Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายปั้น “โคก หนอง นา“ ผู้ว่าฯ หนุนสร้าง เศรษฐกิจพอเพียง

ผู้ว่าฯ เชียงราย เยี่ยมศูนย์เรียนรู้ “โคก หนอง นา” ส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียง สร้างต้นแบบการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน

เชียงราย, 17 มีนาคม 2568 – นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์เรียนรู้ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา”บ้านสันธาตุ หมู่ที่ 9 ตำบลแม่คำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย โดยมี นายญาณวุฒิ สุดพิมศรี นายอำเภอแม่จัน พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย ร่วมลงพื้นที่

แนวคิดและเป้าหมายของศูนย์เรียนรู้

ศูนย์เรียนรู้ต้นแบบฯ ดำเนินการโดย นายธนกร โชคชัดชาญพัฒนา ครัวเรือนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งเป็นผู้ที่นำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ โดยยึดหลัก โคก หนอง นา” ซึ่งเป็นแนวทางการบริหารจัดการดิน น้ำ และป่า ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพึ่งพาตนเองและพัฒนาชุมชน โดยมุ่งเน้นให้เกษตรกรสามารถ จัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีแหล่งอาหารที่ยั่งยืน และสร้างอาชีพในพื้นที่

กลุ่มอาชีพที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานของศูนย์ ได้แก่:

  • กลุ่มข้าวอินทรีย์ – ผลิตข้าวที่ปลอดสารเคมีเพื่อการบริโภคและส่งออก
  • กลุ่มผักผลไม้อินทรีย์ – ส่งเสริมการปลูกพืชปลอดสารเคมี และจัดจำหน่ายให้กับตลาดชุมชนและเมืองใหญ่
  • กลุ่มกล้วยตาก – เพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรด้วยการแปรรูป
  • กลุ่มพริกลาบ – สร้างผลิตภัณฑ์จากวัตถุดิบท้องถิ่น ส่งออกสู่ตลาดทั้งในและต่างจังหวัด

ข้อเสนอแนะจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย

นายชรินทร์ ทองสุข ได้ให้แนวทางเพิ่มเติมในการพัฒนา ศูนย์เรียนรู้ “โคก หนอง นา” ให้สามารถขยายผลสู่ชุมชนอื่น ๆ ได้ โดยเน้นเรื่อง การบริหารจัดการน้ำ การจัดการขยะ และการสร้างเครือข่ายเกษตรกร

  1. การบริหารจัดการน้ำ
  • ส่งเสริมการขุดหนองน้ำและทำธนาคารน้ำใต้ดิน เพื่อให้เกษตรกรมีแหล่งน้ำสำรองในฤดูแล้ง
  • สร้างระบบคลองไส้ไก่และหลุมขนมครก เพื่อช่วยกระจายน้ำไปทั่วพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ
  1. การจัดการขยะและการเพิ่มมูลค่าทรัพยากร
  • ใช้ขยะเปียกเป็นอาหารสัตว์หรือปุ๋ยหมัก ลดปริมาณขยะในชุมชน
  • ส่งเสริมการรีไซเคิลและแปรรูปขยะ ให้กลายเป็นวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์และสร้างรายได้
  1. การสร้างเครือข่ายเกษตรกรและตลาดรองรับผลผลิต
  • สร้างเครือข่ายเกษตรกรเพื่อกำหนดราคาผลผลิตได้อย่างเป็นธรรม
  • ส่งเสริมความร่วมมือกับภาคเอกชนและตลาดกลาง เพื่อให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาที่เหมาะสม

ศูนย์เรียนรู้ “โคก หนอง นา” เป็นต้นแบบการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม

ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ เป็นต้นแบบของการจัดการพื้นที่การเกษตรแบบยั่งยืน โดยเน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า เช่น การขุดหนองน้ำ 4 บ่อ ระบบคลองไส้ไก่ และการทำเกษตรอินทรีย์ ซึ่งทำให้สามารถ เชื่อมโยงผลผลิตเข้าสู่ตลาดทั้งในและต่างจังหวัด รวมถึงการเป็น คู่ค้ากับบริษัทรายใหญ่ระดับประเทศ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่สามารถนำไปขยายผลในพื้นที่อื่น ๆ

