
ตำรวจ สภ.แม่จัน รวบผู้ต้องหาขโมยสายไฟหลวง พร้อมของกลางและหลักฐานชัดเจน – เสพยาขณะขับขี่ จ่อแจ้ง 3 ข้อหา
เริ่มต้นจากการตั้งด่านตรวจ สู่การเปิดโปงอาชญากรรมร้ายแรงกระทบสาธารณูปโภค
เชียงราย, 5 พฤษภาคม 2568 – เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรแม่จัน จังหวัดเชียงราย ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย และ พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร ผู้กำกับการ สภ.แม่จัน พร้อมด้วย พ.ต.ท.ภูริวัฒ รุจิรัฐภาส รองผู้กำกับการป้องกันและปราบปราม พ.ต.ท.นิติการณ์ แก้วรากมุก สารวัตรป้องกันปราบปราม และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการด่านตรวจท่าข้าวเปลือก ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาชายวัย 45 ปี ชื่อเล่น “นายตุลุ” (สงวนนามสกุล) พร้อมของกลางสายไฟและเครื่องมือใช้ในการโจรกรรม
การจับกุมเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2568 หลังจากเจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจบริเวณถนนบายพาสสายเชียงราย – เชียงแสน จุดตัด ต.ท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นจุดที่มักมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มกระทำผิดกฎหมายทั้งด้านยาเสพติดและการลักลอบตัดสาธารณูปโภค
พบพิรุธหนีด่าน ตรวจค้นพบบุคคลต้องสงสัยพร้อมของกลางเต็มคันรถ
ในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าหน้าที่พบชายขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าสีแดง-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน วิ่งมาด้วยความเร็วจากทาง อ.เชียงแสน มุ่งหน้าเข้า อ.เมืองเชียงราย เมื่อเห็นด่านตรวจได้พยายามกลับรถและหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามจนสามารถสกัดรถไว้ได้ที่บริเวณหน้าตลาดชุมชน
จากการตรวจค้นเบื้องต้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายในตัวผู้ต้องหา แต่บริเวณเบาะท้ายรถจักรยานยนต์พบของกลางสำคัญ ได้แก่
- สายไฟชนิด CV2C ขนาด 35 มม. ยาวประมาณ 8 เมตร
- สายไฟชนิด CV2C ขนาด 4 เมตร จำนวน 1 เส้น
- เครื่องมือช่าง ได้แก่ ชะแลง 1 อัน, เลื่อยเหล็ก 1 ปื้น และจอบขุดดินอีก 1 อัน
ขณะเดียวกัน นายตุลุ ได้ยอมรับต่อเจ้าหน้าที่ว่าได้เสพยาบ้า (เมทแอมเฟตามีน) มาก่อนหน้านี้ และผลตรวจปัสสาวะพบสารเสพติดประเภทที่ 1 ในร่างกายจริงตามที่กล่าวอ้าง
ยืนยันของกลางเป็นทรัพย์สินราชการ พร้อมลงพื้นที่พิสูจน์การโจรกรรม
เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งไปยังแขวงทางหลวงชนบทเชียงรายเพื่อตรวจสอบของกลาง โดยวิศวกรและเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคได้ยืนยันว่า สายไฟดังกล่าวเป็นชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในโครงการไฟส่องสว่างริมทาง โดยเฉพาะในเขตถนนหมายเลข ชร.1063 ซึ่งเชื่อมกับทางหลวงหมายเลข 1
ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมพร้อมเจ้าหน้าที่แขวงฯ ได้เดินทางไปตรวจสอบบริเวณ กม. 32+500 บ้านทับกุมารทอง หมู่ 8 ตำบลท่าข้าวเปลือก และพบว่ามีสายไฟที่ถูกตัดออกหายไปจากเสาไฟริมทาง ซึ่งตรงกับจำนวนและชนิดของสายไฟที่ตรวจพบในเบาะรถผู้ต้องหา
ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทเชียงรายจึงได้มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ในทันที
แจ้ง 3 ข้อหาหนักตามประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมายยาเสพติด
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหากับนายตุลุ รวม 3 ข้อหาหนัก ได้แก่
- ลักทรัพย์ของทางราชการ ซึ่งเป็นทรัพย์ที่ใช้หรือครอบครองเพื่อประโยชน์สาธารณะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 วรรคสอง ประกอบกับมาตรา 336 และ 337 ซึ่งการลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการก่อเหตุ จะมีโทษเพิ่มขึ้นจากลักทรัพย์ทั่วไป โดยมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท
- ขับขี่ยานพาหนะขณะเสพสารเสพติด ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก มาตรา 43(8) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลมีอำนาจสั่งพักหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
- เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2564 มาตรา 57(1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายตุลุส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
วิเคราะห์ผลกระทบของการลักทรัพย์สาธารณะต่อสังคม
การลักทรัพย์ในลักษณะเช่นนี้ ถือเป็นภัยร้ายแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ เนื่องจากส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่พึ่งพาแสงสว่างจากไฟถนนในการเดินทาง การตัดสายไฟส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุจากความมืด และส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจแก่ภาครัฐที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมใหม่
นอกจากนี้ ยังเป็นการลดทอนศักยภาพของรัฐในการดูแลโครงข่ายทางหลวงชนบท และทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อมาตรการรักษาความปลอดภัยของรัฐลดลง
ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง
- ตามข้อมูลจาก กรมทางหลวงชนบท พบว่าในปี 2566 มีกรณีลักทรัพย์ระบบไฟส่องสว่างทางหลวงชนบทรวมทั้งสิ้น 218 ครั้งทั่วประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ราว 18%
- จังหวัดเชียงรายพบเหตุลักสายไฟบนทางหลวงชนบทรวม 12 กรณี ในปี 2566 โดยมากกระจุกตัวอยู่ในเขตอำเภอแม่จันและเชียงแสน
- งบประมาณที่รัฐต้องจ่ายในการซ่อมแซมไฟถนนที่ถูกขโมยหรือทำลาย คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 85 ล้านบาท/ปี ทั่วประเทศ
- สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) รายงานว่า ในปี 2567 มีผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ตรวจพบสารเสพติดในระบบรวมทั้งสิ้น 13,271 ราย โดย 76% เป็นการตรวจพบเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า)
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
กรมทางหลวงชนบท
ป.ป.ส.
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สถานีตำรวจภูธรแม่จัน จังหวัดเชียงราย