Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“อปพร.” ฮีโร่ ‘เชียงราย’ จัดงาน ยกย่องอาสาสมัครผู้เสียสละ

เชียงรายจัดกิจกรรมวัน อปพร. ประจำปี 2568 ยกย่องอาสาสมัครผู้เสียสละ สร้างขวัญกำลังใจ พร้อมเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายเพื่อรองรับภัยพิบัติในอนาคต

เชียงราย, 21 มีนาคม 2568 – ศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) จังหวัดเชียงราย ได้จัดกิจกรรมเนื่องใน “วัน อปพร.” ประจำปี 2568 อย่างเป็นทางการ ณ โดมศูนย์พักพิง ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 เชียงราย ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และผู้อำนวยการศูนย์ อปพร. จังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สมาชิก อปพร. และภาคีเครือข่ายด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง

เพื่อรำลึกถึงความเสียสละ และเสริมพลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานแนวหน้า

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติแก่เหล่าอาสาสมัคร อปพร. ที่ปฏิบัติภารกิจด้วยความเสียสละในการดูแลความปลอดภัยของประชาชนในยามเกิดภัยพิบัติ รวมถึงการสนับสนุนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในระดับชุมชนและท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นก่อนเกิดภัย ระหว่างเกิดภัย และหลังจากเกิดภัย

ในพิธีเปิดงาน นายชรินทร์ ทองสุข ได้อ่านสารจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เนื่องในวัน อปพร. ประจำปี 2568 ซึ่งกล่าวถึงความสำคัญของบทบาท อปพร. ในการเสริมสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยให้กับสังคม พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและประชาชนในการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

มอบรางวัลเชิดชูเกียรติอาสาสมัครดีเด่น ประจำปี 2567–2568

ในงานมีพิธีมอบรางวัลเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ที่มีผลงานโดดเด่นในการปฏิบัติหน้าที่ โดยมีการมอบรางวัลในประเภทต่าง ๆ ได้แก่

  • ศูนย์ อปพร. ดีเด่น ประเภทเทศบาลนคร ได้แก่ ศูนย์ อปพร. เทศบาลนครเชียงราย ซึ่งได้รับเงินรางวัล 15,000 บาท พร้อมโล่รางวัล โดยมีนายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย เป็นผู้แทนรับมอบ
  • รางวัล อปพร. ดีเด่น จำนวน 3 ราย ได้แก่
    1. นายอนุสรณ์ อินทวงศ์ (เทศบาลนครเชียงราย)
    2. นายมนัส ปินตา (เทศบาลตำบลดอนศิลา อำเภอเวียงชัย)
    3. นายบุญมี สีใจสา (องค์การบริหารส่วนตำบลสันกลาง อำเภอพาน)
  • รางวัลอาสาสมัครดีเด่น ประจำปี 2567 ได้แก่ นายนพพล ทาเนตร จากองค์การบริหารส่วนตำบลต้า อำเภอขุนตาล

การมอบรางวัลดังกล่าวไม่เพียงเป็นการแสดงความขอบคุณต่อผู้มีบทบาทสำคัญในพื้นที่ แต่ยังเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้เกิดแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิก อปพร. ทั่วทั้งจังหวัด

สานต่อความเข้มแข็ง สู่อนาคตการบริหารจัดการภัยพิบัติ

ในการกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดงาน นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวยกย่องบทบาทของ อปพร. ว่าเป็น “กลไกสำคัญของสังคมไทย” ที่ได้อุทิศตนในการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 46 ปี พร้อมกล่าวว่า “สิ่งสำคัญในวันนี้คือ การสร้างความพร้อมให้กับ อปพร. ทุกระดับ ให้มีทักษะความรู้ที่ทันสมัย มีระบบการฝึกอบรมที่ตอบโจทย์สถานการณ์ และสามารถปรับตัวได้ทันต่อภัยคุกคามรูปแบบใหม่ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติจากธรรมชาติหรือภัยที่เกิดจากมนุษย์”

เขาเน้นย้ำว่า “อปพร. ไม่ใช่เพียงผู้ช่วยเหลือยามเกิดภัย แต่ยังเป็นผู้สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และเป็นสะพานเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและประชาชนในการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน”

บทบาท อปพร. ต่อระบบความมั่นคงในระดับท้องถิ่น

ศูนย์ อปพร. นับเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการบริหารจัดการภัยพิบัติในระดับท้องถิ่น โดยปฏิบัติหน้าที่ทั้งการเฝ้าระวัง แจ้งเตือนภัย ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น จัดตั้งศูนย์พักพิง และประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐในการฟื้นฟูพื้นที่หลังเกิดเหตุ

ในระดับประเทศ มีอาสาสมัคร อปพร. ทั่วประเทศกว่า 1.2 ล้านคน (อ้างอิงจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, พ.ศ. 2566) โดยในจังหวัดเชียงรายมีสมาชิก อปพร. อยู่ทั้งสิ้นกว่า 7,500 คน ซึ่งถูกกระจายตัวตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งในเขตเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อดูแลและคุ้มครองชีวิตประชาชนในพื้นที่ห่างไกลที่มักจะเป็นจุดเสี่ยงภัยพิบัติ เช่น น้ำหลาก ดินถล่ม ไฟป่า และอุทกภัยซ้ำซาก

ความเห็นจากสองมุมมอง: สนับสนุน-ท้าทายการดำเนินงาน

ฝ่ายสนับสนุน มองว่า อปพร. เป็นพลังอาสาสมัครที่มีคุณค่าต่อสังคม โดยเฉพาะในช่วงเวลาวิกฤต อปพร. สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว และมีความใกล้ชิดกับประชาชนในชุมชน จึงสามารถดำเนินการช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ซึ่งแตกต่างจากหน่วยงานภาครัฐที่อาจใช้เวลานานกว่าในการจัดกำลังลงพื้นที่

ขณะที่ฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ ชี้ว่า การบริหารจัดการ อปพร. ในหลายพื้นที่ยังขาดระบบสนับสนุนด้านงบประมาณและอุปกรณ์ปฏิบัติงานที่เพียงพอ ทำให้อาสาสมัครต้องใช้ทรัพยากรส่วนตัวในการปฏิบัติภารกิจ รวมถึงบางพื้นที่ยังขาดการฝึกอบรมต่อเนื่อง ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการช่วยเหลือประชาชนลดลง

ข้อเสนอจากทั้งสองฝ่ายสะท้อนถึงความจำเป็นในการจัดสรรทรัพยากรอย่างเหมาะสม ควบคู่ไปกับการวางแผนพัฒนาศักยภาพของ อปพร. ให้ทันสมัยและมีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้นในระยะยาว

สถิติและข้อมูลอ้างอิง

  • จำนวนสมาชิก อปพร. ทั่วประเทศ: 1.2 ล้านคน
    ที่มา: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย, รายงานประจำปี พ.ศ. 2566
  • จำนวนสมาชิก อปพร. จังหวัดเชียงราย: ประมาณ 7,500 คน
    ที่มา: ศูนย์ อปพร. จังหวัดเชียงราย, สถิติ ณ วันที่ 1 มีนาคม 2568
  • ระยะเวลาดำเนินงานของ อปพร. ทั่วประเทศ: มากกว่า 46 ปี
    ที่มา: พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 และแก้ไขเพิ่มเติม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย  / ศูนย์ อปพร. จังหวัดเชียงราย / กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลนครเชียงรายพ่นละอองน้ำ ดักฝุ่นหลังน้ำท่วม สู้ PM2.5

เทศบาลนครเชียงรายเร่งสร้างละอองน้ำลดฝุ่น PM2.5 และฟื้นฟูหลังอุทกภัย

มาตรการเร่งด่วนเพื่อสุขภาพประชาชนและสิ่งแวดล้อมในเขตเทศบาล

เชียงราย, 7 มีนาคม 2568 – เทศบาลนครเชียงราย นำโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย และ นายธเนศ โกมลธง รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วยข้าราชการ เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ภาคีเครือข่าย และโรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊ค นำโดย นายแพทย์ณัฐชัย เครือจักร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊ค ได้ร่วมกันดำเนินมาตรการ พ่นละอองน้ำในเขตเทศบาลนครเชียงราย เพื่อลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมหลังอุทกภัยที่เพิ่งผ่านพ้นไป

แนวทางปฏิบัติและพื้นที่ดำเนินการ

มาตรการพ่นละอองน้ำของเทศบาลนครเชียงรายครอบคลุมพื้นที่ที่มีปัญหาฝุ่นละอองและได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยในช่วงเช้าได้มีการ ล้างถนนและดูดโคลนเลน ตามถนนสายหลักในเขตเมืองเชียงราย จากนั้นได้ดำเนินการพ่นละอองน้ำในจุดสำคัญ ได้แก่:

  • ถนนสิงหไคล (หน้ารพ.โอเวอร์บรุ๊ค)
  • บริเวณอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช
  • สวนตุงและโคมนครเชียงราย

นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายพื้นที่การพ่นละอองน้ำไปยังจุดที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่น และจุดที่มีค่าฝุ่นละออง PM2.5 สูง เพื่อให้มาตรการนี้สามารถช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วัตถุประสงค์ของโครงการพ่นละอองน้ำ

นายแพทย์ณัฐชัย เครือจักร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊ค กล่าวว่า การดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นการส่งเสริมสุขภาพของประชาชนโดยตรง เพราะฝุ่น PM2.5 เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจและโรคหัวใจ อีกทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

นอกจากประโยชน์ด้านสุขภาพแล้ว มาตรการพ่นละอองน้ำยังช่วย บรรเทาความร้อนในช่วงฤดูร้อน ทำให้ประชาชนรู้สึกสบายขึ้น และช่วยลดอุณหภูมิในเขตเมืองเชียงราย ซึ่งได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน

การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า: ถังน้ำจากภารกิจช่วยเหลืออุทกภัย

หนึ่งในแนวทางที่เทศบาลนครเชียงรายนำมาใช้คือการ ปรับใช้ถังน้ำขนาดใหญ่ที่เคยนำไปช่วยเหลือประชาชนในช่วงประสบอุทกภัย โดยนำกลับมาบรรจุน้ำสะอาดเพื่อใช้ในการพ่นละอองน้ำ ซึ่งช่วยลดการสิ้นเปลืองทรัพยากรและเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงาน

สถิติและข้อมูลเกี่ยวกับฝุ่น PM2.5 และผลกระทบต่อสุขภาพ

จากรายงานของ กรมควบคุมมลพิษ พบว่า จังหวัดเชียงรายเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุดในภาคเหนือ โดยในช่วงเดือนมีนาคม ค่าฝุ่น PM2.5 มีค่าเฉลี่ยสูงกว่า 80 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้ที่ 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

จากสถิติของ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ระบุว่า จำนวนผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นกว่า 35% ในช่วงเดือนที่มีค่าฝุ่น PM2.5 สูง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)

เสียงสะท้อนจากประชาชนต่อมาตรการพ่นละอองน้ำ

ฝ่ายสนับสนุนมาตรการ: ชาวเชียงรายหลายคนเห็นด้วยกับมาตรการพ่นละอองน้ำ โดยให้ความเห็นว่าเป็นแนวทางที่สามารถช่วยลดฝุ่นได้ในระยะสั้น และช่วยให้สภาพอากาศดีขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีผู้สัญจรและชุมชนหนาแน่น

นายสมพงษ์ ชาวเชียงราย ให้ความเห็นว่า พ่นละอองน้ำช่วยให้หายใจโล่งขึ้น ลดฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศ รู้สึกดีขึ้นเวลาขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านจุดที่มีการพ่นน้ำ”

ฝ่ายที่มีข้อกังวล: บางกลุ่มมองว่ามาตรการพ่นละอองน้ำเป็นเพียงการแก้ปัญหาชั่วคราวและไม่สามารถแก้ไขต้นเหตุของปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้อย่างถาวร โดยเฉพาะปัญหาหมอกควันจากการเผาป่าและการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศหลักของภาคเหนือ

นางสาวปรียานุช นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การพ่นละอองน้ำช่วยลดฝุ่นได้ชั่วคราว แต่ต้นเหตุของปัญหามาจากการเผาป่าและการเผาเศษวัสดุการเกษตร หากไม่แก้ไขที่ต้นตอ ปัญหาฝุ่น PM2.5 ก็จะกลับมาเหมือนเดิม”

แนวทางเพิ่มเติมในการจัดการปัญหาฝุ่น PM2.5

นักวิชาการและหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมเสนอว่า ควรมี มาตรการควบคุมการเผาในที่โล่ง และ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีลดควันในการเกษตร เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ การติดตั้ง เครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ในพื้นที่สาธารณะ และ การใช้รถบรรทุกน้ำฉีดพ่นถนนในพื้นที่ที่มีฝุ่นสะสมสูง ก็เป็นอีกทางเลือกที่ควรได้รับการพิจารณา

สรุป

มาตรการพ่นละอองน้ำของเทศบาลนครเชียงรายถือเป็นแนวทางเร่งด่วนที่สามารถช่วย ลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ ได้ในระยะสั้น และช่วยฟื้นฟูสภาพแวดล้อมหลังอุทกภัย อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนของมาตรการดังกล่าว และความจำเป็นในการจัดการต้นตอของปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างจริงจัง

ในระยะยาว การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อสร้างแนวทางที่สามารถลดฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย-ฮิโรชิมา จับมือ! แลกเปลี่ยนพัฒนาเมือง ยกระดับคุณภาพชีวิต

เชียงรายจับมือฮิโรชิมา แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน

พัฒนาเมืองแบบยั่งยืน สานต่อความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น

เชียงราย, 1 มีนาคม 2568 – คณะผู้แทนจากสมาคมมิตรภาพไทย-ฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับเทศบาลนครเชียงราย จัดประชุมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการพัฒนาเมือง การศึกษา และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อส่งเสริมแนวทางการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่นเพื่อการพัฒนาเมือง

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2568 เทศบาลนครเชียงราย นำโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมคณะผู้บริหาร ข้าราชการ ผู้อำนวยการโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครเชียงราย ได้ร่วมต้อนรับคณะผู้แทนจากสมาคมมิตรภาพไทย-ฮิโรชิมา นำโดย นายอะคึซึมิ ซูซูกิ นายกสมาคมมิตรภาพไทย-ฮิโรชิมา พร้อมด้วยคณะนักวิชาการจาก สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งมี รองศาสตราจารย์ ดร.อนุชาติ ศรีศิริวัฒน์ รองเลขาธิการ และ คุณจุไร ชำนาญ ประธานกรรมการประสานงานส่วนภูมิภาคภาค 9 เข้าร่วมประชุม

แนวทางความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเมืองเชียงราย

การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับแนวทางพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน โดยมีหัวข้อหลักที่ให้ความสำคัญ ได้แก่:

  1. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเมืองอย่างยั่งยืน
    • การปรับปรุงระบบขนส่งมวลชนให้มีประสิทธิภาพ
    • การพัฒนาพื้นที่สีเขียวและการบริหารจัดการขยะ
    • แนวทางลดมลพิษและส่งเสริมพลังงานสะอาด
  2. การยกระดับคุณภาพการศึกษา
    • การพัฒนาหลักสูตรที่เน้นทักษะอนาคต
    • การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอน
    • ความร่วมมือระหว่างโรงเรียนไทยและญี่ปุ่นในการแลกเปลี่ยนครูและนักเรียน
  3. การพัฒนาเศรษฐกิจและส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชน
    • ส่งเสริมธุรกิจท้องถิ่นและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
    • การฝึกอบรมแรงงานให้มีทักษะที่ตรงกับความต้องการของตลาด
    • การส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในเชียงรายให้สามารถแข่งขันในตลาดสากล
  4. การบริหารจัดการเมืองโดยใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ (Smart City)
    • การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาบริหารจัดการเมือง
    • ระบบข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
    • แนวทางป้องกันภัยพิบัติและการจัดการภาวะฉุกเฉิน

ผลกระทบและความคาดหวังจากความร่วมมือครั้งนี้

ความร่วมมือระหว่างเทศบาลนครเชียงรายและสมาคมมิตรภาพไทย-ฮิโรชิมา ถือเป็นก้าวสำคัญในการนำแนวปฏิบัติที่ดีจากประเทศญี่ปุ่นมาปรับใช้ในการพัฒนาเมืองเชียงราย โดยคาดหวังว่าการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในครั้งนี้จะเป็นต้นแบบให้กับชุมชนอื่น ๆ ในประเทศไทย

ข้อคิดเห็นจากสองมุมมอง

  • ฝ่ายที่สนับสนุน: มองว่าความร่วมมือนี้เป็นโอกาสที่ดีในการเรียนรู้แนวทางพัฒนาเมืองจากประเทศที่มีประสบการณ์อย่างญี่ปุ่น ซึ่งจะช่วยให้เชียงรายสามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเศรษฐกิจของเมืองได้อย่างยั่งยืน
  • ฝ่ายที่กังวล: มีความเห็นว่าการนำแนวทางจากต่างประเทศมาปรับใช้อาจต้องพิจารณาความเหมาะสมกับบริบทของท้องถิ่น และต้องมีการศึกษาให้รอบคอบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนในพื้นที่

สถิติที่เกี่ยวข้องกับข่าว

จากข้อมูลของ สำนักงานสถิติแห่งชาติ และ กระทรวงมหาดไทย พบว่า:

  • เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุดอันดับ 5 ของภาคเหนือในปี 2567
  • อัตราการพัฒนาทางการศึกษาในเขตเทศบาลนครเชียงรายเพิ่มขึ้น 12% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
  • ประชาชนในเขตเมืองเชียงรายมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น โดย 78% ของประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนสูงขึ้นจากปีก่อน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานสถิติแห่งชาติ / กระทรวงมหาดไทย / สมาคมมิตรภาพไทย-ฮิโรชิมา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ไฟไหม้บ้านนักสะสมเครื่องเสียง ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจนหลักฐาน

เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงไหม้บ้านที่เชียงราย ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 เวลา 12.46 น. ศูนย์สั่งการบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครเชียงราย ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านในบริเวณถนนวัดใหม่ หน้าค่าย ซอย 3 เขตเทศบาลนครเชียงราย โดยมีรายงานว่าไฟกำลังลุกไหม้ภายในบ้าน และควันพวยพุ่งขึ้นบนท้องฟ้า ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่มีบ้านชั้นเดียวอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว

นายธเนศ โกมลธง รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้มอบหมายให้ พ.จ.อ.ณัฏฐศรันย์ อินแสนสืบ หัวหน้าสำนักปลัด และนายประพันธ์ ช่างแก้ว หัวหน้าฝ่ายปกครอง จัดกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครเชียงราย พร้อมด้วยรถดับเพลิงและรถน้ำ พร้อมออกไปยังจุดเกิดเหตุในทันที

การเข้าระงับเหตุครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก พ.อ. สิงหนาท โลสุยะ เสธ.มทบ.37/เสธ.ศบภ.มทบ.37 ซึ่งได้นำรถบรรทุกน้ำขนาด 6000 ลิตรจำนวน 2 คัน และรถดับเพลิงขนาด 4,500 ลิตรจำนวน 1 คัน มุ่งหน้าไปยังที่เกิดเหตุเพื่อช่วยระงับเหตุไฟไหม้ในทันที โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการควบคุมเพลิงในวงจำกัด

รายละเอียดเหตุการณ์และการปฏิบัติการดับเพลิง

จากการสำรวจที่เกิดเหตุพบว่าเป็นบ้านชั้นเดียวที่มีไฟกำลังโหมลุกไหม้ภายในบ้าน และมีควันพวยพุ่งออกมาจากตัวบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการเปิดประตูม้วนด้านหน้าเพื่อเข้าถึงพื้นที่ที่เกิดเพลิงไหม้ และทำการควบคุมเพลิงในวงจำกัด การดำเนินการนี้ได้รับการสนับสนุนจากรถดูดโคลนที่มีน้ำแรงดันสูง ซึ่งช่วยสนับสนุนการดับไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เมืองเชียงราย ได้เข้ามาช่วยปิดกั้นการจราจรบริเวณจุดเกิดเพลิงไหม้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว การปิดกั้นการจราจรช่วยให้การเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุทำได้อย่างไม่มีอุปสรรค

ผลการปฏิบัติและความเสียหาย

จากการปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้สำเร็จเมื่อเวลา 13.30 น. โดยไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่ทรัพย์สินในบ้านได้รับความเสียหายอย่างหนัก รวมถึงตัวบ้านและโครงสร้างหลังคาของบ้านด้วย โดยเบื้องต้นทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นของ นายอภิรมย์ ยาวิชัย อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านและบ้านเลขที่ 172/2 หมู่ 2 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย แต่ในขณะเกิดเหตุ เจ้าของบ้านไม่ได้อยู่ในบ้าน

สาเหตุและการตรวจสอบ

ทรัพย์สินที่เสียหายในบ้านส่วนใหญ่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า เช่น เครื่องเสียงและเครื่องเล่นเทป เนื่องจากเจ้าของบ้านเป็นนักสะสมของเก่าที่รักในสิ่งเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจภูธรเชียงราย เพื่อทำการตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ต่อไป

บทสรุป

เหตุการณ์เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นในเขตเทศบาลนครเชียงรายนี้ได้รับการควบคุมอย่างรวดเร็วโดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตในระหว่างเหตุการณ์ ทรัพย์สินที่เสียหายถูกประเมินว่าได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าและโครงสร้างของบ้าน ขณะนี้การตรวจสอบสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ยังคงดำเนินการอยู่ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์นี้.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มอบแว่นสายตาดีแก้ปัญหานักเรียนมองไม่ชัด เชียงราย 2568

สปสช.-เทศบาลนครเชียงราย มอบแว่นสายตาดี แก้ปัญหาการมองเห็นในนักเรียนม.ต้น

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 ณ หอประชุมพญามังราย โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. พร้อมด้วย ทพญ.ปาริชาติ ลุนทา ผอ.กลุ่ม สปสช. เขต 1 เชียงใหม่ ร่วมพิธีมอบแว่นสายตาดีใน โครงการแก้ไขปัญหาการมองเห็นไม่ชัดในนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ในสังกัดเทศบาลนครเชียงราย ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมี ดร.วันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย เป็นประธานในงาน

โครงการแก้ปัญหาสายตาผิดปกติในนักเรียน

ดร.วันชัย เปิดเผยว่า โครงการนี้ดำเนินการตามนโยบายของ สปสช. ที่มอบสิทธิประโยชน์ “แว่นตาสำหรับเด็กที่มีภาวะสายตาผิดปกติ” ภายใต้สิทธิสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เพื่อให้เด็กอายุ 3-15 ปี มีการมองเห็นที่ชัดเจน อันเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเรียนรู้

โครงการแก้ไขปัญหาการมองเห็นไม่ชัดในนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนเทศบาล 5 เด่นห้า และโรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย ได้ตรวจคัดกรองนักเรียนจำนวน 2,435 คน พบความผิดปกติของสายตา 737 ราย (ร้อยละ 30.27)

  • โรงเรียนเทศบาล 5 เด่นห้า: 120 คน (เลนส์สต๊อก 115 คน เลนส์แล็บ 5 คน)
  • โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย: 619 คน (เลนส์สต๊อก 599 คน เลนส์แล็บ 18 คน)

งบประมาณและเป้าหมายโครงการ

การตัดแว่นสายตาในโครงการนี้ใช้งบประมาณจากกองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลนครเชียงราย โดยตั้งเป้าหมายให้เด็กนักเรียนทุกคนที่มีปัญหาสายตาได้รับแว่นสายตาเพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต

ทพ.อรรถพร กล่าวว่า การมอบแว่นสายตาให้กับนักเรียนในปีนี้ถือเป็นของขวัญวันเด็ก (11 มกราคม 2568) ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนที่มีปัญหาสายตา สามารถเรียนรู้และใช้ชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น

ผลกระทบต่อการศึกษาและการพัฒนาเด็ก

ทพ.อรรถพร กล่าวเพิ่มเติมว่า การมีสายตาที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญในช่วงพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก หากสายตาไม่ดีจะส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้และพัฒนาการ

ดร.วันชัย ย้ำว่า เทศบาลนครเชียงรายมุ่งมั่นผลักดันให้เป็น “นครแห่งการศึกษา” ตั้งแต่ปี 2542 โดยมีโรงเรียนในสังกัดทั้งหมด 8 แห่ง มีนักเรียนรวมกว่า 8,000 คน โครงการนี้จึงเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ช่วยสนับสนุนวิสัยทัศน์ดังกล่าว

ขยายโอกาสให้ท้องถิ่นอื่น

ทพ.อรรถพร เชิญชวนท้องถิ่นที่ต้องการดำเนินโครงการคัดกรองและตัดแว่นสายตาให้เด็กและผู้สูงอายุ สามารถเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุน กปท. ที่ สปสช. ร่วมอุดหนุนได้ทุกปี

“การช่วยให้กลุ่มเด็กและผู้สูงอายุมีสายตาที่ดีขึ้น เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่สำคัญ โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในช่วงพัฒนาการเรียนรู้” ทพ.อรรถพร กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ฟื้นฟูลำน้ำกรณ์-หนองแสนตอ เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อเชียงรายยั่งยืน

เทศบาลนครเชียงรายเดินหน้าโครงการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานสีฟ้าและสีเขียว ลำน้ำกรณ์ หนองแสนตอ

เชียงราย – เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย นำทีมดำเนินโครงการฟื้นฟู “โครงสร้างพื้นฐานสีฟ้าและสีเขียว ลำน้ำกรณ์ บริเวณหนองแสนตอ” ในเขตเทศบาลนครเชียงราย โดยมีเป้าหมายพัฒนาเมืองสู่ความยั่งยืน พร้อมสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้ชีวิต สร้างงาน และเพิ่มรายได้ให้กับคนรุ่นใหม่ รวมถึงส่งเสริมการจัดการน้ำและเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ

การพัฒนาลำน้ำกรณ์ หนองแสนตอ: จุดมุ่งหมายเพื่อความยั่งยืน

โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) โดยมีผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายเข้าร่วม เช่น

  • นายภัคเกษม ธงชัย เจ้าหน้าที่แผนงานด้านน้ำและพื้นที่ชุ่มน้ำ
  • ดร.ภัทรียา สวนรัตนชัย หัวหน้าแผนงานประเทศไทย
  • คุณระวี ถาวร เจ้าหน้าที่รีคอฟ (แผนงานประเทศไทย)
  • นายฐปนันท์ จิระวิชิตชัย เจ้าหน้าที่ประสานงานโครงการจังหวัดเชียงราย

แนวคิด “โครงสร้างพื้นฐานสีฟ้าและสีเขียว”

แนวคิดนี้ผสานการจัดการน้ำและพื้นที่สีเขียวเข้าด้วยกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายหลายด้าน ได้แก่

  • ลดความเสี่ยงจากน้ำท่วม
  • ปรับปรุงคุณภาพน้ำ
  • เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อประโยชน์ของชุมชน

ลำน้ำกรณ์และหนองแสนตอถือเป็นแหล่งน้ำสำคัญในเขตเทศบาลนครเชียงราย โครงการนี้มุ่งเน้นการปรับปรุงคุณภาพน้ำ การจัดการน้ำฝน และการพัฒนาพื้นที่สีเขียวเพื่อเชื่อมโยงกับชุมชน สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

องค์ประกอบสำคัญในการฟื้นฟูพื้นที่สีฟ้าและสีเขียว

1.การพัฒนาสวนสาธารณะและป่าสมัยใหม่

  • สร้างพื้นที่สีเขียวที่ตอบโจทย์ทุกวัย
  • เลือกใช้พืชพื้นเมืองที่เหมาะสมเพื่อลดการใช้น้ำและการดูแลรักษา
  • เพิ่มเส้นทางเดินและวิ่งเพื่อออกกำลังกาย

2.การฟื้นฟูธรรมชาติและการสร้างระบบนิเวศสมดุล

  • จำลองระบบนิเวศป่าธรรมชาติ
  • หนองแสนตอมีความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น นกกว่า 45 ชนิด และพืชพรรณ 40 ชนิด

3.การออกแบบพื้นที่อย่างยั่งยืน (Sustainable Design)

  • เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
  • พัฒนาพื้นที่ให้เอื้อต่อการใช้งานในชุมชน

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

โครงการนี้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาเมืองยั่งยืน (Smart City) ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว ลดผลกระทบจากน้ำท่วม และสร้างรายได้ให้ชุมชน การอนุรักษ์ธรรมชาติในหนองแสนตอจะช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้สมดุล ส่งเสริมสุขภาพกายและจิตใจของประชาชน และช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการอยู่อาศัยในระยะยาว

นายกเทศมนตรีนครเชียงรายกล่าวว่า “โครงการนี้เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเมืองเชียงรายให้เป็นเมืองที่ยั่งยืน โดยเน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติและการมีส่วนร่วมของชุมชน”

บทบาทของ IUCN และการสนับสนุนโครงการ

IUCN ได้ประสานความร่วมมือกับเทศบาลนครเชียงราย เพื่อขับเคลื่อนการฟื้นฟูพื้นที่ลุ่มน้ำกรณ์ หนองแสนตอ พร้อมให้คำปรึกษาด้านเทคนิค และผลักดันการสร้างพื้นที่ที่มีคุณภาพชีวิตสูงและสมดุลกับธรรมชาติ

โครงการ “โครงสร้างพื้นฐานสีฟ้าและสีเขียว ลำน้ำกรณ์ หนองแสนตอ” นี้เป็นต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืนที่สามารถขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศไทย เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน และเป็นตัวอย่างของความสำเร็จในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในระดับชุมชน.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายจัดงานลอยกระทง ลอยสะเปา ล่องนที สะหลียี่เป็ง สืบสานวัฒนธรรม

เทศบาลนครเชียงรายเตรียมพร้อมจัดงานลอยกระทง “ลอยสะเปา ล่องนที สะหลียี่เป็ง” สืบสานประเพณีท้องถิ่น กระตุ้นการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา เทศบาลนครเชียงรายได้ประกาศจัดงาน ประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567 ภายใต้แนวคิด “ลอยสะเปา ล่องนที สะหลียี่เป็ง” โดยมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2567 ณ สวนสาธารณะริมน้ำกก (ฝั่งหมิ่น) เพื่อสืบสานและอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวเชียงราย พร้อมกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่