สถิติและข้อมูลอ้างอิง

  • จำนวนศูนย์เรียนรู้ “โคก หนอง นา” ในประเทศไทย: กว่า 3,500 แห่ง (ข้อมูลจากกรมพัฒนาชุมชน ปี 2568)
  • งบประมาณสนับสนุนการพัฒนาโครงการ: 2,500 ล้านบาท (ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2568)
  • พื้นที่ที่มีการนำหลักการ “โคก หนอง นา” ไปใช้ในเชียงราย: มากกว่า 2,000 ไร่ (ข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย ปี 2568)
  • อัตราการเติบโตของเกษตรอินทรีย์ในเชียงราย: เพิ่มขึ้น 18% ต่อปี (ข้อมูลจากสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย ปี 2568)

สรุป

ศูนย์เรียนรู้ โคก หนอง นา” เป็นหนึ่งในโครงการที่ส่งเสริมแนวคิด เศรษฐกิจพอเพียง และ การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะ การจัดการน้ำและขยะในชุมชน ซึ่งช่วยให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองและพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างเป็นรูปธรรม

อย่างไรก็ตาม การนำหลักการนี้ไปขยายผลในพื้นที่อื่น ๆ ยังต้องอาศัยการสนับสนุนจากภาครัฐในการจัดสรรเงินทุนและการอบรมความรู้เพิ่มเติม เพื่อให้เกษตรกรสามารถปรับตัวและใช้ประโยชน์จากโครงการได้อย่างเต็มที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมพัฒนาชุมชน (ปี 2568) / กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ปี 2568) / สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย (ปี 2568) / สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย (ปี 2568)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

‘แม่จัน’ ลุยไถกลบ ลดเผาแก้ฝุ่น PM 2.5 วิกฤต

เชียงรายเปิดโครงการ “Kick Off ชิงไถ ลดการเผา” ลดปัญหาหมอกควันและ PM2.5

เชียงราย, 17 มีนาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายร่วมกับอำเภอแม่จัน เปิดโครงการ “Kick Off ชิงไถ ลดการเผา” เพื่อรณรงค์ลดการเผาในพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัด ณ แปลงปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ บ้านผาเรือ หมู่ที่ 11 ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน โดยมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ พร้อมด้วย นายญาณวุฒิ สุดพิมศรี นายอำเภอแม่จัน หัวหน้าส่วนราชการ เกษตรกร และภาคเอกชนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

การจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ลดมลพิษทางอากาศ

นายญาณวุฒิ สุดพิมศรี นายอำเภอแม่จัน เปิดเผยว่า อำเภอแม่จันมีพื้นที่การเกษตรรวม 146,524 ไร่ และมีวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรประมาณ 44,000 ตัน ซึ่งหากบริหารจัดการอย่างถูกวิธีจะช่วยลดปัญหาการเผา ลดมลพิษทางอากาศ และเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุเหลือใช้แทนการปล่อยให้เป็นควันพิษ โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย:

  • นิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับ การทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  • การสาธิต วิธีการจัดการวัสดุเหลือใช้โดยไม่ต้องเผา
  • การให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ผลกระทบของฝุ่น PM2.5 และแนวทางรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การดำเนินนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM2.5 เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะช่วงเดือน พฤศจิกายนถึงเมษายนของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมากที่สุด โครงการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางเชิงรุกที่ภาครัฐให้ความสำคัญ ภายใต้นโยบายส่งเสริมการทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมผลักดันให้เกษตรกรใช้แนวทางอื่นแทนการเผา เช่น:

  • การไถกลบตอซังข้าวโพด
  • การปลูกพืชปุ๋ยสด เช่น ปอเทือง
  • การใช้เศษพืชทำปุ๋ยหมักและเชื้อเพลิงชีวมวล

ภายในงานยังมีกิจกรรม สาธิตการไถกลบตอซังข้าวโพด โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายอำเภอแม่จัน ได้ขับรถไถสาธิตด้วยตนเอง จากนั้นได้ร่วมกัน หว่านเมล็ดพันธุ์ปอเทือง เพื่อสร้างปุ๋ยพืชสด โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเครือข่ายเกษตรกรปลอดการเผาในพื้นที่อำเภอแม่จัน

เสียงสะท้อนจากประชาชนและเกษตรกร

ฝ่ายที่สนับสนุนโครงการ

  • เกษตรกรบางส่วนเห็นว่า การไถกลบตอซังแทนการเผาสามารถเพิ่มอินทรียวัตถุให้ดิน และช่วยลดต้นทุนปุ๋ยเคมี
  • นักอนามัยสิ่งแวดล้อมสนับสนุนว่า การลดการเผาจะช่วยลดฝุ่น PM2.5 และปัญหาสุขภาพของประชาชนในพื้นที่

ฝ่ายที่มีข้อกังวล

  • เกษตรกรบางรายมองว่า การไถกลบอาจต้องใช้ต้นทุนเพิ่มขึ้น เช่น ค่าแรงและค่าการใช้เครื่องจักร
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจบางส่วนระบุว่า หากไม่มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร อาจทำให้เกษตรกรรายย่อยมีภาระค่าใช้จ่ายสูงขึ้น

สถิติและข้อมูลอ้างอิง

  • พื้นที่การเกษตรในอำเภอแม่จัน: 146,524 ไร่ (ข้อมูลจากสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย)
  • วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในอำเภอแม่จัน: ประมาณ 44,000 ตันต่อปี (ข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตร)
  • ค่าฝุ่น PM2.5 ในเชียงราย: มีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน (ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ)
  • แนวโน้มการลดลงของฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่นำร่องที่ใช้การไถกลบแทนการเผา: ลดลงเฉลี่ย 20-30% (ข้อมูลจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่โจ้)

สรุป

โครงการ “Kick Off ชิงไถ ลดการเผา” เป็นมาตรการสำคัญที่จังหวัดเชียงรายดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยมุ่งส่งเสริมการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และลดการเผาในที่โล่งเพื่อป้องกันมลพิษทางอากาศ

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของโครงการนี้ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของเกษตรกร ภาครัฐ และภาคเอกชน หากสามารถหามาตรการสนับสนุนทางเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ควบคู่กับการรณรงค์ให้ความรู้ เชื่อว่าแนวทางนี้จะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยลดปัญหาฝุ่นละออง และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ประเพณีโล้ชิงช้า บ้านห้วยไร่ อ.แม่จัน เทศกาลปีใหม่ชาวอาข่า

 
เมื่อวันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม 2567 เวลา 15.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการจัดงานประเพณีโล้ชิงช้าของชนเผ่าอาข่าประจำปี พ.ศ. 2567 ณ บ้านห้วยไร่ (ซาเจ๊ะ) หมู่ 6 ตำบลแม่ไร่ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย โดยมีนายสมชาย บัญชาพล ผู้ใหญ่บ้านห้วยไร่ กล่าวรายงาน พร้อมด้วยนายเสน่ห์ ปัญญาดี ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ นายก อบจ.เชียงราย, นายระพิน เตมียะ ที่ปรึกษา นายก อบจ.เชียงราย, นายสุทธิรัตน์ แสงเพ็ญจันทร์ ปลัดอำเภอแม่จัน หัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง, นายไพศาล พรมมาลี นายกเทศมนตรี ตำบลแม่ไร่, นายณรงค์ชัย ใจวงค์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่ไร่, ข้าราชการ, ผู้นำท้องที่, ท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ด้วย

การจัดงานประเพณีโล้ชิงช้าของชนเผ่าอาข่าปีนี้เป็นการส่งเสริมและเผยแพร่ความสำคัญของประเพณีและวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์อาข่า ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมท้องถิ่นในพื้นที่ ตลอดจนการสร้างความสามัคคีในชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและรักษาวัฒนธรรมอันดีงามไว้ให้คงอยู่ต่อไป

งานประเพณีโล้ชิงช้าของชนเผ่าอาข่าจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 12 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์เด็กเล็กบ้านห้วยไร่ (ซาเจ๊ะ) หมู่ 6 ตำบลแม่ไร่ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย โดยกิจกรรมหลักประกอบด้วยการโล้ชิงช้า, การแสดงพื้นบ้าน, การทำอาหารและของฝากท้องถิ่น, และกิจกรรมสร้างสรรค์อื่น ๆ ที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของชนเผ่าอาข่า

นอกจากนี้ ยังมีกำหนดการจัดงานประเพณีโล้ชิงช้าในพื้นที่ต่าง ๆ ของจังหวัดเชียงราย ดังนี้:

  • วันที่ 17-18 สิงหาคม 2567 เทศกาลโล้ชิงช้า บ้านดอยช้าง
  • วันที่ 22 สิงหาคม 2567 ประเพณีโล้ชิงช้า สืบสานวัฒนธรรมชาติพันธุ์ ดอยแสนใจ ตำบลแม่สลองใน
  • วันที่ 29 สิงหาคม – 1 กันยายน 2567 ประเพณีโล้ชิงช้าบ้านผาฮี้

การจัดงานประเพณีโล้ชิงช้านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของชุมชนในการรักษาและส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่นให้มีชีวิตชีวาและยั่งยืน พร้อมทั้งสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชนและกับนักท่องเที่ยวที่สนใจวัฒนธรรมพื้นบ้านของชนเผ่าอาข่า

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

สรงน้ำพระธาตุสันแก้วชุมพล วัดสันหลวงใหม่ อ.แม่จัน

 

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีในงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุสันแก้วชุมพล ณ วัดสันหลวงใหม่ ตำบลจันจว้าใต้ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย โดยมีนายญาณวุฒิ สุดพิมศรี นายอำเภอแม่จัน นายชินกร ก๊อใจ

 

สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย อ.แม่จัน เขต 2 พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับ และนายอนุรักษ์ ฟ้าคำตัน ในนามผู้รักษาการแทนวัฒนธรรมประจำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงานฯ
 
.
การสรงน้ำพระธาตุเป็นประเพณีความเชื่อดั้งเดิมมาแต่โบราณที่ชาวล้านนาทางภาคเหนือนิยมกระทำเป็นประจำทุกปี การสรงน้ำพระธาตุก็เปรียบเสมือนการที่ได้สรงน้ำสิ่งที่ที่เป็นตัวแทนพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายที่เรียกว่าพระเจดีย์คือสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุเพื่อเป็นการถวายเป็นพุทธบูชาในการสรงน้ำพระธาตุในประเพณีนิยมที่ได้กระทำกันมาโดยพิธีสรงน้ำพระธาตุสันแก้วชุมพล วัดสันหลวงใหม่นั้น โดยความเห็นชอบของคณะศรัทธาวัดสันหลวงใหม่คือบ้านสันหลวง หมู่ที่ 10 ตำบลจันจว้าใต้ และบ้านสันหลวงกลาง หมู่ที่ 8 ตำบลจอมสวรรค์ ในทุกฝ่ายโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสืบสานอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมประจำท้องถิ่นคือการสรงน้ำพระธาตุประจำหมู่บ้านสันหลวง อันเป็นศูนย์รวมทางจิตใจ ของพระพุทธศาสนาของพี่น้องชาวบ้านสันหลวงทั้งสองตำบลคือตำบลจันจว้าใต้และตำบลจอมสวรรค์ และเพื่อเป็นการประกาศประชาสัมพันธ์กิจกรรมทางวัฒนธรรมท้องถิ่นของทางหมู่บ้านสันหลวงทั้งสองตำบล อีกทั้งสืบทอดขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่น ภูมิปัญญาพื้นบ้านผสมผสานกับแนวทางอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและแนวคิดสร้างสรรค์ในประเพณีวัฒนธรรมแบบใหม่
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พัฒนาเวียงหนองหล่ม ปล่อยปลา แสนตัว พร้อมปลูกต้นไม้ 200,000 ต้น

 

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 67 ณ โครงการพัฒนาแก้มลิงเวียงหนองล่มพร้อมอาคารประกอบ ตำบลจันจว้า อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ว่าที่ ร.ต. ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนา 72 สายน้ำ อย่างยั่งยืน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อเฉลิมพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำ บรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน รวมถึงสร้างการรับรู้ให้ผู้ใช้น้ำเกิดความตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรน้ำ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนจิตอาสาร่วมพิธี

 

โครงการพัฒนา 72 สายน้ำ อย่างยั่งยืน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่าง 5 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินการขุดลอกคลองส่งน้ำ จำนวน 30 แห่ง ขุดลอกอ่างเก็บน้ำ จำนวน 14 แห่ง และก่อสร้างแหล่งน้ำและระบบส่งน้ำ เพื่อชุมชนและพื้นที่ห่างไกล จำนวน 28 แห่ง และได้ Kick off ถ่ายทอดสัญญาณพิธีเปิดพร้อมกัน 28 แห่งทั่วประเทศ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีเปิดได้ร่วมกันปลูกต้นไม้ ปล่อยพันธุ์ปลาตะเพียนจำนวน 72,000 ตัว ปลูกหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ และร่วมกันหว่านหญ้าบริเวณพื้นที่เวียงหนองหล่ม เพื่อสร้างเป็นแหล่งอาหารให้กับโค กระบือ ในพื้นที่

 

สำหรับ เวียงหนองหล่ม เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 14,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ 4 ตำบล โดยโครงการชลประทานเชียงราย ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนพัฒนาแหล่งน้ำ มุ่งเน้นสร้างศักยภาพทางด้านน้ำอย่างยั่งยืน ด้วยการดำเนินโครงการพัฒนาแก้มลิงเวียงหนองหล่มพร้อมอาคารประกอบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บกักน้ำให้ได้มากยิ่งขึ้น หากโครงการฯ ดำเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถเพิ่มปริมาณเก็บกักน้ำได้ถึง 20 ล้านลูกบาศก์เมตร สนับสนุนพื้นที่เกษตรกรรม 11,000 ไร่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ช่วยสร้างรายได้เชิงท่องเที่ยวให้กับชุมชนได้อีกทางหนึ่งด้วย

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย ร่วมส่งผลิตภัณฑ์ ป้องกำจัดลูกน้ำยุง แม่จัน – แม่ฟ้าหลวง

 

เมื่อวันจันทร์ ที่ 10 มิถุนายน 2567 เวลา 09.00 น. นายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วย นายประเสริฐ ชุ่มเมืองเย็น รองประธานสภา อบจ.เชียงราย อำเภอแม่จัน เขต 1 นางปาริชาติ จิระมณี ส.อบจ.เชียงราย อำเภอแม่จัน เขต 3 อ.แม่จัน และเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุข อบจ.เชียงราย มอบผลิตภัณฑ์ป้องกันและกำจัดลูกน้ำยุงชนิดเม็ด (Mosdop TB) ให้แก่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในสังกัด อบจ.เชียงราย อ.แม่จัน ณ หอประชุมที่ว่าการ อ.แม่จัน

 

จากนั้น เวลา 13.00 น. นายก นก นายก อบจ.เชียงราย และเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุข อบจ.เชียงราย เข้ามอบผลิตภัณฑ์ป้องกันและกำจัดลูกน้ำยุง ให้แก่ รพ.สต.ในสังกัด อบจ.เชียงราย อ.แม่ฟ้าหลวง ณ ห้องประชุม รพ.สต.เล่าลิ่ว
 
 
ทั้งนี้ การมอบผลิตภัณฑ์ป้องกันและกำจัดลูกน้ำยุง ในพื้นที่ อ.แม่จัน และ อ.แม่ฟ้าหลวง เป็นการตัดวงจรการเกิดของยุงลาย ซึ่งเป็นพาหะแพร่เชื้อสู่คน ซึ่งในพื้นที่ต่างๆของจังหวัดเชียงราย เริ่มพบผู้ป่วยไข้เลือดออก และยังมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น ซึ่งอาการของผู้ได้รับเชื้อนั้น จะมีอาการดังนี้
 
 
มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส ปวดหัวรุนแรง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อต่อปวดกระบอกตา ตาแดง มีผื่นแดงขึ้นบริเวณผิวหนัง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน อาจท้องผูกหรือ ท้องเสีย และอาจถ่ายเป็นสีดำ ปวดท้องบริเวณชายโครงขวา หากมีอาการรุนแรงอาจเกิดอาการเลือดออกผิดปกติตามร่างกาย เช่น เลือดออกตามผิวหนัง เลือดออกที่เยื่อบุคอ หรือเลือดกำเดาไหล เป็นต้น
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เตรียมสร้างอ่างเก็บน้ำแม่คำ ปี 2570 แก้ปัญหาภัยแล้ง-น้ำท่วมซ้ำซาก

 

