
เกษตรกรเชียงรายยื่นหนังสือผู้ว่าฯ วอนรัฐเร่งแก้ผลกระทบ FTA อุตสาหกรรมโคเนื้อทรุดหนัก
FTA ทำเกษตรกรเลี้ยงโคเดือดร้อนหนักทั่วประเทศ
เชียงราย, 13 พฤษภาคม 2568 – กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อจังหวัดเชียงราย นำโดย นายนเรศ รัศมีจันทร์ ผู้แทนกลุ่ม เดินทางยื่นหนังสือต่อ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ณ ศาลากลางจังหวัด เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาจากการเปิดเสรีทางการค้า (FTA) ที่ส่งผลให้ราคาโคเนื้อภายในประเทศตกต่ำอย่างต่อเนื่อง
FTA กับผลกระทบจากเนื้อนำเข้าราคาถูก
เกษตรกรระบุว่า การเปิดเขตการค้าเสรีระหว่างไทยกับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ทำให้มีการนำเข้าเนื้อโคและเครื่องในในราคาต่ำกว่าต้นทุนผลิตในไทยมาก ส่งผลให้ราคาขายในประเทศลดลงเกือบ 20% ภายใน 3 ปีที่ผ่านมา หลายฟาร์มขาดทุนต่อเนื่อง จำใจเลิกกิจการหรือขายฟาร์มทิ้ง
ต้นทุนสูง รายได้ต่ำ อนาคตไม่แน่นอน
จากข้อมูลของกลุ่มฯ ต้นทุนการเลี้ยงโคเฉลี่ยอยู่ที่ 80-90 บาทต่อกิโลกรัม แต่พ่อค้ารับซื้อเพียง 70 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลให้เกษตรกรแบกรับภาระต้นทุนขาดทุนต่อกิโลกรัมเป็นเงิน 10-20 บาท หากไม่มีการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ก็ยากที่จะอยู่รอดได้ในระบบตลาดเสรี
Thai Beef Model ทางรอดของโคเนื้อไทย
เพื่อฟื้นฟูและยกระดับอุตสาหกรรมโคเนื้อ กลุ่มเกษตรกรเสนอโมเดลใหม่ในชื่อว่า “Thai Beef Model” ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์ที่วางร่วมกันระหว่างเกษตรกร ผู้เชี่ยวชาญ และภาคเอกชน โดยมีข้อเสนอสำคัญ ดังนี้
- จัดตั้งองค์กรกลางเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมโคเนื้อ
- สร้างฐานข้อมูลโคเนื้อระดับชาติ
- ยกระดับฟาร์มและโรงเชือดให้ได้มาตรฐานสากล
- สนับสนุนการผลิตเนื้อคุณภาพสูง
- พัฒนาโครงสร้างตลาดและส่งเสริมการส่งออก
รัฐบาลรับลูก เตรียมส่งเรื่องถึงส่วนกลาง
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายรับหนังสือจากกลุ่มเกษตรกรและให้คำมั่นว่าจะเร่งนำเสนอต่อ นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมถึง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยจะมีการติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด
สู้ยกแผ่นดิน 25 จังหวัดเข้าร่วม
นอกจากเชียงรายแล้ว เกษตรกรจากอีก 25 จังหวัดทั่วประเทศ ได้ร่วมยื่นข้อเสนอในวันเดียวกันเพื่อผลักดันให้รัฐบาลนำ Thai Beef Model เข้าสู่แผนยุทธศาสตร์ระดับชาติ สะท้อนว่าปัญหานี้ไม่ใช่เฉพาะท้องถิ่น แต่กระทบต่อชีวิตของเกษตรกรกว่า 1.4 ล้านครัวเรือน
ความเหลื่อมล้ำระหว่างไทยกับต่างชาติ
นายนเรศเผยว่า การเลี้ยงโคในประเทศออสเตรเลียสามารถเพิ่มน้ำหนักได้ 1.8-2 กิโลกรัมต่อวัน ขณะที่ไทยทำได้เพียง 1 กิโลกรัมต่อวัน ซึ่งสะท้อนถึงความแตกต่างด้านระบบสนับสนุนและนวัตกรรม อีกทั้งออสเตรเลียมีระบบสนับสนุนฟาร์มที่ชัดเจนจากรัฐ ขณะที่ประเทศไทยยังขาดการลงทุนที่ต่อเนื่องในภาคเกษตร
เสียงจากเกษตรกรที่หมดแรงสู้
“เราไม่ได้ต้องการเงินชดเชย แต่ต้องการความยั่งยืน” นายนเรศกล่าว “เกษตรกรเลี้ยงโคคือรากฐานของระบบอาหารไทย ถ้าไม่มีการสนับสนุนหรือแนวทางพัฒนาที่ชัดเจน ในอนาคตเราอาจต้องพึ่งเนื้อนำเข้าเป็นหลัก”
ทางออกต้องร่วมมือทุกภาคส่วน
Thai Beef Model ไม่ใช่เพียงแผนงานของเกษตรกรเท่านั้น แต่ต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาโคไทยให้มีคุณภาพสูงขึ้น แข่งขันในตลาดโลกได้ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เกษตรกรในระยะยาว
สถิติที่เกี่ยวข้อง
- เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในประเทศไทย: 1.4 ล้านครัวเรือน (ที่มา: กรมปศุสัตว์ 2567)
- ต้นทุนการเลี้ยงโคเฉลี่ย: 80-90 บาท/กิโลกรัม
- ราคาขายเฉลี่ยในประเทศ: 70 บาท/กิโลกรัม (ที่มา: สมาคมผู้เลี้ยงโคเนื้อไทย 2567)
- อัตราการเพิ่มน้ำหนักโค (ต่อวัน):
- ออสเตรเลีย: 1.8-2.0 กิโลกรัม
- ไทย: 1.0 กิโลกรัม (ที่มา: รายงาน FAO และมหาวิทยาลัยแม่โจ้)
โมเดล Thai Beef คือความหวังใหม่ในการสร้างอนาคตอุตสาหกรรมโคเนื้อของไทย หากได้รับการผลักดันอย่างจริงจัง อาชีพเกษตรกรเลี้ยงโคจะไม่เพียงแค่อยู่รอด แต่ยังสามารถเติบโตและแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างภาคภูมิ.
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
- กรมปศุสัตว์ 2567
- สมาคมผู้เลี้ยงโคเนื้อไทย 2567
- รายงาน FAO และมหาวิทยาลัยแม่โจ้