Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ปศุสัตว์เชียงรายเร่งตรวจสอบสาเหตุควายตายจำนวนมากในเวียงหนองหล่ม

ปศุสัตว์เชียงรายเร่งตรวจสอบสาเหตุควายตายจำนวนมากในพื้นที่เวียงหนองหล่ม

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 นายสัตวแพทย์พืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย นำทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ เวียงหนองหล่ม ซึ่งเป็นพื้นที่ทุ่งหญ้าและแหล่งน้ำสาธารณะที่ครอบคลุมหลายตำบล ได้แก่ ตำบลจันจว้า ตำบลจันจว้าใต้ ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน และตำบลโยนก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย หลังจากได้รับรายงานว่าในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ควายของเกษตรกรในพื้นที่ป่วยและตายจำนวนมากกว่า 200 ตัว นับตั้งแต่เดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน 2567

การตรวจสอบและสันนิษฐานเบื้องต้น

จากการลงพื้นที่และเก็บตัวอย่างเลือดไปตรวจสอบ ทางศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคเหนือตอนบน จังหวัดลำปาง ได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ไม่พบโรคระบาดที่ชัดเจน พบเพียงอาการ เลือดจาง ตับวาย และพยาธิในกระเพาะอาหาร สาเหตุที่สันนิษฐานเบื้องต้นคือ การขาดแคลนอาหาร เนื่องจากพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งต่อเนื่องกับน้ำท่วม ทำให้แหล่งอาหารและระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงไป

นายสัตวแพทย์พืชผล กล่าวว่า เวียงหนองหล่ม เป็นพื้นที่เลี้ยงควายขนาดใหญ่ มีจำนวนควายกว่า 2,000 ตัว ที่เกษตรกร 51 รายเลี้ยงอยู่ เมื่อมีการขุดลอกพื้นที่ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ทุ่งหญ้าที่เคยใช้เลี้ยงสัตว์กลายเป็นพื้นที่ที่ถูกขุดลอก ส่งผลให้ควายขาดแหล่งอาหารและน้ำดื่ม

ความพยายามในการช่วยเหลือของหน่วยงานต่างๆ

ตั้งแต่ปี 2565 ทาง กรมปศุสัตว์ ชลประทาน และเทศบาลตำบลจันจว้า ได้ร่วมมือกันจัดโครงการสนับสนุนเกษตรกร เช่น จัดหาหญ้าแห้งเป็นอาหารสัตว์ ฉีดวัคซีน และถ่ายพยาธิ อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 พื้นที่กลับต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมเพิ่มเติม ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลง เกษตรกรหลายรายรายงานว่าควายของพวกเขาป่วยและตายจากการขาดแคลนอาหารและสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม

ในครั้งนี้ นายสัตวแพทย์พืชผลได้นำทีมเข้าตรวจเลือดควายเพิ่มเติมเพื่อ ตรวจสอบโรคระบาดและอาการแทรกซ้อน ที่อาจเกิดจากพยาธิในทางเดินอาหาร พร้อมทั้งทำการถ่ายพยาธิและให้ยาบำรุงเพื่อรักษาสัตว์ที่ป่วย

แผนการแก้ไขปัญหาและการติดตามช่วยเหลือ

นายสัตวแพทย์พืชผล ยืนยันว่า ทางหน่วยงานปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยตั้งแต่เกิดปัญหาขาดแคลนอาหาร ทางเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดหาหญ้าแห้งและส่งหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่เข้าไปดูแลฝูงควายที่ป่วยแต่ละตัวอย่างใกล้ชิด

นายพืชผลกล่าวเพิ่มเติมว่า อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้ส่งทีมสัตวแพทย์เคลื่อนที่เข้ามาเพื่อให้การรักษาควายที่ป่วย และติดตามการฟื้นฟูสุขภาพของสัตว์อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการรักษาเป็นรายกรณีเพื่อให้ควายสามารถกลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้ง

มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาด

เนื่องจากพื้นที่เวียงหนองหล่มเป็นพื้นที่เปิดที่กว้างใหญ่ ทำให้การควบคุมการเข้าออกของคนและสัตว์เป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตาม ทางด่านกักกันสัตว์เชียงรายได้ เข้ามาทำความสะอาดและพ่นยาฆ่าเชื้อทั่วพื้นที่ รวมถึงการจัดการให้พื้นที่มีความปลอดภัยในการเลี้ยงสัตว์ ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคระบาดที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสัตว์และเกษตรกรในระยะยาว

ความหวังในการฟื้นฟูและสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน

นายพืชผลกล่าวสรุปว่า เป้าหมายของการลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ยังเป็นการวางแผนเพื่อ ฟื้นฟูระบบนิเวศ และแหล่งอาหารให้กลับมาเป็นปกติในระยะยาว เพื่อให้เกษตรกรสามารถกลับมาเลี้ยงสัตว์ได้อย่างยั่งยืน และลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาในอนาคต

“การรักษาควายแต่ละตัวที่ป่วย เราจะให้การดูแลเฉพาะรายไป และหวังว่าด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน เราจะสามารถฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้” นายพืชผลกล่าวปิดท้าย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สํานักงานปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พัฒนาเวียงหนองหล่ม ปล่อยปลา แสนตัว พร้อมปลูกต้นไม้ 200,000 ต้น

 

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 67 ณ โครงการพัฒนาแก้มลิงเวียงหนองล่มพร้อมอาคารประกอบ ตำบลจันจว้า อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ว่าที่ ร.ต. ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนา 72 สายน้ำ อย่างยั่งยืน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อเฉลิมพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำ บรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน รวมถึงสร้างการรับรู้ให้ผู้ใช้น้ำเกิดความตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรน้ำ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนจิตอาสาร่วมพิธี

 

โครงการพัฒนา 72 สายน้ำ อย่างยั่งยืน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่าง 5 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินการขุดลอกคลองส่งน้ำ จำนวน 30 แห่ง ขุดลอกอ่างเก็บน้ำ จำนวน 14 แห่ง และก่อสร้างแหล่งน้ำและระบบส่งน้ำ เพื่อชุมชนและพื้นที่ห่างไกล จำนวน 28 แห่ง และได้ Kick off ถ่ายทอดสัญญาณพิธีเปิดพร้อมกัน 28 แห่งทั่วประเทศ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีเปิดได้ร่วมกันปลูกต้นไม้ ปล่อยพันธุ์ปลาตะเพียนจำนวน 72,000 ตัว ปลูกหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ และร่วมกันหว่านหญ้าบริเวณพื้นที่เวียงหนองหล่ม เพื่อสร้างเป็นแหล่งอาหารให้กับโค กระบือ ในพื้นที่

 

สำหรับ เวียงหนองหล่ม เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 14,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ 4 ตำบล โดยโครงการชลประทานเชียงราย ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนพัฒนาแหล่งน้ำ มุ่งเน้นสร้างศักยภาพทางด้านน้ำอย่างยั่งยืน ด้วยการดำเนินโครงการพัฒนาแก้มลิงเวียงหนองหล่มพร้อมอาคารประกอบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บกักน้ำให้ได้มากยิ่งขึ้น หากโครงการฯ ดำเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถเพิ่มปริมาณเก็บกักน้ำได้ถึง 20 ล้านลูกบาศก์เมตร สนับสนุนพื้นที่เกษตรกรรม 11,000 ไร่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ช่วยสร้างรายได้เชิงท่องเที่ยวให้กับชุมชนได้อีกทางหนึ่งด้วย

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

กรมชลประทาน ขุดลอกเวียงหนองหล่มเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำและพื้นที่สีเขียว

 
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 นายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ได้เข้าไปฟื้นฟู “เวียงหนองหล่ม” ในด้านการจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อเป้าหมายการเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำและพื้นที่สีเขียว ภายใต้แผนหลักการพัฒนา ฟื้นฟู และอนุรักษ์เวียงหนองหล่ม โดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ซึ่งหนึ่งในแผนงานที่สำคัญ คือ
 

โครงการขุดลอกเวียงหนองหล่ม เป็นการขุดลอกตะกอนดินประมาณ 2,500 ไร่ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเก็บกักน้ำให้มากขึ้น สนับสนุนความต้องการใช้น้ำของประชาชนในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง ทั้งด้านการอุปโภคบริโภการเกษตร และการปศุสัตว์ ได้อย่างเพียงพอ ปัจจุบันแก้มลิงแห่งนี้เก็บกักน้ำได้เพียง 8 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาให้เก็บน้ำได้เพิ่มเป็น 20 ล้าน ลบ.ม. โครงการดังกล่าวมีแผนดำเนินงานในปีงบประมาณ 2565-2568 ซึ่งกรมชลประทานได้เข้าไปดำเนินการขุดลอกตามรูปแบบรายการที่เทศบาลตำบลจันจว้าได้ทำการประชาคมร่วมกับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงควายในพื้นที่ด้วย

การขุดลอกตะกอนดินได้ดำเนินการขุดไปแล้วประมาณ 5 ล้าน ลบ.ม. จากแผน 12 ล้าน ลบ.ม. และกำลังดำเนินการในส่วนที่เหลืออย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้

 
 นอกจากนี้ กรมชลประทาน ยังได้วางแผนช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงควาย ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนในพื้นที่ โดยได้ทำการปรับพื้นที่แหล่งน้ำให้มีความลาดเอียง (SLOPE) เพื่อให้ควายสามารถเดินขึ้น–ลงแหล่งน้ำได้ พร้อมทั้งนํารถเกรดเดอร์เปิดทางเดินเข้าสู่แหล่งอาหารในพื้นที่ นอกจากนี้ยังได้วางแผนปลูกพืชอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างโครงการชลประทานเชียงราย ปศุสัตว์จังหวัด และเทศบาลจันจว้า ที่ได้วางแผนการปลูกพืชอาหารสัตว์ออกเป็น

2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 การปรับพื้นที่บริเวณจุดทิ้งดินให้เป็นแปลงเพาะพันธุ์หญ้าประมาณ 50 ไร่ โดยมีนายอำเภอแม่จัน เป็นประธานการดำเนินกิจกรรม พร้อมจัดทำ MOU ร่วมกับสมาชิกปางควายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานดังกล่าว

ส่วนระยะที่ 2 จะทำการเพาะปลูกหญ้าอีกประมาณ 400 ไร่ เพื่อนําไปขยายผลให้แก่กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงควายในระยะยาวต่อไป จะช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแหล่งอาหารเลี้ยงควาย นอกจากนี้ ทางศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เชียงราย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย ปศุสัตว์อำเภอแม่จัน และเทศบาลตำบลจันจว้า ได้ร่วมกันมอบหญ้าแห้งสำรองให้แก่กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงควายบริเวณเวียงหนองหล่ม จำนวน 8,000 กิโลกรัม เพื่อเป็นคลังเสบียงอาหารสัตว์ในการดูแลสัตว์เลี้ยงต่อไป

 

ซึ่ง “เวียงหนองหล่ม” แหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ 14,091 ไร่ ในเขต อ.แม่จัน และ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ซึ่งในอดีตเวียงหนองหล่มเป็นแหล่งน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่ใช้ประโยชน์ตามวิถีวัฒนธรรม มีการประกอบอาชีพประมงพื้นถิ่นและการเลี้ยงควายเป็นหลัก แต่ในระยะเวลาต่อมาแหล่งน้ำดังกล่าวกลับมีสภาพตื้นเขิน เนื่องจากการสะสมของตะกอนดินและปัญหาวัชพืชอย่าง ไมยราบยักษ์ ที่แผ่อาณาเขตปกคลุมทั่วหนองน้ำ จนไม่สามารถเก็บกักน้ำได้และเกิดความแห้งแล้งในพื้นที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมชลประทาน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

มฟล.ร่วมท้องถิ่นประกาศอนุรักษ์ เวียงหนองหล่ม จุดท่องเที่ยว “สายมู”

 

เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2567 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ร่วมกับ เทศบาล ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย จัดให้มีพิธี “ฟื้นใจเวียงหนองด้วยศรัทธา สืบชะตาป่าต้นอั้น” ณ ปางควาย หมู่บ้านป่าสักหลวง ต.จันจว้า ภายในพื้นที่ “เวียงหนองหล่ม” ซึ่งมีการอนุรักษ์พืชเรียกว่า “ต้นอั้น” ซึ่งเป็นไม้ท้องถิ่นที่เชื่อกันว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ใช้ในการทำของชลังด้วย ทั้งนี้มีมีลักษณะคล้ายป่าโกงกางแต่อยู่ในน้ำจืด และเคยมีอยู่อย่าหนาแน่นในเวียงหนองหล่ม โดยในพิธีมีการทำบุญพระสงฆ์และมีการสืบชะตาป่าต้นอั้น ขบวนสักการะบูรพกษัตริย์อาณาจักรโยนกนาคพันธุ์สิงหนวัติซึ่งเคยตั้งอยู่ที่เวียงหนองหล่มดังกล่าวและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และมีการกล่าวโองการฟื้นใจเวียงหนอง เปิดป้ายโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ พื้นที่อนุรักษ์ป่าต้นอั้น ดังกล่าวด้วย

 
 
จากนั้นนายทนงศักดิ์ ทองแสน นายกเทศมนตรี ต.จันจว้า ในฐานะประธานในพิธี และ รศ.ดร.พลวัฒ ประพัฒน์ทอง หัวหน้าโคงการวิจัยภูมิทัศน์ของตำนานพื้นที่แอ่งเชียงแสน มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และคณะได้ร่วมกันประกาศให้เวียงหนองหล่มเป็น “สถานะบุคคลทางวัฒนธรรมเวียงหนองหล่ม” โดยมีสัญลักษณ์เป็นการการผูกผ้าบนเสาใจเมืองเวียงหนองที่ตั้งอยู่ตรงพื้นที่อนุรักษ์ป่าต้นอั้นดังกล่าวพร้อมมีการโปรยข้าวตอกดอกไม้เป็นสัญลักษณ์ว่าพื้นที่แหง่นี้จะได้รับการอนุรักษ์ต่อไป
 
 
นายทนงศักดิ์ กล่าวว่า เวียงหนองหล่มมีตำนานและประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน รวมทั้งมีธรรมชาติโดยเฉพาะแหล่งน้ำและต้นไม้คือะต้นอั้นที่บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีการบุกรุกจนกลายเป็นปัญหาที่หมักหมมม ดังนั้นทางท้องถิ่นจึงยินดีอย่างมากที่ทาง มฟล.ได้เข้าไปร่วมในการอนุรักษ์เพราะพื้นที่แห่งนี้รายล้อมด้วยประชากรที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมมากถึง 90% เดิมมีมีพื้นที่กว่า 20,000 ไร่ แต่เพราะแนวเขตไม่ชัดเจนทำให้ในปัจจุบันเหลืออยู่เพียงแค่ประมาณ 15,000 ไร่ รวมทั้งยังมีคดีฟ้องร้องกันระหว่างเทศบาลและเอกชนที่พยายามจะเข้าไปครอบครองอีกกว่า 3-4 ราย
 
 
รศ.ดร.พลวัฒ กล่าวว่า การประกาศครั้งนี้ถือเป็นการเริ่มต้นร่วมกันฟื้นฟูเวียงหนองหล่ม และหลังจากนี้ก็จะร่วมกับชาวบ้านในการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพราะเวียงหนองหล่มถือเป็นสถานที่ที่มีตำนานและประวัติศาสตร์ ชาวบ้านก็มีวัฒนธรรมประเพณีที่มีเอกลักษณ์ การส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยเฉพาะ “สายมู” จะสามารถควบคู่ไปกับการฟื้นฟูและอนุรักษ์เวียงหนองหล่มในอนาคตได้เป็นอย่างดี
 
 
รายงานข่าวแจ้งว่า “เวียงหนองหล่ม” มีตำนานว่าเป็นที่ตั้งของอาณาจักรโยนกนาคพันธุ์สิงหนวัติและในวันเสาร์ เดือน 7 แรม 7 ค่ำ พ.ศ.1003 หรือมากกว่า 1,500 ปีมาแล้ว ชาวบ้านได้จับปลาไหลเผือกแล้วนำมาแบ่งกันกินยกเว้นแม่หม้ายคนหนึ่ง ต่อมาเมืองได้สล่มสลายลงกลายเป็นหนองน้ำ มีเพียงแม่หม้ายคนดังกล่าวที่รอดตายป้จจุบันยังมีเกาะอยู่กลางน้ำเรียกว่าเกาะแม่หม้าย
 
 
อย่างไรก็ตาม คาดการกันว่าน่าจะเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวในอดีต ขณะที่ในยุคปัจจุบันมีชาวบ้านเข้าไปใช้ประโยขน์เลี้ยงกระบือหรือควาย ทำประมง ฯลฯ แต่ก็มีผู้เอกชนซึ่งบางรายเป็นรายใหญ่และมีนามสกุลชื่อดังเข้าไปถือครองโดยรอบเวียงหนองหล่ม หลังเกิดการฟ้องร้องบางรายยอมคืนที่ดินให้กับเทศบาลแต่บางรายยังสู่คดีกันอยู่
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ปศุสัตว์เชียงราย เร่งแก้ปัญหา กระบือขาดแหล่งอาหาร “เวียงหนองหล่ม”

 

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย สำนักงานปศุสัต์อำเภอแม่จัน ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เชียงราย เทศบาลตำบลจันจว้า อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย สำนักงานชลประทานเชียงราย และฝ่ายปกครองอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย นำหญ้าอัดก้อน จำนวน 8,000 กิโลกรัม ส่งมอบให้กับ กลุ่มปางควายผู้เลี้ยงกระบือในพื้นที่เวียงหนองหล่ม ณ ปางควายบ้านต้นบาง หมู่ที่ 7 ตำบลจันจว้า อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรกลุ่มปางควายฯ

 

เนื่องจากในพื้นที่ประสบปัญหาจากภัยแล้งอย่างรุนแรง และ ในพื้นที่เวียงหนองหล่ม มีการก่อสร้างแหล่งเก็บกักน้ำ ของกรมชลประทาน จึงทำให้แหล่งอาหาร หรือหญ้าสำหรับเลี้ยงกระบือไม่เพียงพอต่อจำนวนกระบือที่มากถึง 1,700 ตัว
 
 
ทั้งนี้ทางทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีทำการขนลำเลียงหญ้าอัดก้อน จาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เชียงราย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ยังพื้นที่ประสบปัญหา หลังจากที่ได้รับการร้องขอจาก กลุ่มปางควายผู้เลี้ยงกระบือในพื้นที่เวียงหนองหล่ม
 
 
นายพืชผล น้อยยาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าว เป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน หลังจากที่ทางส่วนงานที่เกี่ยวข้องก็ได้มีการประชุมวางแผน เพื่อช่วยเหลือกระบือทันที และอนาคตเตรียมดำเนินการแก้ไขปัญหาระยะยาวในการที่จะสร้างแหล่งอาหารใหม่ ให้กับกระบือ ด้วยการทำแปลงสาธิตการปลูกหญ้ารูซี่ จากนั้นจะกระจายไปในพื้นที่ เพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนประชากรของกระบือ ซึ่งการแก้ไขปัญหาระยะยาวก็จะติดปัญหาเรื่องกระบือขาดแคลนอาหารลงได้
 
 
อย่างไรก็ตามทุกหน่วยงานในพื้นที่ มุ่งที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ที่กระบือขาดแหล่งอาหาร ซึ่งจะได้มีการประสานงานกับทาง กลุ่มปางควายผู้เลี้ยงกระบือในพื้นที่เวียงหนองหล่ม เพื่อเข้าถึงปัญหาโดยเร็ว.
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News