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567นายพิเชษฐ รัตนปราสาทกุล ผู้อำนวยการสำนักออกแบบและสถาปัตยกรรม กรมชลประทาน กล่าวว่า “โครงการอ่างเก็บน้ำแม่คำ” จังหวัดเชียงราย เป็นพื้นที่ในลุ่มน้ำคำ ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่คำ จะสามารถช่วยพื้นที่การเกษตรกว่า 75,000 ไร่ ที่มีทั้งปัญหาน้ำแล้งและน้ำท่วมหลากซ้ำซากในพื้นที่เศรษฐกิจและพื้นที่การเกษตรในอำเภอแม่จัน โครงการอ่างเก็บน้ำแม่คำ ตั้งอยู่บ้านสามัคคีใหม่ ตำบลแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

 

“ขณะนี้โครงการอยู่ในขั้นตอนของการสำรวจและออกแบบรายละเอียดโครงการ และจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2567 อ่างเก็บน้ำแม่คำมีความจุประมาณ 51.73 ล้าน ลบ.ม. และคาดว่าจะได้รับงบประมาณก่อสร้างประมาณปลายปี 2569 หรือ 2570 โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปีครึ่ง”

 

       เมื่อดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่คำแล้วเสร็จ จะช่วยให้การทำการเกษตรมีแหล่งน้ำถาวรเพิ่มขึ้น ทำการเพาะปลูกในฤดูฝนได้เต็มประสิทธิภาพประมาณ 67,000 ไร่ ลดปัญหาฝนทิ้งช่วง ส่วนฤดูแล้งจะสามารถทำการเกษตรเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 48,900 ไร่ สามารถส่งน้ำเพื่ออุปโภค-บริโภคได้ประมาณ 1.8 ล้าน ลบ.ม./ปี ช่วยบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มริมน้ำแม่คำ ประมาณ 1,200 ไร่ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำของท้องถิ่น เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และ รักษาสมดุลนิเวศท้ายน้ำ โดยระบายน้ำในฤดูแล้งลงลำน้ำเดิม

 

      ทางด้าน นายธนพล สงวนตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้าง ชลประทานขนาดกลางที่ 2 กล่าวว่า การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่คำ จะกระทบพื้นที่ทำกินของราษฎร จำนวน 175 ราย รวม 267 แปลง ประมาณ 1,207 ไร่ และกระทบที่อยู่อาศัยจำนวน 16 หลัง ซึ่งจะได้การชดเชยที่ดินและทรัพย์สินทั้งกรณีที่ดินมีเอกสารสิทธิ์และที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2532 รวมทั้งการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่คำ จะทำให้ระดับน้ำสูงสุดท่วมถนนในบางช่วงจากบ้านสามัคคีใหม่ไปบ้านห้วยหม้อ และจากบ้านห้วยหม้อไปบ้านห้วยมุ ก็จะสร้างถนนทดแทนให้ การก่อสร้างจะใช้วัสดุก่อสร้างเขื่อนจากภายในอ่างให้มากที่สุด เพื่อลดการขนส่งวัสดุจากภายนอกเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งจะมีผลกระทบด้านเสียง ฝุ่น และการสัญจร รวมทั้งมีการลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชุมชนใกล้เคียง โดยปฏิบัติตามรายงานแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIMP) ที่กรมชลประทานได้จัดทำรายงานและผ่านการเห็นชอบของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) แล้ว “ผลกระทบในแง่ชีวิตและสิ่งแวดล้อม กรมชลประทานมีแผนปฏิบัติการป้องกัน แก้ไข และติดตาม โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับการก่อสร้าง เป็นระยะเวลา 15 ปี อย่างเช่น ป่าไม้ที่ถูกน้ำท่วมก็จะปลูกป่าชดเชยให้ 2 เท่า”

 

      ดร.สมชาย ประยงค์พันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน กล่าวว่า อ่างเก็บน้ำแม่คำตั้งอยู่ห่างจากรอยเลื่อนแม่จัน 13 กิโลเมตร จึงต้องออกแบบเขื่อนให้สามารถต้านแรงแผ่นดินไหวได้ที่ขนาด 6.8 โดยออกเเบบตามมาตรฐานต้านแผ่นดินไหวทั้งของกรมชลประทานเเละมาตรฐานระดับโลก

 

