Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายเปิดตัว “ผ้าอัตลักษณ์” ยกระดับภูมิปัญญาสู่สากล

ผ้าทอพื้นถิ่นเชียงราย” เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ สู่เวทีแฟชั่นและตลาดโลก

เชียงรายโชว์พลังผ้าอัตลักษณ์ ดันสู่เวทีสากล

จังหวัดเชียงรายเปิดฉากกิจกรรมใหญ่ “ผ้าทอ ผ้าพื้นถิ่น ผ้าอัตลักษณ์” ณ ลานกาสะลอง ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จัดขึ้นภายใต้โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และสร้างสรรค์ บนฐานทรัพยากรชุมชนคุณค่าสูง เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์สิ่งทอท้องถิ่นให้ก้าวสู่ตลาดที่กว้างขึ้น

ผ้าอัตลักษณ์ ผสานภูมิปัญญากับแฟชั่นร่วมสมัย

ในพิธีเปิดงาน ซึ่งจัดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อเวลา 18.00 น. มีนายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยนางอำไพ บัวระดก พัฒนาการจังหวัดเชียงราย กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ โดยมีแขกผู้มีเกียรติ อาทิ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำองค์กรท้องถิ่น นักพัฒนาชุมชน และผู้แทนจากภาคเอกชนเข้าร่วมอย่างคึกคัก

จัดเต็มแฟชั่นโชว์ผ้าทอ สะท้อนรากวัฒนธรรม

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยนิทรรศการผ้าไทย แฟชั่นโชว์จำนวน 20 ชุด และร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์มากกว่า 50 ร้าน โดยเน้นนำเสนอผ้าทอหลากหลายชนิด ทั้งผ้าฝ้าย ผ้าไหม และผ้าชนเผ่าพื้นเมือง ซึ่งล้วนเป็นผลงานที่เกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ถ่ายทอดผ่านรุ่นสู่รุ่นและผสมผสานกับการออกแบบในยุคปัจจุบัน

เป้าหมายชัดเจน พัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอเชิงสร้างสรรค์

การจัดงานมุ่งหวังให้ผู้ผลิตในท้องถิ่นได้รับการพัฒนาศักยภาพ ทั้งด้านการออกแบบ การใช้สีจากธรรมชาติ การตัดเย็บ และการตลาด โดยเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนได้อย่างยั่งยืน

กลุ่มเป้าหมายหลากหลาย ยกระดับผู้ประกอบการท้องถิ่น

งานนี้เปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ผลิตและผู้ประกอบการกว่า 100 ราย จาก 18 อำเภอในจังหวัดเชียงราย ได้แสดงผลงานและพบปะผู้ซื้อจากทั้งในและนอกพื้นที่ เพิ่มโอกาสขยายตลาดให้กับสินค้าผ้าทอที่มีเอกลักษณ์และคุณภาพสูง

สร้างการรับรู้ใหม่ต่อผ้าพื้นถิ่น สู่การต่อยอดระดับประเทศ

นอกจากการจำหน่ายสินค้า กิจกรรมนี้ยังเน้นการสร้างแรงบันดาลใจแก่คนรุ่นใหม่ในการสืบสานผ้าทอพื้นบ้าน ให้กลับมาเป็นที่นิยมและต่อยอดเชิงสร้างสรรค์ในหลายมิติ เช่น การออกแบบแฟชั่น การตกแต่งภายใน หรือแม้แต่การพัฒนาแบรนด์สินค้าในระดับโลก

ภาครัฐมั่นใจ สานต่อผ้าเชียงรายสู่ตลาดโลก

สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงรายแสดงความมั่นใจว่า การจัดงานนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่จะผลักดันให้ผ้าอัตลักษณ์ของจังหวัดเชียงรายกลายเป็นส่วนหนึ่งของตลาดโลก โดยอาศัยพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อน

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง

จากข้อมูลกรมการพัฒนาชุมชน (พ.ศ. 2567) พบว่า จังหวัดเชียงรายมีผู้ประกอบการด้านผ้าและสิ่งทอกว่า 312 กลุ่ม ครอบคลุมทั้งผ้าฝ้าย ผ้าไหม ผ้าเขียนเทียน และผ้าชนเผ่าต่าง ๆ ซึ่งมีมูลค่าการจำหน่ายรวมกว่า 95 ล้านบาทต่อปี และยังคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากมีการสนับสนุนและเปิดตลาดในรูปแบบใหม่ๆ

ทั้งนี้ การจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นกิจกรรมต้นแบบที่ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก และสร้างโอกาสใหม่ให้กับชุมชนอย่างแท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย
  • กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สถิติการค้าและเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น 2567 – สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายแฟชั่นโลก ผสานผ้าชาติพันธุ์ สร้างแบรนด์ดัง

