บริการฉีดวัคซีนฯ แล้วกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดอยู่ที่จำนวน 4,118 คน  รองลงมาคือ รพ.สามพราน จ.นครปฐม จำนวน 2,957 คน, รพ.ศรีสะเกษ จำนวน 1,455 คน, รพ.สุรินทร์  จำนวน 1,226 คน และ รพ.สงขลา จำนวน 1,187 คน    
 
ส่วนข้อมูลรายงานการให้บริการระดับจังหวัด 5 อันดับแรก ของจังหวัดที่มีการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่มากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร มีประชาชนกลุ่มเป้าหมายรับบริการแล้ว 19,585 คน รองลงมาคือ ปทุมธานี จำนวน 6,162 คน, ชลบุรี จำนวน  5,267 คน, นครปฐม จำนวน 4,569 คน และ สงขลา จำนวน 3,550 ราย เมื่อเปรียบเทียบตามประชากรกลุ่มเป้าหมายในการให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่นั้น พบว่ากลุ่มผุ้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มที่เข้ารับบริการฉีดวัคซีนฯ มากที่สุด รองลงมาเป็นกลุ่มผุ้ป่วยโรคเรื้อรัง ซึ่งเป็นไปตามสัดส่วนของประชากรในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย

“ขณะนี้เริ่มใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูฝน เป็นช่วงการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ขอเชิญชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยงทั้ง 7 กลุ่ม ที่ได้รับสิทธิในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ให้รีบมารับบริการฉีดวัคซีนโดยเร็ว เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคไข้หวัดใหญ่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่นี้ยังสามารถรับบริการฉีดพร้อมกับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้ ซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งประชาชนทั้ง 7 กลุ่มเสี่ยงก็สามารถรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ โดยฉีดที่ต้นแขนคนละข้าง แต่หากไม่ได้ฉีดพร้อมกัน สามารถฉีดเมื่อไรก็ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงระยะห่าง” นางสาวรัชดา กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE