Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายเดินหน้าจัด ‘มหกรรมไม้ดอก 2025’ ปรับรูปแบบ ลดมหรสพ เน้นนิทรรศการน้อมรำลึก

จุดสมดุลเศรษฐกิจ-ความรู้สึก เชียงรายชวนนักท่องเที่ยวแต่ง ‘โทนสุภาพ’ ร่วมงานไม้ดอก

เชียงราย,28 ตุลาคม 2568 – ที่ห้องประชุมธรรมรับอรุณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย การประชุมราชการ (Morning Brief) ครั้งที่ 8/2568 มีวาระพิเศษที่ไม่ใช่แค่การติดตามผลการทำงานประจำเดือนเหมือนเช่นเคยอีกต่อไป หากแต่เป็นการประชุมเพื่อกำหนดทิศทางเชิงภาพรวมของจังหวัดในห้วงเวลาที่ทั่วประเทศกำลังอยู่ในความโศกเศร้าหลังจากสำนักพระราชวังประกาศข่าวการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งทั่วทั้งแผ่นดินต่างแสดงความอาลัยอย่างสุดหัวใจ

การประชุมครั้งนี้นำโดย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร อาทิ นางทรงศรี คมขำ รองนายก อบจ.เชียงราย นายวิญญู ทองทัน เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย และนางอัญญลักษณ์ กายาไชย เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย โดยมีนายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการในสังกัด เพื่อหารือภารกิจที่ต้องขับเคลื่อนต่อเนื่อง

หัวข้อสำคัญที่สุดของการประชุมครั้งนี้ คือทิศทางการจัดงาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025”

เดินหน้าตามกำหนดการเดิม แต่ไม่ใช่ในรูปแบบเดิมอีกต่อไป

หลังการประชุม นางอทิตาธรยืนยันอย่างชัดเจนว่า อบจ.เชียงรายจะยังคงจัดงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 ตามกำหนดการที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ นั่นคือ

  • พื้นที่หลัก “สวนไม้งามริมน้ำกก” อำเภอเมืองเชียงราย ระหว่างวันที่ 18 ธันวาคม 2568 ถึง 7 มกราคม 2569
  • พื้นที่ขยายในอำเภอ ได้แก่ สวนสาธารณะหนองหลวง อำเภอเวียงชัย และวัดถ้ำเสาหินพญานาค อำเภอแม่สาย ระหว่างวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ถึง 7 มกราคม 2569

หมายความว่า จังหวัดยังคงมุ่งหวังให้ช่วงปลายปีไปจนถึงต้นปีใหม่เป็นระยะเวลาที่เชียงรายจะดึงดูดการท่องเที่ยว ทั้งนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่นิยมเดินทางขึ้นเหนือในฤดูหนาว และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สนใจวัฒนธรรมล้านนา ธรรมชาติ และอากาศเย็น

อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ “จะจัดหรือไม่จัด” แต่อยู่ที่ “จะจัดอย่างไร”

นางอทิตาธรระบุชัดว่า การจัดงานปีนี้ “จะต้องมีการปรับให้เหมาะสม” เพื่อสอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความอาลัยจากการสวรรคตของสมเด็จพระพันปีหลวง โดยย้ำว่าการจัดงานต้องดำเนินไป “ภายใต้กรอบมติคณะรัฐมนตรีและแนวทางกลางของรัฐบาล” ที่ระบุให้ส่วนราชการและหน่วยงานท้องถิ่นระมัดระวังกิจกรรมที่อาจถูกมองว่าไม่เหมาะสมหรือเกินความกาลเทศะ

เธอกล่าวในที่ประชุมว่า การดำเนินงานในครั้งนี้ต้องสะท้อนทั้ง “ความจงรักภักดี” และ “ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้” ของพสกนิกรชาวเชียงรายและประชาชนชาวไทย

เมื่อแปลออกมาในเชิงปฏิบัติ รูปแบบของงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 จะถูกปรับใน 3 มิติใหญ่ คือ

