Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เขื่อนปากแบง สปป.ลาว ชาวเวียงแก่นหวั่นผลกระทบที่ดิน-อาชีพ

เวทีรับฟังความคิดเห็น “เขื่อนปากแบง” อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ชุมชนห่วงกระทบที่ดินทำกิน อาชีพ และสิ่งแวดล้อม กางกระบวนการมีส่วนร่วม ขณะที่ผู้แทนโครงการยืนยันแผนชดเชยหากเกิดผลกระทบในอนาคต

เชียงราย, 19 มิถุนายน 2568 – การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด ล่าสุด โครงการก่อสร้าง “เขื่อนปากแบง” ในแขวงอุดมไซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนไทยบริเวณอำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ราว 97 กิโลเมตร ได้ก้าวเข้าสู่ช่วงของการชี้แจงข้อมูลและเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบโดยตรง

กระบวนการรับฟังความคิดเห็น เสียงประชาชนต้องมาก่อน

วันที่ 18 มิถุนายน 2568 ที่บ้านห้วยลึก อ.เวียงแก่น เวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการเขื่อนปากแบง เปิดให้ชาวบ้านจากบ้านห้วยลึก บ้านแจมป๋อง (อ.เวียงแก่น) และบ้านดอนมหาวัน (อ.เชียงของ) ได้ร่วมแสดงความเห็นและข้อกังวลอย่างเสรี ชาวบ้านส่วนใหญ่แสดงความห่วงใยต่อความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำโขงที่อาจนำไปสู่น้ำท่วมพื้นที่การเกษตร ที่อยู่อาศัย ตลอดจนกระทบต่ออาชีพประมง และวิถีชีวิตของชุมชนลุ่มน้ำโขงตอนบนที่ต้องพึ่งพาแม่น้ำเป็นหลัก

หลายเสียงสะท้อนว่าการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้ควรเปิดเวทีอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับฟังความเห็นโดยตรงจากคนในพื้นที่ ตลอดจนให้มีช่องทางเสนอข้อกังวลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งชุมชนเรียกร้องความชัดเจนเรื่องมาตรการชดเชยและเยียวยาหากเกิดผลกระทบที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

ผู้แทนโครงการแจง เขื่อนปากแบงเป็น “เขื่อนทดน้ำ” ผลกระทบควบคุมได้

ในเวทีดังกล่าว ผู้แทนที่ปรึกษาโครงการฯ ชี้แจงว่าเขื่อนปากแบงเป็นเขื่อนประเภท “ทดน้ำ” ผลิตไฟฟ้า ไม่ใช่เขื่อนกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ ระดับน้ำที่กักเก็บจะสูงสุดที่ 340 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลางในฤดูน้ำหลาก และ 335 เมตรในหน้าแล้ง พร้อมยืนยันว่าข้อมูลเบื้องต้นชี้ว่าระดับน้ำจะไม่ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนหรือทรัพย์สินของฝั่งไทย โดยกระบวนการศึกษาได้วางมาตรการรองรับไว้ หากภายหลังพบผลกระทบเกิดขึ้นกับที่ดินทำกินหรืออาชีพ ชุมชนจะได้รับการชดเชยที่เป็นธรรม

ประเด็นสารพิษในแม่น้ำโขงและสิ่งแวดล้อม – ข้อกังวลที่ต้องรับฟัง

ภาคประชาชนและเครือข่ายในพื้นที่ยังได้ตั้งคำถามถึงความเสี่ยงเรื่องสารพิษในแม่น้ำโขงที่อาจรุนแรงขึ้นจากโครงการก่อสร้างเขื่อน โดยเฉพาะตะกอนดิน โลหะหนัก หรือผลกระทบต่อสัตว์น้ำที่เป็นแหล่งอาหารและรายได้ของชุมชน ชาวบ้านและเครือข่ายจึงขอให้มีการศึกษาผลกระทบข้ามพรมแดน (Transboundary EIA) อย่างละเอียด โปร่งใส และเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