โครงการ Chiang Rai Fashion to the World Season 3 เปิดอบรมออกแบบผ้าทอกลุ่มชาติพันธุ์ สร้างแบรนด์เชียงรายสู่ตลาดโลก

เชียงราย, 25 เมษายน 2568 – จังหวัดเชียงราย ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา จัดอบรมครั้งที่ 1 ภายใต้โครงการ Chiang Rai Fashion to the World Season 3 เพื่อส่งเสริมการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอกลุ่มชาติพันธุ์ สร้างสรรค์ “เชียงรายแบรนด์” สู่เวทีโลก งานนี้ไม่เพียงมุ่งเน้นการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง แต่ยังเปิดโอกาสให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพด้านการออกแบบแฟชั่น พร้อมสนับสนุนการศึกษาและพัฒนาชุมชนชาติพันธุ์ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

มรดกผ้าทอและความสำคัญของเชียงราย

จังหวัดเชียงราย ถือเป็นศูนย์กลางของความหลากหลายทางวัฒนธรรมในภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ เช่น ไทลื้อ ไทใหญ่ ลาหู่ และกะเหรี่ยง ซึ่งแต่ละกลุ่มมีเอกลักษณ์ด้านศิลปะการทอผ้าที่สืบทอดมานานหลายศตวรรษ ผ้าทอเหล่านี้ไม่เพียงสะท้อนถึงอัตลักษณ์และประวัติศาสตร์ของชุมชน แต่ยังเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่สามารถสร้างมูลค่าในตลาดโลกได้

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การทอผ้าของกลุ่มชาติพันธุ์ได้รับความสนใจจากนักออกแบบและแบรนด์แฟชั่นระดับสากล อย่างไรก็ตาม การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ตลาดสมัยใหม่โดยคงไว้ซึ่งคุณค่าทางวัฒนธรรมยังคงเป็นความท้าทาย โครงการ Chiang Rai Fashion to the World จึงเกิดขึ้นเพื่อเป็นเวทีที่เชื่อมโยงมรดกทางวัฒนธรรมกับนวัตกรรมสมัยใหม่ โดยมีเป้าหมายในการสร้าง “เชียงรายแบรนด์” ที่โดดเด่นในระดับสากล และสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นผ่านการศึกษาและการพัฒนาเศรษฐกิจ

การอบรมออกแบบผ้าทอกลุ่มชาติพันธุ์

เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 ณ ห้อง Studio 1 พิพิธภัณฑ์อารยธรรมลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดอบรมครั้งที่ 1 ภายใต้หัวข้อ “การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอกลุ่มชาติพันธุ์เพื่อขับเคลื่อน นโยบายที่ 7 ศูนย์เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (TCDC) สร้างเชียงรายแบรนด์สู่ตลาดโลก” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Chiang Rai Fashion to the World Season 3

งานนี้ได้รับเกียรติจาก นายนิพนธ์ นิยม หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยผู้แทนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และบริษัท เวลคัม ทู เชียงราย จำกัด (TRADER CHIANG RAI) ซึ่งร่วมกันจัดการอบรมให้ความรู้แก่กลุ่มผู้เข้าร่วมที่ประกอบด้วย:

  • นักเรียนจากโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ
  • นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
  • นักออกแบบและดีไซเนอร์เยาวชนรุ่นใหม่

การอบรมครั้งนี้มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการออกแบบผ้าทอของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยผสมผสานความรู้ด้านวัฒนธรรมและเทคนิคการผลิตเข้ากับแนวคิดสมัยใหม่ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ เนื้อหาการอบรมประกอบด้วย:

  1. การบรรยายประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมผ้าทอชาติพันธุ์ลุ่มน้ำโขง โดย รศ.ดร.พลวัต ประพัฒน์ทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง ซึ่งให้ความรู้เกี่ยวกับความเป็นมาของผ้าทอในกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รวมถึงความหมายของลวดลายและสีสันที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตและความเชื่อของชุมชน
  2. การบรรยายเทคนิคการทอผ้าจากช่างฝีมือท้องถิ่น โดย นายกฤตพงศ์ แจ่มจันทร์ ช่างทอผ้าผู้มากประสบการณ์ ซึ่งถ่ายทอดเทคนิคการทอผ้าแบบดั้งเดิมและวิธีการปรับใช้เทคนิคเหล่านี้ในผลิตภัณฑ์สมัยใหม่

ผู้เข้าร่วมอบรมได้รับโอกาสในการลงมือปฏิบัติจริง โดยได้ทดลองออกแบบลวดลายและสร้างชิ้นงานต้นแบบจากผ้าทอชาติพันธุ์ ผลงานที่โดดเด่นจากการอบรมจะถูกคัดเลือกเพื่อพัฒนาต่อเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์เชียงราย และนำไปจำหน่ายในงานแสดงแฟชั่นของโครงการในอนาคต