  1. ลดกิจกรรมรื่นเริง
    กิจกรรมที่มีลักษณะเป็นความบันเทิง เช่น การแสดงมหรสพคึกคัก การแสดงคอนเสิร์ตเชิงบันเทิง หรือกิจกรรมที่เน้นความสนุกสนานเป็นหลัก จะถูกลดระดับหรือปรับโทน ไม่ใช่เพียงเพราะความเหมาะสมทางสังคม แต่เพื่อส่งสัญญาณถึงความเคารพและความอาลัยในระดับจังหวัด ซึ่งเป็นการแสดงจิตวิญญาณร่วมกับประชาชนทั้งประเทศ
  2. เพิ่มเนื้อหาเชิงวัฒนธรรม ศิลปะ และจารีตท้องถิ่น
    อบจ.เชียงรายกำหนดให้งานในปีนี้เน้นการจัดแสดงไม้ดอกไม้ประดับที่สะท้อนความอ่อนช้อย งดงาม และอัตลักษณ์ของเชียงราย เช่น ไม้ดอกฤดูหนาว ไม้ประดับหายาก การจัดสวนนิทรรศการเชิงศิลป์ และการออกแบบภูมิทัศน์ที่ใช้ดอกไม้เป็น “ภาษาทางความรู้สึก” มากกว่าจะเป็นเพียงฉากสำหรับท่องเที่ยวเช็คอิน
    กล่าวอีกนัยหนึ่ง ดอกไม้ในปีนี้จะไม่ใช่เพียง “สีสันของงาน” แต่น่าจะถูกตีความให้เป็น “สัญลักษณ์ของการรำลึกถึง” และ “การถวายความเคารพ”
  3. จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึก
    จะมีการจัดนิทรรศการเพื่อน้อมรำลึกและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมุ่งสะท้อนพระราชจริยวัตร พระราชกรณียกิจด้านศิลปวัฒนธรรมและหัตถกรรมพื้นถิ่น ตลอดจนพระราชดำริในการส่งเสริมอาชีพและคุณภาพชีวิตของราษฎรในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ

ประเด็นนี้มีนัยสำคัญในทางสัญลักษณ์อย่างยิ่ง เพราะสมเด็จพระพันปีหลวงทรงได้รับการยกย่องมาโดยตลอดในฐานะ “แม่ของแผ่นดิน” ผู้ทรงมีบทบาทโดดเด่นในการผลักดันงานหัตถศิลป์ ผ้าไทย งานจักสาน งานทอมือ และงานอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย — ซึ่งล้วนเป็นรากฐานของอัตลักษณ์ภาคเหนือรวมถึงเชียงราย การนำแนวทาง “นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ” มาเป็นแกนของงานมหกรรมไม้ดอกในครั้งนี้ จึงไม่ใช่การแสดงความอาลัยเชิงพิธีเท่านั้น แต่เป็นการวางบทบาทของเชียงรายในฐานะเมืองที่เข้าใจคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรม และพร้อมถ่ายทอดต่อสาธารณะ

เชียงรายต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่เชียงรายก็ต้องเป็นจังหวัดที่ “รู้กาลเทศะ”

อีกประเด็นหนึ่งที่ถูกพูดอย่างชัดเจนในการประชาสัมพันธ์ของ อบจ.เชียงราย คือการ “ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยว” โดยเชิญชวนให้ผู้มาเยือนร่วมแต่งกายด้วยโทนสีไว้ทุกข์หรือสีสุภาพตลอดช่วงการจัดงาน

คำขอนี้สะท้อนความพยายามของจังหวัดในการสร้างบรรยากาศร่วมไว้อาลัยในพื้นที่สาธารณะ ไม่ใช่เพียงผ่านพิธีการหรือคำกล่าวเปิดงาน แต่ผ่านการมีส่วนร่วมของประชาชนและนักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นการยกระดับงานท่องเที่ยวให้เป็นพื้นที่แสดงความเคารพร่วมกันในฐานะ “สาธารณะทางความรู้สึก”

การขอความร่วมมือด้านการแต่งกายแบบนี้ มักจะปรากฏในช่วงเวลาที่ประเทศเผชิญเหตุการณ์สำคัญระดับสถาบัน ซึ่งสะท้อนว่านโยบายของจังหวัดในครั้งนี้ไม่ได้มองงานไม้ดอกเป็นเพียงอีเวนต์เชิงเศรษฐกิจ แต่ยกระดับไปสู่พื้นที่เชิงสังคมและจิตใจร่วม