       นายทวีชัย โค้วตระกูล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงราย มักมีปัญหาน้ำท่วมในช่วงฤดูฝนที่มีฝนตกหนัก น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่เกษตรและบ้านเรือนอยู่เสมอ โดยเฉพาะในเขตอำเภอพาน, อำเภอแม่จัน, อำเภอแม่ลาว ส่วนในช่วงเดือนตุลาคม-พฤษภาคม จะเป็นช่วงที่ขาดฝนทำให้แม่น้ำและลำห้วยต่างๆ มีปริมาณน้ำลดลง บางแห่งน้ำขอด อย่างเช่นที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ทำให้ขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และทำการเกษตร โดยพื้นที่ที่มักจะประสบปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก คือ อำเภอแม่จัน อำเภอเชียงแสน อำเภอเชียงของ อำเภอพญาเม็งราย อำเภอเวียงป่าเป้า และอำเภอแม่สรวย

 

       เมื่อมีการพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำแม่คำแล้วเสร็จ จะสามารถส่งน้ำให้พื้นที่เพาะปลูกได้สม่ำเสมอตลอดปี ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนน้ำใช้เพื่อการเกษตรในช่วงฤดูแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำคำ สามารถดูแลผลผลิตจากการปลูกพืชให้มีผลผลิตมากขึ้น และจะบริการจัดการน้ำแบบมีส่วนร่วมกับกลุ่มผู้ใช้น้ำใน รวมทั้งช่วยบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่อำเภอแม่จัน และอำเภอเชียงแสนได้อีกด้วย

 

    ขณะที่นายผาย วงศ์ฝั่น ประธานฝายผาม้าและประธานเครือข่ายลุ่มน้ำคำ บอกว่า ในพื้นที่มักจะประสบปัญหาแล้งและท่วมสาหัส อยู่เสมอ อย่างเช่น ในขณะนี้เกิดภาวะภัยแล้งรุนแรงจากอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ ไร่นาเสียหาย โดยเฉพาะปีนี้ไร่นาในอำเภอเชียงแสนเสียหายหนักมาก จึงรอความหวังให้กรมชลประทานเร่งก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่คำให้ได้โดยเร็ว

 

        ด้านนายเขียว วิยาพร้าว กรรมการลุ่มน้ำคำ ตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย บอกว่ารอคอยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่คำมานานกว่า 30 ปี ปีนี้ ในตำบลศรีดอนมูล นาข้าวยืนต้นตายจากปัญหาภัยแล้งกว่า 2,000 ไร่ เพราะน้ำในคลองส่งน้ำแห้งขอด อ่างเก็บน้ำแม่คำจึงเป็นความหวังของชาวบ้านที่จะสามารถเพิ่มรายได้จากการทำการเกษตรและน้ำกินน้ำใช้ก็จะดีขึ้นตามไปด้วย 

 

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มหกรรม อบจ.เชียงรายสัญจร ลงพื้นที่ อ.แม่จัน รับฟังข้อเสนอ

 

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 เวลา 09.00 น. ณ หอประชุมโรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย นางทรงศรี คมขำ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายประเสริฐ ชุ่มเมืองเย็น รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอแม่จัน เขต 1 นางปาริชาติ จิระมณี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอแม่จัน เขต 3 และนายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยผู้เข้าร่วมงานมหกรรม อบจ.เชียงราย สัญจร อ.แม่จัน ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด และร่วมแลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะ ร่วมกับตัวแทนในภาคส่วนต่างๆ ของพื้นที่ อ.แม่จัน

 

โดยการจัดงานมหกรรม อบจ.เชียงราย สัญจร เป็นการรับฟังข้อเสนอแนะ และปัญหาความต้องการจากพี่น้องประชาชน ในพื้นที่อำเภอแม่จัน เพื่อให้แผนพัฒนาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปัจจุบัน มีความสอดคล้องและเชื่อมโยงกับแผนพัฒนาจังหวัด แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด รวมทั้งแผนปฏิบัติราชการประจำปีจังหวัดแผนปฏิบัติราชการประจำปีกลุ่มจังหวัด ตลอดจนสามารถบูรณาการแผนงาน/โครงการ/กิจกรรม และงบประมาณในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดให้กับประชาชนต่อไป
 
