Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายมอบโค-กระบือกว่า 1,600 ตัว สร้างอาชีพยั่งยืนให้เกษตรกร

จังหวัดเชียงรายจัดพิธีมอบกรรมสิทธิ์และไถ่ชีวิตโค-กระบือกว่า 1,600 ตัว มูลค่ากว่า 55 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอแม่ลาว ตำบลป่าก่อดำ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดพิธีมอบกรรมสิทธิ์และไถ่ชีวิตโค-กระบือ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมี นายรุ่งโรจน์ ตันวุฒิ นายอำเภอแม่ลาว เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย กล่าวรายงาน และผู้แทนจากหน่วยงานราชการ หัวหน้าส่วนราชการ เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ และประชาชนในพื้นที่ร่วมงานอย่างคับคั่ง

ความสำคัญของโครงการมอบกรรมสิทธิ์โค-กระบือ

พิธีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ ซึ่งริเริ่มโดย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 โดยกรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานหลักที่รับสนองพระราชดำริ โครงการนี้มุ่งช่วยเหลือเกษตรกรให้มีโค-กระบือไว้ใช้แรงงานในไร่นา และเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร

สำหรับในปีนี้ จังหวัดเชียงรายได้มอบกรรมสิทธิ์และไถ่ชีวิตโค-กระบือจำนวน 1,642 ตัว โดยแบ่งเป็นโคจำนวน 1,173 ตัว และกระบือจำนวน 469 ตัว รวมมูลค่ากว่า 55,217,750 บาท

รายละเอียดและเป้าหมายของโครงการ

การดำเนินงานครั้งนี้มุ่งช่วยเหลือเกษตรกรที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขโครงการเป็นกรณีพิเศษ ได้แก่ เกษตรกรที่ส่งคืนลูกตัวแรกให้กับโครงการ และอยู่ในสัญญามาไม่น้อยกว่า 3 ปี จำนวน 796 ราย โดยโค-กระบือที่ได้รับมอบกรรมสิทธิ์ในครั้งนี้ จะถูกนำไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ เช่น

  • ใช้แรงงานในไร่นา
  • การผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากมูลสัตว์
  • การทำแก๊สชีวภาพ
  • การอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น

ผลสำเร็จและการต่อยอดโครงการ

จากการดำเนินงานที่ผ่านมา โครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ ได้ช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดเชียงรายมากกว่า 6,000 ราย โดยปัจจุบันยังมีเกษตรกรในความดูแลของโครงการกว่า 2,000 ราย โครงการนี้ไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกร แต่ยังส่งเสริมการใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงควบคู่กับการบูรณาการการทำงานในพื้นที่ สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนเกษตรกร

แนวทางการดำเนินงานในอนาคต

กรมปศุสัตว์ยังคงมุ่งเน้นการทำงานร่วมกับชุมชน ส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มเพื่อบริหารจัดการโครงการให้มีความยั่งยืน โดยเน้นการใช้ทรัพยากรในพื้นที่อย่างคุ้มค่า พร้อมสนับสนุนกิจกรรมที่เสริมสร้างรายได้ เช่น การขายปุ๋ยจากมูลสัตว์ และการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากโค-กระบือ

สรุป

การมอบกรรมสิทธิ์และไถ่ชีวิตโค-กระบือในครั้งนี้ เป็นการแสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีต่อเกษตรกรไทย และสะท้อนถึงความสำคัญของโครงการธนาคารโค-กระบือ ที่ช่วยส่งเสริมการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน และพัฒนาชุมชนให้มีความมั่นคงในทุกมิติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กองทัพบกหนุนเพาะเลี้ยง ‘ผำ’ พืชโปรตีนสูง ตอบโจทย์เศรษฐกิจพอเพียง

ทหารพันธุ์ดีค่ายสุรศักดิ์มนตรี ผลิต “ผำ” โปรตีนสูง ตอบโจทย์เศรษฐกิจพอเพียง

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 พลตรีวิชาญ ศรีภัทรางกูร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ได้เปิดเผยถึงโครงการทหารพันธุ์ดีค่ายสุรศักดิ์มนตรี จังหวัดลำปาง ซึ่งดำเนินการผลิต “ผำ” หรือที่รู้จักในชื่อไข่น้ำ พืชโปรตีนสูง เพื่อเป็นแหล่งอาหารคุณภาพและสนับสนุนเศรษฐกิจพอเพียงในระดับชุมชน โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ และกองทัพภาคที่ 3 โดยมีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเป็นองค์ประธานในการริเริ่มโครงการตั้งแต่ปี 2559

เป้าหมายโครงการเพื่อชุมชนเข้มแข็ง

โครงการทหารพันธุ์ดี มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้าราชการทหารและทหารกองประจำการที่สนใจด้านการเกษตร ได้เรียนรู้กระบวนการผลิตอาหารที่ปลอดภัย รวมถึงการปลูกผัก การปศุสัตว์ และการประมง นอกจากจะเป็นแหล่งอาหารสำรองในกรณีเกิดภัยพิบัติแล้ว ยังส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์สะสมไว้พระราชทานแก่ราษฎรทั่วไป และช่วยลดปัญหาหนี้สินของกำลังพลในระยะยาว

ในปีนี้ ค่ายสุรศักดิ์มนตรี ได้เพิ่มความหลากหลายด้วยการเพาะเลี้ยง “ผำ” พืชน้ำโปรตีนสูงที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะวิตามินบี 12 ซึ่งพบได้ยากในพืชชนิดอื่น “ผำ” มีการเจริญเติบโตเร็วและเพาะเลี้ยงง่ายในระบบปิดด้วยปุ๋ยน้ำไฮโดรโปนิกส์ โครงการนี้ยังส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

“ผำ” พืชโปรตีนสูง เพื่อความยั่งยืน

“ผำ” หรือไข่น้ำ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Wolffia ถูกนำมาใช้เป็นแหล่งโปรตีนทดแทนในอาหารเนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การเพาะเลี้ยง “ผำ” ในระบบปิดช่วยให้ได้ผลผลิตที่สะอาดและปลอดภัย นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ เช่น สมูทตี้ผำ ผำอบแห้ง หรือผำในซอสปรุงรส ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด

กองทัพพร้อมช่วยเหลือประชาชน

พลตรีวิชาญ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทัพภาคที่ 3 มีความพร้อมในการสนับสนุนประชาชนในทุกด้าน โดยเฉพาะการสร้างแหล่งอาหารและเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ประกอบด้วยการสนับสนุนยุทโธปกรณ์ กำลังพล และความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ

สำหรับผู้ที่สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับการเพาะเลี้ยง “ผำ” สามารถติดต่อโครงการทหารพันธุ์ดี ค่ายสุรศักดิ์มนตรี ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 095-4511343

โครงการนี้ไม่เพียงตอบโจทย์การพึ่งพาตนเอง แต่ยังเสริมสร้างความยั่งยืนและความมั่นคงในชุมชนอย่างแท้จริง นับเป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุดในรูปแบบเศรษฐกิจพอเพียง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News