รายละเอียดโครงการ และสถานะการดำเนินงาน

โครงการเขื่อนปากแบงตั้งอยู่เหนือเมืองปากแบงราว 15 กิโลเมตร โดยมีแผนเริ่มก่อสร้างในเดือนตุลาคม 2568 เชื่อมต่อระบบไฟฟ้าเดือนมีนาคม 2575 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2576 ผู้ร่วมลงทุนคือ บริษัท China Datang Overseas Investment Co., Ltd. และ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนจัดทำรายงานผลกระทบข้ามพรมแดน หากแล้วเสร็จจะดำเนินการขอกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ของไทยต่อไป

กำหนดการเวทีรับฟังความคิดเห็นในพื้นที่

  • 19 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00-12.00 น. ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านแจมป๋อง / 13.00-16.00 น. ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านยายเหนือ
  • 20 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00-12.00 น. ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านห้วยเอียน / 13.00-16.00 น. ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านปากอิง
  • 21 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00-12.00 น. ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านดอนมหาวัน / 13.00-16.00 น. ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านปากอิงใต้

เวทีดังกล่าวถือเป็นช่องทางสำคัญในการสะท้อนความรู้สึกและข้อกังวลของประชาชนสู่การพัฒนาโครงการให้โปร่งใส และเคารพสิทธิชุมชน

บทวิเคราะห์และผลลัพธ์ของข่าว

การพัฒนาโครงการพลังงานไฟฟ้าในลุ่มน้ำโขงครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลแค่ระดับชาติแต่ยังขยายไปถึงรากฐานวิถีชีวิตและเศรษฐกิจของชุมชนข้ามแดน กระบวนการมีส่วนร่วมและการศึกษาผลกระทบข้ามพรมแดนจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องใส่ใจอย่างยั่งยืน การสร้างเขื่อนเพื่อพลังงานอาจหมายถึงทางเลือกใหม่ของเศรษฐกิจไทยและภูมิภาค แต่ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะชุมชนท้องถิ่นที่ต้องเป็นผู้ร่วมออกแบบอนาคตของตนเอง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • รายงานเวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการเขื่อนปากแบง อ.เวียงแก่น 18-21 มิ.ย. 2568
  • ข้อมูลการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เวียงแก่นไม่ทิ้งใคร! หน่วยงานรัฐลงพื้นที่ เยี่ยมผู้ป่วย

เชียงรายบูรณาการทุกภาคส่วนออกหน่วยบริการพื้นที่ห่างไกล ต.ปอ อ.เวียงแก่น พร้อมเยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียง

จังหวัดเชียงรายจัดกิจกรรมจังหวัดเคลื่อนที่ “หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน”

เชียงราย, 22 เมษายน 2568 – ที่โรงเรียนปอวิทยา บ้านปอกลาง หมู่ที่ 5 ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดกิจกรรม “หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน” โดยมีหน่วยงานภาครัฐ เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย สมาชิกชมรมแม่บ้านมหาดไทย หน่วยงานภาคท้องถิ่น และภาคประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

กิจกรรมดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกด้านบริการภาครัฐในพื้นที่ห่างไกล โดยบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงราย รวมถึงจัดสรรทรัพยากรเพื่อให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้มีรายได้น้อย และผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่

มอบถุงยังชีพ-สนับสนุนสวัสดิการกลุ่มเปราะบาง

หลังพิธีเปิด รองผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมคณะ ได้มอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่เดือดร้อน โดยถุงยังชีพประกอบด้วยข้าวสารจากวัดห้วยปลากั้ง หมอนจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พันธุ์ปลาจากสำนักงานประมง และเงินช่วยเหลือจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย ซึ่งมุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือทั้งด้านเศรษฐกิจ ปากท้อง และการพัฒนาอาชีพของประชาชนในชุมชน

เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงถึงบ้าน รับฟังปัญหาและมอบความช่วยเหลือ

ต่อมา คณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุจำนวน 5 รายในตำบลปอ เพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของผู้ป่วย พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิทธิสวัสดิการ การรักษาพยาบาล และแนวทางการดูแลแบบองค์รวม โดยได้รับความร่วมมือจากทั้งครอบครัว ชุมชน และเจ้าหน้าที่ อสม.ในพื้นที่

เวียงแก่น อำเภอห่างไกลที่สุดของเชียงรายกับประชากรหลากหลายชาติพันธุ์

อำเภอเวียงแก่นตั้งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดเชียงรายกว่า 139 กิโลเมตร ประกอบด้วย 5 ตำบล 44 หมู่บ้าน และ 4 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีประชากรประมาณ 37,284 คน ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มชาติพันธุ์รวม 9 กลุ่ม ได้แก่ คนพื้นเมือง ม้ง เมี่ยน จีนฮ่อ ไทยใหญ่ อาข่า ไทยลื้อ ขมุ และลาว

ชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ได้แก่ ทำไร่ ทำสวน และรับจ้างทั่วไป ความห่างไกลของพื้นที่ส่งผลให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐได้ยาก การจัดกิจกรรมจังหวัดเคลื่อนที่จึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยลดช่องว่างการพัฒนาและสร้างโอกาสในการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน

วิเคราะห์แนวโน้มการพัฒนาและผลกระทบเชิงพื้นที่

การออกหน่วยให้บริการในพื้นที่ห่างไกลของจังหวัดเชียงรายในครั้งนี้สะท้อนถึงนโยบาย “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” อย่างเป็นรูปธรรม โดยมุ่งเน้นการพัฒนาท้องถิ่นอย่างทั่วถึง และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม และสาธารณสุขในพื้นที่ชายขอบ

กิจกรรมดังกล่าวยังมีผลต่อการเสริมสร้างศรัทธาและความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับประชาชน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาแบบมีส่วนร่วม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรม ซึ่งต้องการรูปแบบการพัฒนาที่เหมาะสมกับบริบทพื้นที่

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งข้อมูล

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (2567) ระบุว่า จังหวัดเชียงรายมีประชากรทั้งหมดประมาณ 1.28 ล้านคน โดยกว่า 70% อาศัยในพื้นที่ชนบท และมีอำเภอที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากตัวเมืองกว่า 5 อำเภอ รวมทั้งเวียงแก่น

ข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย ระบุว่า ในปี 2567 มีครัวเรือนผู้มีรายได้น้อยที่ขึ้นทะเบียนรับความช่วยเหลือกว่า 36,000 ครัวเรือน โดยเวียงแก่นจัดอยู่ใน 5 อำเภอที่มีอัตราผู้มีรายได้น้อยสูงสุดของจังหวัด

ขณะที่ข้อมูลจากกรมอนามัย (2567) ชี้ว่ามีผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่จังหวัดเชียงรายมากกว่า 2,800 ราย โดยกระจุกตัวอยู่ในอำเภอชายขอบซึ่งเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้ยาก ดังนั้น การลงพื้นที่เยี่ยมบ้านจึงถือเป็นแนวทางสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มเปราะบาง และเป็นต้นแบบการบริหารจัดการในเชิงพื้นที่แบบองค์รวม

กิจกรรม “หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน” ในครั้งนี้ จึงเป็นเครื่องยืนยันถึงความพยายามของจังหวัดเชียงรายในการเดินหน้าพัฒนาพื้นที่ห่างไกลให้มีความเท่าเทียมกับเมือง และเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบูรณาการในอนาคต.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ป.ป.ช.เชียงราย ลุยตลาดร้าง 49 ล้าน ประชาชนร้องทิ้งขว้าง เทศบาลยังเงียบ!

ป.ป.ช.เชียงรายร่วมชมรม STRONG ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการตลาดชายแดนไทย-ลาว หลังถูกปล่อยร้าง

เชียงราย, 26 กุมภาพันธ์ 2568 (Reuters) – สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดเชียงราย ร่วมกับ ชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริต จังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่เทศบาลตำบลม่วงยาย อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย เพื่อตรวจสอบ โครงการตลาดชายแดนไทย-ลาว ห้วยลึก ที่ใช้งบประมาณ 49.31 ล้านบาทในการก่อสร้าง แต่กลับถูกปล่อยร้าง ไม่มีการใช้งาน

การลงพื้นที่ติดตามและตรวจสอบข้อร้องเรียน

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 นายกิตติศักดิ์ พิมสาร ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้ นายนั้ง แสงเพชรไพบูรณ์ หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต พร้อมด้วย นางวันดี ราชชมภู ประธานกรรมการชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริต จังหวัดเชียงราย นำคณะกรรมการชมรมลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อร้องเรียนที่ได้รับจากสมาชิกเกี่ยวกับ โครงการตลาดชายแดนไทย-ลาว ห้วยลึก

โครงการก่อสร้างที่ยังไร้การใช้งาน

โครงการดังกล่าวได้รับการก่อสร้างโดยใช้งบประมาณ 49,310,000 บาท แต่จากการตรวจสอบพบว่า ไม่มีการนำมาใช้ประโยชน์ เทศบาลตำบลม่วงยายได้รับการถ่ายโอนโครงการจาก กรมโยธาธิการและผังเมือง เมื่อปี 2567 และแม้จะมีแผนการบริหารจัดการตลาด แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน

ป.ป.ช.ให้คำแนะนำแนวทางแก้ไข

ป.ป.ช.เชียงรายได้เสนอแนะให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งพิจารณานำสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับการถ่ายโอนมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงตรวจสอบสาเหตุของความล่าช้าในการดำเนินโครงการ พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายมีความโปร่งใสและคุ้มค่าต่องบประมาณที่ใช้จ่าย

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • งบประมาณโครงการก่อสร้างตลาดชายแดนไทย-ลาว ห้วยลึก: 49.31 ล้านบาท (ที่มา: กรมโยธาธิการและผังเมือง)
  • จำนวนโครงการก่อสร้างในเชียงรายที่ได้รับการร้องเรียนเรื่องความล่าช้าและการทุจริตในปี 2567: 12 โครงการ (ที่มา: ป.ป.ช.เชียงราย)
  • ตลาดที่ยังไม่เปิดใช้งานในพื้นที่ภาคเหนือ: มากกว่า 25 แห่ง (ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า)
  • ความล่าช้าเฉลี่ยของโครงการภาครัฐในภาคเหนือ: 12-18 เดือน (ที่มา: สำนักงานงบประมาณแห่งชาติ)

สำนักงาน ป.ป.ช.เชียงรายระบุว่า จะยังคงติดตามความคืบหน้าของโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง และเปิดรับแจ้งเบาะแสจากประชาชนผ่านสายด่วน ป.ป.ช. หมายเลข 1205

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม มอบเงินสร้างบ้านใหม่ “เวียงแก่น”

เชียงรายเดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มอบเงินก่อสร้างบ้านให้ผู้เสียหาย

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 หลังจากที่จังหวัดเชียงรายประสบปัญหาอุทกภัยรุนแรงเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมและดินสไลด์ ล่าสุดจังหวัดเชียงรายได้เดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีการมอบเงินช่วยเหลือเพื่อสมทบค่าก่อสร้างบ้านให้กับผู้ที่บ้านได้รับความเสียหายทั้งหลัง

นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่อำเภอเวียงแก่น ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ได้รับผลกระทบหนักจากอุทกภัย โดยเงินช่วยเหลือดังกล่าวมาจากเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ปี 2567 ซึ่งได้รับการบริจาคจากภาคเอกชน องค์กรเอกชน และประชาชนทั่วไป

นายสุพจน์ ลังกาวีระนันท์ นายอำเภอเวียงแก่น กล่าวว่า “การมอบเงินช่วยเหลือในครั้งนี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยของภาครัฐและภาคเอกชนที่มีต่อพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย เราหวังว่าเงินจำนวนนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยได้ฟื้นฟูบ้านเรือนกลับมาอยู่อาศัยได้ตามปกติ”

สำหรับการจัดสรรเงินช่วยเหลือ

คณะทำงานฝ่ายพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยได้ดำเนินการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม โดยให้ความสำคัญกับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่บ้านเรือนได้รับความเสียหายทั้งหลัง

นอกจากอำเภอเวียงแก่นแล้ว

ยังมีอีก 2 อำเภอที่ได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติม ได้แก่ อำเภอแม่สาย และอำเภอแม่ฟ้าหลวง ซึ่งรวมแล้วมีผู้ได้รับการช่วยเหลือจำนวน 43 ครัวเรือน ด้วยวงเงินรวม 1,940,000 บาท

นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า “จังหวัดเชียงรายยังคงเดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันบริจาคเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ทำให้เราสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที”

สำหรับยอดเงินบริจาคของกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ปี 2567

ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 3,245,716.42 บาท และล่าสุดได้รับเงินบริจาคจากบริษัท ไทยยามาฮ่า ร่วมกับสินธานีกรุ๊ป เพิ่มเติมอีก 200,000 บาท

การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้

สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูและพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เดินหน้าสร้างฝายฯ แก้ไขภัยแล้ง ผนึกกำลัง ทต.ม่วงยาย และอบต.ปอ

 

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 เวลา 11.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วยนายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการ นายก อบจ.เชียงราย นางนิตยา ยาละ สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย อ.เวียงแก่น สิบเอกวิมล รู้ทำนอง ผอ.กองยุทธศาสตร์และงบประมาณ รักษาราชการแทน ผอ.กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หัวหน้าส่วนราชการ และบุคลากรกองป้องกันฯ อบจ.เชียงราย ลงพื้นที่บ้านยายเหนือ ต.ม่วงยาย อ.เวียงแก่น ร่วมสร้างฝายชะลอและฝายดักตะกอน

 

เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งปัญหาอุทกภัย ฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำ คืนความชุ่มชื้นสู่ระบบนิเวศในพื้นที่ โดยมีนายอภิธาร ทิพย์ตา นายก ทต.ม่วงยาย นายนรเศรษฐ์ กมลาสน์กมุท นายก อบต.ปอ ผู้นำท้องที่ ร่วมให้การต้อนรับ และร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งปัญหาอุทกภัยอย่างมีส่วนร่วม และอนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำจังหวัดเชียงราย ระหว่าง อบจ.เชียงราย ทต.ม่วงยาย และ อบต.ปอ
 
.
โดยบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งปัญหาอุทกภัยอย่างมีส่วนร่วมและอนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำจังหวัดเชียงรายระหว่าง อบจ.เชียงราย ทต.ม่วงยาย และ อบต.ปอ จัดทำขึ้นเพื่อสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปัญหาอุทกภัยอย่างมีส่วนร่วม และอนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำจังหวัดเชียงราย โดยตระหนักถึงความมั่นคงยั่งยืน และดุลยภาพของระบบนิเวศ วัฒนธรรมล้านนา รวมทั้งให้ความสำคัญต่อการผสมผสานเทคนิควิทยาพื้นบ้าน จารีตประเพณี ศักยภาพ องค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย ได้ขับเคลื่อนและขยายผลการดำเนินงานตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562 จนถึงปัจจุบัน เกิดความร่วมมือกันจากหลากหลายองค์กรและภาคีเครือข่าย ทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หมู่บ้านและชุมชน ด้วยการ
 
 
บูรณาการร่วมกันทั้งแผนงานโครงการ งบประมาณ และบุคลากร โดยมีแผนปฏิบัติงานสำคัญได้แก่
การสร้างฝายชะลอความชุ่มชื้น การแสวงหาแนวทางการผลิตอาหารปลอดภัย และเกษตรกรรมยั่งยืน การขยายตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News