 
พร้อมกันนี้ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่ อ.แม่จัน โดยได้ประสานเจ้าหน้าที่กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพ จ.เชียงราย และ รพ.สต. ในการช่วยเหลือการเข้าถึงสิทธิการดูแลด้านต่าง ๆ จากกองทุนฟื้นฟูฯ ต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ปลุกพลังเยาวชน “แม่จัน“ สร้างเครือข่ายเยาวชนอาสาพัฒนาเชียงราย

 
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พบปะเยาวชนแม่จันในโครงการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงราย กิจกรรมที่ 3 อบรมเครือข่ายเยาวชนอาสาพัฒนาเชียงราย ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลแม่จัน โดยมีนายฐิติวัชร ไลศิริพันธ์ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม นายเสกสรรค์ จันทร์ถิระติกุล นายก ทต.แม่จัน นางสาวทิตยา ไชยรินทร์ เลขานุการนายก ทต.แม่จัน นางสุวิมล หินใหญ่ ผู้อำนวยการกองคลัง ทต.แม่จัน นางสาวธัญชนก เรืองจิตต์ ผู้อำนวยการ กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ทต.แม่จัน ร่วมให้การต้อนรับในครั้งนี้ด้วย
 
 
การอบรมเครือข่ายเยาวชนอาสาพัฒนาเชียงราย ในครั้งนี้ อบจ.เชียงราย ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักที่มีบทบาทหน้าที่สำคัญในการจัดบริการสาธารณะให้แก่ประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งให้เป็นไปตามนโยบายที่ 5 สภาเยาวชนร่วมกำหนดอนาคตเชียงราย รวมถึงการพัฒนาคุณภาพความเป็นอยู่ของประชากรทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญของประเทศในอนาคตจำเป็นจะต้องได้รับการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เยาวชนได้มีพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นแสดงออกอย่างถูกต้องเป็นประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งเยาวชนคนรุ่นใหม่ และเครือข่ายคนรุ่นใหม่เหล่านี้ จะมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนทิศทางการพัฒนาจังหวัดเชียงราย ให้เกิดความยั่งยืนจากรุ่นสู่รุ่น จึงได้เกิดกิจกรรมการ อบรมเพื่อคัดเลือกคณะกรรมการระดับอำเภอเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชนในการขับเคลื่อนการพัฒนาท้องถิ่นของตนเองขึ้น และจะดำเนินการให้ครบถ้วน ทั้ง 18 อำเภอ ของจังหวัดเชียงราย ต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ชมรมสตรี 3.8 ชาวไทยภาคเหนือ จัดงาน “วันสตรียูนหนาน ครั้งที่ 6 ”

 

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2567 เวลา 11.30 น.ที่บริเวณสนามด้านหน้า องค์การบริหารส่วนตำบลป่าตึง ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย  นายเฉิน ไห่ผิง กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ เป็นประธานเปิด  “งานชมรมสตรี 3.8 ชาวไทยภาคเหนือ ครั้งที่ 6” หรือชาวบ้านจะเรียกว่า “งานวันสตรียูน้าหนาน” ที่จัดโดยกลุ่มชาวไทย เชื่อสายจีนยูนหนานนำโดย ชมรมสตรี 3.8 ชาวไทยภาคเหนือ ที่มีสมาชิกในชมรม จำนวน 3 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และ แม่ฮ่องสอน กว่า 60 หมู่บ้าน โดยมีชาวไทยเชื้อสายจีนยูนหนาน ทั้งที่ นับถือศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และ ศาสนาอิสลาม มาร่วมงานจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ กว่า 2,500 คน

 

          ในงานมีการจัดกิจกรรม โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูสืบสานวัฒนธรรมชาติพันธุ์ชนเผ่า และรักสุขภาพประจำปี พ.ศ.2567 อีกทั้งยังเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญากลุ่มชาติพันธุ์ เช่น การแต่งกาย ภาษาพูด ภาษาเขียน อาหาร วิถีชีวิตขนเผ่า ซึ่งภายในงานมี กิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรมวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ชนเผ่า มีการแสดงจากกลุ่มต่างๆ  มีการจำหน่ายสินค้า OTOP มีการตั้งขบวนของกลุ่มชาติพันธ์แต่ละหมู่บ้าน เพื่อต้อนรับประธานในพิธีในงาน ได้แก่ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย  นายเฉิน ไห่ผิง กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ พร้อมด้วย นางอทิตาธรวันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ร่วมให้การต้อนรับ 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News