เน้นความปลอดภัยและรักษาสิ่งแวดล้อม

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า เทศบาลได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ในการจัดงานครั้งนี้ โดยเน้นการ รักษาความปลอดภัย และการ ควบคุมมาตรการด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถร่วมงานได้อย่างปลอดภัยและสบายใจ นอกจากนี้ยังได้จัดทำความสะอาดพื้นที่สวนสาธารณะและริมน้ำกก พร้อมตรวจสอบระบบไฟฟ้าและไฟส่องสว่าง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยสำหรับผู้เข้าร่วมงาน

กำหนดการจัดกิจกรรม

งานลอยกระทงปีนี้จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน โดยมีกิจกรรมที่หลากหลายให้ประชาชนได้เข้าร่วม ดังนี้:

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567

  • เวลา 17.00 น. เริ่มกิจกรรม ลอยสะเปา ล่องนที สะหลียี่เป็ง ณ วิหารวัดฝั่งหมิ่น
  • เวลา 18.30 น. พิธีเปิดโครงการจัดงานประเพณีลอยกระทง ณ สวนสาธารณะริมน้ำกก (ฝั่งหมิ่น)
  • เวลา 19.00 น. การประกวด หนูน้อยนพมาศ และการแสดงศิลปะวัฒนธรรมจากโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครเชียงราย

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2567

  • เวลา 17.00 น. เริ่มกิจกรรมลอยกระทง
  • เวลา 18.00 น. การประกวด กระทงใหญ่ ณ สวนสาธารณะริมน้ำกก (ฝั่งหมิ่น)
  • เวลา 19.00 น. การประกวด เทพีนพมาศ และการแสดงจากศิลปินชื่อดัง เต็นท์ พิชญา ยอดแสง และแพรว รัตนาพร นอสูงเนิน พร้อมด้วยวงดนตรีจากวิทยาลัยเทคนิคเชียงราย

กิจกรรมพิเศษ: ประกวดคลิปสั้นส่งเสริมการท่องเที่ยว

เทศบาลนครเชียงรายยังได้จัดกิจกรรม ประกวดคลิปวิดีโอสั้น ภายใต้หัวข้อ “แอ่วลอยกระทง ฮิมน้ำกก” โดยให้ประชาชนส่งผลงานความยาว 60-180 วินาทีเข้าร่วมประกวด เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างสรรค์กิจกรรมที่น่าสนใจ ผลงานที่ชนะจะได้รับ เงินรางวัล ดังนี้:

  • รางวัลที่ 1: 10,000 บาท
  • รางวัลที่ 2: 7,000 บาท
  • รางวัลที่ 3: 5,000 บาท
  • รางวัลที่ 4: 3,000 บาท
  • รางวัลที่ 5: 2,000 บาท
  • รางวัลชมเชย 5 รางวัล รางวัลละ 1,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร

ผู้ที่สนใจสามารถสมัครและส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 โดยปิดรับผลงานในเวลา 16.00 น.

ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและกระตุ้นเศรษฐกิจ

งานลอยกระทงในปีนี้ นอกจากจะเป็นการสืบสานวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวเชียงรายแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาเยี่ยมชมงานลอยกระทงที่จัดขึ้นอย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการจำหน่ายสินค้าและของฝากจากชุมชน ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เสริมในช่วงเทศกาล

มาตรการรักษาความปลอดภัยและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

เทศบาลนครเชียงรายได้วางแผนการจัดการเพื่อ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การเก็บขยะและกำจัดขยะหลังจบงาน โดยเน้นให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวใช้ กระทงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น กระทงจากใบตองหรือวัสดุธรรมชาติ เพื่อลดขยะพลาสติกและปกป้องแม่น้ำกกให้คงความสวยงาม

เทศบาลยังเน้นการ จัดระเบียบการจราจรและการจัดพื้นที่จอดรถ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวกและปลอดภัย โดยมีการจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยตลอดงาน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ฟื้นฟูสวนริมน้ำกก คืนพื้นที่ สวยงามให้ชุมชนชาวเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 เทศบาลนครเชียงรายได้จัดกิจกรรมระดมกำลังฟื้นฟูสวนสาธารณะริมน้ำกก โดยมี นายธเนศ โกมลธง รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย เป็นผู้แทนของ นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ร่วมกับคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล (สท.) เจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลายหน่วยงาน รวมถึงประชาชนในพื้นที่ชุมชนร่องเสือเต้น ชุมชนฝั่งหมิ่น และชุมชนป่าแดง ร่วมกันทำความสะอาดและฟื้นฟูสวนสาธารณะริมแม่น้ำกกให้กลับมาสะอาดและสวยงามอีกครั้ง หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ภารกิจหลัก: ฟื้นฟูลู่วิ่งและเส้นทางสัญจรริมแม่น้ำ

กิจกรรมการฟื้นฟูครั้งนี้ครอบคลุมระยะทางกว่า 1.6 กิโลเมตร โดยแบ่งออกเป็น 3 โซนหลักตามความเสียหายของพื้นที่ ได้แก่

  1. โซนแรก: ทำความสะอาดพื้นที่ตั้งแต่สะพานข้ามแม่น้ำกกตลอดทั้งเส้นทาง พร้อมเคลียร์ลู่วิ่งด้านบนและด้านล่าง
  2. โซนที่สอง: ฟื้นฟูลู่วิ่ง-ลู่เดินบริเวณด้านบนของสวนสาธารณะ โดยใช้เครื่องจักรขนาดเล็กและกำลังคนในการขนย้ายดินโคลนที่ทับถมบนเส้นทาง
  3. โซนที่สาม: เก็บกวาดเศษดินและต้นไม้ที่ล้มทับกันอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำ โดยเฉพาะในจุดที่มีต้นไม้ใหญ่ขวางทาง ซึ่งต้องใช้เครื่องจักรหนักเข้ามาช่วยเคลื่อนย้าย
ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เสริมกำลังฟื้นฟูพื้นที่

นอกจากทีมเจ้าหน้าที่จากเทศบาลนครเชียงรายแล้ว การฟื้นฟูครั้งนี้ยังได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน เช่น ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจภูธรเมืองเชียงราย และตำรวจตระเวนชายแดนกองร้อย 327 รวมถึงเจ้าหน้าที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจาก 37 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรเข้ามาช่วยเหลือการฟื้นฟูอย่างเต็มกำลัง เพื่อเร่งฟื้นฟูสวนสาธารณะริมกกให้กลับมาเปิดให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างรวดเร็ว

“การทำความสะอาดลู่วิ่งและเส้นทางสัญจรในสวนสาธารณะนี้เป็นการฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ และช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ที่มาใช้บริการในอนาคต” นายธเนศ โกมลธง กล่าว

เครื่องจักรและกำลังคนแบ่งงานเป็นโซน เสริมประสิทธิภาพการฟื้นฟู

เครื่องจักรต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในครั้งนี้ ได้แก่ รถแบคโฮ รถขุดขนาดเล็ก และรถบรรทุก สำหรับการขนย้ายดินโคลนและซากต้นไม้ที่ล้มทับกันอยู่ นอกจากนี้ ยังมีการใช้ เครื่องตัดกิ่งไม้และเลื่อยไฟฟ้า ในการจัดการกับต้นไม้ใหญ่ที่ขวางทางเดิน และเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อขจัดคราบสกปรกบนลู่วิ่งและพื้นผิวถนน การทำงานของแต่ละหน่วยจะแบ่งตามโซนและมีหัวหน้าควบคุมการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การทำความสะอาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมทุกจุด

การทำงานร่วมกันของชุมชน สร้างความสามัคคีและความสุข

บรรยากาศการฟื้นฟูเต็มไปด้วยความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงอาสาสมัครที่มาจากชุมชนต่าง ๆ ทุกคนช่วยกันทำความสะอาดอย่างขยันขันแข็ง ทั้งการกวาดดิน ขนย้ายเศษซาก และเก็บขยะริมฝั่งน้ำ ซึ่งนอกจากจะช่วยทำให้สวนสาธารณะกลับมาสะอาดแล้ว ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีในชุมชนและเสริมสร้างความสามัคคีในหมู่ประชาชนอีกด้วย

“ทุกคนที่มาร่วมงานวันนี้ต่างมีความตั้งใจที่จะช่วยฟื้นฟูสวนสาธารณะให้กลับมาสวยงามอีกครั้ง และเราจะทำให้สวนแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่น่าใช้งานทั้งสำหรับคนในชุมชนและนักท่องเที่ยว” นายธเนศกล่าวเสริม

บทสรุป: คืนความสวยงามให้สวนสาธารณะ ฟื้นฟูเมืองเชียงราย

การฟื้นฟูสวนสาธารณะริมน้ำกกครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นที่ดีในการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำท่วม ซึ่งนอกจากจะช่วยคืนความสวยงามให้กับเมืองเชียงรายแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ เทศบาลนครเชียงรายจะยังคงดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป เพื่อให้เมืองเชียงรายกลับมามีความสวยงามและพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ชาวป่าแดงร่วมมือเทศบาล ล้างถนนคืนความสะอาดชุมชน

 

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 เวลา 06.00 น. ที่ชุมชนป่าแดง อ.เมือง จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่เทศบาลนครเชียงรายนำโดย นางนัยนา อินทจักร์ รักษาการหัวหน้าสำนักปลัดเทศบาลนครเชียงราย พร้อมทีมงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รับมอบหมายจาก นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ให้ลงพื้นที่ร่วมกับประชาชนชุมชนป่าแดง เพื่อทำความสะอาดถนนและพื้นที่สาธารณะที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

น้ำท่วมทิ้งคราบโคลนและสิ่งปนเปื้อน สร้างความเดือดร้อนให้ชุมชน

จากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งล่าสุด น้ำที่ไหลผ่านชุมชนป่าแดงได้พัดพาเอา ดิน โคลน และเศษซากต่าง ๆ มาทิ้งไว้บนถนน ทำให้เกิดคราบสกปรกจำนวนมาก ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะและมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ การลงพื้นที่ในครั้งนี้จึงมุ่งเน้นไปที่การ ล้างทำความสะอาดถนน ขจัดคราบดินโคลน และกำจัดสิ่งปนเปื้อน เพื่อคืนความสะอาดและความปลอดภัยให้กับประชาชนในชุมชน

การทำความสะอาดร่วมกัน สร้างความสามัคคีในชุมชน

กิจกรรมทำความสะอาดครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การฟื้นฟูสภาพแวดล้อม แต่ยังเป็นการสร้างความสามัคคีและความร่วมมือระหว่าง เจ้าหน้าที่เทศบาลและประชาชนในพื้นที่ โดยมีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ มาร่วมกันทำความสะอาดอย่างขยันขันแข็ง ตั้งแต่การกวาดถนน ฉีดน้ำล้างพื้น และขนย้ายเศษซากที่ปนเปื้อนไปทิ้งในจุดทิ้งขยะที่เตรียมไว้

“การร่วมแรงร่วมใจกันทำความสะอาดในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ถนนในชุมชนกลับมาสะอาดอีกครั้ง แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนบ้านและเจ้าหน้าที่อีกด้วย” นางนัยนา อินทจักร์ กล่าวพร้อมรอยยิ้ม โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการร่วมกันดูแลพื้นที่สาธารณะ เพื่อให้ชุมชนกลับมาเป็นสถานที่ที่น่าอยู่อีกครั้ง

กิจกรรมทำความสะอาด ส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิต

การทำความสะอาดครั้งนี้ยังมีเป้าหมายในการ ลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรค โดยเฉพาะโรคที่อาจมากับน้ำและสิ่งสกปรก เช่น โรคน้ำกัดเท้า โรคผิวหนัง รวมถึงการป้องกันสัตว์มีพิษต่าง ๆ ที่อาจซ่อนตัวในเศษซากดินโคลน ทั้งนี้ ทางเทศบาลได้จัดเตรียม น้ำยาฆ่าเชื้อและน้ำยาดับกลิ่น เพื่อล้างถนนและพื้นที่สาธารณะ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุขและปลอดภัย

เทศบาลนครเชียงรายยืนยัน พร้อมดูแลชุมชนอย่างต่อเนื่อง

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้ออกมายืนยันว่า ทางเทศบาลจะไม่หยุดเพียงแค่การทำความสะอาดถนนในครั้งนี้ แต่ยังมีแผนที่จะฟื้นฟูพื้นที่ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้การสนับสนุนอุปกรณ์ทำความสะอาดและความช่วยเหลือต่าง ๆ แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

“ความปลอดภัยและสุขอนามัยของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เราจึงพร้อมให้การสนับสนุนและอยู่เคียงข้างพี่น้องชาวเชียงรายทุกคนจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ” นายวันชัยกล่าวเสริม พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมแรงร่วมใจกันในครั้งนี้

บทสรุป: คืนความสะอาด สร้างความสามัคคี ชุมชนป่าแดงน่าอยู่

การล้างถนนและทำความสะอาดพื้นที่ในครั้งนี้ไม่เพียงแค่ช่วยให้ชุมชนป่าแดงกลับมาสะอาด แต่ยังส่งเสริมให้ประชาชนเกิดความร่วมมือกันในการดูแลพื้นที่สาธารณะ และสร้างความสามัคคีให้กับชุมชนอีกด้วย ทั้งนี้ทางเทศบาลนครเชียงรายยังคงมีแผนการฟื้นฟูชุมชนและการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ชาวบ้านสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณภาพต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลนครเชียงรายจัด Big Cleaning ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำท่วม คืนความสุขชุมชน

 

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เทศบาลนครเชียงรายได้จัดกิจกรรม “Big Cleaning” เพื่อฟื้นฟูเมืองเชียงรายและคืนความสุขให้กับประชาชน หลังประสบปัญหาน้ำท่วมและฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของตัวเมือง โดยกิจกรรมนี้จัดขึ้นภายใต้การนำของ นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ซึ่งมอบหมายให้ ดร.ปรีชา อนุรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครเชียงราย เข้าร่วมปฏิบัติการทำความสะอาดครั้งใหญ่ ร่วมกับพระอาจารย์เอกชัย สิริญาโณ เจ้าอาวาสวัดใหม่ศรีร่มเย็น ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย และจิตอาสาชาวเชียงรายจำนวนมาก

กิจกรรมครั้งนี้เริ่มต้นจากบริเวณสี่แยกสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย ยาวไปจนถึงขัวพญามังราย ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญของตัวเมือง โดยมีการแบ่งหน้าที่การทำความสะอาดในแต่ละจุด เพื่อให้ทุกพื้นที่ได้รับการปรับปรุงและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมอย่างทั่วถึง ทั้งนี้ ทีมงานและจิตอาสาได้ช่วยกันเก็บกวาดขยะ ฉีดล้างทำความสะอาดพื้นถนน ตัดแต่งกิ่งไม้ รวมถึงจัดการสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ที่เกิดจากน้ำท่วมขัง ทำให้สภาพถนนและพื้นที่สาธารณะกลับมาสะอาดและน่าใช้งานอีกครั้ง

พระอาจารย์เอกชัย สิริญาโณ ซึ่งได้ร่วมลงพื้นที่ทำความสะอาดด้วยตนเอง ได้กล่าวให้กำลังใจผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคน พร้อมทั้งย้ำถึงความสำคัญของการมีจิตสาธารณะและการร่วมมือร่วมใจของคนในชุมชนเพื่อฟื้นฟูเมืองให้กลับมาสวยงามเช่นเดิม พระอาจารย์ยังได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่ทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อให้ชุมชนกลับมาเป็นระเบียบเรียบร้อยในเวลาอันรวดเร็ว

ดร.ปรีชา อนุรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย เปิดเผยว่า หลังจากเกิดน้ำท่วมหนักในพื้นที่เมืองเชียงราย หลายพื้นที่ได้รับความเสียหาย ทั้งถนน ตรอกซอกซอย และพื้นที่สาธารณะต่าง ๆ การจัดกิจกรรม “Big Cleaning” ในครั้งนี้ จึงมีเป้าหมายหลักเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย และทำให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอย่างรวดเร็วที่สุด โดยนอกจากการทำความสะอาดถนนและสถานที่สาธารณะแล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลชุมชนและร่วมกันรักษาความสะอาดของพื้นที่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง

ในระหว่างการดำเนินกิจกรรม เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บกวาดขยะ เศษดิน โคลน และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ตกค้างจากการเกิดน้ำท่วม พร้อมทั้งมีการติดตั้งป้ายแจ้งเตือนประชาชนเกี่ยวกับจุดเสี่ยงน้ำท่วมในพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์น้ำท่วมในอนาคต กิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งครั้งนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการจัดหารถฉีดน้ำแรงดันสูง เครื่องมือทำความสะอาด และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครบถ้วน

ดร.ปรีชา อนุรักษ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “เทศบาลนครเชียงรายมีความตั้งใจที่จะทำให้เมืองเชียงรายกลับมามีสภาพแวดล้อมที่ดีเหมือนเดิม และขอขอบคุณประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ ถือเป็นการแสดงพลังความสามัคคีที่ดีของชุมชนเชียงราย เพราะนอกจากจะเป็นการทำความสะอาดและฟื้นฟูพื้นที่แล้ว ยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบให้สามารถก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน”

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาจังหวัดเชียงรายเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมในหลายอำเภอ เนื่องจากฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำในแม่น้ำสายหลักและคลองย่อยเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดน้ำเอ่อท่วมบ้านเรือน พื้นที่เกษตรกรรม และโครงสร้างพื้นฐานในหลายจุด ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง การฟื้นฟูสภาพแวดล้อมจึงมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อให้ชุมชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

กิจกรรม “Big Cleaning” ในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของเทศบาลนครเชียงรายที่มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดและปลอดภัยให้กับชุมชน โดยทางเทศบาลได้วางแผนจัดกิจกรรมทำความสะอาดและฟื้นฟูในพื้นที่อื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ในตัวเมืองเชียงราย แต่รวมถึงเขตชุมชนใกล้เคียงด้วย

เทศบาลยังได้ประกาศเชิญชวนประชาชนทุกคนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลและรักษาพื้นที่สาธารณะในชุมชนของตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เมืองเชียงรายมีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น โดยขอให้ติดตามประกาศกิจกรรมครั้งต่อไปจากทางเทศบาลนครเชียงรายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย และมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับเมืองเชียงรายร่วมกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News