ผลกระทบต่อชุมชนและเยาวชน

โครงการ Chiang Rai Fashion to the World Season 3 ไม่เพียงเป็นเวทีสำหรับการพัฒนาทักษะด้านการออกแบบของเยาวชน แต่ยังมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสให้กับชุมชนชาติพันธุ์ในจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะผ่านการสนับสนุนด้านการศึกษา รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบโดยนักเรียนโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพ และนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จะถูกนำไปเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการสร้างวงจรแห่งโอกาสที่ยั่งยืน

นอกจากการอบรม ผู้เข้าร่วมโครงการยังได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมเสริมที่ช่วยให้เข้าใจวัฒนธรรมเชียงรายอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เช่น:

  • พิธีสืบชะตาเสริมบุญญาบารมี ณ วัดพระธาตุดอยเวา ซึ่งเป็นประเพณีสำคัญที่แสดงถึงความผูกพันของชุมชนกับความเชื่อและศาสนา
  • การเยี่ยมชมและช้อปปิ้งสินค้าท้องถิ่น ณ ร้าน Welcome to Chiang Rai Shop (TRADER CHIANG RAI) ซึ่งเป็นแหล่งรวมสินค้าจากผู้ประกอบการเชียงราย ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนและการท่องเที่ยว

กิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวเชียงรายอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ท้องถิ่น ขณะเดียวกัน การที่นักเรียนจากโรงเรียนนานาชาติและนักศึกษาท้องถิ่นทำงานร่วมกันยังช่วยสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างเยาวชนจากหลากหลายพื้นเพ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในอนาคต

ความท้าทายและโอกาส

โครงการ Chiang Rai Fashion to the World Season 3 สะท้อนถึงความพยายามในการผสมผสานมรดกวัฒนธรรมกับนวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังเผชิญกับความท้าทายและโอกาสในหลายมิติ:

มิติด้านวัฒนธรรม การอนุรักษ์และพัฒนาผ้าทอกลุ่มชาติพันธุ์ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพื่อรักษาคุณค่าทางวัฒนธรรมและป้องกันการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ที่ไม่เหมาะสม การให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และความหมายของผ้าทอจึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเข้าใจและความเคารพในมรดกของชุมชนชาติพันธุ์

มิติด้านเศรษฐกิจ การผลักดัน “เชียงรายแบรนด์” สู่ตลาดโลกต้องเผชิญกับการแข่งขันจากแบรนด์แฟชั่นอื่นๆ ที่ใช้ผ้าทอจากภูมิภาคต่างๆ การสร้างจุดเด่นที่แตกต่าง เช่น การเน้นเรื่องราวของชุมชนชาติพันธุ์และความยั่งยืน จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์

มิติด้านการศึกษาและชุมชน การที่รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถูกนำไปเป็นทุนการศึกษาให้เด็กชาติพันธุ์เป็นแนวทางที่ยั่งยืนในการพัฒนาชุมชน อย่างไรก็ตาม การขยายผลกระทบของโครงการให้ครอบคลุมชุมชนชาติพันธุ์ในวงกว้างมากขึ้นยังคงเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไป

โอกาสที่สำคัญของโครงการนี้คือ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา ซึ่งจะช่วยให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว นอกจากนี้ การที่เยาวชนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในโครงการจะช่วยสร้างผู้นำด้านการออกแบบและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในอนาคต

ทัศนคติเป็นกลางต่อความเห็นทั้งสองฝั่ง

ความคาดหวังของชุมชนชาติพันธุ์
ชุมชนชาติพันธุ์อาจคาดหวังว่าโครงการนี้จะช่วยเพิ่มรายได้และรักษามรดกวัฒนธรรมของตนไว้ได้อย่างยั่งยืน ขณะเดียวกัน พวกเขาอาจกังวลว่าการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์อาจทำให้สูญเสียความหมายดั้งเดิมของผ้าทอ หรือไม่สามารถเข้าถึงชุมชนในวงกว้างได้

ความพยายามของหน่วยงานและเยาวชน

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น จังหวัดเชียงราย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และบริษัท เวลคัม ทู เชียงราย แสดงถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการศึกษาเยาวชน การที่นักเรียนและนักศึกษามีส่วนร่วมในการออกแบบผลิตภัณฑ์แสดงถึงความตั้งใจในการสร้างนวัตกรรมที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด

ทัศนคติ ความคาดหวังของชุมชนชาติพันธุ์ในเรื่องการอนุรักษ์วัฒนธรรมและการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลและควรได้รับการตอบสนองผ่านการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน ความพยายามของหน่วยงานและเยาวชนในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เป็นก้าวสำคัญในการผลักดันเชียงรายสู่เวทีโลก การแก้ไขปัญหาควรเน้นที่การสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์วัฒนธรรมและการพัฒนาในเชิงพาณิชย์ พร้อมทั้งขยายโอกาสให้ชุมชนชาติพันธุ์มีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของโครงการ

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  1. มูลค่าตลาดแฟชั่นผ้าทอในประเทศไทย ในปี 2567 ตลาดผลิตภัณฑ์ผ้าทอและแฟชั่นพื้นบ้านในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยภาคเหนือเป็นภูมิภาคที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดถึง 35% (ที่มา: รายงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์, สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์, 2567)
  2. จำนวนกลุ่มชาติพันธุ์ในเชียงราย จังหวัดเชียงรายมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 10 กลุ่ม คิดเป็นประชากรประมาณ 20% ของประชากรทั้งจังหวัด หรือราว 250,000 คน (ที่มา: สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง, 2566)
  3. การมีส่วนร่วมของเยาวชนในเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การสำรวจของ TCDC ในปี 2566 พบว่า 70% ของเยาวชนอายุ 15–25 ปีในประเทศไทยสนใจงานด้านการออกแบบและศิลปะ แต่มีเพียง 20% ที่ได้รับโอกาสในการพัฒนาทักษะอย่างเป็นระบบ (ที่มา: รายงานการสำรวจเยาวชนและเศรษฐกิจสร้างสรรค์, TCDC, 2566)
  4. ผลกระทบของการศึกษาต่อชุมชนชาติพันธุ์ องค์การยูเนสโกระบุว่า การเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้เด็กในชุมชนชาติพันธุ์สามารถลดอัตราการยากจนได้ถึง 30% ภายในหนึ่งชั่วอายุคน (ที่มา: UNESCO Education Report, 2023)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA)

  • สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง

  • ศูนย์เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (TCDC)

  • องค์การยูเนสโก (UNESCO)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

แฟชั่นผ้าไทยเชียงราย ดีไซน์ใหม่ สร้างสรรค์สู่สากล

เชียงรายจัดประกวดออกแบบแฟชั่นผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ ผ้าอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย ประจำปี 2568

เชียงราย, 28 กุมภาพันธ์ 2568 – จังหวัดเชียงรายจัดงาน การประกวดออกแบบแฟชั่นผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ ผ้าอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย ประจำปีงบประมาณ 2568” เพื่อส่งเสริมการใช้ผ้าไทยและพัฒนาตลาดสินค้าแฟชั่นเชิงสร้างสรรค์ โดยมี นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงาน ณ โรงแรมเอ็มบูทีค รีสอร์ท เชียงราย ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย

ส่งเสริมผ้าไทย เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และอนุรักษ์มรดกภูมิปัญญา

การจัดงานในครั้งนี้อยู่ภายใต้ โครงการพัฒนากิจกรรมและการตลาดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ โดยมีเป้าหมายเพื่อ

  • สนับสนุนการนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดเป็น มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ
  • ส่งเสริมและสืบสาน มรดกภูมิปัญญาด้านการทอผ้า ให้คงอยู่ต่อไป
  • กระตุ้นให้ภาครัฐ เอกชน เยาวชน และประชาชนทั่วไปให้ความสนใจในการอนุรักษ์ผ้าไทย

นักออกแบบและช่างฝีมือร่วมส่งผลงานเข้าประกวด 15 ผลงาน

การประกวดครั้งนี้ได้รับความสนใจจาก ดีไซน์เนอร์ นักออกแบบ ช่างทอผ้า ช่างเย็บผ้า และผู้ประกอบการในท้องถิ่น ที่ร่วมส่งผลงานเข้าประกวดทั้งสิ้น 15 ผลงาน โดยผลงานที่ได้รับรางวัลจะถูกนำไปจัดแสดงใน งานแสดงแบบแฟชั่นและกิจกรรมสาธิตภูมิปัญญาผ้าทอ ระหว่างวันที่ 19 – 21 มีนาคม 2568 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย

เชียงรายเมืองแฟชั่นผ้า” การยกระดับอุตสาหกรรมสิ่งทอพื้นเมือง

จังหวัดเชียงรายเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มี ความโดดเด่นด้านสิ่งทอพื้นเมือง โดยเฉพาะ ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ และผ้าทอมือที่เป็นเอกลักษณ์ ของชุมชนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น

  • ผ้าทอลื้อ จากอำเภอเชียงของ
  • ผ้าทอไทใหญ่ จากอำเภอแม่สาย
  • ผ้าปักลาหู่ และผ้าม้ง จากชุมชนชาติพันธุ์บนดอย

การจัดประกวดแฟชั่นผ้าไทยในครั้งนี้เป็น โอกาสสำคัญที่ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมผ้าทอในเชียงราย ให้ก้าวไกลสู่ตลาดที่กว้างขึ้น รวมถึง การเชื่อมโยงภูมิปัญญากับการออกแบบร่วมสมัย เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่

สถิติที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสิ่งทอพื้นเมืองในประเทศไทย

  • อุตสาหกรรมสิ่งทอในไทยมีมูลค่าตลาด กว่า 6 แสนล้านบาทต่อปี (ข้อมูลจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม)
  • ตลาดแฟชั่นผ้าทอพื้นเมืองมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 5-7% ต่อปี โดยเฉพาะตลาดสินค้า Eco Fashion และ Sustainable Fashion (ข้อมูลจากสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ)
  • การส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของไทยในปี 2567 มีมูลค่า ประมาณ 8,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีตลาดหลักคือ จีน สหรัฐฯ และยุโรป (ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์)
  • ปัจจุบัน กว่า 80% ของผู้บริโภคไทยสนใจเสื้อผ้าที่มีอัตลักษณ์พื้นเมืองและผ้าทอมือ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสนับสนุนสินค้าที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (ข้อมูลจาก TCDC – ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ)

แหล่งอ้างอิง

  • กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
  • สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ
  • กระทรวงพาณิชย์
  • ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC)

การจัดงานประกวดออกแบบแฟชั่นผ้าไทยครั้งนี้ ถือเป็น ก้าวสำคัญในการผลักดันเชียงรายให้กลายเป็น “เมืองแฟชั่นผ้าพื้นเมือง” ที่สามารถเชื่อมโยง วัฒนธรรม งานฝีมือ และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ให้เติบโตไปพร้อมกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
FEATURED NEWS

การบินไทย x จิม ทอมป์สัน เปิดตัว Amenity Kit ลายไทยรักษ์โลก

จิม ทอมป์สัน จับมือ การบินไทย เปิดตัว Amenity Kit ดีไซน์ใหม่ 12 ลายพรินต์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ นำเสนอเอกลักษณ์ไทยสู่สายตานักเดินทางทั่วโลก

กรุงเทพฯ, 19 กุมภาพันธ์ 2568] – บริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด ภายใต้แบรนด์ จิม ทอมป์สัน (Jim Thompson) ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดตัว Amenity Kit ดีไซน์ใหม่ 12 ลวดลายสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะ วัฒนธรรม และธรรมชาติของประเทศไทย นับเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากคอลเล็กชันแรกในปี 2566 พร้อมยกระดับประสบการณ์การเดินทางเหนือระดับสำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจของการบินไทย

Amenity Kit ดีไซน์ใหม่ สะท้อนเอกลักษณ์ไทย ผ่าน 12 ลวดลายสุดพิเศษ

แฟรงก์ แคนเซลโลนี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการตอกย้ำอัตลักษณ์ของแบรนด์ จิม ทอมป์สัน ที่มุ่งเน้นการอนุรักษ์และเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรมของไทยผ่านลวดลายบนผืนผ้า สู่สายตานักเดินทางทั่วโลก โดยทั้ง 12 ลายพรินต์ถูกออกแบบขึ้นเป็นพิเศษเพื่อสะท้อนความงดงามของศิลปะไทยและธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์”

ลวดลายที่โดดเด่นในคอลเล็กชันนี้ ได้แก่

  • Pink Orchid – ถ่ายทอดความงามของกล้วยไม้สีชมพูอ่อน พรรณไม้ที่พบได้ทั่วประเทศไทย
  • Hawaiian Hibiscus – ลายดอกชบาที่สื่อถึงความรักและความเจริญรุ่งเรือง ให้กลิ่นอายของป่าเขตร้อน
  • Elephant Park – ถ่ายทอดความสง่างามของช้างไทย ผ่านลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจจากจิตรกรรมฝาผนัง
  • Waves in the River – ลวดลายคลื่นน้ำอันอ่อนช้อย ได้แรงบันดาลใจจากศิลปะเครื่องเขินโบราณ
  • Orchids Bloom – ลวดลายดอกกล้วยไม้บนพื้นหลังสีน้ำเงิน สื่อถึงการเริ่มต้นใหม่
  • Antique Turkish Tiles – ผสมผสานลวดลายพรมและกระเบื้องตุรกีเข้ากับธรรมชาติ
  • Bai Sri Su Khwan – ถ่ายทอดความวิจิตรของพิธีบายศรีสู่ขวัญ อันเป็นเอกลักษณ์ของไทย
  • Dusit Garden – จำลองบรรยากาศของสวนสัตว์ดุสิต สวนสัตว์แห่งแรกของไทย
  • Elephant Porcelain – ลายเครื่องลายครามที่ผสมผสานดอกโบตั๋นและช้างไทยได้อย่างลงตัว

การบินไทยตอกย้ำกลยุทธ์ ‘Beyond Silk’ นำวัฒนธรรมไทยสู่เวทีโลก

กรกฎ ชาตะสิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การบินไทยในฐานะสายการบินแห่งชาติ มุ่งมั่นที่จะนำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นไทยไปสู่สายตานักเดินทางทั่วโลก Amenity Kit คอลเล็กชันใหม่นี้ไม่เพียงมอบประสบการณ์เหนือระดับให้แก่ผู้โดยสาร แต่ยังช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมสิ่งทอของไทย และสนับสนุนความยั่งยืนผ่านการเลือกใช้วัสดุรักษ์โลก”

วัสดุรักษ์โลก ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว

กระเป๋า Amenity Kit ใหม่นี้ยังผลิตขึ้นภายใต้แนวคิด “Sustainable Travel” โดยใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ตัวอย่างของไอเท็มพิเศษภายในกระเป๋า ได้แก่

  • กระเป๋าผ้าพิมพ์ลายจิม ทอมป์สัน – ผลิตจากผ้ารีไซเคิลที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่
  • ผ้าปิดตาและที่อุดหู – ทำจากวัสดุที่ย่อยสลายได้
  • แปรงสีฟันและฝาครอบ – ผลิตจากวัสดุชีวภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • โลชั่นทามือและลิปบาล์ม – ผลิตจากส่วนผสมธรรมชาติ
  • ลูกกลิ้งน้ำมันหอมระเหย – เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกผ่อนคลายระหว่างเดินทาง

คอลเล็กชัน Amenity Kit ใหม่นี้จะมอบให้แก่ผู้โดยสารชั้นธุรกิจของการบินไทย ที่เดินทางในเที่ยวบินที่ใช้เวลามากกว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้สอดคล้องกับแท็กไลน์ “Smooth as Silk” ของการบินไทย

Jim Thompson x Thai Airways: ก้าวใหม่แห่งความร่วมมือเพื่อการเดินทางที่ยั่งยืน

จากความสำเร็จของ Amenity Kit คอลเล็กชันแรกในปี 2566 Jim Thompson และ การบินไทย ยังคงเดินหน้าสานต่อความร่วมมือครั้งสำคัญเพื่อผสานมรดกวัฒนธรรมไทยเข้ากับการเดินทางระดับพรีเมียม

การร่วมมือกันครั้งนี้ตอกย้ำถึงกลยุทธ์ ‘Beyond Silk’ ที่ต้องการพาธุรกิจของเราไปไกลกว่าการเป็นเพียงแบรนด์ผ้าไหม และก้าวเข้าสู่การเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่สามารถนำเสนอศิลปะและวัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก” แฟรงก์ แคนเซลโลนี กล่าว

ในอนาคต Jim Thompson และการบินไทย มีแผนที่จะขยายความร่วมมือไปสู่การออกแบบผลิตภัณฑ์พิเศษสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง รวมถึงการพัฒนา สินค้ารักษ์โลก ที่สามารถใช้ซ้ำได้มากขึ้น เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

สรุปจุดเด่นของ Amenity Kit คอลเล็กชันใหม่

  • ลวดลายสุดเอ็กซ์คลูซีฟ 12 แบบ ได้แรงบันดาลใจจากศิลปะ วัฒนธรรม และธรรมชาติของไทย
  • ใช้วัสดุรักษ์โลก ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว
  • มอบให้ผู้โดยสารชั้นธุรกิจของการบินไทย บนเที่ยวบินที่มีระยะเวลาเดินทางมากกว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง
  • สะท้อนกลยุทธ์ ‘Beyond Silk’ ของ Jim Thompson และ เสริมภาพลักษณ์การบินไทย ในฐานะสายการบินระดับพรีเมียม

การเปิดตัว Amenity Kit คอลเล็กชันใหม่นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการนำเสนอวัฒนธรรมไทยผ่านการเดินทางระดับโลก พร้อมตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ Jim Thompson และการบินไทย ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่เหนือระดับให้แก่นักเดินทางจากทั่วโลก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : จิม ทอมป์สัน (Jim Thompson) / บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายจัดอบรมผ้าไทย อนุรักษ์มรดกภูมิปัญญา สู่รายได้

อบรมผ้าไทยเชียงราย ดีไซเนอร์ร่วมออกแบบแฟชั่นโชว์

เชียงราย, 18 กุมภาพันธ์ 2568 – เชียงรายส่งเสริมมรดกภูมิปัญญาผ้าไทย เปิดอบรมพัฒนาอัตลักษณ์ผ้าถิ่นสู่ตลาดเชิงสร้างสรรค์

วันนี้ (18 กุมภาพันธ์ 2568) สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย จัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับ ผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ ผ้าอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย และการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ผ้าของเชียงรายในเชิงสร้างสรรค์ ภายใต้ โครงการพัฒนากิจกรรมและการตลาดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ในกิจกรรม อัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย ระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ 2568ห้องสุดดี 3 โรงแรมเอ็ม บูทีค รีสอร์ท เชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

โดยมี นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิด ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ส่งเสริมการนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดเป็นมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และ สืบสานมรดกภูมิปัญญาการทอผ้าให้คงอยู่ต่อไป ตลอดจนกระตุ้นความสนใจให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เด็ก เยาวชน และประชาชนร่วมกัน อนุรักษ์และส่งเสริมผ้าไทย ผ้าถิ่น และผ้าชาติพันธุ์ ให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น

ดึงกลุ่มนักออกแบบ-ผู้ประกอบการต่อยอดผลิตภัณฑ์ผ้าเชียงราย

สำหรับการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย นักออกแบบ ดีไซเนอร์ ช่างทอผ้า ช่างเย็บผ้า ผู้ประกอบการ และบุคคลทั่วไป จำนวน 50 ราย ที่เข้าร่วมอบรมเพื่อ เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาผ้าท้องถิ่นเชียงรายให้ก้าวสู่ตลาดเชิงสร้างสรรค์ รวมถึง การต่อยอดสู่การประกวดออกแบบแฟชั่นผ้าไทย ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568โรงแรมเอ็ม บูทีค รีสอร์ท เชียงราย

เชียงรายเตรียมจัดแสดงแฟชั่นโชว์-สาธิตภูมิปัญญาผ้าไทย

นอกจากนี้ ภายใต้กิจกรรมส่งเสริมอัตลักษณ์ผ้าถิ่นเชียงราย ยังมีการ จัดงานแสดงแบบแฟชั่น และกิจกรรมการสาธิตภูมิปัญญาการทอผ้า ระหว่างวันที่ 19-21 มีนาคม 2568ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย ชั้น G ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยในงานจะมีการ จัดแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไทยจากกลุ่มผู้ประกอบการท้องถิ่น พร้อมด้วยเวทีเสวนาเกี่ยวกับ แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมผ้าไทยให้สอดรับกับตลาดสมัยใหม่

ยกระดับผ้าเชียงรายสู่ตลาดสากล

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มุ่งเน้นให้ มรดกภูมิปัญญาผ้าไทยกลายเป็นสินค้าสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ผ่านกระบวนการพัฒนาและปรับปรุงให้เข้ากับความต้องการของตลาดแฟชั่นปัจจุบัน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด “Creative Economy” หรือ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่นำวัฒนธรรมมาพัฒนาต่อยอดเพื่อสร้างรายได้และยกระดับอุตสาหกรรมผ้าไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดสากล

เชียงรายในฐานะจังหวัดที่มีอัตลักษณ์ผ้าถิ่นและผ้าชาติพันธุ์ที่โดดเด่น จึงเป็นศูนย์กลางสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมผ้าไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการผสมผสาน ลวดลายผ้าแบบดั้งเดิมเข้ากับดีไซน์ร่วมสมัย เพื่อตอบโจทย์ตลาดแฟชั่นและการออกแบบยุคใหม่

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้ กลุ่มผู้ประกอบการท้องถิ่น มีความเข้าใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถเข้าสู่ ตลาดการค้าและการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่าง ภาครัฐ เอกชน และประชาชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และพัฒนาผ้าไทยให้คงอยู่ต่อไปในอนาคต

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

อินไซต์นักช้อปครึ่งปีแรก ‘ร้านค้าหรู’ โต 4 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนโควิด จับตาตลาดบิวตี้

 

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567 The 1 Insight เผยผลวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่ายกลุ่มสินค้า Luxury ในช่วงครึ่งปีแรก 2567 แม้ในสภาพเศรษฐกิจผันผวน ภาพรวมกำลังซื้อตลาด Luxury Retail ยังเติบโตสูง 4 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนโควิด โดยสินค้าบิวตี้เติบโตแรงกว่าสินค้าแฟชั่น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่

ผลการวิเคราะห์ภาพรวมการใช้จ่ายกลุ่มสินค้า Luxury จาก The 1 Insight ในช่วงเดือนมกราคม – มิถุนายน 2567 พบว่า การใช้จ่ายสินค้าบิวตี้มีการเติบโตสูงกว่าสินค้าแฟชั่น 10%  ซึ่งตรงกับทฤษฎี “Lipstick Effect” ที่ใช้อธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในช่วงที่กำลังซื้อภาพรวมลดลง

ทว่ายอดการใช้จ่ายสินค้าบิวตี้กลับเติบโตสวนทาง เนื่องจากเป็นสินค้าที่ชุบชูจิตใจได้ไม่แพ้สินค้าแฟชั่นแบรนด์หรู แต่มาในงบประมาณที่เข้าถึงได้สำหรับคนส่วนใหญ่นั่นเอง โดยสินค้าที่ยอดขายเติบโตสูงสุดในหมวดบิวตี้ ได้แก่ ลิปสติก พาเลตต์แต่งหน้า น้ำหอม ส่วนในหมวดแฟชั่น สินค้าที่มียอดขายเติบโตสูงสุด ได้แก่ กระเป๋าถือ แอ็กเซสเซอรี่ รองเท้า

การใช้จ่ายกับสินค้าแต่ละประเภทในสัดส่วนที่ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ

  • กลุ่ม Gen Z” ใช้จ่ายกับเครื่องสำอาง น้ำหอม และสกินแคร์
  • กลุ่ม Gen Y” ใช้จ่ายกับสินค้าแฟชั่น สกินแคร์ และน้ำหอม
  • กลุ่ม Gen X” ใช้จ่ายกับสกินแคร์และสินค้าแฟชั่น เมกอัพ และน้ำหอม
  • กลุ่ม Baby Boomers” ใช้จ่ายกับสกินแคร์ สินค้าแฟชั่น และเมกอัพ

สอดคล้องกับพฤติกรรมและความสนใจของคนแต่ละช่วงวัยอย่างเห็นได้ชัด

สิ่งที่น่าจับตาคือ “กลุ่ม Gen Z” มีการใช้จ่ายในกลุ่มสินค้า Luxury เติบโตสูงสุดจากทุกช่วงวัย เป็นผลให้แบรนด์ระดับโลกที่เล็งเห็นโอกาสเริ่มดำเนินกลยุทธ์ในการดึงดูดกลุ่ม Gen Z มากขึ้น ชัดเจนในช่วง 2-3 ปีให้หลังนี้ อาทิเช่น การใช้ดาราและอินฟลูเอนเซอร์ที่กลุ่ม Gen Z ติดตาม รวมถึง Storytelling ของแบรนด์ต่างๆ ที่เน้นการแสดงตัวตนที่ authentic และมุมมองต่อ sustainability ซึ่งเป็นเรื่องหลักที่กลุ่มช่วงวัยดังกล่าวให้ความสำคัญ

อย่างไรก็ดี กลุ่มลูกค้าอื่นๆ ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากกำลังซื้อส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ Gen Y, Gen X และ Baby Boomer ตามลำดับ

โดยทั้ง 3 ช่วงวัยนั้นยังถือว่าเป็นลูกค้ากลุ่มสำคัญของแบรนด์ นอกจากจะมีสัดส่วนการใช้จ่ายสูงแล้ว โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Y พบว่าคนกลุ่มนี้มีความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) สูงกว่ากลุ่ม Gen Z ที่เปิดกว้างมากกว่าและพร้อมเปลี่ยนแบรนด์ที่ชื่นชอบตลอดเวลา

“ช่องทางออนไลน์” ที่เติบโตขึ้นไม่ว่าจะเป็น E-Commerce หรือ Social Commerce ช่องทางหน้าร้านก็ยังคงมีความสำคัญอย่างมาก ไม่เพียงในกลุ่ม Gen X และ Baby Boomer ที่นิยมการใช้จ่ายที่หน้าร้านมากกว่าเท่านั้น

ผลสำรวจจาก CRC VoiceShare ในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2567 พบว่า 50% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ซื้อสินค้าในหมวดแฟชั่นและบิวตี้อย่างน้อย 1 รายการในช่วงเวลา 1 เดือน และนักช้อปสายลักชัวรี่ส่วนใหญ่ยังคงนิยมใช้จ่ายที่หน้าร้าน เนื่องจากสามารถมอบ Customer Experience ที่สะดวกสบายและมอบความรู้สึกพิเศษให้ได้มากกว่า

ซึ่งแบรนด์และห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทราบในจุดนี้ดี ล่าสุด เห็นได้ชัดจากการเปิดตัว Luxe Galerie พื้นที่แฟชั่นแห่งใหม่ใจกลางกรุง ณ ห้างเซ็นทรัล ชิดลม ที่นำเสนอแบรนด์ชั้นนำระดับโลกในรูปแบบบูทีค พร้อมไฮไลท์สำคัญอย่าง ‘Shoes Avenue’ ครั้งแรกในประเทศไทยด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : The 1 Insight

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News