Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายเลือกตั้งคึกคัก 2 ทีมใหญ่ชิงนายกเทศมนตรี

สนามเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงรายคึกคัก! เปิดรับสมัครวันแรกสองทีมใหญ่ลงชิงชัย

เชียงราย, 31 มีนาคม 2568 – บรรยากาศที่สำนักงานเทศบาลนครเชียงรายเต็มไปด้วยความคึกคัก ในวันแรกของการเปิดรับสมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) ทั้ง 4 เขต รวม 24 คน โดยมีผู้สมัครเดินทางมาเตรียมพร้อมรอสมัครตั้งแต่เช้าก่อนเวลาเปิดรับสมัครในเวลา 08.30 น.

สองทีมใหญ่เปิดศึกชิงตำแหน่ง

การเลือกตั้งในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีสองทีมหลักที่ประกาศลงสมัครแข่งขัน ได้แก่ ทีมของ นายวันชัย จงสุทธานามณี อดีตนายกเทศมนตรีนครเชียงราย และ ทีมของ พรรคประชาชน นำโดย นายศราวุธ สุตะวงค์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ซึ่งต่างก็ประกาศเจตนารมณ์ในการพัฒนาเชียงรายอย่างเต็มที่

การจับสลากหมายเลขสมัคร

เมื่อถึงเวลาเปิดรับสมัคร ทั้งสองทีมไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องหมายเลขสมัคร ทำให้ พ.จ.อ.อัษฎางค์ วิเศษวงศ์ษา ปลัดเทศบาลนครเชียงราย ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้ง ต้องให้มีการจับสลากเพื่อกำหนดหมายเลขสมัคร ผลการจับสลากปรากฏว่า

  • นายศราวุธ สุตะวงค์ จากพรรคประชาชน จับได้ หมายเลข 1 ท่ามกลางเสียงเฮจากกองเชียร์ที่มาร่วมให้กำลังใจ
  • นายวันชัย จงสุทธานามณี ได้รับ หมายเลข 2 พร้อมทีมสมาชิกสภาเทศบาลที่ได้รับหมายเลข 7-12
  • ขณะที่ ทีมของพรรคประชาชน ทีมสมาชิกสภาเทศบาลได้รับหมายเลข 1-6 ตามลำดับ

นโยบายและวิสัยทัศน์ของผู้สมัคร

นายวันชัย จงสุทธานามณี ระบุว่า เขามุ่งเน้นการสานต่อโครงการพัฒนาเมืองเชียงรายที่ได้ริเริ่มไว้ในช่วงดำรงตำแหน่งก่อนหน้านี้ โดยมีเป้าหมายในการสร้างรายได้เสริมให้กับประชาชน เพิ่มโครงสร้างพื้นฐาน และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นจุดเด่นของจังหวัดเชียงราย

นายศราวุธ สุตะวงค์ จากพรรคประชาชน ชูนโยบาย “4 เสาหลัก” ในการพัฒนาเชียงราย ประกอบด้วย:

  1. เศรษฐกิจดี – ส่งเสริมการค้าขายให้มีความต่อเนื่องตลอดทั้งปี
  2. เชียงรายปลอดภัย – สร้างความมั่นคงในด้านชีวิต ความเป็นอยู่ และการลงทุน
  3. สุขภาวะที่ดี – ประชาชนทุกกลุ่มวัยสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพ
  4. เชียงรายเมืองเดินได้ – ปรับปรุงโครงสร้างเมืองให้เอื้อต่อการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยว

บรรยากาศการเลือกตั้ง

กองเชียร์ของทั้งสองทีมต่างส่งเสียงเชียร์ มอบพวงมาลัยและดอกกุหลาบแดงให้กำลังใจผู้สมัครของตนอย่างคึกคัก ขณะที่เจ้าหน้าที่เทศบาลนครเชียงรายได้อำนวยความสะดวกให้กับผู้สมัครและประชาชนที่เดินทางมาร่วมให้กำลังใจอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง

จากการสำรวจข้อมูลการเลือกตั้งท้องถิ่นในประเทศไทย พบว่าในช่วงปี 2565-2567 มีอัตราการใช้สิทธิ์เลือกตั้งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 65-70% โดยเฉพาะการเลือกตั้งในเขตเมืองที่มีการแข่งขันสูงมักมีผู้มาใช้สิทธิ์มากขึ้น การเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงรายในครั้งนี้ คาดการณ์ว่าประชาชนจะออกมาใช้สิทธิ์อย่างคึกคัก เนื่องจากมีผู้สมัครที่มีชื่อเสียงและมีฐานเสียงสนับสนุนอย่างแข็งแกร่ง

ทัศนคติและความคิดเห็นที่แตกต่าง

  • ฝ่ายสนับสนุนทีมวันชัย จงสุทธานามณี เชื่อว่าการมีผู้นำที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการบริหารเมืองจะสามารถสานต่อโครงการที่มีอยู่และพัฒนาเมืองเชียงรายให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
  • ฝ่ายสนับสนุนทีมศราวุธ สุตะวงค์ มองว่าการเปลี่ยนแปลงผู้นำและแนวทางการบริหารใหม่จะทำให้เกิดการพัฒนาที่หลากหลายและสามารถแก้ไขปัญหาที่ยังคงค้างคาอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับประชาชนในการเลือกผู้นำที่มีความสามารถ และพร้อมที่จะทำงานเพื่อประโยชน์สูงสุดของชุมชน การเลือกตั้งในครั้งนี้จะมีขึ้นในวันที่ 30 เมษายน 2568 ขอเชิญชวนประชาชนชาวเชียงรายออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงเพื่อกำหนดอนาคตของเมืองเชียงรายต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
  • สำนักงานเทศบาลนครเชียงราย
  • รายงานข่าวจากสื่อท้องถิ่นและสำนักข่าวหลัก
  • ข้อมูลการสำรวจจากศูนย์วิจัยการเลือกตั้งแห่งประเทศไทย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“กันน้ำท่วม” เชียงรายสำรวจ ขุดลอกแม่น้ำกกรับฝน

จังหวัดเชียงรายตรวจสอบโครงการขุดลอกแม่น้ำกกเพื่อป้องกันอุทกภัยในฤดูฝน

เชียงราย,26 มีนาคม 2568 – ที่จุดลงเรือท่าเรือเชียงราย เชิงสะพานแม่ฟ้าหลวง ตรงข้ามศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นำคณะเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจและตรวจสอบโครงการขุดลอกแม่น้ำกก เพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัยในฤดูฝนนี้

การสำรวจครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น นายกเทศมนตรีนครเชียงราย รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย ผู้อำนวยการเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเชียงราย และ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย รวมถึงเจ้าหน้าที่จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 15 เชียงราย

แนวทางการขุดลอกแม่น้ำกกเพื่อป้องกันอุทกภัย

นายชรินทร์ ทองสุข เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการสำรวจสภาพปัจจุบันของลำน้ำกกในเชิงลึก รวมถึงการตรวจสอบแนวป้องกันตลิ่งและสภาพการตื้นเขินของแม่น้ำ การขุดลอกแม่น้ำกกเป็นส่วนหนึ่งของแผนป้องกันอุทกภัยในระยะยาว ซึ่งขณะนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กองทัพบกและกรมชลประทาน ที่เพียงพอในการดำเนินการขุดลอกให้แล้วเสร็จก่อนฤดูฝนจะมาถึง

นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงการกำจัดซากต้นไม้ที่ยังคงตกค้างอยู่ในลำน้ำ ซึ่ง องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.) จะสนับสนุนเครื่องจักรกลเข้ามาช่วยดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

ผลกระทบจากอุทกภัยที่ผ่านมาและการป้องกันในอนาคต

ย้อนกลับไปในเดือนกันยายน 2567 จังหวัดเชียงรายเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่ ทำให้เกิดความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครเชียงรายและอำเภอแม่สาย ดังนั้น การขุดลอกแม่น้ำกกจะช่วยลดปัญหาการตื้นเขินของลำน้ำ เพิ่มความสามารถในการระบายน้ำ และลดความเสี่ยงจากน้ำท่วมในอนาคต

นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า โครงการขุดลอกแม่น้ำกกนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยป้องกันอุทกภัย แต่ยังเสริมศักยภาพการขนส่งสินค้าทางน้ำ และกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ลุ่มน้ำกก ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในจังหวัดเชียงรายโดยรวม

ความเห็นจากทั้งสองฝ่าย

  • ฝ่ายผู้บริหารและหน่วยงานรัฐ : มองว่าการขุดลอกแม่น้ำกกเป็นมาตรการเชิงรุกที่จำเป็นต่อการป้องกันอุทกภัย พร้อมยืนยันว่าการดำเนินการจะเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • ฝ่ายประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ : หลายฝ่ายสนับสนุนโครงการนี้ แต่ก็มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว รวมถึงต้องการให้มีการติดตามผลและประเมินความสำเร็จของโครงการอย่างใกล้ชิด

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในเดือนกันยายน 2567: กว่า 15 ตำบล ในอำเภอเมืองเชียงรายและอำเภอแม่สาย (แหล่งข้อมูล: สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย)
  • ความยาวของแม่น้ำกกที่มีการวางแผนขุดลอก: 12 กิโลเมตร (แหล่งข้อมูล: กรมเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเชียงราย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายจ่ายแล้วเงินล้างโคลนท่วม ครัวเรือนละหมื่น

จังหวัดเชียงรายจ่ายเงินค่าล้างโคลนให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม หลังคาเรือนละ 10,000 บาท

เชียงราย – 26 มีนาคม 2568 ที่อาคารเจียงแสน ศูนย์ประชุมนครเชียงราย (GMS) นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางมาตรวจความเรียบร้อยและร่วมแจกจ่ายเงินค่าล้างโคลนจำนวนครอบครัวละ 10,000 บาท ให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในเขตเทศบาลนครเชียงราย โดยมีผู้ได้รับการช่วยเหลือทั้งสิ้น 7,483 ครัวเรือน

การสนับสนุนงบประมาณเพื่อการฟื้นฟู

จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2567 จังหวัดเชียงรายได้ยื่นขอการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมจากรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งได้รับการอนุมัติเงินทดรองราชการในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด วงเงินรวม 300 ล้านบาท สำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ และค่าล้างทำความสะอาดดินโคลน รวมถึงซากวัสดุในที่อยู่อาศัย

ทั้งนี้ การจัดสรรงบประมาณแบ่งเป็น 134,776,273 บาท สำหรับอำเภอแม่สาย และ 157,370,976 บาท สำหรับอำเภอเมืองเชียงราย รวมทั้งสิ้น 292,143,249 บาท โดยจะดำเนินการแจกจ่ายให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 2 เมษายน 2568

เสียงจากฝ่ายปกครองและการดำเนินการต่อเนื่อง

นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่าการช่วยเหลือครั้งนี้ถือเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น แม้ว่าจังหวัดเชียงรายจะได้รับงบประมาณช่วยเหลือก่อนหน้านี้แล้วกว่า 100 ล้านบาท แต่ยังไม่เพียงพอเนื่องจากมีจำนวนผู้ได้รับผลกระทบมาก

ด้าน นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า เทศบาลนครเชียงรายได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในหลายด้าน ทั้งการฟื้นฟูและการเยียวยาเบื้องต้น แต่เนื่องจากงบประมาณท้องถิ่นมีจำกัด การได้รับการสนับสนุนเงินจากจังหวัดครั้งนี้จะช่วยให้การฟื้นฟูดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วขึ้น

นอกจากนี้ เทศบาลยังมีแผนการป้องกันระยะยาว โดยเตรียมโครงการก่อสร้างแนวตลิ่งตลอดแม่น้ำกก ระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำและป้องกันน้ำท่วมในอนาคต

ขั้นตอนการขอรับเงินค่าล้างโคลน

ประชาชนที่ได้รับสิทธิ์สามารถยื่นขอรับเงินได้โดยใช้เอกสารดังนี้:

  • บัตรประชาชนตัวจริงและสำเนาบัตรประชาชนที่รับรองสำเนาถูกต้อง
  • กรณีมอบอำนาจ ต้องมีสำเนาบัตรประชาชนของผู้มีสิทธิ์และผู้รับมอบอำนาจ พร้อมหนังสือมอบอำนาจที่ลงลายมือชื่อครบถ้วน
  • เอกสารทั้งหมดต้องยื่นต่อเจ้าหน้าที่ ณ จุดบริการที่กำหนด

ความเห็นที่เป็นกลางจากทั้งสองฝ่าย

  • ฝ่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ : ประชาชนส่วนใหญ่แสดงความขอบคุณต่อการสนับสนุนจากภาครัฐที่สามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้ทันเวลา อย่างไรก็ตาม หลายครัวเรือนยังคงกังวลเกี่ยวกับการฟื้นฟูในระยะยาว เนื่องจากการทำความสะอาดบ้านเรือนและการซ่อมแซมโครงสร้างยังคงต้องใช้เวลาและทรัพยากรเพิ่มเติม
  • ฝ่ายหน่วยงานรัฐ : ฝ่ายราชการยืนยันว่าพร้อมให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้งด้านการฟื้นฟูที่อยู่อาศัยและการเตรียมโครงการป้องกันน้ำท่วมในอนาคต นอกจากนี้ ยังเตรียมการขอรับงบประมาณเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดหาเครื่องใช้ในครัวเรือนและอุปกรณ์จำเป็นให้แก่ผู้ประสบภัยต่อไป

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งข้อมูล

  • จำนวนผู้ได้รับการช่วยเหลือในเขตเทศบาลนครเชียงราย: 7,483 ครัวเรือน (สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย)
  • งบประมาณที่ใช้ในการช่วยเหลือ: 292,143,249 บาท (สำนักงบประมาณจังหวัดเชียงราย)
  • ความเสียหายที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอเมืองและอำเภอแม่สาย: มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 500 ล้านบาท (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“อปพร.” ฮีโร่ ‘เชียงราย’ จัดงาน ยกย่องอาสาสมัครผู้เสียสละ

เชียงรายจัดกิจกรรมวัน อปพร. ประจำปี 2568 ยกย่องอาสาสมัครผู้เสียสละ สร้างขวัญกำลังใจ พร้อมเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายเพื่อรองรับภัยพิบัติในอนาคต

เชียงราย, 21 มีนาคม 2568 – ศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) จังหวัดเชียงราย ได้จัดกิจกรรมเนื่องใน “วัน อปพร.” ประจำปี 2568 อย่างเป็นทางการ ณ โดมศูนย์พักพิง ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 เชียงราย ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และผู้อำนวยการศูนย์ อปพร. จังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สมาชิก อปพร. และภาคีเครือข่ายด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง

เพื่อรำลึกถึงความเสียสละ และเสริมพลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานแนวหน้า

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติแก่เหล่าอาสาสมัคร อปพร. ที่ปฏิบัติภารกิจด้วยความเสียสละในการดูแลความปลอดภัยของประชาชนในยามเกิดภัยพิบัติ รวมถึงการสนับสนุนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในระดับชุมชนและท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นก่อนเกิดภัย ระหว่างเกิดภัย และหลังจากเกิดภัย

ในพิธีเปิดงาน นายชรินทร์ ทองสุข ได้อ่านสารจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เนื่องในวัน อปพร. ประจำปี 2568 ซึ่งกล่าวถึงความสำคัญของบทบาท อปพร. ในการเสริมสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยให้กับสังคม พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและประชาชนในการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

มอบรางวัลเชิดชูเกียรติอาสาสมัครดีเด่น ประจำปี 2567–2568

ในงานมีพิธีมอบรางวัลเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ที่มีผลงานโดดเด่นในการปฏิบัติหน้าที่ โดยมีการมอบรางวัลในประเภทต่าง ๆ ได้แก่

  • ศูนย์ อปพร. ดีเด่น ประเภทเทศบาลนคร ได้แก่ ศูนย์ อปพร. เทศบาลนครเชียงราย ซึ่งได้รับเงินรางวัล 15,000 บาท พร้อมโล่รางวัล โดยมีนายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย เป็นผู้แทนรับมอบ
  • รางวัล อปพร. ดีเด่น จำนวน 3 ราย ได้แก่
    1. นายอนุสรณ์ อินทวงศ์ (เทศบาลนครเชียงราย)
    2. นายมนัส ปินตา (เทศบาลตำบลดอนศิลา อำเภอเวียงชัย)
    3. นายบุญมี สีใจสา (องค์การบริหารส่วนตำบลสันกลาง อำเภอพาน)
  • รางวัลอาสาสมัครดีเด่น ประจำปี 2567 ได้แก่ นายนพพล ทาเนตร จากองค์การบริหารส่วนตำบลต้า อำเภอขุนตาล

การมอบรางวัลดังกล่าวไม่เพียงเป็นการแสดงความขอบคุณต่อผู้มีบทบาทสำคัญในพื้นที่ แต่ยังเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้เกิดแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิก อปพร. ทั่วทั้งจังหวัด

สานต่อความเข้มแข็ง สู่อนาคตการบริหารจัดการภัยพิบัติ

ในการกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดงาน นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวยกย่องบทบาทของ อปพร. ว่าเป็น “กลไกสำคัญของสังคมไทย” ที่ได้อุทิศตนในการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 46 ปี พร้อมกล่าวว่า “สิ่งสำคัญในวันนี้คือ การสร้างความพร้อมให้กับ อปพร. ทุกระดับ ให้มีทักษะความรู้ที่ทันสมัย มีระบบการฝึกอบรมที่ตอบโจทย์สถานการณ์ และสามารถปรับตัวได้ทันต่อภัยคุกคามรูปแบบใหม่ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติจากธรรมชาติหรือภัยที่เกิดจากมนุษย์”

เขาเน้นย้ำว่า “อปพร. ไม่ใช่เพียงผู้ช่วยเหลือยามเกิดภัย แต่ยังเป็นผู้สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และเป็นสะพานเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและประชาชนในการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน”

บทบาท อปพร. ต่อระบบความมั่นคงในระดับท้องถิ่น

ศูนย์ อปพร. นับเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการบริหารจัดการภัยพิบัติในระดับท้องถิ่น โดยปฏิบัติหน้าที่ทั้งการเฝ้าระวัง แจ้งเตือนภัย ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น จัดตั้งศูนย์พักพิง และประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐในการฟื้นฟูพื้นที่หลังเกิดเหตุ

ในระดับประเทศ มีอาสาสมัคร อปพร. ทั่วประเทศกว่า 1.2 ล้านคน (อ้างอิงจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, พ.ศ. 2566) โดยในจังหวัดเชียงรายมีสมาชิก อปพร. อยู่ทั้งสิ้นกว่า 7,500 คน ซึ่งถูกกระจายตัวตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งในเขตเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อดูแลและคุ้มครองชีวิตประชาชนในพื้นที่ห่างไกลที่มักจะเป็นจุดเสี่ยงภัยพิบัติ เช่น น้ำหลาก ดินถล่ม ไฟป่า และอุทกภัยซ้ำซาก

ความเห็นจากสองมุมมอง: สนับสนุน-ท้าทายการดำเนินงาน

ฝ่ายสนับสนุน มองว่า อปพร. เป็นพลังอาสาสมัครที่มีคุณค่าต่อสังคม โดยเฉพาะในช่วงเวลาวิกฤต อปพร. สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว และมีความใกล้ชิดกับประชาชนในชุมชน จึงสามารถดำเนินการช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ซึ่งแตกต่างจากหน่วยงานภาครัฐที่อาจใช้เวลานานกว่าในการจัดกำลังลงพื้นที่

ขณะที่ฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ ชี้ว่า การบริหารจัดการ อปพร. ในหลายพื้นที่ยังขาดระบบสนับสนุนด้านงบประมาณและอุปกรณ์ปฏิบัติงานที่เพียงพอ ทำให้อาสาสมัครต้องใช้ทรัพยากรส่วนตัวในการปฏิบัติภารกิจ รวมถึงบางพื้นที่ยังขาดการฝึกอบรมต่อเนื่อง ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการช่วยเหลือประชาชนลดลง

ข้อเสนอจากทั้งสองฝ่ายสะท้อนถึงความจำเป็นในการจัดสรรทรัพยากรอย่างเหมาะสม ควบคู่ไปกับการวางแผนพัฒนาศักยภาพของ อปพร. ให้ทันสมัยและมีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้นในระยะยาว

สถิติและข้อมูลอ้างอิง

  • จำนวนสมาชิก อปพร. ทั่วประเทศ: 1.2 ล้านคน
    ที่มา: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย, รายงานประจำปี พ.ศ. 2566
  • จำนวนสมาชิก อปพร. จังหวัดเชียงราย: ประมาณ 7,500 คน
    ที่มา: ศูนย์ อปพร. จังหวัดเชียงราย, สถิติ ณ วันที่ 1 มีนาคม 2568
  • ระยะเวลาดำเนินงานของ อปพร. ทั่วประเทศ: มากกว่า 46 ปี
    ที่มา: พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 และแก้ไขเพิ่มเติม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย  / ศูนย์ อปพร. จังหวัดเชียงราย / กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลนครเชียงรายพ่นละอองน้ำ ดักฝุ่นหลังน้ำท่วม สู้ PM2.5

เทศบาลนครเชียงรายเร่งสร้างละอองน้ำลดฝุ่น PM2.5 และฟื้นฟูหลังอุทกภัย

มาตรการเร่งด่วนเพื่อสุขภาพประชาชนและสิ่งแวดล้อมในเขตเทศบาล

เชียงราย, 7 มีนาคม 2568 – เทศบาลนครเชียงราย นำโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย และ นายธเนศ โกมลธง รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วยข้าราชการ เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ภาคีเครือข่าย และโรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊ค นำโดย นายแพทย์ณัฐชัย เครือจักร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊ค ได้ร่วมกันดำเนินมาตรการ พ่นละอองน้ำในเขตเทศบาลนครเชียงราย เพื่อลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมหลังอุทกภัยที่เพิ่งผ่านพ้นไป

แนวทางปฏิบัติและพื้นที่ดำเนินการ

มาตรการพ่นละอองน้ำของเทศบาลนครเชียงรายครอบคลุมพื้นที่ที่มีปัญหาฝุ่นละอองและได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยในช่วงเช้าได้มีการ ล้างถนนและดูดโคลนเลน ตามถนนสายหลักในเขตเมืองเชียงราย จากนั้นได้ดำเนินการพ่นละอองน้ำในจุดสำคัญ ได้แก่:

  • ถนนสิงหไคล (หน้ารพ.โอเวอร์บรุ๊ค)
  • บริเวณอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช
  • สวนตุงและโคมนครเชียงราย

นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายพื้นที่การพ่นละอองน้ำไปยังจุดที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่น และจุดที่มีค่าฝุ่นละออง PM2.5 สูง เพื่อให้มาตรการนี้สามารถช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วัตถุประสงค์ของโครงการพ่นละอองน้ำ

นายแพทย์ณัฐชัย เครือจักร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊ค กล่าวว่า การดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นการส่งเสริมสุขภาพของประชาชนโดยตรง เพราะฝุ่น PM2.5 เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจและโรคหัวใจ อีกทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

นอกจากประโยชน์ด้านสุขภาพแล้ว มาตรการพ่นละอองน้ำยังช่วย บรรเทาความร้อนในช่วงฤดูร้อน ทำให้ประชาชนรู้สึกสบายขึ้น และช่วยลดอุณหภูมิในเขตเมืองเชียงราย ซึ่งได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน

การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า: ถังน้ำจากภารกิจช่วยเหลืออุทกภัย

หนึ่งในแนวทางที่เทศบาลนครเชียงรายนำมาใช้คือการ ปรับใช้ถังน้ำขนาดใหญ่ที่เคยนำไปช่วยเหลือประชาชนในช่วงประสบอุทกภัย โดยนำกลับมาบรรจุน้ำสะอาดเพื่อใช้ในการพ่นละอองน้ำ ซึ่งช่วยลดการสิ้นเปลืองทรัพยากรและเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงาน

สถิติและข้อมูลเกี่ยวกับฝุ่น PM2.5 และผลกระทบต่อสุขภาพ

จากรายงานของ กรมควบคุมมลพิษ พบว่า จังหวัดเชียงรายเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุดในภาคเหนือ โดยในช่วงเดือนมีนาคม ค่าฝุ่น PM2.5 มีค่าเฉลี่ยสูงกว่า 80 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้ที่ 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

จากสถิติของ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ระบุว่า จำนวนผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นกว่า 35% ในช่วงเดือนที่มีค่าฝุ่น PM2.5 สูง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)

เสียงสะท้อนจากประชาชนต่อมาตรการพ่นละอองน้ำ

ฝ่ายสนับสนุนมาตรการ: ชาวเชียงรายหลายคนเห็นด้วยกับมาตรการพ่นละอองน้ำ โดยให้ความเห็นว่าเป็นแนวทางที่สามารถช่วยลดฝุ่นได้ในระยะสั้น และช่วยให้สภาพอากาศดีขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีผู้สัญจรและชุมชนหนาแน่น

นายสมพงษ์ ชาวเชียงราย ให้ความเห็นว่า พ่นละอองน้ำช่วยให้หายใจโล่งขึ้น ลดฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศ รู้สึกดีขึ้นเวลาขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านจุดที่มีการพ่นน้ำ”

ฝ่ายที่มีข้อกังวล: บางกลุ่มมองว่ามาตรการพ่นละอองน้ำเป็นเพียงการแก้ปัญหาชั่วคราวและไม่สามารถแก้ไขต้นเหตุของปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้อย่างถาวร โดยเฉพาะปัญหาหมอกควันจากการเผาป่าและการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศหลักของภาคเหนือ

นางสาวปรียานุช นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การพ่นละอองน้ำช่วยลดฝุ่นได้ชั่วคราว แต่ต้นเหตุของปัญหามาจากการเผาป่าและการเผาเศษวัสดุการเกษตร หากไม่แก้ไขที่ต้นตอ ปัญหาฝุ่น PM2.5 ก็จะกลับมาเหมือนเดิม”

แนวทางเพิ่มเติมในการจัดการปัญหาฝุ่น PM2.5

นักวิชาการและหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมเสนอว่า ควรมี มาตรการควบคุมการเผาในที่โล่ง และ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีลดควันในการเกษตร เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ การติดตั้ง เครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ในพื้นที่สาธารณะ และ การใช้รถบรรทุกน้ำฉีดพ่นถนนในพื้นที่ที่มีฝุ่นสะสมสูง ก็เป็นอีกทางเลือกที่ควรได้รับการพิจารณา

สรุป

มาตรการพ่นละอองน้ำของเทศบาลนครเชียงรายถือเป็นแนวทางเร่งด่วนที่สามารถช่วย ลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ ได้ในระยะสั้น และช่วยฟื้นฟูสภาพแวดล้อมหลังอุทกภัย อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนของมาตรการดังกล่าว และความจำเป็นในการจัดการต้นตอของปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างจริงจัง

ในระยะยาว การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อสร้างแนวทางที่สามารถลดฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย-ฮิโรชิมา จับมือ! แลกเปลี่ยนพัฒนาเมือง ยกระดับคุณภาพชีวิต

เชียงรายจับมือฮิโรชิมา แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน

พัฒนาเมืองแบบยั่งยืน สานต่อความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น

เชียงราย, 1 มีนาคม 2568 – คณะผู้แทนจากสมาคมมิตรภาพไทย-ฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับเทศบาลนครเชียงราย จัดประชุมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการพัฒนาเมือง การศึกษา และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อส่งเสริมแนวทางการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่นเพื่อการพัฒนาเมือง

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2568 เทศบาลนครเชียงราย นำโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมคณะผู้บริหาร ข้าราชการ ผู้อำนวยการโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครเชียงราย ได้ร่วมต้อนรับคณะผู้แทนจากสมาคมมิตรภาพไทย-ฮิโรชิมา นำโดย นายอะคึซึมิ ซูซูกิ นายกสมาคมมิตรภาพไทย-ฮิโรชิมา พร้อมด้วยคณะนักวิชาการจาก สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งมี รองศาสตราจารย์ ดร.อนุชาติ ศรีศิริวัฒน์ รองเลขาธิการ และ คุณจุไร ชำนาญ ประธานกรรมการประสานงานส่วนภูมิภาคภาค 9 เข้าร่วมประชุม

แนวทางความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเมืองเชียงราย

การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับแนวทางพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน โดยมีหัวข้อหลักที่ให้ความสำคัญ ได้แก่:

  1. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเมืองอย่างยั่งยืน
    • การปรับปรุงระบบขนส่งมวลชนให้มีประสิทธิภาพ
    • การพัฒนาพื้นที่สีเขียวและการบริหารจัดการขยะ
    • แนวทางลดมลพิษและส่งเสริมพลังงานสะอาด
  2. การยกระดับคุณภาพการศึกษา
    • การพัฒนาหลักสูตรที่เน้นทักษะอนาคต
    • การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอน
    • ความร่วมมือระหว่างโรงเรียนไทยและญี่ปุ่นในการแลกเปลี่ยนครูและนักเรียน
  3. การพัฒนาเศรษฐกิจและส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชน
    • ส่งเสริมธุรกิจท้องถิ่นและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
    • การฝึกอบรมแรงงานให้มีทักษะที่ตรงกับความต้องการของตลาด
    • การส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในเชียงรายให้สามารถแข่งขันในตลาดสากล
  4. การบริหารจัดการเมืองโดยใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ (Smart City)
    • การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาบริหารจัดการเมือง
    • ระบบข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
    • แนวทางป้องกันภัยพิบัติและการจัดการภาวะฉุกเฉิน

ผลกระทบและความคาดหวังจากความร่วมมือครั้งนี้

ความร่วมมือระหว่างเทศบาลนครเชียงรายและสมาคมมิตรภาพไทย-ฮิโรชิมา ถือเป็นก้าวสำคัญในการนำแนวปฏิบัติที่ดีจากประเทศญี่ปุ่นมาปรับใช้ในการพัฒนาเมืองเชียงราย โดยคาดหวังว่าการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในครั้งนี้จะเป็นต้นแบบให้กับชุมชนอื่น ๆ ในประเทศไทย

ข้อคิดเห็นจากสองมุมมอง

  • ฝ่ายที่สนับสนุน: มองว่าความร่วมมือนี้เป็นโอกาสที่ดีในการเรียนรู้แนวทางพัฒนาเมืองจากประเทศที่มีประสบการณ์อย่างญี่ปุ่น ซึ่งจะช่วยให้เชียงรายสามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเศรษฐกิจของเมืองได้อย่างยั่งยืน
  • ฝ่ายที่กังวล: มีความเห็นว่าการนำแนวทางจากต่างประเทศมาปรับใช้อาจต้องพิจารณาความเหมาะสมกับบริบทของท้องถิ่น และต้องมีการศึกษาให้รอบคอบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนในพื้นที่

สถิติที่เกี่ยวข้องกับข่าว

จากข้อมูลของ สำนักงานสถิติแห่งชาติ และ กระทรวงมหาดไทย พบว่า:

  • เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุดอันดับ 5 ของภาคเหนือในปี 2567
  • อัตราการพัฒนาทางการศึกษาในเขตเทศบาลนครเชียงรายเพิ่มขึ้น 12% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
  • ประชาชนในเขตเมืองเชียงรายมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น โดย 78% ของประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนสูงขึ้นจากปีก่อน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานสถิติแห่งชาติ / กระทรวงมหาดไทย / สมาคมมิตรภาพไทย-ฮิโรชิมา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ไฟไหม้บ้านนักสะสมเครื่องเสียง ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจนหลักฐาน

เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงไหม้บ้านที่เชียงราย ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 เวลา 12.46 น. ศูนย์สั่งการบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครเชียงราย ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านในบริเวณถนนวัดใหม่ หน้าค่าย ซอย 3 เขตเทศบาลนครเชียงราย โดยมีรายงานว่าไฟกำลังลุกไหม้ภายในบ้าน และควันพวยพุ่งขึ้นบนท้องฟ้า ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่มีบ้านชั้นเดียวอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว

นายธเนศ โกมลธง รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้มอบหมายให้ พ.จ.อ.ณัฏฐศรันย์ อินแสนสืบ หัวหน้าสำนักปลัด และนายประพันธ์ ช่างแก้ว หัวหน้าฝ่ายปกครอง จัดกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครเชียงราย พร้อมด้วยรถดับเพลิงและรถน้ำ พร้อมออกไปยังจุดเกิดเหตุในทันที

การเข้าระงับเหตุครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก พ.อ. สิงหนาท โลสุยะ เสธ.มทบ.37/เสธ.ศบภ.มทบ.37 ซึ่งได้นำรถบรรทุกน้ำขนาด 6000 ลิตรจำนวน 2 คัน และรถดับเพลิงขนาด 4,500 ลิตรจำนวน 1 คัน มุ่งหน้าไปยังที่เกิดเหตุเพื่อช่วยระงับเหตุไฟไหม้ในทันที โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการควบคุมเพลิงในวงจำกัด

รายละเอียดเหตุการณ์และการปฏิบัติการดับเพลิง

จากการสำรวจที่เกิดเหตุพบว่าเป็นบ้านชั้นเดียวที่มีไฟกำลังโหมลุกไหม้ภายในบ้าน และมีควันพวยพุ่งออกมาจากตัวบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการเปิดประตูม้วนด้านหน้าเพื่อเข้าถึงพื้นที่ที่เกิดเพลิงไหม้ และทำการควบคุมเพลิงในวงจำกัด การดำเนินการนี้ได้รับการสนับสนุนจากรถดูดโคลนที่มีน้ำแรงดันสูง ซึ่งช่วยสนับสนุนการดับไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เมืองเชียงราย ได้เข้ามาช่วยปิดกั้นการจราจรบริเวณจุดเกิดเพลิงไหม้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว การปิดกั้นการจราจรช่วยให้การเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุทำได้อย่างไม่มีอุปสรรค

ผลการปฏิบัติและความเสียหาย

จากการปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้สำเร็จเมื่อเวลา 13.30 น. โดยไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่ทรัพย์สินในบ้านได้รับความเสียหายอย่างหนัก รวมถึงตัวบ้านและโครงสร้างหลังคาของบ้านด้วย โดยเบื้องต้นทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของ นายอภิรมย์ ยาวิชัย อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านและบ้านเลขที่ 172/2 หมู่ 2 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย แต่ในขณะเกิดเหตุ เจ้าของบ้านไม่ได้อยู่ในบ้าน

สาเหตุและการตรวจสอบ

ทรัพย์สินที่เสียหายในบ้านส่วนใหญ่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า เช่น เครื่องเสียงและเครื่องเล่นเทป เนื่องจากเจ้าของบ้านเป็นนักสะสมของเก่าที่รักในสิ่งเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจภูธรเชียงราย เพื่อทำการตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ต่อไป

บทสรุป

เหตุการณ์เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นในเขตเทศบาลนครเชียงรายนี้ได้รับการควบคุมอย่างรวดเร็วโดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตในระหว่างเหตุการณ์ ทรัพย์สินที่เสียหายถูกประเมินว่าได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าและโครงสร้างของบ้าน ขณะนี้การตรวจสอบสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ยังคงดำเนินการอยู่ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์นี้.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มอบแว่นสายตาดีแก้ปัญหานักเรียนมองไม่ชัด เชียงราย 2568

สปสช.-เทศบาลนครเชียงราย มอบแว่นสายตาดี แก้ปัญหาการมองเห็นในนักเรียนม.ต้น

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 ณ หอประชุมพญามังราย โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. พร้อมด้วย ทพญ.ปาริชาติ ลุนทา ผอ.กลุ่ม สปสช. เขต 1 เชียงใหม่ ร่วมพิธีมอบแว่นสายตาดีใน โครงการแก้ไขปัญหาการมองเห็นไม่ชัดในนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ในสังกัดเทศบาลนครเชียงราย ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมี ดร.วันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย เป็นประธานในงาน

โครงการแก้ปัญหาสายตาผิดปกติในนักเรียน

ดร.วันชัย เปิดเผยว่า โครงการนี้ดำเนินการตามนโยบายของ สปสช. ที่มอบสิทธิประโยชน์ “แว่นตาสำหรับเด็กที่มีภาวะสายตาผิดปกติ” ภายใต้สิทธิสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เพื่อให้เด็กอายุ 3-15 ปี มีการมองเห็นที่ชัดเจน อันเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเรียนรู้

โครงการแก้ไขปัญหาการมองเห็นไม่ชัดในนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนเทศบาล 5 เด่นห้า และโรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย ได้ตรวจคัดกรองนักเรียนจำนวน 2,435 คน พบความผิดปกติของสายตา 737 ราย (ร้อยละ 30.27)

  • โรงเรียนเทศบาล 5 เด่นห้า: 120 คน (เลนส์สต๊อก 115 คน เลนส์แล็บ 5 คน)
  • โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย: 619 คน (เลนส์สต๊อก 599 คน เลนส์แล็บ 18 คน)

งบประมาณและเป้าหมายโครงการ

การตัดแว่นสายตาในโครงการนี้ใช้งบประมาณจากกองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลนครเชียงราย โดยตั้งเป้าหมายให้เด็กนักเรียนทุกคนที่มีปัญหาสายตาได้รับแว่นสายตาเพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต

ทพ.อรรถพร กล่าวว่า การมอบแว่นสายตาให้กับนักเรียนในปีนี้ถือเป็นของขวัญวันเด็ก (11 มกราคม 2568) ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนที่มีปัญหาสายตา สามารถเรียนรู้และใช้ชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น

ผลกระทบต่อการศึกษาและการพัฒนาเด็ก

ทพ.อรรถพร กล่าวเพิ่มเติมว่า การมีสายตาที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญในช่วงพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก หากสายตาไม่ดีจะส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้และพัฒนาการ

ดร.วันชัย ย้ำว่า เทศบาลนครเชียงรายมุ่งมั่นผลักดันให้เป็น “นครแห่งการศึกษา” ตั้งแต่ปี 2542 โดยมีโรงเรียนในสังกัดทั้งหมด 8 แห่ง มีนักเรียนรวมกว่า 8,000 คน โครงการนี้จึงเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ช่วยสนับสนุนวิสัยทัศน์ดังกล่าว

ขยายโอกาสให้ท้องถิ่นอื่น

ทพ.อรรถพร เชิญชวนท้องถิ่นที่ต้องการดำเนินโครงการคัดกรองและตัดแว่นสายตาให้เด็กและผู้สูงอายุ สามารถเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุน กปท. ที่ สปสช. ร่วมอุดหนุนได้ทุกปี

“การช่วยให้กลุ่มเด็กและผู้สูงอายุมีสายตาที่ดีขึ้น เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่สำคัญ โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในช่วงพัฒนาการเรียนรู้” ทพ.อรรถพร กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ฟื้นฟูลำน้ำกรณ์-หนองแสนตอ เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อเชียงรายยั่งยืน

เทศบาลนครเชียงรายเดินหน้าโครงการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานสีฟ้าและสีเขียว ลำน้ำกรณ์ หนองแสนตอ

เชียงราย – เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย นำทีมดำเนินโครงการฟื้นฟู “โครงสร้างพื้นฐานสีฟ้าและสีเขียว ลำน้ำกรณ์ บริเวณหนองแสนตอ” ในเขตเทศบาลนครเชียงราย โดยมีเป้าหมายพัฒนาเมืองสู่ความยั่งยืน พร้อมสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้ชีวิต สร้างงาน และเพิ่มรายได้ให้กับคนรุ่นใหม่ รวมถึงส่งเสริมการจัดการน้ำและเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ

การพัฒนาลำน้ำกรณ์ หนองแสนตอ: จุดมุ่งหมายเพื่อความยั่งยืน

โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) โดยมีผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายเข้าร่วม เช่น

  • นายภัคเกษม ธงชัย เจ้าหน้าที่แผนงานด้านน้ำและพื้นที่ชุ่มน้ำ
  • ดร.ภัทรียา สวนรัตนชัย หัวหน้าแผนงานประเทศไทย
  • คุณระวี ถาวร เจ้าหน้าที่รีคอฟ (แผนงานประเทศไทย)
  • นายฐปนันท์ จิระวิชิตชัย เจ้าหน้าที่ประสานงานโครงการจังหวัดเชียงราย

แนวคิด “โครงสร้างพื้นฐานสีฟ้าและสีเขียว”

แนวคิดนี้ผสานการจัดการน้ำและพื้นที่สีเขียวเข้าด้วยกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายหลายด้าน ได้แก่

  • ลดความเสี่ยงจากน้ำท่วม
  • ปรับปรุงคุณภาพน้ำ
  • เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อประโยชน์ของชุมชน

ลำน้ำกรณ์และหนองแสนตอถือเป็นแหล่งน้ำสำคัญในเขตเทศบาลนครเชียงราย โครงการนี้มุ่งเน้นการปรับปรุงคุณภาพน้ำ การจัดการน้ำฝน และการพัฒนาพื้นที่สีเขียวเพื่อเชื่อมโยงกับชุมชน สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

องค์ประกอบสำคัญในการฟื้นฟูพื้นที่สีฟ้าและสีเขียว

1.การพัฒนาสวนสาธารณะและป่าสมัยใหม่

  • สร้างพื้นที่สีเขียวที่ตอบโจทย์ทุกวัย
  • เลือกใช้พืชพื้นเมืองที่เหมาะสมเพื่อลดการใช้น้ำและการดูแลรักษา
  • เพิ่มเส้นทางเดินและวิ่งเพื่อออกกำลังกาย

2.การฟื้นฟูธรรมชาติและการสร้างระบบนิเวศสมดุล

  • จำลองระบบนิเวศป่าธรรมชาติ
  • หนองแสนตอมีความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น นกกว่า 45 ชนิด และพืชพรรณ 40 ชนิด

3.การออกแบบพื้นที่อย่างยั่งยืน (Sustainable Design)

  • เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
  • พัฒนาพื้นที่ให้เอื้อต่อการใช้งานในชุมชน

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

โครงการนี้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาเมืองยั่งยืน (Smart City) ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว ลดผลกระทบจากน้ำท่วม และสร้างรายได้ให้ชุมชน การอนุรักษ์ธรรมชาติในหนองแสนตอจะช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้สมดุล ส่งเสริมสุขภาพกายและจิตใจของประชาชน และช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการอยู่อาศัยในระยะยาว

นายกเทศมนตรีนครเชียงรายกล่าวว่า “โครงการนี้เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเมืองเชียงรายให้เป็นเมืองที่ยั่งยืน โดยเน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติและการมีส่วนร่วมของชุมชน”

บทบาทของ IUCN และการสนับสนุนโครงการ

IUCN ได้ประสานความร่วมมือกับเทศบาลนครเชียงราย เพื่อขับเคลื่อนการฟื้นฟูพื้นที่ลุ่มน้ำกรณ์ หนองแสนตอ พร้อมให้คำปรึกษาด้านเทคนิค และผลักดันการสร้างพื้นที่ที่มีคุณภาพชีวิตสูงและสมดุลกับธรรมชาติ

โครงการ “โครงสร้างพื้นฐานสีฟ้าและสีเขียว ลำน้ำกรณ์ หนองแสนตอ” นี้เป็นต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืนที่สามารถขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศไทย เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน และเป็นตัวอย่างของความสำเร็จในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในระดับชุมชน.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายจัดงานลอยกระทง ลอยสะเปา ล่องนที สะหลียี่เป็ง สืบสานวัฒนธรรม

เทศบาลนครเชียงรายเตรียมพร้อมจัดงานลอยกระทง “ลอยสะเปา ล่องนที สะหลียี่เป็ง” สืบสานประเพณีท้องถิ่น กระตุ้นการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา เทศบาลนครเชียงรายได้ประกาศจัดงาน ประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567 ภายใต้แนวคิด “ลอยสะเปา ล่องนที สะหลียี่เป็ง” โดยมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2567 ณ สวนสาธารณะริมน้ำกก (ฝั่งหมิ่น) เพื่อสืบสานและอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวเชียงราย พร้อมกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่

เน้นความปลอดภัยและรักษาสิ่งแวดล้อม

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า เทศบาลได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ในการจัดงานครั้งนี้ โดยเน้นการ รักษาความปลอดภัย และการ ควบคุมมาตรการด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถร่วมงานได้อย่างปลอดภัยและสบายใจ นอกจากนี้ยังได้จัดทำความสะอาดพื้นที่สวนสาธารณะและริมน้ำกก พร้อมตรวจสอบระบบไฟฟ้าและไฟส่องสว่าง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยสำหรับผู้เข้าร่วมงาน

กำหนดการจัดกิจกรรม

งานลอยกระทงปีนี้จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน โดยมีกิจกรรมที่หลากหลายให้ประชาชนได้เข้าร่วม ดังนี้:

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567

  • เวลา 17.00 น. เริ่มกิจกรรม ลอยสะเปา ล่องนที สะหลียี่เป็ง ณ วิหารวัดฝั่งหมิ่น
  • เวลา 18.30 น. พิธีเปิดโครงการจัดงานประเพณีลอยกระทง ณ สวนสาธารณะริมน้ำกก (ฝั่งหมิ่น)
  • เวลา 19.00 น. การประกวด หนูน้อยนพมาศ และการแสดงศิลปะวัฒนธรรมจากโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครเชียงราย

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2567

  • เวลา 17.00 น. เริ่มกิจกรรมลอยกระทง
  • เวลา 18.00 น. การประกวด กระทงใหญ่ ณ สวนสาธารณะริมน้ำกก (ฝั่งหมิ่น)
  • เวลา 19.00 น. การประกวด เทพีนพมาศ และการแสดงจากศิลปินชื่อดัง เต็นท์ พิชญา ยอดแสง และแพรว รัตนาพร นอสูงเนิน พร้อมด้วยวงดนตรีจากวิทยาลัยเทคนิคเชียงราย

กิจกรรมพิเศษ: ประกวดคลิปสั้นส่งเสริมการท่องเที่ยว

เทศบาลนครเชียงรายยังได้จัดกิจกรรม ประกวดคลิปวิดีโอสั้น ภายใต้หัวข้อ “แอ่วลอยกระทง ฮิมน้ำกก” โดยให้ประชาชนส่งผลงานความยาว 60-180 วินาทีเข้าร่วมประกวด เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างสรรค์กิจกรรมที่น่าสนใจ ผลงานที่ชนะจะได้รับ เงินรางวัล ดังนี้:

  • รางวัลที่ 1: 10,000 บาท
  • รางวัลที่ 2: 7,000 บาท
  • รางวัลที่ 3: 5,000 บาท
  • รางวัลที่ 4: 3,000 บาท
  • รางวัลที่ 5: 2,000 บาท
  • รางวัลชมเชย 5 รางวัล รางวัลละ 1,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร

ผู้ที่สนใจสามารถสมัครและส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 โดยปิดรับผลงานในเวลา 16.00 น.

ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและกระตุ้นเศรษฐกิจ

งานลอยกระทงในปีนี้ นอกจากจะเป็นการสืบสานวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวเชียงรายแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาเยี่ยมชมงานลอยกระทงที่จัดขึ้นอย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการจำหน่ายสินค้าและของฝากจากชุมชน ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เสริมในช่วงเทศกาล

มาตรการรักษาความปลอดภัยและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

เทศบาลนครเชียงรายได้วางแผนการจัดการเพื่อ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การเก็บขยะและกำจัดขยะหลังจบงาน โดยเน้นให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวใช้ กระทงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น กระทงจากใบตองหรือวัสดุธรรมชาติ เพื่อลดขยะพลาสติกและปกป้องแม่น้ำกกให้คงความสวยงาม

เทศบาลยังเน้นการ จัดระเบียบการจราจรและการจัดพื้นที่จอดรถ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวกและปลอดภัย โดยมีการจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยตลอดงาน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News