ในอีกด้านหนึ่ง การเดินหน้าจัดงานตามกำหนดการเดิมในช่วงวันที่ 18 ธันวาคม 2568 ถึง 7 มกราคม 2569 ก็มีความหมายเชิงเศรษฐกิจที่ไม่อาจปฏิเสธได้

เดือนธันวาคมถึงต้นมกราคมเป็นช่วงที่เชียงรายมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นที่สุดของปี อากาศเย็นเป็นแม่เหล็กตามธรรมชาติ ขณะที่สีสันทางวัฒนธรรม เช่น ประเพณีล้านนา อาหารพื้นถิ่น และภูมิทัศน์ริมน้ำกก ล้วนเป็นจุดขายของจังหวัดมาอย่างยาวนาน งานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนในอดีตมักถูกใช้เป็น “เวทีหลัก” ในการกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น ทั้งผู้ประกอบการที่พัก โฮมสเตย์ ร้านอาหาร ร้านงานหัตถกรรม ตลอดจนเครือข่ายเกษตรกรไม้ดอกไม้ประดับ

กล่าวอีกมุมหนึ่ง งานนี้ไม่ใช่เพียงงานที่จัดเพื่อความสวยงาม แต่เป็น “จุดกระจายเม็ดเงินปลายปี” ของจังหวัดเชียงราย

การตัดสินใจ “เดินหน้าจัด – แต่ลดความรื่นเริง และเพิ่มความสงบสำรวม” จึงเป็นจุดสมดุลที่สะท้อนแนวทางของฝ่ายบริหารท้องถิ่น จังหวัดยังต้องขยับเศรษฐกิจและดูแลความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ ขณะเดียวกันก็ไม่ละเลยบรรยากาศแห่งความโศกอาลัยระดับชาติ

ในที่ประชุม นางอทิตาธรยังย้ำประเด็นเรื่อง “การบริหารงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน” พร้อมมอบหมายให้ทุกภาคส่วนบูรณาการการทำงานร่วมกันทั้งด้านการจัดสถานที่ การรักษาความปลอดภัย การดูแลสภาพแวดล้อมจราจร และการบริการนักท่องเที่ยวในพื้นที่จัดงานทั้งสามจุดคือ ริมน้ำกก หนองหลวง เวียงชัย และวัดถ้ำเสาหินพญานาค แม่สาย ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวชายแดนสำคัญ

ถ้อยคำลักษณะนี้ชวนให้สังเกตว่า งานมหกรรมไม้ดอกฯ ไม่ใช่การจัดโดยหน่วยงานเดียว แต่เป็นงานที่ต้องใช้พลังของทั้งจังหวัด ทั้งหน่วยงานวัฒนธรรม เกษตรและสหกรณ์ การท่องเที่ยวและกีฬา หน่วยความมั่นคง ตำรวจ ท้องถิ่นอำเภอ รวมถึงชุมชนเจ้าของพื้นที่ร่วมกันดูแลภาพลักษณ์ของจังหวัดต่อสายตาคนทั้งประเทศ

มิติเชิงวัฒนธรรม ดอกไม้ในปีแห่งการอาลัย

หากมองเชิงสัญลักษณ์ การจัดงานดอกไม้ภายใต้บรรยากาศความอาลัย ไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมไทย ดอกไม้ถูกใช้เสมอในวัฒนธรรมไทยเพื่อแสดงความเคารพ ความระลึก และพระเกียรติคุณ โดยเฉพาะดอกไม้สีขาว สีอ่อนโทนสุภาพ หรือไม้ดอกที่จัดเป็นลวดลายเชิงสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์

เมื่อ อบจ.เชียงรายประกาศว่าจะ “เพิ่มเนื้อหาเชิงวัฒนธรรม ศิลปะ และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ” นั่นหมายความว่างานปีนี้อาจไม่ใช่เพียงการประกวดความสวยงามของไม้ดอก หากแต่อาจเป็นพื้นที่เล่าเรื่องความผูกพันระหว่างเชียงรายกับสถาบันฯ ผ่านการตีความด้วยสื่อที่อ่อนโยน เข้าใจง่าย และเข้าถึงได้สำหรับทุกเพศทุกวัย

ทิศทางเช่นนี้ยังสอดคล้องกับบทบาทของสมเด็จพระพันปีหลวงในประวัติศาสตร์สังคมไทย ทรงมีพระราชกรณียกิจด้านศิลปหัตถกรรมชนเผ่าและกลุ่มชาติพันธุ์ภาคเหนือ ทั้งงานผ้า การทอ การปัก การอนุรักษ์วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชุมชนบนพื้นที่สูง ซึ่งล้วนเกี่ยวพันกับจังหวัดในพื้นที่ล้านนา รวมทั้งเชียงรายด้วย การจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติภายในงานจึงอาจเป็นเวทีให้คนรุ่นใหม่ได้เห็นบทบาทเหล่านี้ชัดเจนขึ้น

กล่าวในเชิงเนื้อหา งานไม้ดอกฯ ปีนี้อาจกลายเป็นพื้นที่สาธารณะให้คนรุ่นพ่อแม่และรุ่นลูกมายืนอยู่ในภาพเดียวกัน—ภาพที่ไม่ได้มีแค่ดอกไม้สวย ๆ ให้ถ่ายรูปลงโซเชียล แต่เป็นภาพของการเรียนรู้ร่วมกันว่า ความผูกพันของ “ชาติ-สถาบัน-ท้องถิ่น” มีมิติที่ลึกกว่าในเชิงอารมณ์

การบริหารจังหวัดในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือการที่ผู้บริหาร อบจ.เชียงราย พูดถึง “ความโปร่งใส” และ “การใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ” ในการประชุม Morning Brief ครั้งที่ 8/2568 จุดนี้สะท้อนมุมมองการทำงานเชิงรุกด้านธรรมาภิบาลท้องถิ่น เพราะโดยปกติ งานท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมปลายปีมักถูกจับตาในสองเรื่องเสมอ คือค่าใช้จ่ายในการจัดเตรียมพื้นที่ (ตกแต่งภูมิทัศน์ ระบบแสง-เสียง การบริหารเวทีกิจกรรม โครงสร้างชั่วคราว) และความคุ้มค่าต่อประชาชนในพื้นที่

การย้ำเรื่อง “งบประมาณต้องโปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน” จึงเป็นการส่งสัญญาณล่วงหน้าว่า อบจ.จะวางตัวเองในฐานะองค์กรที่พร้อมถูกตรวจสอบในสายตาสังคม โดยเฉพาะในโครงการสาธารณะที่มีมูลค่าการใช้จ่ายสูงและอยู่ในความสนใจของสื่อและประชาชนทั้งในจังหวัดและนอกจังหวัด

การวางน้ำเสียงเช่นนี้ยังสะท้อนการทำงานเชิงป้องกันความเสี่ยงทางสังคมเช่นกัน เพราะในยุคปัจจุบัน โครงการของหน่วยงานท้องถิ่นสามารถถูกตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ผ่านโซเชียลมีเดีย หากกระบวนการใช้งบประมาณไม่ชัดเจน ย่อมมีโอกาสที่จะเกิดการตั้งคำถามเชิงศรัทธาในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ง่ายขึ้น

งานดอกไม้ที่ไม่ใช่แค่งานดอกไม้

“มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025” จึงไม่ใช่แค่งานท่องเที่ยวประจำฤดูหนาวของจังหวัดเชียงรายอีกต่อไป หากแต่มันกำลังถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่เชิงสาธารณะของความทรงจำร่วมและความอาลัย ขณะเดียวกันก็เป็นกลไกทางเศรษฐกิจในปลายปีที่ถูกคาดหวังว่าจะกระจายรายได้สู่คนในจังหวัด

ภายใต้สถานการณ์ที่ทั้งประเทศกำลังแสดงความอาลัยต่อการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง การจัดงานในบรรยากาศที่สำรวมขึ้น ลดความเป็น “มหรสพ” เพิ่มความเป็น “นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและศิลปวัฒนธรรม” อาจเป็นแบบจำลองใหม่ของการจัดงานสาธารณะในระดับจังหวัด ว่าจะสามารถผสานเศรษฐกิจ-วัฒนธรรม-ความรู้สึกร่วมของสังคมได้อย่างไรในเวลาเดียวกัน

ในทางปฏิบัติ การเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้แต่งกายโทนไว้ทุกข์ คือการส่งสารเชิงสังคมว่า ทุกคนที่มาเยือนเชียงรายในช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ได้เป็นเพียง “นักท่องเที่ยว” แต่เป็น “ผู้ร่วมยืนในช่วงเวลาเดียวกันของประวัติศาสตร์ร่วมชาติ”

และในทางการบริหาร นี่คือบททดสอบสำคัญของ อบจ.เชียงราย ว่าจะสามารถเดินเชือกเส้นบาง ๆ ระหว่าง “การรักษาความรู้สึกของคนทั้งประเทศ” กับ “การรักษาความยืนยาวของเศรษฐกิจท้องถิ่น” ไปจนจบงานได้อย่างไร

เพราะเมื่อม่านดอกไม้ปิดลงในวันที่ 7 มกราคม 2569 สิ่งที่จังหวัดเชียงรายจะเหลืออยู่ไม่ใช่แค่ภาพถ่ายสวนดอกไม้ยามรุ่งสางริมแม่น้ำกก แต่คือคำตอบว่า เชียงรายสามารถเป็นต้นแบบการจัดงานท้องถิ่นในยามที่ทั้งประเทศกำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ร่วมได้หรือไม่ และคำตอบนั้น ไม่ได้สำคัญเฉพาะกับเชียงรายเท่านั้น แต่อาจกลายเป็นต้นแบบให้จังหวัดอื่น ๆ ของไทยในอนาคตด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)
  • มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

คลังเชียงรายเผย! อัตราเบิกจ่ายงบปี 68 พุ่ง 81.25% สะท้อนบริหารงานมีประสิทธิภาพ

คลังเชียงรายชี้เบิกจ่ายงบปี 68 พุ่ง 81.25%! สะท้อนบริหารงานมีประสิทธิภาพ ประชาชนได้รับประโยชน์เต็มที่

เชียงราย, 4 สิงหาคม 2568 – ตัวเลขที่มากกว่าคำว่า “สำเร็จ”
ท่ามกลางยุคที่งบประมาณของรัฐกลายเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาทุกพื้นที่ “สำนักงานคลังจังหวัดเชียงราย” ได้รายงานสถิติที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 จังหวัดเชียงรายมีอัตราการเบิกจ่ายงบประมาณโดยรวมสูงถึง 81.25% ของงบทั้งหมดที่ได้รับจัดสรร ประเด็นนี้ไม่ใช่เพียงตัวเลขที่สูงเมื่อเทียบกับเป้าหมายเชิงนโยบาย แต่เป็นสัญญาณเชิงบวกที่บอกถึง “ความเข้มแข็งในการบริหารจัดการ” และสะท้อนความจริงใจของหน่วยงานรัฐในการใช้เงินภาษีประชาชนอย่างคุ้มค่าและโปร่งใส

เจาะลึกตัวเลข งบประจำเบิกจ่ายเกือบเต็ม งบลงทุนเดินหน้าเป็นรูปธรรม

ผลการเบิกจ่ายงบประมาณของเชียงรายในปีนี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการดำเนินโครงการต่าง ๆ อย่างแท้จริง

  • งบประมาณโดยรวม: จังหวัดเชียงรายได้รับงบประมาณทั้งสิ้น 17,770.63 ล้านบาท และสามารถเบิกจ่ายไปแล้วถึง 81.25% ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีอัตราการเบิกจ่ายสูงในภูมิภาคเหนือ
  • งบประจำ: มีอัตราการเบิกจ่ายถึง 89.82% สะท้อนให้เห็นว่าการบริหารค่าใช้จ่ายประจำ เช่น เงินเดือนเจ้าหน้าที่รัฐ, ค่าสาธารณูปโภค, ค่าดูแลและบำรุงรักษาสถานที่สำคัญต่างๆ ดำเนินไปอย่างราบรื่น หน่วยงานสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง ไม่สะดุด
  • งบลงทุน: เบิกจ่ายไปแล้ว 70.31% ของยอดที่ได้รับ ซึ่งแม้จะต่ำกว่างบประจำแต่ยังถือว่าสูงเมื่อเทียบกับขนาดของโครงการและระยะเวลาดำเนินการ โดยงบลงทุนส่วนใหญ่ใช้ในโครงการขนาดใหญ่ อาทิ การสร้างถนน สะพาน โรงพยาบาล อาคารเรียน และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อคุณภาพชีวิตประชาชน

ผลสัมฤทธิ์ที่เห็นได้จริงประชาชนได้อะไร

  • บริการรัฐต่อเนื่อง รวดเร็ว: งบประจำที่เบิกจ่ายได้เกือบเต็ม ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของหน่วยงานรัฐ ประชาชนจึงสามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ทั้งงานทะเบียน งานสาธารณสุข งานสวัสดิการ และงานราชการในชีวิตประจำวัน
  • โครงสร้างพื้นฐานเติบโตอย่างเป็นรูปธรรม: งบลงทุนที่เบิกจ่ายไปแล้วกว่า 70% ช่วยผลักดันให้โครงการก่อสร้างสำคัญๆ ของจังหวัดเดินหน้าไม่หยุดยั้ง ถนน สะพาน สถานศึกษา สถานพยาบาลต่างๆ กำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินงานหรือใกล้เสร็จสมบูรณ์ ส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่ได้มากขึ้น
  • เศรษฐกิจท้องถิ่นหมุนเวียน กระจายรายได้: การอัดฉีดงบประมาณสู่โครงการต่างๆ ในจังหวัด ส่งผลให้เกิดการจ้างงานในท้องถิ่น เกิดการสั่งซื้อวัสดุและบริการจากผู้ประกอบการในพื้นที่ ทำให้เม็ดเงินไหลเวียนและกระจายรายได้สู่ชุมชน ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
  • ขับเคลื่อนสังคมอย่างยั่งยืน: งบประมาณที่ได้รับการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพนี้ ช่วยสร้างฐานรากของสังคมที่แข็งแรง ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน การสาธารณสุข การศึกษา และการพัฒนาสังคมอย่างรอบด้าน

เชียงรายโมเดล ‘รัฐโปร่งใส’ – พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน

การบริหารงบประมาณให้มีประสิทธิภาพสูงเช่นนี้ นอกจากจะบ่งบอกถึงทักษะและความตั้งใจของผู้บริหารจังหวัดและหน่วยงานราชการ ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความมั่นใจและศรัทธาให้กับประชาชนในฐานะ “เจ้าของงบประมาณ” ที่แท้จริง ทั้งยังเป็นต้นแบบของการนำเงินภาษีไปใช้ตามวัตถุประสงค์หลัก ไม่รั่วไหล ไม่ตกค้างในระบบ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับสังคม

ด้วยอัตราการเบิกจ่าย 81.25% เชียงรายสามารถยืนหยัดในฐานะจังหวัดที่เดินหน้านโยบาย “รัฐโปร่งใส พัฒนาคุณภาพชีวิต” ได้อย่างแท้จริง ส่งสัญญาณบวกไปยังหน่วยงานราชการทุกระดับ ทั้งการจัดสรรงบประมาณปีหน้า และการตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างภาครัฐกับประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • • สำนักงานคลังจังหวัดเชียงราย
    • รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2568 จังหวัดเชียงราย
    • ข้อมูลประกอบจากเว็บไซต์ข่าวภาครัฐและการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองงบประมาณจังหวัด
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

สะพานใหม่ข้ามแม่น้ำกก เปลี่ยนโฉมการเดินทาง หนุนเกษตร-ท่องเที่ยวเชียงราย

กรมทางหลวงชนบทเร่งสร้างสะพานข้ามแม่น้ำกก อ.แม่จัน จ.เชียงราย คืบหน้า 89% หนุนเศรษฐกิจ-คุณภาพชีวิตคนพื้นที่ กำหนดเปิดใช้งาน ก.ค. 2568

เชียงราย, 23 มิถุนายน 2568 – ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนของไทย โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ภาครัฐให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น และลดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ห่างไกล ล่าสุด โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำกก อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ซึ่งดำเนินการโดยกรมทางหลวงชนบท (ทช.) มีความคืบหน้ากว่าร้อยละ 89 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2568 นี้

จากความลำบากสู่โอกาสใหม่ในการเดินทางและเศรษฐกิจชุมชน

สะพานแห่งนี้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ที่เชื่อมต่อจากถนนทางหลวงชนบทสาย ชร.4004 บ้านผ่านศึก หมู่ที่ 10 ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน ข้ามแม่น้ำกกไปยังบ้านวังเขียว หมู่ที่ 8 ตำบลหนองป่าก่อ อำเภอดอยหลวง ก่อนจะเชื่อมต่อกับ ทล.1271 สะพานก่อสร้างด้วยโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ความยาว 160 เมตร ผิวจราจรกว้าง 9 เมตร พร้อมถนนเชื่อมต่อแบบแอสฟัลต์ติกคอนกรีตกว้าง 6 เมตร รวมไหล่ทาง ระยะทางรวม 2,522 เมตร ใช้งบประมาณการก่อสร้างทั้งสิ้น 59.59 ล้านบาท

โครงการนี้นอกจากจะยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในสองฝั่งแม่น้ำแล้ว ยังตอบโจทย์เรื่องเศรษฐกิจและสังคมในหลายมิติ ทั้งการร่นระยะทางสัญจรจากเดิมกว่า 25 กิโลเมตร ช่วยประหยัดเวลาและต้นทุนค่าเดินทางของชาวบ้านและผู้ประกอบการ เพิ่มความสะดวกในการเดินทางสู่ศูนย์กลางราชการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงเรียนผ่านศึกสงเคราะห์ 2 วัดพระพุทธบาทผาเรือ รวมถึงการเดินทางไปยังท่าเรือเชียงแสน ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อการค้าชายแดนสำคัญของภาคเหนือ

สะพานเชื่อมคน เชื่อมชุมชน สู่อนาคตใหม่ของเชียงราย

เดิมทีประชาชนสองฝั่งแม่น้ำกกต้องใช้เส้นทางอ้อมไกล เสียเวลาหลายชั่วโมง โดยเฉพาะในฤดูฝนที่เส้นทางเลียบแม่น้ำถูกตัดขาดเป็นช่วงๆ ทำให้การค้าขาย การไปโรงเรียนหรือโรงพยาบาลกลายเป็นเรื่องท้าทาย การก่อสร้างสะพานแห่งนี้จึงเปรียบเสมือน “ประตูสู่โอกาส” ให้กับชุมชนในพื้นที่ ไม่เพียงเชื่อมโยงคนในพื้นที่ให้เข้าถึงบริการของรัฐและแหล่งเศรษฐกิจได้ง่ายขึ้น แต่ยังส่งเสริมศักยภาพด้านการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรอย่าง ข้าวโพด ยางพารา และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น สู่ตลาดอย่างรวดเร็วและปลอดภัย

ผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิต

จากข้อมูลของกรมทางหลวงชนบทและหน่วยงานในพื้นที่ พบว่า การเปิดใช้สะพานข้ามแม่น้ำกกจะช่วยเพิ่มปริมาณการเดินทางของประชาชนในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก ลดระยะเวลาการขนส่งสินค้าเกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเข้าสู่ตลาดเชียงแสนและดอยหลวง นำไปสู่ต้นทุนโลจิสติกส์ที่ต่ำลง เพิ่มรายได้ให้กับชาวบ้านและผู้ประกอบการ ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ยังช่วยกระจายการท่องเที่ยวจากตัวเมืองเชียงรายไปยังอำเภอดอยหลวง อำเภอแม่จัน และพื้นที่ริมแม่น้ำกก กระตุ้นการท่องเที่ยวชุมชนและการค้าแนวชายแดน

ด้านสังคม การมีสะพานถาวรที่มั่นคงปลอดภัยจะช่วยลดอุบัติเหตุและปัญหาในการข้ามฟากช่วงน้ำหลาก สร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางให้กับนักเรียน ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และประชาชนทุกกลุ่ม

บทวิเคราะห์และมุมมองอนาคต

เมื่อโครงการสะพานข้ามแม่น้ำกก อ.แม่จัน เสร็จสมบูรณ์ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานเชียงรายยุคใหม่ เชื่อมโยงอำเภอแม่จัน ดอยหลวง สู่ศูนย์กลางการค้าชายแดนและเส้นทางเศรษฐกิจสำคัญ เปิดโอกาสให้เกษตรกรในพื้นที่ขยายการค้าสู่ตลาดใหม่ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเกษตรเชียงรายในเวทีการค้าไทย-ลุ่มน้ำโขง

ขณะเดียวกัน ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและท้องถิ่นในการผลักดันโครงการนี้เป็นตัวอย่างของการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาค

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กรมทางหลวงชนบท (ทช.)
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย
  • สัมภาษณ์ผู้ประกอบการท้องถิ่น ตำบลท่าข้าวเปลือก-ตำบลหนองป่าก่อ, 2568
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ทักษิณชูการเมืองท้องถิ่นฟื้นเศรษฐกิจเชียงราย ดึงพลังเพื่อไทยสู้ปี 2568

นายทักษิณปราศรัยเชียงราย ย้ำความสำคัญของการเมืองท้องถิ่น ฟื้นเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตประชาชน

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่ปราศรัยช่วยหาเสียงในจังหวัดเชียงราย โดยมีประชาชนให้การต้อนรับอย่างล้นหลาม บรรยากาศที่สนามบินแม่ฟ้าหลวงเต็มไปด้วยผู้สนับสนุนที่สวมใส่เสื้อแดง ร่วมแสดงความยินดีและฟังการปราศรัยอย่างคึกคัก

เวทีปราศรัยแน่น 3 จุด

นายทักษิณขึ้นปราศรัยที่โรงเรียนปล้องวิทยาคม อำเภอเทิง, โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม อำเภอเชียงของ และโรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จัน โดยมีประชาชนจากหลายพื้นที่มาร่วมรับฟังนับหมื่นคน นายทักษิณกล่าวถึงเหตุผลที่มาช่วยหาเสียงครั้งนี้ว่า ตนคิดถึงประชาชนชาวเชียงรายหลังไม่ได้พบปะกันกว่า 20 ปี อีกทั้งยังต้องการสนับสนุนนายยงยุทธ ติยะไพรัช น้องรักที่ร่วมสร้างพรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่ต้น และเพื่อสนับสนุนพรรคเพื่อไทยที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของตน เป็นนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค

ย้ำการเมืองท้องถิ่นสำคัญต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

นายทักษิณกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมองว่าการเมืองท้องถิ่นเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะสถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้มี ส.ส. มากกว่า 200 คนเหมือนในอดีต และระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ชนบทจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูโดยด่วน พร้อมระบุว่า หากเศรษฐกิจในต่างจังหวัดฟื้นตัว กรุงเทพฯ จะได้รับผลดีไปด้วย

นอกจากนี้ นายทักษิณยังเผยว่า เศรษฐกิจในปัจจุบันทรุดหนัก แต่เขามั่นใจว่าสามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาไม่นาน หากมีการบริหารจัดการที่ดี เน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และกระตุ้นเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ

ความคาดหวังจากการบริหารรัฐบาลเพื่อไทย

นายทักษิณกล่าวถึงการลดค่าไฟฟ้าให้เหลือ 3.70 บาทต่อหน่วยภายในปีนี้ รวมถึงการลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์ ค่าปุ๋ย และยารักษาโรคเพื่อช่วยประชาชน นอกจากนี้ยังชี้แจงว่ารัฐบาลเพื่อไทยกำลังเร่งดำเนินการปราบปรามยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการผูกขาดทางเศรษฐกิจ เพื่อช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ประชาชนขอให้นายทักษิณกลับมาเป็นนายกฯ

ในช่วงหนึ่งของการปราศรัย มีประชาชนตะโกนขอให้นายทักษิณกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่เขากล่าวว่า ตนแก่แล้วและขอสนับสนุนลูกสาวแทน พร้อมระบุว่าเคยมีทรัพย์สินมากถึง 60,000 ล้านบาท แต่หลังจากเผชิญปัญหาทางการเมือง ทำให้ทรัพย์สินลดลงจนเทียบเท่าประชาชนในเชียงราย

มุ่งหน้าสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์

นายทักษิณกล่าวถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยเฉพาะการพัฒนาคนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจใหม่ เช่น การผลักดันคนไทยไปเป็นนางแบบระดับโลก หรือการสนับสนุนบุคลากรที่มีความสามารถในด้านต่าง ๆ ผ่านการฝึกฝนและส่งเสริมศักยภาพ

สรุป

นายทักษิณ ชินวัตร แสดงจุดยืนสนับสนุนการเมืองท้องถิ่น พรรคเพื่อไทย และการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในทุกด้าน พร้อมให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะทำงานอย่างหนักเพื่อแก้ไขปัญหาที่สะสมมาหลายปี และสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับคนไทยทุกคน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ / เพจสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE