Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

นักท่องเที่ยวต่างชาติสิงหาคม “ชะลอแรง” เชียงรายรับโจทย์ใหญ่ช่วงไฮซีซัน

นักท่องเที่ยวต่างชาติสิงหาคม “ชะลอแรง” เหลือ 2.58 ล้านคน รายได้ 1.19 แสนล้าน ลดสองหลัก—ถอดบทเรียนทั้งประเทศและโจทย์ใหญ่สำหรับเชียงรายรับไฮซีซัน

เชียงราย, 13 กันยายน 2568 – เช้าตรู่ปลายฤดูฝนที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เครื่องบินเที่ยวแรกแตะรันเวย์พร้อมผู้โดยสารต่างชาติกลุ่มเล็กๆ ที่ยิ้มให้หมอกขาวเหนือดอยตุง—ภาพเรียบง่ายที่สะท้อนความจริงอันซับซ้อนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในเดือนสิงหาคม: นักท่องเที่ยวต่างชาติ “ยังมา” แต่ “มาน้อยลง” ข้อมูลทางการยืนยันว่า 1–31 สิงหาคม 2568 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.58 ล้านคน ลดลง 12.81% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 119,000 ล้านบาท ลดลง 13.40% สถานการณ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขเชิงมหภาค แต่กำลังกลายเป็นโจทย์ปลายเปิดให้ทุกจังหวัด โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม–ธรรมชาติอย่าง เชียงราย ต้องวางหมากรับไฮซีซันทันที

ภาพใหญ่ทั้งประเทศ เอเชียยังนำ, ยุโรปหนุน, อเมริกา–แอฟริกายังเล็ก

แผนที่แหล่งตลาดเดือนสิงหาคมสะท้อนทิศทางที่คุ้นเคยแต่เปราะบาง:

  • เอเชียและแปซิฟิก ครองสัดส่วนสูงสุด 72.77%
  • ยุโรป 19.17%
  • ตะวันออกกลาง 4.18%
  • อเมริกา 3.23%
  • แอฟริกา 0.65%

ความหมายเชิงนโยบายคือ ไทยยังพึ่งพาตลาดระยะใกล้เป็นหลัก ซึ่งตอบสนองไวต่อปัจจัย “ต้นทุน–ความสะดวก–ความเชื่อมั่น” (ค่าโดยสาร เที่ยวบินตรง มาตรการอำนวยความสะดวก และภาพลักษณ์ความปลอดภัย) หากหนึ่งในตัวแปรสะดุด ยอดทั้งระบบสะเทือนทันที ดังเช่นเดือนสิงหาคมที่ตัวเลขภาพรวมถดถอยสองหลัก

5 ชาติหลักยังขับเคลื่อนตลาด—จีนและมาเลเซียยืนหนึ่ง แต่พฤติกรรมเปลี่ยน

รายการ 5 ประเทศที่เดินทางเข้าไทยมากสุด เดือนสิงหาคม ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น (ตามลำดับ) พร้อมเม็ดเงินจับจ่ายที่ยังทรงอิทธิพลต่อเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทย

  • จีน 409,691 คน รายได้ 22,723 ล้านบาท
  • มาเลเซีย 391,777 คน รายได้ 7,742 ล้านบาท
  • อินเดีย 190,604 คน รายได้ 7,368 ล้านบาท
  • เกาหลีใต้ 133,995 คน รายได้ 5,449 ล้านบาท
  • ญี่ปุ่น 128,178 คน รายได้ 5,642 ล้านบาท

ตัวเลขยืนยันภาพ “ตลาดยังมา แต่ใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น” สะท้อนจากรายได้รวมประเทศที่ลดลงมากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยว (หดตัว 13.40% เทียบกับ 12.81%) แปลว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัว/ทริปลดลงหรือโครงสร้างนักท่องเที่ยวเอียงไปสู่กลุ่มระยะสั้น–คุ้มค่า (value-seeking) มากขึ้น

 “เหตุชะลอ” ในมุมโครงสร้าง

  1. ความสามารถในการบิน (Air Capacity) – เที่ยวบินตรงยังกลับมาไม่เต็มที่ในหลายเส้นทางรอง ทำให้ค่าโดยสารสูงกว่าช่วงก่อนโควิด นักท่องเที่ยวระดับกลาง–ล่างชะลอการตัดสินใจ
  2. อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจประเทศต้นทาง – ตลาดเอเชียบางแห่งเผชิญกำลังซื้อหดตัว ผู้เดินทางเน้นโปรโมชั่นและฤดูกาลพีคที่แน่นอน
  3. การแข่งขันภูมิภาค – ประเทศเพื่อนบ้านเร่งนโยบายวีซ่า–เที่ยวบิน–แคมเปญราคาดึงดูดกลุ่มเดียวกัน ส่งผลให้นักเดินทางกระจายจุดหมาย

ทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าศักยภาพไทยลดลง หากแต่ “สูตรเดิม” ไม่พอในปีที่ผู้บริโภคชั่งน้ำหนัก “ความคุ้มค่า + ความสะดวก + ความปลอดภัย + ความต่าง” มากกว่าที่เคย

เชื่อมโยงสู่เชียงราย เมืองปลายทางภาคเหนือที่มีทั้ง “ข้อได้เปรียบ” และ “ช่องโหว่”

ข้อได้เปรียบ

  • ภูมิทัศน์และฤดูกาลเด่น—หมอกหนาว งานไม้ดอก เดือนพฤศจิกายน–กุมภาพันธ์ คือทราฟฟิกหลัก
  • อัตลักษณ์ศิลปวัฒนธรรม—วัดร่องขุน, วัดร่องเสือเต้น, บ้านดำ, ชุมชนชาติพันธุ์, วิถีชา–กาแฟดอย
  • ทำเล สามเหลี่ยมทองคำ–เชียงแสน เชื่อมลาว–เมียนมา เสริมประสบการณ์ลุ่มน้ำโขง

ช่องโหว่ที่ต้องอุด

  • เที่ยวบินตรงจากตลาดหลักยังจำกัด (จีน/เกาหลี/ญี่ปุ่น) ทำให้พึ่ง “บินต่อเชียงใหม่” ซึ่งเพิ่มเวลาและต้นทุน
  • โครงสร้างบริการรายย่อยยังไม่สม่ำเสมอ—ภาษา, การชำระเงินดิจิทัลข้ามพรมแดน, ป้ายสื่อสารหลายภาษา, ห้องน้ำ–ความสะอาดมาตรฐานสากล
  • ไนท์อีโคโนมีและกิจกรรมช่วงเย็นยังมีช่องว่าง เมื่อเทียบเมืองท่องเที่ยวหลัก

บทสรุปเชิงกลยุทธ์ คือ เชียงรายต้อง “บีบความได้เปรียบให้สุด และลดแรงเสียดทานเล็กๆ ให้หายไป” เพื่อเปลี่ยนผู้โดยสารต่อเครื่อง/ทัวร์ข้ามจังหวัด ให้กลายเป็น “พักเชียงรายเพิ่ม 1 คืน” ให้ได้มากที่สุดในไฮซีซัน

จากตัวเลขระดับชาติ สู่ “แผนเล่นจริง” ของเชียงราย โฟกัส 5 ตลาดตามโครงสร้างเดือนสิงหา

1) จีน – ฐานใหญ่ที่ต้องชนะ ด้วยความสะดวก+ความเชื่อมั่น

  • สินค้า: แพ็กเกจ “หิมะแรกเหนือเมฆ”/“ชา–กาแฟ–ศิลปะใน 48 ชั่วโมง”, จุดถ่ายรูปและคาเฟ่โทนอบอุ่น, ประสบการณ์ชุมชนปลอดโรแมนซ์สแกม–ปลอดทัวร์บังคับซื้อ
  • บริการ: ป้าย–เมนูจีน, ไกด์จีน, รองรับ Alipay/WeChat Pay และ QR ข้ามแดน (ผ่านธนาคารไทย), ระบบขอคืนภาษีและชิปป์สินค้าถึงบ้าน
  • การสื่อสาร: ใช้โซเชียลจีน (WeChat/RED/Weibo) อินฟลูเอนเซอร์ “ทริปสั้นคุ้มค่า” เน้นเดินทางคู่เชียงใหม่หรือบินเข้าเชียงราย–ออกเชียงใหม่

2) มาเลเซีย – กลุ่มครอบครัว–เพื่อน เน้น “ความคุ้มค่าและฮาลาล”

  • สินค้า: เส้นทาง ฮาลาล–มุสลิม–โรดทริปเหนือ ร้านอาหารฮาลาล, มัสยิด, พื้นที่ละหมาดในแหล่งท่องเที่ยว
  • บริการ: ภาษา มาเลย์/อังกฤษ, ระบบจ่าย e-wallet ที่ชาวมาเลย์คุ้นเคย, โปรโมชั่น Long weekend ผูกกับสายการบินโลว์คอสต์
  • การสื่อสาร: คอนเทนต์ “หนาวใกล้–งบคุมได้” จุดขายวิวดอย–ชา–กาแฟ–ไนท์มาร์เก็ต

3) อินเดีย – กลุ่มรุ่นใหม่–ครอบครัว เน้น “ประสบการณ์และอาหาร”

  • สินค้า: เซ็ต Vegetarian/Jain-friendly, คาเฟ่วิวสวย–กิจกรรมถ่ายภาพ–แฟชั่น, โปรแกรมโรแมนติก/พรีเวดดิ้ง
  • บริการ: ภาษาอังกฤษคล่อง, ช่องทางชำระเงินสะดวก (UPI ยังไม่แพร่ในไทย—ใช้บัตร/QR), ทีมซัพพอร์ตเหตุฉุกเฉิน
  • การสื่อสาร: รีล–คลิปสั้น “อากาศเย็น–วิวอลัง–ถ่ายรูปสวยทุกมุม” บน Instagram/YouTube/Shorts

4) เกาหลีใต้ – ไลฟ์สไตล์–ธรรมชาติ–คาเฟ่

  • สินค้า: เส้นทาง Hygge in Chiang Rai คาเฟ่นั่งยาว–เส้นทางวิ่ง/ปั่น–ออนเซ็น/สปา–โฮมสเตย์อบอุ่น
  • บริการ: ป้าย–เมนูเกาหลี, พนักงานรู้วัฒนธรรมเกาหลี (เวลาอาหาร, รสชาติ, การเซอร์วิส)
  • การสื่อสาร: ใช้ Naver/Instagram, ภาพนิ่งโทนอบอุ่น–มินิมอล

5) ญี่ปุ่น – ความเรียบร้อย–มาตรฐาน–ความหมาย

  • สินค้า: ทัวร์เชิงวัฒนธรรมเล็กๆ คุณภาพสูง, ชิมชา–เซรามิก–งานฝีมือทำเองได้, เส้นทาง “เงียบ–สงบ”
  • บริการ: ความตรงเวลา–ความสะอาด–เสียงเบาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์, พนักงานกล่าวทักภาษาญี่ปุ่นพื้นฐาน
  • การสื่อสาร: รีวิวละเอียด, คู่มือภาษา/มารยาทในวัด–ชุมชน

10 มาตรการ “ทำได้ทันที” เพื่อการประทับใจในปีที่แรงซื้อหดตัว

  1. ป้ายหลายภาษา + QR คู่มือเมือง (ไทย–อังกฤษ–จีน–เกาหลี–ญี่ปุ่น) รวมแผนที่–เวลาเปิด–เลขฉุกเฉิน
  2. ยกระดับห้องน้ำสาธารณะ ตามมาตรฐาน TAT Hygienic Restroom ในทุกจุดท่องเที่ยวหลักและสถานีรถ–ท่าเรือ
  3. Payment Friendly – รับบัตร–QR ข้ามแดน (PromptPay Cross-Border, Alipay/WeChat Pay) พร้อมป้ายราคาชัดทุกเมนู
  4. Tourist Help Desk ฤดูกาลพีค – จุดช่วยเหลือ 2 ภาษาในไนท์บาซาร์/ท่าเรือเชียงแสน/วัดร่องขุน ช่วยแปล–ร้องเรียน–ตามของหาย
  5. Night Economy แบบครอบครัว – โซนดนตรีเบา–ศิลปินพื้นบ้าน–เวิร์กช็อปช่างฝีมือ เพิ่มกิจกรรมหลัง 18.00 น. ให้ “มีเหตุผลค้างเพิ่ม 1 คืน”
  6. Green Rules ชัดเจน – แนวทางท่องเที่ยวรับผิดชอบ (แยกขยะ–ลดพลาสติก–ไม่ไล่จับสัตว์–เคารพวิถีชุมชน) พร้อมการสื่อสารหลายภาษา
  7. ขนส่งเชื่อมจุดเด่น – รถชัทเทิลไลน์ “สนามบิน–เมือง–วัดร่องขุน–บ้านดำ–ไร่ชา–ไนท์มาร์เก็ต” รัดกุมต่อเวลา
  8. มาตรฐานความปลอดภัยกิจกรรม – ตรวจอุปกรณ์/ใบอนุญาตเรือ–รถ–แอดเวนเจอร์ขึ้นทะเบียน โปร่งใส
  9. ดาต้าเรียลไทม์ – เก็บ Occupancy–Visitor Flow ช่วงพีค เพื่อจัดระเบียบคิว–เปิด–ปิดทางเข้าอย่างยืดหยุ่น
  10. โปรแกรมฝึกพนักงาน 20 ชั่วโมง – ภาษา/มารยาทข้ามวัฒนธรรม/การจัดการข้อร้องเรียน เร่งร่วมกับสถาบันในพื้นที่

 “ให้เขารู้สึกว่าอยู่บ้านเดียวกัน”

ในปีที่นักท่องเที่ยว “เลือกมาก” เมืองที่ชนะไม่ใช่เมืองที่มีสถานที่สวยสุดเสมอไป แต่คือเมืองที่ ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเป็นคนในพื้นที่ชั่วคราว สำหรับเชียงราย นี่คือเสน่ห์ที่มีอยู่แล้ว—โฮมสเตย์ชุมชนชาวเขา ชา–กาแฟที่เจ้าของไร่ชงเอง งานศิลป์ร่วมสมัยที่เกิดขึ้นจากคนในท้องถิ่น—เพียงต้องเล่าเรื่องให้ถูกตลาดและเพิ่มความสะดวกให้ไร้รอยต่อ

ลองจินตนาการ “ทริป 48 ชั่วโมง” สำหรับคู่รักจีนหรือครอบครัวมาเลเซีย: ลงเครื่องเช้า–รับชัทเทิลไปคาเฟ่ไร่ชา–บ่ายเข้าพิพิธภัณฑ์ศิลป์ร่วมสมัย–เย็นเดินไนท์มาร์เก็ตฮาลาลเฟรนด์ลี่–เช้าวันถัดไปทำเวิร์กช็อปย้อมผ้าชุมชน–บ่ายล่องเรือโขง–ค่ำชมแสงเมืองเก่าเชียงแสน แล้วระบบจ่ายเงิน–การสื่อสาร–ความปลอดภัย ลื่นไหลไร้สะดุด พวกเขาจะบอกต่อโดยไม่ต้องขอ

มุมเศรษฐกิจท้องถิ่น “เม็ดเงินน้อยลง ต้องกระจายในเมืองให้ได้นานขึ้น”

เมื่อค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวมีแนวโน้มลดลง กลยุทธ์ของเชียงรายควรย้ายจาก “ไล่ล่าปริมาณ” สู่ “ขยายเวลาพัก + เพิ่มกิจกรรมสร้างมูลค่า”:

  • จาก 1–2 คืนเป็น 2–3 คืน ผ่าน Night Economy, เวิร์กช็อปทำจริง, ทริปชายแดน
  • เพิ่มสัดส่วนรายได้ชุมชน เช่น แพ็กเกจ ชา–กาแฟ–เซรามิก–สิ่งทอ ที่นักท่องเที่ยว “ลงมือทำและซื้อกลับ”
  • ใช้ บัตรเมือง (City Pass) รวมรถ–ค่าเข้า–คูปองร้านท้องถิ่น เพื่อทั้งเพิ่มความคุ้มค่าและกระจายเม็ดเงิน

การสื่อสารเชิงความเชื่อมั่น ความปลอดภัย–ความเป็นระเบียบคือสินค้าที่ขายได้

ในยุคที่โลกโซเชียลตัดสินใจเร็วกว่าป้ายบอกทาง เมืองต้องขาย “ความสบายใจ” ไปพร้อมกับวิวสวย:

  • ช่องทางทางการสองภาษา (Facebook/Line/WeChat/Naver) รายงานสภาพอากาศ–คุณภาพอากาศ–ถนน–งานเทศกาล แบบวันต่อวัน
  • ระบบรับแจ้งเหตุ–ของหาย One Touch ผ่าน QR เดียว แล้วกระจายไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • การสื่อสาร มารยาทในวัด–หมู่บ้าน ให้เข้าใจง่าย (เช่น แต่งกาย/ระดับเสียง/ถ่ายภาพ) ลดความขัดแย้งเล็กๆ ที่ทำลายประสบการณ์

ไฮซีซันใกล้เข้ามา เชียงรายควร “จัดทัพ 90 วัน”

30 วันแรก – เก็บกวาดพื้นฐาน: ห้องน้ำ–ป้าย–ซ่อมไฟ–ตรวจความปลอดภัยกิจกรรม, อบรมหน้าบ้าน (โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ ไกด์)
60 วันถัดมา – เปิดชัทเทิลรูท, ทดลอง Night Economy ทุกสุดสัปดาห์, เปิด Help Desk สองภาษา, เปิด City Pass รุ่นทดลอง
90 วัน – ลุยแคมเปญตลาดเป้าหมาย 5 ประเทศผ่านอินฟลูเอนเซอร์/เอเจนซี, เสนอแพ็กเกจ “เชียงใหม่–เชียงราย 4 วัน 3 คืน” เน้นภาพลักษณ์ “ภาคเหนือสะอาด–สงบ–ปลอดภัย–ชำระเงินง่าย”

ประเด็นนโยบายที่ควรหารือร่วมจังหวัด

  1. อำนวยความสะดวกเที่ยวบินตรงฤดูกาลหนาว จากเมืองรองในจีน–เกาหลี–ญี่ปุ่น พร้อมกำกับคุณภาพทัวร์
  2. มาตรฐานโฮมสเตย์–แอดเวนเจอร์ ระดับจังหวัดเดียวกัน ลดความเสี่ยงอุบัติเหตุ
  3. ข้อมูลท่องเที่ยวแบบเปิด (Open Data) ให้ผู้ประกอบการเข้าถึง เพื่อวางแผนราคา–บุคลากรอย่างมีข้อมูล
  4. สิ่งแวดล้อมเป็นวาระท่องเที่ยว – จัดการขยะในแหล่งท่องเที่ยว/เส้นทางยอดนิยม พร้อมมาตรการชัดเจนช่วงเทศกาล

ตัวเลขประเทศ “เตือนให้เข้ม” แต่ไม่ใช่เหตุให้ถอย

2.58 ล้านคนและรายได้ 1.19 แสนล้านบาทในสิงหาคมที่หดตัวสองหลัก เป็นสัญญาณเตือนว่า “การแข่งขันท่องเที่ยวปี 2568 ดุเดือด” เมืองที่ไปต่อได้ต้องอ่านเกมไว ปรับสินค้า–บริการให้เข้ากับความคาดหวังนักเดินทางยุคใหม่ และสร้างความสะดวก–สบายใจแบบไร้รอยต่อ

สำหรับ เชียงราย เมืองที่มีทั้งภูมิทัศน์งดงาม วัฒนธรรมเข้ม และเส้นเลือดใหญ่ชายแดน—หากทำการบ้านตามขั้นตอน (พื้นฐานแน่น/สินค้าแตกต่าง/จ่ายเงินง่าย/สื่อสารสองภาษา/ปลอดภัยรู้สึกดี) โอกาสพลิก “ผู้โดยสารต่อเครื่อง” ให้กลายเป็น “ผู้พัก 2–3 คืน” อยู่ไม่ไกล และเมื่อเขากลับบ้านพร้อมคำว่า “รู้สึกเหมือนอยู่บ้านเดียวกัน” เม็ดเงินที่หายไปย่อมมีทางกลับมา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (มท.): อินโฟกราฟิก “Tourism Situation in August 2025 – Inbound August” และสรุปสถานการณ์ท่องเที่ยว (ข้อมูล ณ 7 กันยายน 2568) ใช้ประกอบตัวเลขสำคัญ ได้แก่ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.58 ล้านคน (-12.81% YoY), รายได้ 1.19 แสนล้านบาท (-13.40% YoY), สัดส่วนภูมิภาค และ 5 ประเทศแหล่งตลาดหลักพร้อมรายได้.
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

เชียงรายชูจุดขาย “คูลเคชั่น” พลิกวิกฤตโลกร้อนสู่ปีทองการท่องเที่ยว

อพยพหนีร้อนสู่ “คูลเคชั่น” เชียงรายชูจุดขายอากาศเย็น–ธรรมชาติสงบ พลิกวิกฤตโลกร้อนเป็น “ปีทองท่องเที่ยวใหม่”

เชียงราย, 6 กันยายน 2568 – เมื่อยุโรปเผชิญคลื่นความร้อนรุนแรงจนหลายเมืองแตะ 40°C พร้อมไฟป่าถี่กว่าที่เคย จุดหมายฤดูร้อนคลาสสิกอย่างสเปน โปรตุเกส และกรีซเริ่มถูกนักเดินทาง “หลบเลี่ยง” มากกว่า “ไหลเข้า” ปรากฏการณ์นี้ผลักดันคำใหม่ในพจนานุกรมท่องเที่ยวโลก—คูลเคชั่น (Coolcation)” หรือการท่องเที่ยวเพื่อแสวงหาอากาศที่เย็นกว่า เงียบกว่า และไม่แออัด—จากคำฮิตสู่ กติกาใหม่ของการวางแผนทริปหน้าร้อนปี 2025

คำถามจึงดังขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะ เชียงราย เมืองเหนือที่โอบล้อมด้วยเทือกดอยและลำน้ำว่า นี่คือโอกาสพลิกวิกฤตสภาพอากาศ ให้กลายเป็นปีทองของเชียงรายได้หรือไม่?”

คลื่นร้อนเปลี่ยนยุโรป สัญญาณเตือนที่กลายเป็นสัญญาณตลาด

ตลอดสองฤดูร้อนที่ผ่านมา สื่อเศรษฐกิจระดับโลกและหน่วยงานด้านท่องเที่ยวของยุโรป รายงานคลื่นความร้อน/ไฟป่าที่ส่งผลกระทบต่อจุดหมายเมดิเตอร์เรเนียนอย่างเป็นระบบ ทั้งการอพยพปิดชายหาดชั่วคราว ความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน และความเสี่ยงต่อสุขภาพของนักเดินทาง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทรนด์ท่องเที่ยวสากลอย่าง เจนนี เซาธาน (Jenny Southan) ซีอีโอ Globetrender ประเมินว่า เดือนกรกฎาคม–สิงหาคม กำลังกลายเป็น “เขตเสี่ยงภูมิอากาศ” สำหรับการท่องเที่ยวมวลชนในแถบเมดิเตอร์เรเนียน—ภาษาธุรกิจคือ “ดีมานด์ย้ายฤดูกาลและย้ายพิกัด”

ข้อมูลเสริมจากเครือข่ายที่ปรึกษาท่องเที่ยว Virtuoso สะท้อนตรงกันว่า 79% ของที่ปรึกษายอมรับ “เหตุอากาศสุดขั้วมีผลต่อการวางแผนเดินทาง” และ 55% ของลูกค้าหันไปเลือก นอกฤดูกาล (shoulder season) มากขึ้น ขณะเดียวกัน European Travel Commission (ETC) ชี้แนวโน้ม “เลี่ยงที่แออัด/เปลี่ยนเส้นทาง” เริ่มปรากฏอย่างมีนัยสำคัญ และสายการบินในยุโรปเหนืออย่าง SAS รายงานยอดจองจากยุโรปใต้สู่ นอร์เวย์ สำหรับฤดูร้อนปี 2025 เติบโตเด่น (บางเส้นทางขยายตัวระดับสองหลัก) ยืนยันว่า “คูลเคชั่น” ไม่ใช่แฟชั่น แต่เป็น พฤติกรรมใหม่ที่วัดได้

สำหรับประเทศเศรษฐกิจพึ่งพาการท่องเที่ยวสูงอย่างกรีซ สเปน และโปรตุเกส ซึ่งสัดส่วนรายได้จากท่องเที่ยวต่อ GDP อยู่ที่ราว 18%, 12.3% และ 11.9% ตามลำดับ ความปั่นป่วนของฤดูกาลหมายถึงความเสี่ยงต่อรายได้ท้องถิ่นโดยตรง ยิ่งทำให้จุดหมาย “เย็นกว่า–โลว์คีย์กว่า” ทั่วโลกถูกมองหามากขึ้น

คูลเคชั่นคืออะไร และทำไมเชียงราย “เข้าแกน” เทรนด์นี้

คูลเคชั่น (Coolcation) คือการเดินทางที่มี อุณหภูมิ เป็นตัวตั้ง—ผู้เดินทางหลีกเลี่ยงความร้อนจัดและฝูงชน หันไปหาสถานที่ที่ เย็นกว่า สงบกว่า และมีประสบการณ์กลางแจ้งที่เข้ากับอากาศ กิจกรรมยอดนิยมจึงเปลี่ยนจากนอนอาบแดดสู่ เดินป่า ชมทะเลหมอก พายเรือในลำน้ำเย็น น้ำตก/ล่องแก่ง หรือ เที่ยวเมืองเล็กที่มีวัฒนธรรมเข้ม

เมื่อจับเลนส์นี้ไปส่องแผนที่ไทย เชียงราย สอดรับกับคำจำกัดความแทบทุกมิติ

  1. ภูมิประเทศสูง/ลมเย็นโดยธรรมชาติ – เทือกดอยตั้งแต่ ดอยตุง–ดอยช้าง–ดอยแม่สลอง (สันติคีรี) ไปจนถึงแนวสันเขา ภูชี้ฟ้า–ภูชี้ดาว–ผาตั้ง ทำให้อุณหภูมิบนที่สูง ต่ำกว่าพื้นราบหลายองศา โดยเฉพาะเช้าตรู่ที่มักแตะระดับเย็นสบายแม้ในฤดูฝนปลายฝนต้นหนาว
  2. สายน้ำคลายร้อน – เมืองถูกผ่าโดย แม่น้ำกก และรายล้อมด้วยน้ำตกชื่อดังอย่าง ขุนกรณ์–ห้วยแม่ซ้าย รวมถึงแหล่งน้ำธรรมชาติสำหรับ ล่องแพ/พายคายัค/เล่นน้ำ ที่มอบ “ความเย็นในกิจกรรม” แม้อากาศภายนอกจะอบอ้าว
  3. ความสงบและความเป็นท้องถิ่น – เทียบกับเมืองท่องเที่ยวเมกะฮิต เชียงรายเสนอ “จังหวะช้า” แบบ Slow Tourism ที่นักท่องเที่ยวยุคคูลเคชั่นมองหา ทั้งตลาดกลางคืนท้องถิ่น งานคราฟต์ชนเผ่า ร้านกาแฟ–ไร่ชา (ชาผู่อูหลง/ชาเขียวคุณภาพ) และพิพิธภัณฑ์/อาร์ตสเปซที่เดินชมแบบไม่ต้องเบียดคน
  4. การเข้าถึงหลากหลายเส้นทาง – สนามบินแม่ฟ้าหลวงเชื่อมกรุงเทพฯ/หัวเมืองหลัก และเครือข่ายถนนขึ้นดอยถูกปรับปรุงต่อเนื่อง ทำให้ “เที่ยวดอย–ลงเมือง–ลงน้ำ” ทำได้ภายในทริปเดียว

กล่าวให้ชัด เชียงราย มีทั้ง “เย็นโดยธรรมชาติ” และ “เย็นด้วยกิจกรรม” ซึ่งตรงสูตรคูลเคชั่นอย่างเป็นรูปธรรม

เช้าวันหมอกที่ภูชี้ฟ้า และยามเย็นริมน้ำกก

ลองจินตนาการเช้าวันหนึ่งปลายสิงหาคม หมอกขาวคลุมสันเขา ผู้คนจำนวนไม่มากค่อยๆ เดินขึ้นสู่จุดชมวิว ภูชี้ฟ้า เมื่อดวงอาทิตย์แตะขอบฟ้าลาว–ไทย คลื่นเมฆยวบลงใต้เท้า อุณหภูมิที่ผิวแก้มคือ “เย็นจริง ไม่ต้องพึ่งแอร์” กลางวันคุณลงเมือง จิบชาในไร่ชาที่ ดอยแม่สลอง หลบร่มใต้ต้นชาอายุหลายสิบปี แล้วเฉลียงยามเย็นปรับโหมดเป็น เรือหางยาวล่องแม่น้ำกก ลมเย็นปะทะใบหน้า เมืองทั้งเมืองเดินช้าลงโดยไม่ต้องบอก—นี่คือ ประสบการณ์คูลเคชั่นฉบับเชียงราย ที่พูดกับร่างกายมากกว่าคำโฆษณา

บทเรียนจากโลก เทรนด์ที่ “ย้ายฤดูกาล” และ “ย้ายแผนที่”

การเคลื่อนย้ายดีมานด์มีสองชั้นสำคัญ

  • ย้ายฤดูกาล – จากคิว Jul–Aug ไปสู่ May–Jun / Sep–Oct ซึ่งเย็นกว่าและปลอดภัยกว่า
  • ย้ายแผนที่ – จากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสู่ ละติจูดสูง/พื้นที่ภูเขา/เส้นทางน้ำ

ถ้าเชียงรายอ่านเกมนี้ได้เร็ว เมืองสามารถ อัพเกรดหน้าฝน” ให้เป็น “High Season ใหม่ของคูลเคชั่น” เพราะปลายฝน–ต้นหนาว คือหน้าที่ ภูมิทัศน์เขียวชุ่ม น้ำตกแรง หมอกหนา อุณหภูมิเย็นพอดี และ—ที่สำคัญ—ไม่ชนฤดูกาลหมอกควัน (ก.พ.–เม.ย.) ที่ภาคเหนือจำเป็นต้องบริหารความเสี่ยงร่วมกับชุมชน

กลยุทธ์ “เชียงรายคูลเคชั่น” ทำอย่างไรให้โอกาสกลายเป็นปีทอง

เพื่อให้คอนเซ็ปต์จากข่าวโลกลงจอดสู่เศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม ทีมข่าวสรุป 9 ข้อเสนอเชิงปฏิบัติ สำหรับภาครัฐ–เอกชนเชียงราย ดังนี้

  1. รีแบรนด์ปลายฝน–ต้นหนาวเป็นฤดู “Cool & Green”
    ตั้งแคมเปญ “Coolcation Chiang Rai: Green Season, Blue Sky” สื่อสารจุดขาย “เย็น–เขียว–ไม่แออัด” พร้อมแพ็กเกจ 3 วัน 2 คืน ที่รวม “ดอย–น้ำ–เมือง” ในราคาพอจับต้อง
  2. สร้างเส้นทาง “เย็นโดยธรรมชาติ” + “เย็นด้วยกิจกรรม”
    จับคู่ ภูชี้ฟ้า/ดอยแม่สลอง (หมอก–ไร่ชา) กับ ล่องแม่น้ำกก/น้ำตกขุนกรณ์ (กิจกรรมคลายร้อน) ปิดท้ายด้วย Night Market/คาเฟ่ริมน้ำ ให้ครบมิติของคูลเคชั่น
  3. Night Economy = เครื่องปรับอากาศตามธรรมชาติ
    ผลักดัน เมืองเก่า–วัดสำคัญ–พิพิธภัณฑ์ภาพเก่า เปิดรอบค่ำ พร้อมไฟสวย–ทัวร์เดินเท้า–คอนเสิร์ตแจ๊สเบาๆ กลางลมแม่น้ำ ลดภาระเดินช่วงแดดจัด และกระจายรายได้หลังพระอาทิตย์ตก
  4. Green Mobility
    รถเวียนไฟฟ้าเส้น สนามบิน–ตัวเมือง–ท่าเรือแม่น้ำกก–สถานีขนส่ง–ขึ้นดอย พร้อม บัตรวันเดียว (Day Pass) ช่วยลดคาร์บอนและทำให้การเดินทางไร้รอยต่อ
  5. มาตรฐาน “ที่พักคูล”
    เชิญโรงแรม/โฮมสเตย์เข้าร่วมมาตรฐาน CF-Hotels (Carbon–Forest) เช่น ตั้งเป้าลดพลังงาน/เพิ่มร่มเงา/ใช้น้ำฝน/ขยายพื้นที่สีเขียว และเล่าเรื่องผ่าน Dashboard ง่ายๆ ให้แขกเห็น “คุณเย็นอย่างยั่งยืนอย่างไร”
  6. ปฏิทินเทศกาล “เย็นแล้วค่อยฉลอง”
    จัด งานชา–กาแฟ–อาร์ตบนดอย ใน Sep–Oct ที่อากาศพอดี เชิญช่างฝีมือชนเผ่า/ศิลปินร่วมสมัยร่วม Curate ประสบการณ์ Slow & Local
  7. บริหารความเสี่ยงหมอกควัน
    สื่อสารชัดว่า “หน้าร้อน (ก.พ.–เม.ย.) ไม่ใช่ หน้าคูลเคชั่น” พร้อมแผน Early Burning Control/ท่องเที่ยวอาสา ฟื้นฟูป่า และแจ้ง คุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ผ่านช่องทางทางการ
  8. ทำการตลาดข้อมูล (Data-led Marketing)
    เก็บสถิติ อุณหภูมิ–ดัชนีความร้อน (HI)–จำนวนนักท่องเที่ยว–ระยะเวลาพำนัก–ค่าใช้จ่าย/ทริป รายเดือน แล้วเล่าเป็นอินโฟกราฟิกให้เอเจนซียุโรป/เอเชียเห็นว่า “เชียงราย = หนีร้อนแล้วสนุกกว่า
  9. เข้าระบบรางวัลคุณภาพ–ยั่งยืนของประเทศ
    กระตุ้นผู้ประกอบการสมัคร Thailand Tourism Awards หมวด Sustainability เพื่อใช้ “ตรากินรี” เป็นตรารับรองคุณภาพ–ยั่งยืน เพิ่มอำนาจต่อรองในตลาดต่างประเทศ

เสียงจากผู้เชี่ยวชาญ

  • ผู้ว่าการ ททท. เคยย้ำทิศทาง “ยกระดับคุณภาพ–ยึดความยั่งยืน” และผลักดันรางวัล/มาตรฐานที่สอดคล้อง GSTC เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยพร้อมแข่งขันในตลาดที่ให้ค่าด้านสังคม–สิ่งแวดล้อม
  • ผู้เชี่ยวชาญเทรนด์ท่องเที่ยวสากล ชี้ “คูลเคชั่น” จะแข็งแรงขึ้นใน 2–3 ปี และ ฤดูพีกเมดิเตอร์เรเนียนจะเลื่อนไป May–Jun / Sep–Oct
  • เอเยนต์–แพลตฟอร์ม ในยุโรปสะท้อนดีมานด์ “เย็นกว่า–เงียบกว่า” เพิ่มขึ้นจริง จากผลสำรวจ Virtuoso และความเคลื่อนไหวการจองที่ Scandinavia/Nordic

คำกล่าวเหล่านี้ แม้ต่างพื้นที่ แต่ส่งสัญญาณเดียวกัน: ตลาดโลกกำลังมองหาความเย็นและความสงบแบบมีคุณภาพ ใครตอบได้ก่อน ย่อมได้ส่วนแบ่งก่อน

เศรษฐกิจท้องถิ่นจะได้อะไร 4 เม็ดเงินที่มากับคูลเคชั่น

  1. ยืดฤดูกาล–ถ่างรายได้: จาก high season ช่วง พ.ย.–ก.พ. ไปถึง May–Jun / Sep–Oct ลดความผันผวนทางรายได้ของผู้ประกอบการ
  2. ค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงขึ้น: นักท่องเที่ยวคูลเคชั่นมักซื้อประสบการณ์เชิงคุณภาพ (ไร่ชา–เวิร์กช็อปคราฟต์–ไกด์เฉพาะทาง) ซึ่ง มาร์จิ้นสูงกว่าทัวร์ปริมาณ
  3. กระจายรายได้สู่ชุมชน: เส้นทาง “ดอย–น้ำ–เมือง” เปิดโอกาส โฮมสเตย์–ช่างฝีมือ–ไกด์ท้องถิ่น–ชุมชนชนเผ่า เข้าห่วงโซ่
  4. ลดต้นทุนสังคม/สิ่งแวดล้อม: แทนการแบกรับภาระนักท่องเที่ยวหนาแน่นแบบพีกซัมเมอร์ เมืองจะ “หายใจได้” ทั้งทรัพยากรและคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัย

ความท้าทายที่ต้องเผชิญตรงๆ

  • หมอกควัน/คุณภาพอากาศช่วงปลายฤดูหนาว–ต้นร้อน: จำเป็นต้อง “ล็อกอิน” ปฏิทินคูลเคชั่นไว้ช่วง ปลายฝน–ต้นหนาว และสื่อสารโปร่งใส
  • โครงสร้างพื้นฐานบางดอยยังจำกัด: ต้องปรับปรุง จุดจอด/ทางเดิน/ห้องน้ำ/ระบบขนส่งไฟฟ้า เพื่อรองรับแบบ “เพิ่มคุณภาพไม่เพิ่มปริมาณ”
  • การสื่อสารตลาดยังกระจัดกระจาย: ควรมี แพลตฟอร์มกลาง ของจังหวัดที่รวมเส้นทาง คิวกิจกรรม ค่า HI/อากาศ และจองบริการได้ในที่เดียว
  • การทำงานร่วมกัน: โอกาสนี้ต้องอาศัย พันธมิตรข้ามภาคส่วน—ท่าอากาศยาน/เอกชนท่องเที่ยว/ชุมชน/องค์กรสิ่งแวดล้อม—เพื่อให้ “เย็นและยั่งยืน” จริง

ตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPIs) ที่จับต้องได้

  • อัตราพักเฉลี่ย (AOR) ช่วง May–Jun / Sep–Oct เพิ่มขึ้น
  • ระยะเวลาพำนักเฉลี่ย (ALOS) ยาวขึ้นจากการทำเส้นทาง “ดอย–น้ำ–เมือง”
  • ค่าใช้จ่ายต่อทริป เพิ่ม จากสัดส่วนกิจกรรมคุณภาพ (ชา–คราฟต์–ไกด์เฉพาะทาง)
  • สัดส่วนขนส่งไฟฟ้า/ปลอดคาร์บอน ในเมืองหลัก/เข้าแหล่งท่องเที่ยว
  • คะแนนความพึงพอใจ/รีวิว ที่กล่าวถึง “เย็น/เงียบ/คุณภาพ–ยั่งยืน” เพิ่ม

เชียงรายพร้อมแค่ไหน ทุนเดิมที่มีและสิ่งที่ควรเร่ง

ทุนเดิม ของเชียงรายคือ ภูมิประเทศสูง–ลำน้ำ–วัฒนธรรมชนเผ่า–ไร่ชา/กาแฟ–ศิลปะร่วมสมัย ซึ่งเป็นชุดสินค้าที่ “เข้าใจง่าย” สำหรับตลาดคูลเคชั่น เพิ่มด้วยสินทรัพย์ใหม่อย่าง พิพิธภัณฑ์/อาร์ตสเปซ และ ตลาดกลางคืนเชิงคราฟต์ ที่คัดสรรคุณภาพ

สิ่งที่ควรเร่ง คือ แพ็กเกจบูรณาการ ที่ทำให้นักเดินทาง “เห็นภาพใน 10 วินาที” เช่น

  • Coolcation Classic: ภูชี้ฟ้า–ไร่ชาแม่สลอง–ล่องกก–Night Market
  • Cool & Culture: ดอยตุง–หมู่บ้านชนเผ่า–พิพิธภัณฑ์ภาพเก่า–อาร์ตคาเฟ่
  • Cool Adventure: เดินป่าลุ่มน้ำ–พายคายัค–น้ำตก–แคมป์เบาๆ ใต้ดาว

และทั้งหมดนี้ควรแนบ ข้อมูลอุณหภูมิ/ดัชนีความร้อน (HI)/คุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ เพื่อปิดความกังวลของนักเดินทางยุคข้อมูล

ปีทองจะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรา “ทำให้ความเย็นมีระบบ”

โลกกำลังเข้าสู่ยุคที่ สภาพอากาศ เปลี่ยนการตัดสินใจของผู้คนมากพอๆ กับ ราคาและเวลา “คูลเคชั่น” จึงไม่ใช่เพียงคำสวย แต่คือ ตรรกะใหม่ของการตลาดท่องเที่ยว ที่มองหาอากาศเย็น ประสบการณ์แท้จริง และความไม่แออัด เชียงรายมีองค์ประกอบครบ—ดอยสูง ลำน้ำ วัฒนธรรม และความสงบ—เหลือเพียง การจัดระเบียบข้อเสนอ ให้ชัด สื่อสารให้เร็ว และดำเนินการแบบยั่งยืน

ถ้า “ความเย็น” คือสินค้า เชียงรายต้องทำให้มันเป็น ระบบบริการครบวงจร ตั้งแต่ไฟลต์บิน รถไฟฟ้า เส้นทางเที่ยว แพ็กเกจที่พัก–กิจกรรม ไปจนถึงการเล่าเรื่องผลลัพธ์เชิงสิ่งแวดล้อม/ชุมชนอย่างโปร่งใส เมื่อถึงวันนั้น คูลเคชั่น จะไม่ใช่แค่การหนีร้อนชั่วคราว แต่คือ ข้อได้เปรียบที่ยั่งยืน ที่พาเชียงรายก้าวสู่ “ปีทอง” ได้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • CNBC International – บทวิเคราะห์เทรนด์ “Coolcation” และผลกระทบจากคลื่นความร้อนยุโรปต่อพฤติกรรมการท่องเที่ยว (รายงานปี 2024–2025)
  • European Travel Commission (ETC) – รายงานแนวโน้มการเดินทางของชาวยุโรปฤดูร้อนล่าสุด: ความกังวลด้านความแออัดและการเลือกเส้นทางนอกกระแส
  • Virtuoso – ผลสำรวจที่ปรึกษาการเดินทางระดับโลกเกี่ยวกับอิทธิพลของเหตุอากาศสุดขั้วต่อการวางแผนทริป (สัดส่วน 79% และ 55%)
  • Scandinavian Airlines (SAS) – ข่าวประชาสัมพันธ์/ข้อมูลสรุปผลการจองเส้นทางสู่สแกนดิเนเวียฤดูร้อน 2025 (อัตราเติบโตจากยุโรปใต้และฝรั่งเศส)
  • หน่วยงานสถิติ/การท่องเที่ยวประเทศกรีซ สเปน โปรตุเกส – สัดส่วนรายได้การท่องเที่ยวต่อ GDP (กรีซ ~18%, สเปน ~12.3%, โปรตุเกส ~11.9%)
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) – นโยบาย/เอกสารสื่อสารด้านการยกระดับคุณภาพ–ความยั่งยืน, แนวทางเชื่อมโยงมาตรฐาน GSTC, แคมเปญส่งเสริมฤดูกาลทางเลือกและการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ
  • กรมอุตุนิยมวิทยา – ข้อมูลภูมิอากาศพื้นฐานภาคเหนือ/เชียงราย และดัชนีความร้อน (ใช้ประกอบการสื่อสารความเหมาะสมของปลายฝน–ต้นหนาว)
  • อุทยานแห่งชาติ/กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช – ข้อมูลพื้นที่ท่องเที่ยวธรรมชาติสำคัญของเชียงราย: ภูชี้ฟ้า–ภูชี้ดาว–ผาตั้ง–น้ำตกขุนกรณ์ และแนวทางการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย/เทศบาลนครเชียงราย – โครงการโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว และปฏิทินกิจกรรมท้องถิ่น
  • งานวิชาการ/บทความเทรนด์ท่องเที่ยว จากสำนักข่าวเศรษฐกิจและวารสารด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ เกี่ยวกับ Slow Tourism, Authenticity Tourism และผลกระทบโลกร้อนต่อฤดูกาลท่องเที่ยว
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

สวนดุสิตโพลเผย เชียงใหม่-เชียงราย จุดหมายปีใหม่ยอดนิยม 2568

สวนดุสิตโพลเผยปีใหม่ 2568 คนไทยนิยมเที่ยว เชียงใหม่-เชียงราย ติดอันดับ

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนจาก “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เกี่ยวกับเรื่อง “คนไทยกับของขวัญปีใหม่จากรัฐบาล” โดยทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,246 คน ผ่านช่องทางออนไลน์และภาคสนาม ระหว่างวันที่ 3-6 ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงทิศทางและพฤติกรรมของคนไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

ประชาชนส่วนใหญ่มีแผนท่องเที่ยวปีใหม่

จากผลการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีแผนเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ 56.02% โดยในกลุ่มนี้

  • เลือกเดินทาง ภายในประเทศถึง 90.26%
  • ขณะที่การเดินทางไป ต่างประเทศอยู่ที่ 9.74%
    อย่างไรก็ตาม ยังมีประชาชนจำนวน 43.98% ที่ระบุว่าไม่มีแผนการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าว

5 จังหวัดยอดนิยมที่คนไทยอยากไปเที่ยวมากที่สุด

จากผลการสำรวจยังเผยถึงจังหวัดเป้าหมายของการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยอันดับจังหวัดยอดนิยมที่ประชาชนเลือกมากที่สุด ได้แก่

  1. เชียงใหม่ คิดเป็น 56.83% ขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง เนื่องจากอากาศเย็นสบายและมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติจำนวนมาก
  2. เชียงราย คิดเป็น 49.05% จังหวัดที่โดดเด่นด้วยความงดงามของดอกไม้และภูเขา อีกทั้งยังมีเทศกาลดอกไม้ช่วงปลายปี
  3. กรุงเทพมหานคร คิดเป็น 38.10% ซึ่งเป็นศูนย์รวมของการจัดงานเทศกาลและกิจกรรมต่าง ๆ
  4. กาญจนบุรี คิดเป็น 37.30% จังหวัดที่มีความโดดเด่นด้านธรรมชาติและสถานที่ประวัติศาสตร์
  5. กระบี่ คิดเป็น 25.71% จังหวัดชายทะเลที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ

ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการท่องเที่ยวปีใหม่

ประชาชนคาดการณ์ว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่จะมีการใช้จ่ายเฉลี่ย 17,317.10 บาทต่อคน โดยแบ่งเป็นกลุ่มต่าง ๆ ตามงบประมาณดังนี้

  • ไม่เกิน 5,000 บาท มากที่สุด คิดเป็น 46.94%
  • กลุ่มที่ใช้จ่ายมากกว่า 5,000 บาทขึ้นไป มีสัดส่วนที่ลดหลั่นกันไป

ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวครอบคลุมค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงการซื้อของฝากให้กับคนในครอบครัวและคนสนิท

ของขวัญปีใหม่ที่ประชาชนอยากได้จากรัฐบาล

เมื่อสอบถามถึงของขวัญปีใหม่ที่ประชาชนอยากได้รับจากรัฐบาล อันดับต้น ๆ ได้แก่

  1. การแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เนื่องจากช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม
  2. การช่วยเหลือค่าน้ำ ค่าไฟ และพลังงาน ซึ่งถือเป็นภาระสำคัญที่ประชาชนต้องแบกรับในปัจจุบัน
  3. มาตรการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ โดยเฉพาะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้น

ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจและสวัสดิการสังคมเป็น “หน้าที่ของรัฐบาล” ที่ควรให้ความสำคัญอย่างจริงจัง

สรุปภาพรวมเทศกาลปีใหม่

ผลการสำรวจจากสวนดุสิตโพลในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่วางแผนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะจังหวัดยอดนิยมอย่าง เชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งมีเสน่ห์ด้านการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและวัฒนธรรม ขณะเดียวกัน ประชาชนยังต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลปีใหม่ผ่านมาตรการต่าง ๆ เช่น การแจกเงินและการลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค

การสำรวจในครั้งนี้จึงเป็นภาพสะท้อนความหวังของคนไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่ต้องการทั้งความสุขจากการเดินทางท่องเที่ยวและมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐในการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

ข้อมูลสำคัญโดยสรุป

  • 56.02% ของประชาชนวางแผนท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศ
  • เชียงใหม่และเชียงราย เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม
  • ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 17,317.10 บาทต่อคน โดยส่วนใหญ่ใช้งบไม่เกิน 5,000 บาท
  • ประชาชนต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนเศรษฐกิจผ่านการแจกเงินและมาตรการลดค่าใช้จ่าย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สวนดุสิตโพล

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE